CAT BOY
ท่ามกลางแสงสลัวใต้หลอดไฟริมถนนคีตะขยับร่มที่ถืออยู่พลางกระชับเสื้อกันฝนให้เข้าที่ เขาเกลียดความชื้นแฉะของหยาดฝน อีกทั้งน้ำที่กระเซ็นพื้นคอนกรีตที่ขึ้นมาเปื้อนขากางเกงนั่นก็น่าขยะแขยงเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะรีบเดินให้ถึงคอนโดเร็วๆอาบน้ำหาข้าวกินดูหนังซักเรื่องแล้วเข้านอนใรตอนดึก พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเขาจะตื่นซักตอนเที่ยงๆ นอนให้สมกับที่ไม่ได้นอนมาหลายคืน
ยิ่งสายฝนหนาเม็ดมากขึ้นเท่าไหร่เรียวขายาวก็ยิ่งก้าวเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากแต่ในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านซอกตึกมืดๆชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงของอะไรบางอย่าง
"เมี๊ยว~" เสียงนั้นทั้งเบาและแหบแห้ง
ก็แค่แมวจรที่มีอยู่ทั่วไปเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเลย คีย์ก้าวเท้าจะเดินจากไป
"เมี๊ยว" อีกครั้งที่เสียงเล็กนั้นร้องเรียก
ใช่ เขามั่นใจว่าอย่างนั้น
แมวตัวนั้นกำลังร้องเรียกเขาแน่ๆ มันอาจจะกำลังหิวหรือมันอาจจะกำลังหนาว คีตะไม่เลี้ยงสัตว์ทุกชนิด สาเหตุหลักคือเขาเป็นภูมิแพ้ สาเหตุรองคือเขาไม่พร้อมจะดูแลสิ่งมีชีวิตทุกตัวบนโลก ลำพังเลี้ยงตัวเองจนโตมาได้ขนาดนี้โดยไม่พึ่งเงินพ่อแม่เขาก็เก่งมากพอตัวแล้ว
ชายหนุ่มชั่งใจระหว่างปล่อยผ่านและกลับห้องไปทำกิจวัตรประจำวันอย่างที่ตั้งใจกับการให้ความสนใจเสียงเล็กไปนั้น และราวกับเจ้าแมวน้อยจะรู้ถึงความกังวลนั้น มันส่งเสียงร้องอีกครั้ง คีย์สบถอย่างหงุดหงิด
"ให้ตายเถอะ ฉันต้องช่วยแกสินะ"เขาถอนหายใจก่อนจะก้าวตรงมาตามเสียง
ในซอกนั้นมืด เขามองไม่เห็นอะไรเลยเพราะแสงสว่างลอดมาไม่ถึง ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไฟฉาย ในตรอกนั่นทั้งมืดและสกปรก กองขยะที่ถูกนำมาทิ้งเปียกแฉะและบางส่วนจมอยู่ในแอ่งน้ำขังเขาพยายามมองหาที่มาของเสียงหากแต่ไม่พบ
คีตะยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
"ไม่ใช่โชคของแก"
ชายหนุ่มหันหลังเตรียมจากไป เขาเสียเวลากับเจ้าแมวเหมียวตัวนี้มามากพอแล้ว จะทิ้งไปตอนนี้เขาก็ไม่ได้ดูว่าจะแล้งน้ำใจอะไรนักเพราะเขาพยายามหามันแล้วแต่ไม่เจอเอง
"เมี๊ยววว"คีย์หันขวับ พลันแสงจากไฟฉายก็ส่องกระทบกับแก้วตาเป็นประกายใสที่สู้แสง ลูกแมวตัวน้อยผอมโซขดตัวอยู่บนถังพลาสติกที่คว่ำปากไว้กับพื้น สายน้ำจากท่อน้ำทิ้งกั้นมันไว้บังจากสายตาในครั้งแรก มันส่งเสียงเรียกไม่หยุดราวกับกลัวเขาจะหนี ท่าทางกลัวๆกล้าๆที่จะลุกขึ้นมาร้องเรียกเขาเต็มเสียงนั้นช่างน่าขัน
"เออ รู้แล้วน่า เห็นแล้ว"เขาเอ่ยตอบมันราวกับมันจะฟังเขาออก เจ้าแมวเด็กนอกจากไม่เงียบเสียงแล้วคราวนี้มันกลับส่งเสียงร้องดังและยาวขึ้นราวกับกำลังเว้าวอน คีย์ค่อยๆเดินเข้าไปในตรอกนั้นอย่างช้าๆ
"ให้ตายเถอะ"เขาทำหน้าเหลืออดยามรองเท้าผ้าใบจมลงไปในแอ่งน้ำเกือบมิด
ปกติธรรมชาติของแมวจรจะไม่ยอมให้ใครจับง่ายๆ แต่คีย์รู้เลยว่าสัญชาติแบบนั้นคงไม่มีสำหรับแมวตัวนี้ เพราะนอกจากมันจะไม่หนีเขาแล้วตอนที่คีย์เอื้อมมือไปช้อนใต้ลำตัวของมัน เจ้าแมวน้อยยังเอาหัวมาดุนดันมือของเขาเสียอีก
"อยู่นิ่งๆได้มั้ย เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ซะเลย"เขาเอ็ดมันอย่างรำคาญใจ
ในที่สุดคีย์ก็อุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน ฝนยังคงลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆและไม่มีทีท่าจะหยุดในเร็วๆนี้ กว่าจะถึงห้องเขาก็เปียกจนเกือบจะทั่วตัว ไฟถูกเปิดจนห้องทั้งห้องสว่างโร่ เจ้าแมวน้อยถูกวางลงบนพรมกลางห้อง มันรีบขยับตัวเข้าหาไออุ่นจากเขา แต่คีย์กลับจับมันลอยขึ้นแล้วเพ่งดูรูปร่างหน้าตาของมัน มันงอปลายหางเข้ากับลำตัว กลิ่นเหม็นฉุนรวมทั้งคราบสกปรกมอมแมมแถมขี้ตาเขรอะราวดูดวงตาบ่งบอกว่ามันไม่สบายและสกปรกหมักหมมมาพอสมควรแล้ว
"แกต้องอาบน้ำ"คีย์ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่มหิ้วลูกแมวที่เก็บคองอเข่าจนกลายเป็นก้อนปุ๊กลุกเข้ามาในห้องน้ำ
"อาบในกะละมังเอาแค่พอเกลี้ยงก็แล้วกัน"เขาปิดประตูห้องน้ำแล้วเอากะละมังใบเล็กที่เอาไว้ซักถุงเท้าเปิดน้ำอุ่นใส่ลงไปครึ่งหนึ่งแล้วจึงอุ้มเจ้าแมวน้อยลงไปจุ่มในน้ำแบบไม่ให้ลูกแมวได้ตั้งตัว
“เมี๊ยว!!!”
"โอ๊ย!!"ชายหนุ่มร้องจ๊ากเมื่อลูกแมวตวัดตัวขึ้นมาเกาะเขนของเขาแน่นกรงเล็บจิกลงบนต้นแขนขาวเขี้ยวคู่เล็กก็กัดหมับลงมาด้วยความตกใจชายหนุ่มสะบัดแขนจนเจ้าตัวเล็กหล่นจ๋อมลงไปตะเกียกตะกายในน้ำส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายอย่างไม่เป็นประสาแมวลั่นห้องราวกับกำลังจมในทะเลอันบ้าคลั่ง
"แค่ยืนก็พ้นมั้ย?"เขาพูดอย่างอ่อนใจ ท่าทางของมันเหมือนแมวเอ๋อทำให้อดขำออกมาไม่ได้ โชคดีที่มันไม่ได้กัดเขาจนเป็นแผล แต่ยังไงเสียเขาคงต้องไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าในวันพรุ่งนี้แน่ๆ คีย์ดึงหนังตรงหลังคอของมันขึ้นจากน้ำ การอาบน้ำจบลงอย่างทุลักทุเลและไม่ประทับใจเจ้าลายสลิดสีส้มนัก เขาวางมันลงกับพื้นยอมเสียสละผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อเช็ดตัวให้มันหยิบเอาตะกร้าผ้าใบเก่ามาปูด้วยเสื้อเที่ไม่ได้ใส่แล้ว เจ้าแมวน้อยขดตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเรียกเสียงหัวเราะจากคีย์ได้ไม่น้อย แวบหนึ่งเขารู้สึกเหมือนมันจะมองเขาอย่างเคืองๆด้วยซ้ำไป
ราวกับมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ธรรมดาไม่มีผิด
"หิวมั้ย ห้องฉันไม่มีอาหารแมวด้วยสิ"คีย์ไม่ได้ต้องการคำตอบเปิดตู้เย็นก็เจอไก่ทอดที่กินเหลืออยู่จากเมื่อหลายวันก่อน
เอาวะ ท้องหมูท้องหมา ค้างหลายวันกินเข้าไปคงไม่ตายหรอก ชายหนุ่มหยิบไก่จากตู้เย็นออกมาเข้าไมโครเวฟจากนั้นจึงเอาชามใบเล็กมาคดข้าวลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะฉีกไก่ทอดที่อุ่นเรียบร้อยคลุกข้าวให้กับเจ้าแมวน้อยที่ทำท่าจะพุ่งเข้าหาชามข้าวไม่ได้หยุด
คีย์มองแมวน้อยที่กินข้าวคลุกกับไก่ฉีกอย่างตะกละด้วยความอ่อนใจ ดีที่เขาฉลาดพอที่จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูรองไม่งั้นคงได้เก็บกวาดข้าวที่ไอ้ตัวเล็กกินไปสะบัดไปจนเกลื่อนอีกพักใหญ่แน่ๆเขาดุมันเล็กน้อยตอนที่ยื่นมือจะเอาไก่ให้เพิ่มแต่มันคงคิดว่าเขาจะแย่งจึงส่งเสียงขู่พลางตะปบ
"นอนซะ พรุ่งนี้จะไปประกาศหาเจ้าของให้ ฉันเลี้ยงแกไม่ได้หรอก"เขาบอกกับแมวที่เอียงคอฟังเขาราวกับจะรู้เรื่อง คีย์อุ้มมันวางลงในตะกร้าก่อนจะปิดไฟนอน อาจจะเพราะความอ่อนเพลียจากงานที่ทำต่อเนื่องสะสมมาหลายวันเขาจึงง่วงเร็วก่อนหลับเขาเหมือนจะได้ยินเสียงใครบางคนพูดข้างๆหู
"ไม่ไปได้มั้ย? อยู่ด้วยไม่ได้เหรอ?"
เช้าอันสดใสของคีย์จบลง อันที่จริงเขาตั้งใจจะตื่นสายแบบที่ชอบทำในวันหยุดหากแต่วันนี้ไม่เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา คีย์รู้สึกตัวตื่นเมื่อได้กลิ่นตุๆค่อนไปทางเหม็น เขากระเด้งตัวพรวดพลางมองไปหาต้นตอของกลิ่น เจ้าสลิดสีส้มกำลังวางกับระเบิดที่มุมห้องของเขากองใหญ่
เจ้าแมวน้อยทำหูลู่ยามเสียงทุ้มค่อนไปทางห้วนด่าไปถูไปราวสิบนาทีแล้ว แต่สลดได้ไม่นานมันก็เริ่มทำตัวยุกยิกมองตามความหยิกหยอยของไม้ถูพื้นที่ผ่านไปผ่านมาก่อนจะใช้ขาหน้าพยายามเขี่ย
"ทำผิดแล้วแกยังจะซนอีกเหรอ เขวี้ยงออกนอกหน้าต่างจะบาปมั้ยขี้ให้เก็บแต่เช้าเนี่ย"
การพยายามหาบ้านให้เจ้าแมวน้อยล้มเหลว ไม่มีใครยินดีที่จะรับมันไปเลี้ยง ในห้องของคีย์มีกระบะทรายเข้ามาเพิ่มอีกทั้งชามข้าวรวมทั้งอาหารแมวที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมเขาต้องทยอยซื้อเข้ามาเรื่อยๆเจ้าแมวผอมในเดือนก่อนบัดนี้ตัวอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดที่คอมีปลอกคอห้อยกระดิ่ง
"เอาล่ะ แกคงต้องมีชื่อแล้วสินะ"เขาลูบหัวเจ้าสลิดสีส้มที่นอนให้เขาเกาคางอยู่บนตักก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิด
"คิตตี้ดีมั้ย" "ม๊าว!!"เจ้าส้มงับลงบนมือของเขาพลางนอนแผ่ให้เห็นไข่ฟองเล็กทันที แมวตัวผู้บ้านป้าคุณสิชื่อคิตตี้ มันส่งสายตาตำหนิมาให้เขาอย่างไม่ยอมรับชื่อน่าสะพรึงกลัวนี้
"ลิลลี่ โอ๊ย!! อย่ากัด"
"แพตตี้ จ๊าก!!"หลายต่อหลายชื่อถูกขานออกมาแต่ได้รับการตอบรับอย่างไม่เป็นมิตรจากเจ้าส้มทันที มันเดินหนีเขาในชื่อสุดท้ายไปนอนใต้เตียงโดยไม่ออกมาหาเขาอีเลยจนถึงเช้า "ทำไมล่ะ ชื่อมีมี่น่ารักจะตาย" "มะนุดโง่"มันใช้ขาหน้าปิดหูตัวเองอย่างรำคาญ
"อะตอม เราชื่ออะตอม จำไว้"คีย์ขยับตัวหนีเสียงข้างหู ร้องอืมในลำคอเบาๆ เขามักจะฝันอยู่บ่อยๆ ในฝันเขาได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เคยเห็นตัวคนพูดซักที บางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงนั้นบอกว่าอยากกินปลาอยากกินไก่ทอด หรือบางทีก็บอกอาหารแมวไม่อร่อย เขาคิดว่าเขาคงอยู่กับ "ไอ้ดื้อ"มากไปทำให้ระบบประสาทเริ่มจะหลอนแล้วแน่ๆ
หลังจากมีไอ้ดื้อเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในห้องชีวิตของคีตะก็มีสีสันขึ้น การได้เฝ้ามองไอ้ดื้อวิ่งไล่ม้วนไหมพรมที่กลิ้งไปกลิ้งมาหรือการที่เขาใช้เบ็ดตกแมวเล่นกับมันคือความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งของชายหนุ่มวัย 25 ปีคนนี้
อาการภูมิแพ้เล่นงานเขาอยู่พักหนึ่งแต่มันก็ค่อยๆดีขึ้นจนตอนนี้เขาไม่ต้องใส่แมสแล้ว ไอ้ดื้อถูกถ่ายพยาธิทำวัคซีนครบอย่างที่สัตว์เลี้ยงควรได้ทำ ปัญหาระยะแรกที่คีย์เจอก็คือไอ้ดื้อหวงของกินมาก เวลาให้อาหารมันมักจะทำเสียงขู่ในลำคำคอเสมอ อาจเป็นเพราะที่ผ่านมามันใช้ชีวิตแบบแมวจรมาตั้งแต่เกิด อาหารการกินน่าจะอัตคัดหรืออาจจะถูกแมวตัวใหญ่ทำร้ายและแย่งมาตลอด
“ไม่ต้องขู่ ไม่ต้องหวงของกินมีเยอะแยะไม่มีใครมาแย่งหรอก”เขาคอยบอกคอยสอนมันทุกมื้ออาหารจนเสียงขู่ค่อยๆหายไปในตอนที่อยู่กับเขาครบเดือน
อีกปัญหาที่คีย์เหนื่อยใจก็คือ ไอ้ดื้อฉี่ทุกที่ยกเว้นกระบะทราย ต้องจับตูดจุ้มปุ๊กกับกระบะทรายกันจนเหนื่อยใจในที่สุดเดือนที่สองมันก็เข้ากระบะทรายให้เขาเห็นเป็นบุญตา
ไอ้ดื้อเหมือนเด็กเล็กๆที่ต้องคอยบอกคอยสอนแต่มันคือเด็กดีที่สอนอะไรก็จำ ที่สำคัญไอ้ดื้อขี้อ้อนมากไม่ว่าจะเดินไปทางไหนมันจะวิ่งตามมาเคล้าแข้งเคล้าขาเขาตลอด ถ้านั่งกินข้าวหรือดูทีวีมันจะกระโดดขึ้นมานั่งซุกอยู่บนตัก คีย์ยอมรับว่าแรกๆเขาค่อนข้างจะรำคาญแต่พออยู่ไปนานๆการได้นั่งลูบขนไอ้ดื้อไปด้วยดูทีวีไปด้วยก็เพลินดี
ไอ้ดื้อนอกจากขี้อ้อนแล้วยังเป็นแมวที่กวนประสาทมากเช่นกัน ถ้าวันไหนคีย์หอบงานกลับมาทำที่บ้านดึกเกินไปหรือไม่สนใจมันไอ้ดื้อจะขึ้นมานั่งทับบนโน๊ตบุ๊คของเขาจนแทบไม่เป็นอันทำงานพลางส่งสายตาค้อนๆมาให้ถ้าโดนไล่ บางครั้งเขาก็ต้องยอมพามันไปนอนก่อนถึงจะย่องกลับมาทำงานต่อ ไอ้ดื้อติดที่จะนอนซุกบนตัวของเขา บางครั้งมันก็ละเมอตะปบอะไรซักอย่างน่าจะฝันว่าไปจับอะไรมากินนั่นแหละ
ในที่สุดฤดูฝนก็ผ่านไป ความฤดูหนาวเริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบท้องฟ้าสีหม่นพาลให้ง่วงนอน ไอ้ดื้อใช้เวลาอยู่กับการขดตัวนอนตรงริมหน้าต่างในตอนที่เขาไม่อยู่ส่วนตอนกลางคืนมันจะซุกตัวนอนตรงซอกคอหรือไม่ก็บนอกเขา กลายเป็นความเคยชิน การมีแมวมานอนซบบนอกก็อุ่นดี
คีตะไม่รู้ว่าเขาหลงแมวหรือไอ้ดื้อติดเขา ทุกเย็นเขาจะรีบกลับบ้าน เขากลัวมันเหงา ตอนนี้ไอ้ดื้อมีเครื่องให้อาหารอัตโนมัติ หมอแนะนำให้เขาจำกัดอาหารก่อนที่มันจะอ้วนเกินไป ไอ้ดื้องอนเขามากจนหนีเข้าไปนอนใต้เตียงหากแต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเลย มันไม่ใช่แมวจ่อยอีกต่อไปแล้ว
ครั้งล่าสุดที่มันพยายามเข้าไปนอนใต้เตียงพุงย้วยๆของมันติด เดือดร้อนเขาต้องดึงมันออกมา ไอ้ดื้อทำดวงตาปริ่มน้ำ
"เออ อ้วนๆก็น่ารักดี เรื่องจำกัดอาหารก็ช่างแม่งแล้วกัน" เขาแพ้ แพ้สายตาช่างอ้อนของไอ้ดื้อ และเหมือนมันเองก็จะรู้ดวงตาอ้อนวอนจึงถูกใช้ทุกครั้งที่คีย์กินข้าว หลายครั้งที่ไอ้ดื้อมักจะอาศัยช่วงที่เขาเงยหน้าขึ้นไปดูทีวีค่อยๆใช้อุ้งเท้าอุ๋งๆของมันเขี่ยอาหารในจานหาตัวเองแต่ก็ถูกจับได้ทุกครั้ง ไอ้ดื้อไม่เคยละความพยายามในจุดนี้เลยจนคีย์ต้องแกล้งเงื้อมือทำท่าจะตี ไอ้ดื้อทำตาปริบๆใส่พลางส่งเสียงร้องราวตัดพ้อต่อว่าชายหนุ่มที่ใจร้าย สุดท้ายคีย์ก็ใจอ่อนให้มันอยู่ดี เขารู้ว่าเขากำลังทำให้ไอ้ดื้อเสียนิสัยแต่จะทำยังไงได้ก็แค่เห็นตาแป๋วๆของมันใจเขาก็อ่อนกว่าขี้ผึ้งแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรให้ไอ้ดื้องอน หลังจากพาแฟนสาวมานอนค้างที่ห้อง ไอ้ดื้อก็มีอาการมึนตึงไม่เข้ามาพันแข้งพันขาคลอเคลียเหมือนเช่นก่อน มันจ้องหน้าเขาพลางฝนเล็บบนโซฟาหนังของเขาอย่างท้าทาย ชายหนุ่มหัวเสียไม่ใช่น้อย โซฟาราคาแพงเป็นรอยปรุจากน้ำมือของไอ้ดื้อไปทั่วโดยที่มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่
"แกมันดื้อสมชื่อจริงๆ"เขาปิดประตูห้องใส่หลังจากที่มันเมินเขา
"เราไม่ได้ดื้อ เราแค่ไม่ชอบที่มะนุดเอาคนอื่นมานอนในห้องของเรา"อีกครั้งที่คีย์ฝัน คราวนี้บนอกของเขารู้สึกถึงความเปียกชื้นร้อนผ่าว เหมือนจริงเหลือเกินราวกับเขาไม่ได้ฝัน คีย์ตะครุบลงบนจุดที่คิดว่ามีอะไรบางอย่างนอนซบอยู่เมื่อลืมตาเขาก็เบิกตาโพรงอย่างตกใจ
"เฮ้ย!!!"
ในอ้อมแขนของเขาปรากฏร่างบอบบางของเด็กผู้ชายแก้มยุ้ยคนหนึ่ง แพขนตาหนาเปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำ ปลายจมูกรั้นแดงเรื่อ เด็กน้อยในอ้อมกอดเองก็ดูตกใจไม่ใช่น้อย หูตรงกลุ่มผมสีเข้มกระดิกไปมา..เหมือนหูแมวทั้งรูปทรงและท่าทาง ก่อนที่จะตั้งตัวเด็กนั่นก็กลายเป็นแมวแล้ววิ่งหนีออกไปนอกห้อง
คีตะแหกปากร้องเสียงหลง เขาอึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ชายหนุ่มหยิกตัวเอง มันเจ็บ เขายังคงไม่เชื่อ คราวนี้มือหนาฟาดลงบนผิวแก้มตัวเองเต็มแรงจนรู้สึกชา
"เชี่ยอะไรวะเนี่ย" เขาไม่อยากจะเชื่อเลย แมวตัวนั้น แมวผีตัวนั้นคือไอ้ดื้อของเขาเอง เขาจำกระดิ่งที่ห้อยคอได้
กลายเป็นความหวาดระแวง เขามองไอ้แมวอ้วนที่จ้องเขาในยามที่ออกมาจากห้องนอน ไอ้ดื้อร้องเมี๊ยวเบาๆแต่เขาสะดุ้งแรงราวกับได้ยินเสียงระเบิด ไอ้ดื้อขยับตัวลุกจะเดินมาหาเขา
"หยุด!!แกหยุดตรงนั้นเลยไอ้แมวผี"เขาชี้นิ้วสั่งไอ้ดื้อมองค้อนด้วยสายตาตัดพ้อแล้วนั่งลงตามเดิม
"แกฟังภาษาคนรู้เรื่องใช่มั้ย"เขาทำใจดีสู้แมวเอ่ยถามออกไป ไอ้ดื้อหาวหวอดจนเห็นฟันทุกซี่รวมทั้งเขี้ยวซี่เล็กๆที่เขาเคยชมว่าฟันซี่โน้ยๆเร้กๆน่ารักแต่ตอนนี้มันเหมือนคมเขี้ยวของอสูรกาย มันน่ากลัวมาก น่ากลัวม๊ากมากก ในความคิดของชายหนุ่ม จะลุกขึ้นมากลายร่างแล้วจับเขากินแบบจิ้งจกมั้ยนะ ระแวงไปหมด
"เมี๊ยว"มันขานรับพลางยืดตัวบิดขี้เกียจ
"เสียงที่ฉันได้ยินทุกคืนคือแกเหรอ"
"เมี๊ยว" มันขานรับอีกครั้ง
"ถ้างั้นแปลงร่างเป็นคนแล้วมาคุยกัน ฉันอยู่กับความกลัวไม่ไหวหรอกนะ"เขาบอกกับไอ้ดื้อ คือเนียนเป็นแมวมาสามเดือนเพื่อจุดประสงค์อะไร จะจับเขากินมั้ยก็มาคุยกัน จากสภาพที่เห็นก็คงโตพอที่จะหากินเองได้แล้วย้ายออกเลยก็ได้นะเดี๋ยวยกคอนโดแมวที่เพิ่งซื้อให้ไปเลยก็ได้ เขาไม่งกถือเป็นของขวัญวันย้ายบ้านไปเลยก็ได้
ไอ้ดื้อถอนหายใจครืดๆก่อนจะหมอบลงกับพื้น แล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็ประจักษ์แก่สายตาของมนุษย์ที่เกิดมา 25 ปีอย่างคีตะอีกครั้ง ร่างของไอ้ดื้อค่อยๆขยาย ขนสีส้มหายไปกลายเป็นร่างเปลือยเปล่าของเด็กผู้ชายอายุราวๆ 17-18 ปี คนหนึ่ง
"พอใจยัง?"เด็กคนนั้นช้อนตาขึ้นสบตาเขาพลางส่งเสียงถาม
คีย์ยืนตัวแข็งในขณะที่ไอ้ดื้อนอนหงายจนอะไรที่เคยเป็นพวงเล็กๆน่ารักที่บัดนี้ก็ขยายตามตัวลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
"เป็นตัวผู้ไม่ชื่อคิตตี้ แพตตี้หรือมีมี่ เรามีชื่อ"ไอ้ดื้อบิดตัวไปมาโชว์ความเป็นชายให้มนุษย์โง่ดูเพื่อยืนยันว่าตัวเองเป็นแมวตัวผู้จริงๆ
ไอ้ดื้ออ้าปากเตรียมจะบอกชื่อของตัวเองกับมนุษย์โง่หากแต่เลือดกำเดาของคีย์กลับไหลพรูออกมาจากโพรงจมูกแล้วชายหนุ่มก็ล้มตึงลงกับพื้น ดีที่ไอ้เป็นแมว เจ้าแมวเด็กในร่างคนกระโดดมารับศีรษะของคีย์ไว้ได้ทัน
"ตกใจที่เราเป็นตัวผู้เหรอ ทำไมอ่ะถึงเป็นตัวผู้เราก็น่ารักได้นะมะนุดโง่"
คีย์ฟื้นขึ้นมาในตอนมืด ในห้องว่างเปล่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาคงฝันไปแน่ๆ ชายหนุ่มหัวเราะให้กับความฟุ้งซ่าน แมวที่ไหนจะเป็นคนวะ ถ้ามีจริงยอมอมนิ้วโป้งตีนเลยเอ้า
"ตื่นแล้วเหรอมะนุด"ไอ้แมวผีที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ส่งเสียงถามเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปเขาช็อกยิ่งกว่าเดิม
ไอ้ดื้อกลับไปเป็นแมวอ้วนตามเดิมแล้วแต่ในปากของมันมีงูเขียวตัวเล็กๆคาบอยู่ ปลายหางขยับอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มถอยหนีจนตกเตียง ไอ้ดื้อรีบคายงูทิ้งกลายเป็นคนพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง
นั่นไง!!!! แดกงูไม่อิ่มเลยจะแดกเขาต่อแน่ๆ
คีย์กรี๊ดจนสุดเสียง
"ทำไมอ่ะมะนุด ตัวเล็กไปเหรอ เดี๋ยวเราจับงูเหลือมมาให้ก็ได้นะไถ่โทษที่ทำมะนุดตกใจ เราง้อๆแล้วเนี่ยดีกันนะ"คีย์หยุดร้องเมื่อหัวทุยที่ล้อมไปด้วยกลุ่มผมหนาเข้ามาถูไถตามตัวของเขา มันกำลังง้อเขาอย่างนั้นหรอกเหรอ
"ไม่ต้อง เอางูไปทิ้งก่อน"เขารีบร้องห้ามเมื่อไอ้ดื้อทำหน้าจริงจังเรื่องจับงูเหลือม แค่งูเขียวเขาก็แทบจะเป็นลมไปอีกรอบนี่ไอ้ดื้อจะล่องูเหลือม
เอางูมาแดกกูเถอะถ้าจะขนาดนั้น
"สัญญาก่อนว่าจะหายกลัวเรา
"เออ"
คีตะกำลังบอกตัวเองว่าอย่ากลัว...ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ชอบมาคลอเคลียนี่เพื่อประเมินว่าเขาโตพอที่มันจะแดกเขาได้ทั้งตัวหรือยังแน่ๆ
มันมีที่ไหนแมวที่แปลงเป็นคนได้ แต่ตอนนี้เขาต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องก่อน
"เลือกซักร่างจะเป็นแมวหรือเป็นคน"เขาเสนอทางเลือกให้กับไอ้ดื้อ
"เป็นคนแล้วอ้อนคีย์แบบเดิมได้มั้ย"มันถามเสียงอ่อย
"ตัวโตอย่างควายจะมาอ้อนยังไง"
"ถ้าเป็นร่างแมวเราก็คุยกับคีย์ไม่ได้สิ" มันบ่นงุ้งงิ้งคนเดียวเบาๆพลางทำแก้มพองอย่างเลือกไม่ได้
"ตกลงจะเอาไง"
"เป็นคนก็ได้"มันรีบตอบ
"เออ"
การใช้ชีวิตของคีย์หลังจากวันนั้นต้องปรับใหม่เล็กน้อยเริ่มจากการสอนให้ไอ้ดื้อใส่เสื้อผ้า
"คีย์มันยากจัง"ไอ้ดื้อทำหน้างอแง นิ้วของมันวุ่นวายกับกระดุมที่ติดผิดติดถูก คีย์เบือนหน้าหนีแผ่นอกขาวๆก่อนทำเสียงดุ
"สอนหลายครั้งแล้วทำไมไม่รู้จักจำ"
"ก็มันยากนี่"มันงุ้ยปากใส่
เขาว่าการใส่เสื้อยากแล้ว การใส่กางเกงสิยากกว่า คีย์ต้องบอกตัวเองว่านั่นแมวนะ...เบือนหน้าหนียามอะตอมยกขาขึ้นเพื่อสอดขาเข้าขากางเกงในทีละข้างอย่างยากเย็น แมวผีหน้าตาน่ารักนี่ทำคอเขาแห้งวันละหลายหน ไอ้ครั้นจะปล่อยให้ไอ้ดื้อแก้ผ้าวิ่งล่อนจ้อนไปทั่วห้องคงไม่ดีแน่
แม้ตอนแรกจะกลัวไอ้ดื้ออยู่บ้างแต่พอนานๆไปเขาก็ลืมว่ามันคือแมว ไอ้ดื้อของเขาช่างอ้อนช่างสงสัย ตัวโตราวเมนคูนแต่หัวใจงุ้งงิ้งเหมือนสก็อตทิช โฟลด์ เวลานอนชอบมาซบมาอ้อนต้องลูบหลังเกาคางถึงจะหลับได้ เขาเหมือนได้ลูกเพิ่มมากกว่าได้เลี้ยงสัตว์ ตอนเป็นแมวเขาก็หลงมันจะแย่ ยิ่งเป็นคนช่างพูดช่างอ้อนเขาก็อยากจะอยู่บ้านมากกว่าเดิมเสียอีก
"อะตอม"เขาเรียกเจ้าแมวที่จ้องทีวีตาแป๋ว อะตอมชอบดูทีวีมากบางครั้งเวลาตัวแมลงในทีวีบินหรือขยับก็จะชอบกระโดดไปนั่งข้างหน้าทีวีแล้วใช้มือไล่ตะปบเป็นภาพที่สร้างความขบขันให้กับคีย์ไม่น้อย เจ้าแมวเด็กในร่างคนหันมามองเขาด้วยสายตามีคำถาม มันเอียงคอน้อยๆอย่างรอฟัง
"คือพรุ่งนี้แฟนฉันจะมานอนค้างด้วย นายช่วยกลับไปเป็นแมวซักวันได้มั้ย?"ไม่รู้ทำไมเขาต้องมาขอร้องเจ้าแมวด้วยทั้งๆที่เขาจะสั่งให้มันกลายร่างเป็นแมวก็ได้ อะตอมหันมามองเขาค้อนๆ จากนั้นมันก็เดินเมินเขากลับร่างแมวและเข้าไปนอนขดตัวในตะกร้าผ้าใบที่เขาเคยใช้เป็นที่นอนของมันในช่วงแรกๆ เข้าโหมดงอนอย่างสมบูรณ์แบบ จะอุ้มมานอนด้วยก็ขู่ฟ่อราวกับเป็นงูไม่ใช่แมวเสียอย่างนั้นจนคีย์อ่อนใจยอมแพ้
((มีต่อด้านล่าง))