กระโดดเกาะแขนเกาะขาสามรีบน หมับ!หมับ! กลับม๊า กลับมาอ่านตอนจบกันก๊อนนนนน(โบกมือหยอยๆ)
ปี้ปี้ปี้~PalmY--มามะมาอ่านเดี๋ยวรู้ OumRuk--เกือบลืมเหมือนกันแน่ะ gboy--โว้ว โศร้วเศร้าอะไรกันคะ อิอิ
ขอบคุณหลายๆนะคะสำหรับกำลังใจ ปลาบปลื้มที่สุดเลย เดี๋ยวจะแถมตอนพิเศษให้ซัก 38 ตอน (สามารถเรอะ : ไม่ แหะๆ)
ต่อ
เช้าวันใหม่ ที่อากาศดีๆแบบนี้ เราก็ไม่อยากจะลุกขึ้นไปไหนซะด้วยสิ ส่วนคนข้างๆที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนนี่ ก็คงตื่นเหมือนกัน คนหลับที่ไหนจะเกร็งขนาดนี้ เราก็เลย กอดให้แน่นๆขึ้น เริ่มมันเขี้ยว ขอหอมหน่อยแล้วกัน
ว่าแล้วก็เริ่มสูดดมความหอมที่เราชอบเป็นการส่วนตัว จากผมเส้นเล็กๆแต่หนานุ่ม ขมับ ไล่มายังแก้มทั้งสอง เปลือกตา จมูกเล็กนี่ล่ะ ทั้งหมดตรงหน้าเรา ไม่ว่าครั้งใดก็ทำให้เราใจสั่นได้ทุกครั้งสิน่า ริมฝีปากนี่ก็...
“พอ”
ขัดใจ!
เรายังไม่เต็มอิ่มเลย แต่คนข้างล่างนี่สิกลับเบือนหน้าหนี แต่ก็แค่นั้น เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะจับหน้าให้หันกลับมาตำแหน่งเดิม อืม แต่ลูกกะตานี่สิเราจะทำยังไง ไม่กล้าจิ้มให้กลิ้งมามองเราซะด้วย ก็หน้าหันมาทางเรา แต่ตาเบี่ยงไปนอกหน้าต่างซะอย่างนั้น ตาก็เริ่มแดงๆ อีกแล้ว....
แต่เราคิดว่าอะไรๆในวันนี้ คงจะดีกว่าเมื่อวานแน่ เราเชื่อเสมอว่าหากได้หลับแล้วตื่นขึ้นมาในวันใหม่ ปัญหาทุกอย่างจะต้องหายไป เพราะวันนี้ย่อมดีกว่าเมื่อวาน
“ใจเย็นขึ้นแล้วยัง หืม”
เราถามและมองคนตรงหน้า ที่ยังคงนอนนิ่งๆอยู่อย่างนั้น เราใช้มือลูบหัวเบาๆ เหมือนที่ทำประจำ
“เค้าไม่มีเหตุผลล่ะสิ”
คนพูด พูดทั้งที่ยังไม่หันมามองหน้าเรา
“ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำ”
“ก็คงเบื่อจะพูดแล้วมั้ง”
“หึหึ”
โอ๊ย ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก เล่นหยิกมาซะเต็มแรง จะเอาคืนให้คุ้มเลย ชดเชยเมื่อคืนด้วย
“อย่าเล่นอะไรบ้าๆนะ ไอ้นี่ ปล่อย”
“ก็เห็นออกจะชอบไอ้อะไรบ้าๆเนี่ย”
เพี๊ยะ!
เสียงเราโดนทำร้ายร่างกาย แฟนเราชอบความรุนแรง
“นี่หลายทีแล้วนะ”
เอะอะทุบ เอะอะตี
“ฮืก ตัวก็ดีแต่แกล้ง แล้วก็จบลงแบบเดิมๆ”
เสียงที่ตัดพ้อของคนที่อยู่ใต้ร่าง ทำให้เราได้สติ และเริ่มคิดได้ว่าถึงเวลาที่ต้องพูดกันจริงๆจังๆ แล้ว
“ไม่ได้แกล้ง ไม่ได้รังแกนะ”
เราพูดด้วยเสียงจริงจัง เพื่อให้คนขี้ใจน้อยยอมฟัง
“ที่จะพูดเมื่อคืนอ่ะ คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆหรือ”
“เค้าให้โอกาสแอมป์พูดคำนั้นได้แค่ครั้งเดียวนะชีวิตนี้ จำได้ใช่มั้ย”
“งั้นถ้าเค้าไม่พูด แต่ไปเลยล่ะ”
คนถามหันมาสบตาเรา พร้อมกับถามเราแทนคำตอบ
“เค้าจะมีสิทธิ์ทำอะไรล่ะ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่แอมป์พอใจจะทำ ก็แค่อยากให้รู้ว่ามันคงทำให้เค้า...เจ็บ...มากด้วย…...”
เราพูดพร้อมกับมองลึกเข้าไปในดวงตา ที่กำลังมองเรากลับมาเช่นกัน อาจจะมีน้ำตาเอ่อ แต่เราว่าน้ำตาวันนี้ คงไม่ใช่น้ำตาจากความเสียใจ
“เค้า ก็ เหมือน กัน”
วงแขนที่กอดกระชับเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันคำพูดอีกทางหนึ่ง
สุดท้ายต้นตอของเรื่องก็มาจากการที่เจ้าตัวเห็นเรานั่งทานข้าวอยู่กับน้องคนหนึ่ง สองต่อสองเขาว่าอย่างนั้น และดูเหมือนเราจะสนใจในตัวน้องคนนั้น ทั้งดูแล เทคแคร์ ตักกับข้าวให้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริงผิดปกติ แล้วก็คิดเรื่องราวเองเสร็จสรรพ
“น้องฝึกงาน เค้าไม่เคยมาแถวนี้ และก็ไม่รู้จักใคร”
“แล้วทำไมต้องไปกันสองต่อสอง”
“ก็ไม่แปลกนี่ ผู้ชายด้วยกัน คิดอะไรมากมาย พี่เลี้ยงน้องมันไม่อยู่ เลยฝากเค้าพาไปกินข้าว”
“ได้โอกาสเลยนะ หน้างี้บานเท่ากะละมัง” เราแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่กับคำเปรียบเทียบนั้น
“จะให้แยกเขี้ยวใส่น้องมันรึไงเล่า”
“มีตักข้ง ตักข้าวให้กันด้วย” เจ้าตัวยืนยันในสิ่งที่เห็นหนักแน่น
“น้องมันไม่กล้ากินก็เลยตักให้ จะได้รีบๆกิน รีบๆไปทำงาน “
“...”
“คราวหลังมีอะไรแอมป์ถามเค้าก่อนดิ จะได้ไม่ต้องคิดมากไปเอง”
“...”
“ก็..”
คนขี้สงสัยได้แต่ทำเสียงอึกอัก ไม่กล้าพูด
“ก็?”
เราจึงย้ำกลับเป็นเชิงถาม เพราะจะว่าไปไม่บ่อยนักหรอก ที่พลังทำลายล้างของแอมป์จะมาจากอาการหึง สาเหตุนี้เป็นสาเหตุท้ายๆด้วยซ้ำไป ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราจำสารพัดวันของแอมป์ไม่ได้
“ก็เค้าคิดว่าตัวคงจะเบื่อเค้าแล้ว”
“ทำไมเค้าถึงจะเบื่อแอมป์ล่ะ”
“เค้าแก่แล้ว”
“ใกล้ยี่สิบห้านี่ยังไม่แก่หรอกนะแอมป์”
“เค้าอ้วนขึ้นแล้วด้วยตัวคงอยากมีเด็กเอ๊าะๆ มาอยู่ด้วยมากกว่า”
“จากสี่สิบเก้าขึ้นห้าสิบสี่ไม่อ้วนหรอกน่า เค้าไหว อย่าดูถูกกันสิ”
เพี๊ยะ!!
อีกแล้ว
“แอมป์ตีเค้าทำไหม๊.
“ตัวคิดอะไรอยู่ล่ะ ทะลึ่ง”
“แค่คิดว่าเค้าจะเลี้ยงแอมป์ให้อ้วนกว่านี้ยังได้เลย แล้วเค้าทะลึ่งตรงไหนเนี่ย”
“ตกลงหายงอนแล้วนะ”
“ใครงอน”
“ใครก็ไม่รู้ถึงขนาดจะหอบเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านไปเลย”
“จะอยู่ทำไมก็คนเค้าไม่ต้องการ”
“คิดจะไปจริงๆหรือไง”
“แอมป์ไปได้จริงๆนะ ถ้าพีไม่ต้องการแอมป์แล้ว แอมป์อยากให้พีมีความสุข แอมป์รู้ว่าแอมป์ไม่ได้เรื่องสักอย่าง วันหนึ่งพีอาจจะเบื่อแอมป์ขึ้นมาก็ได้ ทั้งขี้งอน เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ทำกับข้าวก็ไม่เป็น ซักผ้าก็ไม่ได้ แอมป์กลัวว่าพีต้องทนอยู่กับแอมป์”
“ขี้หึงด้วย”
“ใช่มั้ยล่ะ”
“แต่แอมป์ล้างจานได้นี่ สะอาดด้วยนะ เพราะพีไม่ชอบล้างจาน”
“แค่นี้มันจะพอหรือพี” เรารู้ว่าคำถามไม่ได้หมายถึงเรื่องล้างจาน
“สำหรับคนอื่นพีไม่รู้ แต่สำหรับพี พอแล้ว พอตั้งแต่เป็นแอมป์แล้ว”
“เค้าขอโทษนะที่ไม่มีเหตุผล งี่เง่า เค้ารู้ตัวเอง แต่เค้าก็ควบคุมมันไม่ได้ ถ้าทำได้เค้าก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก เค้ากลัวว่าสักวันพีจะทนไม่ได้จริงๆ แล้วเค้าจะทำยังไง เค้าอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีพี”
“เค้าไม่เคยต้องทนนะแอมป์ อย่าถามเลย เค้าก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม ถ้าคำว่ารักมันไม่เพียงพอ เค้าก็ไม่รู้จะต้องใช้คำไหน เพื่ออธิบายให้แอมป์เข้าใจได้ดีไปกว่านี้”
“ขอบคุณนะพี……………ขอบคุณที่รักแอมป์นะ”
“รักมากครับ” เรากระชับอ้อมกอดเพื่อช่วยยืนยันอีกทางหนึ่ง
“เค้าก็รักพี...........มากด้วย” คนบอกรักก็ทำสิ่งเดียวกันเพื่อช่วยเรายืนยัน
เราถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้กัน ด้วยอ้อมกอด สายตา การกระทำ และทุกๆ สัมผัส เท่าที่ทำได้ หากมันจะสามารถอธิบายคำว่ารักแทนคำพูดของเราได้มากขึ้น
และพรุ่งนี้สำหรับเรากับแอมป์จะทะเลาะกันอีกหรือไม่ หรือมีปัญหาอะไรเข้ามา เราก็ไม่รู้ แต่แค่การที่เรากับแอมป์ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ เราก็พอใจแล้ว
เพราะถึงแอมป์จะไม่ใช่คนที่ดีที่สุด........................แต่แอมป์ก็เป็นคนที่เรารักที่สุด
และจะรักตลอดไป..................
จบ
131313131313131313131313
จบแล้วจ้า อิค อิคิ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(
ดิท) ตอบเม้นท์ข้างล่าง ^^
ปี้ปี้ปี้~PalmY ดีใจที่ลัลล้านะจ๊ะ อิคิ
namtaan สั้นจริงๆด้วย คิดไปก็กล้าลงเนอะ ฮร่า (บังเกิดความอายฉับพลัน) เห็นใน เวิร์ดมันยาวๆ คิคิ
[N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่จริงเค้าจะให้หวานแหววกว่านี้ แต่กลั่นความหวานไม่พอ คึคึ
The Living Rive (กริ๊ส) เค้าอยากสรุปแบบนี้แหละ แต่คิดไม่ได้ งิงิ
Forever_ever รออ่านด้วยนะจ๊ะ เรื่องนี้แต่งเกือบครึ่งปีแน่ะ(จริงๆนะ) อายจัง ถ้ามีเรื่องหน้าก็..
ขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ รู้สึกดีจัง ^^