ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 14
ความเย็นของยามเช้าในฤดูหนาว ทำให้เก่งรู้สึกตัวกระชับผ้าห่มแน่น แต่หนักหัวอย่างมากจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ตายังลืมไม่ขึ้น รอบข้างยังคงมืดสนิท ภาพที่มองดูเบลอๆ ความจำครั้งสุดท้ายที่นึกขึ้นได้คือ ตนอยู่ในผับและเดี่ยวกำลังกอดเขาอยู่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็จำอะไร ไม่ได้ เก่งงัวเงียคิดถึงความฝันของเมื่อคืนที่ผ่านมา ช่างเป็นความฝันที่เหมือนความจริงมากๆ เขาฝันว่าได้ขี่คอเดี่ยว ฝันว่าเดี่ยวจูบและกอดเขาแล้วก็... โอ้ย ปวดหัว ฝันอะไรบ้าๆก็ไม่รู้ เก่งหยุดคิดแล้วนอนต่อ เพราะปวดหัวจี้ดขึ้นมา
“หนาว” เก่งขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ท้องฟ้าเริ่มสว่างบ้างแล้วแต่ในห้องนอนยังขมุกขมัว เก่งยังคงสลึมสลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น กึ่งจริงกึ่งฝัน
“ หนาวเหรอ” เก่งรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงนุ่มห้าวดังมาจากที่ไกลๆเหมือนกับความฝัน แต่ก็มาพร้อมกับความอบอุ่นๆ เก่งหลับไปอีกครั้งพร้อมความอุ่นที่ได้รับจากความฝัน !
เก่งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรสากมากระทบแก้มแรง อาการปวดหัวเหลืออยู่เล็กน้อย เขาลืมตามองแดดที่ส่องเพดาน รู้สึกเหมือนมีมือใครรัดเอวไว้แน่นเก่งคิดว่าตัวเองฝันเพราะ เป็นไปไม่ได้ใครมันจะเข้ามาในห้องเขา! แต่ลมหายใจของใครบางคนรดแก้มเขา เก่งหันขวับไปตามแรงลมหายใจ
“ เฮ้ย “
“ นายตื่นแล้วเหรอ เป็นไงมั่งปวดหัวไม๊ “ หน้าขาวๆที่ห่างกันแค่คืบยิ้มทัก
“ นายมาที่นี่ได้ไงอ่ะ แล้วทำไมมาอยู่นี่ “ เก่งมองหน้าอีกฝ่ายงง พยายามจะลุกแต่ติดที่แขนของอีกฝ่ายที่ยังรัดเอวไว้แน่น ท่อนบนล่ำๆ ไร้ซึ่งเสื้อคลุมไว้ เดี่ยวนอนทับตัวเขาที่ยังคลุมผ้านวมไว้อย่างมิดชิด
“ เราว่านายยังเมาค้างอยู่แน่เลย ที่นี่ไม่ใช่ห้องนายนะ แต่เป็นห้องเรา“ คนตัวโต บอกขำๆ เมื่อเห็นท่าทางของเก่งที่เหมือนเด็กหลงทาง
“ทำไมนายไม่พาเราส่งบ้าน วันนี้เราต้องไปต่างจังหวัดกับที่บ้านนะ “ เก่งร้องขึ้นอย่างร้อนรน
“ ปล่อยมือดิ เราจะกลับบ้าน “ เก่งแกะมือนั่นออกแล้วเคลื่อนตัวเร็วๆ จากผ้านวม
“เฮ้ย “ ผิวที่สัมผัสความเย็นทำให้รู้ว่าไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว เขาคว้าผ้านวมไว้ทันก่อนที่จะหลุดจากตัว แล้วจับห่อตัวเองวุ่นวายไปหมด
“นาย ถอดเสื้อผ้าเราทำไม นายทำอะไรเรา ” เก่งถามเสียงตื่นๆ ใจเต้นรัวหายปวดหัวปลิดทิ้ง พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ใช่แล้ว ! นั่นมันไม่ฝันนี่หว่า
เดี่ยวยันศอกให้อยู่ในท่ากึงนั่งกึงนอน มองหน้าเก่งแล้วกลั้นยิ้มแต่แววตามีแววขบขัน แล้วแกล้งมองสายตาเล้าโลมใส่
“เราถามว่านายทำอะไรเราเมื่อคืน ห๊า ” เด็กหนุ่มตัวเล็กร้องถามอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกว่าสายตาบ้าๆนั่นมันทำให้เขาร้อน
“ เปล่านี่ “ เดี่ยวตอบหน้าตาเฉย
“ ไอ้โกหก “ เก่ง วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้าของตัวเอง เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว
“ นายเอาเสื้อผ้าเราไปไหน เราจะกลับบ้าน “
“เราเอาไปซักแล้ว “ เดี่ยวยั่ว และหัวเราะขำด้วยความสะใจ แต่เก่งไม่เล่นด้วย วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้า ไม่ยอมแพ้ เดี่ยวสายหน้าอย่างระอากับความดื้อ ก้าวลงจากเตียงเดินมาคว้าเอวเก่ง ลากกลับเตียงแล้วจับโยนให้นอนลง
“ นายจะทำไรอ่ะ อย่าทำไรบ้าๆ นาเว้ย “ สถานการณ์เริ่มตึงเรียดเมื่อ เดี่ยวยืนกอดอกทำหน้าดุใส่
“ นายฟังเรามั่งรึเปล่าเราบอกแล้วว่าเอาไปซักแล้ว “ เสียงเข้มขึ้นสงสัยมันกำลังโกรธแน่เลย
“ แต่เราจะกลับบ้าน “ เก่งกลัวแต่ไม่ยอมแพ้เถียงแซงขึ้นมา
“ แต่ 2 วันนี้นายต้องอยู่ที่นี่เพราะ พี่นายฝากนายไว้กะเรา” เก่งรู้สึกเหมือนโลกจะแตก พี่กานต์ทำไมทำงี้เนี้ย ไอ้นี่มันบ้ากามนะ
“เราจะกลับบ้าน เรากลัวที่นี่“ ใช่แล้ว เพราะที่นี่มีนายแหละเลยน่ากลัว เก่งคิด
“แล้วนายกลัวอะไรที่นี่ “ ก็เอ็งนั่นแหละ เก่งไม่ตอบแต่มองเขม็งมาที่อีกฝ่าย เดี่ยวเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ เราเหรอ “ เสียงถามเมื่อเห็นว่าเขาไม่ให้คำตอบ
“นายจะกลัวอะไรเราที่เมื่อก่อนไม่เห็นกลัวเลย “ เดี่ยวเดินยิ้มเยาะจ้องเขาเหมือนจ้องลูกไก่ตัวน้อย
“ แล้วที่เมื่อคืนน่ะไม่เห็นปฏิเสธสักคำเลยนี่” เดี่ยวก้าวยาวๆครั้งเดียวก็มานั่งติดเก่งที่ขยับตัวไปจนติดหัวเตียง โอบกอดรัดรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ เฮ้ย เดี่ยวนายอย่านะโว้ย อย่าทำไรบ้าๆนะ “ ตอนนี้เก่งเป็นลูกไก่ในกำมือของเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว ลูกไก่ตัวน้อยๆ ก็พยายามดิ้นหนีสุดชีวิต
“นายจะดิ้นทำไมเล่า เดี๋ยวเราสอนให้อีกรอบไงเห็นเมื่อคืนไม่รู้สึกตัว ” เดี่ยวยิ้มมองลูกไก่ในมือตาเป็นมัน ปากและจมูกถูลงที่ซอกคอเก่ง ไล่ขึ้นมาที่แก้ม
ก่อนที่จะมีอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ ลูกไก่ที่อยู่ในมือเดี่ยวกลายร่างเป็นหมา กัดหมับเข้าที่คอของเดี่ยวอย่างจัง “ โอ้ย” เดี่ยวปล่อยมือออก เก่งที่ตอนนี้กลายร่างเป็นหมาไล่งับคอของเขาอย่างบ้าเลือด
เก่งถอยห่างเหนื่อยๆ จ้องหน้าคนตัวสูงแบบเอาเรื่อง
“ Ok ยอมแพ้แล้ว ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว “ เดี่ยวถอยห่างแต่รู้สึกเสียดาย เฮ้อ! นึกว่าเช้านี้จะมีลุ้นซะอีก แต่อีกฝ่ายดันไม่ห้ามร่วมมือ
“ตกลงให้เรากลับบ้านได้ยัง “ เก่งเสียงสั่นเพราะใจที่เต้นรัวจากเหตุเมื่อกี้
“ ไม่ได้ เรารับปากพี่นายไว้แล้ว นายอยู่นี่แหละ เราไม่ทำไรนายหรอก “ ถ้าไม่เผลอนะ ! เดี่ยวยิ้มหวานแต่ตาแววเจ้าเล่ห์
“งั้นนายก็ไปเอาเสื้อผ้ามาดิ เราไม่อยากโป๊ ” เก่งหน้าแดง พันผ้านวมคลุมหัวเมื่อเห็นเดี่ยวใช้สายตาไล้ไปตามตัวแทนมือ
“ ไม่เห็นต้องอายเลย เด็กๆ นายมาแก้ผ้าอาบน้ำบ้านเราออกจะบ่อย ” เดี่ยวยิ้มกริ่มตายังไม่เลิกมองใจจริงอยากให้เก่งอยู่ในชุดนี้ทั้งวันเลย
“ ไอ้บ้าเอ้ย นี่เราโตแล้วนะจะให้มาแก้ผ้าได้ไง นายไปเลย ไปเอาเสื้อผ้ามาให้เราใส่” เก่งรู้สึกอายๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายอ้างว่าเคยเห็นเขาทั้งตัวมาแล้ว
“งั้นนายไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวเราหาให้” เก่งเดินกระย่องกระแย่งลากผ้านวมไปเปิดประตูห้องน้ำหันหลังมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมา ก่อนที่จะปล่อยให้ผ้าน่วมให้ร่วงลงไปที่ปลายเท้าแล้วก้าวเข้าห้องน้ำไป
เดี่ยวหันมองพอดี รู้สึกหายใจติดขัดเมื่อเห็นเก่งเต็มตาจากด้านหลัง
“ไอ้เก่งแม่งโคตรเซ็กซี่เลย! “ อยากเข้าไปอาบน้ำด้วยแต่ก็ยังเข็ดกับคมฟันที่ประทับรอยอยู่ตรงคอ
เก่งปิดประตูล็อกแน่นหนา สิ่งแรกที่ทำคือสำรวจดูตัวเอง หน้ากระจก นี่เมื่อคืนเขากับไอ้เดี่ยว......กันเหรอเนี้ย ว้าก! ทำไมมันเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงไม่รู้สึกตัววะ โอยไม่น่ากินเข้าไปเลยไอ้เหล้าเนี้ย !!!!?
แล้วนี่ต่อไปจะทำไงต่อดี เก่งไม่แน่ใจเลยว่าจะทำตัวปกติกับเดี่ยวได้รึเปล่า แค่ตอนยังไม่มีอะไรกันแค่มองเขาก็สั่นจะแย่ แล้วนี้เรื่องมันเลยเถิดไปจนถึงขนาดนี้แล้วให้ทำไงดี เก่งมองรอยจูบจางที่ต้นคอ เอื้อมมือไปแตะเหมือนโดนของร้อน เหมือนอีกฝ่ายฝากรอยไว้เป็นสัญลักษณ์ให้เขารู้ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นปนกัน นี่เดี่ยวเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ เดี่ยวทำกันเหมือนเขาเป็นแค่สิ่งที่บำบัดความต้องการ ถึงแม้ใครจะบอกว่าเป็นผู้ชายไม่เสียหาย แต่ความรู้สึกที่เสียไปมันเอาคืนไม่ได้
เก่งสะบัดหน้าไล่ความคิดในหัวออก น้ำเย็นๆนี่คงช่วยให้เราลืมเรื่องบ้าๆ นี่ได้ เรื่องบ้าๆที่จริงๆแล้วเค้าจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ !
เดี่ยวยังคงอมยิ้มขำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่นั่งซักเสื้อผ้าให้เก่ง เมื่อคิดถึงเก่งที่ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก เดี่ยวเองรู้สึกเสียดายเรื่องเมื่อคืนมากๆ แต่ก็บอกตัวเองไว้ว่าต้องได้รับความยิมยอมจากอีกฝ่ายก่อน แหม!แต่เมื่อคืนนี้เก่งเป็นอะไรที่ทำให้เค้าอดใจไม่ไหวจริงๆ ทั้งที่เดี่ยวคิดว่าเขาเป็นคนมีความอดทนพอสมควร เดี่ยวขำตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
ตอนนั้นในขณะที่อารมณ์พุ่งพล่านร้อนแรงจนเขาคุมสติไม่ได้ ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปตามอารมณ์เหล่านั้น แต่ไอ้คนเมาตัวดีก็คายของเก่าทุกสิ่งที่กินเข้าไปออกมา เลอะทั้งเขาทั้งตัวคนเมา นั่นแหละเดี่ยวถึงได้รู้สึกตัว แล้วก็มาคิดได้ว่าถ้ารอให้เก่งยินยอมมันน่าจะดีกว่านี้ แต่เขารู้สึกสนุกกับการที่จะให้เก่งคิดไปเองว่าเก่งกับเขามีอะไรกันแล้ว เขาจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดเก่งมากๆ เอ! ทำไมเราคิดได้ชั่วร้ายขนาดนี้ แต่เอาเหอะ ร้ายเพราะรักก็แล้วกัน!
เก่งย่องออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันช่วงล่างผืนเดียว ปากสั่นเมื่อลมหนาวพัดโชยเข้ามา เขาเหลียวหาเจ้าของห้อง แต่ไม่เห็นใครนอกจากเสื้อผ้ากองหนึ่งวางอยู่บนเตียง เก่งรีบเช็ดตัวให้แห้งโดยเร็วแล้วหยิบกางเกงและเสื้อขึ้นสวม เสื้อตัวใหญ่ใส่แล้วหลวมมีกลิ่นเหงือของเจ้าของบางๆ ใส่แล้วทำให้รู้สึกเหมือนว่าเจ้าของเสื้อมายืนอยู่ใกล้ๆกัน
เก่งมองสำรวจห้องดูเรียบง่ายของแต่งห้องน้อยชิ้นแต่ดูเข้ากันผิดกับห้องเขา โต๊ะเขียนหนังสือเต็มไปด้วยตำราวางเรียงราย มีกรอบรูบไม้เรียบๆดูเหมือนทำเองวางอยู่บนโต๊ะในรูปเป็นเด็กชาย2คนคนนึงตัวโตคนนึงตัวเล็ก ยืนประคองกันท่ามกลางสายหมอกบนยอดเขา
“ นี่มันรูปนั้นนี่! “ เก่งเอื้อมหยิบกรอบรูปขึ้นดู มันเป็นรูปที่เขาและเดี่ยวถ่ายด้วยกันตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ เขาไม่คิดว่ารูปนี้จะมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะเขาเคยขอแล้วไอ้พัฒน์ไม่ยอมให้ เก่งมองสีหน้าของตัวเองในรูป นี่ตอนนั้นตื่นเต้นจนไม่ได้ยิ้มเลยรึนี่ ก็โดนกอดนี่นา!
“ นายกำลังดูอะไรอยู่ ” หน้าขาวๆที่ยังไม่ได้โกนหนวดชะโงกหน้ามาจากข้างหลังจนหน้าแทบจะสีกัน เก่งเหลือบตามองแว๊บนึงดูเหมือนคนข้างๆจะยิ้มอยู่
“นายได้รูปนี้มาได้ไงน่ะ” เก่งหันหน้ามาถาม
“เราอยากได้เลยขอไอ้พัฒน์มา” โห ไอ้คุณเพื่อนพัฒน์ หนอยๆตูขอไม่ให้ที่คนล่ะรีบประเคนเชียวนะ
“ นายก็อยากได้รูปนี้เหรอ” เดี่ยวถามยิ้มเกยคางลงบนบ่าของเก่ง
“เปล่า” เก่งสะบัดไหล่ออก พลางถอยห่างจากไอ้บ้ากาม 1ก้าว รู้สึกหน้าแดงๆ แข็งใจถามหาเรื่องกลบเกลื่อน
“นายไม่ใส่เสื้อไม่หนาวเหรอ “ เอ๊ะ! ถามเรื่องอะไรหนาวนี่จะโดนอีกมั้ยเนี้ย เก่งเริ่มระแวง
“ ไม่หรอก เมื่อคืนเราได้ความอบอุ่นมาเยอะแล้ว ก็ตัวนายมันอุ่นนี่ ” เข้าเนื้ออีกจนได้ เก่งหน้าแดงก้มหน้าลงซ่อนมันไว้ เดี่ยวยิ้มรู้สึกชอบใจเวลาแซวให้เก่งเขินได้
“ นี่ ๆเลิกหน้าแดงได้แล้ว! ไปกินข้าวกัน ” เสียงของเดี่ยวและมืออุ่นที่คว้าข้อมือให้เดินตาม ทำให้เก่งต้องเงยหน้าขึ้นมองตามไปที่รอยยิ้มกว้างๆที่ถูกส่งมาให้ รอยยิ้มที่ดูสดใสจนเขาต้องเดินตามไปอย่างงงๆ ทั้งที่ตั้งใจจะดึงมือคืนมาแท้!
“ไหนอ่ะเดี่ยว ข้าวเช้าที่นายว่า “ เก่งถามอย่างงง เมื่อเห็นบนโต๊ะไม่ได้มีอะไร
“ นี่ไงข้าวเช้า “ เดี่ยวชี้ไปที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2ห่อ
“ ล้อเล่นใช่มั้ย” เก่งงง หันกลับมามองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา แต่คนตัวสูงส่ายหน้าตอบว่าไม่ได้ล้อเล่น
“โทษทีนะ บ้านเราไม่มีไรกินน่ะ พ่อกะแม่ ไปดูงานเมืองนอกเป็นอาทิตย์แล้ว “ เดี่ยวยิ้มแห้งๆ
“ เราเลยต้องกินแต่ไอ้นี่แหละ “ เก่งยังคิดว่าเดี่ยวพูดเล่นเดินไปเปิดตู้เย็น โอ้ !นี่มันอะไรกันมีแต่ไข่2-3ใบ กับข้าวเย็นเหลือๆเท่านั้นเรอะเนี้ย
เก่งถอนใจเฮือก ไอ้เดี่ยวนี่มันท่าทางอดอยาก “ นายนั่งรอแป๊บนะ “ เดี่ยวมองหน้างงแต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี ในขณะที่เก่ง เดินไปทำโน่นทำนี่อย่างเร็วๆ จนเดี่ยวมองตามแทบไม่ทัน นี่เก่งจะทำอะไร !
ชั่วเวลาผ่านไปแว๊บเดียว อาหารที่ถูกปรุงสุกใหม่ๆ ก็ถูกเสิร์ฟไว้ตรงหน้า เป็นข้าวผัดไข่ กับไข่น้ำแกงจืด เดี่ยวรู้สึกทึ่งกับความรวดเร็ว มองอาหารตรงหน้า ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในใจ
“ นายไม่เห็นต้องลำบากเลย เรากินมาม่าก็ได้ “ เดี่ยวบอกอีกฝ่ายที่กำลังง้วนกับการตักข้าวผัดใส่อีกจาน
“ ทำไมกลัวไม่อร่อยรึไง “ เก่งหันมาทำหน้ายักษ์ใส่
“ เปล่าคร้าบ “ เดี่ยวพูดพลางก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก อืม! อร่อยแฮะ
เก่งยิ้มมองเดี่ยวที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวผัดพูนจาน เออไอ้เดี่ยวนี่มันโตแต่ตัวจริงๆ ! อืม ไหล่หนาชะมัดเลย สายตามองไล่ไปเรื่อยๆ จนหยุดที่รอยฟันแดงๆจนเกือบเป็นสีม่วง นี่ท่าทางจะเจ็บมากนะนี่!
“ มองอะไรอยู่น่ะ “ เดี่ยวเงยหน้าขึ้นมองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ นั่นนะเป็นไงมั่ง เจ็บเปล่า“ เก่งพยักหน้ามองที่รอยกัดจากคมเขี้ยวของตัวเองบนบ่าของเดี่ยว
“ ไม่เป็นไรหรอก เราถือว่าเป็นรอยฝากรัก “ เสียงแซวธรรมดากลับทำให้เก่งร้อนวูบ ที่คอเค้าก็มีเหมือนกันนี่ ! เก่งก้มหน้านิ่ง
“ ช่วยไม่ได้นายอยากเล่นอะไรบ้าๆ เอง “ เก่งหงุดหงิดรู้สึกตัวเองเป็นรองไปทุกที ที่พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
“ เก่ง นายไม่อยากรู้เหรอว่าเมื่อคืนเราทำอะไรนายน่ะ “ เดี่ยวเริ่มดำเนินแผนการเมื่อเห็นอีกฝ่ายอวดดีซะเหลือเกิน
“ พอแค่นั้นแหละ เรายังไม่อยากคุยเรื่องนั้น “ เก่งผลักจานข้าวตรงหน้าออกแล้วลุกขึ้นหันหลังเดินหนี แต่เดี่ยวคว้ามือไว้ทัน
“ อยาเพิ่งไปซิ แต่เราอยากคุยนะ “
“ แต่เราไม่อยากคุย ปล่อย! “ เก่ง หน้าแดง นี่จะมาเอาอะไรอีกนะ เมื่อคืนยังไม่พอเรอะเนี้ย
“ อ้าวไม่อยากคุยเรอะ แหมดี เรากำลังอยากทำอย่างอื่นอยู่พอดี “ เดี่ยวบอกเสียงแผ่ว มือดึงร่างที่รั้งไว้ให้เข้ามาสู่อ้อมอก แล้วดันตัวเก่งเข้าชิดกำแพง
“ เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ “ เก่งสั่น นี่มันจะทำให้เขารู้รึว่าเมื่อคืนมันเป็นยังไง เก่งออกแรงดัน หน้าอกชิดเข้าเต็มที่แบบแกล้งกันเห็นๆ
“ เฮ้ย อย่านะ เมื่อคืนนายก็ทำไปแล้ว ยังจะมาเอาอะไรอีก “ เก่งตะโกน เมื่ออีก ฝ่าย ก้มมาจนชิดเกือบจะได้จูบกันอยู่แล้ว
“ นายทำแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกแย่นะ “ เก่งก้มหน้าลง มือที่ไม่มีแรงยังคงพยายามดันหน้าอกอีกฝ่ายออก เดี่ยวชะงัก ถอนใจเฮือกเสียดายรสจูบที่กำลังจะได้รับ
“ แล้วถ้าเราทำให้นายสมัครใจล่ะ “ เดี่ยวถามขึ้นบ้าง ทั้งที่ลมหายใจยังคงกรุ่นไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“ ไม่มีทาง “ เก่งยังคงอวดดีอยู่นั่นเอง
“ งั้นเรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ “เดี่ยวหมั่นไส้แกมอยากเอาชนะไอ้เด็กตรงหน้านี่เหลือเกิน
“ เราขอเวลา ถึงสิ้นปี ถ้าเลยจากวันสุดท้ายของปี นายยอมให้เราจูบแต่โดยดี แสดงว่าเราชนะ และนายต้องยอมเรา “ ฮ่าๆ ไอ้เก่งเอ๋ย เสร็จแน่ มันอีกตั้ง 15วันแน่ะยังไงก็ยังมีโอกาส เดี่ยวยิ้มเยาะเมื่อเห็นเก่ง
กัดปากตัวเองแบบไม่ยอมแพ้ แต่หน้าก็แดงเพราะคำ ”ยอมเรา” ที่ได้ยิน
“ แต่ถ้าเราไม่ยอมจูบนายภายในวันสิ้นปีนี้ล่ะก็ นายต้องเลิกยุ่งกับเรานะตกลงรึเปล่า “ เก่งเสนอบ้าง
เดี่ยวเครียดหน้านิ่งมองหน้าเก่งเหมือนจะหาคำตอบ ตอนนี้เก่งและเขา มีความเสี่ยง 50 : 50 โดยเอาความรู้สึกเก่งเป็นเกณฑ์ตัดสิน นี่เป็นเกมส์ที่มันบ้าชัดๆ แต่เขาไม่ยอมแพ้ ถ้าเข้าแพ้ต้องเสียเก่งไปแน่ๆ !
“งั้นก็ตกลง “ เก่งกับเดี่ยวบอกพร้อมกัน
“งั้นเราควรหาอะไรเป็นตัวสัญญาเพื่อกันคนบางคนโกง” เดี่ยวรีบเสนอเพราะรู้ฤทธิ์ ของคนตรงหน้าดี เก่งมองหน้าแบบไม่สบอารมณ์ หนอยๆ ไอ้เดี่ยวนี่ไม่เชื่อใจกันเลยใช่ไม๊เนี้ย!
“มานี่ “ เดี่ยวจูงมือเก่ง พาเข้าห้องนอนอีกครั้ง “ ยื่นมือมา “ เก่งยื่นมือซ้ายให้อย่างว่าง่าย เดี่ยวสวมสร้อยอะไรบางอย่างไว้ที่ข้อมือ
“ นี่มันตุ้งติ้งดรัมเมเยอร์นี่“ เก่งถามเมื่อเห็นสายตุ้งติ้งห้อยตราโรงเรียนเส้นเล็ก ที่ได้รับมาจากเดี่ยวเมื่อวาน แต่ตอนนี้กลายเป็นสร้อยข้อมือ
“เราอยากให้นายใส่มันไว้ติดตัวน่ะ ให้มันเป็นพยานให้เรา“ เดี่ยวยิ้มเขิน เงยหน้ามองเพดานเมื่อเห็นเก่ง มองหน้าทำเหมือนจะถาม เก่งอมยิ้ม ไอ้เดี่ยวนี่เวลาเขินแล้วน่ารักจังเลย เก่งคิดอะไรได้ ถอดสร้อยเงินชื่อตัวเองออกจากคอ แล้วพันเข้ากับข้อมือของอีกฝ่าย
“ ทำอะไรน่ะ “ เดี่ยวถามเมื่อเห็นสร้อยของเก่งที่ข้อมือตนเอง “ ก็แลกของกันไง นี่มันก็เป็นพยานของเรา “ เก่งยิ้มให้แล้วมองที่สร้อยข้อมือที่บรรจุความรู้สึกหลายๆอย่างรวมไว้
“เก่ง โกนหนวดให้เราหน่อยดิ “ เสียงเรียกอีกฝ่ายที่ดังอยู่หน้ากระจก ทำให้เก่งหันมอง ที่คางเจ้าของเสียงมีฟองครีมสีขาวเต็มไปหมด เก่งหน้ายุ่งแต่ก็เดินมาหยิบมีดโกนแต่โดยดี
“ ถ้าได้แผลก็อย่าว่าเรานะ “ อืม! สักแผลดีมั้ยนะ ถึงคิดอย่างนั้นแต่เก่งก็ยังโกนอย่างเบามือ จนเสร็จ เจ้าของหน้าที่เพิ่งโกนหนวดล้างครีมที่เหลืออยู่ แล้วลงด้วยอาฟเตอร์เชฟกลิ่นอ่อนๆ เก่งมองอีกฝ่ายแล้วรู้สึกแปลก เดี่ยวนี่มันมีเสน่ห์จัง สายตาของเดี่ยวน่ะเหมือนกับแมวเหลือเกิน
เวลาจ้องตาใครคนนั้นจะรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต และต้องยอมทำตามได้โดยง่าย เก่งยอมรับว่าเขาเองก็โดนสายตานั้นสะกดจิตเหมือนกัน หวุดหวิดเกือบยอมให้เดี่ยวจูบเมื่อ2วันที่แล้ว ดีที่ดึงสติกลับมาได้เร็ว เรื่องจะให้ยอมน่ะหรือไม่มีทาง เขาไม่ชอบสิ่งที่เดี่ยวทำอย่างนั้นกับเขาในคืนนั้น มันไม่แฟร์ที่เดี่ยวไม่ให้เกียรติกัน
“นี่ ขอบใจนะ” เสียงขอบคุณเมื่อเห็นเก่งมองเงียบๆ
“ นี่ดูดินายโกนไม่เกลี้ยง ” เดี่ยวคว้ามือของเขาขึ้นถูตรงคางที่ยังสากๆแล้วเลื่อนมือขึ้นแตะที่ปากจุมพิตมันลงเบาๆ แค่นั้น มันทำให้เก่งพลุ่งพล่านขึ้นได้มากว่าเดิมเป็นหลายเท่า ! เดี่ยวยิ้มกระซิบเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยน
“เราขอจูบนายได้มั้ย”
แทนที่จะทำให้เก่งเขินอายมันกลับให้ผลตรงกันข้าม นี่มันต้องการที่จะได้แค่นั้นจริงๆเหรอ! เก่งดึงมือกลับ
“ เราไปโรงเรียนกันได้แล้ว เรารออยู่หน้าบ้านนะ ” เก่งหันหลังกลับในขณะที่คนตัวสูงมองตามด้วยความผิดหวัง
“นี่มันเหลือเวลาอีกกี่วันนะ” เก่งมองดูปฏิทิน อีก9วันก็จะถึงวันสิ้นปี นี่เหลือเวลาอีก9วันแล้วเหรอ เขาบอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ช่วงนี้ทำไมสมองเขาคิดมีเรื่องให้คิดมากมายขนาดนี้ ดูมันสันสนวนเวียนไปหมด เก่งถอนใจเฮือกพยายามสนใจรูปที่วาดค้างไว้ตรงหน้า เสียงวิทยุประจำโรงเรียนยังคงเจื้อยแจ้วต่อไป
“เพลงต่อไปนะคะเพื่อนๆ คนขอเค้าบอกว่าถึงไม่ใช่วันวาเลนท์ไทน์ แต่เค้าก็อยากขอให้กับคนที่เค้าให้ ”ตุ้งติง” ไว้ค่ะ สาวๆได้ยินแล้วทำใจนะคะ เพลงนี้ดรัมเมเยอร์สีฟ้าเค้าขอมาค่ะ “ เสียงเจื้อยแจ้วของดีเจประจำโรงเรียนหยุดลงลงเมื่อเสียงเปียโนในเพลงดังพลิ้วพราย เก่งหยุดมือนั่งฟังนิ่ง
if there were no words , no way to speak, l would still hear you
if there were no tears, no way to feel inside, l would still feel you
ใช่แล้วนี่มันเพลง valentine นี่เดี่ยวมันขอเพลงนี่ให้ เขาหรือนี่ ! ทำไมมันรู้ว่าเขาชอบเพลงนี้ เสียงเพลงยังคงก้องไปทั้งห้องศิลปกรรม เก่งยังคงนั่งนิ่งความรู้สึกหลายอย่างปนกัน
And even if the sun refused the shin , even if romance run out of rhyme
You would still have my heart until the end of time ,
you all I need my love, my valentine ….
เสียงเปียโนพลิ้วๆ ดังแว่วผ่านไป แต่เนื้อเพลงท่อนสุดท้าย ยังคงอยู่ในหัว เก่งเข้าใจความหมายของมันดี นี่เดี่ยวต้องการจะส่งสารรักให้เขาจริงๆ หรือ แค่ต้องการจะเอาชนะ แต่จะยังไงก็ช่างตอนนี้หัวใจมันเปี่ยมล้มไปหมดแล้ว....
เก่งเดินตัวเบาหวิวเข้าห้องเรียน เพื่อนในกลุ่มทุกคนหันมองมาแล้วยิ้มๆ หน้าขาวของใครบางคนที่รวมกลุ่มอยู่ด้วยยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัดเจน เก่งทำไม่สนใจ เดินเข้ามานั่งข้างแก้วที่เขยิบที่ให้นั่ง
“ แก้ว ขอบใจนะเว้ยที่ขอเพลงให้ “เก่งแกล้งทำไม่รู้ว่าใครขอเพลง บอกขอบอกขอบใจแก้วที่นั่งทำหน้างง
“ ข้าไม่ได้เป็นคนขอนะ “ แก้วหันมาตอบงงๆ
“ เออ ไม่ต้องมาแกล้งอำหรอกน่า “ เก่งยังคงยิ้มแต่ตามองไปยังคนตัวสูงที่นั่งมองมา
“ จะใครก็เหอะเราขอบใจนะ “ เก่งหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะตัวเองแล้วยิ้มอยู่คนเดียว เสียงเดินของใครคนนึงเดินเฉียดเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับ เสียงนุ่มๆดังขึ้น
“ เราเต็มใจให้นายนะ” แค่นี้แหละที่ต้องการจะได้ยิน...