เสน่ห์รักลูกชิ้นปิ้ง ตอนที่ 70 ตลอดหนึ่งอาทิตย์ต้นกล้า อยู่ดูแลยายไม่ห่าง นพคุณก็ไปกลับที่ร้าน เพื่อมาดูยายและ เตรียมตัวเรื่องที่ต้นกล้าต้องไปฝึกงานด้วย นพคุณรับปากว่าจะดูแลยาย ส่วนชินพัตน์ นนทนัฐ และคนอื่นๆก็แวะเวีนย มาดูมาเยียมยายตลอด ทำให้ต้นกล้าเบาใจ และตั้งใจจะไปฝึกงานอย่างสบายใจ
“ฮัลโล หม่อน”
(ว่าไงต้น ยายหายดีแล้วใช่ไหม?)
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ พี่ๆเขาก็แวะมาดูตลอดเลยนะ”
(ดีแล้วล่ะ ต้นจะได้มาฝึกงานได้แล้วสินะ)
“อืม เย็นวันอาทิตย์ เราจะขึ้นรถไปที่หมาลัยนะ แล้วค่อยไปคุยกันเรื่องเดินทางอีกที่นะหม่อน”
(“ได้ๆ ให้เราไปรับที่ไหนดีล่ะ”)
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเอง ต้องแวะไปลาออกจากงานพิเศษด้วย ยังไม่ได้ไปยื่นใบลาออกเลย มันยุ่งๆนะ”
(อ้าวเหรอ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะต้น)
“ขอบใจมากนะหม่อน แค่หม่อนช่วยเราเรื่องหาที่ฝึกงานเราก็ขอบใจมากแล้วล่ะ”
(อย่าคิดมากนะต้น วันอาทิตย์เจอกันนะต้น เดินทางดีๆล่ะ)
“อืม แล้วเจอกัน” ต้นกล้าน้ำตาคลอ เมื่อรู้สึกตื้นตันใจที่ได้รู้จักเพื่อนดีๆอย่างหม่อน
นพคุณที่ยืนฟังต้นกล้าโทรศัพท์อย่างๆไม่ตั้งใจ เพราะเห็นว่าลงมาข้างล่างตั้งนาน เลยคิดจะลงมาตาม เลยเผลอยืนฟังเงียบๆ พอเห็นว่าต้นกล้าคุยโทรศัพท์ก็เลย รีบเดินออกมาทัก
“ต้นทำอะไรอยู่ ยุ่งเยอะนะ”
“ต้นโทรศัพท์หาเพื่อนครับ “
“เพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันนะเหรอ?”
“ใช่ครับ ชื่อหม่อน พี่รู้จักแล้วใช่ไหมครับ” ต้นกล้าหันมาถาม
“ใช่ๆจำได้ๆ แล้วจะกลับมหาลัยวันไหน?”
“ต้นจะกลับเย็นวันอาทิตย์นี้ครับ”
“ให้พี่ไปส่งนะ”
“ไปส่งที่ไหนครับ ถ้าแค่ บขส.ก็ขอบคุณมาเลยครับ เพราะเย็นหารถเข้าเมืองยากมาก”
“เดี่ยวพี่ไปส่งที่มหาลัยเลยครับ”
“อย่าเลยครับต้นเกรงใจ แค่ที่ในเมืองก็พอแล้วครับ เพราะต้นเข้ากรุงเทพแล้วต้องแวะไปยืนใบลาออกจากทีทำงานพิเศษด้วยนะครับ”
“แบบนั้นพี่ยิ่งต้องไปส่งเลย ว่าจะไปถึงกว่าจะทำธุระเสร็จแล้วเมื่อไหร่จะได้เข้าห้องพักล่ะแบบนั้น”
“แต่ว่า…..” ต้นกล้าเกรงใจ และที่สำคัญอยากให้นพคุณดูแลยายอยู่ที่นี้ ต้นกล้ารู้สึกสบายใจกว่า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องยายนะ เดี๋ยวพี่ให้ เจ้าชิน แวะมาอยู่เป็นเพื่อนยายเอง”
“พี่ชินเข้าต้องดูร้านนะครับ”
“เอาน่า พี่คนมาอยู่เป็นเพื่อนยายได้แน่ๆ อย่าเป็นห่วงไปเลย แล้วพี่ก็อยากไปส่งต้นที่มหาลัยด้วย “
“ก็ได้ครับ”
“โอเค งั้นขึ้นบ้านเถอะยุงเยอะมากเลย”
“ครับๆ”
ทั้งคู่ขึ้นเรือนไป ต้นกล้าไปนอนกับยาย ส่วนนพคุณนอนที่ห้องต้นกล้า ที่มีที่นอนหมอนมุ้งเตรียมพร้อม สำหรับมาอยู่เฝ้ายาย ข้าวของใช้ส่วนตัวก็เตรียมมาพร้อม นพคุณอาบน้ำเสร็จนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรหาน้องชาย เรื่องที่ต้องจะไปฝึกงานแล้ว
“เจ้าชิน วันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆ พอจะว่างไหม?”
(มีอะไรพี่ บอกมาเลย)
“อาทิตย์นี้ต้นจะกลับมหาลัยแล้วพี่ว่าจะไปส่งนะ พี่เลยอยากให้เรามาดูยายแทนช่วงบ่ายๆนะ”
(ได้สิพี่ เดี๋ยวผมไปดูยายให้เอง แล้วต้นขาดเหลืออะไรเตรียมตัวพร้อมหรือยังพี่?)
“ก็นี้แหละ พี่จะไปกับต้น เพื่อต้นต้องการอะไรพี่ก็จะหาซื้อให้น้องด้วย น้องคงไม่กล้าออกปากเองหรอก”
(จริงด้วยพี่ ได้ๆ วันอาทิตย์ เจอกันพี่)
“ขอบใจมาก”
(พี่แล้วที่ร้านล่ะ?)
“พี่โทรไปบอกแมนแล้ว ฝากดูไว้แล้วนะ”
(โอเคๆ แล้วเจอกันพี่)
ชินพัตน์ตัดสายโทรศัพท์จากพี่ชาย ในขณะที่ตนเองนั่งอยู่หน้าคอมโต๊ะทำงานของนนทนัฐ ว่างโทรศัพท์และนั่งเล่นเกมต่อ เป็นเกมที่กำลังฮิตในร้านชินพัตน์เห็น เด็กๆในร้านเล่นกันหลายคนไปยืนดูเด็กเล่นได้เป็นนาน 2 นาน จนนนทนัฐต้องลากกลับมานั่งด้วยกัน แล้วเปิดเกมให้ลองเล่นดู ตั้งแต่ปิดร้านของตัวเอง แล้วเข้ามาในร้านเกมยังไม่ยอมลุกไปไหนเอย ดูท่าชินพัตน์จะติดเกมซะแล้ว นนทนัฐเริ่มอยากแกล้งเด็กติดเกมด้วย
“ชินครับ?”
“……”เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากคุณเจ้าของร้านลูกชิ้น ที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กติดเกมไปแล้ว
“ชินครับ” เสียงเรียกเริ่มเข้าใกล้
“………”
“ชินครับ หันมาคุยกับผมหน่อยสิ”
“………”
“โธ่คุณ เห็นไหมแพ้เลยอ่ะ เอามือมาปิดหน้าจอทำไหมอ่ะ” ชินพัตน์ทำเสียงหงุดหงิด หันมาต่อว่าต้นเหตุคนที่ทำให้ตนเองแพ้เกม
“ก็ผมเรียกคุณเท่าไรคุณก็ไม่หัน”
“ก็ผมเล่นเกมอยู่”
“ผมรู้ แต่คุณเอาแต่สนใจเล่นแต่เกม ตั้งแต่เข้าร้านมา คุณยังไม่คุยกับผมสักคำเลยนะ”
“ก็….เกมมัน..เออ….”ชินพัตน์เห็นสายตาเศร้าออกแน่วตัดพอของคนรัก แล้วก็เลยสำนึกได้ว่า ตนเองกลายเป็นเด็กติดเกมไปซะแล้วเหรอ ไม่สนใจคนรอบๆข้างเลย เมื่อกี่ก็เกือบจะไม่รับโทรศัพท์พี่ชายตัวเองเหมือนกัน
“ผมรู้ว่าเกมมันกำลังสนุก แล้วต้องเล่นต่อเนื่อง แต่พอคุณไม่หันมาคุยกับผมเลย ไม่รู้สึก เหมือน…..”นนทนัฐก็ไม่กล้าพูดต่อ ว่าโดนแย่งความสนใจเหมือนเด็กโดนแย่งของที่ชอบไป แล้วที่สำคัญตัวนนทนัฐเอง ที่เป็นคนสอนให้ ชินพัตน์เล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง เลยพูดได้ไม่เต็มปาก
“โอเคครับ ผมขอโทษ ไม่เล่นแล้วครับ “
“คุณไม่เล่นแล้วเหรอ? “
“ไม่เล่นแล้ว เรียกผมมีอะไร จะคุยเรื่องอะไร พูดมาเลย” ชินพัตน์อยากเอาใจคนตรงหาที่ทำหน้าเหมือน รู้สึกผิด
“เอ่อ เปล่าครับ คือ…” จริงๆแล้วนนทนัฐก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอยากจะคุย เพียงแค่อยากให้คนรักหันมาสนใจตัวเองบ้างก็เท่านั้น
“โอเค คุณไม่มีเรื่องคุย ไงผมคุยเอง วันอาทิตย์นี้ช่วงบ่าย ผมจะไปบ้านสวนนะ ไปดูยายสักหน่อย เพราะพี่ผมเขาจะไปส่งต้นกล้าที่มหาลัยนะ”
“เหรอครับ น้องเขาจะกลับไปฝึกงานแล้ว?”
“ใช่ ผมเลยต้องไปดูแลยายแทนนะ”
“ผมไปด้วยสิ “
“อ้าวแล้วที่ร้านนี้หล่ะ?”
“พรุ่งนี้จะมีเด็กมาดูร้านแทนแล้วครับ”
“เฮ้ย ทำไมคุณได้เด็กมาช่วยก่อนที่ร้านผมล่ะ ทั้งๆที่ปิดประกาศพร้อมๆกันอ่ะ”
“เปล่าๆ เพื่อนผมที่เคยช่วยเรื่องคอม และที่เคยมาที่วัดเปิดร้านคุณจำได้ไหม?”
“อ้อๆ จำได้ ทำไมเหรอ”
“เพื่อนผมแนะนำ คนรู้จักให้มาฝากผมดูนะ เห็นว่าเป็นคอม แต่เกมาก ไม่ยอมเรียน จนพ่อแม่ ไม่สนใจตัดหางปล่อยวัด เพื่อนผม เป็นห่วงเลยฝากมานะ เห็นว่าจะมาพรุ่งนี้”
“อ้อ ก็ดีแล้วคุณก็จะได้พักบ้าง มีคนมาช่วยแบบนี้ แต่ว่าจะไว้ใจได้เหรอ? ไหนเพื่อนคุณบอกเกเรไง?”
“ผมก็ไม่แน่ใจ พรุ่งนี้ต้องลองดูก่อน เพื่อนผมมันก็จะมาด้วย”
“งั้นเหรอ ก็ดูดีแล้วกันนะคุณ”
“เป็นห่วงผมเหรอครับ”
“ก็เป็นห่วงดิ ไม่ห่วงฟะ..แฟ…นั้นแหละ แล้วจะไปห่วงใคร”
“พูดให้ฟังชัดๆสิครับ ผมอยากได้ยินชัดๆจังเลย”
“ไม่ต้องเลย โน่นๆ เด็กมาเติมเกมแล้ว ผมง่วงนอนจะไปนอนแล้ว”
ชินพัตน์เขิน กับคำว่าแฟน รีบเดินหนีกลับไปที่ร้านตนเองทันที่ไม่รอให้อีกฝ่ายเรียก เพราะต้องเติมเกมให้เด็กๆ แล้วก็ใกล้เวลาที่จะปิดร้านแล้วด้วย แยกย้ายกันตรงนี้เลยท่าจะดีกว่า
เช้าวันรุ่งขึ้นชินพัตน์ตื่นขึ้นมาเปิดร้าน พร้อมป้าพรและจอย ตามปกติแต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีกคนที่ไม่คิดว่าจะ เจอในตอนเช้าแบบนี้ก็คือ กัมพล ที่กำลังช่วยป้าพร ยกตะกล้าผัก และถังแก็สอย่างคล่องแคล่ว จนชินพัตน์ที่พึ่งเดินลงมาจากชั้น 2 งงมา กัมพลมาได้ยังไง แล้วคุณเนติธรปล่อยตัวมาได้ยังไง แต่เมื่อมองออกไปนอกร้านทั้งรถ ทั้งคนที่คิดอยู่ก็เดินเข้ามาหนาร้านพอดี
“สวัสดีครับ คุณเนติธร” ชินพัตน์ได้แต่ทักทาย เพราะยังไงก็เป็นผู้ใหญ่กว่า
“สวัสดีครับ พอดีผมต้องไปทำงานต่างประเทศ แล้วคุณอาไม่อยากอยู่ที่บ้าน ผมเลยมาฝากไว้ที่นี้ครับ”
“พี่ชิน ผมมาอยู่ที่ร้านด้วยสักประมาณอาทิตย์หนึ่งนะพี่ ผมไม่อยากไม่เมืองนอก ผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นครับ” กัมพลรีบเข้ามาประจบชินพัตน์ทันทีแถมบอกเหตุผลเสร็จสับ
“ก็ผมบอกว่าไง ว่าให้ไปเรียนพิเศษ แค่คุณก็ไม่ไป” คุณเนติธร สวนกลับเด็กที่มีฐานะเป็นอาทันที่
“ก็ผมอายุขนาดนี้แล้ว จะไปเข้านั่งเรียนกับเด็กๆเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก มาช่วยงานร้านพี่ชินดีกว่า ได้กินลูกชิ้นฟรีด้วย”
“แต่คุณขอไปเรียนมหาลัยแล้วนะครับ ควรจะทบทวนบทเรียนเตรียมไว้ก่อนเปิดภาคเรียน” ผู้ที่มีฐานนะเป็นหลานก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พูดให้อีกฝ่ายได้คิด
“ผมว่าคุณเนติธร พี่ไปขึ้นเครื่องเถอะครับเดี่ยวขึ้นเครื่องไม่ทันนะครับ” ลูกน้องคนสนิทก็เดินเข้ามากระซิบกำชับเรื่องเวลาเช่นเดียวกัน ทำให้ชายหนุ่มวัย30 ต้องจำยอม
“ยังผมก็ฝาก คุณชินพัตน์ด้วยนะครับ อีกประมาณ 1 อาทิตย์ผมจะมารับตัวกลับแน่นอนครับ” ชินพัตน์ได้แต่พยักหน้ารับ เพราะยังไม่ทันได้ตกปากรับทำ ก็ยกขบวนกันออกไปหมดทั้งลูกพี่ลูกน้อง มาเร็วไปเร็วกันจริงๆ ทุกนาทีเป็นเงินสินะ
“พี่ชินมีอะไรให้ผมช่วยบ้างครับ บอกมาได้เลย”
“ถ้าอยากช่วยก็ ทำหน้าที่เดิมเลย อาจจะเพิ่มเติมขึ้นมาอีกก็ตรงต้อง เดินไปเก็บจ้านที่ร้านเกมบ้าง ช่วยจอยหน่อยนะ”
“ได้ครับ แค่นี้สบายมาก ผมอยากมาที่ร้านพี่ตั้งนานแล้ว แต่ต้องทำโน่น เรียนนี้เยอะแยะเลย ผมเบื่อมากๆ อยากทำงานใช้แรงมากว่า อิอิ” พูดเสร็จก็รีบผละ ไปช่วยป้าพรล้างผักทันที่
ชินพัตน์ได้แต่สายหน้าไปมา เรื่องกัมพลกับคุณเนติธร คงจะไม่น่ามีปัญหาแล้ว ดูจากการพูดคุยกัน น่าจะเป็นเรื่อง ความต่างวัยที่ยังไม่ ลงตัวกันเท่านั้นอีกสักพักก็คงจะดีขึ้นเอง แต่เห็นกัมพลร่าเริงกว่าเก่าก็รู้สึกสบายใจ
ตลอดช่วงเช้าที่ร้านคนเริมเยอะ แต่ก็ขายได้ไม่มีปัญหาเพราะมีกัมพลมาช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะลูกค้าก็บอกว่าได้ อาหารเร็วขึ้น ลูกชิ้นปิ้ง และยำก็ไม่ต้องรอนานเหมือนอย่างเคย ทำให้ชินพัตน์เริ่มคิดว่าจะต้องหาคนเข้ามาทำงานเพิ่ม ให้ได้เร็วๆ
คงต้องไปปริ๊นใบประกาศรับสมัครงานมาเพิ่ม เพื่อจะไปแปะเพิ่เติมอีก เลยแวะไปหาชินพัตน์ช่วงเที่ยงและเอาอาหารเที่งไปให้ด้วย
“ชินมาพอดีเลย นี้ไงเพื่อนผม แล้วก็น้องเขาที่จะมาช่วยที่ร้าน”นนทนัฐรีบแนะนำทั้งเพื่อนและเด็กที่มาใหม่ ที่กำลังดูวิธีการต่างๆ ในการเติมเงินให้เด็กเพื่อน และมีนนทนัฐค่อยเสริมเล็กอยู่ที่หน้าคอม
“ทำไมไม่บอกผม ผมจะได้ ยกอาหารมาให้ด้วย” ชินพัตน์กระซิบบอกแฟน นนทนัฐก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปด้วย
“พวกนายหิวยัง ไปทานข้าวกันก่อนไป ตามชินไปทีร้านเลยมีแต่ของอร่อยๆ เดี่ยวเราตามไป”นนทนัฐเรียกให้เพื่อนกับเด็กใหม่ ลุกขึ้นเดินมา ชินพัตน์ไปที่ร้าน
“นั่งก่อนนะครับ เมนูครับ น้องสนใจอยากลองทานอันไหนสั่งเลยนะ” ชินพีตน์ทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดี
“ผมเอาต้มจืดลูกชิ้นครับ” เพื่อนของนนทนัฐช่างอย่างคล่องแคล่ว เพราะเคยทานแล้วเลยรู้ว่าอร่อย
“แล้วน้องสั่งอะไรดี”
“ผมขอกระเพราะลูกชิ้นเผ็ดๆครับ”
“ได้ๆครับ รอสักครู่นะ”ชินพัตน์เอารายการไปส่งให้กับป้าพร กัมพลเห็นลูกค้าใหม่เข้าร้านเลยรีบไตอ้นรับ ถามไถ่เรื่องเครื่องดื่ม
“จะรับน้ำอะไรดีครับ มีน้ำอัดลม น้ำดื่มสมุนไพร ครับ” กัมพลรอรับรายการด้วยรอยยิ้มการค้า
“ผมข้อน้ำสมุนไพรครับ มีน้าอะไรบ้าง”
“มีกระเจี๊ยบ เก๊กฮวย น้ำมะขาม น้ำตาลสด น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบกครับ”
“งั้นขอน้ำใบบัวบก 2 แก้วครับ”
“ได้ครับ” กัมพลรับคำ แล้วรีบไปจัดการตักน้ำตามที่ลูกค้าต้องการ
“ผมไม่ได้อยากกินเลยนะ น้ำอะไรนั้นนะ”เด็กหนุ่มทำหน้าบึ้งบอกคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันว่าไม่ชอบ
“แต่ฉันสั่งให้นายกินก็ต้องกิน ช้ำใจมากไม่ใช่หรือไง กินน้ำบัวบกก็ดีแล้วนี้ หึ”เพื่อนของนนทนัฐกระซิบบอกอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าแค่เพื่อนกัน คุณไม่เชื่อเองนี้ ชิ” เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีไม่อยากเสวนาต่อ พอดีกลับที่รายการอาหาร มาส่งที่โต๊ะ พร้อมกับเครื่องดื่ม เป็นกัมพลที่เป็นคนมาเสริฟ ให้ด้วยใบหน้ายิ้มการค้าสุดๆ
“ทานให้อร่อยนะครับ” กัมพลยิ้มส่งแล้วเดินออกมากลับไปทำงานของตนเองต่อ
ชินพัตน์ก็ปล่อยให้ทั้งคู่ทานอาหารกันไม่ เลยเดินไปดูนนทนัฐที่ยังไม่เห็น ตามออกมาเลย ปรากฏว่าเด็ก รุมอยู่หน้าโต๊ะเต็มไปหมด น่าจะพึงเข้าร้านมาใหม่ ทำให้นนทนัฐปลีกตัวออกมาไม่ได้สักที่ ชินพัตน์เลยเดินเข้าไปช่วยขายบัตรแทน แล้วให้นนทนัฐนั่งกินข้าว เพราะนี้ก็เลยเวลามื้อเที่ยงมานานแล้ว กลัวจะเป็นโรคกระเพาะทานข้าวไม่ตรงเวลาแบบนี้
“เก็บเงินด้วยครับ” จอยและป้าพรหันมองหาชินพัตน์ไปไหนก็ไม่รู้ เลยให้กัมพลไปตามดูที่ร้านเกมให้มาเก็บเงิน
“ขอโทษครับ ไม่คิดเงินครับ ถือว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงแล้วกัน”
“อย่าเลยครับเกรงใจ”
“น้องเขาต้องอยู่ที่ร้านอีกนานไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวก็แวะมาเป็นลูกค้ากันอีก เอาไว้คราวหน้าค่อยจ่ายแล้วกันนะครับ” ชินพัตน์ยิ้มการค้า ไม่อยากเก็บเงินเพื่อนนทนัฐ และเด็กหนุ่มที่จะมาช่วยงานที่ร้านเกม
“งั้นคราวหน้าผมแวะมาที่นี้จะซื้อของมาฝากนะครับ”
“ครับๆ และมาที่ร้านได้ตลอดเลยนะครับ”
และทั้ง 3 คนก็เดินกลับมาที่ร้านเกม นนทนัฐก็พึ่งได้ละจากเด็กๆ ที่มารุมเติมเกมเล่นต่อ เด็กใหม่เลยลงนั่งโต๊ะแทน เพื่อลองทำเองดูบ้าง เริ่มฝึกเรื่อยๆอีกไม่นานก็คงจะคล่องขึ้น เพราะดูท่าทางจะเป็นคอม
“แล้วนายจะกลับตอนไหน”นนทนัฐถามเพื่อน
“อ้อ คือ ฉันจะขอค้างด้วยซัก 2-3 วันนะ เดี๋ยวค่อยกับฉันลางานมาแล้วนะ”
“อ้าวเหรอ อ้อจะอยู่ดูน้องก่อนหรือไง กลัวทำงานไม่ดี กลัวเสียชื่อว่างั้นเถอะ”
“เปล่าๆ ก็แค่เด็กมันไม่เคยออกจากบ้านมาคนเดียวก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ”
“น้องเขาไม่เคยออกจากบ้านเหรอครับ แล้วแบบนี้พ่อแม่เขาไม่ห่วงเหรอครับ?” ชิพนัตน์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็เกิดความสง
สัย
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงหรอกครับ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ไปทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ครับ ต่อ ไม่อยากไปด้วย พวกน้าๆเขาก็เลยฝากให้ผมดูแลนะครับ “
“อ้อ น้องชื่อ ต่อ เหรอครับ”
“อ้าวผมยังไม่ได้บอกชื่อเหรอ? “นนทนัฐหันมาถามคนรักอย่างแปลกใจ
“ก็ใช่นะสิ ผมเลยเรียกชื่อน้องเขาไม่ถูกเลยนะ เรียกแต่น้องๆอย่างเดียวอ่ะ”
“ขอโทษครับ ผมก็ผิดด้วยเหมือนกัน ผมเป็นคนพามาน่าจะแนะนำฝากเนื้อฝาตัวกันไว้ น้องเข้าเป็นญาติฝั่งพ่อผมนะครับ จะเรียกว่าญาติก็ไม่เชิง คือตอนเด็กๆ พวกเราอยู่บ้านใกล้กันนะครับ พอผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพก็ไม่ค่อยได้เจอกัน พึ่งมาเจอกันช่วงหลังๆนี้แหละ ที่พวกคุณน้าพวกเข้าต้องไปทำงานต่างประเทศกะทันหัน แถมลูกชายคนเดียวก็ไม่ยอมตามไปด้วย บอกว่าอยากเรียนที่ไทย แล้วก็ไม่ยอมเลย บริหารเหมือนที่พ่อแม่ต้องการอีก ก็มีปากเสียงกันก่อนจะไปอีก ต่อเลยต้องมาอยู่กับผมนะครับ เข้าอยากเรียนคอมพิวเตอร์เพราะเขาชอบด้านนี้ แต่พ่อแม่เขา ไม่สนับสนุนนะครับ”
“อ้อ แบบนี้นี้เองก็สงสารน้องเขานะครับ พึ่งจะอายุเท่าไรเอง “
“ 18 แล้วครับ”
“เรียนจบม.ปลายแล้ว?”
“เปล่าครับ น้องเข้าจบ มหาลัยแล้ว เข้าเรียนเร็วใช้การสอบเทียบเอานะครับ เขาใช้เรื่องเรียนที่จบออกมา เป็นเครื่องต่อรองที่จะไม่ไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศกับครอบครัว แต่เลือกจะเรียน คอมพิวเตอร์เพื่อจะเอาปริญญาออีกใบครับ”
ชินพัตน์ฟังประวัติเด็กหนุ่ม ที่นั่งอยู่หน้าคอมอย่างทึ่ง นนทนัฐก็ได้ฟังเรื่องนี้พร้อมกับชินพัตน์เช่นเดียวกัน พี่เขาได้ทำงานกับเด็กอัฉริยะงั้นเหรอ หันมองเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจปนตื่นเต้น
“เขาบอกว่าอยากหาเงินเรียนเอง เลยบอกว่าอยากทำงาน ผมก็เลยเอามาฝากเจ้านนท์ไว้ก่อน ไม่อยากให้ไปหางานทพเองครับ”
“ยังไงเขาก็ยังเด็กอยู่ไช่ไหมครับ?”ชินพัตน์เสริม
“ครับ เพราะเขาเอาแต่ใจเรื่องที่เขาสนใจและอยากจะทำ จนไม่ฟังเหตุผลและความเป็นห่วงจากครอบครัวนะครับ เลยยังอดเป็นห่วงไม่ได้”
“ฉันฝากน้องมันด้วยนะเว้ย นนท์” ตบบ่าเพื่อนเบาๆเป็นการฝากฝั่ง
“ฉันมากกว่ามั้ง ต้องฝากร้านนี้ไว้กับน้องเขาแล้ว ดูท่าจะคล่องกว่าฉันอีก ดูสิเด็กมาถามหาเกมอะไรตอบได้หมด แถมยังแก้ไขเบื้องต้นได้อีกด้วย ฉันยังต้องมางมหาในกูเกิล ก่อนเลยถึงจะหาทางแก้ปัญหาพวกนั้นได้นะ”
“ก็ต่อ สนใจทางด้านคอมพิวเตอร์ เรื่องนี้อาจจะดูเล็กน้อย แต่เรื่องความสัมพันธ์ การสื่อสารก็ฝากนายด้วย เพราะต่อเป็นคนไม่ค่อยพูดนะ คิดเองอยู่เงียบๆ ถ้าไม่ถามก็จะไม่ตอบ หรือแสดงออกอะไรทั้งนั้น”
“อ้อ โอเคเข้าใจแล้ว” นนทนัฐและชินพัตน์ฟังลักษณะนิสัย คราวๆของเด็กหนุ่ม ชื่อ ก้องภพ
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาแค่วันอาทิตย์เย็นฉันก็จะกลับนะเพื่อน” หันมาคุยกับนนทนัฐ
“ได้สิ อยู่ด้วยกัน ให้น้องได้คุ้นเคยก่อนก็ดีเหมือนกัน”
“งั้นผมขอตัวไปดูที่ร้านก่อนนะครับ”ชินพัตน์ของตัวกับร้านมานั่งฝั่งอยู่นานแล้ว
“ตอนเย็นก็ฝากด้วยนะครับ”
“ได้ครับ จะเตรียมเมนูอร่อยๆไว้ให้นะครับ”ชินพัตน์ก็เดินออกจากหลังร้านไป
“นนท์ คนนี้ใช่เลย ใช่ไหมเพื่อน?”
“อืม เขารับฉันเป็นแฟนแล้วด้วยนะ”
“เฮ้ยจริงดิ ก้าวหน้านี้หว่า?”
“ถึงว่า ดูแลทั่วถึงแบบนี้ ใจดีน่ารักเหมือนกันนี้หว่า?”
“……”
“ทำไมต้องทำหน้าตึงด้วยว่ะเพื่อน ก็ฉันชมเขาจริงๆ “
“แต่ก็ไม่ต้องชมว่าน่ารักได้หรือเปล่าล่ะ”
“ครับๆ โธ่อะไรว่ะเพื่อน แค่นี้ทำห่วง” ส่ายหน้าระอาเพื่อน สงสัยจะห่วงแฟนจริงๆ เลยหันไปสนใจเด็กในปกครองดีกว่า
นนทนัฐเห็นว่า มีคนช่วยดูร้านแล้วตั้ง 2คนเลยเดิน ไปหาคุณเจ้าของร้านสักหน่อย รีบเดินไปดูว่าลูกค้าในร้านเยอะไหม ลูกค้า ทย่อยกันออกจากร้านแล้ว ช่วงบ่ายๆก็จะคนน้อนลง เตรียมไปรับมืออีกที่ช่วงเย็นๆ เลยถือโอกาสนี้ดึงตัว คนรักมาคุยเรื่องที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้
“อะไรของคุย ลากผมออกมาทำไม ผมจะช่วยจอยเก็บโต๊ะ”ชินพัตน์บ่นอุบ เพราะโดนดึงตัวออกมา ด้านหลังร้าน
“วันอาทิตย์ ผมไปบ้านสวนไปเยี่ยมยายด้วยคนนะครับ”
“แล้วคุณจะทิ้งเพื่อนกับน้องไว้ที่ร้านหรือไง “
“น้องเขาก็คล่องแล้ว ที่สำคัญเพื่อนผมก็อยู่เป็นเพื่อนน้องเขาด้วยแล้วไงครับ”
“แต่คุณเป็นเจ้าของ แล้วก็เจ้านายนะ จะมาทิ้งแบบนี้ไปนี้เที่ยวได้ไง”
“ให้ผมไปด้วยนะครับ”นนทนัฐขอร้องสุดฤทธิ์
“ดูก่อนแล้วกัน ถ้าหลังจากเที่ยงแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วน้องเขาทำงานที่ร้านแล้วไม่มีปัญหา ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”
“ครับๆ ผมจะไปสนน้องเขาให้รีบเป็นง่าย ทำงานไม่พลาดแน่นอนครับ” นนทนัฐรีบรับคำ ยิ้มหน้าบาน
“ผมว่าคุณนั้นแหละจะพลาด น้องต่อ นะดูเขาคล่องจะตายไป” ชินพัตน์ส่ายหัว แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
ช่วงหัวค่ำทุกคนก็มารวมตัวกันทานมื้อเย็น ประมาณ 2 ทุ่ม วันนี้ปิดร้านไว้ เพื่อต้อนรับ กัมพลที่มาช่วยงาน แล้วก็ ก้องภพด้วย ที่มาช่วยที่ร้าน เหลือแต่เพื่อนนนทนัฐที่ อาสาดูร้านให้ ตอนที่ทุกคนทานมื้อเย็นกัน
“งั้นเดี๋ยวผมเอาข้าวไปให้พี่เขาก่อนนะครับ” ก้องภพอาสายกข้าวผัดกระเพราลูกชิ้น แล้วก็น้ำใบบัวบกไปให้ ญาติผู้พี่เอง หรือว่าเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่วัยเด็ก
“ผมเอาข้าวมาให้” ก้องภพรีบวางถาดอาหารแล้วรีบหันกลับ ทำท่าไม่สนใจคนที่นั่งอยู่หน้าคอม แต่ก็โดนอีกฝ่าย จับแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ ทำไหมเป็นน้ำอันเดิมล่ะ”
“ก็ผมนึกว่าคุณชอบ ก็เลยตักมาให้นะ ปล่อยสิพวกเขารอผมทานข้าวอยู่” อีกฝ่ายเลยรีบยกมือเหมือนยอมแพ้แล้วปล่อยอีกฝ่ายเดินหายไปหลังร้าน
“ลูกค้าเยอะไหมต่อ?”ชินพัตน์ถามไถ่
“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”
“จริงแล้วน่าจะเรียกเพื่อนคุณมานั่งทานด้วยกันนะ”
“จริงด้วย ป้าก็ว่าอย่างงั้นนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า พี่เขากำลังเล่นเกมกับเด็กๆ กำลังเพลินเลย ตอนผมเอาทานไปให้ก็ไม่ยอมกินข้าวครับ” ก้องภพทำเหมือนฟ้อง ทั้งๆที่อีกฝ่ายกำลังเติมเกมให้เด็กๆในร้านแค่นั้นเอง
“อ้าวเหรอ โธ่ป้าก็นึกว่า ให้อยู่ดูร้านคนเดียวจะเหงา โธ่ เล่นเกมกับเด็กๆไปซะแล้ว ดีๆแล้ว” ทุกคนเลยพากันหัวเราะ
มื้อเย็นวันนั้นก็เป็นการพูดคุยแนะนำตัว เล็กน้อยๆสำหรับเด็กหนุ่มมาให้ ทำความรู้จักกันไว้ เพราะน่าจะอยู่ด้วยกันเจอหน้ากันไปอีกพักใหญ่ๆ กัมพลก็มีบ่นเรื่องที่บ้านของตนเองออกมาบ้าง แต่ก็โดน ชินพัตน์ปามเอาไว้ แล้วหันไปชวนคุยเรื่องยายกับต้นกล้าแทน
“พี่ต้นจะไปฝึกงานแล้วเหรอครับ ไปวันไหนครับ ผมว่าจะไปเยี่ยมหาสักหน่อย คงไม่ทันแน่เลย”
“จะกลับมหาลัย วันอาทิตย์นี้นะ พี่ใหญ่จำได้ไหม? ก็จะไปส่งต้นเข้ากรุงเทพด้วย พี่เลยว่าจะไปเยี่ยมยายที่สวนแล้วก็อยู่เฝ้าแก้ด้วยนะ”
“อ้อเหรอครับ ผมไปด้วยได้ไหม”
“ได้สิ ยายคงดีใจที่ได้เจอพลแน่นอน”
“ขอบคุณครับ” กัมพลทำหน้าดีใจ
“ป้าครับ วันอาทิตย์ หรือพวกเราจะปิดร้านกันดีไหม แล้วก็ไปเยี่ยมยายกันทั้งหมดนี้เลย” ชินพัตน์เสนอเรื่องให้ผู้ใหญ่อย่าป้าพรช่วยตัดสินใจอีกคน
“ป้าก็อยากไปเยี่ยมยายเหมือนกันจ้า” “จอยก็จะแวะไปนะ แต่ก็ไปหาแม่ก่อนจ้า”
“โอเค ตกลงตามนี้ ติดป้ายแจ้งลูกค้าไว้ล่วงหน้าว่าวันอาทิตย์ปิดร้านแล้วกันนะ”
“เอ…..แล้ว “กำลังจะทักถวงเรื่อง อาหารการกินของเพื่อนกับเด็กหนุ่มก้องภพ แต่เอาไว้ปรึกษากันสองคนกับคนรักดีกว่า เลยไม่ได้พูด
“แล้วต่อเป็นไงบ้าง เริ่มลองทำดูวันแรกทำได้ไหม”ป้าพรชวนก้องภพคุย
“พอทำได้ครับ ยังต้องเรียนรู้จากพี่นนท์ อีกหลายอย่างเลยครับ” นนทนัฐนึกค้านในใจ สอนแค่ครั้งเดียวก็เป็นเกือบหมดแล้ว ไม่รู้จะสอนอะไรแล้วด้วยสิ
“แล้วพล เรื่องเรียนถึงไหนแล้ว” ชินพัตน์ตกใจที่ป้าพรเปิดประเด็นเรื่องเรียนก็ กัมพล เพราะรู้ว่ากัมพลต้องบ่นอุบแน่ แต่ก็ผิดคาด
“ผมขอเรียนรู้งานที่ บ้านใหญ่ก่อนครับ แล้วพอคล่องขึ้น ค่อยกับไปเรียนครับป้า”
“อ้อดีแล้ว มีงานมีการทำ ก็ต้องตั้งใจทำนะลูกนะ”
“ครับป้า”
(มีต่อด้านล่างจ้า)