เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 14
เดินไปรอมันในห้องพิเศษที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ ผมหย่นตัวลงนั่งที่โซฟาภาพก็ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะมองหน้าผม " มึง จะเอาอะไรรึเปล่า กูจะกลับไปเอาของ "
“ เออ เราต้องกลับไปเอาของใช้สินะ " เพราะว่าคืนนี้ต้องนอนโรงพยาบาลกัน
“ เอาผ้าขนหนูแล้วกัน แล้วก็ชุดอยู่บ้านสักชุด พรุ่งนี้กูคงไม่ไปเรียน แล้วก็ชุดของหัวหอมด้วยนะ "
“ อื้ม " มันพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป ผมก็บอก
“ ภาพ ช่วยดูให้หน่อยว่าอะไรที่เสีย ที่หัวหอมมันกินเข้าไป พวกของหมดอายุ "
“ ได้ " พยักหน้ารับอีกครั้ง มันที่เดินออกไปผมก็ผ่อนตัวเองลงนั่งที่โซฟา คว้ามือถือขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามีสายโทรเข้ามา มากกว่าสิบสาย แล้วทุกสายก็คือ ไอ้โม
“ เชี้ย ลืมไปเลยว่าบอกมันว่าจะไปเข้าห้องน้ำ " มองดูเวลาที่ตอนนี้คงเลิกเรียนแล้ว ผมก็กดโทรกลับ
“ ไอ้เชี้ยขม มึงอยู่ไหนวะ นี่กูโทรหาจนมือถือจะพังแล้ว ไอ้สัด " เสียงทักของปลายสายที่กดรับ ชวนให้รู้สึกผิดขึ้นมาทันที " กูคิดว่ามึงโดนฉุดไปปล้ำ หรือว่าโดนทำร้าย โทรไปก็ไม่รับ อยู่ๆจะหายก็หายไปเลย "
“ โทษที " ผมบอก " พอดีที่บ้านกูมีเรื่องด่วนอะ "
“ ก็โล่งใจไป " โมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " วันนี้อาจารย์ไม่สั่งการบ้านอะไร กระเป๋ามึงกูเก็บไว้ให้แล้ว ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาให้ละกัน "
“ อื้ม ขอบใจมาก แต่ว่า พรุ่งนี้กูคงไม่ไปเรียนนะ "
“ อ้าว "
“ พอดีเรื่องมันยังเคลียร์ไม่เสร็จอะมึง "
“ เรื่องอะไรวะ " ไอ้โมถามส่วนผมกลับเงียบไป ความเงียบที่ทำให้ปลายสายคงรู้สึกว่าผมไม่ค่อยอยากจะบอกมันเท่าไหร่ " ช่างมันเถอะ มึงคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ยังไงเดี๋ยวค่อยเล่าก็ได้ "
“ อื้ม ไว้เดี๋ยวเล่าให้ฟัง " ผมบอก " งั้นแค่นี้ก่อนนะมึง ไว้เจอกัน "
“ โอเค ไว้เจอกัน " วางสายลงแล้ววางมือถือไว้ข้างตัว ก่อนที่ประตูจะถูกเคาะขึ้นพร้อมกับเตียงเล็กที่เข็นเด็กตัวน้อยเข้ามา ผมลุกขึ้นยืนทันทีมองดูบุรุษพยาบาลอุ้มมันมาวางไว้บนเตียง ก่อนจะเดินออกไปหลังจากอธิบายทุกอย่างเสร็จแต่เพราะใจจดจ่ออยู่แต่กับร่างที่นอนอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไรนัก
เดินเข้ามาใกล้อีกคนที่นอนนิ่งอยู่เลื่อนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือของมันขึ้นมา ลูบใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับใหลก่อนจะหอมแก้มไปเต็มฟอด
“ ขอโทษทีนะหัวหอม เพราะอาขมเองที่ดูแลหัวหอมไม่ดี " ผมรู้สึกแบบนั้นมันเป็นความเลินเล่อของผมคนเดียวด้วยซ้ำไปเพราะภาพมันไม่ได้จัดการดูแลหัวหอมอะไรขนาดนั้น ผมมากกว่าที่ต้องทำทุกอย่างคนเดียวในตอนเช้าของวันนี้ " แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องห่วงนะ อาขมจะดูแลหัวหอมอย่างดีเลย มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ขอโทษนะ "
“ กลับมาแล้ว " เสียงจากหน้าประตูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามา ภาพวางกระเป๋าที่โซฟาก่อนจะถาม " กาลิคยังไม่ตื่นอีกเหรอ "
“ ยัง " ผมบอก ก่อนที่อีกคนจะเลื่อนเอาเก้าอี้มานั่งข้างๆผม
“ นี่ ถามจริงๆเถอะ จะดรอปเรียนจริงๆเหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับมันสั้นๆตอนที่ผมยังมองไอ้ตัวเล็กอยู่ " แล้วมันมีทางอื่นให้ทำมั้ยวะ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกจะทำยังไง กูว่าทำแบบนี้แหละ เป็นทางออกที่ดีที่สุดของตอนนี้แล้ว "
" ขมมันเป็นทางที่โง่มากอะมึง สิ้นคิดพอๆกับกูที่เอาไอ้กาลิคไปทิ้งวันนั้น มึงดรอปเรียนแล้วอยู่กับมันเฉยๆที่บ้านอย่างงั้นเหรอ ดูแลมัน อยู่กับมันทั้งวัน แล้วไงต่อ รอให้แม่มันรับ แล้วมึงก็ค่อยไปเรียนใหม่ เหรอ อย่างงั้นเหรอ มึงจะบอกแม่ว่าอะไร เพราะมึงช้าไปอีกปีเลยนะ อ๋อ ตอนนั้นดรอปเลี้ยงลูกอยู่ อย่างงั้นเหรอ " คำถามที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมา " เราเองก็เพิ่งเคยเป็นพ่อแม่คนนะเว้ย เพิ่งได้ลองดูแลใครเป็นครั้งแรก มันก็ต้องมีผิดบ้างถูกบ้าง ไม่ใช่เหรอ แล้วการแก้ไขอะ มึงก็บอกกูเองว่าอย่าทำอะไรสิ้นคิด ให้คิดดีๆ "
" แล้วมันมีทางอื่นมั้ยวะ! ” ผมหันไปถามมันเสียงหนัก " ถ้าเราไม่ดูแลมันให้ดี มันอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ได้ แล้วกูก็ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นอีก รอบนี้มันโชคดีที่เรามาทัน แต่ถ้ารอบหน้ามันไม่ละ มันต้องมีใครสักคนดูแลมันภาพ หัวหอมยังเด็กมันอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก มันทำไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดหรอก "
“ กูว่ามันมีทางออกที่ดีกว่านั้น "
“ ทางออกอะไร "
“ กูจะรับกาลิคเป็นลูกกูเอง แล้วกูจะไปบอกพ่อ..”
“ ไอ้ภาพ " หัวใจของผมเหมือนหล่นลงไปที่ปลายเท้าตอนที่มันบอก สีหน้าเรียบเฉยของมันถอนหายใจออกมาก่อนจะมองหน้าเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียง
“ ถ้ากูไปบอกพ่อ แล้วขอให้มันได้ไปโรงเรียน เราก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว มันเองก็ได้มีเพื่อน ได้เรียนหนังสือ ส่วนเราก็ไปเรียนหนังสือได้โดยไม่ต้องห่วงมัน กูว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วละ ยังไงก็ปิดเรื่องนี้ไว้ได้ไม่นาน ยังไงก็บอก ก็บอกมันตอนนี้เลยแล้วกัน "
“ ภาพ แต่พ่อมึงคงไม่..”
“ อื้ม เค้าคงไม่โอเค แต่กูคิดว่า ถ้ามันเป็นหลานเค้า เค้าคงไม่ใจร้ายหรอก " ทุกอย่างเงียบไปหมดตอนที่มันพูดจบเราก็ได้แต่นิ่งอยู่แบบนั้น พ่อของภาพไม่ใช่คนใจร้ายหรอก เค้าเป็นคนใจดี แต่ก็มีมุมที่น่ากลัวอยู่จำได้ว่า ครั้งนึงตอนที่จับได้ว่าไอ้ภาพสูบบุหรี่ตอนม.ต้นเค้าตบหน้าไอ้ภาพจนเลือดกลบปาก ภาพที่ดูดกลืนความรู้สึกดีๆที่มีต่อเค้าไปทั้งหมด ไม่ว่าเค้าจะเคยใจดีกับผมยังไงก็ตาม แล้วถ้าไปบอกเค้าว่า มีลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการสูบบุหรี่เป็นสิบๆเท่า พอคิดได้แบบนั้นผมก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับมันขึ้นมาบ้าง
“ ภาพ แต่กูว่าเราน่าจะหาทางออกอื่นนะ กูหมายถึงว่า ถ้าหัวหอมไม่ใช่ลูกมึง แล้วพอครบสามเดือนแม่มันมาพามันกลับไป ตอนนั้นมันก็ต้องมีปัญหาอีก เพราะมึงบอกพ่อไปแล้วว่า หัวหอมเป็นลูก เค้าจะยอมให้มันกลับไปเหรอ.. เอาให้ครบสามเดือนก่อนมั้ยแล้วค่อยบอก " ภาพเงียบไปตอนที่ผมถาม ถึงจะรู้สึกว่าความคิดของตัวเองสิ้นคิดมากๆที่ดรอปเรียนเพื่อออกมาเลี้ยงกาลิคแต่ มันก็คงดีกว่าที่จะให้ไอ้ภาพไปบอกพ่อมันที่ไม่รู้ว่า ผลตอบรับจะออกไปในทางไหน " ภาพ กูว่า..”
“ ไม่มีแต่แล้ว เพราะกูจะไม่ยอมให้มึงต้องมาเสียสละอนาคตของตัวมึงเองหรอก " ใบหน้าคมยิ้มให้ผมก่อนจะเอื้อมมือกอดคอไว้ " เราเลี้ยงมันได้แน่ไอ้กาลิคอะทั้งๆที่เรายังเรียนอยู่นี่แหละ แต่เราก็แค่ต้องแก้ปัญหากันไปเรื่อยๆเว้ย เพราะเราไม่สามารถทำอะไรที่เพิ่งเริ่มทำครั้งแรกได้สมบูรณ์แบบหรอก "
“ ภาพ.. แต่ถ้ากาลิคไม่ใช่ลูกมึงละ " ผมถามอีกคนเสียงเบา มันก็ยกยิ้ม
“ ถ้ามันเป็นลูกมึง มันก็ต้องเป็นหลานกูอยู่แล้ว แค่นี้กูช่วยหลานตัวเองไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป "
“ งั้นกูจะบอกแม่กูด้วยจะได้แฟร์ๆ "
“ ไม่ต้องบอกหรอก " ไอ้ภาพขัด " บอกแม่มึงไปเค้าก็เครียดเปล่าๆ มึงเองก็จะเครียดด้วย ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเถอะ "
" เชี้ยภาพ..” ผ่อนลมหายใจออกมากับความคิดของมันที่ตอนนี้กำลังปกป้องทุกอย่างเอาไว้ด้วยตัวเองคนเดียว
" ถ้าบอกแม่มึงว่ามึงมีลูก เค้าก็เครียด แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกถูกมั้ย เพราะนอกจากจะให้มึงแล้วต้องให้หลานเพิ่มอีก กูว่าบอกพ่อกูนี่แหละดีที่สุด เค้าจะได้จัดการเรื่องโรงเรียนให้ได้ด้วย " ก็จริงอย่างที่มันบอก ถ้าบอกแม่ผมก็มีแต่ความเครียดกับภาระที่เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าบอกพ่อภาพเค้ามีทั้งเงินแล้วก็อำนาจที่จะสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดให้เราได้ ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น หรือว่าฝากหัวหอมเข้าไปเรียนที่โรงเรียนดีๆสักแห่ง
" กูเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลย เหมือนเอาตัวรอดอยู่คนเดียวทั้งๆที่หัวหอมมันอาจจะเป็นลูกกูก็ได้ "
" เห็นแก่ตัวเชี้ยอะไร " อีกคนบอกก่อนจะยื่นมือมาชยี้หัว " คิดมากอะมึง มึงเองก็ดูแลไอ้หัวหอมตลอดไม่ใช่เหรอ กูไม่เห็นจะทำอะไรเลย เพราะงั้นมันก็ถูกแล้วที่พอมีปัญหาสำคัญ กูต้องเป็นฝ่ายจัดการ ก็เหมือนครอบครัวปกติไง "
" ยังไง " ผมเหล่มองมันอีกคนก็ยิ้ม
" นี่พ่อ " มันชี้ที่ตัวมัน ก่อนจะชี้ที่ตัวผม " แม่ " แล้วก็ชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่ " ลูก "
" ไอ้สัด " เอื้อมมือตบหลังมันแรงๆ อีกคนที่หัวเราะออกมาเสียงดัง เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้เราหัวเราะขึ้นมาได้ทั้งๆที่ปัญหาหนักใจอยู่ในตอนนี้
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ผมมองภาพที่หันมายิ้มให้ผม ในแววตาที่ดูเหมือนสบายๆ ไม่คิดอะไร แต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น มันเองก็เครียดแล้วก็กังวลกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่
“ ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูทะเลาะกับพ่อซักหน่อยนิ " มันยกไหล่ทำเหมือนไม่สนใจอะไรเท่าไหร่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแต่ผมก็รู้ว่ามันแค่ทำให้ผมสบายใจก็เท่านั้น
“ ถ้ามีอะไรก็บอกนะ " ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือมัน " กูอยู่ข้างๆมึงอยู่แล้ว "
“ กูรู้ กูเองก็อยู่ข้างๆมึงเหมือนกัน "
“ งื้อออ " เสียงครางเบาๆดึงให้เราทั้งคู่หันมาสนใจร่างเล็กบนเตียงที่กำลังบรือตาตื่น " อาขม อึก ฮือๆ อาขม " มันร้องไห้ทันทีที่เห็นหน้าเรา ผมหย่อนตัวเองนั่งลงบนเตียงตอนที่ดึงมันมากอดไว้เด็กผู้ชายตัวเล็กก็กอดกลับ
“ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่เป็นไรแล้วนะ โอ๋ๆ อาขมอยู่นี่ อยู่กับหัวหอมตรงนี้แล้ว " ลูบหัวมันเบาๆอีกคนก็กอดผมไว้แน่น บี้หน้าที่มีแต่คราบน้ำตาลงบนเสื้อผม " ตอนนี้ยังปวดท้องอยู่มั้ย "
“ ไม่ แต่ กาลิค ไม่อยากให้อาขม อึก กับ อาภาพ อึก ไปไหนอีก กาลิคกลัว อึก กาลิคไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว ฮือๆ " ลูบหัวมันเบาๆผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่มันบอกแบบนั้น มันคงกลัวว่ามันจะปวดท้องขึ้นมาอีก กลัวว่าตัวเองต้องเจ็บแล้วก็บอกใครไม่ได้ ไม่มีใครให้บอกว่าตัวเองเจ็บอะไร แต่ผมก็ถือว่ามันเป็นเด็กที่เก่งมากที่พยายามโทรหาผม เพื่อบอกว่าตัวเอง ปวดท้องได้
“ ไม่ทิ้งแล้ว ไม่ทิ้งนะ ไม่ต้องร้อง " เช็ดน้ำตาให้มัน ผมกอดมันไว้อยู่แบบนั้นพลางลูบหลังอีกคนเบาๆ
“ เออ กูลืมบอกมึงไปเลย " ไอ้ภาพทักขึ้นเหมือนมันนึกอะไรขึ้นได้ " กูว่าที่มันท้องเสียน่าจะเป็นเพราะนมว่ะ "
“ นม ? “
“ อื้ม นมมันเสีย หมดอายุแล้วอะ กูกลับไปดูเมื่อกี้ ขนมที่ซื้อก็ยังไม่ได้กินนะ กูเลยคิดว่าน่าจะเป็นของกินเมื่อเช้า พอไปดูนมในตู้เย็น มันหมดอายุแล้ววะ " ภาพบอกก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ มันเหลือบมองผม " หมดมาหลายวันแล้ว "
“ เหรอ "
“ แต่มันก็พลาดกันได้เปล่าวะมึง ปกติเรากินนมกันหมดก่อนซื้อใหม่ตลอด เราเลยไม่ชิน "
“ มึงไม่ต้องปลอบใจกูหรอก ก็อย่างที่หมอบอก กูมันเลินเล่อเอง " ลูบหลังหัลหอมเบาๆ ผมก้มลงมองหน้ามัน " หัวหอม ขอโทษนะ อาขมผิดเองแหละ ที่ไม่ดูให้ดี คราวหลังอาขมจะรอบคอบกว่านี้นะ ขอโทษที่ทำให้หัวหอมต้องเจ็บนะ "
“ กาลิคไม่โกรธอาขม กาลิครักอาขม " เจ้าตัวเล็กบอก หัวหอมที่กอดผมไว้ " อาขมไม่ได้ทำให้กาลิคเจ็บ นมทำ นมทำกาลิค "
“ อาขมทำ อาขมเป็นคนเอานมให้หัวหอมกินเอง " ผมไม่อยากจะให้มันเป็นคนที่โทษคนอื่นเวลาที่ทำความผิด ผมควรยอมรับความจริง เพื่อสอนให้หัวหอมรู้ว่า หัวหอมเองก็ต้องยอมรับความจริงเหมือนกัน " นมไม่ได้ทำหรอกหัวหอม นมจะทำได้ไง นมไม่มีชีวิตนะ เพราะงั้นคนที่ทำก็คือ คนที่เอานมให้หัวหอมกินก็คือ อาขม อาขมเป็นคนทำให้หัวหอมต้องเจ็บนะ เพราะงั้นนะ อาขมก็ต้องขอโทษหัวหอม ขอโทษนะหัวหอม "
“ แต่ แต่กาลิคไม่โกรธอาขมนะ กาลิครักอาขม " มันที่กอดผมไว้ ก่อนจะยื่มมือมาจับที่หน้า " โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะ กาลิคไม่โกรธนะ "
“ กูไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย " ผมบอก ไอ้ภาพก็หัวเราะออกมา
“ แล้วนี่หิวรึเปล่า อยากจะกินอะไรมั้ย "
“ กินได้เหรอมึง เพิ่งท้องเสียมานะ " ผมถามอีกคนเสียงเบา ที่ก็ยกไหล่ พลางส่ายหน้าไปมา " หัวหอม หิวมั้ย "
“ ไม่ครับ " มันส่ายหน้าไปมากับอกผม
“ งั้นลงไปนอนดีๆมั้ย ดึกแล้วหลับซะหน่อยนะ ดูท่าทางยังง่วงอยู่ " ลูบหัวมันเบาๆอีกคนก็เงยหน้าขึ้นบอก
“ หนูอยากให้อาขมนอนกับหนู "
“ ไม่ได้หรอก นี่เตียงคนป่วย เค้าให้คนป่วยนอน คนไม่ป่วยเค้าไม่ให้นอน " ผมบอกมัน ขี้เกียจนอนเบียดกับมันด้วย แม้จะนอนได้สบายๆก็เถอะ
“ งั้นหนูจะกอดอาขมไว้แบบนี้ " เด็กป่วยที่เริ่มดื้อกอดผมไว้แล้วเริ่มหลับตาลงมือเล็กๆที่กำเสื้อของผมไม่ยอมปล่อย ไอ้ภาพก็หัวเราะ
“ มันติดมึงมากอะ "
“ เออ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงติดขนาดนี้ " จะบอกว่าตามใจก็คงจะไม่ ไอ้ภาพตามใจหัวหอมมากกว่าผมอีก ผมออกจากมีกฎแล้วก็ข้อห้ามนู้นนี่นั่นตั้งเยอะแยะ ลูบหลังมันเบาๆจนรู้สึกว่าคนอยู่ในอ้อมกอดค่อยๆหายใจสม่ำเสมอแล้วผมก็ก้มลงมองดู " หลับละ "
“ งั้นก็จัดการให้นอนได้ " ไอ้ภาพเอื้อมมือไปจัดหมอน ตอนที่เอนตัวลงให้อีกคนนอนแต่พบว่ามือเล็กๆนั่นกลับกำเสื้อผมไว้แน่นแบบไม่ยอมปล่อย
“ กูต้องนอนกับมันวะ แม่งกำเสื้อกูไว้แน่นเลย " หลุดหัวเราะกันออกมา ในที่สุดก็ต้องจำใจ ล้มตัวเองลงนอนข้างกายอีกคนจนได้ ผมลูบหัวมันก่อนจะหอมไปเต็มฟอด แก้มยุ้ยๆที่บี้เข้ากับหน้าอกผม ภาพดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเราไว้
“ มึงนี่จริงๆเลยนะกาลิค " ร่างสูงยื่นมือมาขยี้หัวมันก่อนจะก้มลงหอมแก้ม " เดี๋ยวกูออกไปซื้ออะไรกินหน่อย มึงจะเอาอะไรมั้ย "
“ ไม่อะ ไม่ค่อยหิว "
“ โอเค งั้นเดี๋ยวกูมานะ "
“ อื้ม " ภาพเดินออกไปจากห้อง ผมที่ก้มลงมองไอ้ตัวเล็กที่กำลังหลับอยู่ก็ได้แต่กอดมันไว้แน่น เผลอคิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นก็อดกังวลใจแทนมันไม่ได้เลย ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ถ้าไปบอกพ่อมันให้รู้เรื่องหัวหอม เรื่องมันจะออกไปทางแง่ดี หรือแง่ร้ายกันวะ
......................................................
ปิดประตูห้องพิเศษของกาลิคก่อนจะเดินลงมาเรื่อยๆจนถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล ผมหย่นตัวลงนั่งที่ชั้นล่างตรงหน้าแผนกจ่ายยาก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ไม่ได้ถืออะไรอยู่เลยสักอย่าง มันเหมือนความหนักใจที่พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ผมคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งผลที่อาจจะออกมาดีที่สุด และ ร้ายแรงที่สุด
ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์ที่ต้องการก่อนจะกดโทรออก เสียงรอสายที่ดังอยู่ไม่นาน ปลายสายนั้นก็กดรับ
“ ว่าไงภาพ " เสียงของผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยเจ้าของเครื่องกดรับ
“ ม๊าทำอะไรอยู่ " ผมถาม เธอก็นิ่งไปสักพักก่อนจะบอก
“ กำลังนั่งดูทีวีกับป๊าอยู่ มีอะไร เงินไม่พอใช้เหรอ "
“ ไม่พอใช้อะไรของมันอีก " เสียงของป๊าแทรกเข้ามา ผมก็ยกยิ้ม พ่อแม่ก็มักเป็นแบบนี้สินะ สำหรับเค้าถ้าปกติเราไม่ได้โทรไปหาแล้วอยู่ๆโทรไป เค้าก็ต้องคิดว่าเราต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน
“ พรุ่งนี้ออกไปบริษัทรึเปล่า "
“ พรุ่งนี้เหรอ " เธอเว้นเสียงทำท่าคิด " คงไม่หรอก เนอะป๊าเนอะ "
“ อื้ม มันมีอะไรรึเปล่า " เสียงของป๊าถามขึ้นมา
“ แล้วภาพมีอะไรรึเปล่า "
“ เปล่าหรอก แค่พรุ่งนี้จะกลับบ้านเลยโทรมาถามว่าอยู่รึเปล่า ถ้าอยู่จะได้เข้าไปไง ถ้าไม่อยู่จะไม่ไป "
“ อ๋อออ อยู่สิ " เธอบอกก่อนจะเงียบไป
“ ม๊า " เอ่ยเรียกเธอสั้นๆอีกคนก็หัวเราะ
“ มีอะไรรึเปล่า "
“ เปล่าหรอก ค่อยพูดพรุ่งนี้แล้วกัน แค่นี้นะ สวัสดีครับ " ผมกดวางสายลง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา พิงตัวเองลงบนเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ก่อนจะพูดกับตัวเอง " อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดวะ " ไม่รู้ตอนนี้ อีกนานก็คงรู้ ก็สู้บอกไปเลยดีกว่า แล้วอีกอย่างผมไม่อยากจะให้ไอ้ขมมันต้องเสียสละอะไรแบบนั้นด้วย ถ้าพ่อผมช่วยได้ก็คงดี ขมมันจะได้สบายใจแล้วก็หมดห่วงกาลิคด้วย ผมเองก็เหมือนกัน
อาการของกาลิคดีขึ้นมากในเช้าวันรุ่งขึ้น คุณหมอที่เข้ามาตรวจอาการของมันเช็คอะไรนิดหน่อยก่อนจะบอกให้กลับบ้านได้ ผมเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายของมันทั้งหมด ส่วนขมก็แต่งตัวให้กาลิคด้วยชุดอยู่บ้านที่ผมเตรียมมาให้ เราขึ้นรถแล้วก็ขับออกไปจากโรงพยาบาล ไปในทางที่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดของเรา
" จะไปไหนกันวะ " ไอ้ขมถาม
" ไปบ้านไง " ผมตอบมันก็พยักหน้ารับ
" คิดดีแล้วเหรอมึง " มันถามย้ำ " มึงจะโอเคแน่นะ "
" คิดดีแล้วสิวะ " ผมหลุดหัวเราะ ตอนที่หันไปมองมันที่ทำหน้าเศร้า " ทำหน้าเศร้าทำเหี้ยอะไร พ่อกูไม่ฆ่ากูหรอก เมื่อคืนกูโทรไปบอกแม่กูแล้วด้วย "
“ บอกเรื่องหัวหอมอะนะ "
“ เปล่า แค่บอกว่าจะไปหา "
“ อีโธ่เอ้ย " ขมถอนหายใจออกมา มันที่ยังมองผมอยู่ไม่วางตา " กูเป็นห่วงมึงจริงๆนะเว้ยภาพ "
“ ไม่มีอะไรหรอกน่า " เอื้อมมือไปลูบหัวมัน กาลิคที่นั่งอยู่บนตักไอ้ขมก็เอ่ยถาม
“ เราจะไปไหนกันเหรออาภาพ อาขม "
“ ไปบ้านอาภาพกับอาขมน่ะ " ผมก้มลงตอบก่อนจะเงยหน้ามองอีกคน " ขม เดี๋ยวพอไปถึงที่บ้าน มึงอยู่ที่บ้านมึงก่อนนะ เสร็จธุระที่บ้านกูแล้ว กูจะไปรับ "
“ แต่กูอยากจะไปด้วยนะ " มันพูดขัดผมก็เหลือบมองกาลิค ขมเองก็มองตาม " กูต้องอยู่กับหัวหอมสินะ "
“ อื้ม มึงอยู่กับกาลิคนะ กูอยากจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่กูคนเดียวมากกว่า " เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าขมเข้าไปด้วยกาลิคก็ต้องเข้าไปด้วยแล้วถ้า กาลิคเห็นภาพที่ไม่ดีของพ่อผม หรือความรุนแรงอะไร ก็อาจจะทำให้มันกลัวพ่อผมจะฝังใจได้เหมือนไอ้ขมที่มันก็ยังฝังใจอยู่เรื่องที่พ่อตบผม ตอนที่สูบบุหรี่คราวนั้น
“ ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ " ขมบอกผมก็พยักหน้ารับ รถเคลื่อนตัวเข้ามาในเขตหมู่บ้านจอดรถที่หน้าบ้านของขมมันก็เปิดประตูให้กาลิคลงไป ส่วนมันก็ยังลังเลเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดอยู่ แววตาเป้นห่วงที่หันมามองผม " มันจะไม่เป็นไรหรอกนะ มันไม่เป็นไรหรอก "
“ อื้ม ไม่เป็นไร " พยักหน้ารับตอนที่ยื่นมือไปขยี้หัวคนที่ดูเป็นห่วงผมเหลือเเกิน ไอ้ขมก็ดึงตัวเองมากอดผมไว้ " มึงเป็นห่วงกูเหมือนกูจะไปตายอะ "
“ แล้วมันไม่เหมือนกันเหรอวะ ถ้ามึงบอกความจริงกับพ่อมึง มึงอาจจะโดนตบเหมือนวันนั้นก็ได้ "
“ เอาน่า แค่โดนตบ " ผมบอกปัด " ไม่ได้เจ็บอะไรนักหนาหรอก ลูกผู้ชายอะ แค่นี้ สิวๆ มึงลงไปได้แล้ว ไอ้กาลิคงงใหญ่ละ "
“ อื้ม " มันพยักหน้ารับตอนที่หันมองกาลิคที่ก็เอียงหน้ามองเรา ขมลงไปจากรถมันบอกเด็กน้อยที่ยืนจับมือมันไว้ " ไหนหัวหอมให้กำลังอาภาพหน่อยสิ "
“ แล้วอาภาพจะไปไหนเหรอ " มันถามไอ้ขมก่อนจะหันมามองหน้าผม " อาภาพ อาภาพจะไปไหน "
“ จะไปทำอะไรสักอย่างเพื่อหัวหอมนะ อะไรสักอย่างที่ต้องใช้ความกล้ามากๆเลยแหละ อาภาพทำเพื่อปกป้องมึงเอาไว้นะ " มันอธิบาย แต่ผมรู้สึกว่ามันคงข้างเป็นคำอธิบายที่ดูโอเว่อร์ไปหน่อยนะ
“ ปกป้องหนูเหรอ " กาลิคเงยหน้าถามขมอีกครั้ง มันก็พยักหน้ารับ
“ อื้ม ให้กำลังใจอาภาพหน่อยสิ บอกอาภาพว่า สู้ๆนะ "
“ อาภาพ " เสียงใสๆที่มาพร้อมกับร่างเล็กที่ดึงตัวเองเข้ามาในรถแล้วกอดผมไว้ จมูกเล็กๆนั้นหอมแก้มผม " สู้ๆนะ กาลิคจะคอยอาภาพอยู่กับอาขม อาภาพรีบกลับมารับเรานะ "
“ อื้ม ขอบใจนะ " ผมพยักหน้ารับก่อนจะหอมแก้มมันเหมือนกัน กาลิคลงไปจากรถ ประตูที่ปิดลงน่าแปลกที่ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาให้ใจของผมมันเปลี่ยนไป จากที่เคยคิดว่ามาบอกๆไป มันไม่ใช่แบบนั้นแต่มันเหมือน ต้องบอกไปต้องทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ต้องปกป้องและดูแลมันเอาไว้ให้ได้ ไม่ใช่กาลิค แต่สำหรับผม มันรวมไอ้ขมเข้าไปด้วย เหมือนกำลังเป็นคุณพ่อที่ปกป้องครอบครัวของตัวเองยังไงอย่างงั้น สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ผมมองไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าที่คุ้นตาอย่างดี ก่อนจะเอ่ยบอกตัวเอง ' ไม่เป็นไรหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดอยู่แล้ว '
....................................................................
ความเป็นพ่อของภาพ ช่างยิ่งใหญ่
ในเวลาที่วิกฤตภาพก็ต้องเป็นคนออกโรงปกป้องสินะ มันถึงจะถูก ต้องปกป้องไว้ทั้งขม และ กาลิค
ช่างเป็นว่าที่คุณพ่อที่พึ่งพาได้จริงๆ แม้จะไม่ค่อยได้ช่วยเลี้ยงกาลิคเท่าไหร่ก็เถอะ
แต่ในเวลานี้ภาพ ก็พึ่งพาได้นะเออ
ค่อยๆ ปรับตัว เปลี่ยนแปลงกันไปเรื่อยๆ นะ ทั้งคู่
ว่าแต่ตอนหน้า.. พ่อของภาพ จะว่ายังไงนะ
เจอกันตอนหน้านะคะ
ฝากแท็ก #มมชลก ในทวิตให้หนมด้วยน้าาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า