It’s Real เดี๋ยวรักเลย
ตอนที่ ๑๐ คนสำคัญ
ไร่รณวีร์หลังฤดูเก็บเกี่ยวจะจัดงานประจำปีของไร่อยู่ตลอด และปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ผลผลิตที่เก็บ
เกี่ยวได้จะถูกนำส่งขายและแปรรูป ส่วนหนึ่งก็จะเก็บเอาไว้ให้คนในไร่ได้ทานกันในงานประจำปี
ซึ่งองุ่นล็อตสุดท้ายที่ถูกเก็บจะแบ่งเอาไว้ส่วนหนึ่งสำหรับงานนี้เสมอ ทุกคนแบ่งงานกันชัดเจน
คนที่มีหน้าที่ในไร่ก็จัดการหน้าที่ของตนเอง ส่วนคนที่รักษาการในสำนักงานก็ลงมือติดต่อ
ประสานงานและจัดงานนี้ไป ไม่ก้าวก่ายกัน
เพราะฉะนั้นในช่วงนี้จึงมีคนเข้านอกออกในไร่รณวีร์อยู่ตลอด ไตรภพที่เมื่อมีเวลาว่างก็จะมาที่ไร่
นี้บ้าง เหมือนมาหาเพื่อน แต่ก็เป็นการข่มขวัญคนที่คิดไม่ดีกับไร่นี้ไปในตัวด้วยเช่นกัน
“สวัสดีครับ หนุ่มน้อย สาวน้อย”
ไตรภพเอ่ยทักตาต้ากับน้องจินนี่ที่เล่นโยนบอลอยู่หน้าบ้าน ตาต้ารับลูกบอลลมจากน้องจินนี่
แล้วหนีบไว้ที่แขน ก่อนเด็กทั้งสองคนจะไหว้สวัสดีคุณตำรวจตัวโต
“สวัสดีครับ พี่ผู้กองไต๋”
“สวัสดีค่ะ คุณลุงผู้กอง”
ไตรภพเกาหัวแกรกกับคำเรียกขานของสองพี่น้อง ยืนดูพี่น้องเขาเล่นกันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินไป
ที่สำนักงานของไร่รณวีร์
ไตรภพที่เดินเตร่มาที่สำนักงาน แต่สายตาก็แอบสอดส่ายความเรียบร้อยของพื้นที่ตามความเคย
ชิน ก่อนที่เท้าจะหยุดกึก เมื่อด้านหน้าเขาตอนนี้คือหนุ่มหน้าเข้มที่เขาหมายปอง แม้ว่าฝ่ายนั้น
จะไม่มีแววว่าจะเล่นด้วย แถมยังแสดงความรำคาญให้เห็น แต่คนมันถูกใจไปแล้วท่าจะหยุดได้
ยาก
ดินที่ยืนรายงานความเป็นไปในไร่ให้กับเจ้านายรับรู้อยู่หน้าทางเข้าสำนักงาน เกิดอาการขนลุก
ขึ้นมาจนต้องมองหาสาเหตุ ก็ประสบกับสายตาคมของนายตำรวจหนุ่มที่มองมายังตนเองอยู่ก่อน
แล้ว หนุ่มหน้าเข้มหันกลับ รายงานนายด้วยน้ำเสียงนิ่งเป็นปรกติ
“รั้วเขตแดนของเรากับไร่โน้นจะพังอยู่จุดหนึ่งนะครับ”
“จัดการเลยดิน อย่าปล่อยให้เป็นปัญหานาน”
โซลบอกลูกน้องคนสนิท ขณะที่เปิดแฟ้มเอกสารที่ดินนำมาด้วยดูคร่าวๆ นายตำรวจหนุ่มมอง
เจ้านายกับลูกน้องเขาคุยกันอยู่ห่างๆไม่ได้เดินเข้าไปทักเพื่อน จนเสียงหวานของสาวสวยที่เขา
เคยคุ้นจะดังมาจากด้านหลังของเขา ไตรภพจึงหันกลับไปมอง รวมทั้งเจ้าของชื่ออย่างโซลและ
ดินด้วย
“โซลคะ”
โซลส่งแฟ้มคืนให้ดิน พยักหน้าให้ดินไปดำเนินการตามที่สั่งได้ เดินไปหาหญิงสาวที่เอ่ยทักเขา
เมื่อครู่ ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญเธอไปที่สำนักงาน
ไตรภพมองตามเพื่อน แล้วส่ายหน้ากับตนเอง ก่อนจะเบนทิศทางเดินของตนเองตามหนุ่มหน้าเข้มไป
++++++++++
“เรื่องมันแล้วไปแล้ว และผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าที่คุณเห็น เพราะฉะนั้นก็อย่าคิดมากเลย
ครับ”โซลที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกในสำนักงาน ฝั่งตรงข้ามคือวิจิตราที่มาหาเขาเพื่อแสดงความขอ
โทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนงานเลี้ยงของไร่คุณวิชิตพี่ชายของวิจิตรา
“แวรี่ต้องขอโทษจริงๆนะคะที่ไม่ได้ดูแลให้ดี ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับคุณ”
สาวสวยแสดงสีหน้าว่ารู้สึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ โซลมองท่าทางนั้นของหญิงสาวแล้วยิ้ม ก่อนจะ
บอก
“มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณนี่ครับที่ต้องตรวจตราว่ามีอะไรผิดปรกติที่ตรงไหนบ้าง ผมไม่โทษคุณ
หรอกแวรี่”
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้น วิจิตราจึงยิ้มออกมาได้ ราวกับว่าความรู้สึกผิดนั้นได้รับการอภัย
แล้วกระนั้น
“ขอบคุณนะคะโซล”
โซลเพียงแต่ยิ้มให้กับการแสดงครั้งนี้เท่านั้น เขายังไม่มีหลักฐานอะไรที่จะบ่งบอกว่า
วิจิตราเป็นคนทำ แต่ถ้าเทียบเคียงเวลาและสถานการณ์ ณ ขณะนั้นที่เขาแสดงอาการออกมา
แอลกอฮอล์สีสวยในแก้วที่เขาได้มาจากวิจิตราก็อยู่ในข่ายต้องสงสัย มันอาจจะเป็นสิ่งนั้น แต่ที่
โซลยังด่วนสรุปไม่ได้ว่าวิจิตรารู้เห็นด้วยหรือไม่ นั่นเพราะโซลไม่คิดว่าวิจิตราจะรู้จักปรเมศวร์
เป็นการส่วนตัว และยิ่งไม่คิดว่าคนที่ดูดีและมีพร้อมอย่างวิจิตราจะทำเรื่องแบบนี้ได้
แต่เมื่อเธอมาแสดงความจริงใจให้เห็น เขาจะไม่รับไว้มันก็จะดูเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป
ความสงสัยและคลางแคลงจึงต้องถูกเก็บซ่อนภายใต้รอยยิ้มที่ส่งกลับไปให้สาวเจ้าเท่านั้น
+++++++++++
โซลเดินออกมาส่งสาวสวยที่รถของเธอ ขณะที่สองพี่น้องคนสนิทกำลังจะไปหาชินที่โรงเพาะ
ตาต้าหยุดยืนมองพี่ชายกับคุณคนสวยที่สั่งลากันอยู่นานสองนานแล้วหน้ามุ่ย ลาอะไรกันนักหนา
ไม่รู้ พอรถของวิจิตราขับออกไปจากไร่แล้วโซลจึงจะกลับไปทำงานต่อ แต่พอหันกลับก็เจอลูก
สาวตัวน้อยกับพี่ชายคนสนิทของลูกยืนกอดอกท่าเดียวกันเป๊ะ มองมาทางเขานิ่งอยู่ โซลยิ้ม
เจื่อนก่อนจะเดินเข้าไปหาลูกและน้องชาย
“จะไปไหนกันครับเด็กๆ”
โซลเอ่ยถามนำไปก่อน ดูสีหน้าเด็กเล็กกับเด็กโตแล้วท่าทางจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“จินนี่กับพี่ตาต้ากำลังจะไปหาพี่ชินค่ะ”
หนูน้อยจินนี่เป็นคนตอบคำถามคุณพ่อ ขณะที่พี่ชายของหนูน้อยยังเงียบอยู่
“เหรอคะ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวคุณพ่อขาจะพาไปดีไหมคะ?”
โซลเสนอตัว จินนี่จึงเงยหน้ามองพี่ชายที่เอาแต่เงียบ ตาต้าจึงต้องคลายแขนที่อยู่ในท่ากอดอก
นั้นออก จินนี่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“อุ้มลูกตามมาสิครับพี่โซล”
หนุ่มน้อยว่าก่อนจะออกเดินนำหน้าพี่ไป โซลเลยต้องอุ้มลูกสาวตัวน้อยแล้วตามคนหน้ามุ่ยไปที่
โรงเพาะ
เมื่อมาถึงสถานที่แล้วก็ดูเหมือนว่าคนหน้ามุ่ยจะอารมณ์ดีขึ้นที่เห็นผลงานของตนเองเติบโต
ขึ้นมา สองพี่น้องดูจะตื่นเต้นกันใหญ่ที่มันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อีกไม่นานคงออกดอกแน่นอน
“เมื่อไหร่มันจะออกผลล่ะคะพี่ชิน?”
จินนี่ถามข้ามขั้นตอนกันเลยทีเดียว ก็หนูใจร้อนอยากให้มันมีลูกเร็วๆ
“ต้องนับเวลาปลูกไป5เดือนนะครับ”
“โห ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ได้อยู่จนถึงตอนเก็บลูกมันน่ะสิ เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วอ่ะ”
ตาต้าเสียงหลงอย่างเสียดายทันทีที่ได้ยิน เดือนหน้าเขาก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว นี่ถ้านับกัน
ตามเวลาที่ปลูกก็เพิ่งจะเดือนเดียวเอง อีกสี่เดือนเขาก็คงอยู่ที่กรุงเทพฯแล้วล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะถ่ายรูปตอนมันโตให้ทุกวัน พอมันให้ผลแล้วเดี๋ยวพี่เก็บแพคกล่องส่งตรง
ให้ตาต้าเลยดีไหม?”
โซลเสนอความคิดเห็น ซึ่งตาต้าก็เห็นดีด้วย ยกนิ้วโป้งให้พี่ว่ามันดีสุดๆ
“เยี่ยม”
ตาต้าหันไปคุยกันงุ้งงิ้งกับน้องสาวว่าด้วยเรื่องสตรอเบอร์รี่ของใครจะติดลูกก่อน โซลยิ้มกับภาพ
นั้น ภาพแบบนี้เคยเห็นอยู่ทุกวันตั้งแต่น้องมาที่นี่ จะว่าไป จนตอนนี้เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าน้อง
ต้องกลับบ้าน
++++++++++
งานเทศกาลประจำปีที่จะถูกจัดขึ้นในไร่เริ่มดำเนินการไปได้เกินกว่าครึ่งแล้ว ทั้งเรื่องการ
นันทนาการ ข้าวของอาหารการกินที่กำหนดไว้ ของรางวัลสำหรับผู้ที่ร่วมกิจกรรมกับทางไร่ เวที
สำหรับการแสดงออกของทุกคน ทุกอย่างดูจะคึกคักมากมาย ตาต้ากับน้องสาวและเพื่อนกาย
กับแก้วมักจะมาส่องอยู่เรื่อยๆ
“เร่งมือหน่อยนะทุกคน”
“ครับ”
เสียงหัวหน้างานสั่งการลูกน้องดังมาให้ได้ยิน หนุ่มน้อยตาต้ายิ้มชื่น รู้สึกดีที่ตนเองจะได้มีส่วน
ร่วมในงานปีนี้ด้วย
“ดีจังเนอะที่เรามาทันได้ร่วมงานประจำปีของไร่”
ตาต้าที่จูงมือน้องสาวเดินดูเขาทำงานอยู่ไม่ไกล ยิ้มบอกกับกายที่เดินคู่กับน้องสาวอย่างแก้ว
และพี่นุ่นที่เดินตามมาด้านหลัง
“ก็จัดกันตอนนี้ทุกปีนั่นล่ะ หลังฤดูเก็บเกี่ยวที่แสนเหน็ดเหนื่อย เราก็มีความสุขกันบ้าง”
กายว่าอย่างนั้นก่อนจะชี้ชวนให้ไปนั่งใต้ร่มไม้หลบแดด และจะได้ดูเขาจัดสถานที่ไปด้วย
+++++++++++++
บ้านไม้หลังใหญ่ในไร่รณวีร์เวลาค่ำ หลังจากที่สมาชิกภายในบ้านรับประทานอาหารเย็นกัน
เรียบร้อย กิจกรรมต่อมาของสองพี่น้องคือดูทีวี แต่วันนี้เพิ่มคุณพ่อขาของน้องจินนี่มาอีกหนึ่ง
โซฟาหน้าทีวีที่ถูกจับจองโดยสองพี่น้องจึงมีสาม โดยที่โซลนั่งกลางและมีลูกน้อยนอนอยู่บน
อก แก้มยุ้ยๆนั้นแนบไปกับอกคุณพ่อดูทีวีตาแป๋ว ส่วนคนเป็นพี่ชายก็ซุกกายอยู่อีกทาง อ้อม
แขนแข็งแรงของโซลกอดตัวบางของน้องไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหลังลูกสาวไปด้วย บรรยากาศ
แห่งความสุขในครอบครัวที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยในช่วงนี้
หลังจากดูทีวีกันจบแล้วจึงย้ายขึ้นมาที่ห้องน้องจินนี่ ตาต้าที่บอกกับพี่ว่าโทรไปที่บ้าน บอกว่าที่
ไร่กำลังจะจัดงานประจำปีอยากให้พ่อกับแม่และพี่ชายมาร่วมงานด้วย ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะ
สะสางงานแล้วมาให้ทัน จินนี่จึงให้โทรหาย่าน้ำทิพย์ของจินนี่บ้าง
“คุณย่าขา จินนี่อยากเจอน้องพูห์จัง คุณย่าพาน้องพูห์มาได้ไหมคะ?”
เสียงเล็กอ้อนไปตามสาย น้องพูห์ที่ว่าคือลูกชายตัวน้อยของอรณีน้องสาวของโซล ซึ่งตอนนี้ทั้ง
คุณรณวีร์และคุณน้ำทิพย์คอยดูแลอยู่ พอหลานสาวตัวน้อยบอกว่าอยกเจอน้อง คุณปู่กับคุณย่า
จึงรับปากว่าจะพาไปหาแน่นอน
“เย้ ดีจังค่ะ รักคุณปู่ขากับคุณย่าขาที่สุดเลย จุ๊บๆ”
คุณปู่กับคุณย่าที่โดนลูกอ้อนไปเต็มๆพากันหัวเราะอย่างเอ็นดูหลานตัวน้อย คุยกันตามประสา
ปู่ย่ากับหลานสาวอยู่สักพัก ก่อนคุณย่าขาของน้องจินนี่จะขอคุยกับพี่ตาต้าบ้าง
“ต้าสบายดีครับป้าน้ำ พี่โซลดูแลต้าดีมาก”
พอทางนั้นถามถึงความเป็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร พี่โซลดูแลดีไหม หนุ่มน้อยตาต้าจึงตอบไป
ทันทีทันใด แอบมองพี่ไปด้วยตอนที่ตอบคุณป้ากลับไป โซลรั้งร่างเพรียวมาพิงอก ฟังที่น้องคุย
กับพ่อแม่ของตนเองไปด้วย จินนี่ที่นอนเอาคางเกยต้นขาคุณพ่ออยู่เลยคลานเข้าไปแทรกตัว
แล้วพิงอกพี่ชายอีกทอดหนึ่งด้วย
หลังจากที่ตาต้าคุยเสร็จโซลจึงขอตัวไปคุยธุระกับพ่อแม่ด้านนอก ให้สองพี่น้องเขานอนเล่นอยู่
บนเตียงไปพลางๆ
“ท่าทางจินนี่จะติดตาต้าเข้าแล้วล่ะสิเนี่ย”
“ครับ ไปไหนไปกันเลยล่ะครับสองคนนี้”
โซลตอบคำถามมารดายิ้มๆเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของสองพี่น้อง
“นี่ถ้าน้องกลับบ้าน จินนี่จะไม่ร้องไห้คิดถึงน้องแย่หรือนี่”
พอคุณแม่ท่านว่ามาแบบนั้นรอยยิ้มบนริมฝีปากหยักหนาก็เจื่อนลง คงไม่ใช่แค่จินนี่หรอกที่จะ
คิดถึงน้อง มันรวมถึงเขาด้วยต่างหาก แค่ช่วงระยะเวลาไม่นาน หนุ่มน้อยจากเมืองกรุงคนนี้ก็เข้า
มาอยู่ในหัวใจของเขาพ่อลูกแล้ว ถ้าถึงวันที่น้องต้องกลับบ้านจริงๆ เขายังไม่รู้เลยว่าจะยิ้มส่ง
น้องได้ไหม ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก แต่คนที่อยู่ด้วยกันทุกวันจนกลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่ง
ของชีวิตไปแล้ว หากมีวันที่ต้องอยู่ไกลกันแม้จะช่วงเวลาสั้นๆ มันก็คงอดคิดถึงไม่ได้
“แม่ครับ”
หลังจากที่นิ่งไปชั่วครู่ โซลจึงตัดสินใจที่จะพูดกับผู้เป็นบิดาและมารดา
“หือ ว่าไงจ๊ะ?”
“ถ้าแม่กับพ่อมาถึงนี่แล้ว ผมมีเรื่องสำคัญอยากเรียนปรึกษา”
พอพูดไปแบบนั้นคุณแม่ท่านก็เงียบไป ก่อนจะเอ่ยกลับมาเหมือนกระเซ้าคนเป็นลูก
“เรื่องอะไรกัน ทำเสียงซะแม่เครียดตาม”
“คุยทางโทรศัพท์คงไม่สะดวกเท่าไหร่น่ะครับ เอาไว้พ่อกับแม่มาถึงก่อน เราค่อยคุยกันอีกทีนะ
ครับ”
“เอาไงก็เอาเถอะจ้ะ พ่อคนความลับเยอะ”
ได้ยินเสียงคุณรณวีร์หัวเราะกับการพูดคุยของสองแม่ลูกลอดมาตามสาย โซลเลยเปิดยิ้มตามไป
ด้วย หลังจากนั้นโซลก็พูดคุยถามไถ่พ่อกับแม่อยู่อีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสาย
“รักพ่อกับแม่นะครับ”
“พ่อกับแม่ก็รักโซลจ้ะ”
โซลปิดโทรศัพท์แล้วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สิ่งที่เขาตัดสินใจมันคือเรื่องที่ถูกต้อง บอกย้ำกับตนเอง
เช่นนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่มีคนที่เขารักทั้งสองคนรออยู่ในนั้น
+++++++++++++
ณ ท่าอากาศยานประจำจังหวัดทางภาคเหนือ
ช่องทางฝั่งผู้โดยสารขาเข้า หญิงสาวรูปร่างเพรียวระหงสมส่วนภายใต้ชุดกางเกงยีนส์รัดรูปและ
เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโต รัดเอวด้วยเข็มขัดสีน้ำตาล และสวมรองเท้าสานส้นสูงตามสมัยนิยม ก้าวเดิน
อย่างมั่นใจออกมาด้านนอก ผมที่ถูกดัดเป็นลอนสวยถูกรวบเป็นหางม้าปล่อยยาว สะบัดไปมา
ตามการก้าวเดินอย่างมาดมั่น ริมฝีปากอิ่มสวยแตะแต้มด้วยลิปสติกแวววาวเผยอเป่าลมน้อยๆ
เมื่อออกมาเจอสภาพอากาศที่แตกต่างจากภายในตัวอาคารสนามบิน จมูกโด่งเรียวรับกับแว่นกัน
แดดสีชาอันโต บดบังใบหน้าสวยไปกว่าครึ่ง
รถโดยสารประจำสนามบินมาจอดลงตรงหน้า คนขับกุลีกุจอขนข้าวของผู้โดยสารผู้ทรงเกีรยติ
ขึ้นรถอย่างรวดเร็วทันใจ ขาเรียวสวยจึงก้าวขึ้นรถโดยสาร เมื่อนั่งเรียบร้อยจึงบอกกับคนขับรถ
ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไปไร่รณวีร์”TBC• บวกทุกบวกเมื่อบวกได้ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
• พบกันอีกครั้งในวันพฤหัสบดีค่ะ
• ปล. สำหรับคู่คุณตำรวจไต๋กับพี่ดินจะมาเป็นสีสันให้เรื่องนี้ และมีบทบาทสำคัญบางประการค่ะ
ส่วนเรื่องราวของทั้งคู่นั้นจะมาตอนพิเศษหลังจากจบเรื่องน้องตาต้าแล้วนะคะ ตอนนี้ขอเคลียร์
เรื่องน้องตาต้ากับพี่โซลก่อนเนาะ ขอบคุณที่ให้ความสนใจพี่ดินกับผู้กองไต๋ค่ะ