มาต่อแล้วจ้า อัพต่อนย่อยก่อน อัพคราวหน้าเลือดกระฉูดแน่นอน 555555+
อาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างใต้ผืนฟ้าอยู่ใต้ความเงียบสงัดแห่งราตรีอันเย็นสบาย เสียงแมลงในสวนดังหึ่งๆมาถึงห้องหนังสือที่ตะเกียงยังส่องแสงสว่าง อาบปลายนิ้วเรียวได้รูปขยับไหวไปมาราวกับปีกผีเสื้อ เล็บสีมุกเงาวับเคลื่อนไหวบนลูกคิดเสียงดังแกร๊กๆตลอดเวลา ผู้ที่จมจ่อมอยู่ในห้องง่วนอยู่กับตัวเลขจนมิสนใจอาหารเย็นที่บ่าวไพร่ยกมาให้ กระทั่งจบสิ้นกระบวนความ ตัวเลขที่ปรากฏทำให้คิ้วเรียวสีน้ำตาลอ่อนขมวดเคร่งเครียด
เดือนนี้ไม่มีเงินเหลือพอจะใช้หนี้อีกแล้ว ตราบใดที่รายจ่ายยังมากกว่ารายรับ โจวหงส์หยกทอดถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรก็จดจำมิได้ บิดานั้นมีนิสัยชอบเอาเงินทองไปเจือจานผู้อื่นเสมอ เพื่ออวดบารมีทั้งที่ตนเองมีจำกัดจำเขี่ย มารดาก็อ่อนแอ ว่าไงว่าตามกันเสมอทำให้เงินทองขาดมือต้องเอาสมบัติในบ้านไปแลกเกือบหมดแล้ว บัดนี้เหลือเพียงโฉนดของบ้านเท่านั้น จะทำการใดดีนะ
ลดคนงานมากกว่านี้ก็มิได้แล้ว ไม่เช่นนั้น....เขาคงได้ซักเสื้อผ้าเองเป็นแน่
เอี้ยด... เสียงประตูไหวเบาๆ หงส์หยกเงยหน้าจากกองสมุดบัญชี ภายในห้องเงียบสงบแวบแรกเขานึกว่าเป็นเพียงลมพัด คราหันกลับมามองสมุดบัญชีก็ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบา ร่างเล็กตัวแข็งในนาทีนั้น มีคนอยู่ในห้อง!!!
เงยหน้าขึ้นมา หัวใจดวงน้อยก็เต้นตุ๊บๆจนมือไม้สั่นไปหมด เมื่อเห็นร่างในอาภรณ์สีดำกลืนกับความมืด นั่งอยู่ที่เก้าอี้ติดมุมห้อง ใจร!!! ร่างเล็กลุกพรวดพราดขึ้น ปากจะร้องเรียกคนให้ช่วย แต่ก็ร้องไม่ออก ใจที่เต้นแรงทำให้หายใจหอบถี่จนตัวโยน ทำไงดี....
ร่างที่นั่งเฉยลุกขึ้นช้าๆ ก้าวมาหาอย่างเชื่องช้า มาสู่แสงสว่าง หงส์หยกตัวสั่นคนๆนี้ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ปกปิดอำพรางตัวเองเหลือแต่ดวงตากร้าว มองมาที่เขาตลอดเวลา ไม่แม้จะกระพริบตาด้วยซ้ำ
“อย่าทำร้ายคนในบ้านข้า......ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าขโมย” นี่เป็นคำแรกที่เขาเอ่ยปากออกมาได้ บุรุษนิรนามไม่ตอบอะไร แววตาไม่แสดงอารมณ์นอกจากจ้องมองอย่างพิจารณาอยู่อึดใจ ก่อนจะละสายตาไปที่อาหารเย็นชืดที่เจ้าของไม่สนใจจะแตะ
“เจ้าต้องการอะไร”
อีกฝ่ายไม่พูดแต่ยกถาดอาหารมือเดียวมาวางบนโต๊ะกลมกลางห้อง “มานี่”
“อะไรนะ” มือแข็งๆคว้าต้นแขนเขาออกแรงดึงนิดเดียว ร่างเล็กก็แทบปลิว เขาถูกกดให้นั่งลงตรงหน้าถาดอาหาร
“กินซะ”
“อะไรกัน??” นี่.....ไม่อยากให้เขาเป็นผีอดอยากหรือไร ถึงให้กินก่อนตาย
“กิน” น้ำเสียงกร้าวแกมขู่บังคับ หงส์หยกนิ่งเงียบด้วยความสับสน เขามองอาหารเย็นที่มีเพียงเต้าหู้ทอดกับปลานึ่งชิ้นเดียว สลับกับโจรไปมา อย่างไม่รู้จะทำการใด หากสายตาดุดันจ้องมองแกมบังคับอย่างนี้ทำให้เขาคิดสิ่งใดไม่ออก นอกจากทำตามที่สั่ง อาหารเย็นชืดช่างไร้รสชาติไม่อร่อยเลย แต่ก็จำเป็นต้องทาน
“ทานให้หมด” อีกฝ่ายเตือนเมื่อเห็นเขาจะวางตะเกียบ
“ข้าอิ่มแล้ว”
“ข้าวถ้วยเดียวยังทานไม่หมด แบบนี้จะเอาแรงมาจากไหน” น้ำเสียงเนิบๆคล้ายจะดูถูกอยู่ในที หงส์หยกมองในถ้วยข้าวเหลืออยู่อีกนิดหน่อยจึงกลั้นใจทานให้หมดเพื่อมิให้โดนดูถูกได้ เขาเคี้ยวแล้วกลืนอย่างรวดเร็วพลางมองเจ้าโจรร้ายที่ยังนิ่งเฉย ทว่าเขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายพึงพอใจแม้จะไม่เห็นสีหน้าก็ตาม
“เจ้า....ต้องการอะไร”
“ของบางอย่าง”
“บ้านข้าไม่มีสิ่งใดที่มีค่าหรอก”
“นี่คือคฤหาสน์ท่านโจว ปลัดคลังหลวงนะ มิมีของล้ำค่าได้เช่นไร”
“ข้าพูดความจริง บ้านข้า....มิมีสิ่งใดแล้ว”
“ไม่จริงหรอก” น้ำเสียงระรื่นคล้ายเห็นเป็นเรื่องตลกจนหงส์หยกต้องมองสบตา “ข้าว่ามีนะ....ของที่มีค่าน่ะ”
ร่างเล็กผงะด้วยความตกใจ เมื่อชายในชุดดำเอื้อมมือมาจับปอยผมเขาเบาๆ แถมยังเอานิ้วม้วนพันเอาไว้ อากับกิริยาสบายๆเข้าใกล้ง่ายๆทำให้ขนลุกอย่างไรไม่รู้ แต่จะขยับหนีก็เกรงว่าจะทำให้ไม่พอใจ เขาจึงอดทนเอาไว้ไม่หลีกหนี จึงเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายเกลี่ยปลายนิ้วไล้เส้นผมลื่นๆไปมาอย่างถูกใจ
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้า.....ท่าน ไปได้ยินมาจากไหน แต่บ้านนี้ไม่มีทรัพย์สมบัติมากหรอก” หงส์หยกนิ่งเงียบไปครู่ คิดว่าพูดความจริงจะเป็นการดีที่สุด “ บ้านข้ากำลังประสบปัญหา ตอนนี้ไม่มีเงินทองหรือของมีค่าเลย หากไม่เชื่อก็ลองสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ ท่านพ่อข้าชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำให้.....ทางบ้านขัดสน...ต้องเอาของมีค่าไปแลกเงินทองใช้จ่ายในบ้าน ที่ข้าพูดมานี้เป็นความจริงนะ ”
ดวงตากลมโตเหมือนตากวางจ้องมองเจ้าโจรร้ายนั้นเขม็งอย่างมุ่งมั่นยืนยันในคำพูด หากเพียงกระพริบตาเขาก็เห็นแววตาดุดันนั้นมิได้แสดงความแปลกใจ ไม่พอใจหรือสงสัยแต่ประการใด หากนิ่งเฉยอย่างรู้ทัน คนๆนี้รู้ว่าบ้านเขาไม่มีอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ร่างเล็กถอยหนีถอยห่างไปด้วยความตกใจ คนที่รู้ว่าบ้านเขาไม่มีอะไรแล้วมีอยู่คนเดียวเท่านั้น
“เจ้า.....เจิ้งหมิงเว่ย ใช้เจ้ามาใช่ไหม เจ้าเป็นคนของเขา”
“เปล่า...”
“เปล่างั้นหรือ คนที่รู้เรื่องนี้มีแต่เขาคนเดียว นี่....ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะต่ำทรามได้ถึงเพียงนี้ เจ้าคนถ่อยนั้น!!!” ใบหน้าหมดจดรูปไข่แดงก่ำด้วยความโกรธ นั้นเป็นใบหน้าที่คนมองมิคาดคิดว่าจะได้เห็น “ไปนะ...เจ้าไปให้พ้นบ้านข้าเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหน ข้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก ภายในหนึ่งสัปดาห์ข้าจะหาเงินมาใช้เขาครบทุกตำลึงแน่ ไปบอกเขาได้เลย”
หงส์หยกโกรธจนหอบตัวโยน เขามิเคยหน้ามืดวิงเวียนมาก่อน แต่วันนี้เขาโกรธจนเริ่มจะตาลายเสียแล้ว ร่างเล็กถอยมาเกาะโต๊ะหนังสืออย่างเหนื่อยอ่อน พอหันมาอีกทีร่างสีดำก็ถลาเข้ามาหา สองมือกุมไหล่เล็กแน่นราวกับกรงเล็บเหยี่ยว ดันเขาไปติดผนังห้อง
“อย่า!!!” บุรุษหนุ่มร้องลั่นด้วยความตกใจ คิดว่าตนเองต้องตายแล้วแน่ๆ โจรร้ายประชิดตัว ทั้งคู่อยู่นิ่งใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจ ใบหน้าที่ปกปิดมาอย่างดี มีเพียงดวงตาสีเข้มดุดันนั้นจ้องเขม็งนั้นแสดงอารมณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย
หึ! บุรุษนิรนามหัวเราะเบาๆ สร้างความประหลาดใจไม่น้อย
“ภายในหนึ่งสัปดาห์หรือ? เจ้าจะหาเงิน 300 ตำลึงมาจากไหนกัน”
คำถามนี้มิมีคำตอบ หงส์หยกเองยังจนปัญญา แต่เขาไม่ยอมก้มหัวให้เจิ้งหมิงเว่ยเด็ดขาด ใบหน้าที่แสดงความมุ่งมั่นและดวงตาใสๆจ้องมองไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ช้าแววตาดุดันก็ทอแสงอ่อนลง ร่างสูงถอยห่างออกไป
“ข้าจะให้เจ้าเอง”
“เอ๊ะ??”
“ข้าจะให้เงินเจ้า... 300 ตำลึง” เขาเดินตรงไปที่ประตู
“ไม่! ข้าไม่รับของโจรเด็ดขาด” คำพูดของหงส์หยกทำให้ ร่างในชุดดำชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามอง “ข้าไม่มีวันรับเงินที่ได้จากการทำชั่วหรอก ไม่ต้องเอามาให้ข้า”
“เจ้าไม่อยากได้เงินหรอกหรือ”
“ไม่....ข้า.....ข้าไม่รับเงินที่ได้มาโดยไม่มีเหตุผล”
“อ๋อ...งั้นถ้าเป็นเงินที่หามาได้ด้วยกำลังของตนเองคงยินดีสินะ”
“........ใช่...” เขาลังเลที่จะตอบ
“ดี...” ร่างสูงหันกลับมาหาทำให้เขาถอยกรูดไปติดผนังห้องอีกครั้ง สองมือเท้ากำแพงกักร่างเล็กไว้ในวงแขนไม่ให้หนีไปได้อีก “งั้นข้าจะจ้างเจ้าเอง”
“เอ๊ะ?? จ้างข้า....ทำอะไร”
“คุณชายอย่างเจ้าทำสิ่งใดเป็นล่ะ” คำถามย้อนกลับมา ทำให้หงส์หยกได้แต่อ้ำอึ้ง เขาสุภาพไม่ดี ฝึกวรยุทธก็ไม่ไหว จะเป็นบัญทิตก็ปวดหัวทุกครั้ง ยามเคร่งเครียด จึงมิได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากทำบัญชีกับดูแลบ้านเล็กๆน้อยๆ นอกเหนือจากนี้เขาก็นึกไม่ออกแล้ว ปลายนิ้วแข็งแรงเชยคางขึ้นให้มองสบตา
“บรนนิบัติข้าสิ” ประโยคนี้เหมือนไฟที่เผาไหม้ให้ร้อนรุ่มไปทั่วใบหน้า
“จากนี้ไปหนึ่งสัปดาห์ ข้าจะมาหาเจ้าทุกวันพร้อมเงิน 50 ตำลึง เงินสะอาดที่มิได้ปล้นชิงใครมา เจ้าจะมีเงินใช้หนี้ทั้งหมดและเหลือพอใช้จ่ายในบ้านอย่างไม่ขัดสน ว่าไง....เพียง7 วันเท่านั้น”
หงส์หยกขยับปากคล้ายจะค้าน หากถูกหยุดด้วยปลายนิ้วอุ่นๆแตะที่ริมฝีปาก บางอย่างเกิดขึ้นข้างในอก มันเหมือนมีน้ำอุ่นๆที่เทรินรดหัวใจที่เย็นชืดของเขา ทำให้อุ่นซ่านไปทั้งตัว และร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า นิ้วนั้นเกลี่ยริมฝีปากล่างเขาไปมาก่อนถอยห่างไปพร้อมเจ้าของ
“คืนพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้า”
“เดี๋ย...ว” ไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ อีกฝ่ายก็จากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่ลมแรงไว้เบื้องหลัง ในห้องไม่มีผู้ใดราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและเป็นเพียงความฝันเท่านั้น บุรุษหนุ่มมองรอบตัวอย่างสับสน มันเป็นความจริงหรือเปล่า...รึเป็นเพียงมโนภาพของตนเองกันแน่
*****************