แล้วจากนั้นสองพี่น้องก็เข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มสาวประเภทสอง
เสียงดนตรีกลับมาดังขึ้นมาอีกครั้งแม้จะมีผู้ร่วมกิจกรรมอยู่เพียงสองคนก็ตาม แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนเริ่มมามุ่งดูและให้ความสำคัญมากขึ้น หรืออย่างน้อยพวกเขาก็มาดูเด็กหญิงในชุดเจ้าหญิงน้อยที่กำลังเต้นกับกลุ่มสาวงามอย่างสดใส และแน่นอนว่าพี่ชายของเธอก็ไม่ลืมที่จะร่วมกิจกรรมเช่นกัน
ครูกันออกท่าทางเคลื่อนไหวเล็กน้อยไปกับน้องสาวตัวเล็กด้วยใบหน้าแห่งความสุขและสนุกสนาน
เมื่อเฝ้าดูอยู่สักพัก กั๊กก็ตัดสินใจที่จะไปซื้อไอศกรีมถ้วยเล็กๆมานั่งทานใกล้ๆบริเวณเดิม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เด็กหนุ่มสามารถนั่งมองพฤติกรรมของครูฝึกสอนคนนี้ได้โดยไม่เบื่อ จริงๆพูดพูดว่าเขาอยากรู้อยากเห็นขึ้นไปเรื่อยๆเสียมากกว่า ทั้งวิธีการคิดและวิธีการสอนน้องสาวของครูกันเป็นอะไรที่ฉีกไปจากแนวคิดตามหลักค่านิยมของสังคมโดยสิ้นเชิง มันดูบ้าบิ่นแต่ก็น่าตื่นเต้น ดูร้ายกาจแต่ก็เห็นถึงความปรารถนาดี นี่เป็นสิ่งที่กัปตันทีมวอลเลย์บอลตัวใหญ่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเคยคิดว่าจะสามารถรับมือกับครูกันได้ในสักวัน แต่ยิ่งรู้จักมากขึ้นก็ยิ่งพบพฤติการณ์ใหม่ๆ จนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะสามารถเอาชนะคนๆนี้ได้หรือเปล่า
“น้องดีได้เจ้าหญิงแอนน่าด้วย” เด็กสาวร้องดีใจพร้อมกับชูตุ๊กตาตัวใหญ่ อวดให้พี่ชายของเธอได้ดู “เขาบอกว่าน้องดีเต้นเก่งที่สุด”
ใช่ เด็กคนนี้เต้นเก่งที่สุดจริงๆ เพราะหลังจากการมาของสองพี่น้องนี้ ความเงียบเหงาของซุ้มสาวประเภทสองก็ค่อยๆกลายเป็นแหล่งรวมเด็กๆอย่างที่มันควรจะเป็น เด็กหญิงหลายคนงอแงกับพ่อแม่เพื่ออยากที่จะแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงน้อยเช่นกัน ส่วนเด็กชายก็วิ่งเข้ามาด้วยมีของเล่นมากมายมาล่อตาล่อใจ และเมื่อเป็นอย่างนั้นการแข่งขันเต้นเล็กๆจึงเกิดขึ้น ซึ่งของรางวัลโดยส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นของเด็กหญิงผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นคนแรก
“สนุกไหมคะ” ครูกันถามน้องสาวของเขา
“สนูกกกก” เธอหัวเราะร่า
“น้องดีคะน้องดี มีแข่งวาดรูปนะ สนใจหรือเปล่า มีตุ๊กตาแจกด้วยนะ” สาวประเภทสองคนหนึ่งเดินเข้ามาชวนเด็กน้อยอีกครั้ง
“น้องดีอยากวาดรูป” เด็กหญิงตอบรับทันที
“น้องดีๆ” ครูฝึกสอนหนุ่มรั้งน้องสาวเอาไว้ “พี่กันว่าพอแค่นี้ดีกว่านะคะ ตุ๊กตาแค่นี้ก็เยอะมากแล้ว จริงๆพี่กันว่าเราน่าจะขนกลับไปไม่หมดด้วยซ้ำ…. อืมมม เราเอาไปแจกให้เพื่อนคนอื่นดีว่าไหม มีอีกตั้งหลายคนนะที่ยังไม่ได้ น้องดีไม่สงสารเพื่อนเหรอ”
“ไม่อาววว น้องดีอยากได้ทุกตัวเลย” เธองอแงเล็กน้อย “น้องดีจะได้มีเพื่อนเล่นเยอะๆ”
“ก็ได้ ถ้างั้น ถ้าน้องดีมีเพื่อนเยอะแล้ว ต่อไปพี่กันกับพี่น้ำก็ไม่ต้องเล่นกับน้องดีแล้วใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะไม่ใช่นะ พี่กันกับพี่น้ำก็ต้องเล่นกับน้องดีซิ”
“ก็น้องดีมีเพื่อนเยอะแล้วนี่นา มีทั้งพี่หมี มีทั้งเจ้าหญิงตั้งเยอะแยะ พี่กันกับพี่น้ำคงไม่สำคัญกับน้องดีแล้วล่ะ”
“ไม่อาวววว พี่กันกับพี่น้ำต้องเล่นกับน้องดีนะ งั้นๆๆ น้องดีเอาตุ๊กตาไปให้คนอื่นก็ได้” เด็กน้อยเดินไปมองตุ๊กตากองใหญ่ของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ “อืมมม น้องดีไม่เอาคุณทหารก็ได้”
“เดี๋ยวๆๆ แค่ตัวเดียวเองเหรอ”
“อืมมมม ไม่เอาหมีด้วยก็ได้”
“พี่กันให้น้องดีเลือกได้แค่สองตัว เอากลับไปได้แค่สองตัว ส่วนตัวอื่นๆ น้องดีเอาไปแบ่งให้เพื่อนๆดีกว่านะ”
“ต...แต่ๆๆๆ แต่น้องดีอยากได้อันนา เอลซ่า แล้วก็ราพันเซล”
“สองตัวครับ ไม่งั้นพี่กันกับพี่น้ำไม่เล่นกับน้องดีน้าาา”
“เอาแค่อันนากับเอลซ่าก็ได้” เด็กน้อยยอมในที่สุดแม้เธอจะตีหน้าเศร้าออกมาเล็กน้อยก็ตาม
น้องดีหยิบตุ๊กตาทีละตัวไปมอบให้กับเพื่อนเด็กหญิงตัวน้อยคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณกิจกรรม จนสุดท้ายได้หยิบหนึ่งในสามตุ๊กตาที่เธออยากได้ที่สุดให้กับ…..
“ห...ให้พี่เหรอ” สาวประเภทสองในชุดเจ้าหญิงสีฟ้า(เอลซ่า)แปลกใจอย่างยิ่งที่เด็กน้อยยื่นตุ๊กตามาให้เธอ เธอคือคนแรกที่ออกมาต้อนรับสองพี่น้องนั่นเอง
“ใช่ค่ะ” น้องดีพูดด้วยยิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเลียนแบบวิธียิ้มมาจากพี่ชายของตัวเอง และดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเริ่มมีความสุขจากการเป็นผู้ให้เสียแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะลูกกกก น่ารักมากเลย”
“ถ้าน้องดีโตขึ้น น้องดีอยากเป็นเหมือนพี่สาวค่ะ” เด็กหญิงอธิบายเพิ่ม
“ว๊ายยย” ผู้ได้ฟังรีบร้องออกมาด้วยความตกใจ “ไม่ได้นะคะลูก หนูเป็นแบบพี่ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ น้องดีอยากเป็นเจ้าหญิงสวย” เด็กน้อยผู้ไม่เข้าใจมีอาการงอแงเล็กน้อย
“ตายแล้วชั้น จะอธิบายบังไงดีล่ะ”
“อธิบายไปตรงๆเลยครับ” นั่นคือคำแนะนำจากครูกัน “บอกอย่างที่เขาควรรู้นั่นแหละ”
“ย...ยังไงละคะ” เจ้าหล่อนก็ยังไม่รู้จะต้องใช้คำพูดเช่นไร
“เดี๋ยวผมอธิบายเองก็ได้ครับ” ครูฝึกสอนหนุ่มเดินมาคุกเข่าคุยใกล้ๆน้องสาวของเขา “พี่เขาเป็นกระเทยค่ะ”
“แคร้กๆๆ…..อุ๊บ!” กั๊กเผลอสำลักไอศกรีมที่ตัวเองกินออกมา เขารีบหยุดเสียงตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ครูกันรู้ถึงการมีอยู่ของเขา แต่ถ้าใครที่ได้ฟังการอธิบายเช่นนี้ก็คงตกใจไม่ต่างกันกับเขานักหรอก
“ท...ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ” สาวเจ้าผู้ถูกพูดถึงเช่นนั้นรีบกล่าวทักท้วง
“ทำไมล่ะครับ” ครูกันถามกลับ เขาเกือบจะใช้น้ำเสียงใสซื่อเท่ากับน้องสาวของตัวเอง “แล้วผมต้องบอกว่าไงอ่ะ สาวประเภทสองเหรอ หรือยังไง”
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คำว่า… คำนั้นนั่นแหละ น้องดียังเด็กอยู่นะคะ”
“ก็เพราะเขาเป็นเด็กไงครับถึงต้องฟังสิ่งที่ถูกต้อง และผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นคำที่เสียหายอะไรซะหน่อย เป็นกระเทยก็คือเป็นกระเทย”
“ว๊ายยย พูดอีกแล้ว น้องดีไม่ควรได้ยินคำนี้นะ”
“ใครกำหนดเหรอครับว่าคำไหนดีหรือไม่ดี? ผมไม่เห็นว่าการใช้คำระบุเพศให้ชัดเจนมันจะเสียหายตรงไหน ไม่งั้นคำว่า ‘ผู้ชาย’ กับ ‘ผู้หญิง’ ก็เป็นคำไม่ดีด้วยซิ”
“ยังไงมันก็…”
“อะไรคือกระเทยเหรอคะ?” น้องดีถามแทรกขึ้นมา
“กระเทยก็คือคนที่เป็นผู้หญิงแต่เกิดมาเป็นผู้ชายก่อนไงคะ” ครูกันอธิบายตรงๆเช่นเดิม
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นผู้ชายก่อนด้วยล่ะ” เด็กน้อยยังสงสัย
“อืมมมม อยากอธิบายเองไหมครับ” ครูกันหันไปถามสาวประเภทสองตรงหน้า
“เห้อออ ก็ได้” สาวเจ้ายอมเอ่ยปากเอง “พี่เคยเป็นผู้ชายมาก่อน เพราะตอนที่เกิดมาไม่มีใครเลือกว่าจะเกิดเป็นอะไรได้ แต่พอรู้ตัวว่าพี่อยากเป็นผู้หญิง ก็เลยค่อยๆเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้หญิง แบบนี้แหละจ้ะที่เขาเรียกว่า… กระเทย”
“โตขึ้นน้องดีจะเป็นกระเทยด้วย” เด็กน้อยร้องออกมาอย่างมีความหวัง
“ม...ไม่น่าจะได้นะคะน้องดี” สาวเจ้าพยายามปฏิเสธอีกครั้ง
“ทำไมไม่ได้อีกแล้ว น้องดีก็อยากเป็นคนสวยเหมือนพี่สาว อยากแต่งตัวสวยๆ… พี่กันๆ น้องดีอยากทาสีแดงๆที่ปากเหมือนกับพี่สาว พี่กันทำให้หน่อย”
“เอ่อ...พี่กันไม่มี…”
“พี่มีคะ” สาวประเภทสองบอก เธอเดินไปหยิบลิปสติ๊กมาจากกระเป๋าถือที่วางอยู่ไม่ไกล “อยากปากแดงเหมือนพี่เหรอ”
“อยากกก” น้องดีร้องบอกอย่างสดใส
“เดี๋ยวครับๆ ไม่อันตรายกับเด็กใช่ไหม” ครูกันรีบถามก่อน
“ไม่หรอกค่ะ” สาวในชุดสีฟ้าตอบ “อันนี้เป็นแบบอ่อนโยน เข้าปากก็ได้ไม่เป็นไร แค่เป็นสีชมพูอ่อนๆ”
“โอเค งั้นก็เชิญเลยครับ”
และจากนั้นเด็กหญิงก็ได้รับการเติมแต่งริมฝีปากเล็กๆให้มีสีสันมากขึ้น แต่ระหว่างนั้นเอง….
“........”
“เป็นอะไรครับ” ครูกันเอ่ยถามเพราะจู่ๆสาวประเภทสองตรงหน้าก็มีน้ำตาไหลออกมา
“ป...เปล่าค่ะ” เห็นได้ชัดว่าเธอกลบเกลื่อนความรู้สึกไว้ “ตลอดเวลา พี่รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองแปลกแยก จนน้องพูดคุยกับพวกพี่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป รู้ไหม แค่เรื่องง่ายๆแค่นี้แหละที่ทำให้คนอย่างพวกพี่ มีความสุข”
“ไม่มีคำว่า ‘คนอย่างพวกพี่’ หรอกครับ... เราทุกคน ไม่ว่าจะด้วยสถานะไหน ผมว่า ใช้แค่คำว่า ‘คน’ เหมือนกันก็พอ”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะคะ” เด็กน้อยเอื้อมมือเล็กๆของเธอไปปาดน้ำตาของสาวตรงหน้า
“น้องดีถูกสอนมาดีจังเลยนะ” เธอกล่าวชมและแอบน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ
“ครับ ผมก็พยายามสอนเขาอยู่” ครูกันตอบก่อนจะลูบหัวน้องสาวของตนอย่างหวังดี
“แล้วแบบนี้...มีคนช่วยดูแลน้องสาวหรือยังคะ ให้พี่ช่วยไหม”
“ครับ? ก็มีน้องชายอีกคนช่วยเลี้ยงเหมือนกัน”
“พี่หมายถึงคนที่จะช่วยดูแลแบบใกล้ชิดสนิทสนมไง”
“เอ่อ… ขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจ”
!!!!!!
ให้ตายเถอะ ฟังไม่ออกจริงๆหรือไง
กั๊กที่นั่งฟังอยู่ถึงเกือบจะสำลักไอศกรีมอีกรอบ เขาไม่คิดว่าจะได้ยินครูกันถูกแม่สาวในชุดเจ้าหญิงสีฟ้าเอ่ยปากจีบตรงๆ แต่ที่ไม่คาดคิดมากกว่านั้นคือท่าทีที่ครูฝึกสอนคนเก่งไม่เข้าใจความหมายของการพูดคำหวานแบบง่ายๆนี้เลย
แล้วทีเวลาอื่นทำเป็นเก่งไปซะทุกเรื่อง พอมาเจอเรื่องง่ายๆแบบนี้กลับใสซื่อซะอย่างนั้น
“ก็… คนรู้ใจไง” แม่สาวคนนั้นเริ่มรุกหนักขึ้น
“อ...อ๋อ คือผม…” จู่ๆครูกันผู้แสนมั่นอกมั่นใจก็มีท่าทีตื่นกลัวขึ้นมา
“พี่ดูแลเก่งนะ จะน้องสาวหรือพี่ชาย พี่จะดูแลให้เต็มที่เลย ว่าไงล่ะ สนใจรับ…”
“ครูกันครับ!!!”
ไม่รู้นึกครึ้มฟ้าครึ้มฝนอะไรขึ้นมา จู่ๆกั๊กก็ลุกขึ้นพรวดและตะโกนลั่นพร้อมแสดงตัวว่าเขาอยู่ใกล้ๆ
“............” ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าทุกคนในบริเวณนั้นจะต้องหันมามอง ด้วยเพิ่งมีเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ตะโกนลั่นออกมา
“กั๊ก” ครูกันพูดชื่อคนที่เห็นและจากนั้นก็มองลูกศิษย์ตัวสูงอย่างพิจารณา “เรียกครูทำไม”
“อ….เอ่อออ..” กัปตันกั๊กยังไม่ทันเตรียมตัวกับการกระทำของเขา แต่วินาทีนั้นไม่อาจเลี่ยงการหาข้ออ้างได้ “ผ...ผมมีเรื่องจะปรึกษา… เอ่อ… เรื่องการบ้าน”
“การบ้าน?” ครูกันดูจะแปลกใจไม่น้อย “ครูไม่ได้สั่งการบ้านห้องเธอนะ”
“ว...วิชาอื่นไง ช่างมันเหอะ ขอคุยด้วยหน่อย”
“ก็พูดมาซิ”
“ไปคุยที่อื่นกัน” เด็กหนุ่มพยายามเปลี่ยนสถานที่เพื่อหลบจากการเป็นจุดสนใจตรงนี้ แต่ว่า...
“..........” ครูฝึกสอนso6j,ไม่ขยับไxไหนแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
“ไปดิ บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยไง” กั๊กเร่ง “ไปที่อื่นกัน คุยตรงนี้ไม่สะดวก”
“รบกวนไปกับผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ห๊ะ?” กัปตันกั๊กไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ถ้าอยากให้ครูไปกับเธอก็ใช้คำพูดใหม่” แล้วความกระจ่างก็เกิดขึ้นหลังคำอธิบาย “เป็นนักเรียน ควรจะพูดกับครูแบบไหนคงไม่ต้องให้ครูบอกนะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่”
“........” อือหืออออ นี่กูอุตส่าโผล่ออกมาช่วยไว้นะ ยังจะมาทำเก่งอีก กั๊กคิดในใจ
“ไม่พูดใช่ไหม? งั้นก็ไม่ไป” ช่างเป็นครูฝึกสอนที่หัวดื้อจริงๆ “น้องดีคะ เรามาหาอะไรเล่นกันอีกดีกว่านะ”
“เออๆๆๆ ก็ได้” กัปตันกั๊กยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก
“เอาซิ พูดขอร้องครูมา” ครูกันเงยหน้ากลับมามองลูกศิษย์ของตนอย่างตั้งใจ
ฝากไว้ก่อนเถอะ
“ช...ช่วย…” แม่งเอ๊ย พูดยากฉิบหาย “ช่วยมากับผมหน่อย”
“...ครับ” ครูกันย้ำคำที่ควรพูดต่อ
“ค..ครับ” นี่กูคิดผิดหรือเปล่าวะที่คิดจะมาช่วยครูอวดดีแบบนี้ออกจากสถานการณ์ที่กำลังโดนกระเทยจีบ
“โอเค ก็พูดเป็นนิ” แล้วจากนั้นครูกันก็หันไปจับมือเล็กๆของน้องสาวตนเอง “น้องดีคะ เราไปหาไอศกรีมกินดีกว่าเนาะ วันนี้เล่นเยอะแล้ว”
“เย้ย้ย้ย้ น้องดีอยากกินไอติมสตอเบอร์รี่” เด็กหญิงกระโดดโลดเต้นทันที
จากนั้นกัปตันกั๊กและครูกันก็ย้ายสถานที่มาที่ศูนย์อาหาร
“ม….มองพี่ทำไม” กั๊กที่รู้สึกเกร็งเพราะนั่งร่วมโต๊ะกับครูคู่อริ แต่ตอนนี้เขายิ่งเกร็งมากขึ้นไปอีกเพราะถูกเด็กหญิงตัวน้อยจ้องตาเขม็งแม้ว่าในมือของเธอจะพยายามตักไอศกรีมใส่ปากตลอดเวลาก็ตาม
“พี่ชายรักพี่กันเหรอ”
ฮึ๊!!!!!!!!!!!!
“.....ค….ใครบอก!” เด็กหนุ่มติดอ่างอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของเด็กเล็กๆ “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ พ...พี่จะไป… ค...คือ… ใครสอนน้องพูดเนีย”
“น้องดีเห็นพี่ชายมองพี่กันตลอดเลย” เด็กน้อยอธิบาย “ตอนเล่นเกมส์ก็เห็นมองพี่กัน พี่ชายรักพี่กันใช่ไหม น้องดีไม่ยกพี่กันให้หรอกนะ”
“ห...ห๊ะ”
“ลืมตัวไปหรือเปล่าว่าเธอเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่ขนาดไหน” ครูกันแทรกขึ้นมาเป็นการอธิบายพร้อมกับใช้กระดาษทิชชูเช็ดคราบครีมที่เปื้อนปากของน้องสาวของเขา “นั่งห่างออกไปไม่กี่ก้าว คิดเหรอว่าจะไม่มีใครสังเกตุเห็น”
“น...นี่ครู… เห็นผมด้วยเหรอ” กั๊กถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็เห็นมาตลอดนั่นแหละ แล้วก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่เธอจะแสดงตัวสักที ยังชอบหลบอยู่ในเงาเหมือนเดิมเลยนะ…. แล้วนี่คือยังไง มาแอบเฝ้ามองครูแบบนี้ จะหาจุดอ่อนของครูหรือไง”
“ม...ไม่ใช่เรื่องจำเป็นซะหน่อย” กั๊กต้องพยายามหลีกเลี่ยงการพูดที่จะทำให้ตัวเองแพ้ ครั้งนี้เขายิ่งต้องสู้ยิบตา “ผมก็นั่งในส่วนของผม ไม่ได้เฝ้าอะไรครูเลย”
“เหรอ” ดูยังไงครูฝึกสอนก็ไม่มีท่าทีว่าจะเชื่อ แค่ไม่อยากเถียงด้วยเท่านั้น “แล้วสรุปว่ามีอะไรกับคุยกับครู เรื่องเรียน การบ้าน? ใช่ไหม?”
“ผม...ไม่อยากคุยเรื่องนั้นแล้ว” นั่นคือการอ้างเหตุผลแบบทื่อๆของกัปตันกั๊กผู้ฟอร์มจัด
“ก็ตามใจเธอ” ครูกันรู้สึกเอือมที่จะค้นหาความจริงในประเด็นนี้ “แต่ก็ขอบใจนะที่พาครูออกมาจากตรงนั้นได้ คิดอยู่เลยว่าจะพาน้องดีออกมายังไง กลัวเขาจะเล่นจนเหนื่อยเกินไป… น้องดีคะ เลิกมองพี่กั๊กแบบนั้นได้แล้วนะ ตั้งใจกินไอศกรีมดีๆซิคะ เลอะหมดแล้วเห็นไหม”
“นึกว่าจะขอบใจที่ผมช่วยออกมาจากการโดนกระเทยจีบซะอีก ออกจะเก่งปานนี้ ไหงดูไก่อ่อนจัง” กั๊กได้ทีก็รีบหาเรื่องมาทับถมคนตรงหน้า
“ไหนบอกว่าไม่ได้แอบเฝ้าดูครูอยู่ไง”
“ก...ก็….ผมแค่บังเอิญได้ยิน” เด็กหนุ่มรีบแก้ตัวกับการพลาดพลั้งของตัวเอง
“บังเอิญได้ยินชัดดีเนาะ สมกับเป็นถึงกัปตันกั๊กผู้แข็งแกร่ง ขนาดไม่ได้แอบฟังยังเก็บรายละเอียดมาดีขนาดนี้”
“ก็….” กั๊กพยายามหาคำพูดมาแก้ตัวเพิ่ม แต่เขานึกไม่ออกจริงๆ
“เอาเถอะ ครูขอบใจเรื่องนั้นด้วยก็ได้ถ้าเธอต้องการอะนะ” แล้วครูกันก็ลุกขึ้น “ฝากน้องดีแป๊บนึงนะ จะเอาอะไรไหม ครูจะไปซื้อไอศกรีม”
“อ...เอ่อ… ไม่ครับ”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจ...ครับ” ใจดีเกิ๊นนน
“น้องดีไม่ยกพี่กันให้หรอก” เอาอีกแล้ว พอพี่ชายพ้นออกไปได้แค่แป๊บเดียว เด็กหญิงตัวน้อยก็แอบเหลือบมองเด็กหนุ่มตาเขม็งอย่างกับจะใช้ฟันเล็กๆนั่นกัดหูของคนตัวใหญ่ให้ขาด
“...........” กั๊กได้แต่แอบโยงตัวให้ห่างออกมานิดหน่อย เขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวในความหวงพี่ชายของเด็กหญิงตัวน้อย
“อะนี่น้ำอัดลม” จากนั้นไม่นานครูกันก็เดินกลับมาที่โต๊ะและยื่นแก้วน้ำพลาสติกให้กับลูกศิษย์ตัวใหญ่ “เพิ่งนึกได้ว่าเธอกินไอศกรีมไปแล้ว ก็เลยซื้อน้ำมาให้แทน”
“ข...ขอบคุณครับ” จากประโยคเมื่อสักครู่ กั๊กสำนึกได้แล้วว่าครูฝึกสอนคนนี้มองเห็นว่าเขาแอบมองมาโดยตลอดจริงๆ
“น้องดีเช็ดมือก่อนนะคะ อย่าเพิ่งจับตุ๊กตา” ครูกันนั่งลงที่เก้าอี้เดิมและจัดการดูแลน้องสาวของตัวเองพร้อมถ้วยไอศกรีมอันใหม่ที่เขาซื้อมาทานเอง “แล้วเป็นไงบ้างอ่ะทีมวอลเลย์บอล ตั้งแต่แพ้ไปเมื่อวาน ได้ข่าวว่าแย่กันเลยเหรอ”
“ค...ครับ!?” กัปตันกั๊กแปลกใจที่ครูกันรู้เรื่องนี้
“น้ำบอกครูน่ะ” ครูกันอธิบาย “แย่เลยนะ แพ้กันแค่ครั้งเดียวถึงกับเสียหลักกันไปหมดเลย แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงต่อ”
“เอ่อ…. ไม่รู้ซิ” ทำไมจู่ๆกั๊กก็รู้สึกว่าเขากำลังได้รับการให้คำปรึกษา
“อ้าว กั๊กเป็นกัปตันทีมไม่ใช่เหรอ ไม่จัดการอะไรแบบนี้ ทีมจะไม่แย่เอาเหรอ”
“ผมก็...ชวนพวกมันมาคุยกันวันนี้แล้ว แต่ไม่มีใครมาเลย อ้างนั่นอ้างนี่สารพัด”
“ทุกคนคงมีเรื่องเกิดขึ้นละมั้ง เหมือนไอซ์กับพฤกษ์จะมีปัญหากันด้วยนิ”
“ครูรู้ได้ไงอ่ะ!?”
“ก็บอกว่าน้ำบอกไง จริงๆครูคิดว่าครูพอจะรู้สาเหตุที่พวกเขาทะเลาะกันอยู่นะ”
“จริงเหรอ!?”
“จริง… งานนี้ถ้าคิดอยากให้ทีมกลับเข้ารูปเข้ารอยเร็วๆ กั๊กคงต้องลงไปเคลียร์รายคนเลยล่ะ”
“เรื่องอะไรอ่ะ ผมเป็นกัปตันทีมนะ ไม่ตามง้อแทนใครให้หรอก”
“ใครกำหนดว่าใครควรทำอะไร”
“แต่ผมเป็นหัวหน้าทีมนะ และพวกมันก็โตกันแล้วด้วย ผมดูแลแค่เรื่องกีฬาเท่านั้นแหละ”
“เธอพูดผิดถึงสองอย่างเลยนะ ข้อแรก พวกเธออาจจะดูตัวสูงใหญ่ แต่ก็ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยม อีกนานกว่าที่จะใช้คำว่าโตแล้ว และสองคือ กัปตันทีมไม่ได้รับผิดชอบแค่หน้าที่ในสนามหรอกนะ”
“ครูไม่เข้าใจหรอก ครูไม่ใช่นักกีฬา”
“ครูเคยเป็นนักยูโด บอกไปแล้วไง”
“น...นั่นแหละ แต่ครูไม่เคยเล่นกีฬาแบบทีม”
“เธอรู้ไหมว่าการเป็นครูไม่ใช่แค่การสอนในห้องเรียน... ที่พูดเนีย ครูไม่ได้พูดเพื่อให้ตัวเองดูเท่หรอกนะ แต่ถ้าเธอสังเกตุให้ดี คนเป็นครูจริงๆมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่านั้นมาก ครูต้องสามารถสอนในห้องเรียนให้ได้ในขณะที่ต้องปลูกฝังนักเรียนให้รักการเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วย ครูต้องสอนวิชาการให้ได้ในขณะที่ต้องสอนคุณธรรมจริยธรรมให้เด็กๆ หรือถ้าเธอไม่ทันสังเกตุครูเพิ่งทำให้เด็กห้องมอหกทับสิบเอ็ดกลับมานั่งเรียนในชั้นเรียนได้อย่างเป็นปกติในขณะที่ตัวครูเองก็มีภาระอื่นๆมากพออยู่แล้ว... ถ้าจะเปรียบเทียบกันจริงๆ ครูก็เหมือนกัปตันทีมที่มีลูกทีมอยู่เยอะมากๆ เยอะกว่าหกคนแน่ๆ เพราะงั้น...ครูก็น่าจะเป็นตัวอย่างของการเป็นกัปตันทีมที่ดีได้นะ”
“.......................” จบเลย พูดมาขนาดนี้แล้ว กั๊กจะไปเถียงอะไรได้ “แล้ว...ผมต้องทำยังไง...ครับ”
“ยอมรับคำปรึกษาจากครูแล้วใช่ไหม”
“ก็…. ครูเสนอตัวเองนิ”
“โอเค ก็ได้ ครูเสนอตัวเองก็ได้ เอาเป็นว่า จากนี้เรา………..
…………..สงบศึกกันแล้วนะ”
*************************************
ปล.ตัวละครเยอะขนาดนี้ งงกันบ้างไหม 5555