#Re2love •14
“พี่พุฒิกำลังมีความรักงั้นเหรอ?”
คนถูกทักสะดุ้งโหยงทำตาหลุกหลิกยิ่งทำให้คนในสายซึ่งโทรวิดีโอจากทางไกลผ่านแท็ปเล็ตต้องหรี่ตามอง สายตาจ้องจับผิดของน้องสาวนั่นทำเอาพุฒิอยู่ไม่สุขนัก
“แปลกๆ นะ”
“แปลกอะไร?”
พุฒิหลุบตามองต่ำ
“พี่พุฒิ”
“อะ อะไร”
“ต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่งั้นพี่พุฒิไม่ยิ้มหน้าบานขนาดนี้หรอก”
พุฒิผวาลูบหน้าลูบตาตัวเองดูขบขัน
“นั่นแน่”
ฝ่ายนั้นยิ้มล้อ “แสดงว่ามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นสินะ”
“ก็เปล่า”
พ่อลูกหนึ่งเกาหัวแกรกๆ
“โอ๊ะ! คริส ลีโอ” พุฒิร้องทักหลานหลานแฝดที่วิ่งโผล่หน้าเข้ามาในกล้องด้วย นั่นเลยทำให้ความสนใจของพิมพ์หันเหไปจากพุฒิทันที
“อังเคิลพูทท”
เจ้าแฝดทักทายพุฒิเสียงเจี๊ยวจ๊าว
“ไอมิสยูโซมัส”
“เช่นกันนะครับกู๊ดบอย”
“อังเคิลๆ แล้วพิกเล็ตยัวร์บอยล่ะ”
เจ้าแฝดคนน้องพูดอังกฤษปนไทยได้อย่างน่ารักน่าหยิก
“น้องยังไม่ตื่นเลยครับ”
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ที่เจ้าหมูยังนอนน้ำลายยืดอยู่บนเตียง ขณะที่อีกซีกโลกเป็นเวลาดึกดื่นแล้วสังเกตได้จากชุดนอนของเจ้าแฝดที่สวมใส่อยู่คาดว่าเด็กๆ คงมากู๊ดไนท์คิสน้องสาวเขาก่อนจะเข้านอน
“ว้า”
เจ้าแฝดคนพี่ทำหน้าเสียดาย
“ไปนอนได้แล้วเด็กๆ”
น้องเขาสาวหอมเหม่งเจ้าแฝดทีละคนก่อนจะตบตูดแล้วไล่ไปนอน พุฒิยิ้มขำกับท่าทางทะลึ่งทะเล้นของเจ้าแฝดที่เดินส่ายก้นกวนมารดา พ่อลูกหนึ่งทันได้เห็นน้องเขยชายต่างชาติเดินเข้ากล้องมาพอดี เจ้านั่นเอ่ยทักทายเขาก่อนจะต้อนเด็กๆ ไปเข้านอน
“แล้วเราไม่ง่วงบ้างรึไงยัยพิมพ์”
พุฒิเอ่ยทักน้องสาวที่ยังไม่มีท่าทางว่าจะเข้านอน
“อย่ามาเนียนพี่พุฒิ พิมพ์ยังไม่ได้คำตอบเรื่องที่พี่ยิ้มหน้าบานขนาดนี้เลย”
“ยังอุตส่าห์จำได้อีก”
พุฒิบ่นในลำคอ
“พิมพ์”
ขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์อึกอักนั้นพอดีคุณพรรณีซึ่งตื่นเช้าเป็นกิจวัตรเดินเข้ามาทักพอดี พุฒิแอบถอนหายใจ กะจะหาทางชิ่งเมื่อเห็นมารดาทำท่าจะคุยติดพันอยู่กับน้องสาว
“พี่พุฒินี่ความลับเยอะชะมัด”
ฝ่ายนั้นยู่หน้าใส่จนคุณพรรณีเธออมยิ้ม
“ความลับอะไรกันเล่า พิมพ์นี่พูดอะไรเรื่อยเปื่อย”
พุฒิโคลงศีรษะเพราะจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีโอกาสที่จะชิ่งสักที
“พิมพ์อยากรู้อะไรล่ะถามแม่สิ”
คุณพรรณีพูดยิ้มๆ
“จริงสิ” ฝ่ายนั้นตาโต “แม่ว่าช่วงนี้พี่พุฒิแปลกๆ มั้ยคะ พิมพ์สังเกตเห็นนั่งยิ้มเหมือนคนเมายามาตั้งหลายวันแล้ว”
มารดาเขาหัวเราะร่วน
“คงกำลังมีความรักน่ะพิมพ์”
“แม่..”
พุฒิโอดครวญ
“นั่นไง”
พิมพ์สีหน้าล้อเลียนเขา
“ว่าแต่สาวสวยคนนั้นคือใครน้อ?”
พุฒิเผลอสบสายตากับมารดาแล้วฝ่ายหลังแค่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
“ใครว่าสาวสวยกันล่ะพิมพ์”
“เอ๋! แม่พูดอะไรเนี่ยพิมพ์ไม่เห็นเข้าใจ”
“หนุ่มหล่อ”
“คะแม่?”
“หนุ่มหล่อล่ำบึกต่างหากล่ะพิมพ์คนที่มาเขย่าหัวใจพี่ชายเรา”
น้องสาวเขาอ้าปากหวอเมื่อคุณพรรณียักคิ้วให้
“ที่สำคัญตาพุฒิกินเด็กซะด้วย”
“แม่”
พุฒิครางอย่างหมดแรง
“ให้ตายเถอะพี่พุฒิ”
พิมพ์เปลี่ยนท่าทางตกอกตกใจเป็นปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ
“พี่นี่ร้ายชะมัด”
พุฒิอ้าปากพะงาบๆ ได้แต่ยืนทึ้งหัวตัวเองเมื่อทั้งมารดาและน้องสาวต่างร่วมกันหัวเราะผสมโรงใส่เขา
“พิมพ์ว่าแล้วอย่างพี่พุฒิน่ะ มีแฟนเป็นผู้ชายถึงจะเวิร์ค”
อยากจะบ้าตาย!
พ่อลูกหนึ่งเดินใจลอยขึ้นบันได้มาชั้นสองทันทีหลังจากที่ปล่อยให้มารดาและน้องสาวได้คุยกันต่อ พุฒิคล้ายคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลังจากที่โดยไซโคจนหลุดปากบอกออกไปว่ากำลังคบหากับหนุ่มร่นน้องบ้านข้างกัน สงสัยว่าปฏิกิริยาทางร่างกายเขาคงจะช้าไปหน่อยถึงได้เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าว ก็พอดีกับที่โทรศัพท์ในมือดังขึ้นั่นแหละ
Rome : ตื่นรึยังพี่?
Daddy_Put : ตื่นแล้ว
Rome : คิดถึงจัง
พุฒิหน้าร้อนผ่าวอีกรอบเมื่อเห็นข้อความในโปรแกรมแชทที่อีกฝ่ายส่งมาให้แต่เช้าตรู่
Rome : เขินอยู่ล่ะสิ อ่านแล้วไม่ตอบแบบนี้ หายเขินแล้วตอบกลับด้วยนะครับ
สุดท้ายพุฒิกดส่งสติกเกอร์ไปมั่วๆ แล้วรีบเก็บโทรศัพท์มือไม้สั่น
“กิ้วๆ”
พุฒิสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ เจ้าหมูซึ่งนอนกลับหัวกลับหางอยู่กลางเตียงละเมอผุดลุกขึ้นชี้ไม้ชี้มือมาทางเขาก่อนจะหงายหลังล้มตึงนอนหลับเช่นเดิม พุฒิทำตาปริบๆ แล้วขำพรืดออกมา
“เจ้าหมูเอ๊ย”
ชายหนุ่มสอดตัวเข้าในผ้าห่มพื้นเดียวกับลูกน้อยก่อนจะขยับไปหอมเหม่งน้อยๆ นั่นอย่างสุขใจ
มีความสุขจังเลย พุฒิยิ้มกว้างนึกถึงสติกเกอร์ที่กดส่งไปนั่น
สติกเกอร์ว่ามีข้อความว่า “คิดถึงมากกว่า”
เขินโว้ย
★ ☆★ ☆★ ☆
วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ลูกค้าค่อนข้างแน่นร้าน ‘ขนมหวานบ้านคุณพรรณี’ เนื่องจากเป็นวันหยุดที่ลูกค้ามีเวลาว่างพาครอบครัวออกมาเที่ยวนอกบ้าน ก่อนหน้านี้ที่เปิดใหม่ๆ มีลูกค้าขาจรซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนลูกค้าประจำมีบ้างประปราย แต่หลังจากเปิดได้ไม่นานมีคำชมบ้างต่อปากถึงความอร่อย ตั้งแต่นั้นมาทุกเสาร์อาทิตย์แบบนี้คนจึงแวะเวียนมาชิมกันไม่ขาดสาย บวกกับบรรยากาศคาเฟ่ขนมไทยแนวอาร์ตๆ นี่ยิ่งทำให้คนที่แวะมาชิมติดใจบรรยากาศ
พุฒิปาดเหงื่อออกจากหน้าผากตอนที่ผละออกมาหลังร้านเนื่องจากเวลาบ่ายแก่ๆ เช่นนี้คนเริ่มซาแล้วบ้าง พ่อลูกหนึ่งจึงเยี่ยมหน้าเข้ามาดูลูกชายที่วันนี้มีเพื่อนคู่หูแวะมาเล่นด้วยถึงที่ร้าน พุฒิยืนยิ้มมองพิกเล็ตกับไตตั้นสุมหัวมุงดูอะไรสักอย่าง คิ้วน้อยๆ นั่นขมวดมุ่นดูเหมือนเคร่งเครียดกับอะไรสักอย่าง จนอดสงสัยไม่ได้จึงค่อยๆ ย่องเข้าไปสังเกตการณ์
“หัวซินเดอเรลล่าหายไปอ่า”
พิกเล็ตทำหน้ามู่ทู่
“นั่นสิไตตั้นก็ไม่เห็น พิกเล็ตแอบกินไปรึเปล่าอ่ะ”
“ไม่ใช่ๆ”
เจ้าหมูส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ
“มันกินไม่ได้ซะหน่อย”
“ก็เมื่อกี้พิกเล็ตบ่นหิวนี่”
“เราไม่ได้กินหัวซินเดอเรลล่านะ”
“ก็ได้ๆ”
ไตตั้นยอมแพ้ทันทีเพราะพิกเล็ตเบ้ปากใส่
“อาพุฒิฮะ”
ไตตั้นร้องทักตอนที่พุฒินั่งยองๆ ใกล้กับเจ้าหมูแล้วเขี่ยเอาเลโก้ชิ้นหนึ่งซึ่งพิกเล็ตนั่งทับอยู่และชิ้นนั้นคือส่วนหัวที่กำลังตามหากันอยู่
“โอ๊ะ”
“เจอแล้วๆ”
พุฒิเลยหยิบมันไปประกอบร่างได้อย่างพอดิบพอดี ทั้งคู่ตบมือแปะๆ อย่างชอบใจ
“เสร็จแล้ว”
พิกเล็ตตาเป็นประกายตอนที่ลูบๆ คลำๆ เลโก้ตัวซินเดอเรลล่าในชุดเต้นรำหน้าประสาทกับเจ้าชายบนรถม้าที่เสร็จสมบูรณ์
“เก่งทั้งคู่เลยครับ”
ชายหนุ่มลูบศีรษะเด็กทั้งคู่เบาๆ
“สวยอ่า”
“พิกเล็ตชอบเหรอ?”
“อื้ม ชอบมากเลย”
เจ้าหมูพยักหน้าหงึกหงักรับคำ
“ถ้าพิกเล็ตชอบซิลเดอเรลล่า เราจะเป็นเจ้าชายให้นะ”
เดี๋ยวนะ!
พุฒิหูผึ่งทันทีมองเห็นเด็กน้อยที่พูดออกไปอย่างไร้เดียงสา
“โตขึ้นพิกเล็ตเป็นเจ้าสาวเรานะ”
หา!
“เจ้าสาวคืออะไร แล้วได้กินขนมทุกวันมั้ยอ่า?”
“ได้สิ เดี๋ยวเราบอกป้าแม่บ้านทำให้ทุกวันเลย”
“จริงเหรอ”
พิกเล็ตตาเป็นประกาย “งั้นเป็นก็ได้ เราเป็นเจ้าสาวให้ไตตั้นก็ได้ แต่ไตตั้นต้องเลี้ยงขนมเราเยอะๆ นะ”
“ได้เลยๆ”
ไตตั้นตาเป็นประกายตอนที่จ้องมองพิกเล็ต ก่อนที่เด็กน้อยจะหันมายิ้มให้พุฒิตาหยี เล่นเอาพ่อลูกหนึ่งได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“แต่เป็นซินเดอเรลล่าต้องมีรองเท้าแก้วนะ จะได้ตามหาถูก”
“อ่า” พิกเล็ตทำหน้าขบคิด “ไม่เป็นไรเรามีขนมปังหน้าหมู”
ว่าแล้วก็ชูของกินในมือขึ้นโชว์
“หา?”
ไตตั้นทำหน้างงไม่เข้าใจ
“ก็ตามหาเราได้จากขนมปังหน้าหมูสิ”
ไตตั้นส่ายหัวไปมาไม่เข้าใจอยู่ดี ต่างจากเจ้าหมูที่มองของกินตาวาว
พุฒิยิ้มขำ
โธ่! เจ้าเด็กแก่แดดพวกนี้
.
.
พุฒิกลับออกมาข้างนอกอีกรอบ ครั้งนี้เห็นว่ามีลูกค้าคนคุ้นเคยพร้อมด้วยกลุ่มคนสนิทอีกสามคนนั่งหน้าสลอนละเลียดขนมถั่วแปบไส้กุ้งอาหารว่างแบบโบราณกับน้ำตะไคร้ใบเตย ท่าทางแต่ละคนดูหิวโหยกันไม่น้อย
ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปทักพอดีกับที่เจ้าตัวหัวหน้านั่นผินใบหน้ามาทางนี้พอดี ดวงตาคู่คมนั่นจับจองเขานิ่งๆ แล้วขยับปากเป็นเชิงเรียกเบาๆ ท่าทางแบบนั้นเล่นเอาคนมีอายุแข้งขาพาลจะเป๋โดยไม่รู้ตัว
“มาถึงนานแล้วเหรอ”
พุฒิเอ่ยถามพยายามไม่มองใบหน้าลูกค้าคนคุ้นเคยที่ยิ้มเสียกว้างเมื่อเขาเดินเข้าไปหา
“สักพักแล้วครับ ผมมองหาพี่ตั้งนาน”
“ถ้าไม่เกรงใจ ผมว่าพี่โฬมเข้าไปตามพี่ถึงหลังร้านแล้ว”
เจ้าเก่งเอ่ยแซวโดยมีเพื่อนๆ อีกสองคนเป็นลูกคู่ให้
“ฮื่อ”
พุฒิกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม “มาเหนื่อยๆ หิวกันรึเปล่า เมื่อเช้ามีกับข้าวเหลือในตู้เย็นนะเดี๋ยวพี่ไปอุ่นให้”
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งครับพี่พุฒิ”
เจ้าทิวรีบตอบรับทันที พุฒิเลยยิ้มอ่อนให้ก่อนจะผละออกมาโดยมีใครบางคนเดินตามกันมาติดๆ เรียกเสียงโห่แซวของรุ่นน้องทันที นั่นแสดงว่าพวกนั้นคงจะรู้เรื่องเขากับโฬมมาไม่น้อย ก็จะไม่ให้พวกนั้นรู้ได้ยังไงในเมื่อพักนี้หากมีเวลาทีไรโฬมมักมาคลุกอยู่กับเขาเป็นประจำ ไม่ยากเลยที่จะสามารถตามตัวโฬมได้จากที่บ้านเขาไม่ก็ที่ร้านคาเฟ่นี้
พุฒิพยายามไม่สนใจเสียงแซวนั่น เขาพยายามกลั้นยิ้มทั้งที่ดูยากลำบาก แต่จะให้คนที่เดินตามหลังมานี่รู้ไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นคงโดนล้อเลียนให้ได้อายแน่ๆ
“มีแกงส้ม ต้มจืดกับหมูทอดนะ”
พุฒิเอ่ยขัดทำลายบรรยากาศที่ดูเงียบสงบภายในห้องครัวหลังร้าน ชายหนุ่มหยิบจับกับข้าวในที่แช่อยู่ในตู้เย็นมาเทใส่ถ้วยชามพลาสติกที่ทนความร้อนโดยเฉพาะแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ
“อ๊ะ”
จังหวะที่จะก้าวถอยหลังก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อสัมผัสได้ถึงแผ่นหลังกว้างของใครบางคนที่ซ้อนทับกันอยู่
“เสร็จงานแล้วผมก็รีบมาหาพี่เลยนะ”
เสียงลมหายใจที่เป่ารดข้างหูชวนสยิวไม่น้อย
“คิดถึงจังครับ”
“ฮื่อ”
พุฒิเบี่ยงหน้าหนี
“ผมไม่อยู่สองวันมีคนมาจีบพี่รึเปล่า”
โฬมไปทำงานต่างจังหวัดกับรุ่นน้องตั้งแต่วันก่อน เจ้าตัวบอกกล่าวไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะกลับวันนี้และจะมาแวะที่นี่ด้วย พุฒิเลยจัดเตรียมอาหารไว้รอ
“มันจะมีที่ไหนกันเล่า ใครจะชอบคนแก่แบบพี่กัน”
“ผมไง”
บ้าเอ๊ย!
หัวใจเต้นแรงมากเลยให้ตายเถอะ
“พูดไปเรื่อย”
“พุดจริงต่างหาก”
“ไม่พูดด้วยแล้ว”
พุฒิย่นจมูกใส่คนที่ยืนซ้อนหลังก่อนจะขยับตัวหนีไปเตรียมจาน แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาร่างสูงนั้นก็เดินมาซ้อนหลังอีกครั้ง และครั้งนี้มือหนานั่นก็กอดรัดเขาจากด้านหลังอย่างแนบแน่น
“โฬม”
“ผมหิวจัง”
“หิวก็ปล่อยพี่ก่อน จะไปตั้งโต๊ะอาหารให้”
“หิว”
“ฬะ โฬม”
เสียงกระเส่าข้างใบหูเล่นเอาคนฟังใจสั่นไปหมด ริมฝีปากหนาค่อยไล่ดอมดมแถมต้นคอเขาแล้วลากไล้มาที่ใบหูก่อนจะงับติ่งหูพุฒิเบาๆ
“โฬมปล่อยพี่เถอะ”
มั่นใจว่าเสียงที่เปล่งออกไปเต็มแรงแต่ทำไมถึงรู้สึกว่ามันแผ่วเบาเกินไป
“หิวจังครับ”
“...”
“ขอกินหน่อยนะ”
ไม่รอให้อนุญาตด้วยซ้ำ พุฒิเหมือนคนอ่อนไหวเผลอเอนหลังซบกับอกแกร่ง เมื่อฟันคมของคนเจ้าเล่ห์ขบที่ต้นคอเบาๆ พ่อลูกหนึ่งสัมผัสได้ถึงขนอ่อนพากันลุกกราว ไม่ต่างจากหัวใจไหวแกว่งเหมือนแผ่นดินไหว
ต้นคอและติ่งหูเป็นจุดอ่อนของพุฒิ
โฬมรู้ดีว่าทำแบบนี้จะทำให้คนในอ้อมกอดไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน และสุดท้ายพุฒิก็ต้องเผลอไผลไปกับเขา...นั่นแหละที่ชายหนุ่มต้องการ โฬมพลิกตัวให้พุฒิหันมาเผชิญหน้ากัน ก่อนจะโน้มใบหน้าไปจรดริมฝีปากสีอ่อนและขบเม้มตามที่ใจปรารถนา
“อื้อโฬม”
“พี่นี่มันน่าขย้ำชะมัด”
โฬมพูดชิดริมฝีปากอีกฝ่าย
แกรก!
“อ๊ะ”
ป้องอ้าปากค้างเมื่อเปิดประตูหลังร้านเข้ามาผิดจังหวะ
“เอ่อ ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ตามสบายเลยนะครับ”
พุฒิตกใจหน้าตื่นเขาดิ้นขลุกขลิกให้หลุดจากอ้อมแขนโฬมจนหน้าดำหน้าแดง ต่างจากอีกคนที่ทำเฉยราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นซ้ำยังยิ้มเฉย
“ฮึ้ย!”
คนสูงวัยอดจะทุบอกอีกฝ่ายสักตุบไม่ได้จริงๆ
โฬมหัวเราะอ่อนๆ มองตามคนสูงวัยที่แก้เขินด้วยการทุบอกเขาจนเต็มแรงแล้วเดินตุปัดตุเป่ตามป้องออกไปติดๆ
.
.
“โอ๊ะ!”
พุฒิอุทานออกมาตอนที่เจ้าป้องซึ่งเดินนำหน้าอยู่หยุดชะงักปลายเท้าจนเขาเกือบเบรกไม่ทัน สีหน้าซีดเผือดของป้องนั่นสร้างความประหลาดใจให้เขาแล้ว แต่ชื่อที่หลุดออกมาจากริมฝีปากเจ้านั่นกลับสร้างความประหลาดใจให้เขายิ่งกว่า
“คุณบุศรินทร์”
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามออกไปว่าป้องรู้จักผู้หญิงตรงหน้านั่นได้ไง โฬมที่เดินตามเขาออกมาก็พูดชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง
“พี่บุศ”
ไม่แปลกใจที่โฬมจะรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่ที่น่าแปลกคือป้องรู้จักกับคุณบุศรินทร์? ซ้ำคุณบุศรินทร์คนนั้นยังทำท่าฉุดกระชากเจ้ากายจากสตูดิโอวาดภาพตรงหน้า
นี่มันอะไรกัน?
ภาพตรงหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเด็กหนุ่มนั่นสะบัดแขนจากการเกาะกุมของบุศรินทร์แล้วประกาศกร้าวว่า
“ผมเกลียดแม่!”
เสียงนั้นดังสนั่นไปทั่วดีว่าเป็นเวลาบ่ายกว่าที่สตูดิโอไม่มีเด็กนักเรียนแล้ว และร้านเขายังเริ่มซาคน พุฒิจับต้นชนปลายไม่ถูกกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของกาย
ว่าแต่เมื่อกี้กายเรียกบุศรินทร์ว่า “แม่” งั้นหรือ?
แม่!
นั่นหมายความว่ากายคือลูกชายของบุศรินทร์?
พุฒิสะดุดลมหายใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่กายสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของมารดาแล้วเดินหัวเสียออกมา ในใจที่เต็มไปด้วยโทสะทำให้เขามองทุกอย่างบิดเบี้ยวไปหมด ยกเว้นก็แต่ ‘มัน’ ซึ่งยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงหน้า กายเดินมาหยุดตรงหน้าป้องแล้วเปล่งเสียงลอดไรฟัน
“นี่ใช่มั้ย? เรื่องยุ่งยากที่มึงเคยพูดถึง”
ป้องไม่ตอบ เขาทำเพียงกลืนน้ำลายแล้วเบือนหน้าหนี
“โฬม”
พุฒิยืนนิ่งเมื่อบุศรินทร์หันมาเห็นโฬมแล้วโผเข้ากอดชายหนุ่มโดยไม่ทันตั้งตัว กายกำหมัดแน่นก่อนผละออกไปไม่รู้คิดเองรึเปล่าที่เขาเห็นกายจ้องหน้าโฬมแปลกๆ
พ่อลูกหนึ่งถอนหายใจมองคนโน้นทีคนนี้ด้วยความสับสนมึนงง ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเจ้ากายออกไป ไม่ใช่รู้สึกไม่พอใจที่ ‘อดีตคู่หมั้น’ ของโฬมกอดฝ่ายนั้นเสียแน่น เขาก็แค่เห็นว่าตอนนี้คนที่ไม่มีใครอย่างกาย น่าจะอยากมีใครสักคนให้ได้ระบาย
โฬมทำหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นพุฒิเดินตามเด็กนั่นออกไป แล้วทำหน้าเบื่อหน่ายกับคนตรงหน้า ชายหนุ่มค่อยๆ ผละออกจากรุ่นพี่สาวแล้วถอยหลังออกมา บุศรินทร์หน้าเสียแต่ยอมถอยออกแต่โดยดี
นี่มันเรื่องบ้าๆ อะไรกัน
แม้อยากจะสบถออกมา แต่โฬมแค่ยืนนิ่งมองบุศรินทร์พูดไปร่ำไห้ไปอย่างจนปัญญา
★ ☆★ ☆★ ☆
เม้นท์เป็นกำลังใจให้กันบ้างเด้อ
หวีดในทวิตติด #Re2love ด้วยนะจ๊ะ