NET's [ฟิว-เน็ท](3)
"ฟิวมารับ!"
"บอกว่าให้เรียกว่าพี่ฟิวไงเฟย์" ผมส่ายหัวน้อยๆ แล้วอุ้มเจ้าเด็กตัวน้อยที่ชูมือขึ้นสูงมาไว้ในอ้อมแขน "เรียกใหม่เร็ว"
"ฟิววว"
"ใช่เหรอ" พอเจอเด็กไม่ยอมทำตามที่สอนก็เผลอใช้เสียงดุอีกแล้ว "งั้นปล่อยไว้ที่นี่ทั้งคืนดีกว่าไหม"
"งั้นมาอยู่กับพี่ดีกว่า อย่าไปสนใจฟิวเลย"
เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในแขนถูกดึงออกไปอย่างง่ายดาย ผมมองคนที่ตามติด...หรือควรใช้คำว่าอะไรดี ก็แค่หลังจากที่เลิกรับน้องแล้วเน็ทมาเอาของเหมือนทุกวัน ผมก็ดันหลุดปากบอกไปว่าจะรับไปรับน้องที่โรงเรียนอนุบาลต่อ เป็นไงล่ะ เกาะตามติดอย่างกับเป็นปลิง จะห้ามก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์
"สวัสดีน้องเฟย์ พี่ชื่อเน็ทนะ"
"พี่เน็ทสวัสดีค่ะ"
"เน็ท..."
"ไปกินขนมกับพี่ไหม เดี๋ยวพาไปส่งบ้านเอง"
"ไป!"
"เน็ท...เฟย์" เรียกชื่อของเด็กทั้งสองคนให้หันมาสนใจผมก่อน ต้องเตือนให้ไม่ลืมว่ามีผมมาด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าไม่ใช้ช่วงจังหวะนี้ผมอาจได้กลายเป็นผีล่องหนไปได้ "จะไม่มีการไปกินขนม เข้าใจไหม"
ช่วงนี้เฟย์ถูกสั่งห้ามไม่ให้ทานของหวานเยอะหลังจากที่คุณแม่เพิ่งได้รับรายงานจากครูประจำชั้นว่าน้องเริ่มมีอาการของเด็กฟันผุ นี่ขนาดที่บ้านค่อนข้างเคร่งเรื่องการทานของที่มีน้ำตาลสูงแล้วยังเจอปัญหานี้อยู่เลย
"จะ กิน"
สงสัยว่าช่วงหลังมานี้ผมใจดีมากไปหน่อยเน็ทเลยไม่ค่อยยอมฟังคำสั่งแล้ว เขายังไม่ยอมหยุดทักทายน้องสาวของผม ตาที่เป็นประกายลุกวาวอย่างเด็กที่เจอของเล่นถูกใจบอกผมว่าที่เขาเคยพูดเรื่องที่อยากจะมีน้องมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินกว่าที่บอก
"เฟย์ มาหาพี่"
"น้องเฟย์ชอบกินไอติมไหม หรืออยากกินอย่างอื่น?"
เจ้าตัวยังคงยิ้มระรื่นตอนที่เห็นว่าเด็กน้อยที่อุ้มอยู่เริ่มแสดงอาการดีใจยามที่ได้ยินคำว่าไอติม แย่ล่ะ เฟย์ชอบมันมากเลยด้วยสิ
"กินค่ะ!"
"พี่สอนไม่ให้ตามคนแปลกหน้าไม่ใช่เหรอเฟย์"
"พี่เน็ทเป็นคนแปลกหน้าเหรอ"
มีการทำหน้าหงอยใส่อีก ผมเคยคิดว่าการที่เฟย์เป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายเป็นข้อดี แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่แล้ว ช่วยนึกไว้หน่อยได้ไหมว่านี่มันคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกนะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนๆ นั้นคือเน็ท!
"พอเลยทั้งคู่ ไปขึ้นรถ"
"แถวนี้มีร้านขนมไหมอะน้องเฟย์"
คิดว่าถ้ายังปล่อยให้เน็ทหลอกล่อน้องสาวของผมต่อไปอย่างนี้คืนนี้คงต้องกลับบ้านไปคนเดียวอย่างแน่นอน ผมจ้องไปทางชายผิวขาวที่ไม่ยอมหยุดปากสักที เน็ททำท่าล้อเลียนอย่างกับกำลังหลอกล่อให้ผมน็อตหลุดอยู่
เลขที่นับถอยหลังลงมาเรื่อยๆ ถึงหนึ่งบอกให้ผมควรใช้มาตรการเด็ดขาดกับเด็กทั้งสองคน เน็ทเดินนำออกไปโดยที่ยังอุ้มเฟย์ไว้อยู่ในแขนซ้าย ผมเลยต้องรีบก้าวเข้าไปยาวๆ เพื่อให้ทันเพื่อนต่างวัยคู่ใหม่ ถือวิวาสะโอบเอวขนาดเล็กจนเหมือนพวกขาดสารอาหารไว้ไม่ให้หนีไปไหนอีก
"...ไว้รับน้องครั้งหน้าก่อนนะเน็ท"
"กูทำอะไรผิด" เจ้าตัวยังคงหน้าระรื่น ไม่สะดุ้งตอนที่ผมโอบเอาไว้อย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ "น้องเฟย์รู้ไหมว่าฟิวใจร้ายมากๆ เลยล่ะ เอาแต่แกล้งพี่เน็ท"
"ฟิวไม่ดี! เฟย์จะฟ้องแม่!!"
การเจอกับของเด็กสองคนนี้มันเป็นฝันร้ายของผมชัดๆ ...
"พี่ไม่ได้แกล้งอะไรเน็ทเลยนะ"
"ฟิวแกล้งจนพี่่เกือบร้องไห้เลย"
ฟังเจ้าของนิสัยเอาแต่ใจที่กำลังเปลี่ยนร่างเป็นพี่เลี้ยงเด็กชั่วคราวแต่งเสริมเติมเรื่องราวจนกลายเป็นนิทานที่น่าประทับใจ เฟย์ดูเข้ากับเน็ทได้อย่างกับว่าทั้งสองคนมีวัยที่ไล่เลี่ยกัน ต่างฝ่ายต่างเจรจาหากันอย่างที่ไม่มีใครยอมหยุดแม้กระทั่งตอนที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปแล้ว
"พี่เน็ทเป็นเพื่อนฟิวเหรอ"
"เปล่า พี่ไม่มีทางเป็นเพื่อนกับคนอย่างฟิวหรอก"
"แล้วทำไมพี่เน็ทถึงมากับฟิวล่ะ"
"พี่อยากมาหาน้องเฟย์ไง"
"แล้วสรุปเป็นอะไรกับฟิวอะ"
"พี่เหรอ..." เสียงที่เคยร่าเริงยามที่ได้ดั่งใจเบาบางลงราวกับว่าลังเลใจเหลือเกินที่จะตอบมันออกไป "ฟิวเป็น...ของพี่เน็ท"
เฟย์คงเป็นเด็กน้อยเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าเน็ทต้องการสื่อถึงอะไร การเล่นคำที่ผมเกือบเบรคไม่ทันตอนที่เจอไฟแดงข้างหน้า เหลือบสายตามามองว่าเจ้าตัวพูดอะไรอย่างนั้นออกไปด้วยท่าทียังไง เน็ทไม่ได้หันมามองผม เขายังไงจับจ้องอยู่เพียงน้องสาวตัวเล็กของผมเท่านั้น
"เป็นอะไรนะพี่เน็ท?"
"เป็นข..."
"ถ้าไม่เงียบพี่จะไม่พาไปกินไอติม"
แล้วเด็กต่างวัยก็พร้อมใจกันเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงแต่ว่าเหตุผลที่เงียบของทั้งสองคนนั้นจะเหมือนหรือแตกต่างกันแค่ไหนผมไม่มีทางรู้ได้เลย
┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨
"ช่วงนี้ดูอารมณ์ไม่ดีนะครับฟิว"
"เหรอครับ?"
"หงุดหงิดง่าย พอน้องงอแงก็ต้องออกไปสงบสติอารมณ์ก่อน"
ผมกระเตงน้องที่เล่าว่าอายุห่างกันเป็นสิบปีไว้ ยกของเล่นขึ้นมาล่อให้สาวน้อยตัวเล็กสนใจอยู่กับตุ๊กตาพลาสติกที่แต่งเติมเป็นเจ้าหญิงแสนสวย หันไปคุยกับมารดาผู้สาละวนกับการเตรียมอุปกรณ์การเรียนศิลปะของลูกคนเล็กอยู่
"สงสัยช่วงนี้ผมดวงไม่ค่อยสมพงศ์กับเด็กน่ะครับ"
คิดถึงเด็กที่ว่า คนที่ยังคงเป็นตัวของตัวเองไม่เคยเปลี่ยน ส่วนที่เปลี่ยนไปก็คงเป็น...
"ฟิว เมื่อไหร่พี่เน็ทจะมาอีก"
ทำไมหน้าชื่อของผมถึงไม่มีคำว่าพี่เหมือนกับอีกคนล่ะ
"ไม่มาแล้ว เฟย์ดื้อ" โกหกออกไปคำโต ช่วงนี้เน็ทดูไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ทั้งที่ไม่ค่อยทำกิจกรรมอื่นอะไรกับใคร นอกจากช่วงของการรับน้อง หลังจากวันที่แยกกันหลังจากทานไอติมในห้างแล้วก็ไม่เจอเน็ทตรงส่วนอื่นของคณะอีกเลย
หรือว่าจะหลบหน้า...
ส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นมาไม่ยอมหยุด ขนาดเฟสบุ๊คที่สุดท้ายแล้วไม่ได้ลบออกตามที่เน็ทสั่งแต่เขาก็ไม่เคยทักทายอะไรมาสักครั้ง ถึงแม้ว่าผมจะเห็นว่าบนพื้นที่ส่วนตัวของเขาจะมีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลา
"นี่เฟย์..." ดูเป็นคนไม่มีทางเลือกแล้วถึงได้ถามกับน้อง "ถ้าเลือกได้เฟย์อยากเป่ายิ้งฉุบชนะหรือเปล่า"
"อืม...เล่นกับใครล่ะ"
"เน็ท"
"ไม่อะ" คำปฏิเสธกลับมาในทันที
"ทำไมล่ะ"
"ก็เฟย์ไม่อยากชนะพี่เน็ทนี่นา เดี๋ยวพี่เน็ทเสียใจ"
ผมควรจะพิจารณาตัวเองไหมนะที่น้องแท้ๆ ยังไม่ยอมเรียกว่าพี่ แต่กับใครอีกคนที่เจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวทำไมถึงมีคำว่าพี่นำหน้าในทุกคำขนาดนั้นนะ ไอติมวันนั้นผมก็จ่ายให้ทั้งหมด กลับมาถึงบ้านก็โดนแม่ว่าเรื่องที่ปล่อยให้น้องกินของหวานทั้งที่โดนหมดสั่งห้ามอีก
ที่ผมพูดไปอย่างนั้น เน็ทจะเสียใจหรือเปล่านะ...
"งั้นถ้าไม่อยากให้พี่เน็ทเสียใจ พี่ควรทำยังไงดี"
"เฟย์จะออกเหมือนพี่เน็ท"
"หือ?"
สาวน้อยที่ยังไม่เคยผ่านความเลวร้ายของโลกใบนี้ส่งยิ้มกว้างมาให้ผม ความบริสุทธิ์ของคำตอบที่เธอให้ผมมาเหมือนเป็นทางออกให้กับคนที่กำลังมืดแปดด้าน
"ถ้าเสมอกัน ก็ไม่มีใครเป็นคนแพ้ไง"
ทำไมเรื่องแค่นี้ผมถึงไม่เคยคิดได้นะ
กดเข้าไปตรงปุ่มสนทนาออนไลน์ที่ไม่ค่อยได้เข้าไปแตะต้อง ใช้นิ้วโป้งกดลงไปตามจุดต่างๆ ของหน้าจอจนครบทุกส่วนที่ต้องการแล้วถึงกดตรงปุ่ม Sent ไป
Future A : เป่ายิ้งฉุบกัน เพราะสถานะของอีกฝั่งที่ขึ้นว่า Active Now อยู่แล้วผมเลยยังคงค้างไว้ที่หน้าจอนั้นอยู่ และเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้เมื่อมีอัพเดตให้ทราบว่าเจ้าของเฟสได้เข้ามาอ่านแล้ว
Net Nathi : อะไรของมึงเนี่ยฟิว
Future A : นับหนึ่งถึงสามแล้วพิมพ์มานะ
Net Nathi : เดี๋ยว
Net Nathi : มึงช่วยดูความเร็วของการพิมพ์กูหน่อย จริงอย่างที่เน็ทบอก ว่าที่เขาจะส่งข้อความล่าสุดมาถึงผมมันก็กินเวลามากพอสมควร เขาเป็นพวกที่ไม่ชอบพิมพ์อะไรเร็วๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ ดูแล้วน่าจะเป็นคนทำอะไรรวดเร็วไปทุกอย่างมากกว่าอีก
หน้าต่างป๊อบอัพที่แสดงว่าอีกฝ่ายกำลังจะส่งอะไรบางอย่างมาบอกให้ผมรอต่อไป แล้วกว่าที่ประโยคถัดไปจะส่งมาถึงผมได้มันก็ผ่านไปนานอยู่เหมือนกัน นี่ค่อยๆ จิ้มทีละตัวอักษรรึเปล่านะถึงได้ช้าขนาดนี้
Net Nathi : โทรมา ไม่กดแล้ว
Future A : ?
Net Nathi : ฟิว มึงโคตรโง่ ผมโดนเน็ทบอกว่าโง่มากี่ครั้งแล้วนะ พอนึกได้ถ้าเขาเอามือถือของผมไปกดแอดเฟสได้หน้าตาเฉยแล้วคงไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่ถ้ามันจะมีส่วนอื่นที่แปลกปลอมเพิ่มขึ้นมาด้วย
กดปุ่มให้กลับไปอยู่หน้าโฮมสกรีน เลื่อนหาแอปพลิเคชันรายชื่อแล้วค่อยๆ ไล่ลงมาจนพบความผิดปกติที่ไม่ได้สังเกตมาก่อน
NET's ถึงจะสงสัยวิธีการบันทึกชื่อของเน็ทอยู่พอสมควร ผมก็ต้องปล่อยผ่านมันไปเพื่อที่จะได้โทรออกไปตามคำสั่งเสียก่อนที่จะเจอเสียงผู้หญิงแทนที่จะเป็นเสียงของเจ้าของเบอร์
(ว่างเหรอ)
"เมมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
(ฟิวโง่)
"เน็ท..."
(อยากจะเป่ายิ้งฉุบเหรอ มาดิ) การที่พูดถึงใจความอย่างนั้นไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังรำคาญเต็มแก่
"หน..."
(กรรไกร)
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดคำว่าหนึ่ง ปลายสายก็พูดแทรกขึ้นมาจนผมไม่ได้ทำอย่างที่คิด คนอื่นอาจไม่รู้สึก เน็ทเป็นคนที่แสดงออกผ่านน้ำเสียงเยอะ ปกติแล้วเน็ทจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยก้มลงให้ใคร..เหมือนตอนนี้
(คนโง่อย่างมึงกูควรจะตัดให้ขาดได้แล้วฟิว)
แล้วสัญญาณที่แจ้งเตือนว่าการเชื่อมต่อได้จบลงแล้วก็ปรากฏขึ้น ผมมองโทรศัพท์ของตัวเองดับลงไปด้วยความรู้สึกมืดบอดไม่ต่างกัน คิดในหัวเร็วๆ แล้วว่าการโทรกลับไปอีกครั้งมันคงเป็นอะไรที่สิ้นคิดอย่างมาก ผมที่ไร้ทางไปถึงกลับไปดูหน้าเฟสบุ๊คว่ามีอะไรที่จะช่วยให้ผมเข้าใจอาการคุ้มดีคุ้มร้ายของเน็ทได้บ้างหรือเปล่า
Net Nathi เพราะอนาคตไม่ใช่ของเน็ท
"..."
...ผมคงโง่อย่างที่เน็ทบอกจริงๆ ┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨
สุดท้ายแล้วเราก็ยังคงมีประเพณีอะไรบางอย่างที่ยังคงไว้อยู่อย่างนั้นไม่หายไปไหน เช่นการให้เกียร์วิศวะ เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีการวิ่งรับรุ่นอะไรพวกนั้นอีกแล้ว เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างไร้สาระมากเลยทีเดียว อย่างนี้ตอนที่เป็นรุ่นหนึ่งร้อยคุณก็ต้องวิ่งร้อยรอบเหรอ บ้าไปแล้ว
แล้วผมก็ไม่เชื่อเรื่องที่คนเราจะรักกันได้จากการที่มาทำกิจกรรมร่วมกันแค่นี้ เพราะงั้นสิ่งที่ผมอยากให้พวกเขาได้กลับไปคือการรู้จักปรับตัวเข้าหาคนอื่นให้มากขึ้น ไม่ต้องรักหรือผูกพันอะไรอย่างที่เขาพร่ำบอกหรอก แค่ให้รู้ว่าอย่างน้อยในโลกแห่งความเป็นจริงสังคมที่ต้องเจอมันเต็มไปด้วยความหลากหลายมากแค่ไหน
หนึ่งสิ่งที่ต่างออกไปคือเด็กเจ้าปัญหาคนนั้นไม่เคยโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีกเลย ไม่มีการเอาป้ายชื่อหรือของอย่างอื่นมาฝากเอาไว้อย่างที่ชอบทำ ไม่สิ ไม่เข้ารับน้องเลยอีกต่างหาก
"ไงฟิว"
"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"
"ก็ดี วันนี้น้องเน็ทก็มานะ เราเห็นตอนลงทะเบียน"
ผมเงียบไม่หืออืออะไรกับสิ่งที่เพื่อนบอก ทั้งที่ใจเต้นแรงจนน่ากลัว วันนี้เน็ทมาด้วยอย่างนั้นเหรอ ทำไมผมถึงไม่เห็นเลย
ค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปอยู่ในส่วนของลานพิธี ตอนนี้เด็กปีหนึ่งทุกคนกำลังยืนเรียงกันรอบสนามขนาดใหญ่ ผมมองหาเด็กขี้หวงที่หายหน้าหายตาไป พอพบว่าเขายืนอยู่คนเดียวแบบที่ไร้การสื่อสารกับเพื่อนคนอื่นแล้วแล้วก็รีบดิ่งไปตรงนั้นทันที
"ผิดสัญญา"
ถ้าเน็ทเคยใช้คำว่าสัญญาเป็นการทักทาย ผมก็จะใช้คำว่าผิดสัญญาแทนคำว่าสวัสดีบ้างล่ะ เด็กปีหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่เล่นเอาผมชาวูบ เพราะมันรวมความรู้สึกหลายๆ อย่างไว้บนนั้น ตกใจ ไม่พอใจ ...แล้วก็ปวดร้าว
"มาให้ผมทำโทษเลยนะเน็ท"
"..."
ไม่เหมือนกับทุกทีที่จะต้องได้ยินเสียงของเขาเถียงกลับมาอย่างไม่ยอมใคร คราวนี้เน็ทแค่กลับไปก้มหน้าจนผมไม่อาจเห็นได้ว่านัยน์ตานั้นมีอะไรที่เปลี่ยนไปหรือไม่
"เน็ท"
"..."
"เน็ทครับ" ย่อตัวเองลงมาจนเกือบกลายเป็นนั่งยอง เพื่อให้ตัวเองสามารถเห็นได้ว่าคนที่ไม่ยอมคุยกับผมเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ "เน็ทคนที่เถียงกับผมตลอดเวลาหายไปไหนแล้ว"
พอเขาเห็นว่าผมแก้เกี้ยวอย่างนั้นก็เลยกลับไปทำหน้าตรงเหมือนเดิม คราวนี้ผมกลับมายืดตัวให้เท่ากับเขา ให้ตาของเราสองคนได้อยู่ในระดับเดียวกัน
"หืม? นี่เน็ทตัวปลอมใช่หรือเปล่า"
"...ไปที่อื่นเลยนะฟิว"
แม้แต่เสียงไล่ก็ยังเบาหวิวและแห้งผาก เน็ทไม่เคยแสดงอาการอ่อนแออย่างนี้มาก่อนจนผมอยากจะรวบทั้งตัวมากอดไว้ก่อนที่จะได้เห็นบางคนล้มลงไปตรงหน้า
"ไม่ไป" เป็นคราวของผมที่จะได้เอาแต่ใจบ้างแล้วล่ะ "ฝากของหน่อย"
ต้องขอบคุณที่เรากำลังอยู่ในพิธีการที่ค่อนข้างสำคัญ ไม่อย่างนั้นแล้วเน็ทคงได้เดินหนีออกไปตั้งนานแล้ว เจ้าชายขี้หวงทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังแสดงออก ถึงเขาจะไม่ได้หลบสายตาอะไรมันก็ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เน็ทจะดูเป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้
"รับไปเร็ว"
เน็ทเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างตอนที่เห็นว่าผมยื่นมือที่กำไว้แน่นไปตรงหน้า "แบมือรับสิ"
เด็กมากเรื่องทำลอยหน้าลอยตาไม่ยอมทำตามที่ผมบอกเลยสักนิด ตอนนี้รอบข้างของเราเริ่มหนาตาไปด้วยกลุ่มรุ่นพี่รุ่นน้องพร้อมที่จะเริ่มพิธีการมอบเกียร์กันแล้ว จะเรียกว่าพิธีการก็คงไม่ถูกต้องนัก เป็นเหมือนการให้ของจากรุ่นพี่สายรหัสเสียมากกว่า เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่พวกผมตกลงจะเปลี่ยนแปลงการทำอะไรที่ดูศักดิ์สิทธิ์แบบไม่จริงให้เป็นอย่างที่รูปธรรมจับต้องได้มากขึ้น
แต่คนตรงหน้าของผมไม่มีพี่ปีสูงเลยสักคนเพราะว่ามันไม่เอาสายรหัส ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนมาให้เลยเสนอตัวรับมาอยู่ในสายให้จบๆ เรื่องไป
...ถึงจะโดนแซวไปยกใหญ่เลยก็เถอะ
"อะไร?" พอถึงบทที่ไม่ควรจะเรื่องมากก็ดันระแวงไปทุกอย่างเสียนี่
"ฝากหน่อย"
"ไม่รับ"
เกือบขำออกมาแล้ว เน็ทนี่ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ควรจะเต็มไปด้วยความซาบซึ้งก็ยังคงความเน็ทไว้ได้อย่างดีเลย
"เอาไปเถอะ"
"ฟิว"
"จากพี่เลยนะ" ผมชอบเวลาที่เรียกตัวเองว่าพี่มากกว่าผมอีกแฮะ
คงจะดีมากที่สุดถ้าเน็ทยอมเรียกผมว่าพี่บ้าง
"...ไร้สาระ" ทำบ่นงุบงิบแต่ก็ยอมแบมือมาตรงกับส่วนปลายแขนของผมในที่สุด "เอามาเร็วๆ เลย"
อยากจะแกล้งต่ออีกหน่อยให้หายหมั่นเขี้ยวอยู่หรอก ติดตรงที่ว่าลองทำอย่างนั้นไปอาจจะเห็นร่างพิโรธแทนแล้วไม่คุ้ม คนอะไรขี้โวยวายได้ตลอดเวลา
"ไหนๆ อ้อ..." เกียร์ทองขนาดกำลังดีถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา "หืม?"
นัยน์ตารีสวยหรี่ลงยามพิจารณา คงเห็นแล้วสินะ
"ฟิว"
"ครับ"
"มึงไม่ได้หยิบผิดใช่ไหม"
"ไม่"
"งั้น..."
"เก็บไว้ให้หน่อย"
ผมเรียนวิศวะ ตัววิชาหลอมให้ผมรอบคอบอยู่ตลอดเวลา เพราะการตัดสินอะไรสักอย่างเต็มไปด้วยความรับผิดชอบตามมาอย่างมหาศาล ทุกอย่างเดิมพันด้วยชีวิต การคำนวณ การออกแบบ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่วางไว้ ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
คงเป็นครั้งแรกที่ผมแหกทุกกฎที่ตัวเองวางไว้
ในมือของเน็ทตอนนี้เป็นเกียร์ที่หากสังเกตดูให้ดีแล้วจะพบว่าเลขรุ่นมันไม่ใช่รุ่นของเขา แต่ลดลงไปหนึ่งรุ่น ...หรือก็คือรุ่นของผม
"ถ้าไม่เอา?"
ยิ้มร้ายส่งมาให้ผมในขณะที่เกียร์ที่ทองถูกโยนขึ้นลงเหมือนของเล่นเด็กที่ไม่มีค่าอะไร ชายหนุ่มที่ดูเศร้าสร้อยเมื่อครู่หายไปไหนกัน ไม่น่าเลยผม นี่คือการเอาคืนอย่างนั้นหรือเปล่า
"ไหนบอกว่าเป็นพวกหวงของ?"
"ก็นี่ไม่ใช่ของเน็ท"
"งั้นก็ทำให้เป็นซะสิ" ผมสวนกลับในทันที
"ฟิว..." ลมหายใจถูกถอนออกมายาว "รู้ใช่ไหมว่ากูขี้หวง"
"รู้ดีเลยล่ะ"
"อะไรที่เป็นของกูแล้ว กูไม่ให้ใครมาแบ่งแล้วนะ"
"นั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก"
"คนพิลึก..." ผมเพี้ยนไปหรือเปล่านะที่ยิ้มให้คำด่า "มึงพลาดแล้วล่ะฟิว"
เน็ทปลดตัวล็อคของสายสร้อยออก จากนั้นก็เอาเกียร์ที่อยู่ในมือร้อยลงไปจนของสองสิ่งบรรจบกันที่ตรงกลาง ไม่ต้องมีการสัมผัสทางร่างกาย มีแต่สายตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่นั้นส่งมาให้จนผมรับรู้ได้เต็มหัวใจ
"พี่ฟิวเป็นอนาคตของเน็ทแล้วนะ" ┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨┠ ┨
"ฟิว บู้ทสีน้ำตาลของกูอยู่ไหนอะ"
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโน้ตบุ๊คขนาดสิบสองนิ้วของตัวเองไปยังคนที่ยืนหน้าหงิกอยู่ตรงชั้นวางรองเท้าหน้าประตูห้อง คิดทบทวนว่าบนชั้นวางรองเท้าที่ใครๆ ต่างไม่เชื่อว่าจำนวนทั้งหมดนั้นมีเจ้าของเพียงแค่สองคนเท่านั้นมีสิ่งที่เขาตามหาอยู่หรือเปล่า
"ไม่มีนะ"
ไม่มีทางที่ผมจะจำผิด เน็ทมีแค่บู้ทเหลือบดำที่เห็นใส่เฉพาะงานสำคัญจริงๆ
"มี ทิมเบอร์แลนด์ไง"
"...นั่นของพี่"
คนเด็กกว่าทำหน้ายุ่ง "...ของเน็ท"
"ไม่มี เน็ทไม่เคยซื้อบู้ทสีน้ำตาล"
"ของเน็ท"
โอเค อย่างนั้นก็ได้
"ครับๆ ของเน็ทครับ"
เจอเขาย้ำด้วยใบหน้าเชื่อมั่นอย่างนั้นก็ได้แต่ยอมตามน้ำไป ต่อให้ความจริงว่ารองเท้าคู่นั้นเป็นของผมไม่ใช่ของเน็ทก็ตามทีเถอะ ไม่เถียงให้เสียเวลาเปล่า ต่อให้ค้านไปขนาดไหนถ้าลองได้เจอคำว่า 'ของเน็ท' เข้าไปทีไรก็จบทุกที อย่างนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่นั่นก็ของผมนะ
หนึ่งในไม่กี่สิ่งที่เราเหมือนกันคงเป็นเรื่องรองเท้านี่แหละ คลั่งมันอย่างที่ลงทุนออกเงินคนละครึ่งทำชั้นวางรองเท้าขึ้นมาใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการ โชคดีตรงที่ขนาดเท้าของเราสองคนเท่ากันเวลาเลือกซื้อเลยไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไหร่ ส่วนที่เรียกปัญหาได้มากที่สุดก็คงเป็นตรงที่ชั้นวางมันเริ่มจะประท้วงว่ารับปริมาณไม่ไหวแล้วล่ะ
"แล้วอยู่ไหน?"
"อืม...น่าจะเอากลับบ้านไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว"
"ฮึ่ย ไม่ไปแล้ว เทแม่ง" พออยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็จะชินกับนิสัยแปลกๆ อย่างเช่นการเปลี่ยนใจที่เร็วยิ่งกว่าการกลับด้านของเสื้อเสียอีก "เดี๋ยวโทรไปบอกน้องโรมก่อน"
"...แต่เน็ทกำลังโทรมาหาพี่นะ"
หน้าจอโทรศัพท์ของผมตอนนี้กำลังขึ้นภาพแผ่นหลังของคนที่อยู่ข้างๆ พร้อมชื่อที่บันทึกไว้ว่าปัจจุบัน
"มึงแม่งชอบเลียนแบบ" เขาวางสายลง กลับมานั่งข้างผมบนเบาะญี่ปุ่นขนาดใหญ่
"ก็ชอบเลยเลียนแบบไง"
"ทำไมแม่ถึงตั้งชื่อให้ว่าอนาคตอะฟิว"
"แล้วทำไมเน็ทถึงชื่อนัทธิ"
"เพราะนัทธิแปลว่าที่ผูกพัน เป็นลูกที่ผูกพ่อกับแม่ไว้"
"ความหมายดี"
ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมตัวเองถึงมีชื่อจริงว่าอนาคต พอถามพ่อก็บอกว่าแม่ตั้ง พอถามแม่ก็บอกว่าลูกพี่ลูกน้องผมตั้ง พอเจอหน้าเลยถามไปเขาก็บอกว่าตอนนั้นตัวเองเพิ่งจะขวบกว่าจะไปพูดอะไรได้ จนในที่สุดทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าชื่อของตัวเองมาจากไหน แล้วจุดประสงค์ที่ตั้งไปอย่างนั้นคืออะไรกันแน่
"อืม"
"พี่ว่าฟิวเรียกง่ายกว่าอนาคตเยอะเลยนะ"
"เรื่องของกู" นิสัยอย่างนี้ของเน็ทไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเหมือนเดิม "แล้วทำไมกูถึงเป็นปัจจุบัน"
เราไม่เคยเรียกความสัมพันธ์ของเราว่าแฟน หรือชื่ออื่นอะไรก็ตามแต่ที่คนนิยามให้ เน็ทเรียกผมเป็นอนาคตและผมเรียกเขาว่าปัจจุบัน
"ก็เป็นปัจจุบัน เป็นทุกวันของพี่ไง"
มันเมคเซนต์ออกนะ ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่เราอยู่ด้วยมันคือปัจจุบันนี่นา
"น้ำเน่า"
"สรุปแล้วทำไมถึงชอบชื่ออนาคตขนาดนั้น"
"แม่ชอบบอกว่ากูเป็นคนไม่มีอนาคต คราวนี้จะพากลับไปชี้ให้ดูเลยว่ามีแล้ว ...จะได้เป็นคนมีอนาคต"
"เด็กเอ๊ย ไปเยี่ยมกี่รอบไม่เห็นแนะนำอย่างนี้"
รอบแรกที่พาไปหาคุณพ่อคุณแม่ผมเกร็งแทบตาย เน็ทก็แนะนำง่ายๆ แค่ว่า 'นี่ฟิว' หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก จนผมแอบถามคุณแม่ว่าไม่แปลกใจเหรอ ก็ได้คำตอบว่านอกจากคนพวกนั้นที่เป็นเพื่อนแล้วเน็ทเคยบอกว่าถ้าพาใครมาแนะนำให้รู้จักนั่นคือรู้ได้เลยว่าไม่ใช่แค่เพื่อน
เน็ทมีเพื่อนแค่นั้นก็พอแล้ว
นอกจากนั้นคือคนที่เน็ทจะไม่ยอมให้เป็นของใครอื่น...
"ก็อนาคตแปลว่าเวลาข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง"
"แล้ว..."
"แสดงว่าทุกช่วงเวลาของเน็ทต่อจากนี้จะมีพี่ฟิวเสมอไง"
He just is,
I just am
And we just are.
-Lang Leav
***
เอาตอนจบมาส่งแล้วค่ะ แล้วก็จะเป็นการจบพาร์ทพิเศษทั้งหมดที่เจ้าตั้งใจว่าจะลงไว้ตั้งแต่ต้นด้วยนะคะ
ต่อจากนี้เจ้าจะไปต่อที่เรื่องของพี่แบล็ค
♚ PITCHBLACK ♛ แล้วนะคะ ถ้าอยากรู้ว่าราชาจะโดนอะไรบ้างอย่าลืมตามกันต่อไปนะ (ยิ้มกว้าง)
#ที่หนึ่ง