บทที่ 10: นมจืดกับพระเอกคนใหม่
มือขาวคว่ำจานใบสุดท้ายลงบนชั้นวางข้างๆอ่างล้างเล็กๆนี่ จากที่ตอนแรกนมจืดเบ้ปากร้องเพราะในควรของพระเอกมันไม่มีน้ำยาล้างจานเลย จนในที่สุดที่นมจืดก็เจอน้ำยาล้างจานที่หลบอยู่ในตู้ที่วางจานชาม
ตอนแรกคนตัวเล็กยิ้มกว้างที่มีน้ำยาล้างจานแล้วแต่ก็ต้องพบว่ามันเหลือแค่ก้นขวดที่ใช้ไม่พอจนต้องตัดสินใจผสมน้ำเปล่าเข้าไปเขย่าๆให้พอใช้ได้ แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกสะอาดซะทีเดียวแต่ก็ดีกว่าไม่มีใช้เลย
เห็นทีต้องเตือนพระเอกแล้วว่านอกจากจะให้ลองซื้อไฮเตอร์ซักผ้าขาวมาใช้แล้วยังต้องให้ซื้อน้ำยาล้างจานไลปอนเอฟมาเก็บไว้ด้วย
จัดการสะบัดมือให้หมาดๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะว่าจากกองจานย่อมก็หายวับไปกะบตา ดูสะอาดขึ้น
แต่พอเดินออกมาคนที่เคยนั่งอยู่บนโซฟาไม่อยู่ที่เดิมแล้ว นัยน์ตากลมหันซ้ายหันขวามองหาคน เห็นห้องที่อยู่ถัดไปเล็กน้อยเปิดประตูกว้างอยู่ ขาเล็กๆเลยลองย่องๆไปดู
พระเอกอยู่ในนี้จริงๆด้วย!
นมจืดชะเง้อชะแง้มองภายในห้อง เป็นห้องนอนขนาดกลางๆ ภายในห้องค่อนข้างมืดเพราะเจ้าของห้องไม่ได้เปิดไฟ แถมผ้าม่านก็รูดปิดทึบมองไม่เห็นข้างนอก มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกที่ทำให้พอเห็น
ร่างสูงใหญ่ยักษ์นอนพาดยาวเป็นงูเหลือมอยู่บนเตียงขนาดควีนไซส์ นมจืดไม่กล้าแหย่เท้าเข้าไปในรังงูเหลือมยักษ์เลยได้แต่ส่งเสียงหงุงหงิงอยู่หน้าห้อง
“พระเอกๆ” ยังคงเงียบฉี่เหมือนไม่มีใครอยู่ “เราล้างจานเสร็จแล้วนะ”
ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับ คนตัวเล็กหายใจเข้าปอดรวบรวมความกล้า
“งั้นเราเข้าไปนะ” เหมือนตัวเองเป็นสัตว์ตัวเล็กๆที่อาจหาญย่องเบาเข้ารังสัตว์ดุร้าย
แต่ถ้าไม่มีบัตรติ๊ดๆก็กดลิฟท์ไม่ได้ พอกดลิฟท์ไม่ได้ก็จะไม่ได้กลับบ้าน มันเป็น GATเชื่อมโยงที่ถูกต้องที่สุด นมจืดคิดว่าเขาน่าจะยังคงได้150 คะแนนเต็มจากการทำเก็ทเชื่อมโยงถ้าเขาเข้าสอบนะ
มือขาวก้มเก็บหมอนข้างนุ่มที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นข้างเตียงขึ้นมา ว่าจะเอาไปคืนเจ้าของบนเตียง
“พระเอก…หมอนข้างตกนะ”
ผลุบ!
“เฮ้ย!!!!” ร่างเล็กถลาลงไปกองกับร่างกายแข็งแน่นเพราะกล้ามเนื้อ แว่นอันโตเอียงหล่นมาครึ่งหน้า
แขนแกร่งรัดเอวแน่นจนร่างของนมจืดแทบจมลงไปกับตัวของอีกฝ่าย มันแน่นจนนมจืดรับรู้ถึงความอุ่นของร่างกายมนุษย์อย่างชัดเจน รู้สึกเหมือนสมองกับร่างกายหยุดการทำงานพร้อมๆกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แต่สิ่งที่ยังทำงานอย่างผิดปกตินั่นก็คือ…สิ่งที่อยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายที่เหมือนจะทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ
จมูกโด่งของคนตัวโตปัดป่ายไปมาตรงแถวขมับขาว กลิ่นหอมอ่อนเหมือนแป้งเด็กทำให้ยิ่งต้องเข้าหามากขึ้น
“พ...พ...พระเอกกกกกก” ฮือออ เจ็บเอว แขนพระเอกรัดแน่นมาก หายใจไม่ออก
คนโดนกวนคิ้วขมวดมุ่นไม่พอใจเพราะมีคนมากวน หมอนข้างอันเน่าๆที่ติดมาแต่เด็กยังหอมเหมือนเดิม
งูเหลือมตัวยักษ์รัดหมอนข้างแน่นขึ้นจนเนื้อจะปลิ้น
แอ่ก!
นมจืดหายใจไม่ออก!!
“พระเอก!” มินเนี่ยนตาโตทำใจให้โตตามลูกตาตะโกนใส่หูแม่งเลย ใส่หูแบบทะลุเข้าหูขวาออกซ้ายขึ้นไปสมองวนกลับมาออกทางหูใหม่
“เฮ้ย! ไอ่เชี่ย!” คนที่เยื่อแก้วหูแทบฉีกขาดสะดุ้งพรวดพราด แขนที่รัดหมอนข้างทั้งมีชีวิตและไม่มีคลายออกอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียงจนคนข้างบนไถลลงไปกองที่เอว แว่นเวิ่นเอียงกะเท่เร่ลงมาที่ปลายจมูก ผมเผ้าดูฟูฟ่อง
ตาคมกระพริบตาถี่ๆมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง ยกมือตบบ้องหูอีกสองสามที ไอ้ห่าเอ๊ย! หูยังอื้อจนสมองสั่นไปด้วยเลย
พอสติและสมองกลับมาเป็นปกติ นัยน์ตาคมก็ถลึงตามองไอ้เตี้ยที่ทำหน้าเป็นหมาตื่นอยู่บนเตียง
“มึงเล่นเชี่ยอะไร?” แม่งเกรี้ยวกราดขั้นสุด แบบอยากผันให้ครบสามช่อง เกรี้ยวกราด มอร์เกรี้ยวกราด ตอนนี้แม่ง เดอะโมสเกรี้ยวกราดล่ะเว้ยยยยย
มือขาวกอดหมอนข้างใบเก่าแต่นุ่มนิ่มไว้เป็นที่พึ่ง เขยิบก้นเล็กๆหนีจากรัศมีเดอะโมสเกรี้ยวกราดของคนตรงหน้าไปอีกหน่อย ในใจได้แต้ร่ำไห้จนทำให้หน้าทั้งอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
“ฮื้ออออ อย่าดุ” เสียงหงุงหงิง
“แล้วเป็นอะไรมาตะโกนใส่หูคนอื่น” เกรี้ยวกราดแต่ยังไม่ลงไม้ลงมือ พูดไม่เข้าหูเมื่อไรค่อยตบให้เตี้ยแม่งเลย
ใบหน้าขาวเกือบซีดขึ้นสีจางๆ อ้อมแอ้มตอบ “ก็…ก็…คือ…”
“เป็นเชี่ยไร ส้นตีนติดคอเหรอ?!” เดี๋ยวจะได้ทุบหลังให้หาย
นมจืดเหลือบหน้าที่หลบอยู่หลังหมอนข้างมามอง ตากลมกระพริบปริบๆ “ก็…เราจะมาบอกว่าเราจะกลับบ้านแล้ว แต่ถ้ามันไม่มีบัตรติ๊ดๆก็ลงลิฟท์ไม่ได้ แต่พอเข้ามาหาแล้วเห็นหละบแล้วหมอนข้างตกพื้นเลยเก็บให้ แล้วทีนี้…”
อยู่ๆเสียงเล็กๆนั่นก็ค่อยๆแผ่วลงๆแต่สิ่งที่ดังขึ้นมากลับเป็นเสียงของก้อนเนื้อเล็กๆที่อกด้านซ้ายตัวเอง คางเริ่มก้มลกจนติดคอขาวไม่มองหน้าคนตรงข้ามอีกต่อไป
คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ อยู่ไอ้มินเนี่ยนมันเป็นอะไรของมันวะ
“เอ้า พูดให้จบๆสิวะ มาอ้ำอึ้งๆ”
หัวเล็กส่ายจนผมกระจาย “ไม่มี…อะไร”
แม่งมันต้องมีอะไรแน่ๆ ริมฝีปากได้รูปยิ้มร้ายออกมา ถ้านมจืดเห็นอาจจะรีบเผ่นหนีก็ได้
“กล้าโกหกเหรอวะไอ้เตี้ย พูด!”
ไม่พูดหรอก!
“ฮื้อ เราจะกลับแล้ว” แงงง รู้สึกหน้ามันเห่อเหมือนเป็นไข้ นมจืดต้องๆม่สบายแน่เลย สงสัยต้องกลับไปกินยาแล้วนอน
คนขี้หงุดหงิดยิ่งหัวร้อนเป็นไฟ มือใหญ่เอื้อมเข้าไปล็อกหน้าขาวเอาไว้เชยขึ้นให้มองหน้า แต่ร่างสูงต้องชะงักไปชั่วขณะเมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดขึ้นสีเรื่อเป็นดอกซากุระ เอิ่ม…เห็นแล้ว…
เห็นแล้ว…
…อยากเด็ด!…
นัยน์ตาเรียวคมสบกับดวงตากลมโต ลูกตาใสๆดูสั่นระริกจนเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เขาก้มหน้าลงไปใกล้จนจมูกโด่งเกือบแตะกับปลายจมูกเล็ก นมจืดกำมือแน่นหลับตาปี๋ด้วยความตื่นเต้น
“กลัวอะไรวะเตี้ย!” มือใหญ่เปลี่ยนมาดึงแก้มนิ่มๆจนยืดเป็นโมจิ
เกือบไปแล้วกู! โดนพลังมินเนี่ยนแดกแฟ้บเข้าไปเกือบหลง…หลงทางกู่ไม่กลับสิกู
นมจืดร้องหงุงหงิงในลำคอ “ ฮื้ออออ” แก้มนมยืดหมดแล้วพระเอก
“ทำไม…กูทำไรต่อจากนั้นเหรอไง?”
“ฮื้อ”
“ทำไม กูกอดมึงหรือไง?” เอาจริงๆนะ สติก็มีหรอก รู้ตัวเหมือนกันว่าทำอะไร หึๆ แค่อยากแกล้งไอ้เตี้ยให้หายอยากเฉยๆ
นมจืดทำหน้าทำตาตลก จะเขินหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆคือ…ฮือออออ เขามองหน้าพระเอกไม่ไหว ความรู้สึกมันแปลกๆ
“ทำไม! กอดนิดหน่อยทำมาร้อง” ว่าแล้วก็รวบตัวคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขนรัดจนฝังร่างเข้าไปในหน้าอกแกร่ง
นมจืดร้องลั่น แก้มนิ่มบี้ลงกับอกแกร่ง แว่นก็กระแทกตา แงงงงง เขาได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะต่ำๆเหมือนสนุกสนาน แรกๆก็อยากจะรีบให้ปล่อยแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงทำให้นมจืดกลับอมยิ้มแก้มตุ่ย
แต่กอดนานๆก็อึดอัดอะ...
“ปล่อยเราาาาาาาา” ร่างเล็กดิ้นดุกดิก คราวนี้พระเอกกลับปล่อยแต่โดยดี
นมจืดจัดผมให้เข้าที่ ดันแว่นอันโตที่ตกลงมาให้ขึ้นไปอยู่ที่เดิม คนที่นั่งยิ้มแสยะ เห็นมันทำยุ่งยากแล้วยิ่งแสยะยิ้มเข้าไปใหญ่
ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย หึ!
“เรากลับบ้านได้ยัง?”
“กลับไปดิวะ ใครล่ามโซ่มึงไว้เหรอไง”
มือขาวแบมือออก “บัตรติ๊ดๆ”
“อยู่โน่น” พยักเพยิดไปที่โต๊ะข้างกำแพง
“โอเค…” กระโดดดึ๋งลงจากเตียงไปที่โต๊ะ คว้าบัตรคอนโดหรูมาถือไว้ “เออใช่ๆ...แล้วพระเอกมีใช้เหรอ?” เดี๋ยวไม่มีบัตรติ๊ดๆเกิดพระเอกลงไปไหนไม่ได้แล้วทำไงล่ะ
“กูมีอีกใบ” ร่างสูงยักไหล่ “กูไม่ไปส่งนะเว้ย กลับเอง”
นมตืดพยักหน้าหงึกหงัก “เรากลับเองได้ๆ” ยิ้มแฉ่งแถมให้ด้วย ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ “อื้อๆ พระเอก เราขอชามมินเนี่ยนเราคืนนะ”
ฮือ...ชามของเรา เราอยากได้คืน
ตาเรียวคมมองคนพูด “เอาไว้ที่นี่แหละมึง เวลามากินวันหลังจะได้ใส่ชามเหลืองๆมึงให้แดก”
วันหลังมากินจะได้มีชามใช้?
อู้วหู้ว ความคิดเข้าท่ามาก
นมจืดเอียงคอมอง “วันหลังมากินอีกพระเอกจะให้ใช้ชามเหรอ?”
“เอ้า เวลามึงมาแดกแล้วมีชามของมึง มันทำให้ข้าวมึงน่าอร่อยขึ้นอีกเยอะนะเว้ย” หลอกล่อ เอ๊ย! พูดไปก็ยิ่งให้เหตุผลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนคำพูดของตัวเอง
“งั้นเหรอ?” ไอ้เตี้ยกำลังมึนๆต้องซัดเพิ่มให้ยิ่งมึน
“เออดิวะ! เวลามาแดกที่นี่มีชามเป็นของตัวเองดีจะตาย!”
เด็กๆคงเคยมีใช่ไหม? เวลาแบบกินข้าวต้องใส่ชามประจำ กินแล้วอร่อยขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า ถึงแม้อาหารแม่งจะเป็นแค่ไข่เจียวโง่ๆกับข้าวก็ตาม
ความจริงมันเป็นเรื่องที่เอาไว้หลอกเด็กให้กินข้าว แต่ไอ้เตี้ยหมาตื่นนี่ก็คงหลอกง่ายไม่ต่างกัน
“แต่…” นมจืดยังมีข้อสงสัย “แต่เราไม่ได้มาคอนโดพระออกบ่อยๆไม่ใช่เหรอ?”
“ก็มาบ่อยๆสิวะไอ้งั่ง! จะปล่อยให้ชามมึงเน่าตายคาตู้กูเหรอ!” แม่ง! ไอ้นมทำเอาหัวกูมีหม้อมาตั้งอีกแล้วเว้ย
“อ้อ...อื้อๆ” ตากลมโตใสแจ๋วจนเหมือนลูกแก้วกับรอยยิ้มบนใบหน้าขาวจนเห็นเส้นเลือดฝาด “งั้น...เอาไว้มาบ่อยๆก็ได้” จะได้ใช้ชามมินเนี่ยนด้วย
ร่างสูงใหญ่ชะงักไปเล็กน้อย เจ้าตัวก้มหน้าลงมองเตียง ริมฝีปากได้รูปได้แต่ขยับโค้งจนเป้นรูปพระจันทร์กว้างโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาคมระริกวาววับเหมือนกำลังถูกใจ
หลอกง่ายฉิบหาย!
แต่แม่งเอ๊ย!
ทำไมกูต้องปวดแก้มขนาดนี้
ตอบ!
----------------------------------------------- 50% --------------------------------------------------
สวัสดีค่า วันนี้เอาน้องนมตอนใหม่มาลงแล้วนะคะ หลังจากหายไปสักพักเพราะว่ามีพรีเซ็นงานด้วย แถมยังป่วยเพราะอากาศที่ไต้หวันแปรป่วนทำพิษใส่ ฮ่าๆ
ตอนนี้ดีขึ้นมากเพราะยาครอบจักรวาลของไต้หวันจริงๆ ไปบอกเภสัชว่าเป็นหวัด ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ นางยื่นยามาให้กล่องเดียวแล้วบอกรักษาได้ทุกโรค ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อแต่พอเอามากิน เออเว้ยยยย มันครอบจักรวาลเลยเว้ยยยย รักษาได้ทุกอย่างที่พูดมาเลย นี่ว่ากลับไทยจะซื้อตุน ฮ่าๆ ของเค้าดีจริงๆ
ตอนนี้อีพระมันโชว์กากอยากชวนเขามาห้อง แต่ดูวิธีของมันสิคะ กากจริงไรจัง ฮ่าๆ แต่ที่สำคัญคือน้องนมมมมม หนูจะเชื่อมันทุกอย่างไม่ได้นะลูกกกกกก
ฮ่าๆ
อ่านแล้วฟีดแบ็คกันได้นะคะ คอมเม้นมาไได้เลยค่า หรือจะทวิต #รักรสนมจืด
ขอบคุณค่ะ