ตอนที่2
ถึงแม้จะไม่มีเวลาให้คิดมากนักแต่ด้วยการมองแค่ปราดเดียวเสวี่ยหมิงก็จดจำรูปลักษณ์ของคนแปลกหน้าได้ขึ้นใจ คนผู้นี้อายุน่าจะราวๆสามสิบต้นๆ คิ้วหน้าเป็นปื้น จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมกล้า ริมฝีปากหยักหนา อีกทั้งยังกำยำล่ำสันมากกว่าคนทั่วไป มองดูโดยรวมแล้วช่างเต็มไปด้วยความดิบเถื่อน บอกได้ว่าเป็นชายงามที่น่าชื่นชมคนหนึ่ง
“พี่ชายท่านเป็นโจรหรอกรึ ขอบอกท่านซักหน่อยที่นี่คือจวนของตระกูลเสวี่ยสำนักคุ้มภัยอันเลื่องชื่อ พี่ชายไม่สามารถหนีพ้นจากการตามล่าได้หรอก”
เสวี่ยหมิงเริ่มต้นเกลี่ยกล่อมโดยหวังว่าโจรผู้นี้จะล้มเลิกความตั้งใจไปเอง ทว่าเจ้าโจรกลับหัวเราะฮาฮาคล้ายกับคนที่ได้รับฟังเรื่องเหลวไหลและน่าขัน
“ไอ้หนู ดูจากรูปกระดูกกลับหัวกลมๆทุยๆนั้นแล้วช่างเต็มไปด้วยคุณสมบัติที่ดียิ่ง แต่ว่ามีตาหามีแววไม่ สมองเจ้าช่างมีน้อยอย่างน่าอนาจใจเจ้าจำแนกไม่ออกรึว่าเราอายุเท่าไหร่ เหตุใดเจ้าจึงเรียกขานเราเป็นพี่ชายไม่เรียกผู้อาวุโสล่ะ”
ได้ฟังโจรกล่าวเช่นนั้นเสวี่ยหมิงก็ขบคิดจนสมองพองโต นี่เขาถูกโจรล้อเล่นด้วยกระนั้นหรือ ไม่ว่าดูยังไงอายุอานามของโจรผู้นี้ย่อมไม่เกินสามสิบต้นๆแน่ๆ เหตุใดจึงต้องการให้เขาเรียกขานเป็นผู้อาวุโสกัน
“เหตุใดท่านถึงอยากให้ข้าเรียกเป็นผู้อาวุโสท่านใช่หยอกเย้าข้าเล่นหรือไม่”
เป็นอีกครั้งที่โจรหัวเราะฮาฮา สำหรับมันมีไม่น้อยที่ผู้คนเข้าใจอายุของมันผิด โดยเฉพาะผู้ที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของมันย่อมเข้าใจผิดไปเช่นนี้ทุกคนไป
“ปีนี้เราอายุได้หกสิบปี เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า”
เสวี่ยหมิงตาโตทันใด แต่ใช่ว่าจะแปลกประหลาดไม่เคยได้ยิน ในหมู่นักบู๊ของตระกูลเสวี่ยมักเล่าถึงชาวยุทธฝีมือล้ำเลิศที่ไม่แก่และมีอายุยืนยาวออยู่บ่อยครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นท่านผู้อาวุโสข้าขอยืนยันคำเดิม ท่านไปเสียก่อนที่คนในตระกูลเสวี่ยจะรู้ตัวเถอะ”
เสวี่ยหมิงทำใจดีสู้เสือ ใช้วาจาเข้าขมขู่หวังว่าโจรผู้นี่จะหวาดกลัวล้มเลิกแผนการแล้วหนีไปโดยง่าย
“อันที่จริงเรามากบดานรักษาตัวอยู่นี่เป็นเดือนแล้ว”
โจรอาวุโสกล่าวเสียงเรียบเรื่อย หากแต่เสวี่ยหมิงกลับแทบไม่อยากเชื่อว่าจวนตระกูลเสวี่ยจะหละหลวมถึงขนาดปล่อยให้คนร้ายเข้ามากบดานได้นานถึงเพียงนี้ ทว่าคิดดูให้ดีดี หมู่นี้ทั้งอาหารและยามักจะหายไปอย่างไร้ล่องลอย กระนั้นเพราะของที่หายไปเป็นจำนวนไม่มากผู้คนจึงไม่สังเกต ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงนึกถึงอาหารจัดงานเลี้ยงของคุณหนูถิง
“ผู้อาวุโสนี่เองที่ขโมยอาหารเลี้ยงของคุณหนู”
“โฮ่ พึ่งรู้รึ” ตอนนี้เองที่โจรอาวุโสระเบิดเสียงหัวเราะ เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจว่ามันน่าขำตรงไหน
“เจ้าโชคดีนะที่นางมารน้อยนั่นไม่อาละวาดใส่ หนึ่งเดือนมานี้ที่ข้าจับตามองเจ้า คิดยังไงก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงทนให้นางมารน้อยนั่นข่มเหงได้ถึงเพียงนี้”
“ไม่ใช่เรื่องของท่าน” เสวี่ยหมิงชักโกรธขึ้นมานิดหน่อยแล้วเมื่อโจรอาวุโสเฉียดใกล้เข้ามาในบริเวณที่เขาไม่ต้องการให้ใครล่วงล้ำ
“ฮิฮิ ข้าเดาว่าเจ้าหลงใหลในความงามของนางมารน้อยนั่นเข้าล่ะสิ”
โจรอาวุโสทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ชวนให้น่าโมโหยิ่งนัก หากไม่คิดว่าถูกสกัดจุดเอาไว้ เขาเองก็อยากจะลองสู้ตายดูซักตั้ง
“นี่ เจ้าไม่รู้สึกบ้างหรือว่าคนในจวนนี้ไม่ยุติธรรมต่อเจ้า ไม่สงสัยบ้างหรือทำไมเขาไม่ยอมให้เจ้าฝึกวรยุทธ”
เสวี่ยหมิงกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าโจรอาวุโสผู้นี้ ติดตามสืบเรื่องราวของเขาไปถึงขั้นไหน นี่ถึงกับรู้ประวัติส่วนตัวของเขาเสียอีก ช่างบัดซบนัก
“ท่านดู ร่างกายของข้าอ่อนแอ ตัวข้าเล็กกว่าผู้ชายในรุ่นเดียวกันนัก หากท่านคิดโดยตริตรองให้ดี ท่านจะเข้าใจว่านายท่านและนายหญิงหวังดีต่อข้า”
โจรอาวุโสแค่นหัวเราะดังเฮอะ สีหน้าท่าทางดูไม่เห็นด้วย สำหรับมันต่อให้เสวี่ยหมิงเป็นคนพิการ หากมันต้องการจะสอนสั่งคนพิการก็กลายเป็นยอดฝีมือได้
“ท่านไม่พอใจอะไร” เสวี่ยหมิงเห็นท่าทางหยามหยันของโจรอาวุโสแล้วก็ขุ่นเคือง อารมณ์คุกรุ่นทำให้ความกลัวลดน้อยลง ความเคารพก็น้อยตามลงไปด้วย
“เราสมเพชในความโง่เขลาของเจ้า เจ้าลาโง่ เจ้าไม่มีความมุ่งมั่นและทะเยอทะยานเลยรึ เจ้ายอมให้ใครต่อใครมาบอกเจ้าว่าทำไมได้แล้วเจ้าก็เชื่อยอมท้อถอยง่ายๆเช่นนี้รึ ช่างน่าขันยิ่งนัก”
ถูกหยามหน้ากันถึงเพียงนี้ ถึงเป็นคนใจเย็นอย่างเสวี่ยหมิงยังร้อนลุ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน ใครว่าเขาไม่เคยพยายาม หากแต่ว่าร่างกายอ่อนแอ ถึงแม้อยากฝึกกระบวนท่า ร่างกายเจ้ากรรมก็ไม่เคยทนการฝึกต่อเนื่องเกินสามสิบนาทีได้เลย ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
“หากท่านติดตามดูข้าทุกฝีก้าว ท่านคงรู้ว่าข้าฝึกกระบวนท่าทุกวัน ท่านไม่มีสิทธิมาดูถูกข้าเช่นนี้”
โจรอาวุโสแค่นหัวเราะ ตอนนี้เองที่มันเข้ามาสำรวจตรวจตราตามร่างกายของเสวี่ยหมิง ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่เขาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความสบใจมากยิ่งขึ้น ไม่เข้าใจว่าดีใจอะไรหนักหนา
“ดี...ดีจริงๆ”
อะไรดีเสวี่ยหมิงย่อมไม่รู้ แต่ไม่นานนักโจรอาวุโสก็มายืนตัวตรงอยู่ที่เบื้องหน้า ใบหน้าเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เสวี่ยหมิงเห็นแล้วอดขนลุกด้วยหวาดระแวงไม่ได้
“หากว่าเราจะบอกมันมีวิธีที่ทำให้เจ้าฝึกยุทธได้ล่ะ”
เสวี่ยหมิงถอนหายใจ ไม่คิดว่าโจรอาวุโสจะต้องการเล่นตลกกับความรู้สึกของเขาเช่นนี้ เสวี่ยหมิงรู้ดีไม่มีอนาคตสำหรับเขาในเส้นทางสายจอมยุทธ
“หากว่าท่านไม่โกหกข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีวิธีไหน” เสวี่ยหมิงก้มหน้าลงต่ำ หากมองหน้าโจรอาวุโสก็เกรงว่าจะทัดทานอารมณ์ไม่พอใจของตนไม่ไหว
“เจ้าสัญญามาก่อนสิว่าจะคำนับเราเป็นอาจารย์”
ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง เป็นอีกครั้งที่เสวี่ยหมิงถอนหายใจ เอาเถอะหากท่านอยากเล่นสนุกนักข้าจะยอมตามน้ำท่านให้สุดทางเลยแล้วกัน
“หากท่านสามารถสอนวรยุทธให้ข้าได้ข้าจะกราบท่านเป็นอาจารย์”
“เยี่ยม” โจรอาวุโสหัวเราะฮาฮา ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงรู้สึกเหมือนถูกดูดด้วยแรงมหาศาล ร่างของเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเข้าหาฝ่ามือของโจรอาวุโส เสวี่ยหมิงตกใจจนร้องไม่ออก
“เราไม่มีเวลาแล้ว บอกตามตรงการที่เราจะฝึกวรยุทธขั้นสุดยอดของสำนักจำเป็นจะต้องถ่ายพลังออกให้ผู้อื่นทั้งหมดก่อนจะฝึกวิชาใหม่โดยย้อนคัมภีร์ถอยหลัง ทว่าคราแรกเราเห็นว่ามันไร้สาระ เราไม่คิดจะสละพลังวัตรที่เฝ้าฝึกมาหลายปีให้ผู้อื่น ผลที่ได้นะหรือเราถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนแทบตาย ตอนนี้เองที่เราคิดว่าเราจะหาคนที่ไว้ใจได้ที่ไหนดี แล้วเราก็มาเจอเจ้า ช่างดียิ่งลักษณะอันเป็นเลิศของเจ้าหากได้รับพลังวัตรที่เราสะสมมานานไป เจ้าจะกลายเป็นคนใหม่ที่แม้แต่คิดฝันยังไม่กล้า”
เสวี่ยหมิงถูกโยนขึ้นไปในอากาศ โจรอาวุโสใช้ดัชนีจี้จุดต่างๆตามร่างกาย ชั่วเวลาเช่นนั้น เสวี่ยหมิงสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่ไหลเวียนมาผ่านทางปลายนิ้วของโจรอาวุโส
“ฮ่าฮ่า ดีๆ ร่างกายของเจ้าเป็นภาชนะที่ดีเยี่ยม ถ่ายเทได้ง่ายเหลือเชื่อ”
ที่ว่าง่ายก็ตรงตามตัวอักษร การถ่ายพลังวัตรเป็นไปได้อย่างราบรื่นรวดเร็วเสียจนแม้แต่มันเองยังคาดไม่ถึง หลังจากถ่ายพลังวัตรจนหมด มันก็โยนร่างของเสวี่ยหมิงไปกองลงกับพื้น
“อ๊ากกกกก”
เสวี่ยหมิงร้องโหยหวน ความเจ็บปวดตามมาหลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ กระดูกของเขาลั่นเปรี๊ยะ ผิวหนังตามเนื้อตัวลอกออกเหมือนงูที่ลอกคราบ ตอนนี้เองที่โจรอาวุโสเดินเข้ามาสกัดจุดใบ้ทำให้เขาไม่อาจสงเสียงร้องออกมาได้
“ไม่ต้องกลัวไป ตอนนี้เจ้าเข้าสู่ขั้นตอนผลัดเนื้อเปลี่ยนกระดูก เป็นอาการที่จะเกิดขึ้นกับผู้ฝึกวิชากระจกเงาหมื่นบุพผาเมื่อฝึกไปถึงขั้นที่7 ปกติระหว่างการฝึกขั้นที่7ถึงขั้นสุดท้ายร่างกายจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละน้อย แต่ข้าทะลวงจุดถ่ายลมปราณให้เจ้าเช่นนี้ จึงทำให้เจ้าสำเร็จถึงขั้นสุดยอด ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอนในคราเดียว เจ้าจะเจ็บปวดกว่าผู้ฝึกคนอื่นหลายเท่าตัว”
ทรมานเหลือเกิน เสวี่ยหมิงขดจนตัวงอ การเปลี่ยนแปลงตามที่โจรอาวุโสพูดช่างแสนร้ายกาจ ทว่าโจรอาวุโสหาได้สนใจเขาไม่ โจรอาวุโสเริ่มต้นเดินลมปราณทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ไฟในตะเกียงดับมอดไปหมดแล้ว ความเจ็บปวดมลายหายไปสิ้น ตอนนี้เองที่เสวี่ยหมิงตกใจ แม้จะอยู่ในความมืดทว่ากลับเห็นรูปร่างของโจรอาวุโสและสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนเหมือนอยู่ใต้แสงอาทิตย์
“อา..เสร็จแล้วรึ ตอนนี้เราเองก็ฝึกวิชาไปได้ถึงขั้นที่สองแล้วเช่นกัน ดีดีจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากให้เราสองอาจารย์ศิษย์ต้องทำ ไปกับเรา”
เสวี่ยหมิงมีแต่ความสับสน จังหวะนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนจำนวนหนึ่งเข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มเริงร่าอย่างที่สุดเขาได้ยินเสียงนายท่านและนายน้อยรวมไปถึงคุณหนูถิง เสวี่ยหมิงรีบวิ่งออกจากห้องอาวุธไปตามทางเดินมุ่งสู้ห้องทำงานของนายท่าน
“นายท่าน นายน้อยซาน คุณหนู” เมื่อเห็นเหล่าผู้เป็นนายเสวี่ยหมิงดีใจอย่างยิ่ง รี่เข้าไปรายงานหวังจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องของโจรอาวุโส ทว่านายน้อยซานกลับชักกระบี่จู่โจมเข้ามา ด้วยอารามตกใจเขาใช้มือปัดกระบี่เป็นผลให้กระบี่หักสะบั้น
“เจ้าซานพ่อเอง” นายท่านคว้าเอาทวนเหล็กกล้าจากมุมห้องเข้าจู่โจม เสวี่ยหมิงหลบซ้ายป่ายขวาอย่างลนลาน แต่ถึงแม้ลนลาน คาดว่าการเคลื่อนไหวของนายท่านยังจัดว่าช้าอย่างยิ่งจึงทำให้ไม่สามารถสร่งบาดแผลให้เขาได้เลย
“ไอ้โจรโฉด อย่าอยู่เลย” ตอนนี้เองที่นายน้อยซานคว้าดาบเข้ามาเล่นงานเขาร่วมกับนายท่าน ถึงแม้ต้องรับมือสองด้าน แต่ทั้งคู่ล้วนเชื่องช้า ไม่ทันการเคลื่อนไหวของเสวี่ยหมิงเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนูถิงช่วยบอกให้นายท่านกับนายน้อยหยุดที” เสวี่ยหมิงโผเข้าหาเสวี่ยถิง เด็กสาวกรี๊ดร้องเสียงดัง นายน้อยกับนายท่านก่นด่าเขาว่าเป็นโจรราคะ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เสวี่ยหมิงไม่เข้าใจอย่างยิ่ง เหตุใดพวกนายท่านจึงเข้าโจมตีและทำราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า
“ให้ตายสิ ไม่นึกว่าลูกศิษย์เรามันจะโง่ได้ใจถึงเพียงนี้”
เสวี่ยหมิงสะบัดหน้าไปมอง โจรอาวุโสที่ฉีกยิ้มชอบใจ จังหวะนั้นก็ถูกกระชากให้โจนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทะลุหลังคาจวนขึ้นไปพร้อมๆกัน ด้วยแรงที่มากมายมหาศาลกว่าเสวี่ยหมิงถูกพามาไกลจากจวนตระกูลเสวี่ยออกมาเรื่อยๆถึงนอกเมือง
เย้ มาต่อตอนใหม่แล้ว แต่ละตอนคืบหน้าไปแบบอืดๆๆๆๆๆ หวังว่าจะไม่ค้างจนเกินไป
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า