ต่ออีกนิดดดด!!!!!!!!!!!!!
.
.
.
.
.
.
ว่าแต่.........แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ ทำไมไม่โทรหาชวนคนอื่น
อ๊ากกกกกกกกกก ไอ้ฟาร์ปวดหัว!!!!!!!!!!
“จะโทรมาอะไรก็ช่างเหอะน่า เจ้านายจะโทรหาลูกน้องตัวเองไม่ได้เลยหรือไง” ( ไอ้ตัส )
“อืมมมมมมมมมม” มึงช่วยกูได้เยอะ เพราะดูเหมือนว่าไอ้พวกที่เหลือ จะไม่ยอมปล่อยเท่าไร
แล้วบรรยากาศก็กลับมาสงบอีกครั้ง ไอ้พวกเพื่อนเวรไม่ได้ซักไซร้ถามหาอะไรอีกต่อไป นอนดูหนังอย่างเงียบๆ ไม่ซิ จะเรียกว่าเงียบๆ ไม่ได้ ก็พวกมันต่างนอนวิพากย์ วิจารณ์ พระเอก นางเอก ตัวอิจฉา กันอย่างมัวเมา
ไอ้นัทนี่หนักสุด แทบมุดหน้าจอโทรทัศน์เข้าไปเล่นแทนนางเอกแล้วมั้ง อะไรจะอินปานนั้น
“นางเอกแม่งอ่อน ปล่อยให้อีปลวกนั่นแกล้งอยู่ได้” ( ไอ้นัท )
“ไอ้เตี้ยมึงก็อย่าจริงจัง ละครครับ ละคร” ( ไอ้ไมค์ )
“แต่กูว่าแม่งน้ำเน่า คนเหี้ยไรว่ะ ปล่อยให้คนอื่นรังแกอยู่ได้ ถ้ากูเป็นผู้กำกับนะ จะสั่งให้นางเอกใส่เข่าตัวอิจฉาแม่งเลย กวนตีนดีนัก” ( ไอ้ต้น )
แล้วไอ้นัทก็ได้เพื่อนเข้าชมรม ละครลีซึ่ม แล้วหนึ่งคน ซึ่งนั่นก็คือไอ้เวรต้นนั่นเอง
ผมที่นอนหนุนตักไอ้ตัสอยู่บนโซฟาก็หัวเราะพวกมันไปตามระเบียบซิครับ ละคง ละครไม่ดูแล้ว นอนฟังพวกมันเถียงกันฮากว่าอีก ก๊ากกกกกกกกกกกๆ บรรยากาศอย่างนี้คิดถึงน้ำซุปชะมัด นี่ถ้าสามีไม่ขี้หวงจนเกินไป ผมกะว่าจะไปรับมานอนคอนโดซะหน่อย
แต่ในทางแห่งความเป็นจริง ทำไม่ได้ครับ ขืนไปเอาเมียเขามานอนเล่นคืนสองคืน มีหวังได้โดนเจ้าพ่อเขี้ยวหึง รุมยำแน่ ๆ
ออดดดดดดดดดดดด (เสียงออดคอนโดไอ้ต้นมันร้องครับ )
“ใครมากดออดตอนนี้ว่ะ แม่งไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลย”
ถึงไอ้ต้นจะบ่น แต่มันก็ยอมลุกขึ้นไปดูที่หน้าประตูครับ แล้วมึงจะบ่นทำไมว่ะเพื่อน ไปแบบเงียบๆ ไม่ได้หรือไงว่ะ แม่ง!!!!!!!!
ไอ้ต้นเดินกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ พูดได้คำเดียวว่า เอ๋อ สุดๆ มันอ้าปากค้างมาเลยอ่ะ ใครมาว่ะ อยากรู้!!
“ใครมาว่ะต้น โดมมาขอเบอร์กูใช่ปะ” ก็เป็นไอ้เวรนัทที่พูดเข้าข้างตัวเองได้อย่างไม่อายฟ้า อายดิน ก็นะ มึงมันน่ารัก แต่น่ารักกว่า จิ้งเหลนนิดหนึง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“มึง!!!!!!!! เคลวิน พิทยาภันทร์ มากดออดห้องกู บอกว่ามาหาไอ้ฟาร์!!!!!!”
“ห๊ะ!!!!!!!!!!” ( ไอ้ฟาร์+ไอ้นัท+ไอ้ไมค์+ไอ้ตัส )
พวกผมทุกคนแบบว่าตอนนี้อึ้งมาก โดยเฉพาะผมที่หนักสุด สีหน้าผมนี่ถอดสีไปเลย ซวยแล้วววว ไม่นึกว่าจะมาจริงๆ ไม่น่าบอกเลยว่าอยู่ไหน ไอ้ฟาร์เอ๋ยๆๆๆๆๆๆๆๆ เอาไงล่ะทีนี้
“ไอ้ฟาร์มึงอย่ามัวแต่อึ้ง รีบออกไปหาเขาดิว่ะ”
แล้วตอนนี้ไอ้ฟาร์ก็ออกมายืนอยู่หน้าห้อง หน้าห้องเลยนะ ปิดประตูเรียบร้อย ไม่อยากให้ไอ้พวกเวรที่อยู่ในห้องรู้เห็นเท่าไร เดี๋ยวท่านเคลวินจะหาว่าเพื่อนผมเป็นพวกสอดรู้สอดเห็น
“คือ............” ไอ้ฟาร์พูดไม่ออก บอกไม่ถูก งานข้าวของจริงเลยคราวนี้
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ คุณรู้จักผมแล้วใช่ไหม”
“รู้ครับ”
“รู้ครับ”
“งั้นก็ดี............” อีกฝ่ายเงียบ ผมก็เงียบ เงียบมันทั้งคู่
“ออกไปเดินเล่นกับผมหน่อย”
ร่างสูงเอ่ยชวน อีกทั้งยังกวดสายตามองไปที่คนตัวเล็กอย่างชื่นชม ถึงแม้ตอนนี้คนตัวเล็กจะอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อตัวเล็ก ก็ยังคงดูดีและน่ารักอยู่ดี
“อ่า..เอาจริงเหรอเนี่ย ผมนึกว่าคุณจะไม่มาซะอีก”
เพียงฟ้ายกมือบางของตัวเองเกาแก้มไปมาอย่างเขินๆ ก็คนตัวสูงเอาแต่จ้องเขานี่น่า จ้องอย่างเดียวไม่ว่า ยังมีส่งยิ้มร้ายกาจมาให้อีก ไอ้ฟาร์ น๊อค!!!!
“ใครว่าผมพูดเล่น ผมพูดจริงต่างหาก”
“งั้นขอผมแต่งตัวก่อนนะ ออกไปชุดนี้มันไม่เหมาะไร”
เพราะตอนนี้ร่างสูงของเคลวินอยู่ในชุดสูทสากลเนื้อดี ประกอบกับเจ้าตัวเป็นคนสูงเลย ยิ่งเสริมทำให้น่ามองขึ้นไปอีก ขืนร่างบางาออกไปเดินด้วยตอนนี้ คงได้โดนหัวเราะเยาะแน่ๆ
“ไม่ต้องหรอก เดินแถวๆนี้แหละ คอนโดเพื่อนคุณติดแม่น้ำด้วยนี่น่า เดินใกล้ๆนี่แหละ”
ถูกต้องแล้วครับ คอนโดไอ้ต้นอยู่ติดแม่น้าเจ้าพระยา และนั่นก็ทำให้ราคายิ่งแพงขึ้นไปอีก แต่ระดับได้ต้นแล้วมีจ่ายอย่างสบาย ก็งานมันแต่ละงาน เงินเยอะบรรลัยทั้งนั้น แม่งรวยยยยย!!!!!!!!
“งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปบอกเพื่อนในห้องก่อนนะ เดี๋ยวพวกมันเป็นห่วงน่ะ”
ทันทีที่ร่างบางของเพียงฟ้าเดินเข้าห้องมา เพื่อนๆที่นั่งรอกันอยู่ก็ต่างลุกขึ้นมาถามอย่างสงสัย
“เป็นไงว่ะ เขามาหามึงทำไม”
ไอ้ตัสถามขึ้นเป็นคนแรก และคนอื่นๆก็ทำหน้า มหาโหดส่งมาให้ร่างบาง ประมาณว่า ถ้ามึงไม่พูด งานนี้มีเฮ
“ก็มาชวนไปเดินเล่น แถวๆนี่แหละ เดี๋ยวกูมานะ อย่าเพิ่งนอนนะพวกมึงน่ะ”
ผมรีบพูดแล้วก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที ใส่ร้องเท้าแตะสีชมพูดปัญญาอ่อนของได้นัทแล้วกัน ของตัวเองไม่มี ยังไม่ได้ซื้อ ไว้ค่อยซื้อตอนไปภูเก็ตทีเดียวเลย เปิดประตูออกมาก็เห็นเคลวินยืนยิ้มรออยู่แล้ว มึงจะยิ้มทำไม กูเขินนนนน!!!!!!!!!
“ไอ้ฟาร์ เอาโทรศัพท์ไปด้วย มีไรจะได้ติดต่อได้” ไอ้ตัสวิ่งตามออกมา แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือของมาให้ผม
สายตาของตัสและเคลวินต่างสบกันอย่างนิ่งๆ ไม่มีใครพูดทักใคร ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างเงียบ เหมือนกับว่ากำลังพิจารณอีกฝ่ายอยู่
เพียงฟ้าเห็นบรรยากาศมาคุ กำลังลอยอยู่แถวๆนั้น ก็เลยรีบเอ่ยปากห้ามสงครามทางสายตา ขืนช้าไปกว่านี้ มีหวังได้ดูมวยไทยรอบเย็นแน่ๆ
“อืมๆ....อย่าลืมที่บอก อย่ากินมื้อดึกก่อน เพราะกูก็มาแดกด้วย”
อ๊ากกกกกกกกกๆๆ ลืมไปว่าเจ้านายก็อยู่ตรงนี้ด้วย พูดคำไม่สุภาพไปอย่างนั้น ไม่รู้อีกฝ่ายจะว่าหรือเปล่า ว่าแต่ มึงจะไปแคร์เขาทำไมเนี่ย เพียงฟ้า
“ไปแล้วนะ” ผมรีบเดินตามร่างสูงของเคลวินออกมาอย่างช้า ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะ 3 ทุ่มแล้วมั้ง ถึงจะไม่ดึกมากสำหรับคนเมืองกรุงแต่สำหรับ ผมที่โตมาจากเหนือ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว
ไม่มีใครพูด ต่างคนต่างเงียบ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปนีน่า ก็คนเพิ่งจะรู้จักได้ ไม่ถึง 24 ชม เลยด้วยซ้ำ นี่เห็นว่าเป็นเจ้านายนะ ผมเลยยอมออกมาด้วย ขืนเป็นคนอื่นผมมีด่า มีอย่างที่ไหนเพิ่งจะเจอกัน โทรมาชวนออกไปเดินเล่นซะงั้น ทำไมคนหล่อนี่มันเข้าใจยากจริงๆ
“คุณกินข้าวเย็นหรือยัง” หลังจากที่เงียบมาตั้งนาน ท่านประธานที่น่าเกรงขามก็ถามปากถามขึ้นมา ก็นึกว่าจะคุยกันภาษาใบ้ซะแล้ว เห็นไม่พูดไม่จา เอาแต่ทำหน้านิ่ง
“ยังครับ คือผมยังไม่หิวเท่าไร”
ก็เพิ่งกินมื้อบ่ายไปเมื่อตอน บาย 3 เอง สำหรับคนอื่นไม่รู้นะ แต่สำหรับผม อาหารให้ท้องมันยังไม่ย่อยเลย อีกอย่างเดี๋ยวก็กินมื้อดึกอีก
“งั้นไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อย”
“ก็ไหนคุณบอกว่า จะลงมาเดินเล่นไง” ผมล่ะไม่เข้าใจเขาจริงๆ
“ตอนนี้ผมหิวแล้ว...นะ”
“ก็ไปซิครับ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”
ก็ดูหน้าเคลวินตอนนี้ซิ ทำหน้าสำนึกผิดอย่างเต็มที่ส่งมาให้ผม แล้วกูไปว่าเขาตอนไหนว่ะ
เราสองคนเดินไปเรื่อยๆ ตอนแรกเคลวินจะใช้รถ แต่ผมบอกว่า เดินไปดีกว่า เพราะมันก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง ร้านาข้าว จะเอารถไปทำไมให้มันยุ่งยาก เดินแปปเดียวก็ถึงแล้ว
“เอ่อ.. มันกินได้เหรอ ของพวกนี้”
ของพวกนี้ที่ เคลวิน พิทยาภันทร์ ว่าก็คือ ข้าวราดแกง ที่วางอยู่บนโต๊ะเรียงกันประมาณ 10 หม้อ 10 เมนู
อะไรกัน เกิดมาอย่างไงเนี่ย ไม่เคยกินข้าวราดแกง เสียชาติเกิดชะมัด
“กินได้ซิ ทำไมจะกินไม่ได้ มันไม่มียาพิษซะหน่อย” ผมดุร่างสูงออกไปอย่างไม่จริงจังนัก แต่สมองอันน้อยๆ ก็คิดได้ในทันทีว่า คนที่นั่งหล่ออยู่ข้างหน้าผมนี่ เป็นถึงประธานบริษัทและเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมของประเทศเลยนะ เป็นธรรมดาที่คนรวยๆ และไฮโซอย่างเขาจะไม่เคยกินข้าวราดแกง
“ผมก็ลืมไปว่าคนอย่างคุณคงไม่เคยกินของพวกนี้ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสั่งให้เองแล้วกัน”
ร่างสูงทำสีหน้าขอบคุณส่งมาให้ ไอ้ฟาร์ก็เขินไปตามระเบียบซิครับงานนี้ อะไรกัน แค่สั่งข้าวแกงให้แค่นี้ต้องขอบคุณทางสีหน้าเลยหรือไงเนี่ย
“คุณลุกไปเลือกกับผมแล้วกันนะ”
เพียงฟ้า ลืมตัว ดึงแขนของเคลวินให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำเอาร่างสูงถึงกับอมยิ้มในความน่ารักของร่างบางที่ทำอะไรลืมตัวอีกแล้ว
“นั่นนี้มันคืออะไร”
นิ้วเรียวยาวของเคลวินชี้ลงไปที่ถาดที่ใส่แกงพะแนงหมู พร้อมกับทำหน้าสงสัยส่งมาให้ร่างบาง
คิ้วเรียวสวยของเคลวินขมวดเข้าหากันเป็นปม แต่สำหรับเพียงฟ้าแล้ว กับมองว่านั่นเป็นภาพที่น่าจดจำเหลือเกิน
จะให้อะไรล่ะ
ก็...................
ไอ้หล่อ ตัวสูง ข้างๆผมเนี่ย ………………..
มันไม่รู้จัก “พะแนง” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก นี่ถ้าไอ้พวก เวรๆที่อยู่บนห้องมาด้วย ให้ทายเลย พวกมันก็ฮากลิ้งแน่ๆงานนี้
“ฮ่าๆๆๆๆๆ...คุณไม่รู้จักจริงๆน่ะ” เพื่อความแน่ใจ ต้องถามอีกรอบ
ไม่เคยกินข้าวแกง ก็อาจจะรู้จักอาหารไทยบ้างก็ได้นี่น่า นี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เหรอ เป็นมนุษย์ที่น่ากลัวจริงๆ
“จริงๆ แต่สีน่ากิน งั้นผมเอาอันนี้” ผมยังไม่ได้บอกเลยว่ามันคืออะไร ร่างสูงก็จัดการตกลกปลงใจแล้วว่า จะกินอันนี้แน่ๆ ใครก็ขวางกูไม่ได้
“กินได้หรอ พะแนงมันเผ็ดนะ” จ้าวอื่นผมไม่รู้ว่าทำพะแนงยังไงนะ แต่สำหรับร้านนี้แล้ว เผ็ดถึงใจไปเลย แซบบบบบบ!!!!!!!! ก็ผมมานอนที่คอนโดได้ต้นบ่อยนี่น่า กินประจำ
“มันชื่อพะแนงเหรอ ได้ซิ...ว่าแต่สั่งได้อย่างเดียวเหรอ”
“สองอย่าง อีกอย่างเอาพะโล้แล้วกัน”
ผมให้เคลวินทำเองทุกอย่างเลย ตั้งแต่เดินไปสั่งกับแม่ค้าให้ตักแกง แล้วยืนรอรับจานข้าว ไปเอาช้อน หลังจากนั้นก็แก้วใส่น้ำแข็ง แล้วเทน้ำเองเลย ผมไม่ทำให้ซักอย่าง เพราะผมอยากให้เขาได้รู้จักการใช้ชีวิตในแบบของผม ในแบบที่คนชั้นกลางเขาทำกัน ไม่ใช่ได้แต่ชี้นิ้วสั่งในแบบของเขา เคลวินก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับทำอย่างเต็มอกเต็มใจ นี่แหละ ข้าวแกงคนจน ต่อไปพอเขากลับบ้านไป จะได้เล่าให้คนรู้จักว่า ข้าวแกงคนจน อร่อยแค่ไหน
“ผมต้องทำอะไรต่ออีกหรือเปล่า”
ตอนนี้ ข้าวราดแกงพร้อมช้อน และน้ำเปล่าก็ถูกวางไว้ตรงหน้าผมแล้วอย่างเรียบร้อยและสวยงาม
“กินซะครับ”
“คุณไม่กินจริงๆเหรอ”
“ไม่อ่ะ” ผมส่ายหัว แล้วส่งสายตาขอบคุณไปให้ คือตอนนี้ลุ้นอย่างเดียวว่า เคลวินจะกินได้หรือเปล่า จะเป็นอย่างในหนังหรือเปล่า ที่เมื่อคำแรกเข้าปากไปก็อ้วกออกมาทันที เพราะรับไม่ได้กับรสอาหาร
“อร่อย”
“จริงหรือเปล่า คุณว่าอร่อยนี่จริงหรือเปล่า” ความคิดในสมองเมื่อกี้ต้องยุติลงอย่างทันที คนรวยคนนี้แปลกจริงๆ ผมตกใจนะเนี่ย ฮ่าๆ
“จริงซิ พะแนงมันเผ็ดไปหน่อย แต่ก็อร่อย” ก็บอกแล้วว่า พะแนงร้านานี้แซวบ!!!!!!!!!!! เพราะเข็นพริกใส่ไปประมาณ 10 คันรถ
“งั้นคุณกินเยอะๆนะ เดี๋ยวผมไปสั่งกับข้าวอย่างอื่นมาให้คุณด้วยดีกว่า”
ผมลุกขึ้นไปสั่งกับข้าวอีก 3 อย่างมาให้ร่างสูง ก็ไม่มีอะไรมาก ก็พวกผัดปลาดุกพริกไทยดำ ยำวุ้นเส้น ต้มโคล้ง มีแต่เผ็ดทั้งนั้น
“คุณช่วยผมกินนะ ผมกินคนเดียวไม่หมดหรอกเยอะออกอย่างนี้”
ร่างบางเลยต้องลุกขึ้นไปเอาข้าวเปล่าอีกรอบอย่างจำใจ ตอนแรกกะว่าจะมานั่งเป็นเพื่อนเขากิน แต่ไปๆ มาๆ ตัวเองดันมานั่งกินกับเขาด้วยซะงั้น
“คุณกินอาหารรสจัดใช่ไหม สั่งแต่ละอย่างมีแต่พริกทั้งนั้น”
“อืม...คุณกินเผ็ดไม่ได้เหรอ ปากแดงหมดแล้ว”
ผมรีบหยิบแก้วน้ำส่งให้ร่างสูงทันที พะแนงสุดเลิศเล่นงานเจ้านายผมซะแล้ว
“ไม่ครับ ผมกินอาหารรสจัดไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ผมจะพยายาม”
ผมถึงกับหัวเราะทันทีเมื่อเขาพูดจบ มีอย่างที่ไหน พยายามกินเผ็ด ทั้งที่ตัวเองกินไม่ได้
ผมเลยใช้ช้อนตักไปที่พะแนงและข้าวในจานของเคลวินมากิน ร่างสูงมองอย่าง งงๆ แต่เมื่อรู้ว่าผมช่วยกิน ริมฝีปากหนาของเคลวินที่ตอนนี้มันขึ้นสีแดงก็ยิ้มออกมาทันที
“ตอนนี้คุณรู้สึกว่าตัวเองได้รสชาติของพริกหรือยัง” ( เคลวิน )
“ไม่เลย ผมยังไม่เผ็ดเลย ผมกินเผ็ดได้นี่น่า”
“คุณสุดยอดมากอ่ะ ผมนับถือ” ร่างสูงส่งยิ้มอย่างชื่นชมมาให้ผม ฮ่าๆ ไอ้ฟาร์ก็อายไปตามระเบียบ
“เคยกินอันนี้หรือเปล่า ผัดปลาดุกพริกไทยดำอ่ะ อร่อยนะ”
ผมจัดการตักผัดปลาดุกไปวางในจานร่างสูงทันที
“ไม่เคยครับ เผ็ดหรือเปล่า” เคลวินมองไปที่ปลาดุกในจานตัวเองอย่างสงสัย ฮ่าๆๆ เผ็ดสิโว้ยยยยยยยย
“เผ็ดครับ แต่ไม่เผ็ดมากหรอก คุณกินได้”
ผมนั่งกินข้าวไปเรื่อยๆ พร้อมกับคอยตักนั่นตักนี่ให้ร่างสูงเป็นระยะ เพลินดีเหมือนกันแหะ
“ยำวุ้นเส้นอร่อยมาก คุณคิดอย่างผมหรือเปล่า”
“อร่อยซิ เพราะมันไม่เผ็ด”
“ฮ่าๆ คุณอิ่มหรือเปล่า”
ถ้าถามผมว่าอิ่มหรือเปล่า ไอ้ฟาร์ตอบได้เลยว่า อิ่มมากกกกกกกกกกกกกก มากถึงมากที่สุด แบบว่ากินนั่นกินนี่ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดปาก ใครว่าผมไม่สั่งเพิ่ม ผมสั่งแกงเพิ่มอีกตั้งหลายอย่าง กินมันไปเรื่อยๆ เพราะ ไม่ใช่เงินกู ก๊ากกกกกกกก
“อิ่มซิ ผมกินไปตั้งเยอะ คุณล่ะอิ่มหรือเปล่าไม่ใช่อิ่มน้ำหรอกนะ เห็นกินแต่น้ำ”
“ก็มันเผ็ด งั้นไปหาอะไรหวานๆกินกัน”
เคลวินจ่ายเงินค่าข้าวเสร็จ ผมก็พาเข้าเดินไปซื้อไอติมถ้วยที่ตู้ข้างๆ ร้านข้าวแกงนั่นแหละ
“เอากะทิสองถ้วยครับ”
แล้วไอติมโบราณรสกะทิก็มาอยู่ในมือผมและเคลวินเรียบร้อย ร่างสูงทำสีหน้าแบบอึ้งๆส่งมาให้ผม อึ้งอะไรอีกครับเจ้านาย
“ไม่น่าเชื่อว่าเงิน 10 บาท จะสามารถซื้อของได้”
ผมล่ะไม่เข้าใจว่า เขาโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหนกัน ถึงไม่รู้ว่า เงิน 10 ก็มีค่าเหมือนแบงก์ 1000 เหมือนกัน
“คุณคงรวยมากซินะ”
“............................” ร่างสูงไม่ได้ตอบกลับมาหรืออย่างไร เพียงแต่เดินไปอย่างเงียบๆ ให้ผมพูดเป็นฝ่ายเดียว
“คุณาจะรวยมาจากไหนผมไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับผม เงิน 10 บาทมีค่าเสมอ”
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ........ขอให้มันอย่าไปอย่างนั้นเลย
โทรศัพท์เครื่องเล็กส่งเสียงร้องออกมาดังๆ ร่างบางจึงรีบล้วงกระเป๋าเกงตัวเองเพื่อเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“อ้าว น้ำซุปเหรอ ฟาร์ก็นึกว่าไอ้ตัสโทรตาม”
/“ฟาร์ฟาร์ออกมากับใครเนี่ย ทำไมถึงออกมาง่ายๆอย่างนี้ นี่ถ้าเขาลักพตัวฟาร์ฟาร์ไปล่ะ ใครจะรับผิดชอบ!!!!!!!”/
คุณนายน้ำซุปเหวี่ยงมาแต่ไกลเลยครับ ฮ่าๆ อะไรจะเป็นเอามากขนาดนั้น
“ฟาร์ฟาร์ออกมากินเดินเล่นกับคุณเคลวินครับ คุณซุป แล้วหลังจากนั้นก็กินข้าวกันนิดหน่อย อะไรจะคิดมากปานนั้น”
ร่างสูงเมื่อตัวว่าถูกพาดพิงอยู่ในการสนทนานี้ก็ส่งสายตาที่เต็มไปด้วเครื่องหมายคำถามมาให้ ผมส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร
/“เคลวินไหนไม่รู้แหละ ฟาร์ฟาร์กลับคอนได้ต้นเดี๋ยวนี้เลยนะ ซุปเป็นห่วง”/ ช่างทำตัวเหมือนเมียจริงๆน้ำซุป ถ้าลีโอมารู้นี่ฟาร์ฟาร์จะถูกแหกอกหรือเปล่าเนี่ย ฮ่าๆ
“ครับ รู้แล้วครับ กลับแล้ววววววววววววว”
ช่างเป็นเพื่อน เป็นแม่ และเป็นพ่ออยู่ในคนเดียวกันเลยเว้ยๆ น้ำซุปเอ๋ยน้ำซุป จะน่ารักไปไหนว่ะไอ้เพื่อน!!!!!!!!!!!!
/“เดี๋ยวซุปโทรถามอีกครั้ง แต่ตอนนั้นฟาร์ฟาร์ต้องถึงห้องแล้วนะ”/
“ด้วยเกียรติของคนหน้าตาดี เดี๋ยวฟาร์ฟาร์จัดให้!!!!!”
เมื่ออีกฝ่ายวางสายไปแล้ว ผมถึงกับส่ายหัวให้กับความเป็นห่วงของน้ำซุป ให้เดาเลยนะ ผมว่าได้พวกเวรๆ ที่ห้องต้องโทรไปบอกน้ำซุปแน่นอน
“เพื่อนคุณคงเป็นห่วงมาก”
“ใช่แล้วครับ คุณกลับไปได้แล้วครับ นี่ก็ดึกแล้ว”
ขณะนี้เป็นเวลา 23.15 นาที โดยประมาณ เพลอแปปเดียวห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย เร็วจังแหะ
ตอนนี้ผมกับเคลวินมายืนอยู่หน้าคอนโดแล้วเรียบร้อย ไม่ลืมที่จะซื้อกับข้าวพวกของสดของแห้งติดมือขึ้นไปด้วย
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ห้องด้วยดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนคุณจะว่าผมได้ว่าดูแลไม่ดี”
“ไม่ต้องหรอกน่า มันดึกแล้วนะ คุณจะได้รีบกลับไปพักผ่อน”
ผมไม่ได้ไล่นะ แต่ผมเป็นห่วงคนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆนี่จริงๆ กลัวว่าขับรถตอนดึกๆมันไม่ดี เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่เข้าใจถึงเจตนาดีๆของผมซะแล้ว
ใบหน้าคมเข้มของเคลวินบึ้งและคิ้วก็ขมวดกันอย่างเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้อารมณ์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว
“เคลวิน เป็นอะไร” ไอ้ผมก็เป็นคนที่ความอดทนต่ำอยู่แล้ว เลยต้องถามออกมาให้มันรู้เรื่อง
“ก็คุณไม่ให้ผมเดินไปส่งที่ห้อง” ห้วน และ เรียบ กูรู้แล้วว่ามึงโกรธ ทำหน้าซะน่ากลัว
“จะไปส่งใช่ไหม งั้นเดินนำหน้าไปซิ”
ผมตาฝาดหรือเปล่า เห็นใบหน้าของเคลวินที่ตอนแรกมันเรียบ แต่ตอนนี้มันค่อยๆ ขยายออกทีละนิดเหมือนจานดาวเทียมไรเงี๊ย ฮ่าๆ
ระหว่างทางเขาก็ชวนผมคุยไปเรื่อยๆ ลืมบอกไปว่าข้าวของทุกอย่างที่ผมซื้อมา เคลวินอาสาถือให้ เจ้านายน่ารัก บรรยากาศเป็นกันเองของผมกับเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
“ผมโทรหาคุณได้หรือเปล่า” ร่างสูงถามผม อีกทั้งยังหยุดเดินแล้วจ้องหน้าผมซะจริงจัง
“ได้ซิ ก็ท่านเป็นเจ้านายผมนี่น่า ทำไมจะโทรไม่ได้”
“ไม่ได้โทรไปเพราะเราสองคนเป็นแค่เจ้านายลูกน้อง อยากโทรไปในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง”
สายตาของเคลวินตอนนี้เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะใจผมได้ เร็วไปครับ สำหรับผม เป็นปี ไม่ซิ ซักปีสองปี ค่อยพิจารณา ตอนนี้ทุกคนอยู่ในฐานะเพื่อนหมด ไอ้ฟาร์อยากเล่นตัว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“แล้วแต่คุณแล้วกัน แต่ตอนนี้รีบเดินได้ไหมครับ ผมขี้เกียจรับโทรศัพท์”
ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็อย่างที่คิด น้ำซุปโทรมาครับ เดี๋ยวถึงห้องค่อยรับ จะได้ยืนยันนั่งยันไปด้วยว่า ผมถึงห้องแล้ว
“ขอบคุณมากที่เลี้ยงข้าวผม”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ คุณ ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงไม่รู้จักว่าข้าวแกงคืออะไร”
อดนึกถึงเหตุการณ์ตอนสั่งข้าวแกงไม่ได้ ยิ่งนึกยิ่งตลก
“คุณ..เอ่อ..ขับรถดีๆนะ”
“ครับ”
ทันทีที่ร่างสูงของเคลวินหันหลังเดินออกไปและลับหายสายตาไป ประตูห้องก็เปิดออกโดยทันที นี่ผมยังไม่ได้กดออดหรือว่าเคาะเลยนะ นี่พวกมันต้องยืนแอบฟังแน่ๆ