บทที่ 22
กาลครั้งหนึ่งของนาว
เอาล่ะ..กลับมาที่กาลครั้งหนึ่งของนาวดีกว่า เรื่องของพี่ธีมมีแต่หื่นๆ น่าเบื่อเนอะ
เมื่อคืนผมบอกคุณเมว่าขอเป็นคนนอนเฝ้าไอ้โหดที่โรงพยาบาลเอง ที่หน้าห้องพักมีตำรวจนอกเครื่องแบบจากบัณตรามาเฝ้าไอ้โหดตั้งสองคน แถมด้วยบอดี้การ์ดของคุณปริณอีกสองคน ถึงมันจะบอกว่าอยากเป็นแค่คนธรรมดาสำหรับผม แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเพียงข้ามคืน ใครมันจะไปคิดว่าคนที่กัดกับผมมาเกือบตลอดชีวิตจะกลายไปเป็นเจ้าชายจริงๆ ถึงประเทศนั้นจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่มันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชาย ผมคิดว่าจากนี้ต่อไปมันคงไม่ง่ายอย่างที่ไอ้โหดมันคิดแน่ๆ ก็มันเป็นถึงองค์รัชทายาทสายตรง มันเป็นเจ้าชายที่จะต้องสืบราชสันตติวงศ์ ปกครองคนทั้งประเทศ ดูแลผืนแผ่นดินบ้านเกิดแท้ๆ ของมันให้อุดมสมบูรณ์ หน้าที่ของมันติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิดแล้ว มันนึกจะปฏิเสธและคิดว่าทางโน้นคงจะยอมแต่โดยดี ผมมั่นใจว่าไม่มีทาง
ถามว่าผมรู้สึกยังไงในตอนนี้ หลังจากที่เห็นว่ามันโดนยิงแล้วยังมีลมหายใจมาหื่นใส่ผมได้ การจากกันชั่วคราวคงไม่ทรมานเท่าไหร่มั๊ง ไม่รู้สิ ตราบใดที่มันยังยืนอยู่บนแผ่นดินไทย ยังเป็นไอ้หมาธีมของผม ผมก็จะเป็นนาวสุดหล่อของมัน หลังจากนั้นคงรอให้ถึงเวลาของอุปสรรคจะมาเสียก่อน ผมคงจะบอกได้เองว่าผมรู้สึกยังไง
วันนี้ห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลกำลังกลายเป็นห้องประชุมลับย่อยๆ ของแก๊งลูกไม้หรือเหล่าหมาไฮยี่น่าของผมเอง แต่ไม่ครบองค์ประชุมนะครับ มีแค่ไอ้บูม ไอ้เกลือ ไอ้ยีน ส่วนไอ้มีนอัดเสียงเสร็จจะตามมา ไอ้บิวกำลังมาเหมือนกันพร้อมกับกองทัพอาหารที่มันทำส่งส่วยให้พวกผม ไอ้จอมไปส่งแม่มันที่กองถ่ายละคร น้องทัสก็ตามมันไปด้วยครับแต่เดี๋ยวคงมากันครบ
“ไอ้นาว สรุปตำรวจเขาว่ายังไงวะ” ไอ้บูมเอ่ยปากถามผม
“เขาบอกว่าคนร้ายยอมสารภาพแล้ว มันบอกว่ามีคนจ้างมันมาอีกที แต่มันไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนที่จ้างมันจะสวมหมวกคลุมหน้าปิดบังตัวตน แต่มันเคยได้ยินคนที่ว่าจ้างมันคุยโทรศัพท์แล้วพูดถึงลิขสิทธิ์หนังของพ่อฉัน ตำรวจเลยกำลังมุ่งเป้าไปเจ้านายเก่าของพ่อ คนที่เคยขอตามซื้อลิขสิทธิ์ละครของพ่อ แต่พ่อไม่ยอมขายให้ ตอนนี้กรรมสิทธิ์ก็ตกเป็นของฉันแทน”
“แล้วเขาเคยติดต่อแกมาไหม” ไอ้เกลือถามต่อ
“เคย แต่ฉันเห็นพ่อไม่ขาย ฉันเลยยังไม่ขาย เขาก็ตื้ออยู่พักหนึ่ง แต่ฉันไม่ขาย เขาก็เลยเงียบไป”
“ฆ่าแกแล้วจะได้อะไรวะ” ไอ้ยีนมันถามด้วยความสงสัย เออ ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
“มันอาจจะทำสัญญาซื้อขายปลอมเตรียมไว้ก็ได้ ถ้าไม่มีแกก็ไม่มีพยานใดๆ เพราะแกไม่มีญาติที่ไหนแล้ว มันก็ได้กรรมสิทธิ์ไป” ไอ้เกลือพูดมาก็มีเหตุผล
“แล้วงี้จะมีหลักฐานอะไรไปจับมันวะ” ไอ้บูมยังสงสัย เออ ผมก็สงสัย
“เห็นว่ามันหนีออกนอกประเทศไปแล้วนี่” ไอ้โหดพูดบ้าง เอ๊ะ มันก็นอนเจ็บอยู่แล้วมันรู้ได้ไง
“พี่รู้ได้ไง” ผมถามมัน อยากรู้อะไรต้องถามครับ
“แกหัดอ่านข่าวออนไลน์บ้างก็ดีนะ ดูพี่ธีมดิ๊ นอนเจ็บยังรู้จักใส่ใจสิ่งรอบตัว” ไอ้ยีนตอบแทนไอ้โหด แหมแหม แหม เห็นมันเป็นเจ้าชายหน่อยเข้าข้างมันน่าดูนะไอ้ยีน
“แต่ก็ดีแล้วละ มันคงไม่กล้าทำอะไรแล้วเพราะถูกตั้งข้อสงสัย แถมตำรวจน่าจะออกหมายเรียกมัน มันอาจกลัวจนจะหนีไปถาวรเลยก็ได้” ผมบอก
“หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะแก แถมยังจะได้เป็นเจ้าหญิงอีก ทำไมฉันไม่โชคดีเหมือนแกมั่งวะ” ไอ้ยีนบ่น
“จะว่าไปก็เหลือเชื่อนะ อยู่ดีๆ พี่ธีมก็กลายเป็นเจ้าชายอย่างกับนิยาย แกว่า ฉันจะเจอเรื่องอัศจรรย์แบบนี้มั่งไหมวะ” ไอ้บูมถาม โถๆๆ ไอ้บูม ผมว่าผมมโนเยอะแล้วนะ วันนี้ผมจะยกแชมป์มโนดีเด่นให้มันเลย
“ก็อาจจะเป็นไปได้ แบบ ครอบครัวเขารังเกียจแก เลยลอยแกมากับขยะ แล้วภาวนาให้แกจมน้ำตายอย่าได้เติบโต” ไอ้เกลือพูดจบไอ้บูมก็ซัดไปที่กบาลคนพูดหนึ่งดอก ผมเลยได้แต่กลั้นขำ มือมันหนัก ขืนโดนมันตบกระโหลกผมแตกพอดี
“เฮ้ย ไอ้มีนมันส่งไลน์มาว่ามันกำลังจะมา มันบอกมีข่าวสองข่าวที่จะมาเม้าและสำคัญมาก ห้ามทุกคนกลับ” ไอ้ยีนกดโทรศัพท์ของมันไปพูดกับพวกผมไปด้วย
“ไอ้มีนนี่ก็น่าพกกลับไปบัณตราด้วยนะพี่ธีม ตั้งมันให้เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง” ไอ้บูมนินทา แต่ไอ้ยีนพิมพ์ฟ้องไอ้มีนเรียบร้อย
“ไอ้มีนมันบอกว่า ขอให้น้องจินนี่สลัดรักแกวะบูม ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้ยีนอ่านให้เพื่อนฟัง ไอ้บูมรีบยกมือไหว้เลย
“ไอ้บิว ฉันดีใจที่เห็นแกจริงๆ เลย” ผมบอกเมื่อเห็นไอ้บิวหอบหิ้วถุงผ้ากับตะกร้าหวายใบใหญ่เข้ามา กลิ่นหอมๆลอยออกมาแตะจมูกทันที
“เห็นแก่กินนะแก” ไอ้เกลือว่าผมก่อนจะลุกไปรับของจากไอ้บิว ผมเบ้ปากใส่มัน ก็ผมหิวอะ อาหารที่นี่อย่างจืด
“แก ให้พี่ธีมก่อน” ไอ้บิวส่งกล่องข้าวให้ผม เป็นข้าวผัดทะเล โคตรน่ากิน ผมเปิดกล่องแล้วหยิบช้อนไปวางที่โต๊ะล้อเลื่อน แล้วลากไปที่เตียงของท่านชายธีม ไอ้บิวเดินตามมาเอาน้ำซุปมาวางให้ด้วย
“กินกับพี่ดิ ป้อนด้วย” มันบอก
“โหย พี่ก็กินเองดิ นาวก็หิวนะ ขืนป้อนพี่ก็กินไม่ทันไอ้พวกนี้กันพอดี” ผมบอกมัน ไม่ได้ขี้เกียจหรอกครับ แต่เดี๋ยวโดนฝูงไฮยีน่ารุมกัดผมแน่ ผมไม่อยากอาย
“แกมันบกพร่องในหน้าที่มาก เดี๋ยวฉันตามองค์หญิงมิเชลมาป้อนพี่ธีมก็ได้” ไอ้เกลือบอก
“เออๆ ป้อนให้ก็ได้ แกวางโทรศัพท์ลงเลยไอ้โซลที้” ผมค้อนไอ้เกลือก่อนจะหันกลับมาเห็นไอ้โหดมันยิ้มแฉ่ง
“บิว แกลดน้ำตาลมาเปล่าวะ ข้าวผัดแกคงจะหวานเจี๊ยบบบ” ไฮยีน่าตัวแรกเริ่มกัดผมแล้วครับ ไอ้หมาบูม
“ไม่ต้องห่วง พี่ธีมเขากินตุนไว้ กลับบ้านก็จะออกกำลังกายในร่มเพื่อเบิร์น” ไฮยีน่าสาวตัวที่สองครับ ไอ้ยีนแกเป็นกุลสตรีนะ ทะลึ่งลามกแบบนี้ฉันจะฟ้องพ่อแกให้ตัดแกออกจากกองมรดก
“อย่าไปแซวมัน เดี๋ยวมันทนไม่ได้ด่าพวกเราอีก” ไอ้เกลือพูดครับ ผมขอร้องไห้ก่อน ไอ้เกลือคือเพื่อนที่รักผมจริงรู้จักกาละเทศะในการแซวจริงๆ
“มันจะเป็นเมียเจ้าชายแล้ว อย่าไปฝึกให้มันด่า เดี๋ยวทหารกลัวหัวหด” ไอ้เกลือพูดต่อ แม่ม..ผมเปลี่ยนใจแล้ว ขอเก็บน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจคืนแล้วสั่งขี้มูกป้ายหน้ามันแทนได้ไหม ไอ้เพื่อนเวร
“ใครๆ ก็รุมนาว พี่ดูดิ สั่งทหารจับพวกมันไปขังดิ๊” ผมบอกไอ้ธีม มันได้แต่หัวเราะแล้วจะหยิบช้อนมากินเอง
“พี่ล้อเล่น นาวไปกินข้าวเถอะ พี่กินเองได้” มันบอก แต่ผมชักมือกลับไม่ให้มันแย่งช้อนไป
“จะป้อน” ผมบอกมัน
“ให้มันป้อนเถอะพี่ธีม มันกลัวไอ้เกลือโทรตามเจ้าหญิงตังเม” ไอ้ยีนบอก
“เขาเป็นน้องสาวเหอะพวกแก ฉันไม่หึงแล้วเว้ย อย่ามาเสี้ยม” ผมหันไปบอกพวกมันพร้อมกับยักไหล่
“นี่แหละน๊า ไม่เคยศึกษาเรื่องประเทศของแฟนตัวเองบ้าง แกไม่รู้รึไง ว่าประเทศบัณตรา พี่น้องแต่งงานกันได้ แถมยังเป็นประเพณีด้วย เรือล่มในหนอง” ไอ้เกลือบอก ผมฟังแล้วหน้าเหวอเลย หันไปมองหน้าไอ้โหด มันหลบตาผม ผมวางช้อนลงเลย กำลังจะอ้าปากถามมัน แต่มันหลุดยิ้มมาซะก่อน จากนั้นไอ้ไฮยีน่าสามตัวก็หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ส่วนผมนะเหรอ ‘มออออ’ เขางอกบนหัวกลายเป็นวัวโง่ๆ ทันที ผมโดนหมาหมู่รุมแกล้ง ช่วยผมด้วย
“พวกแกแม่งขี้แกล้ง ฉันจะฟ้องไอ้จอม” ผมทำปากยื่นใส่พวกมันเลย ที่รู้ว่ายื่นเพราะไอ้โหดมันเอานิ้วมาคีบปากผมแล้วดึงเล่นจนผมต้องปัดมือของมันออก
“พอๆ กินข้าวกัน กลิ่นฟุ้งห้องหมดแล้วแก เดี๋ยวพยาบาลเขาจะเอือม” ไอ้บิวคือนางฟ้าตัวน้อยๆ ของผม นอกนั้นพวกแกเลวหมด
พวกผมนั่งกินอาหารแสนอร่อยที่ไอ้บิวทำมาจนหมด หลังอาหารพวกมันขอลงไปกินกาแฟนกันต่อข้างล่างระหว่างรอไอ้มีนมา ส่วนผมก็จับไอ้โหดมันเช็ดตัว คราวนี้ไม่พลาด ไม่ได้เช็ดโดนมังกรมันแม้แต่น้อย ปล่อยให้เน่าในไปเลย ไม่งั้นมาชี้หน้าผมอีก หื่นไม่รู้เวล่ำเวลา
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกมันก็ขึ้นมากันครบ รวมถึงไอ้จอมและน้องทัสด้วย อ่อ ผมลืมบอกไป น้องทัสมาเยี่ยมไอ้โหดเมื่อคืนพร้อมกับขอร้องว่าห้ามบอกใครเรื่องฐานะที่แท้จริงของน้อง ผมเลยต้องโทรไปสั่งไอ้เกลือให้มันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย ผมไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ในเมื่อน้องขอมา ผมว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาเราก็ต้องทำตาม ผมปล่อยให้ไอ้โหดได้คุยกับน้องทัสตามลำพังด้วยการขอกลับไปอาบน้ำที่บ้านและเอาเสื้อผ้าของใช้มาเพื่อเฝ้าไอ้โหด มันยอมให้ผมกลับเพราะคนที่พาไปคือตำรวจนอกเครื่องแบบหน้าห้องนี่แหละครับ พอกลับมาถึงโรงพยาบาลอีกทีผมเห็นน้องทัสตาแดงๆ ไอ้โหดก็ด้วย พี่น้องเพิ่งได้เจอกันนี่เนอะ คงจะได้เล่าความเป็นมากัน สะเทือนใจหรือซาบซึ้งก็ว่ากันไป ผมอยากรู้ไหมนะเหรอว่าทำไมเขาถึงตาแดงๆ ถามมาได้ อยากดิ คนอย่างนาว อยากรู้อะไรต้องได้รู้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามมันเลย
“มีนเหยี่ยวข่าวมาแล้ว อ่อ เดี๋ยวก่อน เจ้าชายพี่ธีมเพคะ ทรงเจ็บไหมเพคะ ถ้าเจ็บน้องมีนจะเป่าให้” ไอ้มีนเปิดประตูเข้ามาได้ก็ส่งเสียงอ่อนเสียงหวานมาเชียว มันรีบย่อตัวทำความเคารพพี่ธีม ผมขำมันจริงๆ
“เจ้าชายทรงสบายดี แต่แกนั่นแหละเพคะท่าจะเสียสติ” ไอ้บูมหันมาแขวะไอ้มีน ไอ้มีนเลยเอาหนังสือในมือฟาดไปที่ไหล่ไอ้บูมแต่ไม่แรงเลย ตีให้แรงกว่านี้สิมีน เราสนับสนุน
“ไหนข่าวอะไร ฉันจำเป็นต้องรู้ไหม” ไอ้เกลือถาม
“แหม ความเสือกของพวกแกมีเยอะกว่าสาขาชายสี่หมี่เกี๊ยวอีก มีเหรอจะไม่อยากรู้ ฉันพูดถูกไหมไอ้นาว” ไอ้มีนหันมาถามผม
“ใช่ ถูก พวกมันขี้เสือก” ผมสนับสนุนไอ้มีน เอาคืนพวกมันมั่ง
“น้องทัสมานั่งข้างพี่บูมนะจ๊ะ” ไอ้บูมรีบเขยิบเพื่อหาที่ว่าง น้องทัสส่งยิ้มให้มันก่อนจะเดินไปนั่ง ไอ้จอมทำเหมือนไม่สนใจแต่ผมเห็นนะว่าเหลือบมองน้องเขา ส่วนไอ้โหดที่นั่งเก้าอี้เดี่ยวคนเดียว มันก็ไม่ได้พูดอะไรกับน้องของมัน
“จอมมานั่งนี่มา” ไอ้ยีนเรียก แต่ไอ้จอมกลับทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้บิว ไอ้ยีนหน้าเสียเล็กน้อย ส่วนไอ้บิวได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“จะมีใครชวนฉันนั่งไหม” ไอ้มีนเท้าเอวถาม ทุกคนพร้อมใจชี้ไปที่พื้น ไอ้มีนเลยหันเอาขาไปยันไอ้เกลือแบบพาลๆก่อนจะไปนั่งข้างไอ้ยีนแทนไอ้จอม
“ทำไมถีบฉันคนเดียววะ” ไอ้เกลือบ่น แหม ก็แกอยู่ในรัศมีตีนมันเห็นๆ ถามไม่คิดนะ
“เร็ว อยากรู้ บอกมาๆ” ผมเร่ง
“ข่าวแรก พี่ปอนกำหนดมาแล้วว่าพวกเราจะได้ไปถ่ายแบบกันที่ ที่ไหนรู้ไหม” ไอ้มีนถาม
“ไม่รู้” พวกผมพร้อมใจกันตอบ
“บัณตราเลยนะเว้ย ไปสิบห้าวัน ได้คิวพวกเรามาหมดแล้ว แล้วอีกคนที่จะได้ไปร่วมถ่ายกับพวกเราด้วยก็คือน้องทัสนี่เอง เป็นโปรเจคร่วมกับทางบัณตรา เพื่อช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวให้เขาด้วย พวกเราคือคนกลุ่มแรกที่จะได้วีซาเข้าประเทศและทางราชวงศ์จะเป็นสปอนเซอร์เลี้ยงรับรอง ให้ที่อยู่ที่กินตลอดทริป เที่ยวอย่างราชา ราคาไม่เสีย แถมได้ค่าตัวด้วย เลิศไหมแก” ไอ้มีนร่ายยาวจนจบพวกมันส่งเสียงร้องดีใจกันจนไอ้บิวทำท่าเตือนให้เบาเสียงลงเพราะนี่คือโรงพยาบาล
“ดีจัง เขาว่าสวยมาก สวยกว่าโบราโบร่าอีก” ไอ้ยีนทำหน้าเพ้อฝันเชียว
“เหมือนไปส่งฉันพอดี” ไอ้บิวบอกอย่างดีใจ ผมรู้มาว่าหลังจากถ่ายแบบเสร็จ บิวมันต้องอยู่ที่บัณตราเลย พวกผมเงียบกันเล็กน้อยเพราะไม่มีใครอยากให้มันไป มันต้องไปอยู่คนเดียวในประเทศที่ห่างไกลแบบนั้น ผมก็ห่วงมันเหมือนกัน
“แล้วข่าวอื่นละ” ไอ้จอมถาม ไอ้มีนวางหนังสือที่มันถือมาแล้วฟาดไอ้บูมเมื่อครู่ลงกลางโต๊ะ ก่อนจะชี้ให้ดูกรอบข้อความสั้นๆ อยู่ซ้ายด้านล่างของปก ไอ้บูมเป็นคนอ่านออกเสียงให้ได้ยินทั่วกัน
“ความลับที่ถูกเปิด ดาราคนดัง จากใจซ้อสิบแปด”
“นาว เดี๋ยวฉันจะอ่านรายละเอียดข้างในให้ฟัง แล้วแกก็ต้องมีสติ โอเคไหม” ไอ้มีนบอกผม ผมเริ่มเครียดตอนได้ยินคำเตือนที่มันบอกนี่แหละครับ ทำไมมันถึงกลัวผมจะสติแตก ยัยซ้อสิบแปดมันโจมตีผมประจำอยู่แล้ว แล้วเรื่องอะไรที่จะทำให้ผมสติแตกได้หรือจะเรื่องไอ้โหดกับผม ผมเริ่มใจไม่ดีเลย
“เออ ให้ไว” ผมบอกมัน มันหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดหน้าที่ต้องการแล้วก็อ่านให้พวกผมฟัง
“คอลัมน์ลำโพงดาราวันนี้มีเรื่องแซ่บมาให้คุณผู้อ่านได้ร่วมตะลึงไปด้วยกัน ข่าวนี้วงในอย่างซ้อสิบแปดเป็นผู้เปิดเผยค่ะคุณขา ก็ดาราดัง ชื่อย่อ ตัว ป ชื่อเล่นเปรี้ยวจี๊ดแซ่บหลายที่ใครๆ ก็อยากจะชิม นอกจากหน้าตาที่ดี พรสวรรค์มากมี ที่เด็ดสุดที่ซ้อสิบแปดยอมไขความลับให้ชาวประชาได้รู้ก็คือ เรื่องราวของผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของดาราหน้ามนคนดังคนนี้ ซ้อสิบแปดเปิดใจว่า เรื่องนี้รู้มานานแล้ว แต่ถูกข่มขู่ตลอดมาว่าห้ามเปิดเผย แถมยังโดนอำนาจมืดทำให้คุณซ้อแทบไม่มีที่ยืนในวงการ แต่ตอนนี้ซ้อจะวางปากกาแล้ว ก็ไม่อยากให้ความลับนี้ตายไปพร้อมกับซ้อ ความจริงที่น่าสงสารที่ดาราคนนั้นควรได้รับรู้ ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงไม่ใช่ผู้กำกับละครหรือเจ้าของผลงานนิยายชื่อดังอย่างที่เรารู้ๆ กัน แต่เป็นอภิมหาเศรษฐีเจ้าของสถานีโทรทัศน์ ที่แอบไปมีสัมพันธ์ลับนางงามจนท้องโย้แล้วสั่งให้เพื่อนรักคือผู้สร้างหนังรับผิดชอบแทนตัวเพราะกลัวจะไม่ได้มรดกจากตระกูล วี๊ดว้ายค่ะคุณขา พูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานเดี๋ยวจะว่าลำโพงดารารวมมือกับซ้อสิบแปดใส่ร้าย เราเลยเอารูปเซ็ทนี้มาให้ดูเป็นน้ำจิ้มแล้วกันนะคะ ขอจบการล้วงแคะแกะเกาเพียงเท่านี้ก่อน ติดตามคอลัมน์นี้ให้ดี มีของเด็ดมาแฉ เอ้ย มาเปิดเผยอีกอย่างแน่นอนเจ้าข้าเอ๊ย” ไอ้มีนอ่านจบภายในห้องก็เงียบสนิทชนิดถ้าใครแอบตดนี่คิดว่าชี้ตัวผู้ต้องหาได้เลย
ผมดึงหนังสือไอ้มีนมาอ่านเองอีกรอบพร้อมกับดูรูป ในรูปคือภาพชายคนหนึ่งกำลังหอมแก้มหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องอยู่ที่ริมทะเล อีกรูปคือคนคู่เดิมกำลังหยอกล้อเด็กทารกในอ้อมกอด ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ถึงแม้จะรูปจะทำเส้นคาดใบหน้าแต่ผมก็จำรูปร่างลักษณะสองคนนั้นได้ดี เพราะผมเคยเห็นบุคคลทั้งสองตอนยังวัยรุ่นจากอัลบั้มรูปของแม่ที่ผมได้มาจากคุณปริณ
‘คุณปริณกับแม่พุดซ้อนของผม’
“นาว..” ไอ้โหดมันลุกเดินเข้ามาหาผม ไอ้เกลือลุกขึ้นเพื่อให้ไอ้โหดมันมานั่งข้างๆ ผมแทนมัน
“คุณเมจะรู้เรื่องนี้ไหม คงรู้..เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน” ผมพูดออกไปแต่ไม่ได้มองหน้ามันหรอก มองรูปในหนังสือ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยมโนเอาไว้เลย ถึงผมจะชอบคิดว่าพ่อไม่รักผม แต่ก็ไม่เคยจะคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อ ถ้าเรื่องนี้มันจริง ผมบอกไม่ถูกเลยว่าควรรู้สึกยังไง ผมตำหนิพ่อมาตลอดเรื่องที่พ่อขายศักดิ์ศรีเพื่อเงิน แต่พ่อที่ผมตำหนิเป็นคนที่เลี้ยงผมมาด้วยความยากลำบาก เลี้ยงลูกที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเองด้วยซ้ำ ผมก็ยังไปตำหนิแถมยังคอยประชดประชัน ทำตัวดื้อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่ผมอยากร้องไห้จริงๆ กับสิ่งที่ผมทำพลาดไป
“เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้หรอกนะ พี่ก็เหมือนกัน แต่เราเลือกได้นะว่าจะเดินไปข้างหน้ายังไง” ไอ้โหดมันจับมือผมพร้อมกับบีบเบาๆ
“มิน่า นาวสร้างข่าวอะไรก็ถูกเก็บหายหมด คงจะกลัวว่าถ้าวันหนึ่งคนรู้ว่านาวคือลูกเขา นาวอาจจะทำให้เขาเสียหาย” ผมรู้สึกเหมือนถูกลุงปริณหักหลังความรักความไว้ใจที่ผมให้เขา แม้จะในเวลาไม่นานผมก็รักและนับถือเขาเหมือนญาติแท้ๆ
“มันอาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้นะแก หรือถ้าจริง เขาอาจจะไม่ได้กลัวเสียหาย เขาอาจจะทำเพราะรักแกนะนาว ไม่อยากให้แกมีข่าวไม่ดี” ไอ้บิวปลอบใจผม
“รักฉันเหรอ ฉันถูกทิ้งไปอยู่บ้านนั้นที บ้านนี้ที ถ้าเขาเป็นพ่อฉัน เขารักฉัน เขาทนดูฉันอยู่กับคนอื่นได้ยังไง หรือเป็นเขาที่ไม่อยากให้ฉันมีตัวตน” ผมวางหนังสือลง บอกกับตัวเองในใจว่าจะไม่เสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้เด็ดขาด
“แกอย่าเพิ่งคิดแบบนั้นดิวะ ทุกคนย่อมมีเหตุผล รับฟังเขาก่อน ถ้าฟังไม่ขึ้นจะโกรธก็ไม่สาย” ไอ้ยีนมันบอกกับผม
“แกก็เข้าข้างเขาเพราะเขาเป็นเจ้านายแกนี่” ผมพูดไม่ทันคิด แต่หน้าไอ้ยีนเจื่อนไป ผมรู้สึกอยากตบปากตัวเอง แต่ความร้อนรุ่มที่เกิดในใจมันทำให้ผมไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษเพื่อน
“แกอย่าพาลดินาว ไอ้ยีนมันพูดถูก ลองฟังคำอธิบายเขาก่อน” ไอ้เกลือมันดุผม
“แกลองมีพ่อที่ทำแม่ท้องแล้วปล่อยให้แม่อยู่กับผู้ชายคนอื่นดูไหมไอ้เกลือ” ผมกำลังพาลจริงๆ ก็ทุกคนดูเห็นใจและเข้าข้างคนใจร้ายคนนั้นกันหมด
“ฉันกลับก่อนแล้วกัน หายไวๆ นะคะพี่ธีม ฉันไปก่อนนะนาว” ไอ้ยีนลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าออกไป
“งั้นพวกฉันกลับก่อนดีกว่า ให้แกได้คิด ได้ใจเย็นลงก่อน” ไอ้บูมเดินมาตบบ่าผม ทุกคนลุกขึ้นตามกันหมด พวกมันลาผมกับไอ้โหดก่อนจะพากันออกไป แต่ยังเหลือน้องทัสที่ยืนลังเลอยู่ แล้วน้องเขาก็เดินมานั่งข้างๆ ผม หยิบนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมาดู
“พี่นาว พี่นาวเห็นรูปนี้ไหมฮะ” น้องทัสชี้ไปที่รูปในนิตยสาร รูปที่ผมเพิ่งดูไป ผมเหลือบดูตามที่น้องทัสชี้แล้วมองหน้าน้องเขา
“ถ้าคุณคนนี้ไม่รักพี่ รูปครอบครัวแบบนี้คงไม่มีให้พี่ได้เห็นหรอกฮะ ถ้าเขาไม่อยากให้พี่มีตัวตน เขาคงไม่ปล่อยให้พี่ลืมตาดูโลกหรอก คนที่ไม่รักพี่คือคนที่เขียนเรื่องนี้ต่างหาก คนที่อยากให้พี่หายไปจากโลกที่พี่เคยมี คือคนที่ทำให้พี่เกลียดครอบครัวที่เหลืออยู่ของตัวเองมากกว่า ทัสแค่อยากให้พี่นาวให้โอกาสคนที่ยังอยู่เหมือนกับที่ขอให้พี่ธีมให้โอกาสพ่อกับแม่ได้เจอพี่ธีมเหมือนกัน ทัสรู้ดีว่าคนที่เฝ้าคิดถึงลูกตัวเองมันทรมานยังไง ทัสเห็นพ่อทรมานที่เฝ้าแต่คิดถึงพี่ธีมแล้วก็ไม่อยากเห็นพ่อคนไหนทรมานเหมือนกัน ทัสไปก่อนนะครับ พี่จอมมารอแล้ว” น้องทัสวางหนังสือลงตรงหน้าของผม ก่อนจะเดินไปหาไอ้จอมที่เปิดประตูรออยู่ ผมนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของน้องทัส
“ไอ้พี่ธีม น้องชายของพี่เรียนการทูตมารึเปล่าวะ” ผมถามพร้อมกับมองไปรูปครอบครัวของผมอีกครั้ง ไอ้โหดมันโอบบ่าผม
“หึหึ พี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน พูดเรื่องนาว แต่ทำให้พี่รู้สึกผิดได้ด้วย”
“เฮ้อ พี่ธีม..นาวโกรธเขา” ผมบอกความรู้สึกกับไอ้โหดก่อนจะมองไปที่รูปของคุณปริณ
“แต่พี่อยากขอบคุณเขา” มันบอก ผมหันขวับมามองมันเลย
“ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น แปดปีของพี่คงแห้งแล้งเหมือนทะเลทราย รู้ไหมนาว การที่ได้อยู่ใกล้นาว เห็นความเป็นไปของนาวทุกวันมันทำให้พี่มีความสุขมาก ซึ่งความสุขนั้นลุงปริณไม่เคยได้รับ พี่ว่าเขาก็ถูกลงโทษมากพอแล้วนะที่ไม่ได้เห็นคนน่ารักอย่างนาวเติบโตมายังไง” ผมรู้ว่าพี่ธีมมันอยากปลอบใจผม ผมยอมรับว่าฟังคำปลอบใจของมันแล้วรู้สึกดีขึ้น
“นาวไม่รู้ว่าจะมองหน้าเขาแล้วยอมรับเขาได้รึเปล่า เขาไม่คิดจะบอกนาวด้วยซ้ำ นาวรู้เพราะข่าว”
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะมาพูด นาวลองนึกตอนที่นาวไปหาเขาที่บ้านสิ ตอนนั้นนาวรู้สึกยังไง แล้วเขาทำให้นาวรู้สึกยังไง” ไอ้โหดมันบอกพร้อมกับลูบหัวผม
ผมยอมรับว่ารู้สึกอบอุ่นตอนที่ได้พูดคุยกับคุณปริณ รู้สึกสงสารที่เขาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่แบบเหงาๆ คนเดียว รู้สึกเป็นตัวเองได้แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ที่ผมรู้สึกแบบนั้นอาจเป็นเพราะคิดว่าเขาคือเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่ มันอาจจะไม่ใช่ความรู้สึกตามสัญชาติญาณก็ได้นี่นา แต่แล้วความฟุ้งซ่านในหัวก็ถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงคนเถียงกันข้างนอก สักพักบอดี้การ์ดคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ” ไอ้โหดมันถาม
“ทูลองค์ชาย มีนักข่าวพยายามจะขอเข้าพบคุณปารมีขอรับ กระหม่อมขอให้ตำรวจช่วยกันนักข่าวออกไปแล้วขอรับ”
“ขอบคุณมากครับ ถ้ายังไง มีใครมาหาผมให้ถามผมก่อน ฝากแจ้งคุณหมอให้ด้วยว่าผมจะกลับบ้านคืนนี้” ไอ้โหดมันบอก บอดี้การ์ดของมันก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป มันหันมามองหน้าของผม
“เราคงเป็นเนื้อคู่กันว่าไหม ชีวิตคล้ายกันเลย บทจะพลิกผันก็เจอพร้อมกัน พี่ดันจับพลัดจับพลูได้เป็นเจ้าชาย นาวก็ได้เป็นทายาทอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทยแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย เราสองคนจะรวยไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย” ไอ้โหดมันแซว ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมคิดมาก
“นาวอยากหนีไปบัณตรากับพี่แล้วอะ” ผมบอกมัน
“นาวจะกลัวอะไร อิซ้อนั่นมันพยายามทำร้ายนาวมาตลอด แต่มันไม่เคยทำสำเร็จ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรื่องที่มันลงมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย คนที่แก้ปัญหานี้คือลุงปริณ ไม่ใช่นาว ส่วนปัญหาของนาวมีอย่างเดียว นาวจะยอมรับเขาได้รึเปล่าแค่นั้นเอง” ไอ้โหดมันบอกผม ผมฟังมันแล้วก็ทบทวนตามก่อนจะถอนหายใจ มันหยิบโทรศัพท์ส่งให้ผม ผมมองหน้ามันก่อนจะพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์มากดโทรออก จนอีกฝ่ายรับสาย
“ฮัลโหล ยีน ฉันขอโทษนะที่พาลใส่แก อืม ขอบใจนะที่เข้าใจ นักข่าวมาเต็มเลย อืม พี่ธีมว่าจะกลับบ้านคืนนี้แต่รอหมอก่อน ไอ้เกลืออยู่ด้วยเหรอ งั้นขอคุยกับมันหน่อย เออ ฉันขอโทษนะแกที่อารมณ์เสียใส่แก เชี้ย ฉันคิดได้เองโว้ย ไอ้โหดมันไม่ได้เตือนสติอะไรสักหน่อย ฉันเก่งเอง ฉันมีสามัญสำนึกเว้ย จริงเหรอ พวกแกจะไปค้างด้วยเหรอ เออ ได้ๆ ถ้าได้ออกจากโรงพยาบาลคืนนี้ฉันจะโทรบอก บอกไอ้บิวว่าจัดเต็มเลยนะ ฉันเลี้ยงเอง แฟนฉันเป็นเจ้าชาย รวยเวอร์ๆ เออๆ สัดเหอะ ยังไม่ได้ซั่มกันโว้ย แค่แฟนพอ เออ เค บาย” ผมวางสายเสร็จก็หันมายิ้มให้ไอ้โหดที่มันรู้ใจผมว่าผมอยากขอโทษเพื่อนพอดี ผมส่งโทรศัพท์คืนให้มัน แต่หันไปเจอมันนั่งหน้าบูดเลยงงว่าผมทำอะไรผิด
“พี่เป็นไรอะ”
“เพื่อนนาวจะไปค้างที่บ้านด้วยเหรอ” มันถาม
“อือ ทำไมอะ”
“งั้นพี่ไม่ออกจากโรงพยาบาลดีกว่า” มันทำเสียงงอนๆ ใส่ผม ตั้งแต่มันโกนหนวดออกนี่รู้สึกจริตเยอะนะ
“เป็นอะไรอีก” ผมถามมัน
“ก็พี่ตั้งใจว่าจะกลับไปเข้าหอกับนาวนาวรับปากพี่แล้วนะ” มันทวง
“ฮ่าๆๆๆๆ ที่แท้ก็หงุดหงิดที่อดผสมพันธ์ สมน้ำหน้า” ผมหัวเราะเยาะมัน มันลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตูห้อง ผมนึกว่ามันงอน แต่มันพูดอะไรกับบอดี้การ์ดของมันเสร็จแล้วกดล็อกประตูห้อง
“พี่ออกไปดูนักข่าวเหรอ ไปบอกให้เขากันนักข่าวออกเหรอ” ผมถามมัน
“เปล่า”
ผมมองหน้ามันงงๆ แต่ก็เดินตามมันไปถึงเตียงคนไข้ มันรูดม่านปิดรอบเตียงก่อนจะเดินขึ้นไปนอนพักแบบเดิม
“พี่ไปสั่งเขาว่า ห้ามใครเข้ามาจนกว่าพี่จะสั่ง ไม่เว้นแม้แต่หมอ พี่จะเช็ดตัว ชั่วโมงหนึ่ง” มันบอก ผมอ้าปากค้างเลย
“ไอ้ ไอ้ ไอ้หมาธีม บ้าไปแล้ว ไอ้บ้ามกาม เช็ดเองเหอะ ไอ้ทะลึ่ง” ผมด่ามันทันทีที่รู้ว่ามันคิดอะไรหื่นๆ อยู่
“ถ้านาวไม่เช็ดตัวพี่ พี่จะปล้ำนาวให้คนข้างนอกได้ยินเลย เอาดิ” มันบอก ผมรีบหันหลังจะโกยแน่บ แต่ไม่ทันครับมันคว้าแขนผมดึงไปนั่งที่เตียง
“นี่หมอเขาฉีดยาชาให้แกหรือฉีดยาบ้าให้แกวะ” ผมถาม มันหัวเราะก่อนจะหอมแก้มผม
“อยากกอด เมื่อคืนก็ไม่ได้กอด อยากจูบด้วย” มันบอกเสียงนุ่มอย่างกับฟองเบียร์ ผมไม่เคยกินเบียร์หรอก แต่ได้ยินคนอื่นเขาพูดมา
“นาวขอไปหาหมอแป๊ปหนึ่งได้ไหม”
“จะให้หมอมาทำหมันพี่เหรอ ไม่ได้ผลหรอก ยาตัวไหนก็ห้ามความรักของพี่ไม่ได้” มันทำหน้าหื่นใส่ผม
“เปล่า นาวแค่จะไปตรวจสักหน่อย”
“นาวไม่สบายเหรอ” มันดูตกใจ
“นาวว่านาวอาจจะเป็นภูมิแพ้ เลยว่าจะไปขอยาแก้แพ้...แพ้ไอ้หมาธีม ทำหน้าละมุนใส่นาวทีไร ใจอ่อนทุกที คึคึ” ผมขำ มันคงไม่คิดว่าผมจะเล่นมุกนี้ละซี๊ อึ้งไปเลย มันส่งยิ้มให้ผม ยิ้มเหมือนคนดีใจ ยิ้มกว้างๆ เหมือนหมาเห็นเพชรดีกรี
“เอาไว้ถ่ายรูปให้พี่ดูหน่อยนะ ว่าพี่ทำหน้าละมุนยังไง พี่จะได้ซ้อมทำตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย” มันบอกผมพร้อมกับหอมแก้มผมอีก
“พูดมาก จะจูบได้ยัง เดี๋ยวครบชั่วโมง พยาบาลมาไม่รู้ด้วย” ผมบอกมัน ผมไม่ได้แรดนะ แต่เวลาทุกนาทีมีค่า ครูคนหนึ่งเคยสอนเอาไว้ผมจำได้ คิดว่าผมพูดประโยคสุดท้ายจบแล้วจะได้พูดอะไรอีกไหม คงได้คำตอบกันแล้ว ปากผมถูกปิดด้วยปากนุ่มๆ ของไอ้หมาธีมเรียบร้อยแล้วน่ะสิครับ
สิ่งหนึ่งที่เกิดในวันนี้เป็นสิ่งดีๆ อีกครั้งที่ผมได้รับ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคทยอยเข้ามาพิสูจน์จิตใจของผม เพื่อนผมทุกคนก็ยืนอยู่เคียงข้างไม่ทิ้งกัน ไอ้โหดมันก็ยังอยู่ดูแลจิตใจผมไม่ห่าง ความกังวลหรือความทุกข์ในใจของผมมันเบาบางลงได้รวดเร็วก็เพราะผมยังมีเพื่อนและไอ้โหดคอยให้กำลังใจ พวกมันเตือนสติและไม่ปล่อยผมเอาไว้กับปัญหาตามลำพัง ผมก็ไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้ ผมจะจัดการเรื่องของตัวเองยังไง เรื่องพรุ่งนี้ก็เอาไว้พรุ่งนี้ แต่วันนี้ขอดื่มด่ำกับจูบของไอ้โหดที่กำลังทำให้ผมดำดิ่งสู่ความสุขก่อนแล้วกัน
...คนเรามีสิทธิ์ที่จะมีความสุข อย่าทิ้งสิทธิ์นั้นเพราะคนอื่น.. ใครสักคนบนโลกนี้แหละได้กล่าวเอาไว้
โปรดติดตามตอนต่อไป