❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018  (อ่าน 109160 ครั้ง)

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
ปลาวาฬ​มีผัวใหม่เลยลูก รำคาญ​นักบินละ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๑๖-
เรื่องเซอร์ไพรซ์




            หลังจากต่างคนต่างทำงานมาเสียนาน วันหยุดนี้เจฟฟี่ก็ถือโอกาสพาคนรักออกมาเดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เงินรู้ว่าอีกฝ่ายโดนจำกัดเรื่องการใช้เงินจึงพยายามปรามเรื่องการใช้จ่าย ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเหมือนแต่ก่อน ซื้อเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น เพราะเงินเองก็ไม่ต้องการสิ่งของใดๆเพียงแค่ได้ใช้เวลาด้วยกันก็ถือว่าดีมากแล้ว

            ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ในร้านไอศกรีมชื่อดังในห้างแห่งหนึ่ง หลายคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ต้องเหลียวมอง นั่นเพราะผู้ชายหน้าตาดีทั้งสองคนใส่เสื้อคู่ มันเป็นอะไรที่ดูน่ารักมาก บางคนก็แอบเสียดายในความหล่อของคนทั้งสองซะเหลือเกิน ยิ่งเห็นผู้ชายคนอื่นมองมาที่เงินเจฟฟี่ยิ่งแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ จับมือบ้าง จับแก้มบ้าง ยีผมเล่นบ้างตามประสาคนหวงก้าง โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

            “พี่ไม่อายเหรอคนมองอย่างนี้” เงินเอ่ยถามคนรัก ขณะตักไอศกรีมในถ้วยเข้าไปในปาก

            “อายทำไมออกจะภูมิใจที่มีแฟนน่ารักขนาดนี้ แต่พี่หวงมากกว่า” เจฟฟี่ตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้

            “หวงทำไมไม่มีใครมาจีบซะหน่อย”

            “ไม่มีก็หวง...เมียข้าใครอย่าแตะ” ว่าแล้วก็ตักไอศกรีมไปป้อนคนรักทันที

            “เว่อร์ไปแล้ว รีบๆกินให้หมดจะได้ไปเดินเล่นต่อ” ว่าแล้วก็ตักไอศกรีมป้อนเจฟฟี่บ้างให้รีบหมดถ้วย

            ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังจู๋จี๋กันอยู่นั้น บอลที่มาเดินซื้อของก็บังเอิญเห็นเข้าพอดี เพราะเงินและเจฟฟี่นั่งอยู่ติดกระจกหน้าร้าน ตอนแรกก็ว่าจะเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ก็อดไม่ได้เพราะเข้าใจว่าเงินคือแฟนของมอส และคิดว่าเงินกำลังสวมเขาให้เพื่อนตัวเอง เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ตั้งใจจะต่อว่าอีกฝ่ายให้สำนึก

            “นี่นายทำบ้าอะไรอยู่” บอลเดินเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะแล้วเอ่ยกับเงินทันที

            เงินและเจฟฟี่มองหน้าด้วยความสงสัย โดยเฉพาะเจฟฟี่ที่ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่เพราะไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายเลย ส่วนเงินก็คิดในใจว่างานเข้าเสียแล้ว หากบอลเอ่ยอะไรออกมามีหวังโดนอีกฝ่ายสอบสวนอย่างหนักแน่นอน

            “คุณเป็นใครอยู่ๆก็มาว่าแฟนผมอย่างนี้” เจฟฟี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนักเลงทันที

            “คุณคิดเหรอว่าผู้ชายคนนี้คือแฟนคุณคนเดียวเหรอ” บอลเอ่ย

            เงินได้ยินอย่างนั้นก็รีบจับมือเจฟฟี่เอาไว้ทันที

            “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะนายกำลังเข้าใจผิด...ใจเย็นๆก่อน” เงินเอ่ยกับบอล พยายามให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

            “วันก่อนเป็นแฟนกับมอส วันนี้มากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง สรุปใครโดนหลอกกันแน่ระหว่างมอสกับผู้ชายคนนี้” บอลรู้สึกโมโหมากเหลือเกิน แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้สึกเป็นห่วงมอสมาก

            “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เงิน ไหนบอกว่ากับมอสเป็นแค่เพื่อนกันไง” เจฟฟี่เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาแล้วเมื่อได้ยินสิ่งที่บอลเล่ามา

            “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่เจฟ” เงินเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านี้จริงๆ  เพราะหากบอกความจริงต่อหน้ามีหวังมอสคงโดนบอลโกรธไปตลอดชีวิตแน่ เรื่องนี้เขาอยากให้มอสไปบอกกับบอลเอง ส่วนเขาต้องไปเคลียร์ให้เจฟฟี่เข้าใจ

            “แล้วมันอย่างไหนล่ะบอกพี่มาสิ” เจฟฟี่ตวาดเสียงดังจนคนในร้านเริ่มหันมามองกันแล้ว

            “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้จริงๆ” เงินเอ่ยออกไป เจฟฟี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นรีบเดินออกไปจากร้านทันที “พี่เจฟเดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” เงินตะโกนตามหลังไปด้วยความร้อนใจ

            “แก้ปัญหาเอาเองนะเรื่องนี้นายเป็นคนทำตัวเอง” บอลพูดแล้วก็หันหลังเดินไป

            “เดี๋ยว!” วันนี้เงินต้องรู้ให้ได้ว่าบอลรู้สึกยังไงกับมอสกันแน่ เขาไม่มีทางให้การเสียสละครั้งนี้เสียเปล่าแน่นอน

            บอลหยุดชะงักแล้วก็หันกลับมามอง

            “เพื่อนอย่างนายไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้ ฉันจะคบซ้อนทั้งสองคนแล้วจะทำไม ยกเว้นว่านายจะชอบมอสถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้” เงินเอ่ย

            “เออฉันชอบมอสแล้วจะทำไม” บอลตะโกนออกไปอย่างลืมตัว แล้วก็ทำหน้าเหลอหลาทันที

            “ก็แค่นั้นล่ะ ฉันจะเลิกยุ่งกับมอสนายวางใจได้ ฉันตามไปง้อแฟนฉันก่อนนะบาย” ว่าแล้วเงินก็เดินยิ้มออกมาจากร้าน แล้วตามคนรักไป

            บอลได้แต่ยืนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย จู่ๆทำไมมันถึงได้ง่ายอย่างนี้นะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย บอลยืนงงสักพักก็เดินออกจากร้านไป

            สวนเงินก็รีบวิ่งตามคนรักไปที่ลานจอดรถ ยังโชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ขับออกไปเพียงแต่กำลังสตาร์ทเครื่อง เงินรีบวิ่งไปยืนขวางหน้ารถเอาไว้ เจฟฟี่บีบแตรแล้วเปิดกระจกออกมาตะโกนไล่

            “ออกไปสิอยากตายรึไง!” ตอนนี้เจฟฟี่ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้เลย

            “ไม่! จนกว่าพี่จะยอมฟังผมก่อน” เงินยังยืนกางแขนอยู่หน้ารถไม่ยอมให้อีกฝ่ายไปไหนได้

            “พี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พี่ห้ามแล้วห้ามอีกแต่เงินก็ยังไปยุ่งกับไอ้นั่น” เจฟฟี่ตะโกนเสียงดัง

            “ในเมื่อไม่เชื่อใจกันแล้วก็ขับรถชนผมให้ตายไปเลยดีกว่า” เงินท้าทายอีกฝ่าย

            “อย่าท้าพี่นะ” เจฟฟี่เร่งเครื่องเสียงดังเพื่อขู่อีกฝ่าย แต่เงินกลับยืนกางแขนแล้วหลับตาลง

            เจฟฟี่ถอนหายใจเสียงดังเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมไปไหน เจ้าตัวจึงเป็นฝ่ายยอมใจอ่อนเอง ตะโกนเรียกอีกฝ่ายเข้ามาในรถ

            “ขึ้นรถดิแล้วเล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของเจฟฟี่ดูอ่อนลงมาก

เงินลืมตาขึ้นมาแล้วรีบขึ้นไปนั่งในรถทันที เจ้าตัวมองหน้าคนรักอย่างสำนึกผิด

            “เล่ามาให้ละเอียด” เจฟฟี่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่มองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

            “ผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนของมอส...............” แล้วเงินก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้เจฟฟี่ฟังอย่างละเอียด จากตอนแรกที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวกลับกลายอ่อนลงโดยทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะ”

            “แล้วทำไมต้องไปช่วยมันด้วยล่ะ” เจฟฟี่ยังไม่วายที่จะพูดแขวะ

            “ก็เพื่อนกันไงไม่ช่วยมันจะใจร้ายเกินไปป่ะ” เงินตอบ

            “ไม่รู้ล่ะเงินต้องมาง้อพี่” เจฟฟี่แกล้งทำเป็นงอนเพื่อให้อีกฝ่ายง้อ

            “จะให้ง้อยังไงล่ะปกติมีแต่โดนง้อ” เงินพูดกับตัวเองเบาๆ

            “ลองดูสิว่าจะง้อพี่ได้สำเร็จหรือเปล่า ถ้าถูกใจจะหายงอนเลยเริ่ม...” พูดจบก็นั่งนิ่งๆรอให้อีกฝ่ายหาวิธีง้อ

            เงินนั่งคิดอยู่สักพักก็หันไปเอ่ยกับอีกฝ่ายทันที

            “พี่เจฟครับยกโทษให้ผมด้วยน้า...ผมผิดไปแล้วหายโกรธกันนะ” เงินพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน หมายใจจะให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบรับใดๆ อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

            นั่งคิดอีกสักพักก็โน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่าย จากใบหน้าที่เริ่มบึ้งตึงก็ยิ้มที่มุมปากบ้างแล้ว เงินเห็นอย่างนั้นก็รู้แล้วว่าต้องง้อด้วยวิธีไหน คนอย่างเจฟฟี่ต้องง้อด้วยภาษากาย เงินโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบอีกฝ่ายทันที ทำให้เจฟฟี่ตอบรับด้วยการรวบตัวอีกฝ่ายให้มานั่งบนตัก

            “หายงอนแล้วครับที่รัก” เจฟฟี่ยิ้มให้อีกฝ่ายทันที

            “ทำไมง่ายอย่างนี้อ่ะ” เงินมองหน้าคนรักพร้อมกับยิ้มกริ่ม

            “คิดว่ามันจะจบแค่นี้เหรอครับ” ว่าแล้วเจฟฟี่ก็มองออกไปนอกรถ แต่ไม่เห็นใครเดินเพ่นพ่านแม้แต่คนเดียว

            เงินรู้ทันทีว่าตอนนี้เจฟฟี่กำลังจะทำอะไรจึงเอ่ยปากห้ามทันที

            “อย่านะที่นี่มันลานจอดรถ อย่าทำอะไรบ้าๆเด็ดขาด”

            “ไม่มีคนสักหน่อยพี่มองจนทั่วแล้ว ถ้าไม่ยอมพี่ไม่หายงอนเด็ดขาด” เจฟฟี่ขู่อีกฝ่าย

            “ไหนเมื่อกี้บอกว่าหายแล้วไง” เงินรีบประท้วงทันที

            “อ้าวเหรอจำไม่ได้แล้ว...พี่ขอนะครับเคยแต่ในห้องมันเฉยๆไปแล้วอ่ะ ในรถมันตื่นเต้นดีออก” ว่าแล้วก็ปรับเบาะนั่งให้เอนราบลงทันที ทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าเงินกำลังนั่งอยู่บนตัวเจฟฟี่ ทำเอาเจ้าตัวเขินจนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

            “ไอ้คนลามก ถ้าใครมาเห็นเข้าล่ะ” เงินมองซ้ายมองขวา แต่โชคดีที่รถจอดในที่ที่บังตาคนทำให้เจ้าตัวสบายใจขึ้นนิดหน่อย

            “ไม่มีหรอกน่า...รีบจัดการเลยพี่พร้อมแล้ว” ที่ว่าพร้อมเพราะตรงกลางกายของเจฟฟี่ตื่นตัวเต็มที่จนเงินสัมผัสได้

            “หมายถึง...”

            “ออนท็อป...ตอนนี้ชีวิตพี่ขึ้นอยู่กับเงินแล้วนะ” น้ำเสียงที่กระเส่า สายตาที่ยั่วยวนทำให้เงินรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพร้อมเต็มที่แล้ว

            “ก็ได้...ถ้าไม่ง้อไม่ยอมทำให้นะเนี่ย”

            ว่าแล้วทั้งสองก็กอดกางเกงของใครมันอย่างเร่งรีบ หลังจากนั้นเงินก็จัดการทำตามคำเรียกร้องของอีกฝ่ายทันที ความเร่าร้อนของคนทั้งสองทำให้ รถหรูที่จอดอยู่ท่ามกลางรถนับสิบๆคันกลับกลายมีชีวิตขึ้นมา มันสั่นไหวเป็นจังหวะราวกับรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับคนทั้งสองไปด้วย

*-*-*-*-*-*-*

            วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงวันที่นักบินรอคอย นั่นคือการพาปลาวาฬไปอัลตร้าซาวน์ที่โรงพยาบาล เพื่อดูว่าลูกในท้องเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย ทุกคนในบ้านลุ้นกันอย่างหนัก วันนี้คุณหญิงฉัตรฉายมาพร้อมด้วย เพราะอยากรู้ผลพร้อมๆกับอีกสองคน

            ตอนนี้ปลาวาฬนอนอยู่บนเตียง คุณหมอกำลังใช้หัวตรวจเลื่อนไปมาบริเวณหน้าท้อง ทั้งหมดจับจ้องไปหน้าจอมอนิเตอร์ ก็ทำให้ต้องเซอร์ไพรซ์ยิ่งขึ้นไปอีก นั่นเพราะเด็กในท้องของปลาวาฬคือลูกแฝดนั่นเอง

            “ยินดีด้วยครับเด็กในท้องปลาวาฬเป็นเด็กแฝดครับ แถมยังเป็นแฝดชายหญิงซะด้วย” เมื่อเดี่ยวเอ่ยขึ้น ทุกคนก็มีสีหน้ายิ้มแย้มโดยเฉพาะนักบินที่ภูมิใจมากเป็นพิเศษ เพราะเจ้าตัวอยากได้ลูกแฝดอยู่แล้ว

            “เยสสส! ในที่สุดก็ทำสำเร็จ” นักบินเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง

            “แม่ดีใจที่สุดจะได้หลานทีเดียวพร้อมกันสองคนเลย” คุณหญิงจับมือลูกชายเอาไว้

            ปลาวาฬเองก็ยิ้มด้วยความดีใจไม่น้อย แต่ในใจกลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก อีกไม่นานเด็กก็จะคลอด เขาเองก็จะได้ออกไปจากชีวิตของลูกงั้นเหรอ คิดแล้วก็รู้สึกแย่มากเหลือเกิน แต่ก็ต้องทนฝืนยิ้มออกมา

            “เดี๋ยวไปรอข้างนอกก่อนนะครับ ผมขอคุยกับน้องปลาวาฬเพียงลำพังสักครู่” เดี่ยวเอ่ยกับนักบินและคุณหญิงฉัตรฉาย

            “โอเคจ๊ะ แล้วตามออกไปนะจ๊ะหนูปลาวาฬ” คุณหญิงฉัตรฉายยิ้มให้ปลาวาฬแล้วเดินออกไป ส่วนนักบินก็มองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้แล้วเดินตามหลังมารดาไป

            เมื่ออยู่กันเพียงสองคนแล้วเดี่ยวก็เช็ดเจลบนหน้าท้องให้แล้วพยุงตัวปลาวาฬลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอ่ยถามความรู้สึกภายในใจ เขาดูออกว่าปลาวาฬมีเรื่องไม่สบายอยู่ในใจแน่นอน

            “น้องปลาวาฬโอเคไหมครับ หมอว่าเราดูเครียดๆนะ มีอะไรเปิดอกคุยกับหมอได้ หมอไม่ไปบอกไอ้นักบินหรอก” เดี่ยวเอ่ย

            “คุณหมอจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณนักบินจริงๆนะครับ” ปลาวาฬเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

            “รับรองได้มีอะไรพูดกับหมอเถอะจะได้ไม่ต้องอึดอัด”

            “ผมเครียดที่จะต้องจากลูกไป ผมผิดเองที่มารับจ้างอุ้มท้อง ผมเห็นแก่เงินจนเกินไป ทำให้ตอนนี้ต้องมาทุกข์ใจเอง ผมจะทำยังไงดีครับคุณหมอ” เมื่อได้ระบายความในใจปลาวาฬก็ร้องไห้ออกมาด้วย วันนี้เขาได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจมานานออกมาเสียที

            “อย่าเครียดไปเลยนะ รอให้คลอดก่อนเดี๋ยวหมอจะไปพูดกับไอ้นักบินให้ อย่างน้อยคนเป็นแม่ต้องได้มาพบกับลูกบ้าง” เดี่ยวพูดปลอบใจ

            “แต่ผมละอายใจที่จะต้องมาเจอ เผื่อลูกโตขึ้นแล้วรู้ว่าผมรับจ้างมีแกลูกคงจะเสียใจน่าดู สู้ไปจากชีวิตลูกมันน่าจะดีที่สุดแล้ว” ปลาวาฬระบายออกมา

            “หมอว่ามันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านั้น แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเครียดไปเลยนะเห็นแก่ลูกในท้อง” เดี่ยวพยายามพูดเพื่อให้ปลาวาฬผ่อนคลายมากขึ้น

            “ครับผมจะพยายาม”

            “ถ้างั้นเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”

            ปลาวาฬเดินนำหน้าคุณหมอเดินออกไปนอกห้อง แล้วไปสมทบกันคนทั้งสองที่รออยู่

            “พาคุณแม่มาส่งแล้วครับ ดูแลตัวเองให้มากๆๆนะน้องปลาวาฬ” เดี่ยวเอ่ยย้ำอีกครั้งก่อนจะร่ำลากัน

            “ครับคุณหมอ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ”

            “ยินดีครับ แล้วนี่จะกลับกันเลยหรือเปล่า” เดี่ยวหันไปเอ่ยกับเพื่อน

            “ใช่กลับเลย...ถ้างั้นไปก่อนนะเว้ยขอบใจมาก”

            “สวัสดีครับคุณแม่” เดี่ยวยกมือไหว้คุณหญิงฉัตรฉาย

            “ขอบใจมากๆนะเดี่ยว เดี๋ยววันหลังจะมารบกวนอีกครั้ง” คุณหญิงเอ่ย

            “ยินดีครับ”

            หลังจากนั้นนักบินก็คว้ามือเรียวมาจับเอาไว้แน่น ราวกับต้องการบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปไหนทั้งนั้น ทำให้ปลาวาฬรีบมองหน้าทันที แต่นักบินก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อยๆออกมาเหมือนกั๊กความรู้สึกข้างในเอาไว้ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าน้องชายตัวเองชอบปลาวาฬก็ทำให้นักบิน พยายามตีตัวออกห่างปลาวาฬมากขึ้น แถมยังไม่ค่อยจะแตะเนื้อต้องตัวเล่นเหมือนแต่ก่อน ทำให้ปลาวาฬรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เจ้าตัวคิดจะเอ่ยถามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าเสียที แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วเวลาต้องจากกันจะได้ทำใจง่ายขึ้น....


--------------------------------------
ช่วงนี้จะมาบ่อยหน่อยนะครับ เพราะจะปลายๆเรื่องแล้ว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อู้วววว ได้ลูกแฝดซะด้วย

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องแฝด~~~~ อย่าคิดมากปลาวาฬเดี๋ยวกระทบกับลูก :กอด1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ยินดีต้อนรับน้องแฝด แต่ก็เศร้าตามปลาวาฬไปด้วยเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ชายกับน้องชายจะเปิดศึกชิงนายเอกแล้ว~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อย่าเพิ่งเครียดไปเลยปลาวาฬ ยังไงก็ต้องมีทางแก้ไขอยู่แล้ว

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๑๗-

ฉีกสัญญา



            ผ่านมาเกือบเดือนแล้วนักบินยังคงตีตัวออกห่างปลาวาฬ ส่วนคนที่เข้ามาดูแลกลับเป็นนักรบแทน ทำให้ปลาวาฬรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักบิน ช่วงแรกยังพอทนไหวแต่พอนานวันเข้ากลับรู้สึกเครียดมากขึ้น ถึงกับทนไม่ไหวจึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ขณะทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียงด้วยกันในห้อง

            “คุณผมมีเรื่องจะถาม” น้ำเสียงโทนเรียบนิ่งเอ่ยออกจากปากร่างบาง

            “ว่าไง” นักบินตอบแต่กลับไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลย

            “ทำไมช่วงนี้คุณดูแปลกไปไม่มาดูแลผมเหมือนแต่ก่อน ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าบอกผมได้นะ หรือคุณเบื่อผมแล้วหรือไง” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมกับหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ส่วนนักบินหันมามองแล้วก็เอ่ยตอบ

            “ไม่มีอะไรจริงๆนายคิดมากไปเองหรือเปล่า...ฉันไม่ค่อยว่างน่ะเลยให้นักรบไปดูแลแทน” พูดแล้วก็หลบตาบ่งบอกว่าสิ่งที่เอ่ยออกมานั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อย

            “ไม่จริง! บอกกันมาตรงๆ ผมเครียดมากเลยรู้หรือเปล่ากับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้” ปลาวาฬเริ่มขึ้นเสียงใส่

            “ฉันขอโทษที่ทำให้นายไม่สบายใจนะ” นักบินจับมืออีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับยิ้มน้อยๆให้ สื่อว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรจริงๆ

            “ถ้างั้นก็อย่าทำอย่างนี้สิ...ผมต้องการคุณไม่ใช่นักรบ คุณได้ยินหรือเปล่าว่าผมต้องการคุณ” ปลาวาฬเอ่ยความรู้สึกออกไปตรงๆ หากไม่พูดวันนี้เขาคงได้อกแตกตายแน่

            “นาย...หมายความว่ายังไง” เมื่อได้ยินคำพูดนี้นักบินก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจ

            “ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นล่ะ คุณช่วยกลับมาดูแลผมเหมือนเดิมได้ไหม ผม...ต้องการคุณจริงๆ” ปลาวาฬยิ้นหวานให้พร้อมทั้งน้ำตา ไม่ว่าอนาคตมันจะจบอย่างไรแต่วันนี้เขาขอตักตวงความสุขเอาไว้ให้มากๆก็พอ

            “ฉันจะไม่ให้นายเครียดอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะดูแลนายเอง จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำหน้าที่แทนทั้งนั้น...ฉันสัญญา” คำพูดของปลาวาฬเป็นเหมือนแสงสว่างนำทางใจให้กับนักบิน ว่าแล้วเจ้าตัวก็โผเข้ากอดเอาไว้แน่นจนปลาวาฬรู้สึกประหลาดใจ ทำไมอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนี้ หรือเป็นเพราะเขาบอกว่าต้องการอีกฝ่าย คำพูดนี้มันมีผลมากขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปแสดงว่าอีกฝ่ายคงคิดไม่ต่างกันแน่นอน นั่นทำให้ปลาวาฬเองก็ยิ้มกริ่มในใจ

            “สัญญาแล้วนะ” ปลาวาฬยกนิ้วก้อยน้อยๆขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานบนใบหน้า

            “ฉันสัญญา” ทั้งสองเกี่ยวก้อยแล้วยิ้มให้กัน

            หลังจากนั้นนักบินก็รีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงจะเดินออกไปจากห้อง โดยไม่บอกไม่กล่าวคำใด

            “นั่นคุณจะไปไหน”

            “เดี๋ยวฉันมา”

            ว่าแล้วก็ยิ้มให้อีกฝ่าย เขาจะไม่เก็บงำอะไรไว้อีกแล้ว กำแพงภายในใจมันพังทลายลงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าต้องการ ถึงแม้มันจะไม่ใช่คำว่ารัก แต่แค่นี้ก็ทำให้หัวใจเขาพองโตมากแล้ว บ่งบอกว่าตอนนี้ทั้งเขาและปลาวาฬมีความรู้สึกไม่ต่างกัน

            นักบินรีบวิ่งออกจากห้องตรงไปยังห้องนอนของน้องชาย แล้วเอื้อมมือหนาไปเคาะประตูทันที

            ก๊อกๆๆ!!!

            นักรบที่กำลังจะนอนลุกขึ้นเดินมาเปิดประตู ก็พบกับพี่ชายกำลังยืนทำหน้าจริงจังอยู่ตรงหน้า

            “พี่มีอะไรหรือเปล่า”

            “ฉันมีเรื่องจะบอกแก”

            “เรื่อง..” นักรบทำสีหน้างงๆ

            “เรื่องปลาวาฬ ต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นคนดูแลปลาวาฬเอง ฉันจะทำหน้าที่ของฉันเอง ฉันจะมาบอกแค่นี้ล่ะ” นักบินตัดสินใจเอ่ยกับน้องชายด้วยความมั่นอกมั่นใจ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

            “ทำไมพี่ถึงพูดกลับคำอย่างนี้ ไหนบอกว่าจะเปิดโอกาสให้ผมไงล่ะ” นักรบชักสีหน้าด้วยความโมโหแล้วรีบตอบกลับที่ชายทันที

            “ตอนนี้ฉันรู้ใจตัวเองแล้วว่าฉันรักปลาวาฬมากแค่ไหน” นักบินเอ่ยกับน้องชายเสียงดังบ่งบอกถึงความมั่นใจในคำพูดของตัวเองมากมายนัก

            “พี่มันใจโลเลแล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะ” นักรบยืนประจันหน้าพี่ชายไม่ยอมแพ้เช่นกัน

            “ฉันขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ฉันรักปลาวาฬมากและคิดว่าปลาวาฬเองก็รักฉันเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้แกถลำลึกไปมากกว่านี้ ตัดใจซะเถอะฉันจะเป็นคนดูแลปลาวาฬเอง ฉันไม่อยากเสียปลาวาฬไป ฉันต้องขอบคุณแกด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันรู้ตัวว่ารักปลาวาฬมากแค่ไหน” แม้รู้ว่าน้องชายคงจะเสียใจมาก แต่ถ้าเขาไม่บอกตอนนี้ วันหน้าอาจจะเสียใจไปมากกว่านี้ก็ได้

            “ถ้าผมมั่นใจว่าปลาวาฬรักพี่จริงๆ ผมจะยอมเป็นคนถอยห่างออกไปเอง พี่กลับไปก่อนเถอะผมง่วงแล้ว” นักรบเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เจ้าตัวเองก็รู้ดีว่าทั้งสองคนคงจะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่ไม่น้อย เพราะใช้ชีวิตไม่ต่างจากคู่สามีภรรยา แต่เขาก็อยากจะถามปลาวาฬตรงๆให้รู้กันไปเลย

            “แกไม่เป็นอะไรจริงๆนะ ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัวแต่ฉันอยากทำอะไรให้มันถูกต้อง...เพื่อปลาวาฬ”

            “พี่รีบกลับไปเถอะ” ว่าแล้วก็ปิดประตูห้องแล้วนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น พี่ชายของเขาไม่น่าไปเห็นภาพนั้นเลย เพราะเขาตั้งใจเก็บมันไว้ในใจจนกว่าปลาวาฬจะเป็นอิสระจากสัญญา ถึงจะเผยความรู้สึกให้ได้รับรู้

            หลายวันต่อมาขณะที่ปลาวาฬกำลังนั่งจัดดอกไม้ในศาลาในสวนข้างบ้าน นักรบเห็นก็เดินเข้าไปหาทันที เขาตั้งใจจะถามความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อพี่ชาย อยากจะฟังคำนั้นจากปากของปลาวาฬเอง หากทั้งสองมีใจตรงกันจริงๆเขาก็จะยอมถอยห่าง โดยไม่มีทางให้ปลาวาฬรับรู้ว่าเขารู้สึกยังไง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ปลาวาฬรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย

            “พี่นักบินไปไหนแล้วล่ะ” นักรบเอ่ยถามแล้วนั่งลงเก้าอี้ตัวถัดไป

            “คุณนักบินเดินเข้าไปเอาเครื่องดื่มมาให้เราอ่ะ นักรบมีอะไรหรือเปล่าเหมือนตั้งใจเดินมาหาเรา” ปลาวาฬหันไปยิ้มให้แล้วหันกลับมาไปสนใจจัดดอกไม้ต่อ

            “เรามีเรื่องจะถามปลาวาฬ...เรื่องนี้ตอบตามความรู้สึกจริงๆนะห้ามโกหกเราเด็ดขาด” นักรบเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “ว่ามาดิดูท่าทางนักรบจะจริงจังนะเนี่ย” ปลาวาฬยิ้มให้แต่กลับรู้สึกประหลาดใจ เพราะปกติเวลาคุยกับนักรบจะมีแต่เรื่องเบาสมอง ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรเหมือนคราวนี้

            “ปลาวาฬรู้สึกยังไงกับพี่นักบิน เรามาเปิดอกกันในฐานะเพื่อน” นักรบจ้องหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบ

            “คือ...” ปลาวาฬทำท่าอึกอักไม่กล้าพูดออกมา

            “พูดออกมาเถอะปลาวาฬเราอยากรู้จริงๆ รู้สึกยังไงก็บอกมาอย่างนั้นพี่นักบินไม่ได้อยู่ตรงนี้สักหน่อย” นักรบพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายพูดความจริงออกมา เขาอยากรู้ว่ามันจะตรงกับสิ่งที่พี่ชายตัวเองบอกไหม

            “เรารู้ว่ามันไม่มีทางสมหวัง แต่เราว่าเราชอบคุณนักบินเข้าให้แล้วอ่ะ” ปลาวาฬตัดสินใจเอ่ยความรู้สึกภายในให้นักรบฟัง เพราะถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่เขาไว้ใจมากในบ้านหลังนี้

            “เราเข้าใจแล้วล่ะ ปลาวาฬไม่ต้องห่วงนะถ้าพี่นักบินรักปลาวาฬจริงๆ เขาไม่มีทางปล่อยให้ปลาวาฬจากไปไหนแน่นอน อย่าคิดมากกับเรื่องนี้เลยนะเราไม่บอกใครเด็ดขาด” นักรบเอ่ยให้ปลาวาฬสบายใจ ถึงเขาจะไม่บอกไปตรงๆแต่ถ้าเขาเอ่ยคำว่ายอมแพ้กับพี่ชาย นั่นก็ถือเป็นคำตอบให้นักบินรู้ว่าปลาวาฬรู้สึกยังไงกับตัวเอง

            “เราไม่ได้หวังอะไรเลย ขอแค่เรามีความสุขในช่วงเวลานี้ก็พอแล้ว”

            “เราว่าปลาวาฬต้องมีความสุขแน่ คนน่ารักอย่างปลาวาฬใครได้อยู่ใกล้ก็ต้องตกหลุมรักทุกคนนั่นล่ะ” นักรบเผลอจ้องหน้าปลาวาฬอย่างไม่วางตา และอยากจะบอกว่าไม่เว้นแม้กระทั่งเขาที่ตกหลุมรักอีกฝ่าย

            “เราว่าวันนี้นักรบดูแปลกๆไปนะ” ปลาวาฬมองหน้าด้วยความสงสัย

            “แปลกตรงไหนเราก็ปกติดีนี่” เมื่อโดนจับผิดได้นักรบก็ทำท่าทีเฮฮาขึ้นมาทันที

            “แปลกจริงๆ ยิ่งทำอย่างนี้นยิ่งแปลก”

            “ไม่มีอะไรจริงๆ เดี๋ยวเราเข้าไปข้างในก่อนนะพี่นักบินมาโน่นแล้ว” นักรบโบ้ยหน้าไปตรงทางเดิน นักบินกำลังถือถาดเครื่องดื่มมาด้วย

            “อื้ม” ปลาวาฬยิ้มให้พร้อมกับคิดในใจว่านักรบต้องมีอะไรในใจแน่ๆ แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ

            ระหว่างที่นักบินและนักรบเดินสวนทางกันนั้น ผู้เป็นน้องชายก็มองหน้าแล้วหยุดเดิน ทำให้นักบินเองก็ต้องหยุดเดินไปด้วย หลังจากนั้นนักรบก็เอ่ยกับพี่ชายของตัวเอง

            “ผมยอมแพ้แล้วปลาวาฬเป็นของพี่ตั้งแต่แรกแล้ว ทำให้เรื่องมันถูกต้องเสียที” พูดจบก็เดินผ่านไป นักบินเองพอจะรู้แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง

            หลังจากนักรบเดินไปแล้วนักบินก็เดินมาถึงพร้อมกับถาดน้ำส้มคั้นและน้ำเปล่า เจ้าตัววางไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถามเพราะเมื่อครู่เห็นน้องชายมานั่งอยู่กับปลาวาฬ

            “น้ำส้มเย็นๆครับ” นักบินหยิบแก้วน้ำส้มคั้นไปวางไว้บนโต๊ะให้

            “ขอบคุณครับ” ปลาวาฬเอ่ยแต่มือเรียวกลับยังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้

            “เมื่อครู่ไอ้นักรบมันมาพูดอะไรด้วยเหรอ ทำไมกลับไปเร็วจัง”

            “เอ่อ...ก็แค่มานั่งคุยเล่นๆกัน” ปลาวาฬตอบไปแต่กลับหลบตาอีกฝ่าย

            “ออ...” นักบินพยักหน้าเหมือนเข้าใจ “รีบๆดื่มสิ” นักบินยกแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นมาให้ใกล้ๆ

            “คร้าบบเจ้านาย” ปลาวาฬวางกิ่งดอกกุหลาบลงบนโต๊ะ แล้วรับแก้วน้ำส้มคั้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วเพื่อเอาใจอีกฝ่าย “อ้า...หวานเย็นชื่นใจจัง”

            “แต่ฉันว่ามันไม่หวานเท่าริมฝีปากของนายหรอกนะ” นานแล้วที่เขาไม่ได้หยอดคำหวานต่อหน้าอีกฝ่าย

            “หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว อ่ะเอาคืนไป” ปลาวาฬยื่นแก้วเปล่าวางคืนให้

            “ยินดีรับใช้คร้าบบ” เจ้าตัวยิ้มหวานให้แล้วนำแก้วมาวางไว้ในถาด

            “ผีตัวไหนมาสิงคุณทำไมถึงได้ทำตัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างนี้” ปลาวาฬเอ่ยประชดประชัน

            “ไม่มีผีที่ไหนหรอก...แต่เป็นเพราะตัวฉันเองนี่ล่ะที่ไม่หนักแน่นพอ” นักบินสูดลมหายใจเข้าไปในปอดจนสุด แล้วค่อยๆหายใจออกมาเพื่อเรียกความกล้า

            “หนักแน่นเรื่องอะไรอ่ะ” ปลาวาฬหันหน้าไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปมด้วยความสงสัย

            “ก็เรื่องความรู้สึกของตัวเองไง” เขาไม่รู้ว่าจะต้องรออะไรแล้วตอนนี้ กลัวว่ามันจะสายไป

            “ความรู้สึก...คุณหมายความว่ายังไง” ปลาวาฬเริ่มหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย ถ้ามันเป็นอย่างที่ในใจคิดจริงๆเขาจะทำหน้ายังไงนะ

            “ก็ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายไงล่ะ ฉันรักนายนะปลาวาฬ ยิ่งใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเสียนายไป ฉันยิ่งรู้ใจตัวเองมากขึ้น” นักบินจับมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น เหมือนตอนนี้เขายกภูเขาทั้งลูกออกจากอกไปหมดแล้ว ทุกอย่างมันช่างดูสดใสสวยงามมากเหลือเกิน

            “คะ...คุณรักผมงั้นเหรอ?” ปลาวาฬน้ำตาคลอเบ้าทันทีเมื่อได้ยินคำนั้นออกจากปากของนักบิน แม้จะดีใจมากเหลือเกินแต่ต่อจากไปนี้ล่ะมันจะเป็นยังไง

            “ใช่! ฉันรักนายแล้วนายล่ะรักฉันบ้างไหม” นักบินยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

            “ผม...ไม่ตอบได้ไหม”

            “อ้าว! ทำไมล่ะหรือว่านายไม่ได้รักฉัน” นักบินได้ยินอย่างนั้นก็ทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ปลาวาฬรีบปฏิเสธทันที ทำเอาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าถึงกับยิ้มกว้างออกมาทันที

            “แสดงว่านายรักฉันจริงๆ แล้วทำไมล่ะทำไมไม่พูดออกมา” เสียงเข้มเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้นดีใจ

            “คุณก็รู้ว่าเราอยู่ในสถานะอะไร ผมคงไม่สามารถเอ่ยคำนั้นออกมาได้ ผมรับเงินคุณมาแล้วนั่นหมายความว่าผมเป็นคนเห็นแก่เงิน ผมกลัวคุณมองว่าผมบอกรักก็เพราะเงิน” ปลาวาฬเอ่ยขณะก้มหน้าลงมองที่ตักตัวเอง

            “ทำไมคนอย่างนายถึงได้คิดอะไรซับซ้อนมากขนาดนี้นะ ลืมเรื่องสัญญาลืมเรื่องเงินทองทั้งหมดไปซะ แล้วนายบอกกับฉันสิว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน” นักบินจับไหล่บางทั้งสองข้างเอาไว้ แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาสวยก่อนจะคาดคั้นให้อีกฝ่ายยอมพูดคำว่ารักออกมา

            “ผม.....รักคุณ” ปลาวาฬเอ่ยด้วยท่าทีเขินอาย พลันน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นทาง เจ้าตัวได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่เสียใจหรือเสียดายอะไรทั้งนั้นแล้ว

            นักบินยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น มือหนาลูบที่เรือนผมเบาๆอย่างเอ็นดู ทำไมเขาถึงได้รู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน มีความสุขมากจนพูดอะไรไม่ออก เขาจะไม่มีทางให้ปลาวาฬออกไปจากชีวิตอย่างแน่นอน

            “ต่อไปนี้จะไม่มีสัญญาใดๆทั้งนั้น เธอจะอยู่ที่นี่ในฐานะเมียของฉัน ในฐานะแม่ของลูก และในฐานะสะใภ้ใหญ่ของบ้านหลังนี้เข้าใจไหม” นักบินไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองได้เลย มันไหลลงมาไม่ต่างจากอีกฝ่าย

            “ผมไม่ต้องแยกจากลูกไปไหนแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้อยู่กับลูกตลอดไปใช่ไหม” คนที่อยู่ในอ้อมกอดเอ่ยรำพึงรำพันออกมาด้วยความดีใจ มันเหมือนฝันที่เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่นึกเลยว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่ทันตั้งตัว

            “ใช่...นายจะได้อยู่กับลูก เราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแล้วปลาวาฬ”

            “ขอบคุณนะครับที่รักคนอย่างผม”

            “ฉันก็ขอบใจนายที่ทำให้ฉันรู้จักกับคำว่ารักอีกครั้ง ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเสียใจแน่นอน”

            คนทั้งสองกอดกันอย่างนั้นอยู่นาน ภายใต้ศาลาไม้ในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณนานา อีกมุมหนึ่งนักรบแอบมองดูทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าหล่อกลับมีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย บ่งบอกว่าตอนนี้เขายินดีกับความรักของคนทั้งสอง และฉลองให้กับความผิดหวังของตัวเองเช่นเดียวกัน

            หลายวันต่อมาขณะที่ทุกคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ลูกชายทั้งสองคนของคุณหญิงฉัตรฉายก็เอ่ยขึ้นพร้อมกันราวกับนัดกันมา ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้านักรบและนักบินสลับกันไปมา

            “วันนี้ลูกชายฉันเป็นบ้าอะไรยะ คิดจะพูดก็พูดออกมาพร้อมกัน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองหน้าลูกชายทั้งสองคน

            “พี่พูดก่อนเลยเดี๋ยวผมพูดทีหลังก็ได้” นักรบเอ่ยกับพี่ชาย

            “แกพูดก่อนเถอะเรื่องของฉันเอาไว้พูดหลังก็ได้”

            “พี่นั่นล่ะพูดก่อน” นักรบยังไม่ยอม

            “โอเคๆ ฉันพูดก่อนก็ได้” นักบินลุกขึ้นเดินไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่ได้เตรียมไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งลงที่เดิม ก่อนจะเปิดเอาแผ่นกระดาษสีขาวในนั้นขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนดู

            “อะไรกันยะนักบิน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยถามลูกชายทันทีเมื่อเห็นท่าทีนั่น

            “นี่คือสัญญาที่ผมและปลาวาฬทำร่วมกันไว้ครับ” พูดแล้วก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ปลาวาฬเองก็รู้สึกตกใจที่อยู่ๆนักบินก็หยิบมันออกมาโชว์ให้ทุกคนดู หรืออีกฝ่ายต้องการจะแกล้งเขางั้นเหรอ ไหนบอกว่ารักกันยังไงละ

            “แกจะเอาออกมาทำไม แกกำลังจะทำให้หนูปลาวาฬรู้สึกแย่นะนักบิน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ็ดให้ลูกชายทันที

            “ผมจะบอกกับทุกคนว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสัญญาฉบับนี้จะไม่มีอีกแล้วครับ” พูดจบเจ้าตัวก็ฉีกสัญญาจนขาดครึ่ง

            ทุกคนถึงกับตกใจกับการกระทำของนักบิน โดยเฉพาะปลาวาฬรู้สึกผิดคาด จากตอนแรกคิดว่านักบินจะแกล้ง แต่กลายเป็นว่านักบินทำให้เขารู้ว่ารักจริงมากแค่ไหน

            “แกหมายความว่ายังไง” เกริกไกรมองหน้าแล้วถามลูกชาย

            “ผมกับปลาวาฬเรารักกัน จากนี้ไปเราสองคนจะสร้างครอบครัวด้วยกันครับ” นักบินประกาศกร้าว ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน ส่วนนักรบเองกลับไม่ได้ตกใจอะไรเลยเพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว

            “ทำไมแกถึง....” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยขึ้นมาแล้วเว้นจังหวะไว้ พร้อมกับมองหน้าลูกชายและปลาวาฬสลับไปมา ปลาวาฬถึงกับหน้าเสียเพราะคิดว่าคุณหญิงน่าจะไม่ยินดีกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ “รู้ตัวช้าอย่างนี้ ฉันอยากได้หนูปลาวาฬมาเป็นสะใภ้มาตั้งนานแล้วย่ะ” พูดจบคุณหญิงก็ยิ้มด้วยความดีใจ ทำให้ปลาวาฬก็รู้สึกโล่งอกมากเหลือเกิน

            “ขอบคุณครับคุณหญิงที่ไม่รังเกียจคนอย่างผม” ปลาวาฬเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นไหว้ไปด้วย ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่นั่งโอบไหล่อยู่ข้างๆ

            “ฉันจะรังเกียจหนูทำไมจ้ะ หนูปลาวาฬเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะปฏิเสธหนูได้เลย” คุณหญิงเอ่ย

            “ฉันเองก็ดีใจที่หนูจะมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ยินดีต้อนรับหนูเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านหลังนี้อย่างเป็นทางการนะ” เกริกไกรเอ่ยต้อนรับลูกสะใภ้คนใหม่อย่างเป็นทางการ

            “ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ยอมรับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผม” ปลาวาฬยกมือไหวคนทั้งสองอีกครั้ง ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็ยิ้มตอบด้วยความจริงใจ ทำให้ปลาวาฬเองถึงกับน้ำตาซึมออกมาทันที

            “ผมเองก็ยินดีกับพี่และปลาวาฬด้วยนะครับ” แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่นักรบก็ฝืนยิ้มแสดงความยินดีกับคนทั้งสอง

            “ขอบใจไอ้น้อง” สองพี่น้องมองหน้าอย่างเข้าใจกันดี

            “แล้วเรื่องที่แกจะพูดล่ะ” นักบินเอ่ยกับน้องชายเพื่อเตือนสติกลัวว่าจะลืมเรื่องนี้ไป

            “ทุกคนครับ...ช่วงซัมเมอร์นี้ผมจะไปเรียนภาษาและทำงานไปด้วยที่อเมริกาครับ” นักรบนอนคิดเรื่องนี้มาหลายวันจนตัดสินใจได้ เขาอยากจะไปพักรักษาแผลใจที่เมืองนอกสักพัก หากอยู่ตรงนี้ต่อไปคงไม่อาจจะตัดใจจากปลาวาฬได้อย่างแน่นอน

            “อะไรกันทำไมมันปุบปับอย่างนี้ตานักรบ...ทำไมแกไม่มาปรึกษาแม่ก่อน” คุณหญิงฉัตรฉายรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินลูกชายคนเล็กเอ่ยอย่างนั้น มันกะทันหันจนหล่อนเองเตรียมใจแทบไม่ทัน

            “ผมขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาใครก่อนเลย...พอดีว่ามันเป็นโครงการเร่งด่วนเลยรีบตัดสินใจไปครับ กลับมาคงจะได้เห็นหน้าหลานทีเดียวเลย” นักรบเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            นักบินทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้น้องชายตัดสินใจกะทันหันอย่างนี้ บางทีก็คิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ที่จู่ๆก็ตัดสินใจเผยความรู้สึกออกมาทั้งที่แต่ก่อนมัวแต่กั๊กเอาไว้ ถ้าเป็นบอกไปตั้งแต่แรกน้องชายคงไม่ต้องถลำลึกมาจนถึงตอนนี้

            “พ่อสนับสนุน...ในอนาคตแกจะได้เป็นผู้บริหารที่เก่งเหมือนพ่อกับพี่แกแน่นอน” เกริกไกรเอ่ยให้กำลังใจลูกชายคนเล็ก

            “ขอบคุณครับคุณพ่อ”

            “แม่คงคิดถึงแกแย่เลย” คุณหญิงฉัตรฉายทำหน้าบึ้งตึงอย่างกับเด็กน้อย

            “ผมไปแค่ไม่กี่เดือนเองครับคุณแม่...อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” นักรบเห็นท่าทางของมารดาก็ถึงกับขำออกมา

            “กี่เดือนแม่ก็คิดถึงแกอยู่ดี ตั้งแต่เกิดมาแกเคยห่างอกแม่ไปไหนนานๆซะที่ไหนกันเชียว”

            “คุณก็เยอะไป ลูกโตแล้วนะให้เขาไปเรียนรู้โลกภายนอกบ้าง อยู่กับคุณมีหวังลูกได้เป็นลูกแหง่ไปตลอดชีวิตแน่” เกริกไกรแขวะภรรยา

            “คุณไม่ต้องมาพูดเลยก็ฉันรักลูกชายของฉันนี่นา” คุณหญิงพูดจีบปากจีบคอว่าให้สามี พอสามีจะพูดสวนกลับมาหล่อนก็รีบชี้หน้าแล้วเอ่ยห้ามทันที “หยุด! ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น” เกริกไกรได้แต่นั่งเงียบตามคำสั่งของภรรยาอย่างเสียมิได้ ลูกๆทุกคนต่างก็ยิ้มให้กับท่าทีที่เห็น

            “เดี๋ยวถ้าเราคลอดแล้วจะถ่ายภาพส่งไปให้ดูนะนักรบ” เมื่อสงครามระหว่างคุณหญิงฉัตรฉายและสามีจบลงแล้ว ปลาวาฬก็เอ่ยกับนักรบทันที

            “อื้ม...ดูแลตัวเองดีๆนะหลานเราจะได้แข็งแรงไปด้วย” นับรบตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

            “โอเคจ้า” ปลาวาฬตอบรับสั้นๆพร้อมกับยิ้มให้

            “ช่วงที่ผมไม่อยู่พี่ต้องดูแลปลาวาฬให้ดีนะ” นักรบหันไปเอ่ยกับพี่ชายของตัวเอง

            “ได้เลยไอ้น้องไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ใช้ชีวิตที่โน่นให้สุดๆไปเลย” นักบินตบบ่าน้องชายเบาๆ เหมือนเป็นการให้กำลังใจไปด้วย

            “ครับพี่” สองพี่น้องยิ้มให้กัน

            การได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศสักระยะ อาจจะทำให้นักรบลืมความเจ็บช้ำจากความรักครั้งนี้ได้ แม้ว่าช่วงแรกมันอาจจะยากสักหน่อย แต่นานไปเจ้าตัวก็หวังว่ามันอาจจะดีขึ้น และอาจจะโชคดีเจอตัวจริงของเขาในที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ก็เป็นไปได้...



---------------------------------
กรี้ดดดด หมดเคราะห์หมดโศกแล้วน้า แต่จะมีอีกก๊อกรึเปล่าต้องมาลุ้นกัน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารนักรบจัง :sad4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อีกก๊อก ก็ยัยแฟนเก่านั่นไง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ไม่แน่เนื้อคู่นักรบอาจอยู่ต่างประเทศก็ได้่

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ได้เป็นสะใภ้ตัวจริงแล้วนะ ปลาวาฬ  :mc4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 :mc3: :mc3: มีความสุขเต็มที่กันซักที อีกก๊อกปล่อยไปตามเวรตามกรรมเถอะ ไปแล้วไปลับจะกลับมาทำไม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ทุดอย่าวดีสักที

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นักรบสู้ๆ เนื้อคู่นายอาจจะอยู่ที่ต่างประเทศก็ได้ ยินดีกับนักบินกับปลาวาฬด้วยนะ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๑๘-

คลอด



            หลังจากวันนั้นเงินรู้ว่าบอลคิดยังไงกับมอสแล้ว เจ้าตัวก็รีบนำข่าวไปบอกเพื่อน และสั่งให้ไปเล่าความจริงทั้งหมดและเปิดเผยความในใจเพื่อหาทางง้อบอลให้ใจอ่อน ผ่านมานานนับเดือนแล้วที่มอสเทียวไปง้ออยู่เป็นประจำ แต่ก็ยังไม่สำเร็จเสียทีจนมาถึงวันนี้...

            ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งทานข้าวมื้อเที่ยงอยู่นั้น เงินก็เอ่ยปากถามถึงความคืบหน้าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง เขาอยากจะรู้ว่าเพื่อนใช้ความพยายามไปได้ถึงไหนแล้ว

            “นานเป็นเดือนแล้วนะยังง้อบอลไม่สำเร็จอีกหรอมอส ทำไมไม่มีน้ำยาเอาซะเลย” เงินเอ่ยกับเพื่อนพร้อมกับย้อมน้อยๆออกมา เหมือนเป็นการเยาะเย้ยกลายๆ

            “ใครบอกล่ะเมื่อคืนนี้เรียบร้อยแล้ว” มอสเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ เจ้าตัวยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อน ทำเอาเงินถึงกับตาโตขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกดีใจกับเพื่อนในที่สุดก็มีวันนี้

            “จริงดิ! เล่ามาๆอะไรยังไง” เงินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าว แล้วชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วไม่ยอมคืนดีง่ายๆ เราก็เข้าไปจัดการถึงในห้องเลย ให้มันรู้ว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างมอส” มอสเอ่ยอย่างภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำมา แต่เงินกลับทำหน้าบูดบึ้งไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนทำลงไป  เพราะกลัวว่าอาจจะทำให้เรื่องมันแย่ลงอีกก็เป็นได้

            “ไอ้บ้า! ไปทำอย่างนั้นได้ยังไงเดี๋ยวบอลก็ได้โกรธไปเป็นชาติอีกหรอก” เงินรีบตวาดใส่เพื่อนทันที

            “เงินอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปสิ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย เห็นขี้งอนอย่างนั้นนะพอโดนเข้าไปนี่อ่อนระทวยเชียวล่ะ กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆดีๆนี่เอง รู้อย่างนี้เราทำไปตั้งนานแล้ว” มอสรีบอธิบายให้เพื่อนฟังก่อนจะโดนด่าไปมากกว่านี้อีก

            “อ้าว! ไหงเป็นงั้นไปได้ เห็นท่าทางใจแข็งอย่างบอลไม่น่ามาหลงคารมมอสง่ายๆเลยเนาะ แต่ก็ยินดีด้วยจริงๆ ต่อไปนี้มอสจะได้สมหวังกับความรักสักที” เงินได้ฟังก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ก็รู้สึกยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วย หมดเรื่องมอสเขาก็เหลือเพียงอีกเรื่องเดียวที่อยากจะทำ นั่นคือไปเจอหน้าเพื่อนรัก แม้จะคุยกันเกือบทุกวันแต่เขาก็อยากเห็นหน้าและกอดให้หายคิดถึง

            “เราขอบใจเงินมากๆ เลยนะที่ช่วยเรามาตลอด ถ้าไม่ได้เงินเราเองก็ไม่รู้จะได้คืนดีกับไอ้บอลไหม ป่านนี้คงนั่งเครียดได้แต่คอยตามเฝ้าดูอยู่แน่นอน” มอสเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่ก็คงไม่ได้รู้จักเพื่อนดีๆอย่างเงิน แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานแต่รู้สึกได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่ายมากเหลือเกิน

            “ไม่เป็นไรหรอกเราเป็นเพื่อนกันยังไงเราก็ต้องช่วย เราเองก็ต้องขอบใจมอสเช่นกัน ที่คอยอยู่ข้างๆเวลาเรามีปัญหากับพี่เจฟ แถมยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเราอีกด้วย” เงินเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้

            “เอาไว้ว่างๆ เราจะพาบอลมาขอโทษเงินกับเรื่องวันนั้นนะ และอีกอย่างจะได้รู้จักกันให้มากกว่านี้”

            “วันนั้นเราไม่ได้โกรธบอลเลยนะ ฝากบอกบอลด้วยละกัน  ไว้วันหยุดเราค่อยนัดเจอกัน”

            “โอเคคร้าบบ” มอสตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

            หลังจากพูดคุยกันแล้ว ทั้งสองก็ทานอาหารมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับเป็นมื้อพิเศษที่สั่งมาจากภัตตาคารหรู แต่ทว่ามันกลับเป็นข้าวราดแกงธรรมดาไม่ได้มีราคาแพงอะไรเลย เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีๆ ระหว่าง ‘เพื่อน’ ซึ่งคำนี้มันมีคุณค่าและความหมายกับคนทั้งสองมาก

*-*-*-*-*-*-*

            หลายเดือนผ่านมาท้องปลาวาฬเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกำหนดคลอด ทุกคนต่างเฝ้ารอวันที่จะได้เห็นหน้าหลานแฝดทั้งสองคนอย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้ปลาวาฬเข้ามานอนเตรียมตัวที่โรงพยาบาลเพราะวันพรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดผ่าคลอดแล้ว นักบินเองก็เตรียมของใช้ส่วนตัวมานอนเฝ้าคนรักที่โรงพยาบาลไม่ได้ห่าง

            “คุณไปนอนก่อนก็ได้นะไม่ต้องมานั่งเฝ้าผมหรอก” ปลาวาฬที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยกับอีกฝ่าย เพราะนักบินเอาแต่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง จ้องหน้ายิ้มอยู่อย่างนั้นแทบไม่ให้คลาดสายตา

            “ไม่เอาฉันจะดูแลนายจนกว่าจะคลอด ถ้าเกิดนายปวดท้องขึ้นมาล่ะจะทำยังไง ฉันกลัวว่าจะเข้ามาหานายไม่ทัน” เสียงเข้มเอ่ยออกมา ขณะที่มือหนาก็จับมือเรียวเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

            “ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่จะคลอดลูกเองนะทำตัวเว่อร์ไปได้” ปลาวาฬเอ่ยแซวพร้อมกับขำออกมา เจ้าตัวไม่นึกเลยว่านักบินจะรักเขามากถึงเพียงนี้ เอาอกเอาใจทุกๆอย่าง คอยดูแลไม่เคยห่างไปไหน มันคือสิ่งที่เด็กกำพร้าอย่างเขาไม่เคยได้สัมผัสมัน พอมีอย่างนี้เข้ามันก็ทำให้ชีวิตที่เคยขาดหายกลับถูกเติมเต็มจนคิดว่าคงไม่ขาดอะไรแล้ว

            “ทุกอย่างต้องไม่มีข้อผิดพลาด ฉันจะทำหน้าที่พ่อและผัวให้ดีที่สุด” นักบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “กล้าพูดเนาะ” ว่าแล้วปลาวาฬก็ยิ้มด้วยความปลื้มใจ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เพราะเขาไม่คุ้นชินกับคำว่า 'ผัว' ที่นักบินเอ่ยออกมา

            “เขินอ่ะดิ ยิ่งนายทำหน้าอย่างนี้ฉันยิ่งอยากให้นายคลอดเร็วๆ” สายตาคมที่จ้องมองอีกฝ่ายอย่างหวานซึ้ง ทำให้ปลาวาฬรู้ทันทีว่านักบินหมายความว่าอย่างไร

            “ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ อีกนานบอกไว้เลย ช่วยตัวเองไปก่อนแต่ห้ามไปมีใครนอกจากผมนะ ไม่งั้นผมจะหอบลูกหนีจากคุณไปแน่” ปลาวาฬเอ่ยดักทางขู่เอาไว้

            “กลัวแล้วครับ...ผัวไม่ทำอย่างนั้นหรอกรักเมียคนเดียว” พูดพร้อมกับก็ยกมือเรียวมาแนบกับแก้มตัวเอง ราวกับสุนัขที่กำลังอ้อนเจ้านาย

            “ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะติดใจผมถึงขนาดนี้อ่ะ” ปลาวาฬพูดไปก็ยิ้มไป เมื่อเห็นท่าทีออดอ้อนของคนรัก เขาไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้ ยังจำครั้งแรกที่เจอหน้ากันได้ดี ตอนนั้นรู้สึกเกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้มากซะเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขารักและบูชาผู้ชายคนนี้มาก ต้องขอบคุณความจนที่ทำให้เขาต้องดิ้นรนจนได้มาเจอกับผู้ชายคนนี้

            “ก็นายมันอร่อยไปทุกสัดส่วนเลยนี่นา ถ้าผู้ชายคนไหนได้ลองมีหวังคงต้องติดใจไม่ต่างจากฉันแน่ ฉะนั้นคนที่จะครอบครองนายได้ต้องเป็นฉันคนเดียวนะจำเอาไว้ด้วย” เมื่อได้ทีนักรบก็ขู่อีกฝ่ายคืนเช่นกัน

            “ครับ...ผมไม่มีทางนอกใจคุณเด็ดขาด ถ้าคุณไม่นอกใจผมก่อนนะ” ปลาวาฬพูดติดตลก

            “ฉันไม่มีทางนอกใจนายแน่นอนเชื่อใจได้” มือหนาที่จับมือเรียวเอาไว้ บีบแน่นขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกมั่นใจในตัวเขา

            “ผมเชื่อคุณ” ปลาวาฬตอบรับโดยง่าย เขาไม่แม้แต่จะคิดเพราะทุกอย่างที่ผ่านมามันทำให้รู้แล้วว่าความรักที่นักบินส่งมาให้นั้นมันมากมายขนาดไหน “ว่าแต่...คุณตั้งชื่อลูกไว้หรือยัง” พรุ่งนี้ก็จะคลอดแล้วแต่ทั้งสองยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเลย ปลาวาฬนึกได้จึงเอ่ยถามขึ้นมา

            “นายล่ะคิดเอาไว้บ้างหรือยัง” นักบินถามกลับ

            “ยังเลยอ่ะ” ปลาวาฬตอบ

            “ถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งชื่อลูกช่วยกัน นายตั้งชื่อลูกสาว ส่วนฉันก็ตั้งชื่อลูกชาย โอเคมะ” นักบินเสนอความคิดเห็น

            “ก็ได้ผมจะตั้งชื่อลูกว่า....ปลาดาว ดีไหม?” ปลาวาฬเป็นคนที่ชอบทะเลอยู่แล้ว จึงอยากตั้งชื่อลูกให้คล้องจองกับตัวเอง อยู่ๆปลาดาวก็ผุดขึ้นมาในหัว

            “ก็เพราะดีนะ ส่วนลูกชายฉันจะตั้งชื่อให้ว่า....นักสู้ละกัน โตขึ้นมาจะได้เก่งเหมือนพ่อ” เขาเห็นอีกฝ่ายตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อตัวเอง จึงทำตามบ้าง

            “อ้าว! ทำไมชื่อลูกเราไม่คล้องจองกันเลยอ่ะคุณ” ปลาวาฬขำออกมาเพราะปกติแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่มักจะตั้งชื่อลูกให้คล้องจองกัน โดยเฉพาะลูกแฝดยิ่งต้องมีความคล้องจองกัน

            “ไม่เห็นจะต้องตามคนอื่นเลย นี่ลูกของเรานะ คนอื่นไม่ได้มาเลี้ยงกับเราด้วยสักหน่อย” นักบินเอ่ยอย่างไม่แคร์

            “ถ้างั้นก็เอาตามนี้ละกัน คุณรีบไปนอนพักเอาแรงบ้างเถอะ ผมเองก็เริ่มง่วงแล้ว” ปลาวาฬเอ่ยแล้วก็อ้าปากหาวหวอดด้วยความง่วงทันที

            “โอเค...ถ้ารู้สึกปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติอะไรต้องรีบเรียกฉันเลยนะเข้าใจไหม” นักบินลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือหนาไปจับที่แก้มขาวอย่างเบามือ พร้อมกับยิ้มน้อยๆให้

            “ครับ” ปลาวาฬตอบรับแล้วส่งยิ้มหวานให้เช่นเดียวกัน สายตาคมที่จ้องมองมาทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกแมวตัวน้อยเชื่องๆเท่านั้นเอง         

            “นอนเถอะ” นักบินห่มผ้าให้แล้วเดินมานอนบนโซฟาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเตียงมากนัก ด้วยความเพลียทำให้นักบินหลับได้ไม่ยาก ชายหนุ่มเข้าสู่ห้วงนิทราไปนานหลายชั่วโมง

            กลางดึกนักบินได้ยินเสียงของใครบางคนเรียก เจ้าตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วรีบหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงทันที

            “คุณ...ผมเจ็บท้อง” ปลาวาฬทำหน้าเหยเกเพราะรู้สึกเจ็บที่ท้อง ราวกับว่าทารกที่อยู่ในนั้นกำลังอยากจะออกมาดูโลกภายนอกเต็มทีแล้ว

            “เจ็บท้องแล้วงั้นเหรอ พยาบาล! ต้องเรียกพยาบาล!” นักบินลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาข้างเตียงด้วยความลนลาน ก่อนจะกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที

            “โอ๊ยย!! เจ็บ” ปลาวาฬส่งเสียงร้องนอนบิดตัวไปมาอยู่บนเตียง ส่วนนักบินได้แต่พยายามจับมือเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ

            “ทำใจดีๆเอาไว้ หายใจเข้าลึกๆ นายต้องอดทนเพื่อลูกของเรานะ อีกไม่นานเราจะได้เห็นหน้าลูกแล้ว” นักบินเอาเรื่องลูกมาอ้างเพื่อให้อีกฝ่ายมีแรงฮึดสู้กับความเจ็บปวดนั้นได้

            ไม่นานนักบุรุษพยาบาลก็เดินเข้ามาแล้วรีบนำตัวปลาวาฬเข้าไปในห้องคลอดโดยด่วน ขณะเข็นเตียงไปนักบินเองก็เดินจับมือให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง ตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าลูก และกังวลไปด้วยเพราะว่าจะมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น

            “คุณนักบินผมกลัว” คนที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ ทำเอานักบินแทบจะน้ำตาไหลตามไปด้วย เพราะรู้สึกสงสารและเป็นห่วงอีกฝ่าย ถ้าหากท้องแทนได้เขาก็จะทำ

            “ฉันจะเป็นกำลังใจให้นายนะ สู้ๆ” ว่าแล้วนักบินก็ยิ้มให้กำลังใจ

            “ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ” พยาบาลสาวที่มาด้วยเอ่ยขึ้น ทำให้มือที่เคยจับกันไว้ต้องค่อยๆคลายออกมาจนแยกจากกันในที่สุด นักบินยืนหน้าตาตื่นอยู่หน้าห้องคลอดเพียงลำพัง ก่อนจะเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

            ไม่นานนักคุณหญิงฉัตรฉายและสามีก็เดินเข้ามาสมทบ ดูท่าทางคงจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

            “นักบินหนูปลาวาฬเป็นยังไงบ้าง” เมื่อมาถึงก็รีบเอ่ยถามลูกชายทันที

            “เข้าไปในห้องคลอดสักพักแล้วครับคุณแม่ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย” นักบินพูดเสียงสั่น เขากลัวว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างทำคลอด

            “แกอย่าเพิ่งคิดมากเลย นั่งลงก่อนมันไม่มีอะไรหรอก หนูปลาวาฬกับหลานของแม่ต้องปลอดภัย” คุณหญิงฉัตรฉายดึงแขนลูกชายลงมานั่งที่เก้าอี้รออยู่หน้าห้องคลอด พร้อมจับมือเอาไว้อย่างนั้นเพื่อให้กำลังใจ

            “ตอนที่แม่คลอดแกพ่อก็เป็นอย่างนี้ล่ะ แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี หนูปลาวาฬกับลูกต้องปลอดภัยเชื่อพ่อสิ” เกริกไกรเอ่ยขึ้น

            “คุณพูดเข้าหูฉันก็วันนี้ล่ะคุณเกริกไกร...ดีมาก” วันนี้คุณหญิงขอเอ่ยชมสามีบ้าง หลังจากพูดไม่เข้าหูมาตลอด

            “คุณเองก็เพิ่งจะชมผมครั้งแรกเหมือนกันล่ะคุณหญิง” เกริกไกรยิ้มแล้วตอบกลับภรรยา

            “จริงเหรอ...ฉันว่าไม่น่าใช่ครั้งแรกนะ” คุณหญิงเองก็เขินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปมองหน้าลูกชายแทน

            ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากห้องคลอด ทำให้คนทั้งสามรีบลุกขึ้นไปที่หน้าประตูห้องแล้วมองหน้ายิ้มให้กัน

            “เสียงลูกผมร้องแล้วครับแม่...เยส!!” นักบินหันมาเอ่ยกับมารดาด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ

            “แม่ก็ดีใจ...ในที่สุดก็จะได้มีหลานสมใจอยากแล้ว” ความดีใจทำให้คุณหญิงกระโดดโลดเต้นไม่ต่างจากเด็กเลย ทำเอาสามีถึงกับกุมขมับแล้วมองไปรอบๆ เพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้า

            หลังจากทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแล้ว ปลาวาฬก็ถูกย้ายมาพักฟื้นในห้องพิเศษ ส่วนลูกแฝดทั้งสองคนพยาบาลก็อุ้มมาวางไว้ข้างๆ ตัวเพื่อให้คุณแม่มือใหม่ได้เชยชมความน่ารักของลูกทั้งสองคน ส่วนคนอื่นๆก็ยืนยิ้มอยู่รอบๆเตียง เมื่อเห็นความน่ารักของเด็กทารกแฝดทั้งสองคน

            “ลูกแม่น่ารักจัง” แม้ปลาวาฬจะอิดโรยจากการผ่าตัดมา แต่เจ้าตัวก็ยิ้มได้เมื่อเห็นความน่ารักของลูกทั้งสองคน น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลลงมาจากหางตาเป็นสาย มือเรียวโอบกอดลูกเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย

            “ลูกเราน่ารักมากๆเลย พี่ปลาดาวกับน้องนักสู้” นักบินเอื้อมมือหนาไปลูบที่ศีรษะของปลาวาฬอย่างเอ็นดู  ขณะที่ใบหน้าหล่อคมก็โปรยยิ้มออกมาอยู่ตลอดเวลา

            “ดีใจด้วยนะหนูปลาวาฬ และก็ขอบใจที่ให้กำเนิดหลานตัวน้อยๆสองคนนี้ มาให้ฉันและคุณเกริกไกรได้ชื่นใจ” คุณหญิงเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้

            “ครับคุณหญิง” ปลาวาฬตอบรับสั้นๆ ใจจริงอยากจะพูดอะไรมากมายแต่ตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกเพลียๆอยู่

            ไม่นานนักเงินและเจฟฟี่ก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ก่อนหน้านี้ปลาวาฬให้นักบินโทรไปบอกเงินว่าตัวเองคลอดลูกแล้ว เมื่อเงินทราบเรื่องก็รีบบอกให้เจฟฟี่ขับรถพามา ประจวบเหมาะกับวันนี้เป็นวันหยุดพอดี

            “สวัสดีครับทุกคน” เงินกับเจฟฟี่ยกมือไหว้คนในห้อง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเพื่อน

            “สวัสดีจ้ะ หนูคงเป็นเพื่อนหนูปลาวาฬสินะ” คุณหญิงเอ่ยทักทาย

            “ใช่แล้วครับ” เงินตอบ

            “ถ้างั้นก็ตามสบายเลยนะจ๊ะ” คุณหญิงเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “ขอบคุณครับ” เงินยิ้มให้คุณหญิง

            ขณะที่นักบินและเจฟฟี่เห็นหน้ากันนั้นต่างก็ตกใจ นั่นเพราะทั้งสองเคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันสมัยเรียนมัธยม พอเข้ามหาวิทยาลัยต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไป ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกันอีกทีในสถานการณ์ที่บังเอิญอย่างนี้

            “อ้าวไอ้เจฟ”

            “ไอ้นักบิน...อย่าบอกนะว่ามึงเป็นแฟนเพื่อนเมียกู” เจฟฟี่เอ่ยขึ้น

            “ก็เออสิวะ โลกมันกลมจังเลยว่ะ”

เมื่อได้เจอเพื่อนเก่าทั้งที ทั้งสองจึงเดินแยกไปคุยกันที่โซฟาอีกฝั่ง ปล่อยให้ปลาวาฬและเงินคุยกันตามลำพัง ส่วนคุณหญิงและสามีต้องขอตัวกลับไปที่บ้านก่อน เพราะอยากให้ปลาวาฬได้พูดคุยกับเพื่อนและพักผ่อนไปด้วย

             “ปลาวาฬกูมาหามึงแล้ว” เงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ เกือบปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้เห็นหน้ากัน

            “เงิน..กูคิดถึงมึงมากๆเลยอ่ะ” ปลาวาฬเองก็น้ำตาไหลไม่ต่างกัน เงินมองหน้าเพื่อนแล้วร้องไห้ตาม หลังจากนั้นก็เอื้อมมือเรียวไปจับมือน้อยๆของหลานอย่างเอ็นดู

            “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน หลานน่ารักมาก กูดีใจกับมึงด้วยนะเว้ย” เงินเอ่ย

            “อื้ม” ปลาวาฬตอบรับสั้นๆ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกดีๆ ในวันที่เขามีความสุขนอกจากคนรักที่อยู่ข้างกายแล้ว เขาเองก็อยากให้เพื่อนมาอยู่ใกล้ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเขากับเงินร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เด็กจนโต จนกลายเป็นครอบครัวของกันและกันไปแล้ว

             “ว่าแต่หลานชื่ออะไรบ้างเนี่ย” เงินปาดน้ำตาออกจากแก้มนุ่มจนเหือดแห้ง พร้อมกับจ้องมองร่างเล็กๆของหลานทั้งสองไปด้วย

             “คนพี่ชื่อปลาดาว ส่วนคนน้องชื่อนักสู้” ปลาวาฬเอ่ย

            “ชื่อเพราะจัง แต่ทำไมแอบไม่คล้องจองกันเลยอ่ะ” เงินเอ่ยแซวเมื่อได้ยิน

            “ก็เราแบ่งกันตั้งชื่อ มันเลยออกมาคนละทาง แต่นี่อาจจะเป็นคู่แฝดคู่แรกของโลกที่ชื่อไม่คล้องจองกันก็ได้นะมึง” ปลาวาฬเอ่ยขำๆ

            “กูดีใจกับมึงจริงๆนะเว้ย ไม่นึกเลยว่าชีวิตเรามันจะบังเอิญขนาดนี้ ยิ่งรู้ว่าพี่เจฟเป็นเพื่อนกับคุณนักบินมาก่อนกูยิ่งดีใจ เพราะจะได้อ้อนพามาหามึงกับหลานบ่อยๆ” เงินเอ่ยกับเพื่อนรัก ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ามีความสุขมากแค่ไหน

            “บังเอิญจังเลยเนาะ ต่อไปนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆแล้วสินะ” ปลาวาฬไม่นึกเลยว่าการแยกจากเพื่อนในครั้งนั้น มันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตในทางที่ดีมากขนาดนี้ เขาและเพื่อนกลับมาเจอกันอีกครั้งในขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความสุข มันเกินความคาดหมายมากเหลือเกิน

            ทั้งสองหันไปมองดูนักบินและเจฟฟี่ที่กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ ทั้งคู่ไม่ได้เจอมากันเสียนาน ทำให้มีเรื่องราวพูดคุยกันมากมาย จนลืมไปแล้วว่ามีอีกสองชีวิตที่กำลังมองดูทั้งคู่แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยังไม่จบหรอก ยังมีเรื่องยัยแฟนเก่าที่เคยสัญญาอะไรไว้ก่อนล่ะนั่นอย่าลืมไปเคลียร์ล่ะนักบิน

ออฟไลน์ bearjunjun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขออย่ามีดราม่าเลย สาธุ :call:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ต่อไปก็คงเป็นม่าจากนังคุณแฟนเก่านักบินสินะ  :serius2:

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปน้าาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไม่เอาแล้วนะมาม่านะ ขอเป็นไวไว ควิกแทนแล้วกันนะ  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด