ตอนพิเศษ [5] รางวัล
เงือกวาฬอาศัยอยู่ในถ้ำซึ่งไม่ค่อยจะมีลมพัดผ่านสักเท่าไหร่ ดังนั้นการเดินเล่นในเมืองบาร์ธีมอร์กลางฤดูหนาวเช่นนี้ทำให้เวสเทียร์หนาวจนปลายนิ้วแข็งชาไปหมด ในขณะที่ฝ่าบาทของเขาไม่รู้สึกอะไรเลย
หากเป็นวาฬจริงๆ ก็คงพูดได้ว่าอีกฝ่ายมีชั้นไขมันที่หนากว่าทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่า
แต่ในเมื่อเป็นเงือก เวสเทียร์หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมฝ่าบาทจึงดูคุ้นชินกับอากาศมากกว่าเขา ทั้งที่อีกฝ่ายเพียงแค่สูงกว่า และดูจะมีกล้ามเนื้อมากกว่าเขา 'เล็กน้อย' ซึ่งกล้ามเนื้อไม่ได้ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นไม่ใช่หรือไร
เวสเทียร์กระชับเสื้อตัวนอก หยุดก้าวเดินเมื่อลมหนาวพัดมาปะทะร่าง เขามองดูปลายนิ้วตัวเองที่ถือกล่องใส่กำไลมุก เล็บที่เคยขาวนวลบัดนี้ขึ้นสีม่วงจางๆ พวกเขากำลังเดินทางไปยังธราฟัสการ์เพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับลงทะเล แต่เส้นทางระหว่างนั้นเป็นทางเดินที่ขนาบด้วยทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
ช่างลมดีเหลือเกิน...
ฝ่าบาททะเลเหนือเหลือบมองคนข้างกาย ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ "อุ่นขึ้นไหม"
เขาพอจะรู้ว่าเวสเทียร์ขี้หนาว และดูไม่ค่อยชอบลมสักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่องครักษ์ควรทำ ทว่านั่นเป็นความคิดในอดีต ตอนนี้พวกเขาเป็นมากกว่านั้นแล้ว คงไม่ต้องรู้สึกกระดากมากหากอยากจะจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ "เราถือเอง"
ราชาคว้ากล่องกำมะหยี่มาถือไว้อีกมือ และกระชับจับมือเวสเทียร์ให้แน่นขึ้น "เย็นเชียว"
"ขออภัยฝ่าบาท..."
แม้จะเป็นคำที่เขาอยากสั่งห้ามไม่ให้เวสเทียร์พูด แต่เมื่อร่างโปร่งกุมมือตอบ ไคราห์นก็ลืมความคิดนั้นไป "ปากสั่นแล้ว" ราชาทะเลเหนือขยับไปเดินใกล้ๆ ใช้มือที่ยังถือกล่องปลดผ้าคลุมบ่าของตนออกอย่างไม่ค่อยถนัดนัก ปล่อยมือจากร่างโปร่งครู่หนึ่งเพื่อสะบัดเสื้อตัวหนักวางคลุมบ่าอีกฝ่าย
"ฝ่าบาท... ไม่จำเป็น..."
"ปฏิเสธเก่งนะ เดี๋ยวนี้" ราชาตัดบท "อยู่ข้างบนสักพักก่อนก็แล้วกัน ในตัวบ้านน่าจะอุ่นกว่า" ครั้งนีเวสเทียร์พยักหน้ารับรัวเร็วไม่ปฏิเสธ หากร้องขอได้ เขาก็อยากจะจุดไฟในเตาผิงแล้วนั่งอิงอยู่ตรงนั้นสักชั่วยามเลยทีเดียว องครักษ์มองหาหมู่บ้านปลายทาง และก็พบว่ามันอยู่ห่างออกไปอีกสักอึดใจ
อึดใจในที่นี้หมายถึงอึดใจหนึ่งของเงือกวาฬ ซึ่งนานพอดู
"ฝ่าบาท... ไม่หนาวหรือขอรับ" ร่างโปร่งอุบอิบถาม เหลือบมองคนข้างกายที่ยังคงไม่รู้สึกอะไร ทั้งยังเอาตัวเองบังลมให้เขาอีกด้วย นี่มันช่างน่าอับอายในฐานะองครักษ์เหลือเกิน "กระหม่อมควรเป็นฝ่าย... ดูแลฝ่าบาท"
"ถ้าหนาวขึ้นมา เจ้าก็ทำให้อุ่นหน่อยแล้วกัน"
หืม...
เวสเทียร์เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับอย่างองครักษ์ที่ดี "ฝ่าบาทไม่โปรดใบไม้ต้มน้ำใช่ไหมขอรับ" เขากำลังพูดถึง 'น้ำชา' ที่วาร์เรนคอยจะเอามาเลี้ยงต้อนรับอยู่เรื่อย แต่ฝ่าบาทก็ไม่แตะต้องเลยแม้แต่น้อยหลังจากได้กลิ่น "เช่นนั้น จะอาบน้ำอุ่นดีไหมขอรับ ถ้าไม่ร้อนจนเกินไปคงไม่เป็นไร หรือฝ่าบาทไม่โปรดน้ำจืด..."
"ถ้าเอาน้ำทะเลมาต้ม กาก็พังกันพอดี" ไคราห์นตอบเรียบ "ตามใจเจ้า..."
เวสเทียร์เริ่มวางแผนในใจ เขาจำได้ว่าครั้งนี้แล้วเขาตักน้ำใต้ดินขึ้นมาจากบ่อกลางหมู่บ้าน และเก็บเอาไว้ด้านหลังบ้านพัก ก่อนอื่นคงต้องเอาฟืนมาสุมไฟที่ใต้เตา แล้วจึงเอากาใหญ่ใส่น้ำมาวางต้ม และอาจจะต้องรอไปอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าน้ำจะเดือด แล้วจึงเอาไปผสมกับน้ำเย็นในอ่างให้ฝ่าบาทอาบได้
ทุกอย่างสามารถทำให้บ้านได้ ดังนั้นเวสเทียร์จึงมั่นใจว่าเขาจะไม่หนาวตายเสียก่อน
ผ้าคลุมบ่าของฝ่าบาทตัดเย็บจากเส้นใยขนสัตว์ ดังนั้นมันจึงมีน้ำหนักมาก ทว่าป้องกันความหนาวเย็นได้ดีมากเช่นกัน กว่าพวกเขาจะเดินขึ้นไปถึงหมู่บ้าน เวสเทียร์ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว "กระหม่อมขอตัวไปเตรียมน้ำร้อนก่อนนะขอรับ" เมื่อเปิดประตูเข้าบ้าน องครักษ์ที่รู้งานก็้ถอดผ้าคลุมบ่าผืนใหญ่ออกพับวางบนแขนของตัวเอง แล้วหันไปมองเตาผิง
"ให้กระหม่อมจุดไฟ..."
"ไปเถอะ เราไม่ได้หนาวขนาดต้องนั่งผิงไฟ" ราชาตอบเรียบ เขาถอดเสื้อนอกออก และเริ่มปลดกระดุมที่ปลายแขนเพื่อคลายความอึดอัดจากเสื้อผ้าของพวกมนุษย์ เขามองตามแผ่นหลังของเวสเทียร์ผู้รีบออกไปเพื่อเตรียมน้ำอุ่นให้ราชา
"เจ้าคนบื้อ..." ร่างสูงหัวเราะเบา "ทีแบบนี้ล่ะบื้อ ทีตอนเราไม่ได้คิดอะไรล่ะฉลาดนัก"
ไคราห์นเดินกลับไปยังห้องนอน เขาจำความฝันตัวเองได้ และสิ่งหนึ่งที่จะทำตามแน่ๆ คือการถอดเสื้อผ้าอย่างชาญฉลาด นั่นคือการเดินไปถอดหน้ากระจก เขาปลดกระดุมแขนออกได้แล้ว เหลือเพียงแต่กระดุมบนปกคอเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเม็ดเล็กเท่านี้ อีกทั้งยังเป็นสีเดียวกับเสื้ออีกด้วย
เวสเทียร์ทำงานเร็วและเป็นระบบ เพียงแค่ฟังเสียง ไคราห์นก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ องครักษ์หนุ่มจุดไฟในเตาทำอาหาร และตักน้ำจากถังเก็บน้ำข้างบ้านมาเติมให้เต็มกาทองเหลืองขนาดใหญ่ แบ่งอีกส่วนหนึ่งเพื่อนำไปใส่อ่างไม้ในห้องอาบน้ำ และคงต้องอีกต้องรออีกสักพักใหญ่กว่าน้ำในกาจะเดือด
เหตุใดการมีชีวิตแบบมนุษย์จึงได้ลำบากยากเย็นนักหนอ
องครักษ์คนสนิทนั่งเฝ้ากาต้มน้ำ และใช้มืออังความร้อนจากเตาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเพื่อให้ตัวเองอุ่น
"เวสเทียร์"
ฝ่าบาทเปลี่ยนน้ำเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อย ทำให้องครักษ์รีบกลับเข้ามาในห้องทันทีที่ได้ยิน "ฝ่าบาท..." ราชาทะเลเหนือยังยืนอยู่หน้ากระจก และดูเหมือนว่าเขาจะมีปัญหากับกาปลดกระดุมที่คอ "ฝ่าบาทจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยหรือขอรับ" ร่างสูงพยักหน้า และเงยคางขึ้นเพื่อให้เวสเทียร์ถนัด
"เราจะอยู่ทันการเปลี่ยนสมัยนิยมไหมนะ เมื่อไหร่มนุษย์จะเลิกใส่เสื้อคอแข็งๆ นี่สักที"
องครักษ์ยิ้มขำ "กระหม่อมเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องใส่เสื้อคอแข็งแบบนี้ แต่ยอมรับว่าเสื้อผ้าของพวกเขาทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นจริงๆ" เมื่อเขาปลดกระดุมออก ราชาก็ถอนใจออกมายาวราวกับว่าเพิ่งได้หายใจเต็มปอด "บางที... พวกราอาจจะสูงใหญ่เกินมนุษย์ทั่วไปก็ได้ขอรับ จึงอึดอัดกับเสื้อผ้าของพวกเขา"
จริงอยู่ว่าฝ่าบาทไคราห์นอาจจะสูงที่สุดในเมืองบาร์ธีมอร์นี้แล้วก็เป็นได้ และกระทั่งตัวเวสเทียร์เองก็จำไม่ได้ว่าเคยพบมนุษย์ที่มีขนาดตัวเท่าๆ กันบ้างหรือเปล่า
"พูดอย่างกับว่าเราเอาเสื้อผ้าใครมาใส่ ชุดนี่เราก็ไปยืนขาแข็งให้พวกเขาวัดตัวไม่ใช่หรือไร"
"ขออภัยขอรับ" เวสเทียร์หลบมองต่ำ เขาสัมผัสได้ว่าราชาไม่พอใจ
"เราไม่ได้ดุเจ้านะ เวสเทียร์" ไคราห์นถอนใจเบา "เสียงเราดุหรือ"
องครักษ์เหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้า ก่อนจะหลบลงอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เป็นเพราะความเก้อเขินที่ถูกมอง "เปล่าขอรับ..." เขาพึมพำตอบ "ฝ่าบาท... เสียงดี"
ไม่รู้ว่านี่เป็นคำชมประเภทไหนกัน ตกลงว่าเวสเทียร์ชอบตอนเขาร้องเพลงหรือ
"เสียงดีแบบไหนกัน..."
"ก็..." เวสเทียร์ไม่ใช่คนพูดเก่งนัก เขาจึงนึกคำไม่ออก "สวยงาม ตรึงตราขอรับ" เขาเงยขึ้นมองฝ่าบาทอีกครั้งและพบว่าครั้งนี้ ราชาดูงงงวยกับคำพูดของเขาและกำลังพยายามตีความอย่างสุดความสามารถ "เอาเป็นว่า... กระหม่อมชอบขอรับ"
"หึ..." ราชาหลุดขำ "มีส่วนใดของเราบ้างที่เจ้าไม่ชอบน่ะ เวสเทียร์"
ร่างโปร่งเสมองทางอื่นและพยายามคิดคำตอบ "ม... ไม่มีขอรับ"
"เปลี่ยนคำถามจะดีกว่า" ไคราห์นเริ่มสนุก "เจ้าชอบส่วนใดของเรา ห้ามตอบว่าทุกอย่าง ให้เลือกจุดที่เจ้าชอบที่สุด" ฝ่าบาทดูจะรู้จักเวสเทียร์ดีเกินไปเสียแล้วจึงได้ดักทางคำตอบของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรู้ทัน ซึ่งนั่นทำให้องครักษ์ต้องขบริมฝีปากขณะคิดอย่างหนัก
เราไม่เคยบอกเจ้าหรือไรว่าอย่ากัดปากแบบนั้น มันช่าง...
ไคราห์นกำหมัดหลวมๆ และสูดหายใจเข้าช้าๆ เขายังรอคำฟังคำตอบ "ฝ่าบาทจะโกรธไหมขอรับ" เวสเทียร์นึกย้อนไปเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว ในวันที่เขาได้เห็นราชาทะเลเหนือเป็นครั้งแรกในชีวิต "หากกระหม่อมจะตอบตามที่คิดจริงๆ"
"ตอบตามที่คิดอีกสักหลายๆ ครั้งเถอะ"
"กระหม่อมชอบผิวของฝ่าบาท..."
ช่างเป็นคำตอบที่ยากจะเข้าใจเสียเหลือเกิน
เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบโต้ องครักษ์ก็พยายามจะอธิบาย "ม... หมายถึง... กระหม่อมพบฝ่าบาทครั้งแรกในวันสถาปนา สีผิวของฝ่าบาทเป็นสิ่งแรกที่กระหม่อมเห็นและจดจำได้ สำหรับกระหม่อมแล้วมันสวยงาม..." ร่างโปร่งกัดปากเมื่อว่ายิ่งพูดไปยิ่งดูไม่เข้าท่า "แต่กระหม่อมก็ไม่ได้ชอบแค่รูปลักษณ์ภายนอกนะขอรับ"
"เช่นนั้นแล้วชอบอะไรอีก"
ไคราห์นยิ้มจาง จริงอยู่ว่าสีผิวของเขาอาจจะแตกต่างจากคนอื่นสักหน่อย แต่โดยทั่วไปแล้วจะมองในแง่ของความหวาดกลัวเสียมากกว่าจะชื่นชม นี่จึงอาจเป็นคนแรกที่บอกว่า 'ชอบ' ผิวพรรณขาวเผือดที่สว่างราวกับแสงจันทร์ของเขา
"ฝ่าบาท... ใจดี" เวสเทียร์พยายามพูดต่อ "แล้วก็อบอุ่นมากๆ"
บรรยากาศแบบนี้ดีเกินกว่าจะขัด... แม้จะอยากดึงคนตรงหน้ามาจูบสักครั้ง แต่ก็ยังอยากฟังต่อไป
"แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่กระหม่อมชอบที่สุดก็คงจะเป็นผิวของฝ่าบาท"
เป็นคำตอบที่... จะว่าน่ารักก็คงใช่ จะว่ายั่วยวนก็คงใช่อีกเช่นกัน
"แล้วเหตุผลใดที่ทำให้เจ้าตัดสินใจร่วมประลองคัดเลือกองครักษ์ในตอนนั้น" ฝ่าบาทเสียงอ่อนลง กลายเป็นโทนที่เวสเทียร์คิดว่าชอบที่สุด "อายุแค่สิบแปดไม่ใช่รึ แต่คิดจะสู้กับพวกโตๆ แล้ว ตัวเต็งในตอนนั้นก็อายุมากกว่าเจ้าตั้งเท่าตัว"
"กระหม่อมอยากปกป้องฝ่าบาท" เวสเทียร์คิดว่าเขาตอบคำถามนี้ได้ จึงเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างแน่วแน่ "หาก... เพียงเพราะลักษณะที่สวยงามแบบนี้มันแตกต่าง จนทำให้ไม่มีใครนับถือ หรืออยากอยู่เคียงข้าง โดยไม่มองถึงความสามารถเลย... กระหม่อมก็จะอยู่เคียงข้างฝ่าบาทเอง"
"อ้อ..." ราชาอึ้งไป เช่นเดียวกับองครักษ์ที่รู้สึกได้ในภายหลังว่ามันเป็นคำปฏิญาณที่คล้ายการสาบานรัก
...ตกลงว่าเป็นรักแรกพบหรือไร
"เพราะแบบนี้... เจ้าจึงกล่าวเช่นนั้นออกมาหรือ 'กระหม่อมถวายแล้วซึ่งชีวิต ต่อฝ่าบาทไคราห์นแห่งเซลทิคเท่านั้น' นั่นเป็นคำสัตย์ที่ทรงพลังมากสำหรับเผ่าองครักษ์ที่รับใช้เรามานาน" ไคราห์นยิ้มตอบ เขาเอื้อมมือไปหมายจะลูบยาวสีเข้มของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู แต่เวสเทียร์กลับก้มหน้าหลบสายตา
"ฝ่าบาทอย่าทวนสิขอรับ!" ...เขาเขิน
"เช่นนั้นก็ทวนเองดีหรือไม่ ไหนพูดอีกทีซิ"
เมื่อครั้งที่ยังเป็นแค่ราชากับองครักษ์... ฝ่าบาทไม่ได้ขี้แกล้งแบบนี้เลย
เวสเทียร์สูดใจเข้า "เช่นนั้นกระหม่อมคงต้องขอรางวัล" เขายืดอก "วันนี้กระหม่อมยังไม่ได้ขออะไรจากฝ่าบาทเลย"
"ชักจะได้ใจนะ" ราชายิ้ม "เอาเถอะ รางวัลก็รางวัล อยากจะได้อะไรกัน... แต่คงไม่ใช่คำบอกรัก เพราะเจ้าเพิ่งจะขอไปเมื่อวานนี้" ไคราห์นลดมือลงข้างตัวดังเดิม และยิ้มมองด้วยความเอ็นดู องครักษ์ย่อเข่าลงจรดพื้น แสดงความเคารพในแบบองครักษ์ของพวกมนุษย์
"กระหม่อมถวายแล้วซึ่งชีวิต ต่อฝ่าบาทไคราห์นแห่งเซลทิคเท่านั้น"
ช่างทื่อเหลือเกิน... แต่ก็สมกับที่เป็นเวสเทียร์
"อืม วันนี้อยากได้อะไร"
"อยากให้ฝ่าบาทตอบ... ว่าชอบกระหม่อมตรงไหนขอรับ"
...ชักจะเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันจริงๆ
เวสเทียร์ยืดตัวขึ้นยืนอีกครั้ง และช้อนสายตามองราชากึ่งออดอ้อนขอคำตอบ "กระหม่อม.... ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะชอบกระหม่อม" เมื่อก่อนนั้น เวสเทียร์ไม่เคยคาดหวังว่าจะให้ฝ่าบาทไคราห์นตอบรับความรู้สึก เพราะนอกจากเขาจะไม่ใช่สตรีแล้ว ฝ่าบาทดูจะไม่สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เสียด้วย นับตั้งแต่ประกาศว่าจะไม่มีชายา แม้จะงุนงงอยู่บ้างเมื่อครั้งที่พวกเขามีความสัมพันธ์กันในครั้งแรก แต่ก็พยายามคิดว่านั่นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ชายทุกคนย่อมรู้ 'วิธีการ'
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะหน้าด้านเผชิญกับมัน...
"จึงอยากรู้ว่า... ฝ่าบาท... ชอบตรงไหน แล้วก็เมื่อไหร่ขอรับ"
"เราให้ไปนานแค่ไหนแล้ว" นิ้วยาวขาวเผือดเคลื่อนขึ้นมาแตะเครื่องประดับบนใบหู "จำได้หรือเปล่า"
เครื่องประดับหูที่ทำจากทองคำขาวเข้ากับไข่มุกราคาแพงที่สรรหามาจากทะเลใต้ แม้มันจะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอย่างที่สตรีนิยมชมชอบ แต่ความมันวาวและเกลี้ยงเกลาก็ทำให้มันสวยงามไม่แพ้ใคร
"ห้าปีขอรับ" เวสเทียร์พึมพำ "ฝ่าบาทกล่าวว่ามันเป็นรางวัลที่กระหม่อมติดต่อพวกนาร์วาลได้"
เมื่อห้าปีก่อน ฝ่าบาทไคราห์นตัดสินใจตามหาเผ่านาร์วาล เนื่องจากได้ยินมาว่าพวกเขามีความสามารถในเรื่องยาพิษต่างๆ เพื่อสรรหาอาวุธมาต่อกรกับแวมไพร์ และส่งเวสเทียร์กับหน่วยอารักขาระดับสูงออกไปถึงขั้วโลกเพื่อการนี้
"หากกล่าวว่ามันแทนคำสัตย์สัญญาที่จะครองคู่กับเจ้าเพียงคนเดียว... เจ้าจะรับหรือไร"
"ฝ่าบาท!" หน้าเวสเทียร์ขึ้นสีเรื่ออย่างรวดเร็ว เจ้าตัวอ้าปากพะงาบราวกับอยากโต้แย้ง
"เวลาจะตกรางวัลองครักษ์ เขาต้องให้อาวุธกันต่างหาก เหตุใดจึงคิดไม่ทันเสียได้" ราชาหัวเราะในลำคอ "ก็เพราะเจ้าไม่ตอบรับอะไรเลย เราจึงไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้มากความ ประเดี๋ยวราชาจะหน้าแตก แล้วเวลาต่อมาเจ้าก็ยังนอนกับเรา เราจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีเหมือนกัน"
เวสเทียร์หยุดคิดทบทวน และเขาก็ยอมรับว่าตนไม่เคยคิดเลยว่าเครื่องประดับชิ้นนี้จะมีความหมายแบบนั้น แต่ด้วยความยินดีที่ได้รับรางวัลจึงได้สวมใส่ติดกาย "แต่... แต่ว่า... นั่นก็ไม่ตรงคำถามกระหม่อมอยู่ดี" ร่างโปร่งบ่ายเบี่ยง "กระหม่อม..."
...จะให้ชมองครักษ์ระดับผู้นำเผ่าว่า 'น่ารัก' ก็คงฟังดูขนลุกไม่น้อย
แต่ไคราห์นไม่รู้ว่าควรจะใช้คำใดอธิบายความรู้สึกในตอนนี้
"นั่นคือ 'เมื่อไหร่' เวสเทียร์..." ร่างสูงพูดต่อด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย "ส่วน 'ตรงไหน' จะให้เราพูดดีหรือว่าทำอย่างอื่นดี" อันที่จริงเขาควรจะพูดเรื่อง 'นามธรรม' เสียก่อน แล้วจึงค่อยพูดเรื่อง 'รูปธรรม' จึงจะลงตัวที่สุด ทว่าในตอนนี้ราชาอยากจะมองข้ามความ 'นามธรรม' นั่นไปเสียเหลือเกิน
รู้สึก 'ผิดบาป' แบบมนุษย์อย่างไรก็ไม่รู้...
"เรายอมรับว่าไม่เคยมองเจ้าหรอกนะ... เพราะคิดว่าเจ้าก็เหมือนกับคนอื่นๆ" ความรู้สึกที่เวสเทียร์ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้เขาต้องหันมองราชาอย่างไม่แน่ใจ "ไม่เคยคิดว่าจะมีใครรักหรือภักดีกับเราแบบที่เจ้า กระทั่งคำสัตย์ของเจ้า... เราเพียงแค่จำได้ แต่ไม่เคยเชื่อมั่นเลย เพราะมันเป็นเพียงหน้าที่..."
เวสเทียร์อาจจะน้อยใจกับความจริง ราชาหนุ่มจึงเอื้อมมือไปจับปอยผมทัดหูให้เพื่อจะมองเครื่องประดับชิ้นนั้นให้ชัดตาอีกสักครั้ง "หากครั้งแรกของเจ้า... คือการถอนสายตาจากเราไม่ได้ ครั้งแรกของเราก็คงเป็นสัมผัสที่ทำให้ลืมไม่ลง"
เขามองเวสเทียร์ครั้งแรกในวันนั้น... วันที่ทั้งคู่แตะต้องตัวกันเป็นครั้งแรก นำมาซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในวันนี้
"มันอบอุ่น อ่อนหวาน และทำให้เราสบายใจอย่างประหลาด ต่อให้ห้าปีหลังจากนั้นจะเป็นความหวานที่ดูจะขมอยู่สักหน่อยก็ตาม" เขาเคลื่อนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายและแนบหน้าผากเข้าหา "...เจ้าแค่เป็นคนที่เราจะเสียไปไม่ได้ เวสเทียร์"
คนฟังรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนไปถึงหู จึงยอมหลับตาและอิงแอบด้วยแต่โดยดี
ฝ่าบาทหนอ... ฝ่าบาท
เวสเทียร์เงยหน้าขึ้น และเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากจูบคนตรงหน้า ราชาจูบตอบแผ่วเบา ก่อนกระซิบถาม "นี่รางวัลของเราหรือ"
คนฟังงับริมฝีปากหยอก ก่อนจะจูบซ้ำครั้งหนึ่ง "ใครจะกล้าตกรางวัลฝ่าบาทขอรับ"
"ถวายมาเถอะ..."
คนฟังสูดใจเข้า คลอเคลียริมฝีปากกับเขาอยู่อย่างนั้นสักพักราวกับกำลังชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ก่อนจะแนบริมฝีปากจูบ และเริ่มปลดกระดุมคอเสื้อของตัวเองออกด้วยมือเดียว
เหตุใดเวสเทียร์จึงถอดได้ แต่เขาทำไม่ได้เล่า!
เมื่อหายใจสะดวกขึ้น ร่างโปร่งก็กลับไปช่วยฝ่าบาท เขาแหวกสาบเสื้อออก เผยผิวกายขาวซีดทว่าแน่นไปด้วยมัดกล้าม ดึงเข็มขัดหนังออกอย่างรวดเร็ว โดยยังไม่ละริมฝีปากจากไป ปล่อยให้มือหยาบหนาเคลื่อนขึ้นมาประคองพวงแก้มเย็นและบดเบียดจูบซ้ำไปมาอย่างมัวเมา
กางเกงผ้าเนื้อดีร่วงหล่นลงไปกองที่พื้น แต่ยังไม่ทันที่เวสเทียร์จะถอดเสื้อตนเอง ฝ่าบาทก็รั้งปลายนิ้วผ่านสาบเสื้อจนกระดุมทั้งแถวร่วงกระจาย ก่อนแนบมือสัมผัสกับแผ่นอกเย็นเยียบ
...เป็นคนใจร้อนจริงๆ เสียด้วย
กางเกงถอดง่ายกว่าเสื้อหลายเท่า พริบตา ร่างโปร่งก็ถูกดันลงกับฟูกเตียงนอน ตามด้วยกายสูงใหญ่ของราชาแห่งเซลทิค "เหตุใดเจ้าถึงได้ 'รู้งาน' นับแต่ครั้งแรกกัน" ไคราห์นหัวเราะในลำคอ เขาเท้าแขนลงเหนือร่างอีกฝ่าย เหลือบมองท่อนขาเรียวแข็งที่ขยับเปิดทางให้ด้วยหางตา
ราชาไม่ได้ตั้งการคำตอบ เขาบดจูบอีกครั้ง ใช้ลิ้นร้อนพัวพันดึงความสนใจ ระหว่างเคลื่อนมือลงไปสัมผัสเบื้องล่าง เวสเทียร์สะดุ้ง และเหมือนทุกครั้งที่พวกเขาทำเช่นนี้ อีกฝ่ายเพียงหายใจถี่รัว ทว่าไม่หลุดเสียงใดๆ ออกมา
ไคราห์นไม่เคยสนใจ 'เสียง' นั้น ทว่าเมื่อได้ยินสักครั้ง เขาก็นึกติดใจ
เขาเคลื่อนริมฝีปากไปจูบที่ปลายคาง วนกลับไปที่สันกราม และซอกคออุ่นร้อน ขณะที่มืออีกข้างกอบกุมกลางกายเอาไว้ เวสเทียร์รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจูบลงบนอก เขาสูดใจลึกขณะบิดกายรับสัมผัสหวามไหว รู้สึกได้ว่ามันเคลื่อนต่ำลงไปทุกที
"ฝ...ฝ่าบาท..."
องครักษ์หนุ่มสั่นสะท้าน เมื่อริมฝีปากร้อนครอบครองส่วนอ่อนไหว "อือ...!" เวสเทียร์แทบจะผุดขึ้นนั่ง แต่สัมผัสปลุกปั่นก็ผลักให้เขาแอ่นกายเหยียดอย่างสุขสม "ฝ่าบาท... อย่าทำแบบนั้น..." ยิ่งปราม คนถูกห้ามยิ่งดูดดึง ดื้อดัน กระหวัดปลายลิ้นร้อนให้ร่างรองหลุดเสียงคราง
ร่างโปร่งกดกลั้นอารมณ์จนปลายเล็บจิกอุ้งมือเป็นแผล เขาถอนใจเมื่อฝ่าบาทยอมล่าถอย และเผยอริมฝีปากรับจูบอันดุดันที่บดเบียดลงมารุนแรงราวกับลงโทษ "ดื้อจริง..."
เวสเทียร์ยอมให้ฝ่าบาทดุ ดีกว่าจะปลดปล่อยออกมาทั้งอย่างนี้
"หรือมันไม่สมใจเจ้าหรือไร"
"อา...!" ปลายนิ้วที่เปียกชุ่มด้วยน้ำลายกดแทรกเข้ามาในร่างโดยไม่ปล่อยให้ตั้งตัว ช่องทางแน่นหดเกร็งด้วยตกใจ ทว่าพยายามผ่อนคลายอย่างรู้งาน มืออีกข้างของฝ่าบาทเอื้อมขึ้นมาคลายหมัดของคนตรงหน้า และประสานนิ้ววางเอาไว้เหนือหัว เวสเทียร์เสหน้าหนีขณะกัดฟันแน่น ขยับขาอ้าออกเพื่อผ่อนคลายตัวเองอีกสักนิดก็ยังดี
ปลายนิ้วลากผ่านและเน้นย้ำจุดกระสัน ทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งสั่นด้วยความหวามไหว "ฝ่าบาท..." เวสเทียร์เสียงพร่า เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังกลั่นแกล้ง แสดงถึงความไม่พอใจในตัวเขา
"ฝ่าบาท..." เวสเทียร์ทอดเสียง เผยอตาขึ้นมองร่างเบื้องบนที่จับจ้องเขาด้วยอารมณ์ปรารถนา
"เรียกชื่อเราบ้างสิ"
อา... ช่างยากเหลือเกิน
เวสเทียร์ส่ายหัว แล้วก็ต้องสะดุ้งเกร็งเมื่อนิ้วที่กดแทรกอยู่ภายในขยับงอขึ้นอย่างรู้จังหวะดี "อ...อา...!" องครักษ์หนุ่มเบิกตาโพลง เผลอบีบมือของฝ่าบาทที่กอบกุมประสานเอาไว้ "ฝ่าบาท.... กระหม่อม..."
"แค่เรียกชื่อเอง..."
น้ำเสียงนั่นสั่นพร่าไม่ต่างจากเขา แต่เวสเทียร์เชื่อว่าราชามีความอดทนมากพอ และหากเขายังดื้อดึงต่อไป อาจจะต้องพูดอะไรที่น่าอายกว่านี้ออกมาแน่นอน
"ค... ไคราห์น..." ร่างโปร่งกัดริมฝีปากตนเอง "ได้โปรด..."
ปลายนิ้วอุ่นถูกถอดถอน และครู่เดียวหลังจากนั้น ร่างเบื้องบนก็กดกายของตนเข้าไปแทนที่ แม้เพียงแค่ส่วนปลาย ร่างรองรับก็เกือบจะถึงจุด "อะ...!" ดวงตาสีเข้มเบิกโพลง เขาคว้าท่อนแขนกำยำเอาไว้ ทว่ามือใหญ่กลับดึงรั้งขึ้นไปเหนือหัว ในจังหวะที่สะโพกแกร่งบดเบียดเข้ามาจนเกือบสุด
เวสเทียร์ได้รสเลือดจากริมฝีปาก เสียงหอบไม่เป็นจังหวะสะท้อนก้องไปทั่ว
ราชาหนุ่มกระซิบ "ถ้ารู้สึกดีก็ร้องออกมา เวสเทียร์"
"อื้อ!" เมื่อร่างสูงเริ่มขยับ เสียดสีร่างกายกับช่องทางทีละน้อย ในหัวของเวสเทียร์ก็แทบจะขาวโพลน ร่างสูงโปร่งสั่นคลอนไปตามจังหวะรุกราน ผสานกับเสียงหอบครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างสุดระงับ ฝ่าบาทยังจับมือทั้งสองของเขาเอาไว้ ขณะเร่งจังหวะให้โหมขึ้นด้วยไฟราคะ
"อ...อา!" เวสเทียร์หลับตา พยายามแยกขาของตนออกเพื่อตอบสนอง แต่ความแสบร้อนจากการเสียดสีก็บดขยี้ความปรารถนาอย่างรุนแรง เขาบีบมืออีกฝ่ายแน่น ขณะเกร็งร่างรัดส่วนสัดแข็งขืน เพื่อจะปลดปล่อยความปรารถนาออกมาเมื่ออารมณ์ถูกผลักดันไปจนถึงจุดสูงสุด
ของเหลวอุ่นร้อนเปรอะเปื้อนไปถึงเรือนกายสูงตระหง่าน ทว่าผู้รุกรานยังไม่สาแก่ใจ เขาละมือไปจับยึดเรียวขาเอาไว้และรุกล้ำเข้ามาอย่างไม่ขาดตอน
"อื้อ...!"
เวสเทียร์เอื้อมมือไปยึดราวเหล็กบนหัวเตียง ปรือตามองท่อนขาที่ถูกดันขึ้นมาจนเข่าแทบจะชิดอก เขารู้ดีว่าฝ่าบาทรุนแรง แต่ยิ่งที่เขาหลุดเสียยง อีกฝ่ายก็ยิ่งทวีน้ำหนักมือ ราวกับว่ามันยิ่งกระตุ้นความต้องการอันดุดันเหล่านั้นขึ้นมา
เมื่อราชาถึงที่สุดของอารมณ์ เวสเทียร์ก็แทบจะหมดสติด้วยความเหนื่อยอ่อน
แต่เป็นถึงองครักษ์ระดับนี้ จะให้เขาสลบตั้งแต่รอบแรกอย่างนั้นหรือ
ด้วยความเคยชิน ร่างโปร่งพยายามจะขยับถอน แต่ฝ่าบาทก็ยึดร่างของเขาเอาไว้พร้อมกับกดกายย้ำเข้ามาให้แน่ใจว่าพวกเขาจะยังไม่แยกจากกัน "ทำไมถึงได้ดื้อทุกเรื่องแบบนี้น่ะ" เสียงทุ้มแหบพร่าเอ็ดปนเสียงหอบ ก่อนจะก้มลงจูบปลอบที่ขมับชื้นเหงื่อ "อยู่แบบนี้สักพักนั่นล่ะ"
ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกัน...
องครักษ์บ่นอยู่ในใจ เขาคุ้นเคยกับอีกฝ่ายดี แต่ก็มีไม่อยครั้งที่ราชาจะดุดันขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ แต่จะว่าไปแล้ว ฝ่าบาทไคราห์นก็แทบจะไม่รุนแรงจนเกินควรเลยด้วยซ้ำ อีกฝ่ายใช้พละกำลังทำให้มันเร่าร้อนยิ่งขึ้นมากกว่า
ทว่าครั้งนี้เขารู้ดีว่าตน 'ถูกแกล้ง' แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นคนขี้แกล้งเช่นนี้ได้
เวสเทียร์ เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอช้าๆ "กระหม่อมควรจะไปดูกาต้มน้ำ"
"ยังไม่เดือดหรอก เดี๋ยวเราจัดการเอง" เพียงแค่ได้ยินว่าราชาจะ 'ทำงานบ้าน' เวสเทียร์ก็อยากลุกออกไปให้รู้แล้วรู้รอด "ถ้าเจ้าดื้อนัก... ทำให้เดินไม่ได้เสียเลยดีไหม"
"ฝ่าบาท...." เวสเทียร์ปรามเสียงอ่อน แต่สิ่งที่รู้สึกต่อมาก็คือความแข็งแกร่งที่ยังฝังอยู่ในร่างที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป "ฝ่าบาท กระหม่อมจะต้องช่วยฝ่าบาทอาบน้ำ" หากอีกฝ่ายลงมือแบบนี้อีกสักครั้ง เวสเทียร์คิดว่าเขาคงจะลุกไม่ขึ้นไปสักพักใหญ่ๆ
ต่อให้ราชาทะเลเหนือจะเยียวยาอาการบาดเจ็บได้ก็เถอะ!
"น้ำนั่น เจ้าจะเป็นคนอาบต่างหาก..." ราชาช้อนแขนแกร่งเข้าใต้เอวได้รูป และช้อนร่างโปร่งขึ้นมาโดยยังไม่แยกจากกัน "อีกสักรอบคงได้เวลาน้ำเดือดพอดี"
น้ำหนักตัวกดร่างโปร่งลงบนกายอีกฝ่าย เวสเทียร์ขบริมฝีปากตัวเองเมื่อการสอดแทรกเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ราชาหนุ่มแนบริมฝีปากจูบปลอบ ประคองสะโพกสอบไว้เหนือร่าง ขณะขยับขยายช่องทางให้พร้อมอีกครา "โทษฐานที่กัดปากตัวเองแบบนั้น" คนพูดจูบอ่อนหวาน และยิ้มบางอย่างพอใจเมื่อคนตรงหน้าครางชิดริมฝีปากตน "ถ้ารู้สึกดีก็ร้องออกมา..."
"อา...!"
แขนเรียวเกี่ยวกอดผู้รุกราน เวสเทียร์ไม่มีแรงพอจะยกร่างขยับได้อย่างเคย แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคเลยสักนิด "แค่แสดงออกอย่างที่เจ้ารู้สึกก็พอ เวสเทียร์" คนฟังกลืนน้ำลาย และหลับตาลงอย่างไม่อาจต่อต้าน
แต่ต่อให้เขาสามารถเลือก... เวสเทียร์ก็รู้ดีว่าเขาไม่มีวันปฏิเสธฝ่าบาทไคราห์น
--------------------------------------------------
คิดว่าหมดแล้วมั้ง ตอนพิเศษ (รวมเล่มชักจะหนา 370 หน้าแล้วเนี่ย ฮาาา)
โอย เหนื่อยยย ฉากเรทแบบเรทจังๆ นี่มัน... ดูดพลังงานยิ่งนัก... 55555555
จริงๆ พาร์ทหลังนี้มีชอตน่ารักหลายชอตมากกกก
จนแบบ... นี่มันจะฟิลรวนไปรึเปล่า ทั้งหวาน ทั้งหื่น---
ฝ่าบาทก็มีมุมตลก ตอนอยากจะขย้ำเขาให้เขารู้แล้วรู้รอดเพราะเขาน่ารัก แต่ก็ต้องอดเอาไว้เพราะเขาน่ารักเกินไปปป ไหนจะความหลอก(?)ใช้หน้าด้านๆ ให้เขาไปต้มน้ำให้ตัวเองอาบ แต่จริงๆ คือจะเอาไว้อาบเขานั่นแหละ (ทำไมการต้มน้ำมันยาวนานนัก หรืออิพวกนี้มันทำเร็ว---)