ตอนที่ 32
กล้าหาญ
'พี่เซียน สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย'
'มึงโทรหากูด้วยเหรอ'
'ตอบคำถามผมก่อน'
'มึงโทรหากู'
'นี่'
'มึงโทรหากู!'
'โอ้ย จะบ้า'
'สอบเสร็จแล้ว เมื่อตะกี้นี้เอง'
'โอเค...ผมดำเนินตามแผนไปแล้วบ้างนิดหน่อย'
'บอกตามตรงในฐานะเทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์...กูไม่ชอบแผนมึงเลย'
'...'
'แม่งชวนพราวฝันออกเดตเนี่ยนะ!'
'พี่พูดเรื่องนี้กับผมเป็นแสนเป็นล้านครั้งแล้วนะ'
'ถ้ามีครั้งที่หนึ่งล้านเอ็ดกูก็จะโวยวายเหมือนเดิม'
'ไม่ทันแล้วครับพี่ ผมนัดเธอออกมาในอีกสองวัน'
'แปลว่า...'
'ถ้าพี่อยากช่วยผมล่ะก็...พี่ต้องเข้ากรุงเทพฯ กับ...'
'ไป!'
'...ผม เฮ้ย พี่ตอบเร็วจัง'
'ก็บอกแล้วไงว่าจะจีบมึง มึงอยู่ไหนกูก็อยากอยู่นั่น'
'...'
'ฮั่นแน่ะ ทำเป็นเขิน'
'ผมต้องวางแล้ว'
'แล้วกูจะไปกรุงเทพฯ กับมึงยังไง'
'เดี๋ยวไปรับถึงหน้าหอเลย'
'เฮ้ย บ้า จะดีเหรอ กูเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ'
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
'วางเร็วฉิบ ไอ้เด็กจีบยากเอ๊ย'
ผมสอบมิดเทอมเสร็จแล้ว...
บอกได้เลยคำเดียวว่าผมนั้นจะตายเสียให้ได้
แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆ นั่นก็ต้องมาจากเนื้อหาความรู้ที่มากมายมหาศาลแต่ผมดันอ่านเอาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วัน เรียกได้ว่าอัดเข้าไปในสมองจนแทบล้นทะลัก ตอนเข้าไปสอบจริงๆ ก็เลยสติแตก จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็อย่างน้อยก็น่าจะทำได้มากกว่า 70%...ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ
ส่วนสาเหตุรอง...มันมาจากนายท่านแฟนของผม ผู้ที่ใช้คำว่าแฟนคุ้มที่สุดในโลกทั้งๆ ที่เราคบกันยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ
มันทำยังไงน่ะเหรอครับ มัน...มัน...มันเห็นผมเป็นอุปกรณ์คลายเครียดน่ะสิ!
เราอ่านหนังสือกันอย่างจริงจัง ไม่มีสิ่งอื่นใดรบกวนจนกระทั่ง...
'กล้า...มานี่หน่อยสิ'
ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันคือประโยคกับดัก ผมเอียงตัวเข้าไปหามันทั้งตัวโดยใช้มันเป็นเตียง ก่อนจะหยิบชีทขึ้นมาอ่านไปด้วย...มันเป็นท่าที่สบายจนผมรู้สึกง่วงงุน เกือบจะหลับอยู่แล้ว ถ้านายท่านมันไม่เริ่มใช้ริมฝีปากนัวเนียใบหูของผม
'ไม่เอาเว้ย...อ่านหนังสือไม่ทัน' ผมรีบร้องบอก เพราะรู้ดีว่าสัมผัสเหล่านี้จะนำไปสู่อะไร
'กูเครียด ได้นัวเนียกับมึงแล้วหายเครียด' เสียงแม่งกระเส่าเย้ายวนผมเหลือเกิน
แบบนี้ก็มีว่ะ... 'มันดีเว้ยท่าน มัน..ดี' เสียงของผมตกร่องไปเพราะเริ่มเคลิ้มกับการขยับของริมฝีปากของมัน 'แต่มันก็กินเวลา เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะ'
'มันจะใช้เวลานานสักเท่าไหร่กัน'
'อ่านหนังสือน่ะเหรอ ก็ประมาณ...'
'ไม่ กูหมายถึงเรื่องนี้...' มือเรียวของมันเริ่มสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นของผม...นิ้วมือของมันสัมผัสถูกเป้ากางเกงของผมพร้อมกับลูบไปมา
โอย...ตายห่า
ที่แท้มันก็เรียกให้ผมมาเป็นเป้านิ่งในการถูกลวนลาม
'ท่าน...ไม่เอา' ผมพยายามดึงมือมันออกไปจากส่วนล่อแหลม แต่มือของผมมันก็อ่อนระโหยโรงแรงอย่างน่าสมเพช
'กล้าน้อยดูจะไม่เห็นด้วยนะ'
'มันเห็นด้วยคงแปลก...แม่งตื่นทุกครั้งที่มึงอยู่ใกล้เกินหนึ่งเมตร'
'หนึ่งเมตรเหรอ...น้อยจังวะ'
มือของนายท่านออกแรงหนักไปกับส่วนนั้นของผม...ผมหายใจกระตุกและก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความต้องการของตัวเอง
'ของกูนี่ตื่นตั้งแต่เห็นหน้ามึงไกลหนึ่งร้อยเมตรอ่ะ'
ยอมแพ้เลย...
นั่นคือจุดเริ่มต้นของอาการปวดตัวของผมครับ...นายท่านมันจะสะกิดผมทุกครั้งที่มันเห็นว่าการอ่านหนังสือเรียนนั้นน่าเบื่อหรือกินแรงมันมากเกินไป มันมักจะหาเหตุผลหรือข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อให้ผมยอม บางครั้งผมก็ทำใจแข็งปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาออดอ้อนของนายท่าน...ผมก็แพ้ทางมันทุกที
และนี่คือสารพัดเหตุผลที่มันยกมาอ้างในเวลาที่มันสะกิดผมครับ บางอันก็เชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง...สารพัดจะอ้าง
'มึงอยากใส่ขาสั้นเอง'
'ก็วันนี้มึงใส่เสื้อกล้าม'
'กูบอกแล้ว...กูเครียด'
'ถ้ามึงเครียดมึงก็มาระบายกับกูก็ได้นะ...ระบายบนตัวกูเนี่ย ทำได้ทุกท่า เอ๊ย ทุกอย่าง'
'ช่วยไม่ได้ ก็ตอนมึงมีสมาธิมึงเซ็กซี่นี่'
'กล้า...ท่านอยากอีกแล้วง่ะ'
'ถ้าได้ทำกับมึง...กูได้เอแน่เลย นะๆๆ มาช่วยให้กูได้เกรดเอ'
'คัมม่อน เบ่บี๋...Come here (ตบเตียง)'
''ที่รัก ที่รักคร้าบ'
บอกเลยว่าเป็นช่วงเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่ผมปวดตัวอย่างมาก...ดีนะที่แม่งรับผิดชอบ คอยหาอะไรอร่อยๆ มาให้ผมกิน ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ก่อนสอบนั้นอยู่ที่มอกับที่ห้อง ไปเรียนแล้วก็กลับมาอ่านหนังสือ ฉะนั้นผมจึงไม่มีเวลาที่จะมาสนใจคอมเมนต์ลบๆ ในโลกโซเชียลหรือแม้กระทั่งสายตาของคนอื่นที่มองผม
กลับกลายเป็นว่าผมกับนายท่านเคยชินที่จะเป็นเป้าสายตา เราใช้ชีวิตกันอย่างปกติตามคำแนะนำของคุณแม่นายหญิง...จะว่าไปผมก็ได้คุยกับท่านมากขึ้นครับ ท่านเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด...ชอบทักไลน์มาถามผมว่านายท่านเป็นยังไงบ้าง ขยันอ่านหนังสือมั้ย ตั้งใจเรียนบ้างหรือเปล่า...มันเลยทำให้ผมรู้สึกแฮปปี้เป็นอย่างมาก
เพราะผมกำลังมีความสุข ผมจึงทำข้อสอบได้มากกว่า 70% สาบานได้ว่าถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นกับผม ผมคงสอบได้น้อยกว่านี้มาก ดีไม่ดีอาจไม่ถึง 30% ด้วยซ้ำ
อย่าลืมสิครับว่าผมกับเพื่อนแม่งชอบปรึกษาหารือกันในห้องเรียนระหว่างที่อาจารย์กำลังสอนจะตาย
และแล้วในที่สุด...วันนี้ก็มาถึงครับ วันที่ผมจะเข้าไปหาคุณแม่นายหญิงอย่างที่ผมเคยลั่นวาจาเอาไว้
หากจะถามว่าทำไมถึงช้า...ทำไมถึงไม่รีบไปก่อนหน้านี้ ผมมีเหตุผลหลายอย่างก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องที่ผมเป็นนักศึกษาฟูลไทม์ (โดดเรียนเมื่อไหร่...พี่สาวคงฆ่าผมตาย) ยุ่งทั้งเรื่องยุ่งทั้งเรื่องของการปรับตัวเมื่อเป็นแฟนของนายท่าน ลากยาวจนมาถึงเรื่องที่ผมได้รับผลกระทบเมื่อเปิดตัวว่ามีแฟนเป็นใคร...นอกจากจะมีเรื่องที่ผมไม่มีเวลาแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังไม่สามารถขจัดออกไปได้สักที
นั่นคือ...ผมกลัว
เชิญต่อว่าผมว่าผมป๊อดได้เลย ผมไม่มีอะไรจะเถียง ผมกลัวว่าคุณแม่นายหญิงท่านจะเล่นแง่อะไรกับผมอีก จากนั้นก็ลงท้ายอีหรอบเดิมเหมือนคราวที่แล้วนั่นก็คือผมต้องเลิกกับนายท่าน...ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมทนไม่ได้แน่ๆ
ฉะนั้นผมจึงต้องใช้เวลารวบรวมกำลังใจ ปรับตัวเข้าหานายท่าน ทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนนอกเพื่อที่จะได้ยืนอยู่ต่อหน้าคุณแม่นายหญิงอย่างมั่นคงและก็ไม่หวั่นเกรงอะไรใดๆ อีก
มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ
"มองถนนสิ" ผมเตือนสตินายท่านเพราะรู้ว่ามันกำลังแอบมองผมขณะขับรถ "กูมีผู้หญิงที่ต้องดูแลอยู่บ้านตั้งสี่คนนะ..."
"กูแค่รู้สึกแปลกๆ" นายท่านมองไปที่ถนนข้างหน้าผ่านแว่นกันแดดที่โคตรเท่ของมัน ราคาก็แปรผันตรงกับความเท่นั่นแหละครับ (ผมแอบเสิร์ชกูเกิ้ลตะกี้...รุ่นนี้ราคาเกือบสองหมื่นแน่ะ)
"แปลกยังไงวะ"
"ดูมึง...แข็งแกร่งขึ้น"
"..."
"นึกถึงสมัยที่มึงเป็นหัวโจกคอยดูแลเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เลย"
"จริงเหรอ" นี่ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าผมเคยมีฟีลแบบนั้น "เอาแล้วโว้ย กล้าหาญบอยคนนั้นกลับมาแล้วว่ะ!"
"วิญญาณพี่หมูหันเข้าสิงมึงเหรอ"
"มึงกำลังพูดถึงคนที่โดนซีเคียวริตี้ตามจีบอยู่ใช่มั้ย"
เราสองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม
"ที่ผ่านมากล้าหาญบอยคนนั้นหายไปไหนล่ะ"
"หลบอยู่ในกระดอง กระดองที่อยู่ในกะลาอีกที"
"ตอนนี้เป็นไง"
"ใช้ตีนทุบกะลาจนแตกแล้วก็ออกมายืนอย่างสง่าผ่าเผย"
นายท่านหัวเราะการเปรียบเทียบของผม "พี่หมูหันสวัสดีครับ...ผมอยากได้แฟนผมคืน พี่ช่วยออกไปจากร่างของแฟนผมได้แล้ว"
"แม่ง กูเด็กน้อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ" ผมเกาศีรษะแก้เก้อ
"นึกว่ากล้าหาญบอยคนนั้นหายไปเพราะไปเป็นเมียคนอื่นซะอีก"
ดวงตาของผมหรี่มองนายท่านอย่างไม่ค่อยชอบใจ
"เฮ้อ...รถติดจัง เมื่อไหร่จะถึงน้า" มันจงใจเปลี่ยนเรื่อง
"ติดเหี้ยไร รถกำลังแล่นฉิวเลยเนี่ย"
"ฮ่าๆๆ"
อีกไม่นานคงจะถึงบ้านของนายท่านแล้ว ผมไม่ได้ถามข้อมูลจากปากของนายท่านเลยว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไง อยู่กันกี่คน น้องชายอยู่ครบมั้ย (ครับ...ผมเป็นห่วงกลัวนายกองมันจะไปโผล่ที่ชมพูทวีป) มีญาตินอกเหนือจากครอบครัวมาอยู่ด้วยในตอนนี้หรือเปล่า
ผมแค่อยากรับมือกับบ้านของนายท่านแบบที่ผมไม่รู้อะไรมาก่อน เพราะถ้าผมอยากปรับตัวเข้าหาบ้านมัน ผมต้องพร้อมรับในทุกๆ สถานการณ์
เป็นแฟนนายท่านไม่ได้ง่ายเหมือนเป็นแฟนลูกตาสีตาสาหรือลูกยายมียายมาเลย ให้ตายเถอะ...
ใช้เวลาอีกประมาณเกือบสองชั่วโมง...รถก็เริ่มที่จะเคลื่อนไปสู่ทางเข้าของบ้านอรุณกิตตินิวัฒน์ครับ ผมมองไปรอบๆ ทิศทางอย่างใจเต้นระรัว กลัวใจเหลือเกินว่าแม่นายท่านจะเปลี่ยนเป็นเกลียดผม แทนที่จะดีกับผมเหมือนอย่างในโทรศัพท์
ผมไม่เคยไว้ใจคุณแม่นายหญิงคนนี้เลย...ผมพูดตรงๆ
"เฮ้ย" นายท่านที่บังคับรถให้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในรั้วบ้านมองไปที่รถซึ่งตามหลังเรามา เป็นรถที่กำลังจะเข้ามาในรั้วบ้านของมันเหมือนกัน และคนขับก็กำลังคุยกับยามข้างหน้าอยู่ "คุณแม่มีปาร์ตี้ว่ะ"
"หา!"
ผมกำลังรู้สึกเหมือนเปิดกระดาษข้อสอบมาแล้วเจอโจทย์ปัญหาข้อแรกเป็นโจทย์แคลคูลัสที่คิดค้นโดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (?)...ผมยอมแพ้ โยนข้อสอบทิ้ง แล้ววิ่งหนีออกจากห้องสอบได้มั้ยเนี่ย
ดูจากสีหน้านายท่านที่เริ่มเป็นห่วงผมแล้ว...ผมคงไปไหนไม่ได้
บ้านของนายท่านนั้นใหญ่ตั้งแต่รั้วบ้านแล้วล่ะครับ ผมไม่อยากบรรยายให้เหนื่อยเพราะมันคือบ้านคน (โคตร) รวยทั่วๆ ไปที่มีลานหน้าบ้านกว้างเกือบเท่าสนามฟุตบอล รวมไปถึงโรงจอดรถที่จอดรถหรูเรียงกันเป็นสิบๆ คัน สิ่งแรกที่ผมเห็นทันทีที่รถนายท่านจอดสนิทก็คือเด็กในบ้านของนายท่านนี่แหละครับ มีประมาณสี่ห้าคนได้ ทุกคนเป็นผู้หญิงหมดและดูดีใจหนักหนาที่นายท่านกลับบ้านมา
ผมลงจากรถ...ยืนนิ่งๆ มองดูนายท่านส่งเสียงทักทายพี่ๆ พวกนั้นอย่างนอบน้อม
"คนนี้กล้าหาญครับ แฟนผม" นายท่านลากผมเข้าไป
ทุกคนทักทายผมอย่างเป็นมิตรและมีมารยาท วางตัวผมไว้เหมือนผมเป็นแขกของที่บ้าน ไม่มีใครส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามผมเลยแม้แต่น้อย
สายตาของผมไปสบตาเข้ากับสายตาคู่หนึ่งในบังเอิญ...นายพล อรุณกิตตินิวัฒน์กำลังยืนยิ้มมองดูผมอยู่
ใจผมเต้นแรงขึ้นมา...นายพลทำให้ผมนึกถึงนายท่านเมื่อสมัยตอนอยู่มัธยม ถึงแม้สองคนนี้จะไม่คล้ายกันมากเท่านายท่านกับนายกอง แต่ก็ยังมีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่ดี
"พี่กล้า หวัดดีครับ" นายพลยกมือไหว้ผมอย่างไม่ถือตัว เดินลงบันไดหน้าบ้านเพื่อเข้ามาทักทายผมกับนายท่าน เด็กในบ้านเริ่มกรูกันออกไปและก็ขนข้าวของของผมกับนายท่านออกไป
"ปาร์ตี้ห่าไรวะ" นายท่านโวยวายกับน้องคนรองทันที "กูบอกคุณแม่แล้วนะว่ากูกับกล้าจะมา"
"วันนี้วันครบรอบยี่สิบปีของค่ายเอสเอ็น..."
"งานใหญ่นี่" ผมถลึงตา...
"ปลื้มซะไม่มี" นายท่านเหลือบไปมองที่ด้านหลัง "คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ"
"คุณพ่อคุยกับเพื่อนชมรมหมากรุก...ส่วนคุณแม่กำลังเตรียมจัดงานอยู่ในห้องโถงนู่น"
บ้านแม่งมีห้องโถงด้วย...
"เดินทางมาเหนื่อยมั้ยครับ" นายพลหันมาถามผม
ผมรู้สึกเขินนายพลนิดหน่อยจึงสั่นหน้าเบาๆ "ก็...หมะ ไม่ค่อย"
"ไปหาคุณแม่กัน" นายท่านเตรียมจะลากผม...
"พี่ท่าน!"
ตัวอะไรไม่รู้ขาวๆ วิ่งเข้ามาใส่อ้อมแขนแฟนผม...กระเป๋าเป้ที่คนคนนี้ทำตกลงบนพื้นมีเด็กมาเก็บให้อย่างทันท่วงที
"ทำไมยังตัวเล็กอยู่เลย"
ขอแนะนำให้ท่านพบกับ...นายน้อย อรุณกิตตินิวัฒน์
"คุณแม่ไม่ยอมซื้อนมยี่ห้อโปรดให้...เซ็งมาก" นายน้อยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมด้วยดวงตาใสแจ๋ว "แฟนพี่ท่านเหรอครับ"
ผมทำตาโตใส่นายท่านทันที บอกความจริงกับเด็กหรือโกหกเด็กต่อไปดี...เอายังไง
"ใช่ครับ คนนี้ชื่อพี่กล้า เป็นแฟนพี่เอง"
นายท่านคุยกับนายน้อยเหมือนคุยกับเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ตัดภาพมาที่ตอนมันคุยกับนายพลกับนายกองสิ...แม่งเหมือนคุยกับพวกอันธพาลครองเมือง
ผมท่องเอาไว้ในใจ...หยาบกับนายพลและนายกองได้ แต่ห้ามหยาบกับนายน้อยเด็ดขาด
"พี่สูงกว่าผมไม่เท่าไหร่เอง" นายน้อยกระตือรือร้นที่จะสำรวจผมมาก
ผมหันไปยิ้มแห้งๆ ให้แฟน...ก่อนจะทำสายตาด่ามันเป็นเชิงบอกว่า 'มึงแอบสอนความกวนตีนให้น้องมึงเหรอ'
"เข้าไปในบ้านกันดีกว่าเนอะ" นายพลโอบไหล่น้องชายคนเล็ก "พี่กล้าจะมาอยู่กับเราสองสามวันด้วย"
"จริงง่ะ พี่กล้าอยู่แปลว่าพี่ท่านก็อยู่ด้วยใช่มั้ย"
"แน่นอนอยู่แล้ว" นายท่านตอบ
"ดีมากเลย อยู่กับพี่พลไม่สนุกเท่าอยู่กับพี่ท่าน"
"พี่น้อยใจนะแบบนี้" นายพลแสร้งทำหน้าน้อยใจ
"พี่กองก็ไม่ค่อยคุยกับผม"
"พี่กองเป็นพวกพูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจน่ะ" นายพลพยายามแก้ตัวให้น้องอีกคน
ดูจากดาวอังคารก็รู้ว่าบรรดาพี่ชายนั้นสปอยล์น้องชายคนเล็กขนาดหนัก...โชคดีที่นายน้อยเป็นเด็กน่ารัก ไม่ใช่เด็กที่โดนตามใจจนเสียนิสัย จะว่าไปผมก็รู้สึกเหมือนน้องเป็นเทวดาน้อยๆ ของบ้านเลยครับ
ดีไม่ดีอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ๆ อยู่บ้านหรือไม่ก็กลับบ้าน
"เอาไปเลยหนึ่งพันบาทครับพี่...ไม่ต้องทอน"
เสียงคุ้นหูผมทำเอาผมหันขวับไปมอง นายกองในชุดนักเรียนเพิ่งลงมาจากเบาะหลังรถของวินมอเตอร์ไซค์ มันทำหน้าดีใจทันทีที่เห็นผม
นายท่านเดินเข้าไปขวางตอนที่มันกำลังจะวิ่งเข้ามาหาผม
"จ่ายค่าวินหนึ่งพันบาทเนี่ยนะ"
นายกองกลอกตา "น้อยๆ หน่อย...นี่วินปากซอยหน้าบ้านเรา เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ลูกก็มีตั้งสามคน"
เป็นไงล่ะ...ยกนี้นายกองชนะนายท่านครับ
ผมหันไปมองรอบๆ ตัวผม...เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่น้องของนายท่านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ถ้าจะให้ผมพูดจริงๆ ล่ะก็...แม่งเหมือนแฝดสี่ที่มีขนาดตัวต่างกันและอยู่ในวัยต่างกันเป็นบ้า
ความหล่อวิ้งที่แทงตากูไปหมด...
"ผมเห็นที่คนอื่นด่าพี่แล้ว แม่งเหี้ยมาก" นายกองเริ่มฝอยกับผมทันที "ถ้าผมทำได้ ผมจะสั่งปิดเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์...และก็อินสตาแกรม"
"กอง มึงพูดยังไงก็ได้ให้กูรู้สึกเหมือนมึงไม่ได้จีบแฟนกู" นายท่านกัดฟัน
"กูไม่ได้จีบ" สายตาของนายกองที่มองมาเริ่มทำให้ผมขนลุก "แต่ถ้าพี่กล้าอนุญาต..."
"กูจะบ้า...เข้าบ้านให้หมด" นายท่านไล่
นายพลเอาแต่หัวเราะ ส่วนนายน้อยได้แต่ทำหน้างงๆ แต่แล้วเราทั้งห้าคนก็สะดุดเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่หน้าประตูเข้าไปในบ้าน
คุณแม่นายหญิงนั่นเองครับผม...ตัวพีคที่สุดในเรื่องนี้แล้วมั้ง
ผมยกมือไหว้ทันที...นายท่านเองก็เช่นกัน บางคนก็ไม่ได้ยกมือไหว้แม่ตัวเอง คนคนนั้นก็คือนายกองนั่นไง จะใครล่ะ
"จะให้พี่กล้าเข้าบ้านเปล่า" นายกองเอ่ยถามแม่ตัวเองด้วยน้ำเสียงกวนประสาท "ถ้าไม่...พวกผมก็ไม่เข้าบ้าน"
หา...อะไรนะ
"อย่าไร้สาระหน่อยเลยกอง" แม่นายท่านโบกมือเรียกผมเข้ามา
"ชัวร์นะ"
นายพลเอามือขยี้ผมให้นายกองหยุดพูด...
ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านอรุณกิตตินิวัฒน์อย่างเป็นทางการ
[ มีต่อนะคะ ]