บทที่ 4.
เพราะไอ้คุณเฮียมีโทรศัพท์งานเข้า ก็เลยทิ้งเด็กน้อยผู้น่าสงสารไว้ตรงหน้ามหาลัย ปล่อยให้วายุต้องผจญชะตากรรมเดินเข้ามาถึงหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่อยู่เกือบหลังสุดของมหาลัยด้วยตัวเอง แต่พอนึกไปถึงเหตุการณ์บังเอิญของเมื่อเช้าแบบไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ก็ทำเอาคลี่ยิ้มออกมาได้แบบไม่รู้ตัว...อีกแล้ว ...ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจมันเหมือนจะเต้นแรง ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นไอ้คุณเฮียจอมโหดแท้ๆ
พอมาถึงพวกเพื่อนๆปีเดียวกันก็นั่งจับกลุ่มรวมกันอยู่ที่ใต้ตึกรออยู่ก่อนแล้ว ไอ้คนที่นั่งทำเสียงโวยวายและโบกมือเรียกไอ้หนุ่มผมยาวมีนามประหลาดว่าเอิง(เพราะมีน้องสาวชื่อเอย มันบอกว่าตากับยายเป็นคนตั้งให้) ส่วนไอ้ตัวโตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะชื่อไม้ และสาวสวยที่สุด(เหอะ)ของกลุ่มมีนามว่าไอ้หยก(สาวที่แกร่งเกินกว่าจะแบ่งแยกได้เต็มปากว่าเพศไหน พิสูจน์มาแล้วกับตาตอนรับน้อง)
"มาช้าว่ะไอ้วา พวกเราเลยกินข้าวกันหมดแล้ว" ขนาดว่ากินกันมาแล้วนะ ขนมขบเคี้ยวและเสบียงยังคงเต็มโต๊ะ เหมือนจะโด๊ปไปแข่งโอลิมปิคกันยังไงยังงั้น
"เฮ่ยไอ้เอิง!! ลองยิ้มให้ดูหน่อยดิ ไอ้ไม้ก็ได้!" พอกลั้นใจพูดขอร้องจบ พวกมันก็นั่งหน้าเหวอ อ้าปากที่ยังเต็มไปด้วยขนมค้างเอาไว้ คาดว่าจะรอให้แมลงวันบินไปวางไข่
"เพี้ยนเปล่าวะไอ้วา อยู่ดีๆมาบอกให้ยิ้ม เล่นไรวะ ขนลุกนะเว้ย!!" ไอ้เอิงทำหน้าเหมือนเจอเรื่องสยองขวัญ ส่วนไอ้เพื่อนไม้ไม่ต้องพูดถึง มันยังคงนั่งจ้องมองมานิ่งๆ เหมือนกับพูดไม่ออก จนต้องยกน้ำกระดกกลั้วคอ
"ไรวะ..แค่นี้เพื่อนก็ทำให้เพื่อนไม่ได้" วายุแกล้งทำเป็นผิดหวังแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆเพื่อนหยกที่ยังคงนั่งกระพริบตาปริบๆ เหมือนคนที่สมองยังประมวลผลไม่เสร็จ
"หยกว่า..วาอาจจะเพ้อเพราะหิวป่าว เอาขนมปังหยกไปกินอ่ะ" เพื่อนหยกยื่นขนมปังห่อใหม่มาให้พร้อมกับแกะให้เสร็จสรรพ ของฟรีดิ!! ใครบ้างจะไม่โดดคาบเอาไว้ ต้องอาศัยช่วงมึนแบบนี้แหละ
"ไปแอบสนใจสาวที่ไหนมาวะ..."
"แค่กๆ" ขนมปังที่วายุเพิ่งจะกัดเข้าปากไปได้แทบสำลักออกจมูก ตอนที่ได้ยินคำถามจากปากเพื่อนไม้ เห็นนิ่งๆแบบนี้มันแอบต่อยหนัก แบบว่าทีเดียวกะเอาให้น็อค
"ชัวร์เลยแบบนี้" ไอ้หยกดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะเหมือนเดาจากสารรูปเพื่อนได้ ส่วนไอ้เอิงก็ตั้งข้อสมมุติฐานได้อย่างแม่นยำ ไอ้พวกนี้มันทำงานเป็นทีมเวิร์คดีเหลือเกิน
"ไม่มีโว้ย!!" ปฏิเสธไปก็เท่านั้น ดูจากสายตาของไอ้สามตัวตรงหน้ามันเหล่มองมาเหมือนกำลังจับผิดนักโทษที่ทำผิดร้ายแรง ไอ้ไวไวก็เลยกลบเกลื่อนด้วยการยกน้ำขึ้นกระดกพรวดๆ แล้วอมไว้ในปาก ทำท่าจะพ่นใส่ไอ้พวกรู้มาก จนพวกมันวงแตกวิ่งหลบกันเป็นแถว
"เล่นสกปรกนี่หว่า" ไอ้เอิงชี้หน้าเหมือนจะบอกว่าฝากไว้ก่อน แต่ด้วยความที่ยังทำเป็นอมน้ำไว้ในปากก็เลยเถียงกลับไม่ได้
"หึ หึ" วายุทำหน้ากวนแกล้งทำท่าเหมือนจะพ่นน้ำใส่ ทั้งที่กลืนลงคอไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
พลั่ก!!
"โอ้ย!! ไอ้หยก มือหรือว่าขาหลังวะ เจ็บอิ๊บอ๋าย!!" ลืมไปว่ามีบุคคลอันตรายอยู่ ไอ้หยกมันย่องมาฟาดฝ่ามือตรงกลางหลังขนาดว่ายั้งยังเล่นเอาจุก ส่วนไอ้สองตัวตรงหน้ามันก็หัวเราะเยาะชอบใจใหญ่ ลองถ้าอมน้ำไว้ในปากพวกมันคงไม่รอดอ่ะ
"บอกมาซะดีๆ สาวคณะไหนไอ้คุณวายุ!!" เพื่อนไม้เดินมาโอบไหล่ส่งสายตาหวานซึ้ง... ประหนึ่งจะบอกเป็นนัยว่า..ถ้าไม่บอกมึงตาย..
"ลองให้ไอ้เอิงยิ้มก่อนดิ แล้วจะบอก" อีกสองคนหันไปมองไอ้คนที่โดนพาดพิง เหมือนจะบอกว่าให้ยอมๆทำตามข้อเรียกร้องซะจะได้จบการสอบสวนครั้งนี้โดยไม่มีใครเจ็บตัว
"ไรวะ ไอ้เอิงโดนตลอดอ่ะ" ไอ้เอิงก็เลยต้องยอมฉีกยิ้มให้แบบช่วยไม่ได้ ทั้งหมดก็เลยหันหน้ากลับมาหาจำเลยอีกที
"ไม่ใช่ว่ะ ไม่เหมือนกัน..." แทนที่จะได้คำตอบเป็นชื่อสาวคณะไหน ไอ้คุณจำเลยมันกลับขมวดคิ้วพึมพำอะไรบางอย่างเหมือนคนกำลังคิดหนัก ไม่สนใจสายตาอยากรู้อีกสามคู่ที่มองมา
"อะไรไม่ใช่ล่ะคุณเพื่อนวา เพี้ยนเปล่าวะอาการแบบนี้" วายุหันมาสบตาเพื่อนแต่ละคนพลางคิดหาทางเอาตัวรอด ขืนปล่อยให้ไอ้พวกนี้ซักถามโน่นนี่ มันคงได้จำลองเหตุการณ์บ้าๆ ขึ้นมาให้ไขว้เขวอีก คนยิ่งกำลังสับสนอยู่ด้วย
"เออไม้ ที่บอกว่าจะมาอยู่หอ คงต้องเลื่อนไปก่อน"
"โห่..อะไรว้า อุตส่าห์เก็บห้องซะดิบดี" ไอ้คุณเพื่อนไม้เจ้าของห้องทำหน้าเซ็งจัด ก่อนจะได้รับฝ่ามือพิฆาตของเพื่อนอีกสองคนผลัดกันโยกไปมาอย่างหมั่นไส้จัด
"เก็บบ้าอะไรว่ะ เมื่อวานไปยังเห็นถ้วยมาม่ากินแล้ววางซ้อนกันอยู่หน้าประตู" ไอ้เอิงบอกเพราะตัวเองไปรอน้องสาวเรียนเสร็จแล้วกลับบ้านพร้อมกัน ก็เลยแวะไปนอนรอที่หอเพื่อน เกือบจะเตะพวกถ้วยมาม่ากินแล้วกระจาย
"แกยังดีไอ้เอิง ฉันนี่ดิ!! เจอลิง!!" ไอ้หยกหันมาทำหน้าเซ็งกว่า ก่อนจะเล่าว่าลิงที่เจอไม่ใช่ลิงเจี๊ยกๆ แต่เป็นลิงที่มีแค่สองขาไม่มีแขน แต่มีไซส์แทนนะซิ ไอ้สามตัวมันก็เลยหันไปเม้าท์กันเรื่องห้องของเพื่อนไม้แทน หึหึ..นับว่าเป็นการเบนประเด็นเอาตัวรอดได้สำเร็จสินะ
"แล้วทำไมถึงต้องเลื่อนอ่ะ" ไอ้คุณเจ้าของห้องที่โดนเผาจนแทบจะเกรียมแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดหันมาถาม
“ก็คุณน้าไม่ยอม ตอนนี้ก็เลยขอมาอยู่กับเฮียไปก่อน” วายุบอกเพื่อนตามตรง คาดว่าอีกไม่นานน่าจะยอมขอให้เฮียตุนช่วยพูดให้ได้ เรื่องที่จะขอออกมาอยู่ข้างนอกด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ที่นั่น บ้านที่มีความสุขความอบอุ่นอบอวลขนาดนั้น มันทำให้นึกถึงตอนที่อยู่กับแม่ แม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้สมบูรณ์อย่างใคร ๆ แต่ก็มีความสุขได้ไม่แพ้ครอบครัวอื่น แล้วถ้ายังยึดติดอยู่กับความสุขแบบนั้น นานวันเข้าจะยิ่งไม่สามารถก้าวขาออกมาได้ เพราะงั้นก็เลยต้องห่างออกมาเสียเอง
.
.
.
.
เลิกเรียนวันนั้นไอ้สามตัวมันไปต่อกันที่หอของเพื่อนไม้..ทั้งที่บ่นกันจนหูแทบชาเรื่องห้องรก จะไม่ให้รกยังไงไหว ก็ดูของที่พวกมันหิ้วติดมือกันไปแต่ล่ะอย่าง เรียกว่าไม่เมาก็คงไม่เลิกรา งานนี้ไอ้วายุขอบายใส่เกียร์หลังถอยยาว แกล้งบอกมันไปว่าเฮียเจ้าของบ้านดุมาก ขืนกลับผิดเวลา จะได้ออกมานอนข้างนอก (นอกห้องนะ)
กลับมาถึงบ้านก็เห็นว่ารถเฮียจอดอยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อเช้าแล้ว แสดงว่าเฮียกลับมาก่อนแล้ว... จะแวะไปรับน้องบ้างอะไรบ้างไม่มีอ่ะ จะว่าไป...ไอ้วายุศักดิ์มันไม่มีโทรศัพท์นี่หว่า เห่อๆ คงไปรับได้หรอกนะครับท่าน กว่าจะหากันเจอคงข้ามวัน
“อ้าว...เมื่อเช้าวางไว้ตรงนี้นี่หว่า!!” พอเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจอีกรอบ เพราะข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวที่วางเอาไว้ตรงมุมห้องรับแขกเมื่อเช้า...หายเกลี้ยง!!
ชะโงกหน้าไปหาข้างหลังโซฟาก็ไม่มี หรือจะเป็นใต้โต๊ะ ตู้กับข้าว หรือแม้แต่ในห้องน้ำ..ก็ไม่มี ว้ากกกก!!!! หรือว่า..จะมีขโมยขึ้นบ้าน ไม่ซิ..มันจะมาขโมยอะไรกับสมบัติโหลๆ ของไอ้วายุล่ะเฟ้ย ตู้เย็น ทีวี กับชุดเครื่องเสียงของเฮียยังจะน่าขนไปมากกว่าอีก ไม่จริ๊งงงงงงงง
“เฮียยยยยยยย” พอคิดอะไรไม่ออก ก็เลยตะโกนหาเจ้าของบ้านเสียงหลง พร้อมกับวิ่งไปที่ห้อง เผลอขยับลูกบิดทีเดียว ประตูมันก็เปิดเฉยเลย!!
“เฮ่ย!!” พอตัวมันหลุดเข้าไปในห้อง สิ่งที่ต้อนรับอยู่ตรงหน้าก็คือไม้เบสบอลขนาดพอดีมือ ที่เจ้าของห้องคว้ามาได้ แล้วคิดว่าโจรเข้าบ้าน เพราะได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆ อยู่นานที่ข้างนอก
“ว้ากกกก เฮีย!!! ผมเองๆ” วายุก้มตัวหลบวูบได้ทัน ไม่งั้นคงได้มีหัวแตกเลือดสาดกันบ้าง
“ไอ้ไวไว ไอ้เด็กเวร!! เกือบตายไปแล้วไหม..?” คุณพระคุณเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง!!! ไอ้คุณเฮียกะเอาให้ตายในไม้เดียวเลยเรอะ.. ขวัญเอ๊ยขวัญมา รอดมาได้ก็บุญกระหม่อมแล้วไอ้วายุ!! ไม่ใช่ซิ...ตอนนี้ต้องถามเรื่องสำคัญก่อนดิ!!
“ของผมอ่ะเฮีย ของๆผมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้!!?” เฮียตุนโยนไม้เบสบอลในมือไปบนเตียง พร้อมกับถอนหายใจออกมายาวเหยียด..หวังว่าคงจะไม่ใช่...อย่างที่คิดหรอกนะ แบบว่า’ทิ้งไปแล้ว..เพราะเกะกะลูกตา’ อะไรแบบนั้น
“ห้องข้างๆ เปิดไปดูรึยัง”
“ห้องข้างๆ!!?” พอได้ยินคำตอบ วายุก็วิ่งพรวดออกมาจากห้อง เปิดประตูห้องที่เมื่อวานยังจำได้ว่ามันเป็นห้องหนังสือ เดาเอาว่าเฮียแกคงจะทนไม่ได้ ก็เลยลากมาเก็บไว้ให้ แต่มัน....มากกว่าน้านนนนนนนน
ชั้นหนังสือถูกยกออกไปจนหมด จากห้องหนังสือเล็กๆเมื่อวานกลายเป็นห้องนอนเดี่ยวขนาดพอดี ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก ชั้นวางของใช้ส่วนตัว ที่มากกว่านั้นมีเตียงนอน ยังไม่นับรวมไปถึงของใช้ครบครัน แถมตรงข้างหน้าต่างมีโต๊ะเขียนหนังสือเตรียมไว้ให้ด้วย..ห้องใคร!!? แล้วของใช้ส่วนตัวของไอ้วายุศักดิ์อ่ะ!!?
“เฮีย...นี่มัน...!!?”
“บอกไว้ก่อนว่ายัยมีนาเป็นคนจัดการทั้งหมด ชอบหรือไม่ชอบไปโทษกันเอาเอง” เฮียตุนเดินมายืนกอดอกพิงที่ขอบประตูห้อง ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างในยืนเคว้งทำหน้างงไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนเดิม
“พี่มีนา...อย่าบอกนะว่า...นี่...ห้องผม!!?” วายุยืนทำหน้ามึนเอานิ้วจิ้มที่อกตัวเอง พอเห็นว่าเจ้าของบ้านพยักหน้าแทนคำตอบ ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ จนต้องวิ่งเข้าไปเปิดตู้ดู อย่างที่คาดเอาไว้.. ข้าวของที่ขนมาจากบ้านใหญ่ ถูกจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อยข้างใน เสื้อผ้าอยู่บนไม้แขวนอย่างดี กรอบรูปของแม่วางไว้บนมุมหนึ่งของโต๊ะเขียนหนังสือเรียบร้อยได้สมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงแรมเป๊ะๆ
“แล้วก็ยังฝากบอกด้วยว่า ถ้าคิดจะย้ายออกก็ขนของพวกนี้ไปด้วย เห็นแล้วเกะกะลูกตา!!” วายุยังคงยืนอึ้งกับข้าวของมากมายที่อยู่รอบตัว ไม่ได้ติดใจโกรธคำที่เฮียบอก
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะเฮีย...” เจ้าของห้องหมาดๆย่อตัวลงนั่งบนเตียง ไม่ได้หมดอาลัยตายอยากถึงขนาดหมดแรง แต่มันตื้นตันจนพูดไม่ออกต่างหาก
“ถ้าอยากขอบคุณก็โทรไปแล้วกัน เบอร์ของนายแม่ยัยมีนา มีอยู่ในนั้นหมดแล้ว” ยังไม่หมดเท่านั้น โทรศัพท์ใหม่เอี่ยมอีกเครื่องถูกโยนมาให้ จนไอ้วายุแทบจะตั้งตัวโดดรับแทบไม่ทัน แม้ว่าจะไม่ใช้แบบรุ่นใหม่ล่าสุดอะไรแต่มันก็มีทุกอย่างตามที่โทรศัพท์ยุคปัจจุบันพึงจะมี
“ยังมีอะไรอีกไหมอ่ะเฮีย แบบว่าผมอาจจะได้รถยนต์คันใหม่สุดหรู หรือไม่ก็บ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน...โอ๊ย!!!” กำลังเพ้อสุดๆก็โดนสกัดดาวรุ่งด้วยฝ่ามือพิฆาต ฟาดที่กลางกบาลทำเอาฝันสลายได้ง่ายๆเลยทีเดียว
“เพ้อมากไป!! ไอ้หมีไวไว ตื่นจากฝันแล้วเอานี่ไป ใบเสร็จพร้อมหนี้สิน” กระดาษสีขาวขนาด A4 ถูกยื่นมาตรงหน้า ในนั้นแจ้งรายละเอียด พร้อมกับค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดเอาไว้ด้วย..เลื่อนสายตาลงมาดูยอดรวม
โอ่ว์...ไอ้จ๊อดดดดด!!!!เรื่องเซอร์ไพร์สรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้ววะเนี้ย!!
“เย้ยยยยย!! ของจริงไหมอ่ะ ใบกำกับภาษีสำหรับนักศึกษาอ่ะ ลดครึ่งราคาได้ไหมเฮีย!!!” ไอ้วายุนึกอยากจะกรี๊ดให้สาวแตก ทันทีที่เห็นใบเสร็จประหนึ่งเห็นหมายศาลโดนฟ้องล้มละลายยังไงอย่างงั้น แต่พอหยิบกระดาษอีกแผ่นที่ซ้อนกันอยู่ข้างหลังขึ้นมาดู เป็นใบสมัครงานของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับอีกแผ่นแต่เป็นที่ร้านบริษัทอะไรซักอย่างที่ต่อท้ายด้วยคำว่าดีไซน์
“เห็นบอกกับนายแม่ว่าอยากทำงานก็เลือกเอาเองแล้วกัน ส่วนหนี้สิน หึหึ ของจริง!!” ภะ...ภายในวันเดียว ครอบครัวนี้ทำให้ผมดีใจ ตื้นตัน และแทบจะเป็นบ้าได้ในคราวเดียว สามารถอธิบายเป็นความนัยได้ว่า..อึ้ง ทึ่ง เสียวว้อยยยยย จะบ้าละครับท่าน ทำไมถึงให้อะไรกับผมมากมายขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำ
เสียงหัวเราะสุดโฉด เอ๊ย!! สุดโหดของไอ้คุณเฮียยังดังก้องอยู่ในหู แม้ว่าเจ้าตัวจะเดินกลับไปห้องตัวเองแล้ว แน่นอนว่าใบแจ้งหนี้ที่เห็น มันแค่เป็นเพียงการบังคับทางอ้อม ไม่ให้หนีออกไปอยู่คนเดียวอีก.. เพราะหากต้องขนของพวกนี้ไปด้วยล่ะก็ งานช้างแน่ๆ
แม่ครับ..ผมจะบอกยังไงดี ทุกวันนี้ไอ้วายุศักดิ์ของแม่มีความสุขมาก และ...กำลังเป็นหนี้ก้อนโตครับแม่!!!!!
==========================
ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ ใครป่วนใครกันแน่
แต่ที่แน่ ๆ ยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน 555
ขอบคุณทุกท่านที่ติตามอ่าน
ป้อล้อ..ขอแอบคั่นโฆษณา "พิเศษ..แตงกวา" ใครสนใจเชิญจับจองที่นั่งด่วน 5555