ตอนที่16
“ส่งนางมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้”
หนึ่งในกลุ่มคนที่ไล่ตามตะโกนสั่ง เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่าเด็กสาวในอ้อมแขนถูกตามล่าเพราะเหตุใด ชั่วเวลาที่สบตากัน คนในอ้อมกอดก็ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา
“โปรดช่วยเหลือข้าทีเถอะคุณชาย”
“เจ้าไปทำอะไรมาถึงถูกตามล่าเช่นนี้”
เสวี่ยหมิงไม่ลงมือช่วยเหลือใครบุ่มบ่าม เขาต้องการที่มาที่ไปจากเด็กสาว ทว่ากลุ่มคนซึ่งไล่ตามกลับไม่รอเวลาชิงลงมือต่อยตีกับเขาเสียก่อน ดังนั้นเสวี่ยหมิงจึงส่งตัวแม่นางน้อยให้เสี่ยวหลงที่อยู่ด้านหลังด้วยการผลักออกเบาๆแล้วรับมือกับชายสามคนที่กลุ้มรุมเข้ามา
เมื่อรับมือคนทั้งสาม ดูจากฝีมือที่ต่ำชั้นกว่ามาก เสวี่ยหมิงจึงออมมือเว้นไมตรี เขาลงมือเพียงแค่หนึ่งคนต่อกระบวนท่า ทำแค่ออกหมัดและซัดฝ่ามือ ชายทั้งสามก็ล้มกลิ้งลงไปไม่เป็นท่า คนเหล่านั้นต่างแสดงสีหน้าตื่นตะลึงก่อนจะพากันล่าถอยจากไป
“ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยข้าไว้”
เด็กสาวปริศนาประสานมือคำนับ พร้อมทั้งส่งสายตาเป็นประกายมาให้เสวี่ยหมิง เด็กสาวนี่คงนึกชอบพอพี่ใหญ่ของมันแต่แรกเห็น เสี่ยวหลงยอมรับว่าพี่ใหญ่ของมันหน้าตาหมดจดงดงามท่วงท่าหรือมารยาทก็ดีพร้อมจนน่าชื่นชม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีหญิงสาวมาชอบพอ กระนั้นมันกลับไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่เด็กสาวนี้มองพี่ใหญ่ของมันด้วยดวงตาเช่นนี้
“อ่ะแฮ่ม มองอย่างนี้คงชอบพอพี่ใหญ่ของข้าใช่หรือไม่” เสี่ยวหลงตั้งใจจะเย้าแหย่ให้นางได้อาย แต่แทนที่นางจะอายพี่ใหญ่กลับร้อนตัวแทนเสียนี่
“อย่าพูดเหลวไหล เสี่ยวหลง นางเพิ่งพบข้าครั้งแรกจะชอบพอข้าได้อย่างไร”
“ถูกของเขาแล้วล่ะคะ ข้าในตอนนี้ยอมรับว่าถูกใจท่านไม่มากก็น้อย” เสวี่ยหมิงผงะไม่ทราบว่าจะทำสีหน้าเช่นไร เด็กสาวนี่พูดจาได้หมิ่นเหม่ยิ่งนัก เกิดมาเขาไม่เคยถูกสตรีที่ไหนพูดจาด้วยเช่นนี้มาก่อน
ในทางกลับกันเสี่ยวหลงยิ่งรู้สึกว่าเด็กสาวนี้ช่างกล้านัก ถึงกับพูดจาเกี้ยวพาราสีพี่ใหญ่ของมันซึ่งๆหน้า มันยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งพี่ใหญ่แสดงสีหน้าขวยเขินกระดากอายนิดๆมันยิ่งเกิดความหวงแหนขึ้นมาอีกขั้น เสี่ยวหลงทำเสียงจิ๊จ๊ะในปากตั้งใจว่าจะประกาศความเป็นเจ้าของทั้งที่มันเองก็ยังไม่ใช่
“ถูกใจนะได้อยู่ แต่หากอยากได้มาเป็นเจ้าของเห็นจะไม่ได้ เพราะพี่ใหญ่เป็นของข้าผู้นี้แล้วนะจะบอกให้”
เสี่ยวหลงประกาศพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้เด็กสาว เสวี่ยหมิงอับอายอย่างยิ่งยวด ไม่คาดว่ามันจะกล่าวไร้สาระถึงเพียงนี้ ดังนั้นจึงลงไม้ลงมือด้วยการบิดหูเจ้าตัวแสบอย่างไม่ออมมือ
“อย่าเข้าใจผิดนะแม่นาง น้องชายของข้าพูดเหลวไหล เช่นนี้จนเคยตัว”
“เหลวไหลอันใด เราสองคนนอนกอดกันทุกคืน ผิดผีกันถึงขนาดนี้ข้ายังแต่งงานกับใครได้อีก”
ตอนนี้เองที่เด็กสาวเอามือปิดปากใบหน้าที่สวยงามบ่งชัดว่าประหลาดใจและสนอกสนใจในขณะเดียวกัน
“ได้ยินมาจากบิดาเหมือนกันว่ามีบุรุษไม่น้อยที่รักใคร่ชอบพอกัน ข้าเพิ่งได้เห็นก็วันนี้”
“ใช่แล้วๆ พี่ใหญ่กับข้าเราสองคน.....โอ้ย...พี่ใหญ่อย่าลงมือหนักนักซี้...”
เสวี่ยหมิงไม่เห็นว่าตนลงมือหนักที่ตรงไหน แค่ทุบตีให้หยุดพูดไร้สาระนิดหน่อย หากเด็กน้อยนี่ยังไม่หยุดพ่นพิษออกจากปากสุนัขเห็นทีว่าจะต้องเอาจริง เมื่อเสี่ยวหลงหยุดวาจาได้เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องเสียใหม่ ยังมีเรื่องที่ยังติดใจเกี่ยวกับเด็กสาวผู้นี้อยู่
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลยนะแม่นางเจ้าไปทำอะไรมาถึงได้ถูกตามล่า”
“เรื่องนั้น”
อาการครุ่นคิดชั่วเสี้ยวไม่หลุดไปจากสายตาของเสวี่ยหมิงกับเสี่ยวหลง สำหรับกับเสี่ยวหลงที่ชั่วชีวิตคอยจับผิดผู้คนมาตลอด มันเริ่มนึกอยากให้พี่ใหญ่สลัดเด็กหญิงนี่โดยเร็วก่อนที่นางจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้
“หากแม่นางไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร พวกเราขอตัวก่อน คงต้องแยกจากกันตรงนี้”
เสวี่ยหมิงรีบสาวเท้าจากมาโดยมีเสี่ยวหลงที่พึงพอใจจนออกนอกหน้าตามติด ความจริงเขาไม่อยากปล่อยเด็กสาวทิ้งไว้เพียงลำพัง จะว่าเขาใจดำโหดร้ายอย่างไรก็ช่าง แต่แค่เสี่ยวหลงคนเดียวก็เป็นภาระมากพออยู่แล้ว ดังนั้นจึงพยายามไม่มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความผิดหวังของเด็กสาวให้นานเกินไป
เป็นเวลาสองชั่วโมงนับจากกล่าวลากับเด็กสาวแปลกหน้า หลังจากเดินทางออกจากป่ามายังทุ่งหญ้าระหว่างทางเริ่มพบผู้คนเดินทางประปรายคาดว่าอีกไม่นานคงใกล้ถึงเมืองหรือหมู่บ้าน
“ชิ นางต้องแอบตามเรามาแน่ๆพี่ใหญ่”
เสวี่ยหมิงไม่หันกลับไปมอง แต่จากเสียงฝีเท้าที่ตามหลังมา ถึงจะเว้นระยะห่างแต่แน่ใจว่าตามติดมาอย่างไม่ลดละ เกี่ยวกับเรื่องนี้เสี่ยวหลงดูจะไม่ชอบใจเอามากๆมันเดาะลิ้นเสียงจิ๊จ๊ะหลายต่อหลายครั้ง
“เฮ้แม่นาง เจ้าไม่ต้องหลบก็ได้นะพวกเรารู้แล้วว่าเจ้าตามเรามา”
ช่างน่าตายนัก เสวี่ยหมิงไม่ต้องการให้เสี่ยวหลงเอ่ยเรียกนาง นางจะมีปฏิกิริยาเช่นไรนะ ด้วยความอยากรู้เขาจึงหันไปมอง เด็กสาวแปลกหน้าตอนนี้แสร้งทำเป็นเด็ดดอกหญ้าข้างทาง เสวี่ยหมิงไม่ทราบว่านางตามเขามาเพราะเหตุใด กระนั้นกลับไม่ได้ขับไล่ ได้แต่ถอนหายใจหนักๆแล้วสาวเท้าเดินหน้าต่อไป
“นี่เจ้าเลิกตามเราได้แล้วนะแม่ตัวดี เจ้าชอบพี่ใหญ่มากนักหรือไง” เสี่ยวหลงยังหันไปตะโฏนถามระหว่างออกเดิน เสวี่ยหมิงจำต้องทุบตีที่หัวของมันเบาๆเป็นการตักเตือน
“เจ็บนะพี่ใหญ่”
“เจ็บสิดี หากไม่เจ็บเจ้าคงไม่เลิกยุ่งกับนางใช่หรือไม่ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงได้ตั้งท่าเป็นศัตรูกับนางนัก”
“ก็ข้ากลัวพี่ใหญ่สนใจนางมากกว่าข้านี่นา”
นั่นเป็นเพียงความรู้สึกส่วนหนึ่งที่กระตุ้นเร้ามันเท่านั้น อีกส่วนคือมันคาดว่านางจะนำเรื่องเดือดร้อนไม่ทางใดทางหนึ่งมาให้พี่ใหญ่ของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ใหญ่เป็นคนใจดีและขี้สงสาร การที่พี่ใหญ่ยอมรับมามันมาดูแลเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจน หากมันไม่ลงมือจัดการกับนางไม่นานนักเด็กหญิงนี่คงมาเกาะติดกับพี่ใหญ่ของมันประหนึ่งเห็บตัวหนึ่ง
“อีกอย่างนางไม่น่าไว้ใจ พี่ใหญ่ไม่รู้สึกหรือ”
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้สึก แต่เวลานี้ไม่อาจสลัดคำพูดของเสี่ยวหลงออกจากห้วงความคิดได้ เด็กน้อยนี่ยึดติดต่อเขามากถึงเพียงนี้เชียวรึ กี่ครั้งแล้วนะที่เขาคันยุบยิบในหัวใจเพราะเด็กน้อยนี่
“นางก็เดินทางของนาง เราก็เดินทางของเรา อย่าได้สนใจเลย”
“แต่ถ้าหากนางตามเรามาไม่เลิกล่ะพี่ใหญ่ ข้าว่าไปพูดกับนางให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า”
“เสี่ยวหลง หากว่าเจ้ายังไม่เชื่อฟังพี่ใหญ่อีก ข้าจะถือว่าเจ้าไม่อยากเดินทางร่วมกับข้านะ”
ได้ผลเขาหยุดความคันไม้คันมือของเสี่ยวหลงได้อย่างไม่มีที่ติ เด็กน้อยหยุดโวยวาย แต่ยังไม่ยอมเลิกหันไปมองเด็กสาวที่แอบตามมาเป็นระยะๆ อย่างน้อยก็ทำให้เสี่ยวหลงเลิกหาเรื่องคนอื่นหรือพูดจาผล่อยๆได้ เสวี่ยหมิงถึงจะยังไม่บรรลุจุดประสงค์แต่ก็นับว่าทำได้ดี เสี่ยวหลงสงบปากไม่นานก็เริ่มต้นพูดไร้สาระอีกระลอกหนึ่ง ดีแล้วที่เด็กน้อยลืมเรื่องเด็กสาวไปได้
เวลาบ่ายแก่ๆ ในที่สุดก็พบกับโรงเตี๊ยมเล็กๆ เสวี่ยหมิงเห็นว่าควรจะพักเสียหน่อยก่อนออกเดินทางต่อ เขาเดินนำเสี่ยวหลงไปนั่งลงบนเก้าอี้และโต๊ะที่จัดวางไว้ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหาร
“บะหมี่ สองชามแล้วก็ไก่ย่างอีกหนึ่งตัว เอ่อนี่เสี่ยวเอ้ออีกนานไหมกว่าจะถึงเมือง” เสวี่ยหมิงถาม
“อีกไม่ไกลขอรับเดินทางอีกวันสองวันก็ถึงเมืองเหวยกังแล้ว”
เมื่อไม่มีอะไรที่อยากทราบแล้วเสวี่ยหมิงก็ปล่อยให้เสี่ยวเอ้อไปทำงาน ไม่นานนักอาหารก็มาถึงที่โต๊ะ เสี่ยวหลงจ้องเชม็งไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก เสวี่ยหมิงพบว่าเด็กสาวที่ตามเขามาตลอดทางนั่งอยู่ที่ตรงนั้น
“พี่ใหญ่คิดว่านางจะตามเราไปจนถึงเมื่อไหร่”
เสวี่ยหมิงได้แต่ถอนหายใจ
“หากนางอยากตามก็ให้นางตาม เราก็ทำเรื่องของเราไปใยต้องสนใจนางนัก”
เสี่ยวหลงท่าทางคับข้องใจแต่ก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าไปอย่างเงียบๆ มันคาดว่าเด็กหญิงนี่ต้องนำพาโชคร้ายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วก็คาดไม่ผิด มีกลุ่มคนจำนวนเก้าคนอาวุธครบมือควบม้ามาจากทางทิตใต้จนฝุ่นตลบ หากเดาไม่ผิดคงมาตามเด็กหญิงนี่อีกกระมัง
“ตามเรากลับไปเสียดีดีคุณหนู” เมื่อลงจากหลังม้าครบทุกคน ชายซึ่งเป็นหัวหน้าก็ประกาศเจตนา มันย่างสามขุมตรงเข้าหาเด็กสาว ทว่านางกลับวิ่งโผเข้ามาหลบหลังของเสวี่ยหมิง
“พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย” เด็กสาวแอบอ้างเรียกเขาเป็นพี่ใหญ่ ตามจริงจะทำนิ่งเฉยไปก็ได้ ทว่า...
“เฮ้ยแกใช่ไหมที่ทำร้ายคนของเรา”
เสวี่ยหมิงจะทำนิ่งเฉยก็ไม่ได้ เพราะหนึ่งในคนที่มาด้วยคือคนในกลุ่มที่เขาขับไล่ไปเพื่อเด็กสาวไม่ผิด ยิ่งพวกเดียวกันยืนยันว่าเขาเป็นศัตรู พวกมันก็พากันมาห้อมล้อมเขากับเสี่ยวหลง
“พี่ใหญ่ให้ข้าจัดการเถอะ” เสี่ยวหลงขานอาสา
“ระวังตัวด้วยล่ะ” จากการประมือกันคราวก่อนเสวี่ยหมิงคาดเดาว่าฝีมือของพวกมันอ่อนด้อยกว่าเสี่ยวหลงหลายขั้นดังนั้นจึงกล้าปล่อยให้เด็กน้อยไปต่อยตีแทนที่จะลงมือเอง
“บอกมาตามตรงเจ้าตามพวกเรามาทำไม” ขณะที่เสี่ยวหลงจัดการกับพวกอันธพาลทีละคนเสวี่ยหมิงก็คาดคั้นเอาความจริงจากเด็กสาว นางไม่เพียงมาหวาดกลัวต่อสายตาของเขายังกล้ายื่นข้อเสนอว่าจ้างตามใจชอบ
“ข้าเห็นว่าท่านหน่วยก้านดี ก็เลยจะว่าจ้างท่านพาข้าไปส่งที่เมืองเหวยกัง ไม่คาดว่าท่านนอกจากจะไม่ฟังข้าก่อนยังทิ้งข้าไว้ ข้าตัวคนเดียวมีทางอื่นให้เลือกนอกจากเดินตามท่านมาเพราะคิดว่าปลอดภัยด้วยหรือ”
เสวี่ยหมิงนิ่งเงียบ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดีกับเด็กสาว การนิ่งเงียบของเขาคงไปกระตุ้นให้นางเกิดความลนลาน นางรีบหยิบตั๋วเงินจำนวนมากออกมาให้แก่เขา
“เอานี่ ตั๋วเงินจำนวนนี้น่าจะพอแก่ค่าจ้างท่านนะ”
“......”
“นี่...ท่านจะไม่สนใจข้าเลยหรือ ท่านเอาแต่นิ่งเฉยแบบนี้มันทำให้ข้ากลัวนะ”
ในที่สุดเสวี่ยหมิงก็ถอนหายใจออกมา ไม่รู้นะว่านางไปทำอะไรให้ถูกตามล่า จะปล่อยทิ้งไว้ก็ได้ แต่นางก็คงจะตามเขามาอีก สู้รับว่าจ้างนางแล้วไปส่งตามที่นางต้องการเรื่องคงจะจบลงง่ายๆ
“เข้าใจล่ะ ข้าตกลงรับงาน”
“จริงนะ” เด็กสาวมีท่าทางดีใจจนออกนอกหน้า แต่เสี่ยวหลงนี่สิ หลังจากจัดการกับพวกศัตรูจนล่าถอยไปหมด เด็กน้อยก็บ่นอุบอิบไม่หยุดหาว่าเขาตัดสินใจโดยพละการ
“พี่ใหญ่ไม่ถามข้าก่อนที่จะตัดสินใจ พี่ใหญ่รับงานนางทั้งที่ไม่รู้จักชื่อแซ่นางเลยด้วยซ้ำ”
“ข้าชื่ออู่เม่ยเหนียง” อู่เม่ยเหนียงบอกล่าวนามก่อนจะตรงเข้ามาเกาะแขนเสวี่ยหมิงอย่างถือวิสาสะ
“พี่ใหญ่ช่วยบอกนามให้ข้ารู้หน่อยสิคะ”
พี่ใหญ่ของมันตกใจเล็กน้อยที่ถูกถึงเนื้อถึงตัว เด็กหญิงนี่ช่างฉอเลาะนัก ขณะพยายามออเซาะพี่ใหญ่ก็ส่งสายตาประหนึ่งล้อเลียนมาที่เขา เฮอะคิดหรือว่าคนอย่างมันจะยอมแพ้ เสี่ยวหลงรี่เข้าไปเกาะแขนข้างที่เหลืออย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“พี่ใหญ่ของข้ามีนามอันไพเราะว่าเสวี่ยหมิง ส่วนข้านามว่าเสี่ยวหลง เจ้ารู้แล้วก็ปล่อยมือจากแขนพี่ใหญ่ได้”
“แต่ข้ากลัวนี่แถวนี้มันเปลี่ยวๆให้ข้าเดินเกาะแขนพี่ใหญ่เถอะนะคะ” อู่เม่ยเหนียงส่งสายตาวอนขอมา
“เฮอะอย่ามารยานักเลยเม่ยเหนียง นี่กลางวันแท้ๆเจ้าหาข้ออ้างลวนลามพี่ใหญ่ใช่หรือไม่”
“เจ้าพูดอะไร พี่ใหญ่มีข้าเกาะแขนย่อมดีกว่าเพศเดียวกันอย่างเจ้ามาออเซาะแน่นอน....ข้ากลัวจริงๆนะคะพี่ใหญ่”
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ทั้งสองคนใช้เวลาโต้เถียงกัน ถึงแม้ว่าเสวี่ยหมิงจะสลัดทั้งสองออกแล้วปลีกตัวออกมา เด็กน้อยทั้งสองต่างก็ยังไม่ลดละแก่กันง่ายๆ เหนื่อยใจเสียเหลือเกิน เสวี่ยหมิงถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
มาดึกเลย55555 เพิ่งว่างแต่งตอนนี้เอง
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า