ได้แค่คำเดียว
บทที่ 11
“เรื่องเมื่อวันนั้น…ผมขอโทษนะ”
ชิพเอ่ยขึ้นขณะผมกำลังรินกาแฟ…เช้าวันนี้แปลกไปที่ชิพยอมนั่งโต๊ะอาหารและร่วมพูดคุยกับผม…เขากินสิ่งที่ผมทำให้เขาไปบางส่วน แต่รู้เหตุผลดี
ที่เขายอมทำแบบนี้
หลังจากคืนนั้น…ตอนเช้าเขาก็หายตัวไป หลายวันต่อมาที่เราต่างพยายามหลบหน้ากันและกัน ผมเกลียดที่จะต้องมองตาคนใจร้ายอย่างนั้น…แต่ก็
ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้ผมไม่มีที่ไป ก็เพราะถูกเขาบังคับไว้อีกนั่นแหละ…
“…”
“คุณ…ไม่ต้องทำท่ากลัวผมแบบนั้นก็ได้”
ผมชะงักมือที่กำลังล้างจานอยู่ พลางต้องวางจานลงกับอ่าง เอาแขนทั้งสองข้างพยุงร่างเอาไว้ไม่ให้สั่นเทาจนต้องทรุดลงไปกับพื้น…น้ำตาแห่งความ
เสียใจหลั่งไหลเข้ามามากมายจากไหนกันนะ?
“ผมขอโทษ…”
ไออุ่นจากร่างสูงประกบเข้ามาทางด้านหลัง…ชิพกอดผมไว้หลวมๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกอดที่แนบแน่น...เขาซบใบหน้าลงมา ยิ่งทำให้ผมร้องไห้
หนักเข้าไปอีก -_-“…
มันเจ็บไปหมดทั้งหัวใจ
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน? เพราะผมรักเขามากไปหรือไง? ความรักทำให้คนเราเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้?...คงไม่ ผมเจ็บ...ก็เพราะว่าผม
รู้สึกผิดที่ทิ้งเขาไป ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมผ่านอะไรมามาก...โดนเขาทำร้ายและทั้งทำร้ายเขา...แต่ทำไมเราสองคนถึงไม่เข้าใจกันสักที ทุกครั้งที่เราสองคนทะเลาะกัน...
มันทำให้รู้สึกแย่ แย่เอามากๆ...
“…ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วย…ผมไม่คิดว่ามันจะทำร้ายคุณ แต่ผมทั้งโกรธ ทั้งโมโหตัวเองที่ปล่อยให้ตัวเองทำอะไรโง่ๆ…คุณกลับมาหาผม
อีกครั้ง แต่ผมเกือบจะทำมันพังอีก…ผมมันบ้า คุณยกโทษให้ผมได้มั้ย?”
แม้เขาไม่พูด…ผมก็พร้อมจะยกโทษให้เขาเสมอ น้ำเสียงเศร้าๆเว้าวอนนั่นทำให้ผม ‘เกือบ’ ต้องรีบหันกลับไปกอดร่างของเขาไว้…ร่างที่อบอุ่นและ
เติมเต็มให้ผมได้เสมอแม้เขาจะโหดร้ายมากเพียงใดก็ตาม
ผมก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลหยดลงสู่พื้น...กัดริมฝีปากแน่น
“วันนี้ผมต้องเดินทางไปเชียงใหม่สองสามวัน...ผมไม่อยากจากไปโดยที่ไม่ได้บอกคุณ ว่าผมขอโทษ...สำหรับเรื่องทุกอย่าง สำหรับความเจ็บช้ำใจ
ที่ผมก่อ...คุณ เอ่อ...คุยกับผมเป็นเรื่องเป็นราวได้มั้ยเวลาผมกลับมา?”
ไม่ได้ตอบ เพียงแต่พยายามควบคุมร่างไม่ให้สั่นเทา พยายามห้ามใจตัวเอง...
“ผมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับคุณ...ผมขอร้อง...อยู่รอผมนะครับ?...”
ชิพผละออกในที่สุด ก่อนจะเดินไปหยิบสูทที่พาดไว้กับเก้าอี้แล้วออกไปทำงานตามปกติ…อารมณ์อ่อนโยนเหล่านั้นยังคงคั่งค้างอยู่ในอก ผมกอดตัว
เองเพื่อให้ความทรมานเหล่านี้จางหายไป มันยากที่จะบอกให้ชิพรับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วผมรักเขามากแค่ไหน และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกทรมานมาจนถึงทุกวันนี้…
“แดน พี่หาที่อยู่ใหม่ให้แดนได้แล้วนะ”
พี่มาร์คกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์มาตามสาย ผมตั้งใจฟังพร้อมทั้งจดลายละเอียดต่างๆลงไปในกระดาษทั้งหมด
“อยู่ใกล้ๆบ้านพี่นี่เอง เป็นไง แดนคิดว่าสะดวกมั้ย”
ผมแอบถอนหายใจ...จะยังไงก็ช่าง ผมคงต้องตอบตกลง
“ถ้ามันไม่แพงนัก ผมคงอยู่ได้แหละพี่…”
พูดคุยต่ออีกสักสองสามคำก็วางสาย ผมนั่งนิ่งๆพยายามปิดกลั้นความรู้สึกทุกข์ทรมานของตัวเอง...เมื่อวันก่อนที่ผมเอาเอกสารไปให้พี่มาร์ดเขาก็
บอกว่ากำลังติดต่อหาที่อยู่ใหม่ให้ ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว...ผมพร้อมที่จะไป เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
พรุ่งนี้แล้วซินะ...ที่ชิพจะกลับจากต่างจังหวัด
ผมไม่อยากให้ชิพกลับมาทะเลาะกับผม...ทุกวัน ทุกวันที่เราไม่ค่อยเข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผมโง่หรือเปล่าที่คิดแบบนี้ แต่ทางที่ดีคือควรรีบ
จากไปเสียตอนนี้...เพื่อรักษาสิ่งดีๆที่ยังคงหลงเหลือไว้คราวที่เรายังรักกันเป็นหัวใจดวงเดียว
จู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมา...แต่ผมกลับไม่สนใจจะทำอะไรกับมัน ความหนาวยะเยือกเข้าครอบงำ...ห้องที่เงียบเหงา ผมพยายามทำใจให้คิดซะว่า
ต้องก้าวเดินต่อไปข้างหน้า...และมันต้องเป็นเช่นนั้น...
“น้อง? มีใครตามน้องมาหรือเปล่า”
พี่โซเฟอร์แท็กซี่มองผ่านมาทางกระจกหลัง เสียงบีบแตรหนวกหูของไอ้รถบ้าที่ตามมาข้างหลังยังคงดังอยู่...น่ารำคาญชะมัด
“ครับพี่?”
“ก็เบนซ์ข้างหลังเราน่ะซิ ขับรถตามมาแถมยังบีบแตร่จนคนมองไปทั่วแล้ว...เขาตามน้องมาหรือเปล่า?”
ผมหันกลับไปดู...ใช่จริงๆด้วย!!! ผมมองเห็นชิพจ้องมองมาด้วยแววตาอาฆาตแค้นที่ทำให้ตัวสั่นไปทั้งร่าง...ชิพทำมือให้รถจอดลง
“อะ...เอ่อ...”
“ใช่มั้ยน้อง? งั้นพี่จอดก่อนนะ ลงไปคุยกันให้รู้เรื่องเถอะ...ชาวบ้านเค้าจะรำคาญเอา”
คนขับเองยังทำสีหน้าเซ็งๆ รถแท็กซี่ค่อยชะลอตัวและจอดลงข้างทางในที่สุด...คนขับรีบปลดเข็มขัดลงมาขนกระเป๋าที่ท้ายรถ ผมพยายามตั้งสติและ
สูดลมหายใจเข้า ความหวาดกลัวแผ่ซ่าน มือเย็นเฉียบ...ตัดสินใจให้แน่วแน่ก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถ ชิพยื่นแบ๊งค์ห้าร้อยให้คนขับโดนไม่เอาเงินทอนอยู่พอดี พี่โซ
เฟอร์ถึงขนาดยกมือไหว้แล้วรีบขับจากไป
“คุณกล้ามากนะ กล้ามาก!”
ชิพกระชากกระเป๋าใบใหญ่ลอยขึ้นจากพื้น...แล้วเหวี่ยงมันขึ้นหลังรถเบนซ์ของเขา ส่วนผมยืนนิ่งไม่พูดอะไร แต่แล้วต่อมาชิพทก็เดินมากระชากตัว
ผมตามไปอีกคน คราวนี้ผมขึงตัวไว้
“ไม่! ผมจะไม่กลับไปอยู่กับคุณแล้ว ปล่อย!”
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”
“ไม่! ขอร้องเถอะชิพ...ผมยังอยากเก็บความรู้สึกดีๆที่ยังคงเหลืออยู่ไว้ ระหว่างเรา...มันเปลี่ยนไป คุณไม่รู้สึกเหรอ?”
ชิพยังคงออกแรงลาก บีบข้อมือจนช้ำไปหมด
“~คุณทำผมเจ็บนะ”
“ก็ผมขอโทษคุณแล้วไง!”
ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาคงไม่ฟังผมทั้งนั้น
“ชิพ ได้โปรด! ผมอยากจากไปด้วยดี ผมอยู่ไปคุณก็พาลเอาแต่จะเกลียดขี้หน้าผมเปล่าๆ ให้ผมไปเถอะนะ...”
ชิพออกแรงลากตัวผมจวนจะถึงรถอยู่แล้ว จู่ๆก็หยุดชะงักลง...
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ผมกลัว ใจเต้นตึกๆๆๆ~~~…และกำลังจะเสียน้ำตา แต่อดกลั้นเอาไว้ อดกลั้นเอาไว้…
“ใช่! ผมอาจจะทำผิดกับคุณมาในอดีต...แต่คุณไม่เคยคิดเลยหรือไงว่าผมก็คือคน คุณทำเหมือนผมไม่ใช่คน!”
ชิพยืนตะคอกใส่หน้าผม ทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว มันไหลหยดแหมะลงมา...
“คุณทำร้ายจิตใจของผม คุณทำ...เหมือนระหว่างเราไม่มีค่าอะไร คุณทำแบบนั้นได้ยังไง? คุณเคยคิดถึงหัวอกของผมบ้างมั้ย ที่มันตรอมใจ...ที่
มันจะเป็นบ้าเพราะคุณ!
“หยุด...พอแล้ว...”
“คุณมันคนใจดำ ใจร้าย ร้ายที่สุด! คุณมันคนเห็นแก่ตัว คุณหลอกผมให้ผมหลงเชื่อ หลงรักคุณตั้งสิบปี”
ผมยืนหลับตาไม่กล้าสบสายตาของเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้นแบบไม่อายใคร...
“แต่...ถ้าต้องกลับไปให้คุณทำร้ายจิตใจผมอีก ผมไม่อยากไป...”
“นี่…!?”
ตอนนั้น...ไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเป็นความน้อยใจที่สะสมมานาน บวกกับขาดสติ ทำให้ผมเผลอหลุดคำพูดบางอย่างที่เลวร้ายมากถึงมากที่สุด...
ออกไป
“คุณอาจจะไม่รักผมแล้วก็ได้...คุณไม่ต้องแคร์ผม คุณไม่ต้องห่วงว่าผมจะเสียใจ คุณจะทำยังไงกับผมก็เชิญ...ผมไม่อยากทนกับสภาพแบบนี้อีกแล้ว
คุณกลับไปเถอะผม-”
“หุบปาก!”
เพี๊ยะ!
ชิพฟาดฝ่ามือลงมาบนหน้าผมอย่างแรง...ผมหน้าหัน ความเจ็บชานั้นถึงกับทำให้น้ำตาหยุดไหล นิ่งอึ้งอยู่ชั่วขณะ...พูดอะไรไม่ออก หูอื้อ มือชา...
แววตาของชิพทั้งโกรธทั้งเสียใจ...
“หยุดพูดแบบนั้นเดี๋ยวนี่!”
เรายืนนิ่งไม่มีเสียงแม้แต่แอ๊ะเดียว...ชิพเองก็เช่นกัน
“ผมไม่เคยทำร้ายคุณเลยนอกไปจากสิ่งที่คุณเองก็รู้ดี ว่าคุณก็มีความสุขด้วย...แต่ครั้งนี้ผมจะตบหน้าคุณ ตบหน้าคุณที่พูดจาไม่รู้จักคิด!”
ร่างของผมถูกลากขึ้นรถไปในท้ายที่สุด ผมสะอึกสะอื้นมาตลอดทาง หนักกว่าเก่า ไม่รู้ซิ...แต่การโดนตบหน้าครั้งนี้กลับทำให้ผมรู้สึกตัวว่า...นี่ผม
กำลังจะทำอะไรลงไป? หากชิพไม่ยอมตามมา ผมคงต้องจากเขาไป...อีกรอบหนึ่งอย่างงั้นเหรอ?
ชิพเป็นคนลากกระเป๋าเข้ามาในห้อง ผมเดินลิ่วไปล้างหน้าในห้องน้ำ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าตัวเองในกระจก...เปิดประตูออกมาก็เจอคนหน้ายักษ์
นั่งเคร่งเครียดรออยู่แล้ว
“ทำไมคุณต้องคิดว่าผมไม่แคร์? คุณทำแบบนี้ทำร้ายจิตใจผมมากเลยนะ”
ชิพเปิดฉากด้วยอารมณ์ต่อจากเมื่อกี้ ผมตั้งตัวรับไม่ไหว เลยได้แต่เบิกตากว้างจ้องหน้าเขา...ความรวดร้าวทิ่มแทงเข้ามาจนรู้สึกเจ็บแน่นไปหมด
“สิ่งที่คุณทำลงไปเมื่อกี้มันร้ายกาจ...ร้ายกาจกว่าการที่ผมตบหน้าคุณมากนัก ผมเฝ้ารอคุณมาสิบปีเต็ม คุณจะหนีผมไปอีกรอบน่ะเหรอ?”
“คุณยังมีหน้าหาว่าผมไม่แคร์...ผมไม่แคร์คุณแล้วทำไมผมถึงรู้สึกทรมานมากมายขนาดนี้ล่ะ!”
ชิพผลักผมให้เซเล็กน้อย ก่อนจะบีบหว่างคิ้วพลางส่ายศีรษะ...ใช่ ทำไมช่องว่างระหว่างเราสองคนถึงทำให้ทรมานได้มากมายขนาดนี้นะ
“ก็...ก็คุณไม่เคยพูดดีๆกับผมเลย…”
เสียงของผมสั่นเครือ
“ใช่...มันอาจจะเป็นความผิดของผมเอง แต่คุณไม่รู้เลยหรือยังไง...ว่าผมรัก...ผมรักคุณ!”
ชิพตาแดง เขาเกร็งใบหน้าพยายามห้ามเอาไว้...แต่แล้วน้ำตาหยดหนึ่งพลันไหลออกมาจากดวงตาของชิพ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นชิพอ่อนไหว
ได้ถึงขนาดนี้…แต่เขาดูไม่ต่างจากผม นั่นคือเหนื่อยล้า รู้สึกอ่อนแอ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่แฝงความขมขื่นอยู่ข้างใน
“เหตุการณ์ที่ผ่านมา คุณไม่รับรู้อะไรบ้างเลยหรือ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ...”
ชิพกำหมัดแน่น แววตาฉายความปวดร้าว...
“...คุณบอกกับผมว่าผมไม่เคยเรียนรู้...แต่รู้มั้ยว่าทุกคืนที่ผมรู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ผมยิ่งรู้ว่ามันยิ่งเป็นไปไม่ได้หลังจากที่คุณจากไป และมัน
เจ็บ...แต่คุณกลับไม่ได้อยู่ในชีวิตของผม รู้มั้ยว่ามันทุกข์ทรมานใจมากแค่ไหน”
“คุณหาว่าผมไม่แคร์...ผมแคร์คุณมากยิ่งกว่าตัวผมเองซะอีก ทำไมกันผมถึงยังลืมคุณไม่ได้ คุณเหมือน...เหมือนอะไรบางอย่างที่จะติดตัวผมไป
ตลอดชีวิต คุณยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ามีค่ามากมายแค่ไหนสำหรับผม”
อึ้งกับคำพูดเหล่านั้น เจ็บจี๊ด...ใบหน้าของชิพที่นองไปด้วยน้ำตาเสมือนสายฟ้าที่แทบจะแยกร่างของผม...ชิพเดินเข้ามาจับต้นแขนของผม ทำให้สติ
ที่หลุดลอยค่อยกลับเข้ามาอีกที
“คุณรู้มั้ยว่าทุกครั้งที่ผมมอบความรักให้คุณ...ผมมอบให้แม้กระทั้งจิตวิญญาณ ความเชื่อศรัทธา ศักดิ์ศรี...ทุกอย่างที่มีค่าสำหรับผม หัวใจของ
ผม...ความรู้สึกนึกคิดของผม ผมพยายามถ่ายทอดให้คุณทุกครั้ง...คุณคิดว่าผมไม่ต้องการคุณเหรอ คุณคิดว่าผมอยากจะแก้แค้นคุณมากกว่าจะเก็บคุณไว้ข้างๆเพราะผม
รักคุณมาก คุณไม่ได้คิดแบบนี้ใช่มั้ย?”
“ปะ...เปล่า”
“~แล้วทำไม!? ทำไมคุณต้องการแบบนี้ คุณเบื่อผมแล้วเหรอ? คุณเบื่อที่จะอยู่กับผมแล้วใช่มั้ย?”
ผมเลิกลัก...ไม่ใช่นะ ไม่จริง!...ผมไม่มีวันเบื่อคุณหรอก~
“~ไม่ใช่! มันไม่ใช่แบบนั้น...ผมแค่เห็นคุณเครียดและ...คุณเกลียดผม ผมไม่อยากเห็นคุณไร้ความสุขเพราะผมเป็นต้นเหตุ”
“มันนาน...นานสิบปี จนผมอาจจะลืมไปบ้างว่าผมควรปฏิบัติต่อคุณยังไง ผมขอโทษ...แต่ผมไม่มีวันเกลียดคุณ ผมอยากกอดคุณไว้ มีคุณอยู่ใน
ชีวิตผมตลอดไป”
ผมปล่อยโฮออกมา แล้วเคลื่อนเข้าไปกอดร่างของชิพไว้...ชิพไม่กอดตอบ แต่ยังคงร้องไห้และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเสียใจ ความน้อยใจต่างๆ
นานาไว้...ถ่ายทอดออกมาให้ผมได้ซึมซับอย่างลึกซึ้ง...
“ถ้าหากคุณคิดแบบนี้...ได้โปรด อยู่กับผมเถอะ...”
“ได้...ได้ครับชิพ...ผมจะอยู่กับคุณ ตลอดไป...”
มือของชิพค่อยๆกอดผมไว้ แน่น...ผมปิดเปลือกตาลงด้วยความเจ็บปวด
“ผมรักคุณนะชิพ...ผมรักคุณ อย่าเสียใจเลย...ผมขอโทษ”
แค่คำขอโทษมันยังไม่พอ...สิ่งที่ผมทำลงไปช่างเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยตัวเอง
“แดน...ต่อไปนี้คุณอย่าทิ้งผมไปอีกนะ ผม...ผมกลัว”
ชิพกอดแน่นจนแทบจะยกร่างของผม เนื้อตัวของเขาสั่นสะท้าน
“ผมจะไม่ไปไหน...ไม่ไปไหนแล้ว ผมจะอยู่กับคุณที่นี่นะครับ”
...เพราะหัวใจผมอยู่ที่นี่ มันคงต้องตาย...หากขาดเขาไป
ถึงเวลา...ที่ความทรมานทุกอย่างต้องจบลง ผมจะรักเขาตลอดไป...ผมสัญญา
“ผมรักคุณ...ผมอยากทำให้คุณมีความสุข...คุณอย่าโกรธผมเลยนะที่ผมทำใจร้ายกับคุณผมผิดไปแล้ว...ผมอยากพูดดีๆกับคุณ สัมผัสคุณ หลอกล้อ
กับคุณ...แค่คิดถึงวันเวลาเก่าๆที่เคยมี ผมอยากใช้เวลาช่วงนี้ให้มีความสุข...ผมจะเล่าเรื่องต่างๆมากมายให้คุณฟัง...”
ผมแตะริมฝีปากของชิพด้วยริมฝีปากของตนเอง แสนแผ่วเบา...แต่มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างของเราสองคน ความรู้สึกเหมือนวันแรกที่
เรารักกัน...ไหลย้อนกลับเข้ามา นี่ซิคือผู้ชายที่ผมรู้จักมาตลอดทั้งชีวิต
“คุณไม่ต้องทำให้ผมมากมายขนาดนั้นก็ได้...ขอแค่มีคุณ ผมก็พอใจแล้ว”
จริงๆนะ...ขอแค่มีเขา ผมก็มีกำลังใจอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ได้แล้ว
ชิพคลี่ยิ้ม...เขาเป็นคนดีตรงที่รู้จักขอโทษเป็น ส่วนผมก็ให้อภัยเขาเช่นกัน...ชิพค่อยๆหอมแก้มแล้วเปลี่ยนอารมณ์ไปทำหน้าตาไร้เดียงสาแบบเด็กๆ
ทั้งที่น้ำตายังคงนองหน้าอยู่เลย =_=”
“เราคืนดีกันแล้วใช่มั้ย?”
“อืม…”
ผมพยักหน้าเขินๆ เอานิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้ชิพ
“ชิพ...ผมมีเรื่องจะอธิบายให้คุณฟัง เรื่องผ้าเช็ดหน้าเมื่อวันก่อน...”
“ไม่ต้องแล้ว”
คราวนี้ชิพเป็นฝ่ายห้ามผมไว้ แต่ด้วยเรียวนี้วชี้ เขายิ้มให้ผม...ทั้งดวงตาและเรียวปาก เป็นยิ้มที่สดใสอย่างที่ผมอยากเห็นมานานแสนนาน...นาน
ร่วมสิบปี
“มาร์คโทรฯมาบอกความจริงให้ผมฟังทั้งหมดแล้ว...ไม่ยักรู้ว่าคุณเก่งภาษาญี่ปุ่น”
“~>///<~”
“แล้ว...เมื่อกี้นี้ที่ตบหน้าคุณไป แรงมากมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า?”
ผมส่ายหัว “ไม่เจ็บหรอก...ทีคุณทำอย่างอื่นผมยังทนได้”
^^^ชอบซะด้วย >.< ฮึๆ...หรือว่ากรูเป็นซาดิสต์ไปซะแย้ว? o_O”
“อืม...ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรเกี่ยวกับผมอยู่ คุณชอบผมแบบนั้นใช่มั้ย”
ง่ะ? แอบรู้ทันอีกงิ อีตาบ้า~~~(อิอิ)
…ชิพยิ้มตาหวาน ยังคงกอดผมไว้ ช่วงเวลาที่มีความสุขนี้เหมือนท้องฟ้าที่แจ่มใสหลังพายุมืดดำโหมกระหน่ำกลางท้องฟ้ามาเป็นเวลานาน...บัดนี้
คงมีความสุขผ่านเข้ามาบ้างสักที
“ใช่ซิ!~วันนี้ผมซื้อขนมเค้กอย่างที่คุณชอบมาด้วย...พอเห็นที่สนามบินปุ๊บเป็นต้องนึกถึงคุณ แต่กลับมาคุณก็กำลังเรียกแท็กซี่ออกไปซะก่อน...ผม
ใจร้อน ไม่อยากรอ เลยต้องรีบตามคุณไป”
คราวนี้ผมมองตาเขาแบบละอายแก่ใจ แต่ชิพขมวดคิ้วดุผม >///<
“อะไร? อย่าทำหน้าแบบนั้นซี~~~”
“~ก็ถ้าคุณไม่ตามมา ป่านนี้ผมคงตะเลิดไปไหนแล้ว ขอบคุณนะ”
“อย่าห่วงเลย รับรองคุณเป็นแฟนกับผมแล้ว ผมต้องตามหาคุณเจอแน่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
ฮื้อ?
“อ๊ะ! ผมเป็นแฟนคุณแล้วเหรอ?”
ชิพหัวเราะฮ่าๆ o_O*
“ยิ่งกว่าแฟนอีก คุณคือ...”
(เซ็นเซอร์)...ก็แค่กระซิบเล่นๆ
“ไม่เชื่องั้นอยากพิสูจน์มั้ย?”
ชิพจูงมือผมไปที่ห้องนั่งเล่น พลางเอาขนมเค้กออกมาป้อนให้ผม...ซึ่งพอมีเราสองคน เพียงกันและกันแล้ว มันค่อยดูเหมือนห้องนั่งเล่นอันอบอุ่นขึ้น
มาจริงๆสักที
ชิพนั่งอยู่ด้านหลัง ให้ผมเอาแผ่นหลังพิงแผงอกหนาของเขา...ชิพเล่าเรื่องตลกให้ผมฟังจนขำหลายรอบ แปลกดีที่เวลาเราทะเลาะกันก็แทบเป็นแทบ
ตาย ทว่าสุดท้าย เวลาเราคืนดีกัน...เหมือนเงื่อนไขต่างๆทั้งหมดมันไม่สำคัญอีกต่อไป เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้เราเข้าใจกันและอาจจะมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม...
ผมไม่รู้สึกเหมือนจากเขาไปนานอีกต่อไปแล้ว...สิบปีคือบททดสอบที่เป็นช่วงเวลาอันแสนสั้น หากเทียบกับระยะทางแห่งความผูกพันของเราสองคน
“ผมรักคุณ…”
ชิพกระซิบที่ข้างหู...แผ่วเบาทว่าชัดเจน
ผมเหมือนได้กลับบ้านในที่สุด
โปรดติดตามตอนต่อไป