Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Coldness Town....เพราะหัวใจ ไม่เคยลืม [ตอนที่ 52 Coldness Town] จบแล้วจ้า  (อ่าน 52719 ครั้ง)

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
สงสารวินครับ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
มาได้แล้วครับ........คิดถึง

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
คิดถึงแล้วครับ :katai2-1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 o13 เพิ่งตามมาอ่านค่ะ ภาษาสวยมากค่ะอ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวเลย :hao5:

มาต่อไวๆนะคะรออ่านอยู่ :กอด1:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 39 Pricess and Stranger

   เจนจิรานั่งนิ่งสงบอยู่ในห้องทำงานสีส้มอันอบอุ่นของเธอ สายตาจับจ้องนิ่งไปยังของชิ้นนึงที่วางอยู่บนโต๊ะ ผ้าพันคอลาย Sleeping Beauty สีส้ม ที่ถูกห่อเอาไว้อย่างประณีต มันถูกส่งมาวางเอาไว้ที่โต๊ะของเธอตั้งแต่เช้า แต่ถึงกระนั้น เจนจิราก็ยังคงนั่งมองมัน ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา
   เธอไม่ปฏิเสธเลยซักนิด ว่ามีหลายสิ่งรบกวนจิตใจของเธอเอามากๆ หลังจากกลับมาจากดีสนีย์แลนด์ ทริปท่องเที่ยววันหยุดที่แสนแปลกประหลาดที่สุด เท่าที่เธอจะจินตนาการถึง ซึ่งมันจบลงยังอย่างพังไม่เป็นท่า เหล่านักเที่ยวทั้ง 7 ชีวิตในวันนั้น ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีแม้แต่การร่ำลา
   จริงๆแล้วหากจะพูดให้ถูก เป็นตัวเธอเอง ที่ไม่ได้ร่ำลาใคร ผ้าพันคอผืนนี้ถูกส่งมาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของเธอด้วยเบอร์โทรที่คุ้นตาอยู่บ้าง คนที่เธอไม่อยากจะคิดถึงอะไรอีก แต่มันกลับทำให้สมองเธอไม่ว่างลงเลย
   เสียงเคาะประตูสองสามครั้งดังขึ้น หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ในชุดสูทดูดีโผล่หน้าเข้ามา
   “พระเจ้า” กายพูดเสียงดัง เจนจิราถอนหายใจเบาๆ พลางเมินหน้าไปทางหน้าต่าง “ให้ตายเหอะเจน ที่นี่เงียบเป็นป่าช้าเลย”
   “อีกเดี๋ยวก็ซู่ซ่าแล้วล่ะค่ะ” เจนตอบ
   “แล้วเอ่อ...” กายพยักเพยิดไปทางด้านนอกห้อง “....เอิร์ธกับวินล่ะ ผมไม่เห็นเค้าอยู่ที่สตู”
   เจนเหล่มองไปที่นาฬิกาที่อยู่หัวโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจ
   “นี่คุณก็เอากับเขาด้วยเหรอเนี่ย” กายว่า เจนขมวดคิ้ว
   “หมายความว่ายังไงคะ” เจนถามต่อ
   “มิกเค้ามาหาผมกับนัทเมื่อวาน” กายว่า “คุณสาก็มา”
   เจนหลบหน้าลงทันที
   “สาเค้าเล่าให้กายฟังเหรอ” เจนถามต่อ
   “ก็.....คงงั้น” กายว่าพลางอมยิ้ม ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามเธอ “วันพุธนี้จะประชุมปันงบ คุณแน่ใจวะ ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย”
   เจนจิราถอนหายใจ
   “คุณวรพัฒน์มาถึงปารีสแล้วเมื่อวาน” เจนตอบ “พี่สุเมธไปรับเค้าที่สนามบินตอนค่ำๆ แล้วก็พาไปดินเนอร์”
   “แล้วคุณคิดว่าไงอ่ะ” กายสิทธิ์ถามต่อ
   “ก็....พรุ่งนี้ก็จะเป็นครั้งแรกที่ คุณวรพัฒน์ จะเห็นโต๊ะบริหารเช็ทใหม่” เจนว่าพลางมองไปยังผ้าพันคอที่อยู่บนโต๊ะ “เจนก็นึกไม่อกอเหมือนกันอ่ะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
   “ดูคุณไม่สบายใจนะ” กายว่า “ไหนว่าเรื่องของใครของมันไง ไหงว่าจะไม่แบกเรื่องของใครเอาไว้ไงล่ะ”
   เจนเหลือบมองกาย ก่อนจะก้มหน้าลงถอนหายใจ
   “เจนกำลังคิดว่า เจนหวาดระแวงเกินไปหรือเปล่า” เจนจิราพูด “หรือว่าบางที เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเจนเอง เจนทำให้ทุกๆคนหวาดระแวงมากไปหรือเปล่า”
   “ไม่หรอก เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพราะทุกๆคนทำตัวของตัวเอง” กายว่า “มันเป็นเรื่องของการไม่ไว้ใจกัน ไม่มีใครไว้ใจใคร”
   “พวกเขาไม่ไว้ใจเจน” เจนว่า
   “คุณเองก็ไม่ไว้ใจพวกเขา” กายตอบ
   เจนส่ายหน้าพลางลุกขึ้นทันที
   “กายคะ เราไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพ ที่จะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนในวงการที่เรารู้จัก” เจนจิราว่า “ตอนนี้เรามาอยู่กลางปารีส คนที่เราไว้ใจได้ ก็มีแต่พวกเรากันเองเท่านั้น”
   “พวกเราของคุณนี่ คงไม่ได้รวม เอิร์ธและวินไว้ด้วยหรอกใช่ไหม” กายถามตอบ เจนหันมาชายหนุ่มทันที
   “เอิร์ธและวินใช้ที่นี่เป็นเครื่องมือในการไปสู่สิ่งที่พวกเขาต้องการ” เจนว่า “แต่เจนเดิมพันกับที่นี่ไว้มากกว่านั้นนะ”
   “เดิมพันไว้ด้วยอะไร” กายถามต่อ
   “ก็....” เจนพยายามจะพูด
   “เพราะนี่ก็คือสิ่งที่คุณต้องการเหมือนกัน” กายว่าต่อ เจนเงียบเสียงลง “มันไม่ได้ต่างกันเลยเจน ทุกๆคนมาที่นี่ เพื่อหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทั้งคุณ ทั้งผม ทั้งเอิร์ธและวิน”
   “และคุณวรพัฒน์” เจนหันมาตอบ
   “และคุณจีโอ” กายพยักเพยิดไปทางผ้าพันคอของเธอ “เรื่องที่เกิดขึ้นที่ดีสนีย์แลนด์ มันทำให้คุณเห็นแล้ว ว่าใครต้องการอะไรจากเกมส์นี้ แล้วคุณจะรออะไรอีก”
   “หยุดเลยกาย ฉันจะไม่.....”
   “เจน...จีโอเค้าชอบคุณ ยอมรับซะ” กายว่า
   “มีเรื่องอีกมากมายเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์กาย นายนั่นยังมีอะไรต้องอธิบายเจนอีกเยอะ” เจนจิราว่า
   “นายนั่นเลยเหรอ” กายยิ้ม เจนจิราเหล่มองกายทันที
   “โอเคๆ ผมจะไม่เถียงคุณเรื่องนี้” กายว่าพลางเงียบเสียงลง “ผมว่าเรามาคุยกันเรื่องมิกกับเอิร์ธดีกว่านะ”
   “แต่เจนจะไม่คุยกับกายเรื่องนี้” เจนว่า
   “แล้วทำไมเราถึงจะไม่คุยกันเรื่องนี้ล่ะ” กายว่า “คุณปล่อยเอิร์ธหายเข้ากลีบเมฆไปไม่ได้นะ มันจะส่งผลเสียในทุกๆเรื่อง”
   “บางทีความรักก็เป็นเรื่องของคนสองคนกาย” เจนว่า “เจนจะไม่พยายามช่วยใครอีกต่อไปแล้ว เอิร์ธกับวิน ทั้งสองคนทำเจนมาสาหัสมาก เค้าส่งจีโอให้มาจีบเจนเพื่อผลพวงทางธุรกิจนะกาย”
   “ไม่ๆ นั่นมันนอกประเด็นประแล้วเจน ผมกำลังคุยกับคุณเรื่องเอิร์ธและมิก” กายว่า
   เจนหลับตาลครั้งหนึ่ง กายรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตจากเธอ จึงเงียบเสียงลง
   “มันมีข้อตกลงระหว่างวินกับเอิร์ธ” เจนว่า “สองคนนี้ ตกลงอะไรกันไว้บางอย่าง บางอย่างที่เกี่ยวกับโต๊ะบริหารของซูเม่ บางอย่างที่เกี่ยวกับการที่เอิร์ธ อยากให้ตำแหน่งซีเนียร์ดีไซน์เนอร์ที่นี่ และบางอย่างที่เกี่ยวกับการเข้ามาที่นี่ของจีโอ”
   กายนั่งฟังเจนพูดอย่างนิ่งสงบ
   “เจนจะต้องรู้ข้อตกลงของเอิร์ธกับวินให้ได้” เจนจิราว่า “มันจะต้องมีบางอย่างที่เอื้อประโยชน์ให้คุณวรพัฒน์ กายเราเหลือเวลาอีกแค่สองวัน ถ้าเรายังอ่านเกมส์นี้ไม่ได้ เราสองคนจะไม่เหลือหมากในโต๊ะซูเม่ และการเดินทางไปขยายสาขาอังกฤษก็จะต้องเกิดขึ้นไปฟรีๆ โดยที่เราสู้อะไรไม่ได้เลย”
   เจนหันหน้าไปยังหน้าต่างของห้อง
   “เจนยอมให้ซูเม่ อยู่ในมือคนอื่นไม่ได้หรอก” เจนจิราว่า
   “งั้นก็ออกไปตามหาเค้าสิ” กายว่า
   “หาใครคะ” เจนว่า
   “หาใครก็ได้ ที่จะให้ความกระจ่างกับคุณเรื่องทั้งหมดนี่” กายว่า “ไม่อย่างนั้น คุณเองก็จะไม่สบายใจ และก็ ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับคุณวรพัฒน์ไม่ใช่เหรอ”
   เจนหันมามองหน้ากาย ความกังวลสารพัดตีรวนเข้ามาในหัวของเธอ มันทำให้เธอกำลังจะประสาท หลายๆคนที่วนวเียนอยู่รอบตัวเธอตอนนี้ มีแต่คนที่รอการพึ่งจากเธอ
   “กายแน่ใจนะว่าเจนควรจะ....”
   “ไม่.....” กายพูดตัดบทพลางยิ้มกว้าง “คุณตัดสินใจไปแล้ว ผมมองตาคุณก็รู้แล้วเจน”
   เจนหายใจเข้าลึก ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
   บางทีอาจจะถึงเวลาที่เธอจะต้องออกไปข้างนอก ไปทำอะไรๆอย่างที่คนอื่นๆรอบๆตัวเธอต้องทำเสียที เจนหลับตาลงครั้งนึง ก่อนจะคว้าเอาห่อผ้าพันคอ แล้วออกตามกายไปอย่างเร่งร้อน
   “กายคะ กาย” เจนร้องเรียกกายได้ทันก่อนที่ชายหนุ่มจะกดลิฟท์
   “มีอะไรให้รับใช้ครับ เจ้าหญิง” กายยิ้มให้เธอ
   “กายเอารถมาหรือเปล่า” เจนถาม
   ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
   “แล้วคุณนัทมาด้วยหรือเปล่า” เจนถามต่ออีก
   “ไม่นะ วันนี้เค้าออกไปพบแจกเกอลีน เพื่อนคุณจากโวร์คฝรั่งเศสไง” กายพูด
   “งั้นฉันจะยืมตัวแฟนเค้าซักวัน คงไม่เป็นไรใช่ไหม” เจนว่า
   “ผมยินดี” กายรับคำ เจนยิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกัน
   “คุณจะไปไหนก่อน” กายถาม
   “เลขที่ 4 ถนนเซนต์จอร์ช” เจนจิราหันมามองหน้ากาย “ฟลอคอน เดอ เนงค่ะ.....ร้านเกล็ดหิมะ"
…………….

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
น้อยไปหน่อยแต่ก็ดี สุขที่ได้อ่าน

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
เย่ๆมาต่อแล้วววว มาต่ออีกเร็วๆน้าาา :กอด1:

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
เหงือกจะแห้งแล้วครับ

Tuna Omega

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:
จิ้มๆ....

 :hao5:
ยังรออยู่นะฮาฟ....

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
แปะไว้ก่อนน้าาา แค่เริ่มๆก็สนุกแล้วว เดี๋ยวมาตามอ่านต่อ   :z2:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
กำลังสนุกเลยค่า

หายไปนานเลย

มาต่อนะคะ รออยู่

ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
เรื่องนี้น่าสนใจมาก อยากให้มาต่อจังเลยค่ะ
อยากรู้ว่าสุดท้ายแล้ววินจะสมหวังหรือไม่ แล้วไกด์จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังไง
ทั้งๆ ที่มันเหมือนกำลังจะมีความสุข แต่มันไม่ใช่อ่ะ

อยากบอกคนแต่งว่า จะรอนะคะ

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
รอเหงือกจะแห้งแล้วครับ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
เสียงท้องถนนอันเปลี่ยวเหงาของปารีส มีเพียงเสียงฝนอันน่ารำคาญโปรยปรายให้ชื้นแฉะเสียอย่างนั้น นอกหน้าต่างคอนโดที่มองเห็นเพียงถนนย่านเซนต์โรสไม่มีอะไรให้น่าสนใจนัก ในวันจันทร์แบบนี้ วันจันทร์ที่เฉอะแฉะ เสียงประตูเปิดออก จีโอเดินหอบแห่กเข้ามาในห้องด้วยร่างที่เปียกปอน และหอบมาด้วยอาหารเต็มหอบสองมือ เขาวางร่มลงที่เก็บ ก่อนจะเหลือบมองไปยังเพื่อนสนิท ที่ยังนั่งมองนิ่งไปนอกหน้าต่าง
   “ไม่ได้จะไล่นะ” จีโอว่า “แต่นายจะอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้”
   ไกด์หันกลับมามองจีโอ ที่เดินตรงรี่ไปเก็บข้าวของเข้าตู้เย็น และจัดแจงอาหารเที่ยง
   “มีเรื่องอีกเยอะที่นายต้องตาม” จีโอว่า “นายต้องทำ เพื่อน”
   “ฉันจะทำได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ฉันยังไม่ได้คำตอบ” ไกด์ว่า
   “คำตอบอยู่ตรงหน้านายแล้วเพื่อน” จีโอว่า “คำตอบอยู่ตรงหน้านายแล้ว แต่นายไม่เลือกที่จะมองมัน”
   “นายไม่เข้าใจว่ะจีโอ” ไกด์ว่า พลางขมวดคิ้ว “มันเป็นแบบนี้ไม่ได้เว่ย”
   “แบบไหนวะ” จีโอถามกลับ
   ไกด์หายใจเข้าลึกๆครั้งนึง ก่อนจะหันกลับมามองจีโอ ที่ยังมองเพื่อนักด้วยดวงตาเบิกกว้าง
   “สมมตินะเว่ย สมมติว่าวิน เค้ารักฉันขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่เอิร์ธ ไม่ใช่ใคร แล้วเค้าเลือกจะอยู่กับฉัน มันจะเป็นยังไง” ไกด์ถามกลับ
   จีโอเหลือกตาขึ้น
   “เป็นยังไง ยังไง ยังไงอ่ะ” จีโอถามกลับ
   “อย่าเพิ่งกวนได้มั้ยวะ” ไกด์ถามเสียงเข้ม จีโอสะดุ้งเล็กน้อย เขาได้สัญญาณของเพื่อนรักคนเดิมกลับมาแล้ว คำพูดแบบนี้ ท่าทางแบบนี้
   “ไม่ได้กวน แต่จะเป็นยังไง ยังไงอ่ะ” จีโอว่า “นายกลัวอะไรเพื่อน ตั้งแต่เมื่อวานที่นายเดินดุ่มๆออกมาจากดิสนีย์แลนด์ ออกตามหาวินทั้งคืน ก็ไม่เห็นนายจะกลัวอะไรเลยซักนิด นายได้คำตอบกับตัวเองมาพักใหญ่แล้ว ตอนนี้นายจะมากลัวอะไร”
   ไกด์นิ่งไปพักนึง
   “นายกลัวอะไรเควิน กลัวจะทำร้ายเค้า เพราะนายไม่ได้รักเค้า หรือกลัวจะว่าจะทำร้ายเค้า เพราะนายไม่ใช่ตัวนายเอง” จีโอว่า “หรือว่ากลัวว่าคนรอบตัวจะรังเกียจนาย แบบว่า นายเป็นเกย์ขึ้นมาไรงี้ หรืออะไร”
   ไกด์มองหน้าจีโอ

   “นี่ฟังนะเพื่อน รู้ไหม ทำไมฉันถึงได้สนุกกับชีวิตได้ตลอด” จีโอว่า “ตั้งแต่รู้จักกันมา 4 ปีเนี่ย นายเคยเห็นฉันเศร้าซักครั้งป้ะ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะฉันเลือกตัวเองไง มันไม่ใช่การเห็นแก่ตัว แต่ฉันเลือกที่ให้ตัวเองมีความสุขที่สุด เพราะก่อนที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขได้ นายต้องสุขเองให้เป็นก่อนเพื่อน คนอื่นถึงจะสัมผัสความสุขของนายได้”
   ไกด์ก้มหน้าลงทันที
   “ฉันอาจจะมาทีหลังในเรื่องวุ่นๆพวกนี้แต่ ฉันจะพูดในสิ่งที่ฉันเห็นให้” จีโอว่า “สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกๆคนต่างทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น เพื่อคนสำคัญ แต่ลืม ที่จะทำให้ตัวเองด้วย ต่างคนต่างยอมแลกทุกอย่าง เพื่อให้อีกคนมีความสุข แม้กระทั่ง แลกให้ตัวเองหายไป หายไปจากจุดที่เป็นอยู่ แล้วไง.....แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่า ไอ้คนที่อยู่ข้างหลัง ในระหว่างที่นายหายไป จะมีความสุขมั้ย”
   “ที่ฉันไม่ขอให้วินอยู่กับฉัน เพราะเค้าอยู่กับฉันไม่ได้” ไกด์ว่าเสียงดัง
   “แล้วทำถึงจะไม่ได้” จีโอว่ากลับเสียงดังไม่ได้
   “ก็เพราะ....”
   “ก็เพราะ นายบอกว่าไม่ได้ไง” จีโอพูด “ถ้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้มีทางออกให้เลือกเยอะแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น แต่ถ้านายคิดว่ามันได้ ต่อให้สิ่งรอบตัวจะส่งสัญญาณทุกอย่างว่าไม่มีหวัง มันก็จะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นได้ซักวัน”
   “แต่มันก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปได้ซักอย่าง ไม่มีอะไรที่....” ไกด์ว่า
   “แล้วนายถ่อออกตามหาวินทำไมทั้งคืน ถ้ารู้ว่าไม่มีทางเจอ” จีโอว่า “นายจะออกตามหาเค้าทำไมเคลวิน เพราะนายก็หวัง หวังว่าจะได้เจอเค้าอีก แม้สัญญาณทุกอย่างตอนนี้ ไม่มีอะไรบอกนายได้เลยว่าวินจะไปอยู่ไหน”
   “ถ้าเค้าอยู่ในปารีส ฉันต้องรู้แล้ว” ไกด์ว่าพลางถอนหายใจ
   “แน่ใจ” จีโอถามกลับ
   “...ก็....ไม่แน่ใจ” วินตอบอย่างลังเล “ก็....”
   “วิน” จีโอนั่งลงข้างๆเพื่อนรักแล้วตบบ่าเบาๆ “ฉันว่านายหยุดคิดเถอะ แล้วลงมือทำซะ นายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบชีวิตของใคร นอกจากคนที่สำคัญกับนายจริงๆเท่านั้นแหละ เชื่อฉันเหอะ”
   ไกด์มองหน้าจีโอ
   “เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง” จีโอว่า “นายไม่ใช่คนเลว นายแค่เป็นคนที่เคยหลงไปทำเรื่องแย่ๆ แล้วนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า นายจะหลงไปตลอดกาล อย่าเป็นคนที่รู้ตัวว่ากำลังหลงทาง แล้วก็เที่ยวชี้หน้าคนอื่นว่าฉันกำลังหลงอย่ามายุ่ง นายต่างหาก ที่ต้องเอาตัวเองออกมาจากเงามืดให้ได้ด้วยตัวเอง”
   ไกด์หลบสายตาลง
   “แล้วเอาจริงๆ โลกนี้มันก็ไม่ได้แบ่งว่าคนดี คนเลวเป็นสองสี ทุกๆคนมันก็เทาๆ ปนๆกัน มีสองด้านอ่ะ” จีโอว่า “แล้วเราเลือกที่จะเป็นได้นะ”
   “ขอบใจนายมาก” ไกด์มองออกไปนอกหน้าต่าง
บางทีเขาอาจจะแบกรับทุกอย่างไว้มากจนเกินไป
เพราะถ้ามองหน้าต่างดีดี
ฝนเบาลงบ้างแล้ว
เขาควรออกไปทำอะไรบางอย่างเสียที……

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 40 Wizard of Ice

   กายและเจนใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงเลขที่ 4 ถนนเซนต์จอจ์ช ซึ่งบังเอิญว่ามันอยู่ถัดจาก Esmod ไปไม่ไกล เจนจึงขอให้กายพาเธอไปส่งที่ Esmod เสียก่อน เพราะเธอต้องจัดการเคลียร์เอกสารและใบ Certificate ให้กับวินและเอิร์ธ และดีลเรื่องผลการเรียนกับทางสถาบัน เพื่อให้วินและเอิร์ธจบหลักสูตรได้ซะที เธอขอให้กายเข้าไปรอเธอที่ร้านเกล็ดหิมะก่อน แล้วเธอจะตามไปอีกที
กายจอดรถได้ที่เหมาะๆ ก่อนจะเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมกับเสียงดังกริ๊ง ไม่รู้ว่าเพราะที่นี่มีเวทย์มนต์หรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ทันทีที่เปิดประตูกลิ่นกาแฟและความอบอุ่นก็ถาโถมเข้ามา กายเดินไปยังเคาท์เตอร์บาร์ที่ปรากฎร่าของบาร์ริสต้าชาวเอเชียที่กำลังง่วนอยู่กับการถกเถียงประเด็นๆหนึ่ง ด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่าย
   “ก็ไม่รู้เหมือนกันพี่โจ้” บาร์ริสต้าคนนั้นพูดเสียงดัง กับพ่อครัวที่อยู่อีกด้านของเคาท์เตอร์ โดยไม่ทันสังเกตว่าลูกค้าคนหนึ่งคนได้นั่งลงที่บาร์ และกำลังมองด้วยความสงสัย เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินภาษาไทยในร้านนี้ “ผมหวังว่าเขาจะยังอยู่ในปารีส ถ้าวันนี้เค้ายังไม่มา ผมก็คงต้องแจ้งความ”
   “เจ๊ใหญ่ก็ออกไปข้างนอกเหมือนกันนะไกด์” พ่อครัวตอบกลับมา “นายเล่าให้เจ๊แกฟังแล้วนี่ เค้าอาจจะออกไปตามวินแล้วก็ได้”
   “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นก็แล้วกันพี่” บาริสต้าที่กำลังพูดอยู่นั้นหันกลับมาเจอกายแลยเจน “ผมขอรับลูกค้าก่อนนะ”
   กายมองเห็นใบหน้าอันคมเข้มของบาริสต้าคนนี้
   “Excuses,Nous avons éteint.” ชายคนนั้นกล่าวต้อนรับ
   “สวัสดีครับ” กายกล่าวก่อนพลางยิ้มกว้าง “ผม เอ่อ…….”
   “สวัสดีครับ รอซักครู่นะครับ” ชายคนนั้นยิ้มกว้างตอบเธอทำเอาเจนและกายตกตะลึงเล็กน้อย ชายคนนั้นลงมือชงกาแฟขณะที่กายกำลังฉงน
   “คือผมยังไม่ได้สั่ง…” กายพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
   “ไม่เป็นไรครับ” บาริสต้าวางแก้วบรรจุกาแฟเข้มตรงหน้ากาย “ร้านเราจะให้กาแฟฟรีกับคนไทยคนละแก้ว ที่เข้ามาในร้าน พร้อมกับกล่าวสวัสดีกันแบบเป็นมิตร ยินดีต้อนรับสู่ร้านเกล็ดหิมะครับ”
   กายรู้สึกแปลกประหลาดปนอบอุ่นในที กับการต้อนรับแบบนี้แต่ก็รับกาแฟแก้วนั้นมาทันที
   “มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า” ไกด์เริ่มถาม
   “คุณ….เอ่อ” กายพยายามมองซ้ายมองขวา หรือเขาควรจะรอเจนมาจัดการเรื่องนี้ ในทันทีไกด์ก็เริ่มเหล่มองกายอย่างสงสัย พอดีกับที่กายหันมาเจอแววตาที่จ้องเขาถลน
   “คุณ มา ตาม หา ใคร หรือเปล่า” ไกด์ๆค่อยๆพูดทีละคำอย่างหนักแน่น
   “อ๋อใช่...ใช่ ใช่ ผมมาตามหาคน” กายพูดตอบ ก็ไม่ถูกทั้งหมด เขาจัดการก่อนเองก็ได้เหมือนกัน กว่าเจนจะมาก็คง...
   “ใคร” เสียงของบาริสต้าคนนี้ดูกร่อนความสุภาพลงทุกที ความอบอุ่นเมื่อซักครู่ที่ได้จากการต้อนรับหายวับไปในทันที กายเริ่มรู้สึกเหมือนโดนจู่โจม และแน่นอน เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมให้ใครมาจู่โจมได้โดยง่าย พ่อมดถอนหายใจพลางมองกลับไปหาบาริสต้าผู้นั้นด้วยสีหน้าท้าทาย
   “ก็ไม่ใช่ธุระของนายหรือเปล่า” กายเริ่มโจมตีกลับ “ถ้าไม่สะดวก ก็ไปตามเจ้าของร้าน หรือใครที่จะพูดได้ดีกว่านี้มาหาผมหน่อย ก็จะขอบคุณมาก”
   “กับผมนี่แหละ” ไกด์พูดพลางยื่นหน้าเข้ามาหากายและหรี่ตามองอย่างเดือดพล่าน
   “เห้ อะไรของนายเนี่ย” กายถามกลับ
   “คุณใช่หรือเปล่า ที่สะกดรอยตามวิน และแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ” ไกด์ถามกลับ
   “ว่าไงนะ” กายถามอีก
   “ผมถามว่าใช่หรือเปล่า” ไกด์ขึ้นเสียงดังมากอีก ตอนนี้คนในร้านเริ่มหันมามองทั้งคู่มากขึ้นแล้ว กายยอมรับว่าชายคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนภายในเวลาไม่กี่นาที และใช่....น่ากลัวเอาการ
   “อะไรของนายวะเนี่ย” กายพยายามตีความคำพูดของชายคนนี้ “เดี๋ยว วินเหรอ......วินลูกชายคุณวรพัฒน์ที่เพิ่งจบจาก Esmod หรือเปล่า ก็ใช่ ตามหาอยู่ นาย....”
   กายจำบทสนทนาของตัวเองหลังจากนั้นไม่ได้อีกแล้ว
...................
   เจนย่ำเท้ากลับมายังหัวมุมถนนเซนต์จอร์ช พลางตรวจสอบเอกสารในมือให้เรียบร้อย หลังจากเคลียร์กับทางสถาบันที่ปลาบปลื้มเป็นอย่างมากที่นักเรียนสองคนสร้างผลงานให้กับซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอล เพราะก็เท่ากับเป็นผลงานของทางสถาบันเองด้วย การจัดการเรื่องจบหลังสูตรของทั้งคู่จึงเป็นไปได้ง่ายกว่าที่คิด เจนคิดว่านี่คงเป็นเรื่องดีดีเรื่องแรกสำหรับสองคนนั้นที่เธอจะทำให้หลังจากที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน พลางคิดว่าคุณมิก น่าจะขอบคุณเธอซักนิดกับสิ่งที่เธอพยายามมาทั้งหมดเพื่อคนรักของเขา
   หญิงสาวเดินย่ำถนนที่เปียกชื้นมายังหัวมุมถนน เพื่อมุ่งหน้าไปร้านเกล็ดหิมะ พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี
   “ฮัลโหล” เธอกดรับมันด้วยความเร่งรีบ โดยไม่ทันดูว่าเสียงปลายสายคือ....
   “คุณรับแล้ว ให้ตายสิเจน” เสียงอันกวนประสาททำเอาเธอหยุดกึก เสียงขอคนที่ส่งผ้าพันคอมาให้เธอนั่นเอง...จีโอ
   เจนยังคงเงียบสนิท
   “คุณโอเคหรือเปล่าเจน” จีโอถามทันที “ผมขอโทษนะ เรื่องที่ดีสนีย์แลนด์ ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณ”
   เจนถอนหายใจครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับจีโอเหมือนกัน
   “คุณฟังอยู่หรือเปล่าเจน ฮัลโหล เจน เจนครับ” เสียงจีโอร้องเรียกเธออย่างต่อเนื่อง พอดีกับที่เธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากริมหัวถนน เสียงนั้นฟังดูคุ้นหู
   “ฮัลโหลเจน เจน...”
   เธอเร่งฝีเท้าไปตามเสียงนั้นทันที และภาพตรงหน้าก็ทำเอาเธอเหวอไปชั่วขณะ
   ชายหนุ่มในชุดบาริสต้า กำลังฟัดนัวอยู่กับแฟนเก่าของเธอ ท่ามกลางการมุงดูกันอย่างหนาแน่นของคนผ่านไปผ่านมาที่หัวมุมถนนเซนต์จอร์จ เธอตกใจแทบสิ้นสติ พลางมองความชุลมุมตรงหน้า
   “เจน เสียงอะไรอ่ะ เกิดอะไรขึ้น เจน เจนได้ยินผมมั้ย” เสียงจีโอยังคงดังก้องในโทรศัพท์
   “จีโอ เดี๋ยวฉันโทรหานะคะ” เจนพูดอย่างรวดเร็ว
   “ครับ ได้ครับ โทรหาผมนะ”
   เจนวางสายและรีบวิ่งไปทันที
   ความวุ่นวายตรงหน้าแตะระดับโกลาหลเบาๆ เมื่อชายหนุ่มในร่างบาริสต้า พยายามจะล็อคตัวกายเอาไว้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี กายที่พยายามขัดขืนอย่างสุดกำลังก็ไม่ได้ยอมให้การกระทำอันไร้มารยาทนั้น ทำให้พ่อมดแห่งวงการออกแบบหมดรูปเอาได้ง่ายๆ จากสภาพการต่อสู้ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง กับคราบกาแฟที่เปื้อนชุดของทั้งคู่บ่งบอกความหนักหน่วงของสถานการณ์น่าดู
   “ปล่อยนะเห้ย ไอ้บ้าเอ้ย ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า” เสียงของกายอึกอักอยู่ภายใต้การบิดแขนของไกด์
   “จะบอกตรงนี้ หรือบอกกับตำรวจห๊ะ ฉันไม่สน ว่าใครจ้างนายมา แต่ถ้าวินเป็นอะไรไปล่ะก็ ฉันเอานายตายแน่” ไกด์แผดเสียงก่อนจะเหวี่ยงกายออกนอกร้าน จนพ่อมดหนุ่มลงไปกองกับพื้น ทันทีที่กายหลุดออกจากพันธนาการ ก็ถลาเข้าไส่ไกด์ทันทีหมายจะเอาคืนด้วยอารมณ์เดือดพล่านของการถูกโจมตี
   “หยุด หยุดนะ” เจนถลาเข้าห้ามกายเอาไว้ได้ทัน “กายอะไรกันอ่ะคะ เกิดอะไรขึ้น นายนี่.....เอ๊ะ”
   ไกด์มองหน้าของหญิงสาวที่เข้ามาห้ามการต่อสู้ท่ามกลางลูกค้าของร้านเกล็ดหิมะ ที่มาออกันเต็มไปหมดตรงนั้น ไกด์สะดุดตาเล็กน้อย
   “คุณ...” เขาพูดเบาๆ
   “อ้าว คุณ” เจนร้องทันที
   “อะไร” กายพูดเสียงหอบ “อะไรเนี่ยเจน รู้จักมันด้วยเหรอ”
   “ก็.....โอ๊ยยยย อะไรกันเนี่ย เจนงงไปหมดแล้ว มีเรื่องอะไรกันเนี่ยคะ” เจนว่า พลางหันซ้ายหันชวา ถามกายและไกด์ที่กำลังมองหน้ากันด้วยความโกรธที่ยังครุกรุ่น
   “คุณ.....ฉันเจอคุณที่ดีสนีย์แลนด์ คุณคือคนที่นำทริปวันนั้นใช่หรือเปล่า” เจนว่า “คุณไกด์”
   ไกด์ยังคงไม่ตอบ ได้แต่มองหน้ากายนิ่ง
   “เค้าเป็นใครครับ” ไกด์ดูจะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงได้ แม้ว่าจะยังคงมองหน้ากายอย่างไม่ละสายตา “ตอบตามความจริงนะคุณ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่า....”
   “เค้าเป็นเพื่อนฉันเองค่ะ เราสองคนเป็นหุ้นส่วนของซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอล” เจนว่าเสียงสั่น
   “หรือจะพูดให้ถูก ผมกับเจน เราเป็นเจ้านายของคนที่คุณกำลังตามหาอยู่ไง เจ้าวินน่ะ” กายว่า พลางปาดเลือดที่ริมฝีปาก
   “วินหายไปงั้นเหรอ” เจนหันไปหากายทันที
   “ก็ผมได้ยินหมอนี่พูดในร้านอ่ะ ผมก็เลยจะถามว่าเรื่องเป็นยังไง มันก็ลากผมออกมาเนี่ย ประสาทเป็นบ้า” กายพูดอย่างหัวเสีย
   “เอาล่ะ ฉันว่าเข้าใจอะไรกันผิดไปกันใหญ่แล้ว” เจนร้องพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ คุณไกด์เราเข้าไปนั่งคุยกันในร้านมั้ยคะ แล้วก็คงจะเป็นการดีมากถ้าคุณเคลียร์ลูกค้าของคุณออกไปจากตรงนี้ได้”
   ไกด์มองเจนและกายอย่างประเมิณความคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหลับตาปรับอารมณ์ของตัวเองลง แล้วกล่าวเคลียร์สถานการณ์กับเหล่าฝูงชนที่มามุงดูกันอยู่เต็ม ในขณะที่เจนเดินพากายกลับเข้าไปในร้านทันที ชายหนุ่มส่ายหัวช้าๆ
   “ให้ตายสิเจน ระหว่างที่ผมไม่อยู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่อ่ะหะ” กายกล่าวอย่างหัวเสีย “พวกคุณเล่นอะไรกัน ทั้งคุณ สา มิก เอิร์ธ แม้แต่เจ้าวิน เกิดอะไรขึ้นอ่ะเจน”
   เจนมองกายอย่างเข้าใจความรู้สึก ถ้ามองในมุมคนนอกอย่างกายที่มองเข้ามาในเมืองนี้ มันเต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาด ซึ่งหากจะว่ากันตามความจริงแล้ว เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นใต้จมูกของเธอมาตั้งแต่แรก แต่เธอเลี่ยงที่จะไม่รับรู้มัน และเลือกที่จะจัดการกับสิ่งที่เธอเห็นชอบด้วยเท่านั้น และตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจแล้วว่า สิ่งที่เธอทำลงไปถูกต้องหรือเปล่า
   “ที่นี่มันที่ไหนกันแน่อ่ะเจน” กายว่า “ผมว่านี่ไม่ปกติแน่ นี่ไม่ใช่เรื่องบัญเอิญหรือเข้าใจผิดใช่มั้ยที่ผมโดนต่อยเนี่ย”
   “นี่ร่างพ่อมดเข้าสิงคุณหรือไง” เจนพูดติดตลก ขณะให้กายนั่งลงในที่นั่งริมหน้าต่างที่หลบมุมจากสายตาสอดรู้สอดเห็น ขณะที่ไกด์ยังคงเคลียร์ความวุ่นวายอยู่ด้านนอกให้เห็นเนือง “คุณเป็นครีเอทีฟนะไม่ใช่นักจิตวิทยา แล้วนี่ก็ไม่ใช่โลกแห่งแสงสีที่คุณจะเที่ยวมากำหนดเส้นทางให้กับใครๆเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วกาย ที่นี่มันไม่เหมือนกัน”
   “ผมถูกลากเข้ามาในโลกที่ทุกคนทำทุกๆอย่างเพื่อให้ได้สิ่งตัวเองต้องการ ทำแม้กระทั่งทำร้ายกันเอง” กายว่า “ในเมืองนี้คนที่ไว้ใจกันได้มันมีไม่กี่คน ผมพูดไว้อย่างสวยงามแบบนั้นน่ะ เพราะผมหมายความว่า คนในเมืองนี้มันมีคนไทยอยู่ไม่กี่คนหรอก ยังไงซะ เรื่องมันก็ต้องวนเจน”
   “แล้วมันเรื่องของใครล่ะ” เจนร้องกลับบ้าง
   “ผมถูกโอนไปขยายสาขาที่อังกฤษ ผมมีลูกน้องใหม่เป็นเด็กอายุ 24 สองคน เปอร์เซนต์ถือหุ้นของผมที่ซูเม่มีการปรับเปลี่ยน แฟนเก่าผมกำลังจะมีแฟนใหม่ ผมโดนทุบ โดนต่อย เลือดตกยางออก ผมมีสิทธิที่จะรู้เจน” กายว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้มาเดี่ยวนี้เลย”
   “เจนไม่รู้” เจนร้องเสียงดัง “ถ้าเจนรู้ เจนจะวิ่งโร่มาที่นี่เหรอ”
   กายเงียบเสียงลงทันที
   “คุณต่างหาก คุณคิดว่าคุณรู้อะไรกาย คุณมีอะไรจะบอกเจนหรือเปล่าล่ะ” เจนว่ากลับ
   “ขอร้องเจน อย่าทำให้เรื่องนี้มาทำให้เราต้องกลายเป็นอีกสองคนที่ต้องผิดใจกัน” กายว่า
   “เรื่องนี้ของคุณคือเรื่องไหนอ่ะ” เจนว่า
   “ผม...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” กายตอบเสียงสั่น ชายหนุ่มหันไปมองนอกหน้าต่าง ที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มบางตาลงบ้างแล้ว เสียงผู้คนจอแจกำลังเบาลงทีละน้อยและกลับสู่สภาพปกติ เขาเห็นเจ้าบารีสต้าเลือดร้อนเมื่อกี้กำลังพูดคุยกับพนักงานในร้านคนอื่นๆอยู่ที่ส่วนกลาง พร้อมกับเหล่มองมาทางเขาและเจนเป็นระยะ
   กายส่ายหัวครั้งหนึ่งพลางใช้หัวคิด ก่อนจะเขยิบตัวเข้าหาเจน
   “ข้อตกลงระหว่างวินกับเอิร์ธที่คุณบอกผมที่ซูเม่เมื่อเช้า” กายลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ “คุณคิดว่าเป็นไปได้มั้ย ที่จะเกี่ยวข้องกับที่นี่ กับไอ้หมอนั่น”
   เจนมองเข้าไปในดวงตาของกาย
   “เจนรู้จักร้านนี้มาจากคุณมิก เค้าเล่าให้เจนฟังเมื่ออาทิตย์ก่อน ว่าเค้าพาวินมาส่งที่นี่ วันเป็นวันแรกที่เค้าเจอวิน วันแรกที่พวกเราใครซักคนเจอเด็กคนนี้” เจนว่า “เจนคิดแค่ว่า ถ้าจะเริ่มต้นตามหาความจริงเกี่ยวกับคุณวิน เจนก็น่าจะเริ่มต้นจากจุดแรกที่เขาเริ่มเกี่ยวข้องกับเรา กับเมืองนี้”
   กายเหลือบมองเจ้าบาริสต้าที่บาร์นั้นอีกครั้ง
   “แล้วหมอนั่นล่ะ” กายถามต่อ เจนหันไปมองตาม
   “เจนไม่รู้จักเค้า เจนเจอเค้าเมื่อวันเสาร์ วันที่เจนไปดีสนีย์แลนด์” เธอเล่า
   “เกิดอะไรขึ้นที่ดีสนีย์แลนด์” กายถาม
   “เจนไม่รู้...เจนไม่....”
   “บอกผมมาเจน ผมปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้” กายว่าเสียงเข้ม “มันเกินไปและ”
   เจนถอนหายใจครั้งหนึ่ง
   “พวกเราแยกกัน มีเรื่องกันในทริปค่ะ” เจนว่า “เอิร์ธกับวินทะเลาะกัน แล้ววินก็หายตัวไป ส่วนเอิร์ธก็บอกกับจีโอว่าข้อตกลงอะไรบางอย่างที่เค้าพูดไว้กับวินเป็นอันยกเลิกแล้ว และเอิร์ธเค้าก็เป็นคนส่งจีโอมาจีบเจนเอง ซึ่งเจนก็เดาว่า น่าจะเป็นหนึ่งในข้อตกลงแบบเด็กๆที่เอิร์ธและวินสร้างขึ้นมา”
   กายนั่งฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่เจนเล่าออกมา
   “เจนยอมรับว่าเจนโกรธมากที่รู้ว่าเอิร์ธทำแบบนั้น เจนก็เลยบอกเอิร์ธเค้าไปว่า คุณหมั้นกับนัทแล้ว” เจนพูดทันที กายหลับตาลง
   “ให้ตายสิ” กายสบถออกมา “คุณก็เห็น ว่าเอิร์ธเป็นคนยังไง ข่าวเรื่องหมั้นของผมกับนัท จะเปลี่ยนทุกอย่างที่เค้าคิด ถ้าคุณบอกเค้า นั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เอิร์ธพยายามมาตลอดเรื่องมิกมัน...”
   “ไม่มีประโยชน์เลย ใช่ค่ะเจนรู้” เจนว่า “แต่เจนแค่คิดว่า คุณมิกกับเอิร์ธ น่าจะเรียนรู้ได้แล้วว่า ถึงความรักมันออกแบบไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ต้องทำอะไรกับความสัมพันธ์เลย เจนสงสารเอิร์ธ เจนแค่อยากให้เอิร์ธได้อะไรบ้าง จากการที่เค้าวิ่งตามมิกมาตลอดค่อนปีนี่”
   กายเงียบสนิท
   “เอิร์ธไม่เหมือนคุณหรอกนะ ที่ปล่อยให้ความรักจัดการตัวมันเองแล้วก็นั่งรออ่ะ เอิร์ธเค้ารักคุณมิกเกินกว่าจะทำอย่างนั้น” เจนว่า “เจนเคยเตือนเค้าหลายครั้งแล้ว ว่าเค้าควรจะไว้ใจเจน แต่เค้าเลือกไว้ใจวิน และดึงวินเข้ามาแทรกกลางเกมส์นี้ มิกกับเจนเลยกลับไม่ได้ไปไม่ถึง เราสองคนไม่รู้เลยว่าเอิร์ธจะทำอะไร”
   “มิกเค้าไว้ใจเอิร์ธสุดหัวใจเลยไม่ใช่เหรอ” กายว่า
   “มิกไว้ใจค่ะ แต่เค้าไม่ทำ” เจนตอบ “มิกอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆไม่ได้ เค้าทำอย่างนั้นไม่เป็นค่ะ เค้ามองเอิร์ธเป็นเด็กเสมอ ซึ่งจากเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา เจนว่ามิกควรจะซึ้งได้แล้วว่าเอิร์ธไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เค้าโตมาก เค้าจะเป็นคุณอยู่แล้วกาย”
   กายเหลือบตาลงทันที มิกเป็นแบบนี้จริงๆ เค้ารู้ดี จากเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขา นัท และมิกเมื่อปีกลาย มิกเป็นคนเดียว ที่ไม่ยอมรับความจริง ที่ถึงแม้ว่ามันอยู่ตรงหน้า มิกสามารถปฏิเสธความจริง และนั่งจมกับความสุขที่ไม่มีอยู่ได้
   “เอิร์ธเป็นไงบ้างวันนั้น ที่คุณแยกกับเค้า” กายถาม
   “เค้ามีเรื่องกับคุณไกด์ด้วย” เจนว่า “แล้วเค้าถูกทิ้ง เจนไม่แน่ใจว่าเค้าไปกับคุณสาหรือเปล่า แต่ วันนั้นเจนก็เหนื่อยเกินกว่าจะแบกเค้าไว้อีกคนเหมือนกัน เจนก็เลย....กลับที่พักมาก่อน”
   “แล้วคุณจีโอล่ะ” กายร้อง
   เจนสะดุ้งเล็กน้อย
   “เออใช่ จริงสิ” เจนล้วงหยิบมือถือของตัวเองออกมา มองหน้าจอมันครั้งหนึ่ง
   “เค้าโทรหาคุณใช่มั้ย” กายว่า “คุณไม่ลองถามเค้าล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือไม่ก็ถามว่า...... อ้อ.....เข้าใจล่ะ”
   เจนเงยหน้าขึ้นมองกาย เขายังคงครองตำแหน่งแฟนเก่าของเจนเอาไว้ได้อย่างดี
   “คุณไม่เข้มแข็งพอที่จะคุยกับเค้า” กายว่า เจนถอนหายใจ พลางหลบตาลงพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง “ผมว่าเราต้องคุยกันเรื่องนี้แล้วล่ะ หยุดวิ่งหนีได้แล้วนะเจน บางทีความจริงที่คุณตามหา อาจจะอยู่ที่ผู้ชายคนนี้ก็ได้”
   กายจับมือของเธอ
   “ผมจำได้ว่าตอนมัธยม คุณเคยบอกผมว่า คนคนนั้นของคุณ จะต้องเป็นคำตอบให้คุณไม่ใช่เหรอ” กายว่า “คิดบ้างหรือเปล่า ว่าบางทีอาจจะเป็นคนนี้”
   “โอ๊ยยย กายขอล่ะ อย่าเพิ่งบิวท์เจนกับเค้าตอนนี้ได้มั้ย” เจนว่า “คำตอบที่เจนอยากรู้ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของเค้า เจนอยากรู้เรื่องข้อตกลงของวินกับเอิร์ธมากกว่า”
   “ผมว่าผมรู้” เสียงอันนุ่มลึกดังขึ้นด้านหลังเจน กายและเจนหันไปมองทันที ไกด์ในชุดบาริสต้า ยืนมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย
   “คิดงั้นเหรอนาย” กายถาม “แล้วมันคืออะไร”
   “ข้อตกลงของวินกับเอิร์ธก็คือ...” ไกด์พูดช้าๆ “วินต้องการให้เอิร์ธเข้าไปอยู่ในบริษัทคุณแทน แล้วค่อยๆเฟดตัวเองออกมาแล้วหายไป”
   “อะไรนะ” เจนร้องอย่างไม่เชื่อหู พลางแค่นหัวเราะ “เป็นไปไม่ได้หรอก คุณผิดแล้วคุณไกด์ คุณวินน่ะเหรอจะเฟดตัวเองออกไปจากซูเม่ เค้าเป็นลุกชายคุณวรพัฒน์นะ เรื่องอะไรเค้าจะยอมออกไปจากงานของพ่อเค้าง่ายๆ ไม่มีทางหรอกค่ะ”
   “เค้ามีปัญหากับพ่อเค้ามาก่อนที่จะเดินทางมาปารีส” ไกด์ว่า “วินเจอเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับงานและพ่อของเค้า เค้าพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ออกจากเรื่องพวกนี้ เค้าต้องการเอิร์ธและจีโอเพื่อทำให้การหายตัวไปของเค้าง่ายขึ้น”
   กายมองไปที่ใบหน้าของไกด์ สัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่างส่งประกายออกมา
   “ห๊ะ” เจนหัวเราะอย่างจงใจ “คุณไปเอาเรื่องเป็นตุเป็นตะนี่มาจากไหนเนี่ย จากปากคุณวินเหรอ ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะคุณไกด์ ฉันเคยอยู่เมืองไทย และพอจะได้ยินกิตติศัพท์คุณวินมาก่อนคุณ เค้าเคยเป็นเด็กที่เหลือร้ายมาก เค้าจะปั้นเรื่องอะไรหลอกคุณก็ได้ คุณเป็นแค่คนที่รู้จักเค้า และอาจจะช่วยเหลือกันแค่ผิวเผิน ฉันกล้าพูดเลยว่าที่คุณได้ยินมาน่ะ ไม่มีเรื่องไหนจริงได้เลย ใช่มั้ยคะกา....”
   เจนชะงักกับใบหน้าของกายที่หรี่มองบารีสต้าคนนั้นอย่างไม่ละสายตา หญิงสาวมองไปมาระหว่างทั้งคู่
   “อะไรคะ กาย...” เจนเอ่ยปาก
   “นายไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักวินสินะ” กายยิ้มกริ่มที่มุมปาก เค้ารับรู้ได้ถึงอารมณ์คุกรุ่น และโมโหขนาดนั้นอาการหงุดหงิดที่เกิดจากความรู้สึกผิด อาการโหยหาแบบนั้นเค้าเคยเป็นมาก่อน และบารีสต้าคนนี้ ก็เพิ่งแสดงมันออกมา ระบายความผิดพลาดทุกอย่างของตัวเองใส่เขาเมื่อกี้นี้เองที่หน้าร้าน
   ความรัก.....
   “อะไรกัน นี่....กายเชื่อว่า...” เจนร้อง พลางหันไปมองไกด์ทันที
   “ผมเป็นรูมเมทเค้า ผมช่วยเหลือเค้ามาตั้งแต่วันแรกที่เค้ามาที่นี่” ไกด์พูดทันที เจนมองหน้าไกด์ทันที “เขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจแน่”
   “แต่ว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง....กาย” เจนหันกลับมามองหน้าแฟนเก่าเธอ “กายอย่าบอกนะว่ากายเชื่อสิ่งที่....”
   “แต่ผมกับวินเป็นมากกว่ารูมเมทแล้วตอนนี้....” ไกด์พูดเสียงดังฟังชัด ทำเอาเจนเงียบ “เราสองคน ตั้งใจจะออกไปอยู่ด้วยกัน ถ้าข้อตกลงของเอิร์ธและวินไม่พังลงซะก่อน ช้อตกลงที่คุณอยากรู้น่ะ”
   กายผายมือและเลิกคิ้วใส่เจนทันทีอย่างคนรู้ทัน ก่อนจะยิ้มให้กับไกด์
   “คนที่ทำทุกอย่าง เพื่อความต้องการของตัวเอง” กายพูดเบาๆ “นี่ไงเจน เรื่องที่คุณตามหา.....คำตอบ บิงโก!!!”
   เจนถอนหายใจเสียงดังทันที
   “ไม่นะ ไม่จริงอ่ะ” เจนว่าพลางหันไปหาไกด์ แต่่แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น มันส่งประกายเกินกว่าเจนจะปฏิเสธมัน “โอ๊ยยย ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอาอ่ะ ไม่ ไม่ ไม่”
   เจนพูดคำนั้นกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางเอามือจับขมับตัวเองอย่างไว้ท่า
   ....คุณอาจจะทำเพื่อเพื่อนของคุณ ผมก็ทำเพื่อเพื่อนของผมเหมือนกัน.....
   เสียงของจีโอดังก้องในหัว เช่นเดียวกับสวิตซ์ไฟที่เปิดต่อกันในหัวเธอทันที
   “Kevin E. Wally” เจนพูดขึ้นทันทีอ่างแผ่วเบา แม้จะยังหลับตาแน่นและนวดขมับตัวเองเบาๆ “ชื่อคุณใช่มั้ย”
   ไกด์ไม่ได้ตอบอะไร
   “อะไรนะ” กายถามทันที
   “เอกสารข้อมูลธุรกิจของจีโอ บอกว่าเค้ามีหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจอสังหาด้วยกันมาในเบอร์ลิน” เจนว่า “จีโอบอกว่าหุ้นส่วนของเขาทำงานอยู่ที่ปารีส เป็นอีกเหตุผลโง่ๆที่เขายกขึ้นมาเพื่ออ้างว่าจะได้ย้ายมาอยู่ที่ปารีสเป็นการถาวร เหตุผลโง่ๆที่ฉันไม่ยอมเชื่อ”
   “คุณเชื่อแล้วสินะ” กายพูดติดตลก “หมัดนายนี่หนักน่าดู”
   “ผมขอโทษ ผม...แค่....” ไกด์ว่า “คือ......วินโดนตาม มี...เอ่อ...คนสะกดรอยตามเค้าหลายสัปดาห์ก่อน ก่อนที่เค้าจะหายไป ผม...ผมแค่ไม่รู้ว่าผมจะไว้ใจใครได้แล้ว...เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับวิน.....วินบอกว่า พ่อของเค้าเป็นคนส่งมาซึ่งผมไม่เชื่อว่าจะ...”
   “ใช่แน่อยู่แล้ว” เจนพูดต่อไกด์ กายมองหน้าเธอด้วยคำถามมากมาย
“คุณวรพัฒน์ ไม่ยอมหรอกกาย” เจนพูดเสียงสั่นตอบ “เค้าไม่ยอมให้ลูกชายคนเดียว ทำบริษัทที่เค้าลงทุนมากับมือพังหรอก นั่นแหละคือสาเหตุ”
   เจนถอนหายใจทันที กายถึงกับส่ายหัว พลางมองออกไปด้านนอก นี่มันเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก
ไกด์ทรุดตัวพิงกับกำแพงด้านหนึ่งของร้าน
   “วินไม่กลับบ้านตั้งแต่พวกเราแยกกันที่ดีสนีย์แลนด์ พวกคุณรู้มั้ยว่าเค้าไปไหน” ไกด์ถามเสียงสั่น
   “พวกเราไม่รู้ค่ะ” เจนว่า “ฉันเองก็พยายามติดต่อเค้าแล้วแต่ ก็ไม่เจอ ไม่เจอจริงๆ”
   “นาย” กายลุกขึ้นเดินไปหาไกด์ทันที เจนยังคงนั่งนิ่ง ความจริงที่ถาโถมเข้ามา ยังสร้างความมึนงงบางอย่างให้กับเธอ “ฟังนะ ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ นายอาจจะไม่เชื่อฉันก็ได้แต่ พวกเราไม่ใช่คนที่คิดร้ายกับวิน และอยากให้นายเชื่อใจ”
   ไกด์มองหน้ากายทันที
   “ถ้าเย็นนี้วินเค้ายังไม่กลับมา นายโทรหาฉันทันที” กายว่า “ฉันจะทำทุกวิถีทาง ไปตามเค้ากลับมา แต่นายต้องอยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน และทันทีที่นายเจอคนต้องสงสัยที่บอกว่าเค้าตามวิน ก็รีบโทรบอกฉันเลย โอเคมั้ย”
   กายยื่นนามบัตรของตัวเองให้ไกด์
   “แน่ใจนะว่าผมเชื่อใจคุณสองคนได้” ไกด์ว่า
   “มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ตัวคุณอยากจะทำอย่างที่คุณวินตั้งใจเอาไว้มั้ย” เจนหันมาตอบทันที “ทิ้งทุกอย่างแล้วมาอยู่กับคุณที่นี่น่ะ”
   ไกด์นิ่งสนิท
   “ผมขอตัวไปทำงานก่อน คุณอยู่ที่นี่จนกว่าร้านจะปิดนะ” ไกด์ว่า “ผม...ผมจะไม่คิดค่าบริการใดใด ถือเป็นการขอโทษที่เรื่องเกิดขึ้น”
   ไกด์เดินออกจากตรงนั้นไปทันที กายถึงกับถอนหายใจ เช่นเดียวกับเจน
   “ลูกชายคุณวรพัฒน์ทำเรื่องซะแล้ว” กายว่า “เจ้าวินมีความรัก”
   “ให้ตายสิ งี่เง่าที่สุด” เจนว่า “มันจะเป็นไปได้เหรอคะกาย”
   “มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ” กายว่า “หมัดหมอนั่นหนักเอาการเลยอ่ะ ตอนผมถามว่าวินอยู่มั้ย เรื่องวินถูกตาม ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องโกหก คุณวรพัฒน์เป็นยังไง เราก็รู้ดีกันอยู่”
   “เราจะทำยังไงดีคะ” เจนว่า
   “ผมจะตามหาเอิร์ธเอง ถ้าเจอเค้า เค้าอาจจะรู้ว่าวินอยู่ไหน” กายว่า “เค้าสองคนเป็นเพื่อนกัน”
   “แล้วเจนล่ะ” เจนว่า
   “คุณเหลือเวลาอีกวันเดียว ก่อนการประชุมปันงบจะเริ่ม ถ้าคุณอยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่คุณต้องการ คุณต้องไปหาจีโอ” กายว่า “เค้าเป็นทางเลือกสุดท้าย”
   “แล้ววินล่ะคะ” เจนว่า
   “วินจะอยู่ไม่อยู่มันไม่ใช่ประเด็นแล้วตอนนี้” กายว่า “ถ้าคุณวรพัฒน์รู้ว่าลูกชายหักหลัง ไม่ใช่แค่ไกด์จะพังนะ ซูเม่ทั้งหมดจะได้รับผลกระทบ ผมยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้”
   “ถ้าเจนยอมรับเรื่องพวกนี้ได้เร็วกว่านี้ ถ้าเจนรู้ซักนิดว่าวินเค้า.....ก็คง...” เจนก้มหน้าลง กายถลาเข้ามาหาเธอ
   “เจนจิราที่ผมรู้จักไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่ผ่านมาเธอเป็นอาจารย์พิเศษดูแลเด็กสองคนจนประสบความสำเร็จ” กายว่า “และผมเชื่อว่าเธอจะทำหน้าที่นั้นต่อ.....”
   เจนมองหน้ากายทันที
   หรือว่าพ่อมดแม่มดแห่ง Loveless Society จะต้องกลับมาร่ายมนต์อีกครั้ง
   ในเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่ากลัวแห่งนี้
   ....................

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ขอบคุณนะคะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
มาต่อบ่อยๆนะคะ
คิดถึงวิน เป็นห่วงวินที่สุดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 41 Fire to the rain

   เรื่องที่น่าตกใจของการนั่งอย่างใช้ความคิดของเจน คือการทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ที่เจนยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมในร้านเกล็ดหิมะ ก่อนกายจะออกเดินทาง เธอรบกวนให้เขาขนเอกสารบนโต๊ะเธอที่ซูเม่มาไว้ที่นี่ กองเอกสารทั้งหมดวางอยู่ตรงหน้า เธอกวาดสายตาอ่านทุกอย่าง ทุกเล่ม ทุกแผ่น ที่ปรากฎชื่อของวิริยะหรือนฤเดช รวมถึงเอกสารของจีโอที่ปรากฎชื่อของเคลวินเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
   กายทำตามสิ่งที่ให้คำสัญญาไว้ เขาเริ่มออกตามหาเอิร์ธโดยเริ่มจากการโทรหาคู่หมั้นของตัวเองและคุณสา เขาขอร้องไม่ให้สาหรือนัทพูดเรื่องนี้กับมิกเด็ดขาด นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่มิกจะต้องมานั่งตีโพยตีพายอีกคน และยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามิกรู้ว่าเจนและเขายื่นมือเข้ามาในเรื่องนี้ล่ะก็ อาร์ทติสคนนี้จะกลายร่างเป็นปีศาจและวิ่งโร่มาเอาเรื่องกายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วสมัยที่อยู่เมืองไทย ไม่แน่ว่าเจนอาจจะโดนไปด้วย และเจนก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมให้ใครมาโจมตีเธอง่ายๆ ถ้าเรื่องนี้จะพัง เขาก็ต้องการให้มีคนได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
   แก้วกาแฟถูกวางลงตรงหน้าเจนจิรา ในขณะที่เธอเห็นร่างๆหนึ่งนั่งลงตรงข้ามเธอ
   “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย” ไกด์ถามเธออย่างสุภาพ เจนส่ายหน้าให้เขา
   “ก็ถ้าคุณรู้ว่าวินอยู่ไหน นั่นก็จะช่วยได้มาก” เจนตอบทันที
   “ผมตามหาเค้าแล้ว นอกจากบ้านผมที่ทอร์ควิล เขาไม่มีที่อยู่ที่ไหนอีก” ไกด์ตอบ “เขาทะเลาะกับเอิร์ธ ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะไปอยู่ที่นั่นเหมือนกัน”
   “คุณคบกับเค้ามานานแค่ไหนแล้ว” เจนถามทันที ไกด์มองหน้าเธอกลับ “ขอโทษที่ฉันถามละลาบละล้วงแต่...ฉันจำเป็นต้องรู้ ฉันต้องรู้ว่าวินจะทำอะไร เพราะมันจะส่งผลกับพ่อเค้าโดยตรง”
   “คือ....เราสองคนไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ เราแค่” ไกด์ถอนหายใจ “ผมไม่ดีเอง”
   เจนมองหน้าชายตรงหน้าอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
   “ร้านนี้ทำให้เราได้เจอกัน” ไกด์ว่า “วันนี้ลูกค้าไปหมดแล้ว เพราะผมบอกว่าจะปิดร้านเร็ว แต่ถ้าเป็นวิน เค้าจะอยู่ต่ออีกสองถึงสามชั่วโมงเค้าเอ่อ.....เค้ากลายเป็นคนที่สนุกกับการได้ช่วยเหลือคนอื่นที่นี่”
   “เพื่อนฉันบอกฉันว่าที่นี่ดูแลคนไทยที่ไม่มีที่อยู่” เจนว่า “พวกคุณแอบให้งานคนไทยหลายคน แล้วก็ช่วยเหลือกันลับๆที่นี่”
   “ใช่ครับ” ไกด์ว่า “เจ๊ใหญ่เป็นคนริเริ่ม คุณคงได้พบเธอแล้ว....”
   “ใช่ค่ะ เธอเอาข้อมูลของที่นี่มาให้ฉันเมื่อช่วงเย็น เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก” เจนว่า “แต่ฉันก็บอกเธอไปแล้วตรงๆ ว่าหลายเคสที่พวกคุณช่วยเหลือ มันผิดกฎหมาย”
   “ใช่ครับผมรู้” ไกด์ว่า “วินเองก็รู้ ผมเป็นช่วยเหลือเค้า ตอนที่เค้ามาที่นี่”
   “ยังไง” เจนถามต่อ
   “เค้าไม่มีเงินเลย ผมเดาเล่นๆว่าเค้าเป็นเด็กเอาแต่ใจ ที่พ่อส่งมาดัดนิสัย” ไกด์ว่า “ผมให้เค้าทำงานที่นี่ไปก่อน แล้วก็ให้ไปเป็นรูมเมทผม ตอนนั้นผมโกหกชื่อจริงกับเค้า ผมให้เค้ารู้จักผมในชื่อคนอื่น แต่....พอผมบอกความจริง เขาก็กลับไม่ไปไหน แล้วก็ยังยืนยันจะช่วยเหลือที่นี่ ยังอยู่กับผมต่อ”
   “ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เค้าเริ่มย้ายจาก Esmod ไปที่ซูเม่” เจนจิราว่า ไกด์พยักหน้ารับ
   “คงเป็นช่วงนั้นมั้งครับ ที่เอ่อ เราสองคน......” ไกด์เงียบเสียงลง “วินดูมั่นใจมาก กับสิ่งที่ตัวเองทำ เขาอยากออกมาอยู่กับผม สำหรับผมแล้ว ผมเองก็อยากช่วยเหลือที่นี่ แต่....ก็เพราะว่าที่นี่อันตราย เราอาจจะเข้าคุกกันเมื่อไหร่ก็ได้ ผมเลยไม่อยากให้เค้ามาเสี่ยงกับผมที่นี่ แต่เค้าก็ไม่สนใจอะไร แล้วก็ทำเรื่องต่างๆให้เกิดขึ้น”
   “คุณคิดว่า เป้าหมายของวิน คือการออกมาดูแลที่นี่กับคุณงั้นเหรอคะ” เจนถาม
   “ครับ ผมคิดว่านะ เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีช่องทางไหนได้อีก ที่วินเค้าจะไป” ไกด์ว่า เจนจิราเหล่มองไกด์อย่างพยายามเจาะทะลุอะไรบางอย่าง “มีอะไรเหรอครับ”
   “แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่” เจนจิราว่า ไกด์ขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอหยิบเอกสารบางอย่างออกจากแฟ้มวางลงตรงหน้าไกด์ทันที “นี่เป็นเอกสารวันที่จีโอเซนต์รับทราบการเป็นหุ้นส่วนของซูเม่ ลงวันที่ 7 มิถุนา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ฉันกับเพื่อนของฉันคนเมื่อเช้า เรามีคำสั่งโอนไปขยายสาขาที่อังกฤษ”
   “แล้ว....” ไกด์ยังตามไม่ทัน
   “หลังจากวันนั้น ฉันเคยไปโวยวินที่ออฟฟิศ ว่าเค้าเอาอะไรไปมั่นใจนักหนาว่าจะสามารถทำแฟชั่นวีคได้คนเดียว และเค้าก็ดึงจีโอเข้ามายืนยันกับฉันในช่วงนั้นพอดี” เจนจิราว่า “ในฐานะนักลงทุนเหมือนกัน คุณน่าจะรู้ดี ว่าต่อให้สนิทกันแค่ไหน ไม่มีทางที่คุณจะลงเงินสนับสนุนงานใครได้ในทันทีแบบนี้โดยที่ไม่มี...”
   “หลักประกัน” ไกด์ต่อคำเจนจิรา “วินมีหลักประกันอื่นงั้นเหรอครับ”
   “ค่ะ” เจนจิราตอบ “ฉันคิดว่าวินและจีโอมีข้อตกลงร่วมกันอื่นอีกที่แม้แต่เอิร์ธก็อาจจะไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเพื่อนคุณไม่มีทางลงเงินกับซูเม่ กับวินได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วแบบนี้หรอกถ้าไม่มีหลักประกัน จีโออาจจะเป็นนักธุรกิจที่สนุกกับการลงทุน แต่เค้าไม่มีทาง....”
   “ทำอะไรบนความเสี่ยง ใช่ครับ” ไกด์ตอบ “คุณรู้ได้ไงเนี่ย”
   “ก็..จากเอกสารพวกนี้ไงคะ” เจนจิราว่า
   “ไม่ใช่ ผมหมายถึงนิสัยจีโอ” ไกด์ตอบ เจนจิราเงียบทันที
   “คือเอ่อ.....” เจนจิราหลับตาลงครั้งหนึ่ง “คุณไกด์ เพื่อนของคุณถูกดึงเข้ามาเสียบในตำแหน่งที่อันตรายนะ มีบางคนต้องการจะยื้อตำแหน่งผู้ถือหุ้นส่วนนี้อยู่ ฉันไม่แน่ใจนัก ว่าจีโอเค้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าวินกำลังทำให้เค้าเจอกับอะไร”
   “คุณหมายถึงพ่อของวินใช่มั้ย” ไกด์ถามต่อ “ทำไมเค้าต้องทำขนาดนี้ด้วย เค้ารู้หรือเปล่าว่าลูกเค้าทำอะไรไปบ้าง”
   “ที่เมืองไทย คุณวรพัฒน์หยิบยื่นโอกาสที่ดีกับวงการดีไซน์เนอร์ กลางปีก่อนครีเอทีฟมากมายถูกกระจายออกสู่ตลาดโลก เพราะคอสโม่ คอนเทอลิโอนี่ ฉัน และเพื่อนของฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ในโอกาสนั้น มันกลับมีอะไรซ่อนอยู่” เจนจิราว่า “ครีเอทีฟหลายคน ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ คุณวรพัฒน์เข้ามามีบทบาทในการกำหนดทิศทาง จนทำให้งานสร้างสรรค์ถูกเปลี่ยนไปในรูปแบบของธุรกิจและเม็ดเงิน อาชีพของพวกเราถูกตีราคาและขาย และโอกาสที่เขาเคยอ้างว่าจะหยิบยื่นให้ ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะทำให้เขาได้เปอร์เซนต์จากการออกสู่ตลาดโลกในตัวเลขที่มากขึ้น ในขณะที่พวกเรามีราคาเดิม”
   ไกด์ฟังเธออย่างตั้งใจ
   “โชคดี ที่พี่สุเมธ เจ้าของซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอล ไหวตัวทัน เขารวบรวมเงินทุนได้จำนวนหนึ่ง และเข้ามาปรึกษาฉันกับเพื่อน เราตัดสินใจเปิดแบรนด์ของพวกเราเองในชื่อซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอล เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับวามสร้างสรรค์และงานศิลปะแบบไร้ขอบเขต และก็โชคดีที่เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดสากล และนั่นก็ทำให้....”
   “คุณวรพัฒน์ตามพวกคุณมา พร้อมกับเงินลงทุน เพื่อเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ” ไกด์ว่าต่อ เจนพยักหน้าตาม “นี่คือสาเหตุที่คุณพยายามตรวจสอบวินมาตั้งแต่แรก เพราะคุณคิดว่าเขามาในนามพ่อของเขา”
   “ฉันเสียใจ” เจนจิราว่า “ฉันคิดไม่ถึงว่าวินเองก็มีความรู้สึก มีชีวิตเป็นของตัวเอง ฉันดูถูกเขา”
   “และนั่นก็เป็นแรงผลักให้เขายิ่งทำทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะคุณ” ไกด์ว่า “เขาทำงานหนักมากๆเลยครับในทุกๆวัน ไม่ใช่แค่งานที่คุณสั่งเค้า งานของที่ร้านนี้ด้วย มีอยู่ช่วงนึงที่ผมหายไป เค้ารับงานที่ร้านนี้ไปดูแลเองคนเดียว ตลอดเดือน”
   เจนหายใจเข้าอย่างไม่เป็นจังหวะ
   “ฉันอยากแก้ตัว” เจนยอมรับกับไกด์ “ถ้านี่เป็นโอกาสสุดท้าย ฉันก็อยากจะทำ”
   ไกด์มองซ้ายมองขวา ก่อนจะกลับมามองเธอ
   “วินถูกคนตามมาหลายอาทิตย์แล้ว” ไกด์ลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ “ผมกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเค้า คุณกับเพื่อนคุณหยุดพ่อเค้าได้มั้ย”
   “ฉันไม่แน่ใจนักแต่....” เจนมองออกไปนอกร้าน “ฉันยังมีข้อมูลไม่มากพอฉัน....”
   “คุณต้องไปหาจีโอ” ไกด์ว่า “ไปกับผม ผมพาไปเอง”
   “แต่ฉัน.....”
   ไกด์จับมือของเธอพลางลากเธอออกจากร้าน ทิ้งเอาเอกสารทุกอย่างวางไว้บนโต๊ะอย่างนั้น ก่อนจะล็อคประตูร้านทันที เจนจิราซุกมือลงในเสื้อโค้ดของเธอ ขณะที่รอไกด์ปิดร้านให้เรียบร้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดินไปตามถนนเซนต์จอร์จ
   “คุณแน่ใจได้ไง ว่าจีโอจะบอกเรา” เธอถามไกด์ “คุณทำให้เค้าพูดได้มั้ย”
   “ผมเหรอ” ไกด์ว่า “เค้าไม่พูดเพราะผมหรอก...ถ้ามันจะพูด ผมว่าเพราะคุณ..”
   เจนยิ้มน้อยๆให้กับคำตอบนั้น เธอเองก็มีคำพูดมากมายอยากจะบอกจีโอเหมือนกัน
   หนึ่งในนั้น คือคำว่าขอโทษ......
..................
   ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วปารีส ความมืดย่างกรายเข้ามาทำให้ท้องถนนกลางปีเต็มไปด้วยความอึดอัด เสียงฝีเท้าของหญิงสาวรูปร่างโอดองค์วิ่งไปตามท้องถนนที่มิดสนิท เธอรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผิดพลาด ผิดพลาดเอามากๆ และก็คงเป็นเธอเองที่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เอง ความหวาดกลัวก้าวขึ้นมาในใจอยู่ทุกขณะเมื่อรู้ว่าการหลบหนีในเวลาแบบนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะและ
   “ถ้าจำไม่ผิดเรามีนัดกันที่บัวส์ เดอ บูโลญ” ชายคนหนึ่งเท้าแขนขวางหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะหลุดออกจากตรอกไป หญิงสาวชะงักงันก่อนที่จะตั้งสติได้
   “พรุ่งนี้ฉันมีเดินแบบ อยากกลับไปพักผ่อน” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
   “ไม่เอาน่าสเตลล่า เธอไม่ใช่คนที่จะลืมอะไรง่ายๆนี่” ชายคนนั้นเรียกชื่อเธอ “ฉันเองไม่ได้อะไรจากการวิ่งไล่เธอ เธอต่างหาก ที่หน้าที่การงานของเธอ เดิมพันเอาไว้กับข้อตกลง ที่ดูเหมือนว่าเธอ....”
   ชายคนนั้นกระชากแขนเธออย่างแรงทันที
   “...จะไม่ทำตาม” ชายคนนั้นกัดฟัน สเตลล่าสะบัดแขนตัวเองออกทันที
   “อย่ามาล้ำเส้นกับฉันนะ รายละเอียดทุกอย่างที่ฉันรู้ ฉันก็ให้เค้าไปหมดแล้ว นายจะเอาอะไรอีก” สเตลล่าว่า
   “ลูกชายของเค้าหายตัวไป เค้าต้องการให้เธอตามหาให้พบและพาเค้ากลับมา” ชายคนนั้นกล่าวอีก
   “มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนะ” สเตลล่าว่า “ลูกใครหาย ก็ไปตามเอาเองสิ มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันซะหน่อย”
   “แต่ตอนที่ฉันให้โอกาสเธอกับคอสโม่โพลิแทน จำได้ว่าเธอไม่ได้พูดอะไรแบบนี้” เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้น เสียงที่ทำให้สเตลล่าถึงกับหยุดชะงักทุกๆอย่างแม้กระทั่งในความคิด เธอหันไปยังอีกฟากนึงของถนน ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทอยู่ในรถส่วนตัวที่กำลังเปิดประตูอยู่
   “คุณวรพัฒน์” เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก
   “จำได้ว่าเธอ บอกกับฉันว่าเธอเป็นแฟนของลูกชายฉัน” วรพัฒน์ว่าต่อ “และก็ยินดีที่จะจับตาดูเขาให้ฉันทุกฝีก้าวไม่คลาดสายตา เพื่อแลกกับการได้สัญญากับคอสโม่ไปสองปี”
   “คือฉัน...”
   “แล้วเธอก็ผิดคำพูดของตัวเอง....” วรพัฒน์พูดต่อ สเตลล่าหลับตาลงทันที
   “ฉันบอกคุณไปหมดแล้ว ทุกเรื่องที่ฉันรู้ ความจริงทุกอย่าง” สเตลล่าว่า
   “ความจริงของเธอ” วรพัฒน์ต่อคำ
   “ความจริงไม่เป็นของใครทั้งนั้น” สเตลล่าว่า “ฉันได้ทำตามที่คุณขอแล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
    “แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าชื่อของเจ้าวินจะอยู่ไม่ในโผผู้บริหารซูเม่ ถ้าเธอรายงานฉันทุกอย่างแล้ว” วรพัฒน์แผดเสียง
   “ฉ...ฉันไม่รู้” สเตลล่าพูดกุกกัก
   “งั้นก็บังเอิญว่าฉันอาจจะหลุดปากบอกเพื่อนผู้บริหารของฉันที่คอสโม่โพลิแทนได้ ว่าเธอเคยติดสารเสพติดและกำลังเข้ารับการบำบัด ถ้านางแบบอนาคตไกลมีข่าวแบบนี้มันจะเป็นยังไงกันนะ”  วรพัฒน์ว่าต่อ
   “คุณจะพูดกับที่ทำงานของฉันว่าอะไรก็ได้ แต่ฉันบอกคุณหมดแล้วนะ” สเตลล่าว่า “ทำไมคุณถึงต้องใส่ใจกับเรื่องนี้นัก วินเค้าทำให้คุณมาแล้วทุกอย่าง แล้วฉันก็เชื่อว่าในวันพุธนี้ จะมีวินในตำแหน่งที่เหมาะสมกับเค้าที่ซูเม่แน่นอน”
   “งั้นเหรอ” วรพัฒน์หยิบเอกสารขึ้นมาแล้วเขวี้ยงใส่เธอทันที “แล้วนี่มันอะไร”
   สเตลล่าหลับตาลงทันที
   “บอกฉันสิ ว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อ จิมมี่ โอรันโด” วรพัฒน์ว่าต่อ “ผู้ถือหุ้นคนใหม่ของซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอล นักธุรกิจจากเบอร์ลินที่เรียกตัวเองด้วยชื่อย่อว่า จีโอ เพื่อนเก่าแก่ของเธอ”
   สเตลล่าเงียบสนิท
   “ซูเม่ต้อนรับมันอย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่านายนี่ เข้ามาผ่านเส้นสายของเจ้าวิน และคนอย่างเจ้าวิน ก็ไม่มีทางจะไปรู้จักนักธุรกิจเบอร์ลินได้ ถ้าไม่ใช่การแนะนำจากคนในพื้นที่ จากสาวน้อยที่ยอมทิ้งบ้านเกิดจากเบอร์ลินมาเพื่อเป็นนางแบบ” วรพัฒน์ย่างเท้าเข้ามาหาเธอ
   “แล้วมันสำคัญตรงไหน ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของวินเค้า คุณเองก็น่าจะยอมรับ” สเตลล่าว่า
   “เธอตอบไม่ตรงคำถามนะนังหนู ฉันถามว่าทำไมเธอไม่รายงานฉัน ทั้งๆที่เราตกลงกันแล้ว” วรพัฒน์ว่า “เธอตุกติกกับฉัน และนี่คือความเสียหายหลายแสน ที่แม้แต่เสื้อผ้าที่เธอได้แต่ยืมมาใส่ขึ้นปก ก็ไม่มีปัญญาชดใช้ฉันได้หมด”
   “ได้....ฉันจะตอบคำถามคุณ” สเตลล่าว่า
   ถ้านี่เป็นสิ่งที่เธอจะชดใช้ให้กับการเลือกเส้นทางลัดอย่างไม่ใสสะอาดของเธอเมื่อเดือนก่อนเพียงชั่ววูบ หลังจากที่เธอพยายามหลายครั้งที่จะให้วินรู้ว่าเขากำลังอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก นี่คือสาเหตุที่เธอยกประเด็นให้วินทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของไกด์ให้ดี เพราะเธอรู้ว่า มีอะไรที่น่ากลัวมากกว่ารอทั้งคู่อยู่ แต่มันก็อาจจะสายไปแล้ว วินและไกด์มีความสัมพันธ์ที่ไกลเกินกว่าเธอจะทำลายได้ และเป็นเธอเองที่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
   “ฉันไม่ใช่แฟนลูกชายคุณ” เธอพูดเสียงดังฟังชัด “ฉันรู้ว่าลูกชายของคุณ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ซูเม่ได้เติบโตต่อไป โดยไม่มีอำนาจของคุณอยู่ข้างในนั้น และฉันก็เห็นด้วย”
   วรพัฒน์จ้องหน้าเธอ
   “นั่นแหละ คือสาเหตุที่ฉันไม่บอกคุณเรื่องจีโอ ฉันจะรอให้คุณรู้เอง เมื่อโต๊ะบริหารกบีบให้คุณเซ็นรับทราบการปรับโครงสร้างและการปันงบ” สเตลล่าพูดต่ออย่างไม่เกรงกลัว “และคุณก็จะแพ้ ไม่ใช่แพ้ลูกชายคุณ หรือแพ้จีโอ คุณน่ะแพ้ตัวเอง แพ้อุดมการณ์สร้างโลกแห่งธุรกิจและเม็ดเงินที่คุณสร้างขึ้นมาและคิดว่ามีเพียงแค่คุณคนเดียวที่จะได้แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ”
   “มันไม่มีอะไร ที่จะไม่เป็นไปตามที่ฉันต้องการ” วรพัฒน์ว่าอีก
   “งั้นเหรอคะ มันสายไปแล้วค่ะ” สเตลล่าว่า “และเท่าที่ฉันทราบ เจ้าของซูเม่ได้เซ็นรับรองคุณจีโอไปแล้ว ในและภายในวันพุธนี้ ผู้ถือหุ้นที่เหลือก็จะทยอยเซ็นตามๆกัน จนถึงคุณเป็นคนสุดท้าย”
   สเตลล่าเดินย่างสามขุมเข้าไปหาวรพัฒน์ทันที
   “คุณจะหยิบปากกาสีเทาด้ามนั้นที่คุณชอบนักหนา มาเซ็นรับทราบความพ่ายแพ้ของตัวคุณเอง” สเตลล่าพูดเสียงดังฟังชัด “และตอนนั้น ฉันจะนั่งดูบทเรียนที่คุณทำกับลูกชายของคุณอย่างพอใจ”
   วรพัฒน์กัดฟัน
   “สำหรับฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงฉันมันก็คนที่นี่ ไม่รอดก็ตาย ก็ดิ้นต่อไป” สเตลล่าว่า “แต่กับลูกชายคุณ เค้าเป็นคนดี ถึงแม้ว่าที่เมืองไทย เค้าจะเคยเกเร เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องของคุณ แต่กับที่นี่ เค้าได้หยิบยื่นโอกาสให้กับคนอื่น ให้กับคนที่มีอดีตอันเลวร้าย ให้กับฉันที่เป็นคนอื่นแท้ๆ เขาทำสิ่งที่คนที่มีเงินล้นฟ้าอย่างคุณ ไม่มีปัญญาทำ ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเค้าแน่นอน”
   น้ำตาของสเตลล่าคลอเบ้า......
   วิน....ฉันขอโทษ
   “และฉันสมเพชคุณจริงๆ” สเตลล่ากัดฟัน “หวังว่านี่คงจะชัดเจนแล้วนะคะ สำหรับคำถามที่คุณต้องการ”
   “หึหึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” วรพัฒน์หัวเราะดังลั่น สเตลล่าจ้องเขาตาถลน “เก่งมาก ให้ตายสิ คนรอบๆตัวเจ้าวินนี่มันตัวเจ๋งๆทั้งนั้นเลยว่ะ”
   เธอเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
   “นี่เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้ทุกๆอย่างมันเกิดขึ้นแบบนั้น โดยที่ฉันไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ” วรพัฒน์กล่าว “ฉันบอกเธอไปแล้ว ว่าฉันลงทุนไปกับเรื่องนี้เยอะเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการถึง งั้นฉันก็จะเล่าอะไรให้เธอฟังนะ สาวน้อย”
   วรพัฒน์เดินเข้าหาเธอบ้าง
   “ฉันไม่เคยกลับไปเมืองไทยเลย นับตั้งแต่ฉันมาที่นี่เดือนก่อน” วรพัฒน์ว่า “เธอคิดว่าฉันจะลงทุนซื้อตึกราคาหลายล้านให้เจ้าวินไปฟรีๆ โดยที่ฉันไม่ได้อะไรเลยงั้นเหรอ ไม่ ไม่แล้ว พอกันทีกับลูกชายตัวแสบของฉัน ฉันสั่งให้ไลโอเนลล์ ตามดูมันทุกฝีก้าวมาตลอดหลายสัปดาห์มานี่ และฉันก็รู้มามานานมากแล้ว ว่าเธอ ไม่ได้เป็นอะไรกับมัน”
   ถึงตรงนี้ สเตลล่าไม่เหลือสติอะไรใดใดอีก
   “ฉันฝากงานให้เธอ ก็แค่เพื่อจะยืนยันสิ่งที่ฉันสงสัย และจะดูซิว่า น้ำหน้าอย่างมัน จะโกหกอะไรฉันอีก” วรพัฒน์ว่า “และมันก็จริง มันวิ่งโร่หาคนมาเสียบแทนตัวเองได้สำเร็จ หาทุนให้ตัวเองลงแฟชั่นวีคได้โดยไม่แตะต้องเงินฉันแม้แต่แดงเดียว มันกล่อมสุเมธให้ย้ายกายสิทธ์และเจนจิราไปขยายสาขาที่อังกฤษ เพื่อมันจะได้เวทีแฟชั่นวีคเดือนกันยาไปเต็มๆ โดยเป็นผลงานของมันเพียงคนเดียว ถ้าเธอคิดว่าฉันเป็นพ่อที่เลวร้าย แล้วใครที่เนรคุณ”
   สเตลล่าเงียบสนิท เธอไม่เคยกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากเท่านี้มาก่อนเลย
   “แล้วเพราะอะไร มันถึงจะอยากจะออกไปจากฉัน เพราะอะไร ฉันหยิบยื่นสิ่งดีดีให้มัน มันถึงปฏิเสธฉันมาตลอด” วรพัฒน์ว่าต่อ “มันเลือกชีวิตโง่ๆกับคนขายกาแฟ กับร้านอาหารโง่ๆที่ฉันสามารถซื้อได้ในราคาแค่สี่แสนยูโร มันเอาชื่อเสียงของฉัน มาจมกับเรื่องไร้สาระ โดยไม่ได้คิดถึงหน้าตาของพ่อแม่ เธอคิดว่าใครกัน ที่เป็นคนที่น่าสมเพชห้ะ”
   ใบหน้าของวรพัฒน์แดงก่ำด้วยความโกรธ สเตลล่าหายใจเข้าไม่เป็นจังหวะ
   “ตอบฉันสิ แม่คนเก่ง มองหน้าฉัน” วรพัฒน์จับหน้าเธอมามองตัวเขาเอง “คิดว่าฉันรู้แบบนี้แล้ว แล้วฉันจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นเหรอ ไม่ มันจะไม่เกิดขึ้น ไม่แน่นอน”
   “คุณ ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เสียใจด้วย” สเตลล่ารวบรวมสติ และตอบโต้ นี่ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ซะทีเดียว ใจของเธอไปอยู่กับวินเรียบร้อยแล้ว เธอต้องรีบให้เขารู้โดยเร็วที่สุด
   เบอร์ของวิน.......
   “คิดงั้นเหรอ” วรพัฒน์ว่า ”ถ้าเธอไม่กลัวสิ่งที่ฉันรู้ก็ดี เพราะสิ่งที่ฉันอยากให้เธอกลัวคือสิ่งที่ฉันทำไปแล้ว และสิ่งที่ฉันกำลังจะทำต่างหาก”
   วรพัฒน์กดรีโมทรถทันที กระจกสีดำขลับเผยให้เห็นร่างๆหนึ่งที่อยู่ในสภาพย่ำแย่และถูกมัด รวมถึงปิดปาก และในความืดมิดนั้น นั่นคือใบหน้าของเพื่อนของเธอ
   “จีโอ” สเตลล่าร้อง “คุณ...คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
   “มันยังไม่ได้ยื่นเรื่องเข้ามาเพื่อทำงานในปารีส ตอนนี้มันเป็นแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น” วรพัฒน์ว่าพลางล็อคตัวของสเตลล่าเข้ากับกำแพงทันที “ถ้าตำรวจจะติดตามนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาปารีสคนเดียว และหายตัวไป เธอคิดว่าจะใช้เวลาซักกี่วันกันล่ะ”
   “คุณ.....” สเตลล่าร้องขณะที่ไลโอเนลล์เข้าล็อคตัวเธอไว้อีกแรง
   “เธออาจะจะสวยจนไม่มีสมอง งั้นฉันจะคิดให้ก็ได้” วรพัฒน์ว่า “อย่างน้อยก็จะเกินวันพุธนี้ไง แล้วใช่ ฉันปล่อยตัวแกกับมัน หลังจากที่คู่สัญญาทางธุรกิจของฉันพลาดการประชุมปันงบครั้งแรกไปซะแล้ว คงแย่หน่อยนะ แต่ไม่ต้องห่วงฉันชดใช้ค่าเสียหายให้ หลังจากฉันได้เก้าอี้ให้ตัวเองและไอ้วินที่ซูเม่แล้ว”
   “ไม่ ปล่อยนะ คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่....”
   สเตลล่าดิ้นอยู่ในการล็อคของไลโอเนลล์ ขณะที่วรพัฒน์เดินไปที่รถของตัวเอง และหยิบเอารีโมทบางอย่างออกมา
   “ที่นี่ห่างจากเซนต์จอร์ชไม่เท่าไหร่” วรพัฒน์ว่า “ฉันว่าเธอน่าจะยินดีร่วมเป็นเกียรติในการยิงพลุของฉันนะ”
   “คุณจะทำอะไรอ่ะ อย่านะ ฉันขอล่ะ หยุดเถอะ” สเตลล่าร้องพลางมองไปที่รีโมทนั้น วรพัฒน์ยิ้มให้กับเธอก่อนเอื้อมมือไปหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าของเธอ
   “อย่า เอาคืนมานะ หยุดนะ” สเตลล่ากรีดร้อง
   วรพัฒน์กดไปยังเบอร์โทรล่าสุดที่เธอเพิ่งจะวางสายไป เบอร์ของคนที่ขอไปอาศัยหลบพักใจ และหนีจากเรื่องพลิกผันอันวุ่นวายทั้งหมดที่ผ่านมา คนที่ขอเวลาเพียงชั่วครูเพื่อให้ได้รักษาแผลของตัวเอง
   วิน.....
   “ถ้าคุณโทรหาเค้า คุณจะทำร้ายลูกชายคนเดียวของคุณ” สเตลล่าขอร้อง ”ขอล่ะคุณวรพัฒน์อย่าทำเลยนะ อย่าให้เค้าต้องเสียใจไปมากกว่านี้”
   วรพัฒน์แนบหูตัวเองเข้ากับโทรศัพท์ทันที
   “ฮัลโหล สเตลล์” เสียงของวินรับสาย เสตลล่ามองเหตุการณ์ตรงหน้าพลางร้องสุดเสียง
   “วิน พ่อเธอ วิน พ่อของเธอ....เค้ารู้เรื่องเธอกับไกด์แล้ว เค้ารู้เรื่องหมดแล้ววววววว”
   “หวัดดี ไอ้ลูกชาย” เสียงของวรพัฒน์ปลุกให้วินตื่นจากภวังค์ เสียงของสเตลล่าที่ลอดเข้ามาในสาย ทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
   “พ..พ่อ” วินร้อง
   “แกทำฉันไว้แสบมากนะ” วรพัฒน์ว่า “ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว ว่าแกกำลังจะทำอะไร”
   “พ..พ่อ” วินว่า เขารู้สึกตัวเองได้เลยว่าผนังห้องพักของสเตลล่ากำลังบีบอัดเขา เข้ามาทุกขณะ “พ่อ ผม ผม...”
   “แกไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่ฟังอะไรอีกแล้ว แกต่างหากที่ต้องฟัง” วรพัฒน์ชูโทรศัพท์ขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะกดรีโมททันที
   ตึ้ม!!!!!!!!!!
   เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ของแรงระเบิดดังลอยมาแต่ไกล เสียงที่บาดลึกมาถึงก้นบึ้งของหัวใจของวิน
   “เสียงอะไร พ่อทำอะไรอ่ะ พ่อ!!!!!!” วินตะโกนสุดเสียง ผ่านออกมาจากโทรศัพท์ของสเตลล่า หญิงสาวหันไปทางต้นกำเนิดเสียง
   ความเงียบสงัดทำให้เธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ด้านหลังตึกแถวที่ถัดออกไป แสงวูบวาบลอยมาให้เห็นข้ามมาถึงตรอกมืดที่เธอยืนอยู่
   “ตะวันออก” สเตลล่าพูด “เกล็ดหิมะ..คุณ...”
   “ฉันต้องการเจอแกวันพุธที่ซูเม่ แล้วฉันจะจบเรื่องนี้” วรพัฒน์พูด “แกไม่มีทางหนีไปจากชีวิตฉันได้วิน”
   วรพัฒน์กดวางสายทันที ก่อนจะสั่งให้ไลโอเนลล์นำตัวสเตลล์ไปขึ้นรถ
   เธอได้แต่มองเปลวแสงสีส้มที่ลุกโพลงมาจากเลขที่ 4 ถนนเซนต์จอร์ชที่อยู่ถัดออกไป เสียงกรีดร้องรับสิบดังก้องสะท้อนมายังท้องถนนของปารีส น้ำตาของสเตลล่าไหลลงมาเบาๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ
...................
   วินวางโทรศัพท์ลง เขาทรุดตัวลงกับพื้น สายตาจ้องเขม็งไปกับพรมสีจืดของสเตลล่า น้ำตาของเขาไหลลงมาเบาๆ พร้อมกับเสียงไซเรนที่ดังแว่วมาแต่ไกล ชายหนุ่มลุกขึ้นมองไปยังหน้าต่าง
   ไม่ นี่จะต้องไม่ใช่สิ่งที่เค้าคิด
   เขาขอแค่เวลาเพียงสองวัน เขาแค่หนีมาเท่านั้น ทำไมกัน...ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นมันต้องไม่ใช่สิ่งที่เค้าคิด
   ต้องไม่ใช่ที่นั่น ที่ที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ที่ที่ทำให้เขาได้เจอเรื่องราวต่างๆมากมาย
   พ่อต้องไม่ทำแบบนี้กับที่นั่น....
   เขาเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะเห็นไม่ชัดจากตรงนี้ แต่ตำแหน่งของควันไฟที่พวยพุ่งอยู่ตรงนั้น บอกเค้าแทนคำตอบในทุกคำถามที่เขากำลังถาม
   ร้านเกล็ดหิมะ ถูกทำลายลงแล้ว........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2014 04:13:11 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
- - มาม่าเยอะมั้ยนิ รีบๆผ่านไปไวๆนะ 555  เด๋วคนอ่านจะโศก นาน (i ^ i)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เย้มาอีกตอนแล้ว ดีใจมากเลย
ขอบคุณมากนะคะ คนแต่งหลายไปนานเลย
ดราม่าจะหมดเมื่อไหร่สงสารวินมากเลย
คนแต่งมาต่อบ่อยๆนะคะ มาต่อจนจบเลยนะคะ ขอร้องงงงงงงงงงงง
ขอบคุณอีกครั้งค่าาา

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 42 Flame

   เสียงไซเรนดังก้องไปทั่วถนนหมายเลขที่ 4 รถของหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยวิ่งอย่างขวั่กไขว่ หลังจากเสียงระเบิดดังกึกก้องกลางดึกเกิดขึ้นที่หัวมุมถนนเซนต์จอร์จ เสียงผู้คนโวยวาย ร่ำไห้ ปะปนกับกลุ่มไฟที่พวยพุ่ง ร้านอาหารเฟอคอน เดอ เนง เกิดเหตุระเบิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เสียงอันดังอึกทึก ปลุกให้หลายชีวิตตื่นขึ้นด้วยเสียงอันดัง ไปไกลหลายร้อยเมตร แสงไฟและเปลวควันล่องลอยสู่ท้องฟ้า
   แรงอัดกระแทกของระเบิดทำให้ร่างสองร่างที่เพิ่งเดินออกมาจากที่เกิดเหตุได้ไม่นานล้มลงทันที เมื่อการปะทุของไฟสงบลงได้หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากการสลบแน่นิ่งไปของเจนจิรา ไกด์หอบเอาร่างกันบอบช้ำ ประคองตัวของเธอขึ้น พอดีกับที่หน่วยกู้ภัยและดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุและเข้าเคลียร์สถานการณ์ และเข้าปฐมพยาบาลทั้งคู่ โชคดีที่ทั้งคู่เดินห่างจากตัวร้ายมาไกลพอสมควร ทำให้แรงระเบิดไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก นอกจากบาดแผลเพียงเล็กน้อย แต่ผลกระทบที่ร้ายแรงกว่า คือ สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ สัญลักษณ์แห่งความหวังทั้งหมดของไกด์ ถูกพังทลายลงต่อหน้า
   เจนจิราลืมตาขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือเธอ หญิงสาวตื่นตระหนกและลุกขึ้นนั่งทันที เบื้องหน้าของเธอคือกลุ่มไฟที่ลุกโพลง เผาไหม้ร้านเกล็ดหิมะ ผู้คนวิ่งไปมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมสกัดเปลวไฟไม่ให้ลุกลามไปยังตึกใกล้เคียง
   เธอพยายามตั้งสติทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ความจำสุดท้ายก็คือเธอและไกด์เดินเลี้ยวที่หัวมุมถนน หลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
   “I’m fine,thank you” เธอกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแล พลางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น อาการเจ็บแผลเกิดขึ้นอย่างเบาบาง เธอใช้กำลังที่เหลืออยู่มองไปรอบๆ บาริสต้าคนนั้นกำลังยืนห่างรถพยาบาลไปไม่ไกลนัก เขายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนิ่งสนิท เธอค่อยๆเดินไปหาเขาทันที
   เธอมองหน้าไกด์ที่มีรอยเลือดจากการกระแทกพื้น ใบหน้าของบาริสต้าส่องประกายความสิ้นหวัง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกจนเจนสัมผัสได้ เจนจิราจับแขนของเขาเบาๆ
   “ไม่นะ ไม่ ม่ายยยยยย” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกฝากหนึ่งของฝูงชน เจนและไกด์หันไปตามเสียงนั้น “ไม่จริงนะ ไม่ โธ่ ร้านของฉัน ไม่ ไม่.....”
   เจ๊ใหญ่พยายามจะฝ่าวงล้องของผู้คนเข้าไปในตัวร้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องดึงตัวเธอไว้ ภาพตรงหน้าสำหรับเจนแล้วนี่เป็นความเจ็บปวดที่เธอสัมผัสได้ ภาพของหญิงสาวที่เพิ่งคุยกับเธอเมื่อเย็นปรากฎขึ้นในหัวสมอง

   “สิ่งที่คุณทำมันผิดฎหมายนะคะ” เจนจิรากล่าว
   “โอ๊ย คุณคะ” เจ๊ใหญ่กล่าว “ที่นี่เป็นบ้านค่ะ มันมีความหมายกับหลายๆคนมากที่นี่ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ที่นี่อยู่ต่อค่ะ ต้องสินบนตำรวจฉันก็ยอม”

   เจ๊ใหญ่ดิ้นรนและกรีดร้องอยู่ตรงนั้น ขณะที่ไกด์พยายามกันตัวเธอไว้ เสียงร้องของเธอบาดลึกลงไปถึงหัวใจของเจน

   “นั่นคือทางออกจริงๆเหรอคะ” เจนว่า “ฉันไม่คิดว่า...”
   “คุณไม่เข้าใจหรอก” เจ๊ใหญ่ว่า “สำหรับฉัน ความตั้งใจของฉันที่นี่คือการได้ช่วยเหลือคนค่ะคุณเจน สำหรับฉันมันเป็นมากกว่าร้านอาหาร ฉันช่วยให้คนีข้าวกินต่อชีวิตไปหนึ่งมื้อ ฉันช่วยให้ที่พักกับคนที่ต้องต่อสู้กับพายุหิมะที่โหดร้าย”
   “แต่คนเราต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองนะคุณ” เจนจิราว่า “เราไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือใคร โดยเฉพาะคนที่ไม่รับผิดชอบชีวิตตัวเอง”
   “คุณเจน” เจ๊ใหญ่จับมือของเจนจิรา เธอถึงกับสะดุ้งเบาๆ “ไม่มีใครอยากเจอเรื่องร้ายๆหรอกค่ะ แต่คนบางคนไม่มีทางเลือกกับตัวเองมากนักหรอก คุณอาจจะเข้มแข็ง อาจจะจัดการชีวิตตัวเองได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่สนใครนะคะ พี่ปิดร้าน ไม่ทำแล้วก็ได้ แต่พี่เสี่ยง พี่เสี่ยงที่ขะช่วยให้อีกหลายคนมีชีวิตต่อไปค่ะ”
   “พวกเขากลับเมืองไทยได้ค่ะ” เจนจิรากล่าว “นั่นเป็นทางออกที่ดีที่....”
   “เป็นคุณ คุณจะหันหลังกลับเหรอคะ เมื่อคุณทิ้งทุกๆอย่างมาเพื่ออยู่ที่นี่แล้ว” เจ๊ใหญ่พูด

   เจนจิรามองเจ๊ใหญ่ร่ำไห้อยู่ภายใต้อ้อมกอดของไกด์อยู่ตรงนั้น พร้อมกับผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเธอ คนที่ทำงานในร้านเกล็ดหิมะ ทุกๆคนมองไปยังความหวังที่ถูกแผดเผาเบื้องหน้า หยดน้ำตาอาบใบหน้าของคนเหล่านั้น เจนจิราก้มหน้าลงกับตัวเอง
   ....เธอเคยทิ้งทุกๆอย่างมาอยู่ที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้เกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่เคยคิดจะหันหลังกลับ.....
   ทั้งๆที่เธอเข้าใจความรู้สึกนั่นอยู่แล้ว เธอเข้าใจมันดีอยู่แล้ว
   เธอกัดฟัน พลางมองไปยังร้านเกล็ดหิมะที่ถูกแผดเผา เสียงของเจ๊ใหญ่ ใบหน้าของไกด์ คำพูดของวิน ทุกๆอย่างกำลังตีรวนในหัวของเธอ มันกรีดลึกลงไปในจิตใจที่ก่อกำแพงให้กับตัวเอง นับตั้งแต่เธอเริ่มออกเดินหน้า โดยไม่หันหลังกลับ เปลวไฟตรงหน้า กำลังหลอมละลายความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวของตัวเธอเอง
   เธอมองทุกๆอย่างผิดไป วิน กำลังทำสิ่งที่เธอเองก็ทำมาก่อน แต่เธอกลับไม่เคยยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถ้าเธอรู้ซักนิด ว่าสิ่งที่วินพยายามมาทั้งหมด เป็นแบบเดียวกับที่เธอพยายาม ถ้าเธอรู้เพียงซักนิด....
   “เจน...” เสียงเสียงหนึ่งปลุกให้เธอตื่นขึ้นจากความคิด เธอหันหลังกลับมา กาย และ นัท นั่นเอง ทั้งคู่ดูตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอมองกายด้วยสายตาแข็งกร้าว พร้อมกับหลั่งน้ำตาเบาๆ
   “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น” กายถามพลางเริ่มตรวจดูร่างกายของเธอ “ผมกับนัทเราได้ยินเสียงระเบิด เรากำลังจะไปหาเอิร์ธ แล้ว...”
   “เจนทำลายเค้า” เจนจิราพูดเสียงสั่น “เจนทำให้ทั้งหมดนี่เกิดขึ้น”
   “เจน” กายเรียกชื่อเธอ
   “ทั้งหมดเป็นเพราะเจนเองค่ะกาย” เจนพูดเสียงสั่น “เจนเป็นต้นเหตุ เจน.....เจนผิดเอง”
   เธอทรุดตัวลงกับพื้นทันที ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ กำลังบีบคั้นเธอให้พบกับความจริงที่เธอเอง เป็นต้นเหตุทำให้วินไม่สามารถไปสู่จุดที่หวังได้ ถ้าเธอรับฟังวินมากกว่านี้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น เป็นเธอที่ทำลายความหวังของเอิร์ธ เป็นเธอเองทั้งหมด
   กายและนัทประคองตัวเธอไว้ได้ทัน
   “เจน เจน” กายร้องเรียกเธอ
   “We need help,please” นัทร้องเรียกหน่วยปฐมพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล เจ้าหน้าที่สองสามคนวิ่งเข้ามาดูอาการของเจนทันที เธอถูกประคองตัวไปนั่งยังรถที่เธอลุกมาเมื่อครู่ เพื่อตั้งสติ กายและนัทดูแลเธออยู่ตรงนั้น
………
   สำหรับไกด์แล้ว เขาไม่คิดว่าตัวตนเก่าๆจะกลับมาได้ แต่ตอนนี้ เขารู้ตัวเลยว่าร่างปีศาจที่เขาพยายามซ่อนมันไว้กำลังลุกโชน เสียงของเจ๊ใหญ่ที่ร้องไห้อย่างหนักอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้ความโกรธแค้นปะทุขึ้นทุกที
   “หมด หมดแล้ว” เจ๊ใหญ่ว่า “แล้วฉันจะทำยังไงดี โธ่….ฉันจะทำยังไงดี”
   เจ๊ใหญ่ร่ำไห้สะอึกสะอื้น ไกด์กัดฟันด้วยความแค้น เขามองไปยังเจนจิราที่อยู่ในรถพยาบาล
   “พี่โจ้ ดูเจ๊ที” ไกด์เรียกพี่โจ้ ที่คงวิ่งหน้าตาตื่นมาจากบ้านที่อยู่ไม่ไกลกัน พ่อครัวหนุ่มละสายตาจากภาพตรงหน้า และรีบประคองเจ๊ใหญ่แทนไกด์ ชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินตรงรี่ไปหาเจนทันที
   “ผมต้องการพบพ่อของวิน” ไกด์พูดเสียงดังฟังชัด เมื่อเดินมาถึงรถพยาบาล “เค้าอยู่ที่ไหน”
   เจนมองหน้าของไกด์ ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใดใดแล้ว
   “ผมถามว่าเค้าพักอยู่ที่ไหน” ไกด์แผดเสียงใส่วิน
   “เห้ย ใจเย็นก่อนดินาย” กายออกตัวปกป้องเจนไว้ทันที “โมโหไปก็ไม่ได้อะไรหรอก”
   “ไม่ได้อะไรเหรอ” ไกด์ว่า “ก็เรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นได้ ก็เพราะคุณสองคนไม่ใช่รึไง”
   เขาจะไม่ยอมอีกแล้ว ถ้านี่จะเป็นทางที่จะทำให้เขาได้วินคืนมา เขาก็จะทำ
   “ถ้าคุณสองคนยอมรับข้อเสนอของจีโอตั้งแต่แรก ฟังวินตั้งแต่แรก เรื่องนี้ก็ไม่เกิด” ไกด์ชี้ไปที่ร้านเกล็ดหิมะ “ถ้าคุณฟังเค้าตั้งแต่แรกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แค่พวกคุณ....”
   “ถ้านี่จะเป็นความผิดของผมกับเจน งั้นคุณก็ผิดด้วยเหมือนกัน” กายแผดเสียง ไกด์เงียบลง “คุณไปอยู่ไหนมาล่ะ ถ้าคิดว่ตัวเองจัดการเรื่องทั้งหมดได้ แล้วมัวไปทำอะไรอยู่ห๊ะ”
   กายเดินเข้าไปหาไกด์
   “ถ้าคุณเป็นมากกว่าเพื่อนของวินเค้าจริงๆ นี่อ่ะนะ สิ่งที่ใครซักคนจะทำเพื่อนคนรัก” กายว่า “คุณเป็นนักธุรกิจ คุณช่วยเค้าได้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เป็นคุณได้ตั้งแต่แรก แต่คุณก็ไม่ทำ แล้วคุณจะมาเสียใจอะไรเอาตอนนี้”
   “ผมช่วยเค้ามาตั้งแต่แรก” ไกด์คำราม “ผมอยู่กับเค้าในเวลาที่ไม่มีใครอยู่ ผมฟังเค้าในเวลาที่ไม่มีใครฟัง ที่นี่เป็นมากกว่าบ้านของผมและวิน ตั้งแต่วินเริ่มทำเรื่องพวกนั้น มันทำลายเค้า มันทำลายทุกอย่างที่ผมกับวินสร้างมา เรื่องพวกนี้ทำลายเรา ทำลายเกล็ดหิมะ พวกคุณทำลายเรา”
   กายเงียบเสียงลง สิ่งที่ไกด์พูดไม่ใช่ว่าจะไม่จริง เจนร้องไห้เงียบๆทันที
   “บางทีแค่รับฟังอย่างเดียวไม่พอนะนาย” กายพูดเบาๆ พลางหันไปมองนัทที่กำลังโอบตัวเจนเอาไว้ เรื่องในอดีตเตือนสติเขาบางอย่าง “สำหรับคนสำคัญแล้ว เราต้องทำด้วย พิสูจน์สิ่งที่เรารู้สึก ให้เขารู้ว่าเราคือคนสำคัญสำหรับเค้า และเค้าคือคนสำคัญสำหรับเรา”
   ไกด์มองหน้ากาย
   “ผมว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโทษว่าใครเป็นต้นเหตุ” กายว่า “ผมเราต้องหาความจริงให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้”
   ไกด์หลับตาลง หรือว่านี่จะเป็นสิ่งเดียวกับที่จีโอพูดกับเขา มันไม่สำคัญแล้วว่าเขาจะมองว่าสิ่งที่วินทำให้เขาจะเป็นไปได้ไหม
   ไกด์มองหน้าเจนจิราที่ร้องไห้เบาๆ เขาเดินตัดตัวกายไปหาเธอทันทีและนั่งลงตรงหน้าเธอ
   “คุณเจน” ไกด์พูดชัดถ้อยชัดคำ “ผมต้องพบคุณพ่อของวิน”
   ไกด์มองเข้าไปในดวงตาของเธอ
   “ผมจะไม่ยอมให้อะไรทำลายผมกับวินได้อีก” ไกด์พูด “ผมไม่สนแล้ว ว่าวินจะทำอะไรอยู่ ตอนนี้ผมมีความต้องการของผมเองแล้ว และผมจะทำมันให้สำเร็จ”
   “การไปพบคุณวรพัฒน์ นั่นเท่ากับคุณฆ่าตัวตาย” เจนพูดเสียงสั่น “จากเรื่องทั้งหมดที่วินเค้าทำ คุณไม่ใช่คนที่เขาจะยอมรับได้แน่ ถ้าเหตุระเบิดนี่เป็นฝีมือเค้า ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวกว่านี้ที่เขาจะทำกับคุณไม่ได้”
   ไกด์หลับตาลง
   “วินเคยบอกว่า เขาอยากอยู่กับผมตลอดไป” ไกด์พูดทันที เจนจิรามองไกด์ทันที กายถึงกับหันมามองไกด์อีกครั้ง “ความจริงที่อยู่เบื้องหลังการเฟดตัวออกจากงานของเขาคือผมเอง ไม่ใช่แค่การออกมาดูแลที่นี่ แต่เขาจะไปกับผม ไปทุกๆที่ที่ผมไป ที่ที่จะมีแค่ผมกับเค้า เท่านั้น”
   เจนมองหน้ากายทันที พลางทำตาเบิกกว้าง
   “เป็นไปไม่ได้หรอก” กายว่า “อยู่แบบนั้นน่ะ นั่นมันความฝัน มันไม่มีทา....”
   “ผมไม่สนอีกต่อไปแล้ว” ไกด์ว่าพลางเงยหน้ามองกาย “ผมก็เคยคิดแบบคุณ นั่นแหละคือเหตุผลว่าผมหายไปไหน ทำไมผมไม่ทำอะไรซักที เพราะผมก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่สน ผมไม่สนว่าใครจะมองยังไง ผมไม่สนอีกแล้วโอเค้”
   ทั้งกาย เจนและนัทเงียบสนิท
   “ไม่ว่าวินจะทำอะไรมาได้แค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ที่เหลือนี่ผมจะทำต่อเอง” ไกด์ว่า “ผมจะทำเรื่องนี้เอง และผมไม่สนว่าพ่อของวินจะว่ายังไง ผมรักลูกชายเค้า และผมจะไม่ยอมให้เค้าทำอะไรคนที่ผมรักต้องเจ็บปวดอีก”
   “คุณไกด์มันไม่ง่าย...”
   “เค้าเป็นพ่อลูกกันคุณเจน” ไกด์ว่า “ถ้าเค้ายังหลงเหลือความเป็นพ่ออยู่ เค้าต้องเสียใจในสิ่งที่เค้าทำ พาผมไปพบเค้า ผมขอล่ะ”
   เจนมองหน้ากาย ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
   “ผมกับนัทจะตามหาเอิร์ธ” กายพูดทันที “วันพุธสิบโมง ยังไงซะการประชุมผู้บริหารก็ต้องดำเนินต่อไป”
   “เอกสารของเจนอยู่ในร้าน สัญญาทุกอย่างคงถูกเผาไปหมด” เจนจิราว่า “คุณจีโอไม่รับโทรศัพท์ เจนติดต่อเค้าไม่ได้มาทั้งวัน เจนกับคุณไกด์ก็เลยจะออกไปตามหาเค้าแต่ก็โดนระเบิดกันซะก่อน”
   “คุณบอกผมไม่ให้บอกมิกเรื่องนี้ แต่ถ้าเรื่องระเบิดนี่ออกข่าว ผมก็ไม่รู้จะปิดมันได้อีกนานมั้ย” นัทพูดขึ้น “จากเท่าที่รู้มา ถ้ามิกรู้เรื่องนี้อีกคน มันดึงเอิร์ธออกจากเกมส์นี้แน่”
   “พวกคุณหาเอิร์ธให้เจอภายในคืนนี้ได้มั้ย” เจนจิราถามกายและนัท ที่มองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจนัก
   “ถ้าเค้ายังอยู่ในปารีส เราจะต้องเจอเค้า” กายว่า “เรื่องระเบิดที่นี่น่าจะทำให้เอิร์ธออกมาจากเงามืดบ้าง”
   “เราจะหาเค้าให้เจอเจน” นัทตอบเธอ
   “ฉันฝากเจนด้วย จะทำอะไรก็รีบทำ” กายพูดกับไกด์ทันที “นัท ไปกับผม”
   นัทพยักหน้าก่อนจะตบไหล่เจนครั้งหนึ่ง และออกเดินไปกับกายออกจากกลุ่มผู้คนที่กำลังเดินขวั่กไขว่ ไกด์มองหน้าเจนที่มองไปเบื้องหน้า สำหรับเธอ นี่เป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าเธอจะนึกถึง เธอไม่แน่ใจนักว่าเธอจะสามารถแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำพลาดไปหรือเปล่า
   “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณได้เจอเค้า” เจนถาม “พ่อของวิน”
   “ยังไม่ได้คิดเหมือนกัน” ไกด์ว่า “ก็อาจจะถาม แล้วก็ขอร้องให้เค้าหยุดเรื่องเลวร้ายนี้ซะ”
   “คุณว่าเป็นเค้ามั้ย” เจนว่า “เรื่องระเบิดร้าน”
   “ผมไม่อยากกล่าวหา” ไกด์ว่า “แต่ผมคิดว่าเป็นเค้า เพราะถ้าเค้ารู้เท่ากับที่คุณรู้ ก็ไม่แปลกที่เค้าจะทำลายที่พึ่งเดียวของวิน”
   “แล้วเค้าก็จะทำลายคุณ” เจนว่า “คุณวรพัฒน์เป็นนักธุรกิจที่น่ากลัว เค้าทำให้เงินลงทุนหลายพันล้านหมุนได้ภายในเวลาไม่กี่ปี เค้าทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งตัวเองต้องการ”
   “ผมจะแจ้งความ เขาต้องได้รับโทษตามกฎหมาย” ไกด์ว่า
   “ได้น่ะได้” เจนจิรา “แต่ก่อนกฎหมายจะถึงตัวเค้า เค้าก็คงไปไกลแล้ว คุณเป็นคนไทย ถ้าเกิดอะไรกับคุณ ปารีสไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพราะคุณวรพัฒน์ก็เป็นคนไทย นี่มันก็แค่การขัดแย้งทางธุรกิจของชาวต่างชาติ”
   “เกล็ดหิมะจะไม่ถูกเผาไปฟรีๆ” ไกด์พูด “จะไม่มีใครถูกทำลายอีก ก่อนการประชุมนั่นจะเกิดขึ้น”
   ราวกับมีใครเตือนสติเจนทันที
   “คุณไกด์” เจนจิราจับตัวเค้า “ถ้านี่เป็นฝีมือคุณวรพัฒน์ นั่นหมายความว่าเขากำลังพยายามทำลายทุกอย่างที่เป็นที่พึ่งของวิน”
   เธอพูดเสียงสั่นรัว
   “จีโอ” ไกด์พูด พลางลุกขึ้นทันที พร้อมกับค่อยๆประคองตัวเธอลุกขึ้น และเดินออกไปจากตรงนั้น
   เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงยัคงส่องสว่างท่ามกลางความวุ่นวายในคืนนั้น ก่อนทุกอย่างจะสงบลงก็กินเวลาไปเกือบทั้งคืน ไกด์และเจนจิราออกเดินไปยังที่พักของจีโอที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเกล็ดหิมะนัก
..................
   ในขณะที่เสียงร่ำร้องของเจ๊ใหญ่ค่อยๆสงบลง เหลือเพียงใบหน้าอันโศกเศร้า รายล้อมด้วยเหล่าผู้คนอีกหลายชีวิตที่นั่งมองซากปรักหักพังของความหวังที่ถูกทำลายลง เจ้าหน้าที่ทยอยเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อย และเข้าเคลียร์สถานที่ เจ๊ใหญ่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งปลุกให้เธอตื่นขึ้น
   “เจ๊...เจ๊ครับ” เสียงอันสั่นเครือ ดึงให้เธอหันมามองเจ้าของเสียงนั้นทันที เธอมองร่างนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว
   “ว....วิน” เธอร้องด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างนั้นทันที “ไม่เหลืออะไรแล้ววิน เจ๊ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงจริงวินนนนน”
   วินกอดเจ๊ใหญ่ไว้แน่น พลางมองไปยังสร้างปรักหักพังตรงหน้า เขากัดฟันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
   “ไม่เป็นไรเจ๊” วินพูดเสียงสั่น “ใจเย็นก่อนนะเจ๊ ไม่เป็นไรนะ”
   ความพ่ายแพ้ เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาต้องยอมรับ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ หวังว่าจะได้พบร่างไกด์ แต่ก็มีเพียงซากที่เหลือจากความพ่ายแพ้นั่นเองที่ตอกย้ำว่า การเดินทางของเขามาสุดถึงปลายทางแล้ว
   เขาไม่มีทางหนีพ้นจริงๆอย่างที่พ่อของเขาว่า
   สิ่งที่เขาสู้มาทั้งหมดมันก็เป้นเพียงแค่ความฝัน
   เอิร์ธพูดถูก สัญญาทุกอย่างเ็นอันยกเลิก
   ขอโทษนะไกด์.....เรื่องของเราสองคนคงเป็นไปไม่ได้.....ฉันทำได้แค่นี้จริงๆ
   “เจ๊” วินพูดเบาๆ “ผมมีวิธีช่วยครับ....”
.............
   

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 43 Find Me If You Can

แม้จะเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้วแต่เสียงไซเรนและความวุ่นวายที่ดังแว่วๆมาจากถนนเซนต์จอร์ชยังคงสร้างความเจ็บปวดให้กับไกด์ ที่ปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์ที่บีบคั้นตัวเขาทั้งหมด ความจริงที่ถาโถมเข้ามาตอนนี้มันทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกที่วินมองเมืองนี้มาตั้งแต่ต้น ความหนาวเย็นที่เต็มไปด้วยดลิ่นอายของอันตราย มันไม่แปลกที่วินจะวิ่งหนีทุกอย่างมา ไม่แปลกเลยซักนิด เขามีบาดแผลอยู่ตามตัวบ้าง แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายตอนนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลยซักนิด เพราะหัวใจที่เย็นชาตอนนี้ มันคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกที่ตีวนกันไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งความโกรธ ความเสียใจ ทุกๆอย่าง
   เขาพาเจนจิราลัดเลาะมายังตรอกที่พักของจีโอที่เสตลล่า หามาให้ได้เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างห้องพักที่เงียบสนิท ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงถนนเซนต์จอร์ช ทำให้หน้าต่างหลายๆบานใกล้เคียงเปิดไฟสว่าง เงาผู้คนเคลื่อนไหวไปมา หลังจากถูกปลุกให้ตื่นจากความหลับใหลของปารีส ด้วยเสียงระเบิดกึกก้อง แต่ทว่านี่มันผิดปรกติ
   “เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ยินเสียงระเบิด” ไกด์พูด พลางหันมาหาเจน เธอมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว “นี่ไม่ปกติ”
   ไกด์ออกวิ่งเข้าไปในตึกทันที พลางสาวท้าวขึ้นไปยังห้องของจีโอที่อยู่บริเวณชั้น 4 โดยมีเจนจิราที่พยายามหอบเอาร่างของตัวเองขึ้นไปอย่างสุดกำลัง
   “จีโอ!!!”
   ประตูห้องที่ไม่ได้ล็อคเปิดผางออก ไกด์ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ถึงจีโอจะไม่ใช่คนที่เรียบร้อยรักความสะอาดเท่าเค้า แต่หมอนี่ต้องไม่ปล่อยให้ห้องพักรกขนาดนี้แน่ และว่ากันตามจริง สิ่งที่เห็นตรงหน้า มันก็เกินกว่าคำว่ารกไปแล้ว ห้องของจีโอถูกรื้อ และมันยังมีร่องรอยของการต่อสู้อีกด้วย ชั้นวางของล้มงระเนระนาด เช่นเดียวกับเอกสารหลายอย่างบนโตีะริมหน้าต่างที่ถูกค้นกระจาย
   เสียงฝีเท้าของเจนจิราวิ่งตามขึ้นมาได้ในไม่กี่นาทีต่อมา เธอมองเข้าไปในห้องของจีโอด้วยความตกตะลึง ไกด์หันหน้ากลับมามองเธอทันที
   “เรามาช้าไป” ไกด์พูด เจนจิราถึงกับใจหล่นวูบ เธอหอบร่างของตัวเอง สำรวจไปรอบๆที่พักของจีโอ เอกสารหลายอย่างถูกรื้ออย่างกระจุยกระจาย เธอนั่งลงมองเอกสารพวกนั้น
   “คงต้องแจ้งตำรวจ” ไกด์หยิบโทรศัพท์ออกมาทันที
   “ไม่มีประโยชน์” เจนจิราว่า “ตำรวจปารีสคงใช้เวลาตามตัวนักท่องเที่ยวเบอร์ลินนานโข เลยวันพุธนี้แน่ คุณวรพัฒน์ น่าจะแค่ต้องการให้จีโอไปอยุ่ไหนซักที่ เพื่อให้เค้าไม่ปรากฎตัวในวันประชุม”
   “งั้นพาผมไปหาเค้า” ไกด์ว่าพลางออกเดิน
   คุณวรพัฒน์กำลังไล่ต้อนให้ทุกอย่างที่อยู่นอกเหนือความคาดการณ์ของเขา กลับมาอยู่ในอำนาจของเขาให้ได้ ถึงอย่างไรจีโอก็คงไม่รู้ว่าคนที่มาลักพาตัวเค้าไปเป็นใคร การสาวไปถึงตัวคุณวรพัฒน์ก็ไม่มีทางทำได้โดยง่าย เรื่องร้านเกล็ดหิมะก็เช่นกัน เจนเดาเอาว่าวันพุธนี้ อำนาจของวงเงิน ก็คงจะมากพอที่จะบีบให้วินและเอิร์ธยอมแพ้พ่อของเขา
   “คุณไกด์” เจนพูดขึ้น ไกด์หันกลับมามองเธอ “ฉันมีเรื่องให้คุณช่วย”
................
   เอิร์ธวิ่งไปตามท้องถนนที่มุ่งหน้าไปยังบ้านทรงสวย ที่สร้างคร่อมน้ำตกเล็กๆ รายล้อมป่าสูงชะลูดที่วิลแลต เด็กหนุ่มเลือดร้อนใช้เวลาหลังจากกลับมาจากดีสนีย์แลนด์ในการเคลียร์ทุกอย่างที่หอพักของตัวเองให้เรียบร้อย เงินเก็บที่ได้มาจากเงินมัดจำที่ขอคืนเจ้าของห้องที่พยายามอย่างยิ่งที่จะเอามันคืนมา หลังจากออกจากห้องพักเรียบร้อยแล้ว เอิร์ธเก็บข้าวของทุกอย่างด้วยตัวเองใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ก่อนจะเหมารถ และเดินทางไปเพื่อจบทุกๆอย่างที่เขาเริ่มต้นไว้ ทุกๆอย่างที่ตามหลอกหลอนเขามาตั้งแต่แรก ตั้งแต่เขาก้าวเท้ามาถึงเมืองๆนี้ ไม่สิ ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาใน Loveless Society    ร่างกายหอบเอากระเป๋าอันหนักอึ้งตรงรี้ไปยังทางเข้าบ้าน กว่าจะมาถึงตรงนี้ ก็เป็นเวลามืดค่ำพอดีแล้ว เหลือบมองไปยังรถโฟล์คสีแดงเข้ม ที่เจ้าของของมันอุตส่าห์เสียเงินมากมาย แบกมันมาถึงนี่ แต่เขากลับไม่ได้นั่งมันอีกแล้ว กัดฟันมองรถคันนั้นด้วยความโกรธขึ้ง....
   “แกน่าจะพังไปซะ ไอ้เต่าทอง” เอิร์ธพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านทันที พร้อมกับกดกริ่งที่ประตู เสียงกริ่งที่กดรัวไม่ยั้ง เร่งให้เจ้าของบ้านเดินออกมาเปิดประตูทันที
   มิกมองหน้าเอิร์ธและข้าวของที่หอบมาเต็มตัวอย่างตกใจอยู่พักนึง เอิร์ธมองหน้ามิกด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะเบียดเอากระเป๋าและทุกสิ่งที่หอบมาดันตัวมิกให้หลบเข้าไปในบ้านทันที
   “เกิดอะไรขึ้น” มิกถามเอิร์ธ “มีอะไรหรือเปล่าคับเอิร์ธ หอบของมาซะเยอะ จะมาอยู่กี่วันเนี่ย”
   เอิร์ธหายใจหอบอยู่พักนึง ก่อนจะหันกลับมาหามิก
   “จะอยู่ตลอดไปเลยอ่ะ ได้ป้ะ” เอิร์ธพูดทันที มิกชะงักไปพักนึง ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ พลางส่งยิ้มให้เอิร์ธ
   “ยังกวนเหมือนเดิมเลยนะ” มิกพูด แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ถูกส่งออกมาจากตัวของเอิร์ธ พลังบางอย่างที่เหมือนกับจะทำให้ความกังวลที่สาเคยบอกเขาก่อนหน้านี้เป็นจริง มิกจ้องเข้าไปในดวงตาของเอิร์ธที่ปราศจากแม้แต่รอยยิ้มใดใดตอนนี้
   “มาซะดึกเลย” มิกเดินเข้าไปหาเอิร์ธ “กินอะไรมาหรือยังล่ะหึ”
   เอิร์ธยังคงไม่ตอบ ได้แต่มองหน้ามิกที่เดินมาใกล้อยู่อย่างนั้น
   “เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าเอิร์ธ” มิกเอื้อมมือไปแตะคอของเอิร์ธ แต่เอิร์ธก็ผละมือมิกออกทันที
   “ตอบผมก่อนดิ อยู่ตลอดไปเลยได้หรือเปล่า” เอิร์ธถามทันที “ผมออกจากหอที่แม่หาให้ละ ผมอยากมาอยู่กับพี่ที่นี่ ผมทำได้ใช่หรือเปล่าพี่ เหมือนเมื่อก่อนไง ที่บ้านพี่”
   มิกมองหน้าเอิร์ธ
   “โกรธอะไรมา” มิกถามเสียงเยียบเย็น เอิร์ธกัดฟันทันที
   “ผมถามว่า ผมจะอยู่กับพี่เลยได้มั้ย” เอิร์ธร้องเสียงดังขึ้น “ตอบผมเซ่!!!”
   “เอิร์ธ แล้วจะบอกแม่เราว่าไง เรื่องโปรเจ็คล่ะ เรื่องงาน...เรื่อง...”
   “ผมไม่สน” เอิร์ธว่า “ใครว่ายังไงผมก็ช่าง แต่ผมอยากอยู่กับพี่อ่ะ ได้หรือเปล่า”
   มิกยิ้มน้อยๆ
   “ก....ได้อยู่แล้ว” มิกตอบ
   “จริงเหรอ” เอิร์ธถาม “พี่คิดอย่างนั้นจริงเหรอ แล้วสมมติว่าผมจบโปรเจ็คกับพี่เจนแล้ว ผมอยู่ที่นี่ต่อ แม่ผมรู้ แล้วหลังจากนั้นพี่จะทำยังไง”
   “ก็พี่ถึงถามเราไง ว่าเรา....”
   “ไม่ดิ ไม่เกี่ยวกับว่าผมจะทำยังไง” เอิร์ธว่า “ผมอยากรู้ ว่าพี่จะทำยังไง”
   มิกเงียบสนิท เรื่องแบบนี้ตีกลับมาหาเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว....การเปลี่ยนแปลง
   และเป็นอีกครั้งแล้ว ที่เขาช้าเกินกว่าจะตามทัน
   “พี่...พี่เอ่อ...พี่”
   “พี่เคยคิดเรื่องของเราจริงจังบ้างหรือเปล่า” เอิร์ธถามอีก “พี่มองเห็นภาพเราสองคนอยู่ด้วยกันหรือเปล่า พี่เห็ยภาพตัวเองเคลียร์กับแม่ผมมั้ย กับน้องผมมั้ย พี่เคยเห็นภาพตัวเองจับมือผมเดินอยู่ในซูเม่ด้วยกันเข้าสตูดิโอมั้ย เหมือนพี่กาย เหมือนพี่นัท”
   “กายกับนัท ไม่เคยจับมือกันเดินเข้าสตูดิโอหรอกเอิร์ธ” มิกพูดให้ดูติดตลก แต่ทว่าตอนนี้ มันไม่ได้ดูตลกเลยซักนิด
   “แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เค้าไม่ได้แสดงความรักกัน หรือภูมิใจว่าได้รักกัน” เอิร์ธว่า “หรือเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาไม่ได้หมั้นกัน”
   ประโยคสุดท้ายของเอิร์ธ หยุดเวลารอบตัวของมิกเอาไว้ทันที
   “เอิร์ธ...พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ พี่แค่....” มิกพยายามอธิบาย
   เอิร์ธเมินหน้าช้าๆ
   “มีเรื่องอะไรที่พี่ทันคนอื่นมั่งป่ะ” เอิร์ธถาม “มีอะไรที่พี่ทำทันทีคิดทันทีบ้างหรือเปล่า พี่ช้าทุกเรื่องแบบนี้หมดเลยใช่ป่ะ ถ้าเราสองคนมีอะไรกัน พี่ก็จะเสร็จช้ากว่าผมใช่มะ”
   “เอิร์ธ” มิกพูดเสียงแข็ง
   “พี่มิก เราคบกันทำไมวะ” เอิร์ธถาม มิกนิ่งสนิท พลางคิดสิ่งที่เอิร์ธพยายามถามมา “ให้ตายเหอะพี่ ผมถามอะไร พี่ตอบหน่อยได้มั้ย”
   เอิร์ธเสียงสั่นเครือ ในตาเริ่มแดงก่ำ ชายหนุ่มกัดฟันพลางฟึดฟัดอย่างหงุดหงิด ิกก้มหน้าลง
   “พ...พี่ขอโทษ....พี่”
   เอิร์ธหลับตาพลางร้องโอดโอยทันที
   “ไม่เอาอ่ะ ไม่เอาแบบนี้...” เอิร์ธว่า “ผมไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้อีก ผมไม่อยากเห็นพี่มิกที่เดินช้ากว่าคนอื่น ผมไม่อยากเห็นคนที่นั่งแอบรักเค้าข้างเดียวอีกแล้ว ไม่เอาพี่ หยุด”
   มิกหายใจหอบถี่ เอิร์ธกำลังเดินไปในเส้นทางที่เขาไม่อาจตามไปได้อีก
   “พี่กายพี่นัท จะไม่มีความหมายอะไรกับผม Loveless Society จะไม่มีความหมายกับผมเลย เพราะผมเชื่อว่าเราสองคน มัเป็นอะไรที่เป็นไปได้ จนกระทั่งผมรู้ว่าเค้าหมั้นกัน” เอิร์ธว่า “เค้าสองคนทำไมกลายเป็นคู่ที่เป็นไปได้ Loveless Society มันไม่ได้โหดร้าย อย่างที่พี่เฝ้าบอกผมเลย ไม่เลยซักนิด”
   “แกไม่เข้าใจเอิร์ธ” มิกว่า “มันไม่เหมือนกัน กายกับนัทหมั้นกัน ก็เพราะเขาต้องการสิ่งที่ยึดกันไว้ ระหว่างที่ต้องห่างกันเท่านั้นเอง มันแค่...”
   “แล้วของเราล่ะพี่ ของเราคืออะไร” เอิร์ธร้องถาม
   “ฟังนะเอิร์ธ มันไม่ได้เกี่ยวกับกายกับนัท เรื่องของเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น พี่รักแก แกรักพี่ เท่านั้นมันก็พอแล้ว” มิกว่า “สำหรับพี่ มันเพียงพอแล้ว พี่ไม่...”
   “ผมหายไปครึ่งปี ก็เพื่อทำทุกอย่างให้พร้อม พร้อมที่จะรักกับพี่ พร้อมที่จะรับมือกับทุกอย่าง ผมไม่สนอะไรแล้ว” เอิร์ธว่า “ผมบินมาถึงนี่ ผมทำทุกอย่างเท่าที่ผมจะนึกออก เพื่อเดินมาให้ทันพี่แล้วนะ ผมทำทุกๆอย่างเลยพี่มิก ผมสาบานได้”
   “แต่พี่ไม่ได้ขอ” มิกร้องลั่น
   “แล้วพี่ขออะไรบ้างวะ” เอิร์ธตะโกนออกมาในที่สุด พร้อมกับหยดน้ำตาแห่งความโกรธ เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ “ให้ตายเหอะ พี่ขออะไรให้กับตัวเองบ้างอ่ะ พี่เคยขออะไรให้กับเรื่องของเราบ้าง”
   “เอิร์ธ...” มิกพยายามเดินเข้าไปจับตัวเพื่อให้เอิร์ธอารมณ์เบาลง
   “ไม่ ไม่ต้อง” เอิร์ธสะบัดตัวหลุดออกมา “ผมไม่อยากทนอะไรแล้ว”
   เอิร์ธหันหน้าไปเจอกับภาพภาพนึงที่แขวนอยู่บนผนัง Loveless Society ภาพอันมีชื่อเสียงกำลังส่งความหมายอันเจ็บปวดมาหาเขา มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เขาสู้ทนทำโปรเจ็คฝึกงานมตั้งสามเดือน แต่เขาเพิ่งจะตีโจทย์นั้นแตก เอาก็ตอนนี้เอง
   “เอิร์ธ พี่แค่อยากให้เราออกมาจากเรื่องพวกนั้น ออกมาจากความวุ่นวายทั้งหมด” มิกว่า “พี่ขอให้เจนเค้าดูแลแก ก็เพราะว่าเค้าอยู่กับแก พี่แค่...”
   “พี่ฝากผมเอาไว้กับคนอื่นเหรอ” เอิร์ธหันมาแผดเสียง "พี่ให้คนอื่นดูแลคนที่พี่รักงั้นเหรอ ให้ตายเหอะ"
   "เจนเค้าไม่ได้เป็นคนร้ายกาจแบบนั้นหรอกเอิร์ธ เค้ายินดีที่จะช่วย" มิกพูดทันที
   "ผมไม่ได้โกรธที่เป็นพี่เจนนะพี่มิก" เอิร์ธว่า "แต่ผมเสียใจ ว่าทำไมคนคนนั้นไม่เป็นพี่"
   มิกเงียบสนิท หน้าของนัทแว้บเข้ามาในหัว ทำไมไม่ใช่เขา.....
   "พี่มิก ผมเหนื่อย" เอิร์ธพูดเสียงอ่อนไหว "ผม...ผมทนไม่ไหวแล้วอ่ะ ทำไมเรื่องของเรามันมาถึงตรงนี้ได้วะพี่"
   "พี่ขอโทษ"
   เป็นคำเดิมๆซ้ำที่เอิร์ธเจ็บปวดเกินไปแล้วที่จะฟังมัน เขาไม่อาจจะทนรับสิ่งเหล่านี้ต่อไปได้อีกแล้ว
   "สรุปก็คือ ผมอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ใช่มั้ย" เอิร์ธถาม
   "เอิร์ธ อย่าทำแบบนี้ พี่ขอ" มิกว่า "ที่พี่ตอบไม่ได้ ก็เพราะว่าทุกอย่างมันยังไม่..."
   "ไม่พร้อม ไม่เข้าที่ พี่ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไกลได้กว่านี้เมื่อไหร่ พี่ไม่ พี่ไม่ พี่ไม่..." เอิร์ธหันกลับมาหามิก "ถ้างั้น ผมไปนะ"
   "เอิร์ธ" มิกส่งเสียงสั่น เขาไม่คิดว่าความรักของเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ "พี่ขอร้อง อย่าเป็นแบบนี้ แกคนที่พี่เหลืออยู่นะ โอเคพี่จะเร่งทำให้ทุกอย่างมันพร้อมขึ้นกว่านี้ พี่สัญญาเอิร์ธ พี่จะทำ พี่จะไม่ให้แกเหนื่อยคนเดียวอีกแล้ว พี่จะ..."
   เอิร์ธหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า
   "พี่ไม่ทำหรอก" เอิร์ธพูด "ถึงพี่ทำ มันก็จะช้า.....มันช้าไปพี่"
   ช้าไป....
   ไม่ ต้องไม่เกิดแบบนี้ขึ้นอีก ไม่เอาอีกแล้ว แบบเรื่องนัท ไม่....
   "พี่มิก...." เอิร์ธหายใจเข้าช้าๆ ถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ งั้นก็คงมีเพียงแค่คำเดียวสินะ ที่จะต้องพูด.... "เราเล..."
   "ไม่...อย่านะ เอิร์ธ" มิกส่ายหน้าช้าๆ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาทันที เขาสัมผัสได้ มิกดึงเอิร์ธเข้ามากอดไว้ทันที "ไม่เอิร์ธ พี่ขอโทษ อย่า....อย่าทำแบบนี้ พี่จะทำแล้ว พี่สัญญา พี่..."
   "เราเลิกกันเหอะ"
   และแล้ว เวลาของมิกก็หยุดหมุนลง......

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เห้ยยยยยยยย มิกกับเอิร์ธเลิกกันแล้วววว
ไกด์กับวินก็มีปัญหาเพราะพ่อแย่ๆ
โอ๊ยยย ทำไมมันอึดอัดมาม่าเช่นนี้
รอตอนต่อไปนะคะ
มาต่อบ่อยๆนะคะ
ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 44 Breakaway

“เราเลิกกันเหอะ” เอิร์ธพูดเสียงเย็น แม้ว่าจะยังยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของมิก ที่ตอนนี้มันไม่ได้ให้ความอบอุ่นอะไรกับเขาอีกแล้ว มันมีแต่ความเจ็บปวดเท่านั้น และเขาก็ไม่อยากแบกรับมันต่อไปอีกแล้ว
   มิกปล่อยแขนของตัวเองลงช้าๆ ก่อนจะผละตัวออกจากเอิร์ธ เอิร์ธที่ไม่ได้แม้แต่มองหน้าของมิกเลย สายของเด็กหนุ่มจับจ้องไปยังพื้นเบื้องหน้า ขณะที่มิกก้มหน้าลง เขาไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกที่จะขยับตัว หรือทำสิ่งใดใด คำพูดเพียงไม่กี่พยางค์เมื่อกี้ หยุดทุกอย่างรอบตัวเขาไว้
   แล้วก็เข้าสู่ความเงียบ เป็นความเงียบที่มีความหมายมากมายเหลือเกิน
   ไม่มีแม้แต่คำพูดใดใดให้กันและกันอีก เงียบเสียจนได้ยินเสียงน้ำไหลเอื่อยๆลอดใต้ตัวบ้านจากด้านนอก ทันใดนั้นแสงไฟรถยนตร์ก็สาดเข้ามาในตัวบ้าน เอิร์ธก้มหน้าลงช้าๆ เมื่อในที่สุดก็มีเหตุการณ์อะไรซักอย่าง ทำให้สภาวะความอึดอัดนี้หมดลง เขามองหน้าคนรักตรงหน้า ถ้านี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะต้องทำ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น
   มิก มองหน้าเอิร์ธนิ่ง เขากลืนน้ำลายตัวเองเบาๆ พลางกระพริบดวงตาที่แดงก่ำนั้นถี่ๆ
   “บ้านหลังนี้ ไม่ใช่ของพี่คนเดียว” มิกพูดเสียงสั่น เอิร์ธขมวดคิ้วเบาๆ พร้อมๆกับเสียงประตูบ้านเปิดออก กายกับนัทเดินเข้ามามองภาพตรงหน้า ภาพของเอิร์ธและมิกที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งคู่ได้ยินเสียงอันเจ็บปวดของมิกในที่สุด
   “มิก” นัทเอ่ยทักขึ้น “เกิดอะไรกันขึ้...”
   กายยกมือขึ้นห้ามนัททันที เขาสัมผัสได้ว่าอารมณ์ที่ส่งมาตอนนี้ เป็นอารมณ์ที่รุนแรงเกินกว่านัทจะเข้าใจ
   “หมายความว่าไงพี่” เอิร์ธละล่ำละลักถาม
   “บ้านนี้เป็นบ้านของเค้าสองคน” มิกว่าพลางชี้ไปที่กายกับนัท “พี่....ไม่ได้มีพร้อมอย่างที่แกคิดหรอกนะ”
   เอิร์ธพยักหน้ารับทราบพลางกัดฟัน เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆก้มลงเก็บกระเป๋าของตัวเอง
   “เอิร์ธ” มิกร้องเรียกคนรักอีกครั้ง
   หวังว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่สายจนเกินไป
   “รู้มั้ยอะไร ดีที่สุดสำหรับพี่ตอนนี้” เอิร์ธว่า พลางสะพายเป้พร้อมกับยกแขนปาดน้ำตา “ตื่นไง”
   เอิร์ธออกเดินผ่านกายและนัทไปเหมือนมองไม่เห็นทั้งคู่อยู่ กายดูจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านัก เขามองหน้านัทอยู่ครั้งหนึ่ง นัทเดินเข้าไปหามิก
   “เกิดไรขึ้น” นัทจับตัวเพื่อนรักที่ยังคงยืนนิ่งสนิท “มิก”
   มิกหลับตาลงแล้วทรุดตัวทันที ก่อนจะจิกทึ้งผมของตัวเอง
   “ทำไมวะ...” มิกร้องเสียงดัง ด้วยเสียงสั่นเครือ “เราอะไรผิดวะนัท เราผิดตรงไหนวะ”
   นัทมองกาย ที่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะวิ่งตามเอิร์ธออกไปด้านนอกของบ้าน นัทลูบหลังมิกเบา ขณะที่ชายหนุ่มทุบตีตัวเองอยู่อย่างนั้น
   “เราไม่เข้าใจอ่ะนัท” มิกมองเพื่อนรักอยู่ตรงนั้น “นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะได้รับงั้นเหรอ นี่คือสิ่งที่ตอบแทนความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาเหรอวะ”
   “ไม่เป็นไรมิก ไม่เป็นไร” นัทพูดเบาๆ ก่อนจะโอบตัวเพื่อนของเขาเอาไว้
   นัทเองผ่านความเจ็บปวดมามาก แต่เขาไม่เข้าใจนัก ว่าจะได้ครึ่งหนึ่งของที่มิกกำลังแบกรับเอาไว้อยู่หรือเปล่า
   “นัท” มิกพูด “กูผิดอะไรวะ”
   นัทหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองเพื่อนรักของตัวเอง เขาไม่แน่ใจกับเรื่องนี้นัก ถ้าสาอยู่ตรงนี้ก็คงจะดี แต่....
   “บอกดิว่ากูไม่รักมันอ่ะ” มิกว่า “บอกดินัท มึงก็รู้อ่ะ กูทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรอ่ะ ที่กูทำอยู่ทุกวันนี้มันเพื่ออะไร”
   “นั่นเป็นคำถามของเอิร์ธมิก ไม่ใช่ของแก” นัทพูดขึ้นในที่สุด เขาคิดว่ามิกต้องเข้าใจอะไรบางอย่าง
   ชายหนุ่มเงียบสนิท มองนิ่งสนิท
   “แกให้ความสำคัญกับทุกเรื่อง” นัทว่า “ยกเว้นเวลา”
   มิกมองหน้านัททันที
   “ฉันเคยคิดว่าความรักคืออนาคต แต่มันไม่ใช่ว่ะมิก” นัทพูด “ความรักไม่ใช่อดีต หรืออนาคต มันคือปัจจุบันว่ะ แต่แกไม่อยู่กับปัจจุบัน แกอยู่กับอดีต และเรื่องในอดีตมันมีวันหมดอายุ ถ้าแกไม่ต่อ”
   มิกก้มหน้าลง ก่อจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ร้องไห้อย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะร้องไห้ได้ นัทถอนหายใจด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะนั่งกอดเพื่อนรักของเขาอยู่ตรงนั้น
...........................
   “เอิร์ธ เอิร์ธ เจ้าเอิร์ธ” กายวิ่งตามเอิร์ธมาทันได้ในที่สุด ก่อนจะตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่วิ่งหนีความเจ็บปวดด้วยระยะทางที่ยาวนานมากเหลือเกิน เอิร์ธหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามามองกาย ใบหน้าของเอิร์ธแดงก่ำพร้อมกับดวงตาเรื่อด้วยน้ำตา กายไม่เคยเห็นมุมนี้ของเอิร์ธมาก่อน ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าเอิร์ธอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะรับทราบสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
   เอิร์ธถอนหายใจหนึ่งครั้ง พลางมองหน้ากาย
   “ถ้าพี่คิดจะมาพูดอะไรเพื่อให้ผมกลับเข้าไป ผมบอกเลยว่าไม่” เอิร์ธว่า “ผมทนกับพวกพี่มามากพอแล้ว ผมไม่เอาด้วยแล้ว ต่อจากนี้ผมจะทำอะไรตามความคิดของผมเท่านั้น”
   “แค่นี้ยังพังไม่พออีกเหรอ” กายพูดเสียงแข็งทันที เอิร์ธชะงักไปพักนึง “ทั้งหมดที่เราทำมา ยังพังไม่พอใช่หรือเปล่า สรุปคืออยากได้แบบนี้ใช่มั้ย อยากให้ทุกอย่างพังลงใช่หรือเปล่า”
   “แล้วพี่จะทำไมอ่ะ” เอิร์ธว่า “อะไรที่มันไม่ได้เป็นไปตามที่พี่ หรือพี่เจนต้องการ มันก็คือพังหมดอ่ะแหละสำหรับพี่ ผมไม่เอาด้วยหรอก นี่บ้านพี่ไม่ใช่เหรอ กลับไปดูแลคู่หมั้นพี่ กับเพื่อนของเขาเหอะ ผมจะกลับแล้ว”
   “เราจะไปไหนเอิร์ธ” กายถาม
   “มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่ปะวะ” เอิร์ธเริ่มใช้น้ำเสียงที่มีความสุภาพน้อยลงทุกที
   “เอิร์ธ อย่ามาทำแบบนี้กับพี่” กายเริ่มเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม “เราไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
   “รู้อะไร” เอิร์ธว่า “ผมต้องรู้อะไรงั้นเหรอพี่กาย ต้องรู้ว่าพี่หมั้นกับพี่นัทอ่ะเหรอ ผมต้องกล่าวอวยพรให้พี่ด้วยมั้ย มันช้าไปมั้ง เพราะมันตั้ง เท่าไหร่นะ 6 เดือนป้ะ หรือ 7 เดือน หรือยังไง หรือผมต้องแต่งตัวดีกว่านี้เพื่อแสดง....”
   “อย่ามาดูถูกความรักของพี่” กายร้องเสียงดัง “ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เราแบกรับอยู่มันเจ็บปวดที่สุดแล้ว หัดดูคนอื่นรอบๆตัวเราบ้างเจ้าเอิร์ธ เราคิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียวรึไง”
   “อย่าเอาคำพูดของพวกพี่มาใช้กับผม อย่า....”
   “อยากฟังแต่เรื่องของตัวเองใช่มั้ย” กายว่า “อยากฟังแต่เสียงของตัวเองใช่มั้ย อยากรู้เรื่องที่ตัวเองต้องรับผิดชอบใช่มั้ยห๊ะ”
   กายเดินเข้ามาอยู่เหนือเด็กหนุ่มที่มองกายด้วยอารมณ์โกรธขึ้ง
   “เพื่อนเราเจ้าวิน หุ้นส่วนธุรกิจในอนาคตที่เราเพิ่งจะยกเลิกสัญญาทุกอย่างไป เขาหายตัวไป” กายพูดเสียงเย็น
   “..ล....แล้วใครจะสน” เอิร์ธว่า
   “ใครเป็นคนยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าวินเป็นคนเชื่อใจได้” กายว่า “ใครเป็นคนยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าเพื่อนของผมคนนี้เชื่อใจได้ห๊ะ มิกเค้าเล่าให้พี่ฟังเรื่องที่เราคุยกับเค้าที่บัวเดอบูโลญหมดแล้ว”
   “พี่อย่ามายุ่งเรื่องของผมได้มั้ย” เอิร์ธว่า “มีอะไรที่เค้าไม่เล่าให้พี่ฟังบ้าง เรื่องของผมกับเค้ามันจบ ก็เพราะพี่คนมายุ่งเยอะเกินไป”
   “ที่มิกเล่าให้ฟัง ก็เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน” กายว่า “พี่ไม่สนอดีต หรือ อนาคต แต่ทุกๆคนที่นี่คือเพื่อนกัน ถ้าเราไม่เชื่อใจกันแล้ว เราจะเชื่อใจใครหะ”
   เอิร์ธเงียบสนิท
   “สิ่งที่พี่เกลียดที่สุด คือคนที่ไม่รักษาคำพูดตัวเอง” กายว่า “พี่รักษาคำพูดตัวเอง พี่ถึงหมั้นกับนัท มิก เค้ารักษาคำพูดตัวเอง เขาถึงให้เจนดูแลเรา วิน เค้ารักษาคำพูดตัวเอง เค้าถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้แทนที่เค้า”
   “พี่รู้เรื่องนี้ได้ไง” เอิร์ธว่า
   “ก็เพราะตอนนี้ทุกๆอย่างมันพังหมดแล้ว” กายว่า “มันพังเพราะเราไม่ฟังใครเลย เราทำตามความคิดของเรากันเองสองคนกันทั้งหมด ตอนนี้เพื่อนเราไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
   “มันอยู่ไม่กี่ที่หรอก พี่ไปหามันที่ร้านเกล็ดหิมะสิ แฟนมันอยู่ที่นั่น” เอิร์ธว่า
   “ไม่มีเกล็ดหิมะแล้ว ร้านนั่นเพิ่งโดนระเบิดไปเมื่อเย็น” กายพูดชัดเจน เอิร์ธนิ่งสนิท
   “ไม่มีความลับอะไรอยู่หลังกำแพงอีก ไม่มีการปกปิด ไม่มีการไม่ไว้ใจกันอีกแล้วเอิร์ธ” กายว่า “สิ่งที่มีตอนนี้ คือเราต้องช่วยกันแก้ไขมัน ให้ทุกๆคนมีทางออก”
   “แล้วทำไปผมถึงต้องช่วยให้คนอื่นมีทางออก” เอิร์ธว่า “มีใครเคยยื่นมือมาช่วยให้ผมมีทางออกบ้างหรือเปล่าล่ะ เวลาที่ผมต้องการทางออก ไม่เห็นมีใครช่วยผมเลยซักคน”
   พลั่ก
   กายหวี่ยงหมัดใส่เอิร์ธทันที เด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นไปตามแรงหมัด
   “พี่กาย” เอิร์ธร้องเสียงดัง “ทำอะไรวะ”
   “พี่ไม่สนด้วยซ้ำ ว่าเราจะเลิกกับมิกเค้าหรือเปล่า พี่ไม่ได้แคร์ซักนิด” กายว่า “แต่สิ่งที่พี่แคร์มากที่สุดตอนนี้คือ เพื่อนของพี่ เจน คนที่เราทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะเธอมาตลอด ต่อต้านเธอ สัญญาบ้าบออะไรก็ตามที่เราทำไว้กับวิน เราคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆใช่มั้ย คือว่ามันเป็นเรื่องที่ยะเลิกกันได้ง่ายๆใช่มั้ยห๊ะ”
   กายก้มลงไปกระชาคอเสื้อของเอิร์ธขึ้นมาทันที
   “คิดจะสัญญาก็สัญญา คือจะเลิกก็เลิก” กายว่า “เพราะอย่างงี้ไง แกถึงต้องเลิกกับเค้า”
   กายตะคอกใส่หน้าเอิร์ธ ที่น้ำตาเอ่อคลอทันทีเมื่อถึงประโยคนี้
   “เพราะอย่างนี้ไง แกกับมิกถึงมาไกลได้แค่นี้ เพราะแกมองว่ามันเป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน เป็นแค่เกม เป็นแค่อะไรที่จะบอกยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้” กายหายใจหอบถี่ เขาไม่เคยสติหลุดเท่านี้มาก่อน แต่กับเด็กคนนี้ ถ้าเอิร์ธเป็นน้องชายเขา เขาคงตีเอิร์ธแน่ๆ “เจน คนที่แกเกลียดนักหนา เขาเป็นเพื่อนของพี่ เขาทำให้พี่กับพี่นัทมาถึงตรงนี้ได้ ถ้าแกไม่ต้องการเขา แล้วล้มสัญญากับวินทำไม ห๊ะเอิร์ธ ล้มทำไม”
   เอิร์ธนิ่งสนิท
   “ตอบพี่ดิเอิร์ธ ตอบ!!!” กายว่า เอิร์ธกระพริบตาถี่ๆ “ตอนนี้เจนเค้าวิ่งโร่แก้ปัญหาที่ควรจะเป็นแก ที่ต้องกลับไปแก้ กลับไปตามเพื่อนรักของแก เพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เพื่อนที่ต้องรักกัน และไม่ยอมให้เพื่อนต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง เหมือนที่พี่ไม่เคยยอมให้เจนต้องเจอปัญหาลำพัง เหมือนที่นัทก็ไม่เคยยอมให้มิกเผชิญปัญหาเพียงลำพัง”
   กายรู้สึกตัวขึ้นมาทันที ว่าตัวเองกำลังสติหลุด ชายหนุ่มหลับตา พลางค่อยๆปล่อยตัวเอิร์ธลง ก่อนจะควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองให้ดีขึ้น และหันไปมองหน้าเอิร์ธอีกครั้งที่กำลังนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้น
   “วินเค้ารู้ว่าแกต้องการอะไรเอิร์ธ” กายว่า “เขายอมเอาตัวเองเดินเข้าไปในเส้นทางที่อันตราย เพื่อแลกให้แกขึ้นมาสู่เป้าหมายแก แล้วแกอ่ะ ตอบแทนอะไรในสิ่งที่เพื่อนควรจะทำให้เพื่อนบ้าง”
   “ผ...ผม”
   กายส่ายหน้าทันที
   “พี่จะบอกความลับให้” กายพูด “พี่เจน ไม่เคยเห็นด้วยเลยที่พี่เลือกพี่นัท ไม่เคยเลยซักครั้ง แต่ในงานหมั้น เจนเป็นคนจัดการทุกอย่างให้พี่ ทุกๆอย่าง พี่เจน เคารพการตัดสินใจของพี่ เหมือนที่พี่ทุกๆคน เคารพการตัดสินใจของมิกเรื่องแก แต่แกเคารพการตัดสินใจของวินบ้างหรือเปล่า นี่เหรอคือสิ่งที่แกตอบแทนเพื่อนของแกกับเรื่องทั้งหมด ตอบแทนพี่เจนกับเรื่องทั้งหมด”
   แกทิ้งสองคนนั้นให้เผชิญเรื่องที่เลวร้ายเพียงลำพัง แล้วก็หอบเอาตัวเองมาอยู่นี่ แล้วเป็นไง เพราะความไม่เคยรอใครของแก แกเจออะไรที่นี่ แกได้เจอปลายทางของความรักของแกที่นี่มั้ยเอิร์ธ เจอมั้ย”
   เอิร์ธก้มหน้าลงทันที ความเพิ่งรู้สึกถึงความผิดพลาดทั้งหมดถาโถมเข้ามาหาเขา มันเกินกว่าที่เขาจะรับไหวแล้ว
   “สุดท้าย แกก็จะไม่เหลืออะไรเลย” กายพูดต่อ “แกก็จะเป็นพี่ เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้”
   และแล้วก็เข้าสู่ความเงียบ เป็นความเงียบที่มีความหมายมากมายเหลือเกิน เป็นอย่างที่กายพูด สำหรับเอิร์ธ เขายังไม่ได้ทำอะไรให้กับวินเลย สิ่งล่าสุดที่เขาทำ ก็คือต่อต้านความสัมพันธ์ของวินกับไกด์ ทั้งๆที่มองมุมกลับ วินไม่เคยต่อต้านความสัมพันธ์ของเขากับมิกเลยซักครั้ง
   เอิร์ธทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้น จมอยู่กับความพ่ายแพ้ของตัวเอง ชายหนุ่มกำหมัดเอาไว้แน่น
   “ผมเคยคิดมาตลอด ว่าผมจะทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับเค้าดีที่สุด” เอิร์ธว่า “ผมไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งเรื่องของผมกับเค้า ผมไม่ต้องการ”
   “แต่เมืองนี้มันแปลกเอิร์ธ ทุกอย่างมันแปลกไปหมด” กายพูด “คนที่เราจะไว้ใจได้...”
   “...มันมีแค่พวกเราเท่านั้น” เอิร์ธพูดพร้อมกับกายในที่สุด “แต่.....ผมขอพี่กาย เรื่องผมกับพี่มิก ผมตัดสินใจ...”
   “พี่บอกแล้ว ว่าพี่ไม่สน” กายว่า “พี่มองเห็นตัวเองในตัวแกเอิร์ธ แกคิดเรื่องนี้อย่างดีแล้ว พี่เห็นแววตาแกเมื่อกี้ในบ้านพี่รู้ แต่พี่มาขอแกเรื่องวิน....ไปกับพี่ พี่ต้องการจบเรื่องนี้”
   เอิร์ธมองหน้ากาย
   “ผมเสียใจกับทุกเรื่อง” เอิร์ธว่า “ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผม”
   กายยื่นมือไปหาเอิร์ธตรงหน้า
   “หมดเวลาสนุกแล้วไอ้น้อง” กายว่า “กลับมาสู่โลกแห่งความจริง”
   เอิร์ธจับมือของกายแล้วลุกขึ้นทันที พลางหยิบกระเป๋าของตัวเองที่กองอยู่
   “เราจะไปไหนกัน” เอิร์ธถาม
   “คำถามนั้นพี่ต้องถามเรา” กายว่าพลางกดปลดล็อครถของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลกัน เอิร์ธมองไปยังตัวบ้านที่เขาเคยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นบ้านของมิก แต่มิกก็พักอยู่ที่นี่ ที่ที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นปลายทางของทุกๆอย่าง แต่ตอนนี้เขาได้เรียนรู้มามกพอแล้วกับความรักที่มีให้มิก
   “ขอโทษนะพี่มิก” เอิร์ธพูดเสียงสั่น กายก้มหน้าลงเบาๆ
   “คนเราอยู่อย่างคนแพ้บ้างก็ได้” กายพูดขึ้น “ทุกๆคนต้องรัยผิดชอบชีวิตตัวเองเอิร์ธ”
   “วินรู้จักกับนางแบบอยู่คนหนึ่งครับ” เอิร์ธว่า “เขาสนิทกันมาก จนครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน เธอชื่อสเตลล่า พักอยู่ในปารีส วินไม่มีทางกลับไปหาไกด์เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่ดีสนีย์แลนด์ มันต้องอยู่สเตลล่าแน่นอน”
   “โอเค งั้นพี่เอ่อ ขอล้างหน้าแปป บอกลาพี่นัทเค้าด้วย” กายว่า “วันนี้พี่ขับรถมาทั้งวัน”
   “ไม่ต้องพี่” เอิร์ธว่า “พี่ไม่ต้องไปส่งผมหรอก”
   กายมองหน้าเอิร์ธ
   “อย่างที่พี่ว่า นี่เป็นปัญหาที่ผมต้องแก้ไขมันด้วยตัวเอง แก้ไขความผิดพลาด” เอิร์ธว่า “เดี๋ยวผมไปเอง พี่เอ่อ....อยู่ดูเค้าเหอะ ผม.....ผมรู้ว่าเค้าจะเป็นไง”
   “แน่ใจนะ” กายถาม
   “ครับ” เอิร์ธรับคำ ก่อนจะค่อยๆออกก้าวเดินไป กายหันหลังกลับและเดินไปยังตัวบ้านของตัวเอง เขารู้ดีว่ามิกจะเป็นไง มันไม่ใช่เรื่องที่เดาได้ยาก เพียงแต่เขาไม่แน่ใจนักว่า ทางเดินที่ทั้งสองเลือกจะเป็นอย่างไรต่อไป
   “พี่กาย” เอิร์ธร้องเรียกเขา ชายหนุ่มหันหลังกลับไป “บอกเขาทีว่า........ผม.....ผมเสียใจที่เราสองคนต้องเป็นแบบนี้แต่....ผมเสียใจ”
   กายมองหน้าเด็กหนุ่มเดินหันหลังจากไป
   เขามองเห็นภาพของตัวเองในวันที่เลิกกับเจนแจ่มชัดขึ้นในหัว
   ปารีสเป็นเมืองที่น่ากลัวเกินไปจริงๆ เมืองนี้สร้างความหนาวที่เจ็บปวดเกินไป......
   เกินกว่าคนบางคนจะรับมันได้.....
   ได้แต่หวังว่า มันจะจบลงด้วยดี
.................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2014 02:43:28 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
สงสารวินมากกกกก
มาต่อบ่อยนะคะ พลีสสส

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 45 Give me one more kiss

   วินเปิดประตูห้องที่ถนนทอร์ลวิลช้าๆ ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมาเขาต้องจัดการเรื่องราวหลายอย่างให้เสร็จสิ้น กว่าเจ๊ใหญ่จะสงบลงได้ก็ใช้เวลาเอานานมากโข สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องของพ่อของเขา แต่เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้คนรอบๆร้านเกล็ดหิมะ พวกเขาเข้มแข็งกว่าที่วินคิดเอาไว้มาก ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทุกคนสามารถประคองกันและกันผ่านคืนอันโหดร้ายมาได้ และที่สำคัญ ดูเหมือนบุญคุณของเจ๊ใหญ่ที่สะสมมาตลอด 3 ปีที่ร้านเกล็ดหิมะ จะตอบแทนเธอได้อย่างดี ความช่วยเหลือจากคนไทยที่ทราบข่าวในช่วงดึก หลั่งไหลมาหาเธออย่างไม่ขาดสาย แต่สิ่งที่วินต้องรีบรุดกลับมาที่นี่ ก็คงเป็นเพราะสิ่งที่เจ๊ใหญ่บอกเขา หลังจากที่เขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไป

   “วิน” เจ๊ใหญ่จับมือของวินเอาไว้ก่อนจะจากกันที่สถานีตำรวจ “แน่ใจนะว่านี่เป็นสิ่งที่คิดทบทวนดีแล้ว”
   “ดีครับ” วินกุมมือของเธอเอาไว้ “ร้านเสียหาย ส่วนนึงเป็นเพราะผม ผมอยากจะรับผิดชอบ”
   “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลยวิน” เจ๊ใหญ่ว่า “เธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเจ๊เลย เพราะ...”
   “ผมเคยคิดแบบนั้น” วินตอบทันที “ผมเลยเป็นคนที่ไม่อยากจะยุ่งกับใคร เจ๊จำวันแรกที่ผมเดินเข้าร้านได้หรือเปล่าล่ะ แต่ร้านทำให้ผมรู้ว่า เราไม่ควรหันหลังให้กับปัญหาของใครก็ตาม”
   เจ๊ใหญ่มองหน้าวินด้วยสายตาที่เป่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง วินจับมือเธอไว้อย่างสุภาพ
   “เธอไม่ใช่คนเดิมแล้วนะวิน” เจ๊ใหญ่พูดกับวินเสียงสะอื้น
   “ครับ ผมรู้” วินก้มหน้าลงกับตัวเอง เจ๊ใหญ่พูดถูกไม่หมดซะทีเดียว เขาไม่ใช่คนเดิม แต่จากเรื่องที่เกิดบางครั้ง เขาก็ต้องยอมตอบคำถามที่ไกด์เคยถามเขาเมื่อนานมาแล้ว
   เขาเป็นใคร.....
   และตอนนี้คำถามที่เขาเคยหลีกเลี่ยงที่จะตอบ กำลังสร้างความเสียหายอยู่หลังกำแพง ความเสียหายที่เขาต้องรับผิดชอบมันอย่างจริงจัง
   ยิ้มเบาๆเมื่อนึกถึงใบหน้าของหมอนั่น ทุกๆนาทีที่ได้อยู่กับหมอนั่น มันทำให้เขาเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง หลายอย่างมากจริงๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ๊ใหญ่ หลังจากคิดอะไรออกได้อย่างหนึ่ง
   “ไกด์รู้เรื่องหรือเปล่าครับ” วินถาม
   เจ๊ใหญ่พยักหน้าตอบเขาเบาๆ
   “ก่อนจะเกิดเหตุ วันนี้ไกด์พาผู้หญิงคนนึงมาให้เจ๊รู้จัก เค้าเป็นอาจารย์ของเธอที่ Esmod” เจ๊ใหญ่เล่า “เจ๊เล่าเรื่องของร้าน เรื่องของวินให้เค้าฟังด้วย เจ๊ไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวข้องกันไหม”
   วินตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
   “คุณเจนเหรอครับ” วินถามอีก
   “ใช่จ้ะ” เจ๊ใหญ่ตอบ “ไกด์กับคุณผู้หญิงคนนั้น ออกจากร้านมาทัน ก่อนที่ร้านจะระเบิด รู้สึกว่าจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก ก่อนที่เราจะมา เค้าก็หายออกไปด้วยกัน ไม่ได้เจอกันหรอกเหรอวิน”
   วินยิ้มให้เจ๊ใหญ่
   “ไม่ครับ” เขาตอบ “เราไม่ได้เจอกัน คืออันที่จริง ผม......ผม.... ผมตั้งใจจะไปแล้ว”
   “ไปไหนล่ะวิน แล้วได้บอกไกด์ไว้หรือยัง” เจ๊ใหญ่ถาม
   วินยิ้มให้เจ๊ใหญ่ ก่อนจะปล่อยมือเธอ
   “ขอบคุณนะเจ๊ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” วินว่า “หวังว่านี่จะช่วยเจ๊ได้นะ”
   
    ยิ้มให้ตัวเองเบาๆ สำหรับวิน เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้มาจนถึงตอนนี้ ห้องพักที่ขนาดเท่าแมวดิ้นตายตรงหน้า ส่งความหมายบางอย่างให้กับเขา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่นี่มามากมาย มากเกินกว่าที่ใครหน้าไหนในเมืองนี้จะจินตนาการถึง หากไกด์กลับมาเห็นเขาสภาพนี้หมอนั่นต้องลากเขาไปอาบน้ำแน่ๆ เขม่าควัน กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งไปทั่วทั้งตัว หัวเราะกับสภาพของตัวเองเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น เมื่อวินหันกลับไป และแล้วก็เหมือนกับมีเวทย์มนต์
   ไกด์ในสภาพที่ดูอิดโรยไม่ต่างกัน ยืนอยู่ตรงหน้าประตู วินสบตาคนตรงหน้า เขาไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไปแล้ว วินและไกด์วิ่งเข้าหากัน ก่อนจะประกบริมฝีปากเข้าหากันทันที ทั้งคู่ยืนจูบกันอยู่อย่างนั้น จูบกันราวกับว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งนี้อีกต่อไปแล้ว ไกด์เอื้อมมือไปลูบผมของวินเบาๆ ขณะที่วินลูบไปตามต้นคอของไกด์ ก่อนจะผละออกจากกัน วินก้มหน้าลง แม้ว่าจมูกของเขาจะยังคงใกล้ชิดอยู่กับไกด์อยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มหลับตาลงเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ ตอนนี้มีคำพูดมากมายเกินกว่าที่เขาจะอธิบายได้ มันมากมายเกินกว่าที่ไกด์จะเข้าใจ เขาไม่อาจจะเก็บซ่อนมันเอาไว้ได้อีกต่อไป
   แนบใบหน้าชิดกันอย่างนั้นอยู่นาน ก่อนจะผละออกจากกันไป วินตัวสั่นสะท้านพร้อมกับหลับตาแน่น
   “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” วินพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของไกด์ขมวดคิ้ว พลางจ้องมองวินอย่างครุ่นคิด “ฉันมีเรื่องต้องบอกนาย ฉัน....”
   “เรื่องอะไร” ไกด์ว่า “เรื่องที่พ่อของนายเป็นคนทำสิ่งต่างๆทั้งหมดนี่ หรือเรื่องที่นายกำลังคิดว่าจะไปจากฉัน”
   น้ำตาของวินเอ่อคลอทันทีเมื่อไกด์พูดถึงประโยคนี้ เขากัดฟันแน่น เป็นอีกครั้งที่ไกด์อ่านเขาออก
   “นายไม่เข้าใจ ตอนนี้อะไรๆมันไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้ทุกๆอย่างฉันควบคุมไม่ได้แล้วไกด์” วินว่า “ฉันขอโทษนะ ที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายไม่ได้ ฉันต้องไปแล้ว”
   “ถ้าเราสามารถทำสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้จนผ่านไปได้ หลังจากนั้น จะไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้อีกแล้ว” ไกด์ว่า “แล้วทำไมถึงจะยอมแพ้แค่นี้ นายไม่เคยยอมแพ้ไม่ใช่รึไง”
   “ไกด์ เรารักกันไม่ได้หรอก” วินพูดแม้ว่าข้างในของเขากำลังสั่นไหวด้วยความเจ็บปวด
   “แต่ก็รักไปแล้ว” ไกด์พูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงจูบวินอีกครั้ง วินพยายามขัดขืน เพราะมีอะไรบางอย่างที่ไกด์ต้องรับรู้
   “ก...ไกด์ นายต้องฟังนะเว่ย” วินถอนปากออกอีกครั้ง ไกด์หายใจหอบถี่ พลางมองวินด้วยสายตาที่เยียบเย็น
   “วิน” ไกด์พูดเสียงแข็ง “ให้ฉันเถอะนะ อีกแค่จูบเดียว”
   วินไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีก เขารู้ว่าเวลาแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน มันไม่เหมาะเลยซักนิดที่เขาทั้งคู่จะใช้เวลาแสดงความรักกันตรงนี้ แต่ทว่าสำหรับวิน เขากลับรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำได้ วินยอมมอบรอยจูบนี้ให้กับไกด์อยู่ตรงนั้น จนเวลาผ่านไปเนิ่นาน
....................
   เสียงหยดน้ำไหลเอื่อยๆ พร้อมกับไอน้ำที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องน้ำ หลังจากเพลงรักอันร้อนแรงจบลงทั้งคู่นั่งพิงพนังห้องน้ำอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้สายน้ำชำระล้างความเจ็บปวดที่วินต้องแบกรับมาทั้งคืนไหลต่อไป วินนั่งพิงไหล่ไกด์ที่อยู่ในร่างที่เปลือยเปล่าอย่างสงบนิ่ง ไม่มีเสียงใดใด เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
   “ฉันคิดว่าดีสนีย์แลนด์จะทริปที่ดีที่สุดของฉันกับนาย” ไกด์พูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน วินหันกลับมามองหน้าไกด์ช้าๆ “จำวันนั้นได้มั้ย ที่ร้านแล้วนายอยู่สเตลล่าและคนอื่นๆ ฉันไม่รู้ว่าสถานะของฉันกับนายคืออะไร แล้วมีอะไรที่ฉันไม่รู้บ้าง”
   วินยังคงเงียบสนิท
   “ฉันรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า นายมีอะไรบางอย่าง ที่ไม่ได้บอกกัน” ไกด์ว่า “ฉันไม่โทษนายหรอก ถ้าจะผิด ก็คงเป็นฉันเอง”
   วินไม่แน่ใจนัก ว่าสิ่งที่ไกด์พูดหมายถึงอะไร จึงได้แต่ฟังไปเงียบๆ
   “ถ้าฉันมั่นคงให้กับนายตั้งแต่แรก นายก็คงไม่ต้องมาเจอพวกนี้” ไกด์ว่า “ถ้าฉันดูแลนาย ยอมรับนายแบบที่นายเป็นนาย ไม่ใช่ภาพสะท้อนของเจ้าก้อง ฉัน...ฉันขอโทษ”
   “ไกด์” วินเรียกชื่อเบาๆ “ถ้าสองวันที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายคิดว่า เราจะเป็นยังไง”
   ไกด์หัวเราะเบาๆ
   “ไม่รู้สิ” ไกด์ว่า “ความจริงก็คือฉันไม่เคยมานั่งจำหรือนั่งคิดเรื่องของนาย เพราะทุกๆเรื่องของนาย ฉันไม่เคยใช้สมองคิดเลยซักครั้ง ฉันใช้ความรู้สึกจากข้างในนี้มากกว่า”
   ไกด์เอื้อมมือไปจับมือของไกด์มาวางเอาไว้บนอกของเขา วินสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ลอยมาแตะจมูกเขาเบาๆ กลิ่นอายเหล่านี้บอกวินว่าสิ่งที่ไกด์พูดเป็นความจริง แต่ความจริงที่ยิ่งกว่าก็คือ เวลาที่บีบคั้นลงทุกที ไกด์อาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าเขา ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้ ณ เวลานี้ เขาจะมีความสุขกับคนตรงหน้าได้มากมายเท่าไหร่ มันก็คงต้องยุติลง
   “นายอาจจะยังไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ดีสนีย์แลนด์” วินค่อยๆพูดทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เรื่องฉันกับเอิร์ธมันเป็นแค่...”
   “เรื่องงี่เง่า” ไกด์พูดต่อ “ฉันเข้าใจ นายไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว”
   “ไม่ นายยังไม่เข้าใจ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเพราะฉันต้องการที่จะ....”
   “ฉันไม่อยากรู้เรื่องแบบนั้นอีกแล้ววิน” ไกด์ดึงตัววินชิดไปกับกำแพง และคร่อมตัวหาวินทันที “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเข้าใจหมดแล้ว ทุกอย่าง ทุกๆอย่าง ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้เพียงอย่างเดียว”
   “ว...ว่า”
   “ถ้าฉันขอให้คราวนี้เป็นตาฉันบ้าง นายจะไปกับฉันไหม” ไกด์ถาม พลางมองเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า
   ใช่แล้ว สำหรับไกด์ เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว ถ้านี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้ชดใช้กับสิ่งที่ทำให้วินต้องแบกรับเรื่องราวทั้งหมดไว้คนเดียวมาโดยตลอด เขาอยากจะไถ่โทษมัน และนี่ก็คงเป็นโอกาสสุดท้าย
   “ตอบดิวิน” ไกด์ว่า
   คำถามร้อยพันตีวนอยู่ในหัวของวิน ไกด์รู้เรื่องละเอียดขนาดนั้นได้จริงหรือเปล่า ถ้าจำพูดของเจ๊ใหญ่เป็นจริง ถ้าก่อนเกิดเรื่อง ไกด์ได้เจอกับเจนจิราก่อนที่เขาจะหายไปกับสเตลล่า นั่นอาจจะหมายความว่า ไกด์รู้เรื่องทุกๆอย่าง ทุกๆเรื่องที่เขาพยายามมาทั้งหมด
   และนั่นอาจจะหมายถึงความรู้สึกที่เขามีให้คนคนี้แบบหมดหัวใจ
   “ว่าไงวิน” ไกด์ถามต่ออีก วินส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลไปให้ไกด์เป็นคำตอบ
   “ฉ...ฉันไม่รู้ ฉันไม่ชัวร์ว่านายจะ...”  วินว่า
   “นายรักฉันหรือเปล่าวิน” ไกด์ถาม
   เรื่องนั้นน่ะเหรอ....วินคิด
   “ฉันขอแค่คำตอบนี้ ถ้าคำตอบนายคือใช่ หลังจากวันนี้ ฉันจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” ไกด์พูด เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เขารู้ถึงความเสี่ยงมากมาย เขารู้ว่าช่วงเวลานี้เป็นวันสำคัญแค่ไหน
   “ฉันไม่เคยรักใคร......ได้เท่านายอีกแล้ว” วินตอบพลายิ้มให้ไกด์ ที่ยิ้มกว้างตอบเขา
   “งั้นฉันก็ต้องการแค่นี้แหละ” ไกด์ว่า ก่อนจะลุกขึ้น และยื่นมือไปหาวิน “ลุกขึ้นแล้วไปด้วยกัน”
   “ป....ป...ไปไหน” วินว่า
   “ไปทำให้ทุกอย่าง เป็นอย่างที่เราต้องการ” ไกด์ตอบเสียงหนักแน่น
   วินยอมรับว่า เขาไม่เชื่อไกด์เลย ไม่เลยซักนิด
...........................
   ณ สตูดิโอที่ซูเม่อินเตอร์เนชั่นนอลเจนจิรานั่งมองพี่สุเมธ ที่กำลังอ่านรายงานของเธออย่างเคร่งเครียด เธอเองเป็นกังวลอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดวัน เธอไม่แน่ใจนักกับสิ่งที่เธอลงมือทำ แต่อย่างไรก็ตาม พี่สุเมธ ในฐานะเจ้าของแบรนด์ซูเม่ อินเตอร์เนชั่นอล เขาจำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
   “พี่ไม่แน่ใจเจน” พี่สุเมธพูดเสียงเข้ม “ทำไมมันมีแต่เรื่องล่ะ ตอนที่พี่เปิดขายหุ้น ถ้าพี่รู้ว่าแต่ละคนจะมีข้อแม้อย่างอื่นติดมาด้วย พี่ไม่เอานะ”
   “พี่เมธ เรื่องนี้เราต้องฟังนะคะ มันไม่ใช่ช้อแม้ แต่มันคือความจริง นี่คือความจริงที่เราเลือกจะลืมมันมาตั้งแต่ที่เมืองไทย ความจริงที่พี่เองก็ไม่ได้ฟัง” เจนจิราว่า สุเมธอึ้งไปพักนึง
   “เจนไม่เข้าใจ” พี่สุเมธพูดเกื้อหัวเราะ “พี่แค่อยากทำงาน และสิ่งที่พี่ต้องการมากที่สุดคือการทำแบรนด์ ทำแฟชั่น ทำงานศิลปะ ถ้าคนของพี่เอาแต่ปัญหามายัดใส่พี่ พี่ก็ไม่อยากทำงานด้วย พี่ทำธุรกิจเจน พี่ไม่ได้....”
   “งั้นพี่ก็ต้องทำงานคนเดียว พี่ซื้อหุ้นทุกคนคืนไป ซื้อหุ้นเจน หุ้นกายคืนไปได้เลยค่ะ” เจนพูดเสียงเฉียบขาด “และเท่าที่เจนจำได้ วันแรกที่เรานั่งคุยกันที่กรุงเทพ พี่ก็ไม่ด้พูดคำนี้ พี่บอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเดินไปด้วยกัน”
   พี่สุเมธชะงักงันไปทันที
   “รู้มั้ย ทำไมตอนแรกหนูกับกายถึงเลือกลงทุนกับพี่ เพราะเราสองคนเห็นว่าพี่แตกต่าง พี่เป็นดีไซน์เนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ มีมุมมองที่ในวงการของเราไม่เคยมีมากว่า 20 ปี และนั่นคือเหตุผลที่เจนและกายเดินตามพี่มา” เจนจิราว่า “ตลอดเวลา ปีครึ่งที่หนูและกายทุ่มเทให้กับซูเม่อินเตอร์ หนูพยายามยืนอยู่บนจุดยืนที่ว่า งานศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ มีคุณค่ามากกว่าราคา และพี่ก็เป็นคนพูดคำนี้ คำพูดที่ซื้อใจพวกหนู”
   เจนจิราพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับไม่ปล่อยให้สุเมธได้ตั้งป้อมใดใดกลับใส่เธอ
   “แต่ถ้าวันนี้ พี่เลือกจะเห็นเม็ดเงิน มากกว่า เห็นการโอนย้ายโปรเจ็ค และการหมุนเวียนเม็ดเงินสำคัญกว่า การซื้อใจดีไซน์เนอร์รุ่นน้อง เจนก็ขอขายหุ้นคืน” เธอกล่าวเสียงเยียบเย็น
   “เจน......เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยตัวเองหรอกนะ” สุเมธกล่าวแย้ง “ถ้าไม่มีคุณวรพัฒน์ พี่จะขยายตัวเองไม่ได้เลย ถึงอย่างไรก็ตาม พี่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน”
   “แต่ถ้าพี่ปรับให้หุ้นเค้าขึ้น บริษัทเราถูกตรวจสอบแน่นอนนะ” เจนพูด
   “แต่เราก็ยังไม่มีหลักฐานว่าคุณวรพัฒน์เป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนั่น” พี่สุเมธกล่าว “พี่ไม่ได้อยากจะว่านะ แต่เรื่องที่เราพูดมา เรื่องเจ้าวิน เรื่องคุณจีโอ เรื่องร้านเกล็ดหิมะ มันแทบฟังไม่ขึ้นเลย วินน่ะเหรอ ที่อยากจะไปทำอย่างอื่น เด็กคนนี้พรสวรรค์นะเจน พี่ไม่.....”
   “เจนขอนะคะพี่เมธ ครั้งนี้ขอให้ฟังเจน” เจนจิราว่า “ถ้าพี่เซ็นในการประชุมตามโครงสร้างนี้ ซูเม่ถึงจุดจบแน่ ไม่ช้าก็เร็วตำรวจจะสาวมาถึงตัวคุณวรพัฒน์ และบริษัทเราจะถูกตรวจสอบ เราอาจจะต้องหอบทุกอย่างกลับเมืองไทย ก่อนที่วินจะเริ่มแฟชั่นวีคได้ซะอีก”
   “แล้วเจนจะให้พี่ทำยังไง โปรเจ็คทุกอย่างพี่เซ็นไปหมดแล้ว” พี่สุเมธว่า “พี่ไม่มีอำนาจถอดหุ้นส่วนออก ถ้าไม่มีเม็ดเงินมาหมุนลง เปอร์เซ็นถือหุ้นคุณสุเมธก็ไม่มีทางต่ำไปกว่า 30% และถึงพี่ทำได้ คุณวรพัฒน์ก็ไม่มีทางยอม ใครจะยอมให้ตัวเองเปอร์เซนต์ต่ำลงล่ะ”
   “แล้วถ้าเจนหาได้ล่ะพี่” เจนจิราว่า “ถ้าเจนหามาได้ เม็ดเงินนั้น”
   “30% สูงกว่าอัตราส่วนคุณวรพัฒน์น่ะเหรอ เกินหกแสนยูโรภายใน 24 ชั่วโมงนะน่ะเจน” พี่สุเมธว่า “ใครมันจะไปทำได้ เจน มันไม่มีทางเกิดขึ้น”
   “แล้วถ้าเจนทำให้มันเกิดขึ้นได้ล่ะ” เจนพูดอีก
   “ถึงพี่จะกลายเป็นคนเห็นแก่เม็ดเงินอย่างที่เราว่า แต่พี่ก็ยังต้องการคนที่มาลงทุนกับเรา เพราะเห็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องสำคัญ พี่ไม่ต้องการคนที่มาลงทุนกับเราเพราะเห็นว่างานเราเป็นธุรกิจไปซะหมด” พี่สุเมธว่า
   “เหรอคะ จริงเหรอ” เจนว่า “คุณวรพัฒน์เห็นงานเรามีคุณค่าจริงเหรอคะ”
   “พี่จะไม่คุยกับเจนเรื่องนี้” พี่สุเมธ
   “แล้วทำไมเราถึงไม่คุยกันเรื่องนี้ล่ะพี่” เจนว่าต่อ
   “เจนไม่เอาน่า เธอมีงานต้องทำ งานที่สำคัญกว่าเรื่องประชุมปันงบวันพรุ่งนี้” สุเมธกล่าว
   “งั้นถ้าหนูหาคนที่จะมาลงทุนกับเราได้ แล้วประวัติน่าสนใจมากพอ” เจนว่าต่อ “พี่จะตกลงไหมคะ”
   “ว่าไงนะ”
   “หนูถามว่า ถ้าหนูหามาได้ พี่จะยอมเซ็นรับทราบ แล้วปรับโครงสร้างทั้งซูเม่ได้ไหมคะ” เจนว่า
   “ได้ ถ้าประวัติของเขาน่าสนใจพอ” พี่สุเมธยื่นคำขาด “เขาต้องเป็นคนที่เห็นความสำคัญของพวกเราเท่านั้น”
   “ได้ค่ะ ได้แน่นอน” เจนว่า ก่อนจะลุกขึ้นออกจากห้องไปทันที
   เจนยอมรับว่าเธอไม่เคยโกรธอะไรมากเท่านี้มาก่อนใรชีวิต ถ้าไม่นับเรื่องที่เธอเคยวีนใส่คู่หมั้นของกายกลางงาน BAD Award เมื่อปีก่อน และการวีนใส่วินที่สตูเมื่ออาทิตย์ก่อน และการวีนใส่เอิร์ธที่เีสนีย์แลนด์เมื่อวันเสาร์ แต่ก็นั่นแหละเธอโมโห โมโหเอามากๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกโมโหตัวเอง โมโหที่ทำไมครั้งนี้ การทำอะไรของเธอมันถึงดูติดขัด ไม่ลงล็อคเป๊ะๆอย่างที่เธอต้องการเสียที
   หญิงสาวก้าวเท้าอย่างเร็วผ่านชั้นสามทั้งชั้นไปยังห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่สุดทาง ตลอดครึ่งเช้าที่ผ่านมาเธอได้ใช้เวลากับการสะสางเรื่องไม่เป็นเรื่องมามากพอแล้ว และตอนนี้สิ่งที่ต้องทำมันก็มีเพียงแค่....
   “พี่เจน” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นเมื่อเธอเปิดประตูห้องเข้าไป เธอมองไปยังเจ้าของเสียงตาถลน
   เด็กหนุ่มที่ควรอย่ในสตูดิโอเมื่อวานแต่กลับหายตัวไปตั้งแต่เย็นวันดีสนีย์แลนด์ เด็กหนุ่มที่ควรมาจัดการเรื่องทุกอย่างที่ทำเอาไว้ เรื่องเหลวไหลแบบเด็กๆที่ทำเอาเธอหัวปั่น เรื่องเหลวไหลแบบเด็กๆที่ทำให้เธอเกือบโดนระเบิดจนเสียชีวิตไปด้วย....เอิร์ธ
   “ผมขอโท...
   เพี๊ยะ!!!
   เจนตรงรี่เข้ามาพร้อมกับตบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ เอิร์ธหันหน้าไปตามแรงมือ เขายอมทุกอย่างแล้ว
   “รู้ไหมว่าพี่ต้องวิ่งแก้อะไรให้เธอบ้างเอิร์ธ” เจนจิราพูดเสียงเฉียบขาด “รู้มั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
   “เอาเลยพี่ ผม....ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว พี่กายก็ทำกับผมเหมือนที่พี่ทำแล้วล่ะ ผม.....ผมขอโทษครับ” เอิร์ธพูดเสียงสั่น เขาสมควรได้รับโทษแล้ว สำหรับเขา ตอนนี้คือช่วงเวลาที่เขาต้องกลับมาแก้ไขทุกอย่าง อย่างที่ควรจะเป็น
   เจนได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ควบคุมสติอารมณ์ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงและหันหน้าไปทางอื่น
   “ได้ข่าวว่าเธอเลิกกับเค้า เมื่อวาน” เจนพูด เอิร์ธพยักหน้าเบาๆ “แน่ใจนะ ว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้เธอสร้างเรื่องเพิ่ม”
   “ค..ครับ ผมคิดว่า นั่นอาจจะทำให้ผมได้ทำอะไรอย่างเต็มที่กว่าที่เคยด้วยซ้ำ” เอิร์ธว่า
   “เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะว่าอะไรนายอีกละ นี่ไม่ใช่เวลาจะมานั่งโทษว่าใครผิด เพราะถ้าผิด ก็คงผิดด้วยกันหมดทุกคน” เจนจิราว่า
   “ผมกลับมาแล้วพี่ ผมไม่เจอวินที่สตู ผมไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ไหนยังไง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เอิร์ธว่า
   “ร้านเกล็ดหิมะถูกวางระเบิด” เจนจิราพูด “จีโอหายตัวไป วินก็ด้วย ฉันกับแฟนของวิน เราสองคนเชื่อว่าเป็นฝีมือพ่อของเค้า”
   “ลุงวรพัฒน์” เอิร์ธพูดเบาๆ
   “ใช่” เจนตอบ “ตอนนี้ สิ่งทีฉันอยากให้เธอทำก็คือ ไปตามหาวินให้เจอ แล้วสืบมาให้ได้ ว่าคุณวรพัฒน์เค้าอยู่ที่ไหน เค้าจับตัวจีโอไปไว้ที่ไหน พี่ต้องการเค้า”
   “ทำไมเหรอครับ” เอิร์ธว่า
   “ประชุมปันงบพรุ่งนี้” เจนจิราว่า “นั่นคือทุกๆอย่างที่จะเปลี่ยนทุกสิ่งที่เธอรู้จัก นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ถ้าเธอคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่ล่ะก็ นี่ก็เป็นโอกาสของเธอ”
   เอิร์ธฟังเจนจิราอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
   “พี่แน่ใจว่ายังต้องการจีโอเค้าอยู่” เอิร์ธถามอีกครั้ง “พี่ไม่ได้โกรธเค้าเหรอ ที่เค้าเข้ามาป่วนพี่ เพราะผมเป็นต้นเหตุ”
   หน้าของผู้ชายที่ยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจ ความอบอุ่นแบบนั้น แว้บเข้าในหัวของเธอ
   “ไม่หรอก” เจนจิราว่า “ไม่ได้โกรธ…เค้า”
   เอิร์ธเงียบเสียงลง
   “เค้าเคยบอก ว่าให้เชื่อใจเค้า และพี่….ก็อยากจะลองทำ” เจนจิราว่าพลางหันมาหาเอิร์ธ “ลองเชื่อใจคนอื่นดู และบางทีก็อาจจะเริ่มจากเชื่อใจเธอก่อน”
   เอิร์ธหายใจเข้าไม่เป็นจังหวะ
   “มันสำคัญกว่าเรื่องรักๆใคร่ๆกันใช่มั้ยเนี่ย” เอิร์ธพูดติดตลก
   “เธอคิดไม่ถึงเลยล่ะ” เจนว่า
   “ได้ครับ” เอิร์ธว่าพลางเก็บกระเป๋า และออกเดินจากห้องไป เจนจิราคิดถึงคำพูดของกายขึ้นมา ถ้านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ทุกๆคนที่มีอดีตอันเลวร้ายจะได้แก้ไขตัวเอง มันก็คงสำคัญกว่าเรื่องรักๆใคร่ๆทั้งหมดที่เธอเคยเข้าใจมา
   “เอิร์ธ”
   เด็กหนุ่มหันกลับมาหาเธอขณะเกิดประตูห้อง
   “เมืองนี้น่ะมันประหลาดนะ คนที่ไว้ใจกันได้ มันก็มีแต่พวกเราเท่านั้น” เจนจิราพูดเสียงสั่น “พี่ไว้ใจเธอได้ใช่มั้ย”
   เอิร์ธยิ้มให้เธอเป็นคำตอบ
   “งาน BAD Award ปีก่อน พี่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผมได้ออกงานคืนนั้น” เอิร์ธว่า “ผมต่างหาก ที่ควรจะเชื่อใจพี่ได้ตั้งนานแล้ว.......ผมขอโทษนะพี่เจน”
   “ฉันก็เหมือนกัน”
   ยิ้มให้กัน ก่อนเอิร์ธจะหายออกไป
   หันกลับมามองซองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ ใช่ว่าการที่เธอให้เอิร์ธไปจัดการเรื่องนั้นแล้วทุกอย่างจะดูง่าย เพราะเธอเองก็เหลือเรื่องที่ต้องจัดการอีกเหมือนกัน
   อีกเพียงแค่วันเดียว
.............

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด