ลมหายใจแห่งผืนทราย
บทที่ 19
คาลีลตรงดิ่งไปยังที่ทำการของคณะรัฐบาลด้วยความรีบร้อน เขาก้าวไปยังหน้าห้องทรงงานของสมเด็จพระราชาธิบดีรา
ชิด ทัชฮดิน บินซาฟาร์ อัลฟาดี ทหารรักษาพระองค์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหันมามองเมื่อเห็นว่าเป็นเขาจึงเปิดประตูให้คาลีลก้าวเข้าไป
ในห้องทรงงานได้
ชายหนุ่มโค้งศีรษะคำนับผู้นำของประเทศที่ประทับอยู่บนเก้าอี้หนังทอดพระเนตรภาพข่าวจากจอโทรทัศน์ติดผนัง ผ่าน
มาถึงยามเช้ารัฐบาลเข้าสลายการชุมนุมด้วยอาวุธปืนและกระสุนจริงจนเริ่มมีการสูญเสียชีวิตของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ต่างประเทศเริ่มรับรู้
เหตุการณ์ความรุนแรงของฮาลียันจนออกประกาศเตือนภัยความรุนแรงให้แก่ประชาชนประเทศของตนที่อาศัยอยู่ที่นี่
“กราบทูลฝ่าพระบาท” คาลีลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อฮาลียันเลยกระหม่อม ถึงพวกเขาจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์แต่เช่นไรพวกเขาก็เป็น
ชาวฮาลียันนะกระหม่อม”
สมเด็จพระราชาธิบดีราชิดทรงหันขวับมามองเลขานุการวัยหนุ่มของพระองค์ด้วยพระเนตรที่ไม่พอพระทัยนัก
“เรื่องนี้ฉันไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากเธอนะคาลีล ฉันออกคำสั่งในฐานะผู้นำของประเทศที่ถูกต้องอย่างแท้จริง และ
คนพวกนั้นคือพวกที่เข้าข้างกษัตริย์ที่รับตำแหน่งอย่างไม่ชอบธรรม”
“สมเด็จพระราชาธิบดีอาซัลทรงรับตำแหน่งจากการแต่งตั้งของพระราชบิดาของพระองค์กระหม่อม”
กษัตริย์ราชิดใช้สายพระเนตรเคืองขุ่นจ้องมองชายหนุ่มรุ่นลูกที่บังอาจค้านพระดำรัส ทรงตบโต๊ะดังปังก่อนจะยก
พระหัตถ์ชี้หน้าของคาลีล
“มากเกินไปแล้วนะคาลีล ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกชายของนายทหารเก่าที่ทำงานให้แม่ของฉันและเป็นคนเก่ง แต่ใช่ว่าฉัน
จะปล่อยให้เด็กอย่างเธอมาสั่งสอนฉันได้”
“หม่อมฉันมิบังอาจเช่นนั้น”
คาลีลพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนใบหน้าของเขา
“เพียงแค่กราบทูลให้ทรงทราบถึงความสูญเสียที่จะตามมาในฐานะเลขานุการของพระองค์และในฐานะประชาชนคน
หนึ่งของฮาลียันกระหม่อม”
ประมุขของประเทศพลันลุกขึ้นยืน สีพระพักตร์แสดงให้เห็นว่าทรงกริ้วเพียงใดที่ถูกคาลีลย้ำเตือน
“หากเป็นคนอื่นฉันคงสั่งแขวนคอเธอเสียให้สิ้นเรื่อง แต่นี่เห็นแก่พ่อของเธอที่เคยทำคุณความดี ฉันขอไล่เธอออกจาก
ตำแหน่งเลขานุการและกักตัวเธอไว้จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง”
ตรัสจบทหารรักษาพระองค์ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าห้องทั้งสองคนก็ปรี่เข้ามายึดท่อนแขนของคาลีลไว้
แล้วกระชากเขาออกไปจากห้องทรงงานทันที
วิกเตอร์นั่งกระวนกระวายอยู่ในรถยนต์ของคาลีลที่จอดนิ่งอยู่ภายนอกรั้วของที่ทำการรัฐบาลฮาลียัน เขาขอร้องแกม
บังคับให้คาลีลพาเขามาด้วยแม้ว่าคาลีลจะไม่เต็มใจก็ตาม
“คุณจะปล่อยให้ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้” วิกเตอร์ยืนกราน
“ผมเป็นนักข่าว และนี่คือความจริงที่คุณต้องการให้ทั่วโลกรู้ไม่ใช่หรือ ใช้ผมให้เป็นประโยชน์สิ ใช้ผมเป็นเครื่องมือบอก
เล่าเรื่องของคุณให้โลกรู้”
“แต่มันอันตราย และผมเองก็ไม่อาจจะดูแลความปลอดภัยให้คุณได้ ผมยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวผมด้วยซ้ำ”
คาลีลยังคงปฏิเสธแต่วิกเตอร์ก็ยังดื้อดึงตามนิสัยของเขา
“ผมดูแลตัวเองได้ แค่คุณพาผมไปด้วยเท่านั้นพอ”
เหตุผลเหล่านั้นเองทำให้วิกเตอร์ได้นั่งมาในรถของคาลีลจนกระทั่งคาลีลขับรถมาจอดอยู่ข้างรั้วของที่ทำการรัฐบาล
“ทำไมไม่ขับเข้าไปด้านใน”
วิกเตอร์เอ่ยถาม คาลีลส่ายหน้า แววตาบ่งบอกความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ผมไม่ไว้ใจสถานการณ์ในตอนนี้ จำไว้นะวิกเตอร์ หากเกิดอะไรขึ้นคุณขับรถหนีไปได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงผม และนี่...”
คาลีลเปิดลิ้นชักด้านหน้าของวิกเตอร์ เขามองเห็นด้ามปืนสีดำมะเมื่อมวางสงบอยู่ในนั้น
“...ใช้มันในยามคับขัน ผมไปละ”
วิกเตอร์มองตามแผ่นหลังของคาลีลด้วยหัวใจที่ไม่ปกตินัก เขานึกเป็นห่วงความปลอดภัยเมื่อคาลีลก้าวเดินเข้าไปใน
สถานที่ซึ่งเขารู้แล้วว่าเป็นภัยต่อคนที่กำลังเดินตรงไปยังอาคารที่ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามและหรูหราเบื้องหน้า วิกเตอร์พยายาม
สอดส่ายสายตามองว่าเมื่อไหร่ที่คาลีลจะเดินกลับออกมา
มีเพียงรถยนต์คันหนึ่งเท่านั้นที่ขับออกมาจากประตูทางเข้าออก วิกเตอร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อยังไม่
เห็นคาลีล รถยนต์คันนั้นขับผ่านเขาไป อะไรบางอย่างเรียกให้วิกเตอร์เงยหน้าขึ้นมองท้ายรถคันนั้นราวกับมันเป็นลางสังหรณ์ และสิ่งที่
เห็นทำให้วิกเตอร์เบิกตากว้าง
ศีรษะด้านหลังของคาลีล น่าแปลกที่วิกเตอร์จำได้แม่น คาลีลกลับออกมาด้วยพาหนะของรัฐบาลโดยมีนายทหารนั่ง
ประกบข้างมาด้วยคนหนึ่ง เหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลทำให้วิกเตอร์ตัดสินใจสตาร์ทรถ เขาขับตามรถคันนั้นไปทันทีพร้อมกับเอื้อมมือ
เปิดลิ้นชักและหยิบปืนกระบอกเล็กขนาดเหมาะมือออกมา
หากคาลีลสืบประวัติของเขาจริง ๆ ก็จะรู้ว่าสมัยช่วงวัยรุ่นวิกเตอร์เคยเป็นนักกีฬาแม่นปืนระดับทีมชาติชุดเยาวชนมาแล้ว
เขาพยายามข่มความตื่นเต้นเมื่อนี่คือเหตุการณ์คับขันไม่ใช่ในสนามฝึกซ้อม วิกเตอร์เปิดประจกแล้วใช้เพียงมือเดียวบังคับพวงมาลัยรถ
เขายื่นแขนออกไปนอกหน้าต่างแล้วเล็งปืนไปยังยางของรถยนต์คันที่ขับนำอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก
เปรี้ยง!
ท้ายรถปัดไปมาทันที ระยะแค่นี้ไม่พ้นความแม่นปืนของวิกเตอร์ไปได้ วิกเตอร์ชะลอรถลงพร้อมกับจ้องมองด้วยความ
ระมัดระวัง เขามองเห็นการต่อสู้ของคาลีลกับทหารที่นั่งประกบมาบนเบาะหลังภายในรถคันนั้น
“คาลีล ระวัง”
วิกเตอร์ตะโกนลั่นด้วยความตกใจ คนขับรถพยายามบังคับทิศทางจนรถยนต์จอดนิ่งสนิทขวางกลางถนน เดชะบุญที่
ถนนว่างโล่งเพราะประชาชนต่างหวาดกลัวกับสงครามกลางเมืองจนไม่กล้าสัญจรไปมา วิกเตอร์รีบจอดรถตามและพุ่งตัวออกจากรถ เขา
วิ่งไปที่ด้านหน้าของรถยนต์ที่คาลีลนั่งมาและเล็งปืนใส่คนขับรถทันที
“เปิดประตูรถ”
วิกเตอร์ตวาดลั่น เขาเป็นห่วงคาลีลที่กำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ตอนหลังของรถ ทหารที่ประกบคาลีลคว้าข้อมือ
ของคาลีลและกดลำคอของคาลีลอยู่กับกระจกรถจนเจ้าตัวหน้าซีดเผือด คนขับรถมองวิกเตอร์อย่างเดือดดาลก่อนจะเปิดประตูแล้วกระ
โจนเข้าหา
เปรี้ยง เปรี้ยง
วิกเตอร์ลั่นกระสุนออกไปอีกสองนัด นัดหนึ่งยิงเข้าที่สะบ้าเข่าของคนขับรถจนล้มลง ส่วนอีกนัดเขายิงมือที่คว้าอาวุธ
ปืนจากเอวออกมาจนกระทั่งปืนกระเด็นห่างออกไป เมื่อเห็นว่าคนขับรถที่นอนกองกุมหัวเข่าเลือดไหลแดงฉานไม่สามารถทำอันตราย
เขาได้แล้ว วิกเตอร์จึงพุ่งตัวไปที่ประตูรถแล้วกระชากออก เขาคว้าคอเสื้อทางด้านหลังของทหารคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี
กลายเป็นวิกเตอร์ที่ทหารคนนั้นเปลี่ยนมาต่อสู้ด้วย วิกเตอร์ชกด้วยหมัดเข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูกจนคู่ต่อสู้หน้าหงาย เขา
เป็นชาวตะวันตกที่มีรูปร่างได้เปรียบจึงใช้มันให้เป็นประโยชน์ ระหว่างนั้นคาลีลที่ตั้งหลักได้แล้วก็รีบออกมาจากรถยนต์และพุ่งตัวไปยัง
รถยนต์ของเขาทันที
“วิกเตอร์ ทางนี้”
คาลีลสตาร์ทรถรอ เขาเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับและตะโกนบอกวิกเตอร์ เห็นดังนั้นวิกเตอร์ที่ยังต่อสู้พัวพันก็ปล่อย
หมัดฮุคเข้าที่ลิ้นปี่ของทหารจนตัวงอก่อนที่เขาจะรีบวิ่งและพุ่งตัวเข้าไปในรถของคาลีล
เปรี้ยง!
ทหารคนนั้นยิงปืนใส่เขา วิกเตอร์กัดฟันหันหลังกลับแล้วยิงปืนในมือตัวเองตอบโต้ ฝีมือของแชมป์เยาวชนทีมชาติไม่มี
พลาดเมื่อทหารของรัฐบาลถูกยิงเข้าที่ข้อมือข้างที่จับปืนจนปืนหลุดมือ วิกเตอร์จึงรีบกระโดดขึ้นรถและปิดประตูตาม คาลีลเหยียบคัน
เร่งจนรถกระชากตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว
วิกเตอร์ทิ้งศีรษะลงไปกับเบาะรถ ท่าทางผิดปกติของชายหนุ่มทำให้คาลีลผิดสังเกต เขาเหลียวกลับมามองวิกเตอร์
เมื่อเห็นว่ารถของรัฐบาลไม่ได้ติดตามมาแล้ว คาลีลเบิกตากว้างเมื่อเห็นไหล่ข้างไกลตัวของวิกเตอร์เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
มีต่ออีกนิด...