♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 27 ✦ ทิวไม่ใช่นายเอกหนังไทย
"ทิว...ถ้า...ความรักของมึงกับบูมไม่สมหวัง มึงจะทำไงวะ"
จู่ๆ ต้องก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาขณะที่นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านหลังจากกลับมาจากข้างนอกด้วยกันแล้ว ตั้งแต่เข้ามาในบ้าน ทิวสังเกตว่าต้องมีอาการประหม่าและดูเหมือนกังวล คล้ายกับคนที่กำลังมีปัญหาหรือเรื่องอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่หลายครั้ง
"อะไรวะ ไหนว่ามึงจะเล่าเรื่องแฟนมึงให้กูฟังไง มาถามอะไรเนี่ย"
ทิวพยายามพูดติดตลกเพราะไม่อยากตอบคำถามที่แสนอึดอัดนั้น มีหลายอย่างที่ทิวเองก็ตอบตัวเองไม่ได้
"ก็กูอยากรู้เรื่องนี้ก่อน เรื่องแฟนมึงได้ฟังแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอบกูมาก่อน" ต้องทำเสียงเหมือนรำคาญ
ทิวมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องถึงต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบด้วย "ก็...คงเสียใจมั้ง"
"อันนั้นกูรู้แล้ว แต่หลังจากนั้นล่ะ มึงจะทำไง"
"อืม...ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง กูก็ดีใจที่นะต้องที่ไม่ว่ากูหรือบูมพยายามทำอะไรบางอย่าง"
ฟังที่ทิวพูดแล้วต้องก็นึกถึงที่บูมพูดวันนั้นว่า "อย่างน้อยทิวก็จะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่เคยทำอะไรเพื่อความรักของกูกับทิวเลย" เท่ากับว่าทิวได้ช่วยตอกย้ำให้ต้องเห็นชัดมากขึ้นว่าต้องแทรกเข้าไประหว่างสองคนนี้ไม่ได้แล้ว
"มึงสนุกหรือทิวที่ต้องอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากมือที่สามแบบนี้ บูมมันกำลังจะหมั้นนะทิว"
ต้องเปลี่ยนประเด็น เหมือนกับจะหาวิธีต้อนให้ทิวเข้าไปในมุมที่ต้องการให้ได้เสียก่อนที่จะบอกอะไรบางอย่างไป
ทิวรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที ดูเหมือนว่าต้องก็สังเกตอาการนี้ของทิวได้จึงค่อยๆ ลดท่าทีแข็งกร้าวและท่าทางที่คาดคั้นลง
"ขอโทษว่ะทิว กูก็ไม่ได้อยากกดดันมึงขนาดนั้นหรอก" ต้องหันหน้าไปทางอื่น ครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจถามใหม่
"แล้วมึง...ไม่คิดจะรักใครคนอื่นบ้างเหรอ"
ทิวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วมึงจะให้กูรักใครวะ"
ต้องหันหน้ากลับมา ดูมีอาการประหม่ามากขึ้น พยายามรวบรวมความกล้าทุกอย่างที่มีอยู่ในตอนนี้เพื่อที่จะบอกสิ่งที่เก็บไว้ในใจมานานหลายปีให้ทิวรู้
"ก็กูไง"
ทิวอึ้งไปสักพัก ยังไม่ถึงกับตกใจมากเพราะคิดว่าตัวเองคงจะฟังผิดหรือหูฝาดไป
"อะไรนะต้อง เมื่อกี้มึงพูดอะไร"
"กูชอบมึง ไอ้ทิว ได้ยินไหมว่ากูชอบมึง ชอบมาหลายปีแล้วด้วย"
ต้องพูดเสียงสั่นเครือ เมื่อตัดสินใจพูดออกไปแล้วมันก็ช่วยให้ต้องรู้สึกโล่งใจมากเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกตื่นเต้นและกลัวมากก็ตาม ผลที่จะตามมาจะเป็นแบบไหนต้องก็พร้อมที่จะยอมรับมัน พอถึงตอนนี้ก็ได้แต่นึกเสียดาย ไม่รู่้ว่ามัวรออะไรอยู่จนป่านนี้ น่าจะบอกทิวไปตั้งนานแล้ว
ทิวเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อต้องยืนยันอีกหนจึงคิดว่าไม่น่าจะฟังผิด ต้องชอบทิวมานานแล้วหรือ ทำไมทิวไม่เคยเห็นต้องมีท่าทางที่ทำให้ระแวงสงสัยเลย คบกันมาตั้งเกือบ 20 ปี ทิวไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องจะแอบชอบ
"กูรู้ว่ามึง...คงไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นกับกูแล้วไอ้ทิว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง"
"ต้อง..."
ทิวเรียกเพื่อนด้วยเสียงแหบพร่า ใครบางคนคงกำลังเล่นตลกกับชีวิตของคนเหล่านี้อยู่แน่ๆ คนที่สั่งให้เล่นคงลืมถามความสมัครใจของผู้เล่นว่าอยากจะเล่นเกมส์รักหลายเส้าอย่างนี้หรือเปล่า
ต้องเงียบไปเช่นกัน เงียบไปนานเลยทีเดียวจนบรรยากาศเริ่มอึดอัด ดีที่ว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงช่วยทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นไปได้ บูมโทรมาหาทิวนั่นเอง ทิวหันไปมองต้องด้วยความลังเลใจแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับ
"ทิว...กลับมาหรือยัง"
"เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี้แหละ" ทิวพยายามพูดเสียงเบาๆ เพราะไม่อยากให้ต้องได้ยิน
"เหรอ...เราไปหานายได้ไหม จะไปตอนนี้เลย คิดถึงทิว ไม่ได้ไปนอนบ้านทิวตั้งหลายวันแล้ว ได้หรือเปล่า พรุ่งนี้เราจะได้ไปส่งนายที่มหาลัยไง"
น้ำเสียงอ้อนๆ นั้นทำให้ทิวใจอ่อนมานักต่อนักแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แถมต้องก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ทิวก็เลยรู้สึกลำบากใจที่จะตอบตกลง
"เดี๋ยวเราโทรกลับได้ไหมบูม ตอนนี้ยังไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่"
"เหรอ...โอเค แล้วรีบโทรกลับมานะ เราจะรอ ดึกแค่ไหนเราก็จะรอ คิดถึงทิวนะครับ"
พอวางสายไปแล้วทิวก็เจอกับแววตาของต้องที่ฉายแววน้อยใจออกมาจนพอรู้สึกได้
"ทิว...กูก็แค่บอกให้มึงรู้ว่ากูคิดยังไง ถ้ามึงกับบูมยังรักกันอยู่กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ไม่ต้องกลัวว่ากูจะน้อยใจ"
ดูเหมือนต้องจะรู้ทันเสียด้วยสิ ต้องคงจะน้อยใจจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งรู้ว่าบูมโทรมาหาทิวก็ยิ่งตอกย้ำว่าต้องไม่มีพื้นที่ที่จะยืนแทรกระหว่างสองคนนี้ได้เลย ถึงจะเบียดเข้าไปได้แต่มันก็อึดอัดเสียจนสุดท้ายก็ต้องเดินออกมาเอง
"กูกลับก่อนละกันนะทิว" ต้องทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็ดูเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรได้
"ไม่ต้องไปส่งกูหรอก" ว่าแล้วก็เดินลิ่วเปิดประตูออกไปทันที ทิวได้แต่นั่งมองอย่างหนักใจ
ตอนนี้ต้องคงควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าต้องไม่ใช่เพื่อนที่ทิวต้องรักษาน้ำใจ เมื่อกี้ทิวก็คงจะบอกต้องไปแล้วว่าทิวไม่ได้คิดกับต้องเกินเพื่อนเลย พอเป็นเพื่อนกันมานานแล้วก็รู้สึกลำบากใจที่จะต้องทำร้ายจิตใจกัน
ที่ต้องถามเมื่อกี้ต้องกำลังจะบอกทิวหรือเปล่าว่าถ้าความรักของทิวกับบูมไปต่อไม่ได้ ต้องก็จะรอทิวกลับมาหา ดูเหมือนใครๆ ก็คิดว่าความรักของทิวกับบูมคงไปได้ไม่ถึงไหน ต่อให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทิวก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเปลี่ยนใจมารักต้องมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า แม้ว่าจะรู้สึกเห็นใจแต่ทิวก็ไม่รู้จะช่วยต้องยังไงดี ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ อยู่ดีๆ นึกอยากจะยกให้ใครคงไม่ได้
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
เสียงรถมาจอดหน้าบ้านทิวก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มาบ่อยเสียจนทิวจำเสียงเครื่องยนต์ได้แล้ว ตั้งแต่ที่บูมกลับมาหาทิวในวันนั้น บูมก็มาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นความเคยชินของทิวไปแล้ว บูมไม่อยากทิ้งให้ทิวต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่บูมก็จะมาหาทันที
ทิวเปิดประตูบ้านต้อนรับคนที่มาถึงด้วยรอยยิ้มดีใจ บูมโอบไหล่ทิวไว้แล้วก็พาเดินเข้ามาในบ้าน
"มาดึกๆ แบบนี้ที่บ้านเขาจะไม่สงสัยเอาเหรอบูม"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราคิดถึงนาย...ยังไงก็ต้องมา"
"ทีหลังถ้ามันดึกมากไม่ต้องมาก็ได้ เราอยู่คนเดียวได้น่า ไม่เป็นไรหรอก เราก็อยู่แบบนี้มาตั้งหลายปี ชินแล้วล่ะ นายจะได้พักผ่อน เก็บแรงไว้ทำงาน ทำประโยชน์ให้สังคม"
บูมหยุดเดิน จับไหล่สองข้างของทิวให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ
"เรารู้ แต่คนมันคิดถึงนี่นา ช่วงนี้ทำงานเยอะ ไม่ค่อยได้มาหาทิวเท่าไหร่ ตอนเย็นว่าจะมาหาแล้วก็ไม่ได้มา"
น้ำเสียงในตอนท้ายแฝงความน้อยใจไว้ในที ทิวได้แต่ยิ้ม ตอนสมัยเรียนก็ไม่ค่อยเห็นบูมเป็นคนขี้อ้อนเท่าไหร่ บูมดูหน้าตาถมึงทึงแทบตลอดเวลาในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้บูมจะกลายเป็นคนขี้อ้อนไปได้ จะว่าไปทิวก็ชอบเหมือนกันที่บูมเปลี่ยนไป
"ต้องกลับไปแล้วเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้
จากที่กำลังยิ้มๆ อยู่ทิวก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง "กลับไปแล้ว"
คิดแล้วก็สงสัยว่าบูมจะรู้เรื่องที่ต้องแอบชอบทิวหรือเปล่าหนอ ถ้ายังไม่รู้ทิวก็ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกดีหรือเปล่า กลัวบูมจะคิดมากเพราะต้องกับทิวก็สนิทสนมใกล้ชิดกันมากทีเดียว
"ไปเที่ยวกับต้องสนุกไหม" ถามพลางยิ้ม
ทิวพยักหน้า
"อืม...ก็สนุกดี ต้องมันเห่อรถใหม่น่าดู ขับพาเราไปนั่นไปนี่จนจำไม่ได้แล้วว่าไปตรงไหนมาบ้าง แล้วก็ไปกินข้าว เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี่แหละ"
บูมพยักหน้าเข้าใจ ลึกๆ ก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ได้กลัวใจทิวหรอก แต่กลัวใจต้องต่างหากเพราะไม่รู้ว่าต้องกำลังคิดจะทำอะไรอยู่
"กินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามเมื่อนึกได้
"กินแล้ว...นายหิวอีกเหรอ"
"ไม่ไหวแล้ว ให้กินอีกก็คงอ้วก ต้องมันเล่นเลี้ยงเราซะจุกเลย" ทิวบอกพลางขำ
"ต้องนี่ก็เป็นเพื่อนทีดีเหมือนกันนะ ถ้าตอนนั้นไม่มีต้อง นายก็คงแย่"
ทิวทำหน้าเศร้า ก็จริงอย่างที่บูมว่านั่นแหละ ถ้าไม่มีต้องทิวก็คงแย่
"อืม...ถ้าใครถามเราว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือใคร เราก็คงตอบว่าเป็นต้องอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่มีต้อง...เราก็คงแย่อย่างที่นายว่า"
บูมเขยิบเดินไปทางด้านหลังของทิว แล้วก็กอดทิวทางด้านหลังไว้
"แล้วเราล่ะ มีอะไรเป็นที่สุดหรือเปล่า"
"เป็นคนขี้อิจฉาที่สุดไง" ทิวล้อเลียนแล้วก็หัวเราะชอบใจ
"โห...นายอะ เอาดีๆ หน่อยสิ" บูมแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอด
"ก็...เป็นคนที่เรารักที่สุดตอนนี้ไง" ทิวพูดเอาใจ
บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ยิ้มด้วยความพอใจ แต่สักพักก็ทำจมูกฟุดฟิดๆ
"หูย...เราว่านายไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ตัวเหม็นแล้ว"
แล้วก็ขำด้วยกันทั้งคู่
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
บูมไม่รู้ว่าความลับของเขากับทิวจะถึงหูพ่อกับแม่ตอนไหน คงอีกไม่ช้านี้แหละเพราะแพรวเริ่มสงสัยมากขึ้นทุกทีๆ อีกไม่นานนี้บูมก็จะคุยกับแพรวแล้ว ชีวิตในตอนนี้จึงดูน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โต บูมอยากจะใช้เวลาช่วงนี้กับทิวให้คุ้มค่าที่สุด
บูมใช้มือลูบผมคนที่นอนซบอยู่บนอกอย่างสบายอารมณ์อย่างแผ่วเบา สายตาที่มองดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา บูมดีใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสช่วยทำให้ชีวิตที่อ้างว้างของทิวอบอุ่นขึ้น นี่แหละคือเงื่อนไขและแรงจูงใจที่จะทำให้บูมต่อสู้เพื่อความรักอย่างไม่ย่อท้อ
"นายคิดถึงแม่ไหมทิว"
"คิดถึงสิ คิดถึงทุกวันเลย"
"วันหยุดนี้ เราไปทำบุญที่วัดให้แม่กันไหม"
"ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปทำบุญให้แม่เลย"
บูมลูบไล้ไปตามเนื้อตัวทิวเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาอีกคนถึงกับสยิวไม่น้อย แต่ยังหรอก ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น
"ชีวิตนายเป็นไงบ้างทิว ตอนนี้นายยังมีปัญหาอะไรอยู่อีกไหม"
"ตอนนี้เหรอ...ก็โอเคนะ จริงๆ การที่ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนเหลืออยู่เลยมันก็เหงานะ แต่พอ...นายกลับมา เราก็รู้สึกอย่างนั้นน้อยลง"
"เราดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น อืม...ว่าแต่ว่า...นายเคยอยากเจอหน้าพ่อของนายบ้างไหม"
"ไม่หรอก เขาจากไปนานจนเราไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราต้องนึกถึงแล้วล่ะ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้"
"อืม...นายไม่ต้องกังวลหรอกทิว ถ้านายเหงา ถ้านายขาดความอบอุ่น เราจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้นายเอง"
ทิวเงยหน้ามองบูมแล้วก็ยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ฟ้าได้นำพาและลิขิตให้เขาได้มาเจอผู้ชายคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฟ้าตั้งใจหรือไม่ แต่ทิวก็พอใจกับสิ่งที่ได้รับแม้ว่าวันหนึ่งอาจจะต้องสูญเสียมันไป
"ต่อไปนี้นะ ไม่ว่านายจะไปไหน จะทำอะไร หรือลำบากอะไร นายบอกเรานะทิว เรายินดีทำให้ทุกอย่างที่เราทำได้ ให้เราได้ดูแลนายบ้างนะ นายเหนื่อยมาเยอะแล้ว"
ทิวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
"ทิว..." บูมเรียกเสียงเบา
"หืม..."
"เราคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วนะ เราคิดว่า...อีกไม่นานนี้...คงจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"
ได้ยินแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้ ถ้าบูมไม่เตือนขึ้นมาทิวก็อาจจะมัวแต่หลงระเริงไปกับความสุขจนลืมที่จะคิดถึงความจริง
"ถ้าเราหนีไป นายจะไปกับเราไหม"
"ไปสิ นายจะพาเราไปไหนเราก็ไปทั้งนั้นแหละบูม ก็เรารักนายไปแล้วนี่" ทิวตอบโดยไม่ลังเล
บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ได้ฟังแล้วก็ชื่นใจเสียจริงๆ ได้กำลังใจอย่างนี้แล้วต่อให้อุปสรรคมากแค่ไหนบูมก็ไม่กลัวแล้วล่ะ
"ขอบคุณมากทิว" บูมบอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ตื้นตันใจ
"บูม...นายพอจะบอกเราได้ไหมว่าตอนนี้...นายกำลังทำอะไรกับแพรวอยู่ แล้วที่้บ้านนายล่ะ เขาจะว่าอะไรไหมที่รู้ว่าเรากับนายกลับมาคบกัน เราอยากรู้เผื่อเราจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ เราไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวผิดหวัง ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เราแค่อยากรู้เท่านั้นแหละบูม"
บูมคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด
"เราจะทำให้แพรวสงสัยว่าเรา...เป็นเกย์ แล้วเราก็คิดว่า...ถ้าแพรวรู้แล้วแพรวก็จะเป็นฝ่ายถอนหมั้นเราไปเอง แต่ว่าเขาก็คงจะเสียใจมากเหมือนกัน อันนี้เป็นด่านแรก ส่วนพ่อกับแม่ก็จะเป็นด่านต่อไป ยากหน่อยนะทิว พ่อกับแม่เราเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญมาก พ่อกับแม่ไม่อยากให้เราเป็นเกย์ ไม่อยากให้เรามีแฟนเป็นผู้ชาย แต่คราวนี้...เราจะไม่ยอมอีกแล้วนะทิว เราคงจะต้องดื้อกับพ่อกับแม่บ้าง ถ้ามันรุนแรงมาก...เรากับนายก็อาจจะต้องหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งด้วยกัน นายกลัวหรือเปล่าทิว"
ทิวเงยหน้าไปมองบูมแล้วก็ส่ายหน้า
"เราไม่กลัวหรอก แต่เรา...อาจจะช่วยอะไรนายไม่ได้เท่าไหร่หรอกนะบูม ไม่ว่าจะเรื่องแพรวหรือเรื่องครอบครัวของนาย แต่เรื่องที่เราจะทำให้นายได้ก็คือ...ไม่ว่านายจะทำอะไร จะถูกจะผิดยังไง จะได้ผลหรือไม่ได้ผล เราจะยืนอยู่ข้างนายเสมอนะบูม เหมือนตอนที่เราเคยเป็นสมัยเรียน นายไม่ต้องกลัวนะว่าเราจะเจ็บหรือเสียใจ ไม่เป็นไรหรอกบูม นายเคยดูละครไหม นางเอกหนังไทยที่ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ส่วนคนที่เหนื่อยและลำบากกว่าใครก็คือพระเอกที่ต้องทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง นางเอกก็ได้แต่รอคอยผลลัพธ์ ถ้าทำไม่ได้อย่างใจคนที่โดนด่าก็คือพระเอก โง่มั่ง ไม่ได้เรื่องมั่ง เราไม่ต้องการเป็นอย่างงั้น เราเชื่อใจนายนะบูม ต่อให้พยายามแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิดเราก็เชื่อใจนายว่านาย...จะพยายามถึงที่สุด ไม่ได้ผลก็พยายามใหม่ได้ เรายินดีจะเจ็บ ยินดีจะเหนื่อยแล้วก็ผิดหวังด้วยกันกับนาย เราไม่ต้องการเห็นนายเจ็บหรือเหนื่อยอยู่คนเดียว เราไม่ต้องการเป็นคนที่นั่งรอคอยแต่ผลลัพธ์ ต่อให้ช่วยไม่ได้เราก็จะให้กำลังใจ ไม่ต้องกลัวนะบูม ต่อให้เจ็บเจียนตายเราก็จะอยู่กับนาย ถ้าจะตาย...เราก็จะขอตายในอ้อมกอดของนาย ชีวิตเราไม่มีอะไรต้องเสียแล้วนะบูม เราไม่เสียดายชีวิตหรอก แต่เราจะเสียใจมากกว่าถ้าเรามีชีวิตอยู่แค่รอคอยไปวันๆ ไม่ได้ทำเพื่อคนที่รักหรือใครสักคน เราจะไม่เป็นอย่างนางเอกหนังไทยอย่างแน่นอน"
ทิวหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย เงยหน้ามองคนที่รักพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
"เราเชื่อว่า...ความพยายามของนายจะเกิดผลดีในที่สุดนะบูม มันไม่จำเป็นต้องสำเร็จหรือถูกตั้งแต่แรกหรอก แต่วันนึง...เราเชื่อว่านายจะทำให้ถูกแล้วก็สำเร็จได้ เราจะเอาใจช่วยนายเสมอนะ"
น้ำตาของบูมไหลลงมาตั้งแต่ไม่กี่ประโยคแรกที่ทิวพูดแล้ว และก็ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย นึกถึงสมัยเรียนที่ทิวคอยสอนบูมร้องเพลงทุกวันทั้งๆ ที่บูมก็รู้ว่าเสียงตัวเองไม่เอาไหน แต่ทิวกลับให้ความเชื่อมั่นว่าบูมทำได้ บูมเป็นนักร้องได้ แล้วทิวก็ช่วยทำให้บูมเป็นนักร้องได้จริงเสียด้วย บูมรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนเก่งเรื่องชีวิตนัก การตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินก็อาจจะไม่เฉียบคมเหมือนอย่างพระเอกหนังไทยที่ดูเก่งไปเสียทุกอย่าง แต่เมื่อมีทิวคอยอยู่เคียงข้างอย่างนี้แล้ว บูมก็จะสู้ไม่ถอย
"ขอบคุณมากนะทิว นายคงจะเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ยังเชื่อใจเราอยู่ นายอดทนกับเราหน่อยนะทิว เราสัญญ...เราจะทำให้ดีที่สุด มันอาจจะมีเรื่องให้เราสองคนต้องเจ็บและเสียใจหลายเรื่อง แต่อย่างน้อย เราจะไม่ให้นายเสียใจที่เรา...ไม่ได้พยายามทำอะไรให้นายเลย"
บูมอดสะอื้นไห้ไม่ได้ กอดทิวไว้แน่นด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ ความรักของผู้ชายคนนี้เคยเปลี่ยนชีวิตของบูมมาแล้ว ถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกัน บูมก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไร แล้วถ้าครั้งนี้ไม่ได้กลับมาเจอกัน บูมก็อาจจะไม่เหลือใครอีกแล้วที่จะเชื่อมั่นในคนขี้ขลาดอย่างบูม
"ขอบคุณนายด้วยนะบูมที่กลับมาหาเรา ชีวิตของเรา...ก็คงจะเหลือแค่นายที่เป็นคนรักที่เราจะได้ทำอะไรบางอย่างให้ แล้วก็...ต้อง...ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เราจะต้องตอบแทนให้ได้ เราก็มีเหลือแค่นี้แหละ เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต ขอให้เราได้ทำเพื่อความรัก เราไม่กลัวเสียใจ เราไม่กลัวผิดหวัง เราไม่กลัวตาย เป็นไงก็เป็นกันนะบูม"
บูมพยักหน้าทั้งน้ำตา "ทิว...เรารักนายนะ รักมากที่สุดในชีวิตของเราเลยรู้ไหม"
คิดแล้วบูมก็ยังอดเสียใจไม่ได้ที่เคยทิ้งคนๆ นี้ไปตั้งหลายปี ปล่อยให้ทิวลำบากอยู่คนเดียว พอมาถึงวันนี้...ทิวก็ทำให้บูมได้เห็นอีกครั้งว่าหัวใจของทิวยิ่งใหญ่สักแค่ไหน เพราะฉะนั้น ต่อให้ต้องตาย บูมก็จะต้องทำเพื่อคนๆ นี้จนสุดชีวิตเช่นเดียวกัน
ดึกแล้ว อารมณ์ของทิวกับบูมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทิวกลับมานอนบนหมอนของตัวเองแต่มือของบูมก็ยังจับมือของทิวไว้อยู่
"อ้อ...สงสัยนายไม่เคยอ่านนิยายชายรักชาย นางเอกในนิยายแบบนี้เขาเรียกนายเอกนะ"
ทิวหันไปหัวเราะเบาๆ กับบูม "โอเค เดี๋ยวเราจะได้จำไปใช้ นี่นายอ่านนิยายแบบนี้ด้วยเหรอ"
บูมพยักหน้า "ก็เราอยากรู้ไงว่าความรักของชายกับชายส่วนมากเป็นแบบไหน สมหวังหรือไม่ค่อยสมหวัง เดี๋ยวนี้นะ...สังคมก็เปิดกว้างขึ้นนะ ชายรักชายหลายคนก็มีความรักที่สมหวังมากขึ้น" แล้วบูมก็แค่นหัวเราะ
"แต่สงสัยจะใช้ไม่ค่อยได้กับบ้านเราเท่าไหร่"
"เอาเหอะ เดี๋ยวเราก็ผ่านมันไปได้เองแหละ เชื่อมั่นในตัวเองสิบูม"
บูมพยักหน้า เหยียดยิ้มแล้วก็เอาแขนข้างหนึ่งไปกอดทิวไว้
"นอนดีกว่านะทิว ดึกแล้ว คืนนี้...เราขอนอนกอดนายแบบนี้ละกันนะ"
"อืม...ตามใจ"
"มีอะไรเปล่า หรือว่า...อยากให้เราทำมากกว่านี้" บูมทำหน้าทะเล้น
"หื่นอีกแล้วนะ"
ทิวชอบล้อว่าบูมหื่นอยู่บ่อยๆ เวลาอยู่กันสองคน เห็นบูมดูเงียบๆ ขรึมๆ อย่างนี้ พอถึงเวลานั้นบูมจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว
"แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ"
ทิวหัวเราะเขินๆ
"เงียบ...แสดงว่ายอมรับ"
ทิวก็ยังหัวเราะเขินๆ เหมือนเดิม อย่างนี้ก็แปลว่าชอบแน่นอน แล้วบูมก็อาศัยทีเผลอพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนตัวของทิว แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัวแต่ทิวก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
"ถอดเสื้อให้ผมหน่อยสิครับ...ที่รัก"
สายตายิ้มกรุ้มกริ่มของบูมนั้นทำให้ทิวอดเขินอายไม่ได้ เลือดในกายแล่นพล่านปลุกพลังความต้องการให้ตื่นขึ้นอย่างทันทีทันใด ทิวทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ ใช้สองมือดึงชายเสื้อกล้ามของบูมขึ้นแล้วถอดออก
"เอาไปซักให้ด้วยนะ เราจะนอนแล้ว" บูมทำหน้าล้อเลียนแล้วก็กลับมานอนที่เดิม แอบสะใจเล็กๆ ที่ได้แกล้งทิวให้เสียรู้
"บ้า นายนี่"
ทิวว่าจะทุบให้คนขี้แกล้งเจ็บตัวเสียหน่อยแต่บูมก็จับมือทั้งสองของทิวไว้ได้เสียก่อน
"ก็อยากให้เรานอนเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ"
"ใครว่าล่ะ" ทิวทำหน้างอ ยอมรับไปในที่สุด
บูมหัวเราะชอบใจ คืนนี้ก็คงเป็นอีกคืนที่บูมจะได้ป้อนความสุขทางกายและใจให้กับทิวจนแทบล้นทะลักอีกเช่นเคย
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ในที่สุดวันเปิดตัวโครงการก็มาถึง บูมกับเพื่อนๆ มาถึงโรงแรมที่จัดงานตั้งแต่เช้าตรู่ เอิร์ธกับวิทวุ่นวายกับการจัดและตกแต่งเวทีและคอมพิวเตอร์ ทิววุ่นวายกับการประสานงานกับโรงแรมและแขกที่จะมาในงาน ส่วนบูมก็คอยดูความเรียบร้อยต่างๆ บางทีก็มาช่วยจัดโต๊ะจัดเวทีด้วย บางทีก็ช่วยทิวประสานงานกับโรงแรมด้วย
ช่วงเที่ยงหลังจากพักกินข้าวกันแล้วทุกคนก็กลับมาเตรียมงานกันต่อ งานเริ่มน้อยเพราะได้เตรียมไว้เรียบร้อยเกือบหมดตั้งแต่เช้าแล้ว บีม แอนเดอร์สันและลีน่ามาถึงในช่วงบ่ายๆ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนแพรวคงจะมาถึงอีกสักพักเพราะเธอเพิ่งโทรมาบอกบูมว่าเพิ่งทำผมเสร็จ
"มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยไหม"
เสียงพี่บีมดังขึ้น ทำให้บูมที่กำลังช่วยติวให้ทิวนำเสนอพรีเซนเทชั่นต้องหยุดและหันมามองหาเจ้าของเสียง
"อ้าว พี่บีม เมื่อกี้พี่บีมว่าอะไรนะครับ"
"บูมกับทิวมาถ่ายรูปกันหน่อยไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ เร็ว เดี๋ยวแขกมาจะไม่มีเวลาถ่าย"
บีมบอกซ้ำอีกครั้ง เห็นบูมกับทิวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วก็รู้สึกดีไปด้วย แม้จะไม่ได้ชอบแบบนั้นมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บีมได้เห็นผู้ชายกับผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกันต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่รู้สึกต่อต้าน คนที่รักกันอยู่ด้วยกันแล้วก็น่ารักเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
"ตรงไหนดีครับ" บูมถาม
"ตรงนั้นดีกว่า" บีมชี้ไปตรงมุมหนึ่งของห้องที่มีรูปวาดธรรมชาติติดประดับไว้ไว้
บูมกับทิวเดินไปด้วยกันแล้วก็ตั้งท่าถ่ายรูป บีมถ่ายไปได้สองสามรูปแล้วก็ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยถูกใจ
"เอางี้ดีกว่า ท่าพวกนี้มันดูธรรมดาไป ทำยังไงก็ได้ให้คนเขารู้ว่าเราสองคนน่ะ...เป็นแฟนกัน" บีมยิ้มทีเล่นทีจริง
ทิวดูตกใจมากทีเดียวเพราะไม่คิดว่าบีมจะรู้เรื่องนี้ด้วย บูมต้องบอกพี่ชายแล้วแน่ๆ เลย
"ให้ทำยังไงล่ะครับ" บูมถามด้วยน้ำเสียงอายๆ
บีมกวักมือเรียกให้น้องชายมาหาแล้วก็กระซิบเบาๆ
"อย่ามัวแต่ชักช้า พี่รู้นะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ กล้าๆ หน่อย เอางี้ละกัน กอดทิวก็ได้ ผู้ชายกอดกันไม่น่าเกลียดหรอก"
เอาล่ะสิ บูมคิดในใจ แต่คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน จะว่าไปบูมก็คิดไม่ผิดเลยที่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้กับพี่ชาย พอเดินกลับมาหาทิวแล้วบูมก็เขยิบไปข้างหลังทิวเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจกอดทิวไว้จากทางด้านหลัง
"อ้าว ยิ้มหน่อยครับ" พี่บีมส่งเสียงให้สัญญาณ
"ยิ้มสิทิว" บูมบอกเบาๆ เมื่อเห็นทิวทำท่าอึ้งๆ อยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมยิ้มอย่างงงๆ เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นมาพอดี
"อีกภาพนะ กันเหนียว"
บีมบอกแล้วก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายอีก เสียงพูดของบีมทำให้คนอื่นๆ หันมามองทิวกับบูมด้วยความสนใจทันที น่าแปลกที่ดูเหมือนเพื่อนๆ หลายคนไม่ทำหน้าสงสัยหรือรู้สึกว่าแปลกเหมือนเดิมอีกแล้ว
"บูมคะ แพรวมาแล้วค่ะ ขอโทษทีที่มา...." พอแพรวเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น กระเป๋าที่เธอถือไว้ในมือก็หล่นหลุดมือลงไป
"บูม!"
นี่มันอะไรกัน แพรวไม่เคยเห็นเพื่อนกันที่ไหนถ่ายรูปด้วยการกอดกันอย่างนี้เลย นี่ตกลงบูมกับทิวเป็นอะไรกันแน่!
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน