4
วันนี้ทะเลจันทร์มีนัดกับเพื่อนสนิทที่ร้านของแม่หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสักพัก โดยเฉพาะน้ำหวานที่เพิ่งกลับจากถ่ายหนังที่เยอรมันมา ส่วนเล็กนั้นเขาเจอบ้างประปรายอยู่แล้ว
เนื่องจากวันนี้เขาไม่คิดว่าจะไปไหนต่อเลยเลือกแต่งตัวสบาย ๆ อย่างเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาก๊วยสามส่วนสีกรมท่า ผมยาวถูกมัดหลวม ๆ เอาไว้เผยให้เห็นใบหน้าเล็กเรียวที่ดูอ่อนกว่าวัย จันทร์เข้าร้านมาก็เจอกับเพื่อนรักที่กำลังคุยกันอยู่ก่อนแล้ว
“ไงมึง” จันทร์เดินเข้าไปทักทายพร้อมกับนั่งลง แล้วหันไปยิ้มให้เล็กที่ส่งยิ้มหวานมาให้เขาอยู่แล้ว
น้ำหวานหันมายิ้มกว้าง “สบายดี มึงล่ะ?”
“ก็ดี” จันทร์ตอบก่อนจะหันไปหาเล็กและส่งภาษามือถามว่า ‘สบายดีไหม?’
‘สบายดี’ เจ้าตัวตอบเป็นภาษามือกลับไป
น้ำหวานเพื่อนของทะเลจันทร์ทำงานเป็นผู้กำกับมือฉมังที่คิวงานรัดตัวมาก ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่เหมือนนายแบบ ทำให้มีแต่คนเสียดายที่เจ้าตัวไม่รับงานแสดงเสียเอง หลายคนเคยพยายามที่จะทาบทามแต่ก็โดนเจ้าตัวด่าเปิดเปิงไป ในวงการนี้น้ำหวานขึ้นชื่อเรื่องปากไม่ดีและไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝีมือของเขาหาใครมาเทียบยากจริง ๆ เลยทำให้ยังมีงานในวงการเข้ามาไม่ขาดสาย
ส่วนเล็กที่ต้องใช้ภาษามือคุยกันนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวป่วยหนักช่วงขึ้น ม.ต้น ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายก็คือพอไม่สบายแล้วก็ทำให้ค่อย ๆ สูญเสียการได้ยินไป พอหูไม่ได้ยิน...เล็กก็ไม่ยอมพูดอีกเลย ทำให้พวกเขาและครอบครัวพากันไปเรียนภาษามือเพื่อจะสื่อสารกันให้ได้ กว่าที่เล็กจะกลับมายืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง ร่าเริง และมองโลกในแง่ดีได้อีกครั้งก็ใช้เวลานานหลายปี
และกว่าจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างตอนนี้ ทั้งทะเลจันทร์ เล็ก และน้ำหวานก็ผ่านอะไรด้วยกันมามาก ต่างคนต่างก็ประคับประคองกันไป คอยเป็นกำลังให้กันและกันมาตลอด เรียกได้ว่าเหมือนเป็นพี่น้องมากกว่าเพื่อนกันเสียอีก พวกเขาทั้งสามคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเด็ก เพราะครอบครัวของพวกเขานั้นเป็นเพื่อนกันอยู่ก่อนแล้ว
“แล้วกลับมารอบนี้มึงจะอยู่กี่วัน?” จันทร์ถามน้ำหวาน
“กูว่าจะพักสักเดือน” เขาตอบพลางสะบัดคอไล่ความเมื่อย “เหนื่อยฉิบหาย”
เล็กยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีอะไรอยากจะบอก เจ้าตัวอ่านปากได้เลยทำให้ไม่ต้องให้เพื่อนคุยภาษามือด้วยตลอดเวลา
‘ดี ๆ น้ำหวานทำงานหนักมากไปแล้วนะ’
‘เป็นห่วงเหรอ?’ น้ำหวานขยับมือถามยิ้ม ๆ
เล็กพยักหน้าตอบจนผมหยักศกที่ยาวประบ่าสะบัดไปมา น้ำหวานเห็นแล้วเอ็นดูจนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบหัวเพื่อนที่อายุเท่ากัน
“มึงนี่น้า~”
‘เราทำไมเหรอ?’
“อายุขนาดนี้แล้วทำไมยังน่ารักอยู่เนี่ย”
เล็กขมวดคิ้วเมื่อถูกเพื่อนรักชม หันไปหาจันทร์เพื่อจะให้อีกฝ่ายช่วยด่าน้ำหวานให้หน่อย อายุตนก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว...มาถูกชมว่าน่ารักมันยังไงก็ไม่รู้
“ก็มันจริงนี่ เล็กน่ารักออก” จันทร์บอกพร้อมกับทำภาษามือไปด้วย ในกลุ่มของพวกเขาเล็กเป็นเหมือนน้องชายที่พวกเขาเฝ้าดูแลประคบประหงมมาตลอด ก็เจ้าคนนี้ทั้งตัวเล็ก บอบบาง อ่อนไหวง่าย แถมยังป่วยอยู่บ่อย ๆ
คนขอความช่วยเหลือหน้าหงิกด้วยความขัดใจ
จันทร์มองยิ้ม ๆ ก่อนจะถาม ‘ว่าแต่เล็กเถอะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?’
‘ก็เรื่อย ๆ แหละ’ เล็กตอบพร้อมรอยยิ้มบาง
‘ยังหางานไม่ได้เหรอ?’ น้ำหวานถามด้วยสายตาเป็นห่วงไม่แพ้จันทร์
‘คนพิการอย่างฉันก็หางานยากแบบนี้เป็นธรรมดา ชินซะแล้วล่ะ’
เพื่อนทั้งสองคนเงียบไปเมื่อคนตรงหน้าตอบพร้อมกับยิ้มอย่างยอมรับชะตากรรมของตัวเอง อันที่จริงครอบครัวของเล็กก็เรียกได้ว่าร่ำรวยที่สุดในกลุ่มพวกเขา เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องหางานทำด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะเป็นคนที่ดื้อดึงแบบนี้ ขนาดพ่อแม่และพี่ชายยังห้ามไม่ได้เลย
“สู้ต่อไปนะ” จันทร์ยกนิ้วให้
เล็กยิ้มกว้างพร้อมกับเข้าไปกอดจันทร์อย่างออดอ้อน ถึงชีวิตนี้จะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่เขาก็ยังมีครอบครัวและเพื่อนอยู่เคียงข้างเสมอและไม่เคยทิ้งกันไปไหน
“ไอ้นี่มันก็อ้อนมึงไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ” น้ำหวานพูดขึ้นมา
“ไม่ต้องเปลี่ยนไปเลยก็ได้ กูชอบ” จันทร์ว่าพร้อมกับกอดเพื่อนตัวน้อยให้แน่นขึ้นอีก “อยากให้เล็กเจอแต่เรื่องที่ดี ๆ จังเลยนะ”
“นั่นสิ” น้ำหวานพึมพำ ยกมือขึ้นขยี้ผมนิ่มของเล็กไปด้วย
/
เนื่องจากวันนี้ทะเลเลิกเรียนเร็ว เจ้าตัวอยากจะไปเจอหน้าจันทร์ เพราะหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้เจออีกฝ่ายเลย โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็แทบจะไม่ตอบ พอนึกถึงคนสวยใจร้ายแล้วน้ำตาก็พานจะไหลออกมา ทำไมเขาจะต้องมาชอบคนใจร้ายแบบนี้ด้วยเนี่ย
ทะเลขับรถมาที่ร้านจันทร์ฉายโดยที่ไม่รู้ตัว ยังงงตัวเองอยู่ตอนที่เดินมาถึงประตูทางเข้าว่ามาที่นี่ได้อย่างไร เขาลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่า กลัวว่าจะถูกจันทร์เมินใส่ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงเจ็บปวดแย่เลย
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขาดความมั่นใจมาก่อน ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับอีกฝ่าย ตอนนี้ถ้าเป็นเรื่องของจันทร์...เขาก็กลายเป็นคนแบบนั้นไปโดยอัตโนมัติ
“หนูทะเล”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย เขาลังเลว่าจะเรียกอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี เพราะจันทร์เคยห้ามไม่ให้เขาเรียกว่าแม่ เจ้าตัวยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับคุณ..ป้า”
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?” รดาเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้
“เอ่อ…”
“มาหาพี่จันทร์เขาเหรอจ๊ะ?”
“คือ…”
พอเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ายืนอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดแบบนี้ท่านก็รู้แล้วว่าลูกชายคนเดียวของเธอต้องไปทำอะไรไว้กับทะเลแน่ ๆ นิสัยแย่จริงเลยลูกคนนี้
“ตามแม่มานี่ มา” ท่านคว้ามือของทะเล ดึงให้เดินตามไปด้วยกัน
ทะเลที่ไม่เคยเจอหน้าแม่มาก่อนรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจเมื่อคนตรงหน้าแทนตัวเองว่าแม่กับตน มือเล็ก ๆ ที่มีริ้วรอยตามวัยมันอบอุ่นจนเขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ตั้งแต่เสียคุณย่าไป...นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนอีกครั้ง
“ได้โทรมาบอกพี่จันทร์ก่อนหรือเปล่าลูก?” รดาถามเด็กหนุ่มตัวใหญ่ที่เดินเคียงข้างกัน
ทะเลส่ายหน้าพลางยิ้มแห้ง “ไม่ได้บอกครับ”
“วันนี้พี่จันทร์เขามีเพื่อนมาหานะ”
“เอ่อ..” ทะเลดึงมือให้ท่านหยุดเดิน “ผมว่า..ผมกลับดีกว่าครับ ไม่อยากรบกวน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” ท่านกุมมือของทะเลเอาไว้ ตบหลังมืออย่างให้กำลังใจ “มีแม่อยู่ด้วยทั้งคน ไม่ต้องกลัวหรอกนะ”
รดาพูดให้กำลังใจทะเล เธอแค่มองตาเด็กหนุ่มตรงหน้าก็รู้แล้วว่ามีใจให้กับจันทร์ ทั้งที่เพิ่งได้เจอกันแค่สองครั้งแท้ ๆ น่าแปลกที่เธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่มคนนี้เหลือเกิน และก็เชื่อมั่นในเซนส์ของตัวเองด้วยว่าทะเลเป็นเด็กที่ดีและพึ่งพาได้
ทะเลเห็นคนที่เขาชอบนั่งอยู่ไกล ๆ สีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน พอเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าตัวเห็นเขาเดินมากับแม่ของตัวเอง คิ้วเรียวสวยก็ขมวดทันที
เพื่อนอีกสองคนที่เห็นสีหน้าของจันทร์เปลี่ยนไปต่างก็หันกลับหลังไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแม่ของจันทร์เดินจับมือมากับเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดนักศึกษา ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ท่านที่เดินเข้ามาถึงโต๊ะ
“สวัสดีครับคุณแม่” น้ำหวานเอ่ย ในขณะที่เล็กยืนยิ้ม
“สวัสดีจ้ะ” รดารับไหว้ก่อนจะหันไปหาพ่อลูกชายตัวดี “น้องมาหาแหนะ”
จันทร์ถอนหายใจสั้น ๆ ก่อนจะถามทะเลที่ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วน “มาทำไมน่ะ?”
“เอ่อ…” เจ้าตัวไม่กล้าบอกว่า...มาเพราะอยากเห็นหน้าพี่
“พูดกับน้องดี ๆ สิ” แม่ตีไหล่บางของจันทร์ “ดุแบบนี้น้องจะกล้าตอบไหม”
“จันทร์ก็ถามปกตินะ”
“มานั่งเถอะจ้ะ” รดาส่ายหน่าย ๆ กับลูกชายคนเดียว ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนากับเด็กคนนี้ จัดแจงหาที่นั่งให้กับทะเลและตัวเองเรียบร้อย
น้ำหวานกับเล็กมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยว่าเด็กนี่มันเป็นใครกันถึงได้ยืนมองเพื่อนของเขาตาละห้อย ในขณะที่แม่ของจันทร์ก็ดูเข้าข้างซะเหลือเกิน
“ใครวะ?” น้ำหวานเอ่ยถามเพื่อนรักขึ้นมา
“อ๋อ…” จันทร์ร้องขึ้นเพื่อถ่วงเวลาคิดคำตอบ
“มึงตอบมาเลยไม่ต้องคิด”
“เพื่อนของจันทร์เขาน่ะลูก”
น้ำหวานขมวดคิ้วแล้วย้อนถามคนเป็นแม่อย่างไม่มั่นใจนัก ก็จันทร์มันเคยมีเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกเขาที่ไหนกัน เขามองคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาถึงอย่างสงสัยใครรู้ แถมหมอนี่ยังเด็ก...กว่าตั้งเยอะ
“เพื่อนเหรอครับ?”
คนแม่ไหวไหล่ “ก็จันทร์เขาบอกแม่แบบนั้นน่ะสิ”
“น้องเป็นเพื่อนมันเหรอ?” น้ำหวานหันไปถามเด็กนักศึกษาตรงหน้าอย่างไม่อ้อมค้อม
คนถูกถามไม่ทันได้ตั้งตัว เหลือบตามองอีกฝ่ายที่นั่งกอดอกมองเขาด้วยสายตาหาเรื่อง ประหนึ่งว่าถ้าตอบเป็นอย่างอื่นเขาหัวขาดแน่ สุดท้ายก็ต้องตอบว่าเป็นเพื่อนอย่างช่วยไม่ได้
“ชื่ออะไรน่ะเรา?” น้ำหวานถามพลางตักเครปเค้กเข้าปาก
“ทะเลครับ แล้ว…”
น้ำหวานเห็นแววตาสงสัยจากเด็กตรงหน้าก็นึกได้ว่าเขาก็ยังไม่ได้แนะนำตัวเหมือนกัน
“พี่ชื่อน้ำหวาน เป็นเพื่อนไอ้จันทร์มัน” เขาบอกแล้วก็จับไหล่ของเล็ก “ส่วนนี่ชื่อเล็ก เพื่อนไอ้จันทร์เหมือนกัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ทะเลบอกน้ำเสียงนอบน้อม
เล็กยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเป็นมิตรก่อนจะส่งภาษามือตอบกลับไป
“เล็กมันบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักน่ะ” จันทร์บอกเมื่อเห็นว่าทะเลมองเพื่อนของตนด้วยสายตาสงสัย
ทะเลพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ก่อนจะส่งภาษามือที่เมื่อครู่เห็นกลับไปบ้าง เขาเป็นคนหัวไวเห็นแค่ครั้งเดียวก็จำได้แล้ว
‘น่ารักจัง’ เล็กหันไปบอกจันทร์
เจ้าตัวยิ้มแห้งเมื่อเพื่อนบอกแบบนั้น ในขณะที่คนเป็นแม่กับน้ำหวานหัวเราะเบา ๆ ทะเลมองทุกคนอย่างไม่เข้าใจนัก
“พี่สองคนเขาเป็นเพื่อนกับพี่จันทร์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนะ” คนสูงอายุบอก “ซี้ย่ำปึ้ก”
คนฟังยิ้มขำ “ดีจังนะครับ ผมไม่มีเพื่อนซี้มาตั้งแต่สมัยยังเด็กแบบนี้เลย”
“จันทร์เขาก็มีแค่น้ำหวานกับเล็กเป็นเพื่อนแค่สองคนนี่แหละจ๊ะ พี่เขาเป็นพวกนิสัยไม่ดีเลยไม่มีใครทนคบได้น่ะ”
“แม่ก็เว่อร์” จันทร์บอกก่อนจะยกน้ำขึ้นจิบ อันที่จริงก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าสิ่งที่แม่พูดมามันก็เรื่องจริง เพราะเขาก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้นแหละที่คบกันมาได้นานขนาดนี้
“แม่ก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้นแหละ”
“จ้า” ลูกชายคนเดียวส่ายหัวยิ้มน้อย ๆ
ทะเลมองสองแม่ลูกพูดตอบโต้กันไปมาแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะเขาเองไม่มีแม่มาให้เถียงแบบนี้ ก็เลยรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันน่ารักดี
“ผมก็ว่าจริงนะครับ” ทะเลพูดเห็นด้วย
ได้ยินแบบนั้นจันทร์หันขวับไปมองหน้าคนพูด หน็อย...ไอ้เด็กเวร เป็นใครมาจากไหนถึงกล้ามาพูดเห็นด้วยกับแม่ของเขา
“โห” คนอายุน้อยกว่าถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาจากอีกฝ่ายที่ใช้มองตน แต่ก็แอบยิ้มขำ
“น้องมันก็แค่เห็นด้วยกับแม่ มึงจะอะไรนักหนาวะ” น้ำหวานที่นั่งสังเกตการณ์ไปด้วยแปลภาษามือให้เล็กไปด้วยบอกเพื่อนที่ส่งสายตาอำมหิตไปให้เด็กตัวโตที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“คนที่เห็นด้วยกับแม่กูได้มีแค่กูเท่านั้น”
“เหอะ” น้ำหวานยกยิ้มมุมปาก “มึงนี่มันนิสัยไม่ดีจริง ๆ”
ทุกคนยกเว้นจันทร์หัวเราะออกมา เจ้าตัวสะบัดหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ น้ำหวานกับเล็กมองทั้งเพื่อนและคนที่มาใหม่มาได้สักพัก นั่นทำให้พวกเขารู้ว่าเด็กนี่คิดอย่างไรกับเพื่อนของพวกตน
พอแม่ของจันทร์ลุกออกไปจากโต๊ะและทะเลขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็ไม่รอช้า รีบเอ่ยปากถามเพื่อนก่อนเลย
“มึงกับเด็กนั่นมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?”
จันทร์เบนหน้าหนีไปทางอื่น “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่”
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่มึงให้น้องมันมาถึงที่นี่ แถมมารู้จักกับแม่มึงเนี่ยนะ” น้ำหวานว่า ก่อนจะหันไปแปลให้กับเล็กได้เข้าใจอีกครั้ง
“มึงนี่รู้ดีเหมือนหมาเลยนะ” จันทร์ด่าแสยะยิ้ม เขาล่ะเกลียดความรู้มากของมันจริง ๆ สิพับผ่า
“กูหมา มึงก็หมาเหมือนกันล่ะวะ” เขาจ้องตากับจันทร์อย่างไม่ยอมแพ้ “รู้จักกันมาตั้งนาน...อย่าคิดว่ามึงจะหลอกกูได้นะ”
“หึ” เจ้าตัวหัวเราะในลำคอ “เออ กูนอนกับเด็กนั่น”
เล็กตกใจจนตาโตแทบจะถลนออกจากเบ้า ปากบางอ้าค้างอย่างกับจะพูดอะไร..แต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“นั่นไง” น้ำหวานตบเข่าฉาด “แต่แค่นอนด้วยกัน...ก็ไม่น่าจะมาหามึงถึงที่นี่ได้หรือเปล่าวะ ปกติมึงไม่เคยให้ใครมายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวของมึงนี่”
จันทร์เงียบไปชั่วอึดใจ “กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
“แล้วนี่น้องมันอายุเท่าไหร่วะ เกิน 20 หรือยัง?”
“21”
คนฟังถอนหายใจ “เด็กฉิบหาย”
แค่เห็นเด็กทะเลนั่นใส่ชุดนักศึกษาเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเด็กแน่นอน พอมาเทียบกับพวกเขาแล้ว...อายุห่างกันตั้ง 14 ปี
“เออสิ” จันทร์ตอบ กำลังกลุ้มอยู่เลยว่าจะเขี่ยทิ้งยังไงดี ไอ้เด็กนี่ก็ตามติดยิ่งกว่าวิญญาณ
“แต่มึงไม่เอาเด็กไม่ใช่เหรอวะ”
“เจอกันครั้งแรกก็ไม่คิดว่าเด็กขนาดนี้น่ะสิ” จันทร์กัดปากด้วยความเจ็บใจ “แต่มันดันถูกสเปคกูโคตร ๆ เลยเนี่ยสิ”
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าให้มีสติ ไม่ใช่พอหิวแล้วเจอของชอบก็คว้าเข้าปากโดยไม่คิดก่อน”
จันทร์มองค้อนน้ำหวานที่พูดจาสั่งสอนตน “ไอ้ควาย”
“ขอโทษครับที่หายไปนาน พอดีคุณป้าเรียกให้ไปช่วยยกของ...”
ร่างสูงของทะเลเดินเข้ามานั่งลงตรงที่เดิม ขัดจังหวะเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังจะเปิดฉากเถียงกันพอดี เจ้าตัวมองหน้าทั้งคู่สลับไปมา
“นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเนี่ย?”
“ไม่หรอก” น้ำหวานตอบยิ้ม ๆ
‘หิวไหม? ตั้งแต่มายังไม่ได้กินอะไรเลย?’ เล็กขยับมือถามโดยมีน้ำหวานช่วยแปลให้
“พูดช้า ๆ เพื่อนพี่อ่านปากได้”
ทะเลพยักหน้า “ไม่เป็นไรครับ พอดีว่ากินข้าวกับเพื่อนก่อนจะเข้ามาแล้ว”
“แล้วมาเพื่อ” จันทร์ตอกหน้าหวังจะให้อีกฝ่ายเลิกตามเขาสักที ตนไม่ใช่พวกชอบพูดซ้ำซาก ในเมื่อเคยพูดไปแล้วยังดื้อด้าน เขาก็จะทำให้ทนไม่ไหวเอง
“ก็ผมอยากเจอพี่นี่!”
พรูด!!
น้ำหวานสำลักน้ำที่กำลังดื่ม ไม่คิดว่าเด็กนี่จะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักอย่างพวกเขา
“ก็เจอแล้วนี่ไง กลับไปได้แล้ว ฉันจะคุยกับเพื่อน” จันทร์โบกมือไล่
“เพื่อนพี่ยังไม่ว่าอะไรเลย”
“แต่ฉันว่า”
“พี่รังเกียจอะไรผมหรือไง”
“เดี๋ยว ๆๆ พวกมึงสองคนหยุดเถียงกันได้แล้ว” คนที่นั่งร่วมโต๊ะพูดขัดขึ้น เพราะไม่อยากให้เพื่อนของตนพูดจาทำร้ายจิตใจไอ้เด็กคนนี้เลยต้องรีบห้ามก่อน
จันทร์ถอนหายใจแรง ๆ หนึ่งครั้งก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม
“ใจร้าย” ทะเลว่า
“หา?”
“พี่มันใจร้าย” เจ้าตัวว่าอีกรอบ
“จะพูดอะไรก็เกรงใจเพื่อนฉันด้วย”
“ผมไม่สนหรอก กว่าผมจะได้เจอพี่ ไลน์ไปก็ไม่ค่อยจะตอบ โทรไปก็ไม่รับ มีแต่ต้องมาที่นี่เท่านั้นผมถึงจะได้เจอพี่ ทั้ง ๆ ที่พี่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงแท้ ๆ” ทะเลพูดระบายออกมาด้วยความอัดอั้น เขาไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง
จันทร์หัวเราะจนตัวงอหลังจากที่ฟังเด็กตรงหน้าพูดจบ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกระเง้ากระงอดใส่ตนแบบนี้ แถมคนที่ทำยังเป็นผู้ชายตัวโต ๆ อีก แต่ดูไปก็...น่ารักดีแฮะ
น้ำหวานกับเล็กมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ พวกเขาไม่เคยเห็นใครตามตื๊อจันทร์แบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นปกติเพื่อนของตนนี่ไล่ตะเพิดไปแล้ว แต่นี่กลับหัวเราะออกมาซะอย่างนั้น น้ำหวานกับเล็กแอบแท็กมือกันเบา ๆ เด็กนี่...ในอนาคตคงไม่ใช่แค่เด็กที่เพื่อนของตนคบแค่เพื่อมีเซ็กซ์แน่ จันทร์ผู้ไม่เคยจริงจังกับใคร อาจจะพ่ายให้กับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้านี่ก็ได้
“หัวเราะอะไรของพี่เนี่ย?” ทะเลพูดหน้างอกว่าเดิม นี่เขาจริงจังนะ มันดูตลกมากหรือยังไง
“ก็...ฮ่ะ ฮ่า ๆๆๆๆๆ” รู้ว่ามันเสียมารยาท แต่จันทร์ก็หยุดหัวเราะไม่ได้จริง ๆ เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ทดแทนอากาศที่เสียไป เจ้าตัวกุมท้องที่หัวเราะจนเกร็งไปหมด กว่าจะหยุดได้…
“โทษที” จันทร์บอกทะเลที่นั่งมองหน้าตนนิ่ง
“ตบหัวแล้วลูบหลังหรือไง” คนอายุน้อยกว่าต่อว่า จันทร์ยังคงยิ้มขำ
“น้องนี่สุดยอดไปเลยนะ” น้ำหวานเอ่ยขึ้น ในขณะที่เล็กยกนิ้วโป้งให้
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“เรื่องแรก...จันทร์มันเป็นพวกเสือยิ้มยากกับคนที่ไม่สนิทด้วย ส่วนใหญ่ที่เห็นมันยิ้มน่ะ...ตอแหลทั้งนั้น โอ๊ย ๆๆ” น้ำหวานร้องเพราะโดนฝ่ามือขาวของเพื่อนตีเข้าให้
“สม”
น้ำหวานไม่สนใจจันทร์ หันมาพูดกับทะเลต่อ
“มันยิ้มยาก เพราะงั้นเรื่องที่จะหัวเราะขนาดนี้น่ะ โคตรยาก แต่น้องทำได้..พี่นี่ยอมเลย”
ทะเลอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นมานิด ๆ
“เรื่องที่สอง...แบบน้องเนี่ยพี่เห็นมาเยอะแล้ว แต่จะบอกอะไรให้..น้องเป็นคนแรกที่ไม่โดนมันไล่ตะเพิดออกจากชีวิตมันเหมือนหมูเหมือนหมานะ”
“ไอ้น้ำหวาน!!” จันทร์ตวาดเพื่อนรักที่พูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป
“แค่นี้แหละ กูไปละ” น้ำหวานลุกขึ้นยืน แตะแขนเล็กเบา ๆ เรียกให้กลับด้วยกัน ก่อนจะโบกมือลาเพื่อนรัก
สุดท้ายก็เหลือเพียงสองคนบนโต๊ะ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบ...ทะเลมองใบหน้าด้านข้างของจันทร์ อีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างเอามือเท้าคางทำเป็นไม่สนใจเขา...แต่ก็ไม่ลุกหนีไปไหน
สิ่งที่พี่น้ำหวานพูดทิ้งเอาไว้สร้างความรู้สึกดี ๆ ให้เขาอย่างมาก จนทำให้ตนรู้สึกมีกำลังใจที่จะเข้าหาอีกฝ่ายต่อไป ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คิดอยากจะยกธงขาวเสียแล้ว
“กลับบ้านไปได้แล้วไป” จันทร์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
ทะเลมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง “ผมยังไม่อยากกลับ”
“ฉันไม่ได้ว่างมานั่งเล่นกับเด็กหรอกนะ”
“ผมก็ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ”
จันทร์มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง พอเห็นดวงตาจริงจังที่ไม่มีแววของความขี้เล่นอย่างที่ผ่านมาแล้วก็ทำเอาหวั่นใจเหมือนกัน เขาเบือนหน้าหนีก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย ไม่รู้จะจัดการกับเด็กนี่ยังไงดี
...และก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกส่วนลึกที่มันกำลังเรียกร้องอย่างไรดีเหมือนกัน ทั้งที่พยายามกดมันลงไปให้ลึกแล้ว แต่มันก็ยังไม่สงบลงสักที
ทะเลไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นที่เขาเคยผ่านมา ถึงแม้จุดเริ่มต้นมันจะเหมือนกัน แต่การกระทำของทะเลตั้งแต่ครั้งแรกที่มีอะไรกัน..มันต่างออกไป เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กนี่ใจดีและน่ารัก ซึ่งทั้งหมดนี้มันส่งผลต่อเขาเป็นอย่างมาก
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง…” จันทร์เอ่ยถามเสียงเหนื่อย
“พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย ขอเพียงแค่อย่างเดียว...อย่าใจร้ายกับผมเลยนะ”
คนอายุมากกว่าหลับตาลงเมื่อได้ฟังการร้องขอด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนแบบนี้ เขาจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด…
“ออกไปรอนอกร้านก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะตามออกไป” จันทร์บอกก่อนจะลุกเดินออกไปจากโต๊ะ
ทะเลมองตามเจ้าของแผ่นหลังบาง ทั้งที่ใจร้ายขนาดนี้...แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงชอบอีกฝ่ายเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ตนก็เคยคิดนะว่าคนเรามันจะสามารถชอบใครคนหนึ่งได้เร็วขนาดนี้โดยไม่มีเหตุผลได้เลยเหรอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นไปได้ ตราบเท่าที่คนเรายังมีหัวใจอยู่…
“แม่ครับ จันทร์ขอกลับก่อนนะ”
คนเป็นแม่เงยหน้าขึ้นเมื่อลูกชายคนเดียวเปิดประตูเข้ามา เธอเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากลูกชาย “จะออกไปเที่ยวกับตาน้ำและหนูเล็กเหรอ?”
“เอ่อ…” จันทร์แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างลำบากใจที่จะบอกความจริง
“หรือไปกับหนูทะเลกันจ๊ะ?”
“อ่า...ครับ” สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถโกหกคนเป็นแม่ได้เลยสักครั้งในชีวิตเลยต้องยอมรับออกไป
รดามองลูกชายคนเดียวพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ร่างผอมบางลุกขึ้นค่อย ๆ เดินเข้าไปหาจันทร์ มือเล็กจับเข้าที่ข้อมือของลูก
“สิบกว่าปีแล้วนะจันทร์ แม่ว่าหนูควรจะลงหลักกับใครสักคนที่คิดจริงจังกับหนูได้แล้ว อย่าปิดหูปิดตาตัวเองเมื่อมีคนดี ๆ เข้ามาหาเลยนะครับ”
“จันทร์อายุเยอะแล้วนะแม่”
“ก็เพราะอายุเยอะแล้วไง แม่ถึงอยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนหนู วันไหนที่แม่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว...หนูจะได้ไม่เหงาไง”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิ...” แค่คิดว่าวันข้างหน้าจะไม่มีแม่อยู่ด้วยในอกก็โหวงไปหมด
“สัจธรรมของโลก ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้หรอก จันทร์ต้องเข้าใจนะ” ท่านยกมือลูบแก้มของจันทร์แผ่วเบา
เจ้าตัวพยักหน้า ความจริงข้อนี้เขารู้และเข้าใจดี…
“ไหนบอกแม่สิว่าน้องเขามีตรงไหนที่หนูไม่ชอบเหรอ?”
“อายุน้อยไป”
“แค่นั้นเหรอ?” คนเป็นแม่เอียงหน้าถามยิ้ม ๆ
จันทร์เม้มปาก เบือนหน้าหนีสายตาของแม่ที่มองมาอย่างรู้ทัน เขาไม่อยากพูดรื้อฟื้นเรื่องเก่าที่เป็นสาเหตุให้เขาเป็นคนไม่คิดจริงจังกับใครอีกเลยแบบนี้
“จันทร์จะเชื่อที่แม่พูดไหมครับ?”
“ครับ” ลูกชายคนเดียวตอบอย่างไม่ลังเล
“ทะเลน่ะ..ถึงน้องจะยังเด็ก แต่แม่ว่าก็เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่งเลยนะ โตขึ้นจะต้องเป็นผู้ชายที่ดีมาก ๆ แน่นอน แม่รับรองได้เลย”
จันทร์อมยิ้มเมื่อฟังแม่พูด “จันทร์รู้”
แค่ระยะเวลาไม่นานที่ได้พบกัน เขาก็รู้ว่าพื้นฐานของทะเลเป็นเด็กที่ดี...ดีจนเขาไม่อยากให้เข้ามาเสียเวลากับเขาเลยด้วยซ้ำ
“ลองเปิดใจมองน้องให้ชัดกว่านี้ อย่าเอาอดีตแย่ ๆ มาทำให้ตัวเองพลาดอะไรดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเลยนะลูก”
จันทร์พยักหน้าให้แม่พร้อมกับรอยยิ้มบางบนใบหน้า
“เด็กดีของแม่น่ารักที่สุด” รดาเข้าไปสวมกอดทะเลจันทร์ด้วยความรัก “แต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้จริง ๆ แม่ก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ ที่พูดไปทั้งหมดน่ะ แม่ไม่ได้คิดจะบังคับหนูหรอกนะ..แม่แค่เป็นห่วงก็เท่านั้นเอง”
“จันทร์เข้าใจครับ” ลูกชายคนเดียวสวมกอดมารดา แก้มขาววางลงบนไหล่ของแม่ที่เลี้ยงดูเขามาอย่างดี ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 35 ไม่มีสักครั้งที่แม่เจ้ากี้เจ้าการหรือบังคับตน มีแต่ตามใจ ให้คำปรึกษากับข้อคิดดี ๆ และให้กำลังใจกับเขาเสมอมา
กับเด็กทะเลนั่น...เขาควรจะทำยังไงดี คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ปัญหาทุกอย่างมันอยู่ที่เขาคนเดียว เด็กนั่นไม่ได้มีอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาเองที่ยังฝังใจอยู่กับเรื่องเก่า ๆ จนไม่สามารถก้าวไปพร้อมกับใครได้อีก
ตนยอมรับว่าเข็ดกับเรื่องความรักมากจนปิดใจไม่ให้ใครได้เข้ามาอีก ในช่วงแรกเรียกว่ายังเป็นความกลัวอยู่ พอนานเข้ามันก็เคยชินที่จะอยู่แบบนี้ไปเสียแล้ว
แต่เมื่อมีทะเลเข้ามาในชีวิต...ทุกสิ่งที่เคยเป็นมันก็ไม่เหมือนเดิม
TBC…
มาต่อช้ามากเลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ แฮะๆๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ♥