(ตอนที่ ๓๑)
หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวันครับอยู่ร้านทั้งวัน พอตกเย็นก็ไปวัด เรื่องไปเที่ยวนี่ไม่ต้องไปนึกเลยครับทั้งที่ใหญ่มันก็พยายามจะชวนผมไปเที่ยวทุกวัน แต่ใครจะมาพาลูกเค้าไปเที่ยวในขณะที่ศพแม่เค้ายังไม่เผาล่ะครับ แล้วเหตุผลที่ผมมาผมก็ไม่ได้คิดที่จะมาเที่ยวด้วย
ตอนนี้อาการป่วยของผมดีขึ้นจนเกือบจะหายแล้ว ก็เลยเตร็ดเตร่เดินดูโน่นนี่นั่นไปทั่วร้าน ขนาดของร้านนับว่าใหญ่มากครับถ้าเทียบในตัวจังหวัดผมว่าก็ต้องติด1ใน10ของร้านที่ใหญ่ที่สุดแน่นอน ลูกน้องก็มีหลายสิบคน ขนาดผมนั่งอยู่เฉยๆยังรู้สึกถึงความวุ่นวายในร้านเลยครับ ผมว่าผมเป็นลูกจ้างก็แค่ทำงานตามที่นายสั่งแต่ใหญ่มันเป็นนายจ้างมีหลายๆเรื่องที่มันต้องดูแลเอง ผมว่ามันก็หนักหนาเอาการสำหรับใหญ่เหมือนกัน
ผมเริ่มจะพอเข้าใจว่าทำไมใหญ่มันไม่อยากคุยโทรศัพท์ พอสิ้นวันมันก็คงอยากพักผ่อนพักหู(เพราะผมเห็นมันคุยติดต่อเรื่องงานทั้งวัน) แล้วใช้เวลาอย่างเงียบๆมากกว่า ผมแอบคิดเล่นๆว่าถ้ามันมีเมียมาช่วยก็คงจะดี แต่คิดแล้วผมก็เศร้าผมควรจะเป็นคนเห็นแก่ตัวใช่รึเปล่าเพื่อให้ใหญ่อยู่กับผมคนเดียว คิดยังไงก็คิดไม่ตก เลยต้องเลิกคิดไปดีกว่า
พรุ่งนี้ผมต้องกลับกรุงเทพฯแล้วครับคงไม่ได้อยู่จนถึงวันเผาแม่ นึกๆแล้วก็ใจหาย เวลาหยุดที่ว่ามีตั้ง7วัน
เอาเข้าจริงๆผมป่วยต้องนอนเฉยๆแทบไม่ได้ทำอะไรไป4วัน วันเวลาที่เหลือมันช่างน้อยจริงๆครับ ใหญ่เองก็คงรู้เลยไม่พูดถึงเรื่องที่ผมจะต้องกลับให้ผมได้ยิน เราพยายามใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด สำหรับผมวันข้างหน้าก็ยังมองไม่เห็นทางแต่ผมก็พยายามไม่คิดถึงมัน ใช้คติทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน
“มึงคิดอะไรอยู่”ใหญ่เข้ามานั่งข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมกำลังนั่งบนเตียงมองออกไปนอกบ้าน วันนี้แขกมางานไม่มากเราก็เลยกลับบ้านได้เร็ว ผมอาบน้ำเสร็จแล้วเลยมานั่งคิดอะไรเพลินๆ ผมหันไปมองหน้ามัน ตาผมจับจ้องอยู่ที่หน้าของใหญ่
“พรุ่งนี้กูจะกลับแล้วนะใหญ่ ”
ผมขยับตัวตบที่เตียงให้มันมานั่งข้างหน้าผมแล้วผมก็กอดมันไว้ ใหญ่ตอบผมเสียงเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน
มันบอกว่า “กูรู้”
ผมถอนหายใจแล้วรัดแขนแน่นขึ้นไม่อยากจากใหญ่ไปเลย “กูคงเหงาไม่มีมึงอยู่ด้วย” เสียงของใหญ่มันพูดลอยๆขึ้นมา
ผมได้แต่บอกมันว่า “เหงาก็เขียนจดหมายไปหากู คิดถึงกูก็เขียนจดหมายไปหากู รักกูก็เขียนจดหมายไปหากู เข้าใจมั้ย”
ใหญ่หัวเราะแล้วบอกผมว่า “งั้นกูก็ต้องเขียนจดหมายทั้งวันเลยสิ” ฟังแล้วมันเขี้ยวครับ ผมชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันแรงๆ แล้วกอดมันไว้แน่นๆอีก ผมเพิ่งรู้ว่าการที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักมันทำให้เรามีความสุขได้ขนาดนี้
“ก็คงงั้นมั๊ง ก็มึงทั้งรักทั้งหลงกูเลยนี่ หึๆ”
ใหญ่มันเอาศอกถองผมแรงๆ “ไอ้คนหลงตัวเอง”
ผมหัวเราะ ใหญ่เอาศีรษะมาพิงที่ไหล่ผม “ก็ต้องหลงสิ ก็มึงยังหลง กูก็ใจเดียวกับมึง ก็ต้องหลงเหมือนกัน” ไอ้ใหญ่หัวเราะ เบาๆ “กูไม่รู้มาก่อนเลยว่ามึงนี่เจ้าคารมนะ แต่ก่อนมึงไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”
“นั่นสิ กูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน เพราะมึงแหละ ฮ่าๆ”
“อย่ามาโทษกู กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
ผมเอามือลูบแก้มมันเบาๆใหญ่ก็เอาแก้มดันฝ่ามือผมไว้ มันเพลินจริงๆครับ
“มึงน่ะทำ ทำให้กูรัก กูก็เลยเป็นแบบนี้ไง”
เรากอดกันนิ่งๆใหญ่ก็ลูบมือผมไปเพลินๆ ผมรู้สึกว่า“ถ้ากูรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ก็ดีนะ กูจะได้มีเวลามีความสุขกับมึงแบบนี้นานๆ”
“ทำไมมึงไม่บอกกูล่ะใหญ่ ?”ผมหันไปถามใหญ่ มันทำท่าอิดออด จนผมต้องแกล้งดึงจมูกมันเล่น
“เร็วๆบอกมา ทำไมไม่บอกมาครับ”
“ก็กูอาย กูเขินด้วย กลัวอีก สารพัด มันพูดยากนะ ไม่ใช่จะพูดกันง่ายๆเหมือน รับซาละเปาเพิ่มมั้ยครับ”ใหญ่มันหัวเราะ ผมก็ขำว่าใหญ่ช่างเข้าใจเปรียบเทียบ
“มึงนี่ช่างคิด หึหึ” หัวเราะเสร็จผมกับใหญ่เงียบก็เงียบกันไปอีก ผมลูบแขนมันเล่น ความรู้สึกในใจของผมมันมากแต่กลับไม่มีคำพูด เหมือนมันท่วมท้นอยู่ในใจ
“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ พรุ่งนี้มึงจะกลับแล้ว กูก็คงต้องรออ่านจดหมายมึงเหมือนเคย พูดอะไรกับกูหน่อยสิ”ใหญ่พูดเป็นจริงเป็นจัง จนทำให้ผมต้องคิดว่าผมจะพูดอะไรดีนะ
“ไม่อยากพูดเลย พูดไม่ออก เดี๋ยวไว้เขียนจดหมายมาหาดีกว่ามั้ย ตอนนี้ยังตื้อๆคิดไม่ออก” ผมดึงหน้ามันให้หันมาหาผม
“ไม่พูดแต่ทำแทนได้มั้ย?”
ผมก้มลงจูบปากมันทันที ค่อยๆจับตัวใหญ่ให้หมุนตัวมาหาผมช้าๆ มือผมประคองหน้าใหญ่ไว้ ใหญ่เอามือมาคล้องที่คอผมแล้วบีบที่ต้นคอผมเบาๆ
“อืม...”ผมหอมที่แก้มใหญ่แรงๆแล้วเลื่อนไปที่ซอกคอ ใหญ่พูดเสียงสั่นๆว่า “มึงจะทำอะไรฝัน?”
ผมเงยหน้าผละจากคอใหญ่จ้องตามันนิ่งๆก่อนจะบอกด้วยเสียงหอบสั่นไม่แพ้กันว่า “กูไม่รู้....กูเมา”
ผมก้มลงไปจูบใหญ่ต่ออีกครั้ง คราวนี้มือผมลูบไหล่ หลังมันไปทั่ว ผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ขนาดที่ว่ารู้สึกเหมือนแอร์ไม่ได้เปิด
“กู..กะ..กู” ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไรจริงๆครับที่ผมบอกว่าผมเมา ผมก็มั่ว ก็ผมทำไปโดยที่ผมเองก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรดี
มือข้างหนึ่งผมเลิกเสื้อใหญ่ขึ้นไปขณะที่ปากผมก็ยังไม่ปล่อยไปจากมัน ใหญ่ลืมตามองผมอีกครั้งก่อนที่จะหลับตาลง ผมมองแววตาใหญ่ไม่ออกว่ามันสื่อความหมายอะไร รู้แต่ว่ามันไม่ได้พูดอะไรเลยเมื่อผมถอดเสื้อมันออกไปแล้วผลักมันลงบนเตียง ผมค่อยๆลดตัวลงจูบมันไล่ลงมาตั้งแต่คอ อก แล้วต่ำลงมาเรื่อยๆ เมื่อผมกำลังจะดึงกางเกงมันออก ใหญ่มันก็ถามผมเสียงสั่นๆว่า
“ฝัน..มึงแน่ใจแล้วเหรอที่มึงทำ”
ผมเงยหน้ามองใหญ่อีกครั้งสบตามันนิ่ง แล้วก้มลงเอามือเกี่ยวกางเกงมันออก
ใหญ่ก็ถามย้ำผมอีกครั้ง “มึงถามตัวเองก่อนนะว่าจะไม่เสียใจทีหลัง”
ผมถอดกางเกงมันออกไปแล้วและกำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ตอนนี้ผมรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่จะครอบครองใหญ่ให้เป็นของผมอย่างแท้จริง ก่อนที่ผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดจากร่างกายผมไป ผมถามใหญ่ว่า
“มึงจะเสียใจรึเปล่าล่ะ ถ้ามึงเสียใจ กูจะทำให้เหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
ใหญ่ลุกขึ้นนั่งมองตาผมผมรู้ว่ามันคือความรัก ใหญ่ไม่ตอบผมแต่ช่วยผมถอดผ้าชิ้นสุดท้ายออกไป
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไป เรานอนกอดก่ายกันราวกับว่าจะไม่มีวันแยกจากกันไปไหนอีก หัวใจผมเต้นแรงเหมือนกับว่ามันจะไม่มีวันเต้นในอัตราปกติอีกแล้ว ทุกสิ่งมันสวยงามเกินกว่าที่ผมคิด
ผมเอามือลูบเช็ดเหงื่อที่หน้าผากใหญ่ “มึงมีความสุขมั้ย”
ใหญ่เอาหน้าเกลือกกลิ้งกับหน้าอกผม“กูเจ็บ”
ผมเอามือลูบตามตัวมัน “ไหนเจ็บตรงไหน?” ผมพยายามพลิกตัวใหญ่แต่มันก็ดื้อขืนตัวไว้
“อื้อ...ไม่เอา..ไม่ต้องเลย” ใหญ่มันหน้าแดงก้มหน้างุดซุกเข้าที่อกผม น่ารักจริงๆครับ
“ก็บอกว่าเจ็บก็จะดูให้ไง”ผมบอกด้วยเสียงอ่อนอกอ่อนใจในความดื้อของใหญ่ แต่ก็ขำด้วยเลยเผลอหัวเราะเบาๆ ใหญ่มันได้ยินเลยหยิกหน้าอกผมอย่างแรง “โอ๊ย...เล่นเจ็บนะใหญ่”
“ก็หัวเราะทำไมล่ะ มึงอ่ะแรงควายกูระบมไปหมดแล้ว” ไอ้ใหญ่ท่าจะเจ็บจริงครับ ผมก็ลืมตัวไปหน่อยก็ตอนนั้นมันหน้ามืดจริงๆ
ผมก้มลงหอมแก้มมันอีกฟอด “ก็มึงอ่ะผิด..”
ไอ้ใหญ่มันทำตาขวางเงื้อกำปั้นเตรียมชกผมแล้วแต่ผมรีบจับไว้ทัน
“ผิดที่น่ารักเกินไป”ผมกระซิบที่ข้างหูใหญ่แล้วจูบมันที่ใบหู ใหญ่มันยักคอหนีผมเลยครับ ผมได้ทีรีบซุกหน้าไปที่คอมันอีกจนใหญ่ต้องรีบเอามือผลักหน้าผมออก
“ไม่เอาแล้ว...พอนะฝัน..กูเหนื่อย”
เห็นแววตาอ้อนวอนที่จ้องมาแบบนั้นผมก็ใจอ่อนไม่อยากแกล้งแล้วครับ “ก็ด้ายครับ งั้นผมขอนอนกอดคุณแบบนี้นานๆนะครับ” ใหญ่มันทำท่าจะลุกผมเลยรั้งมันไว้ไม่ยอมปล่อยไป “จะไปไหน”
“จะไปใส่เสื้อผ้าสิ หนาวจะตาย”แต่ผมไม่ยอม ผมดึงมือรั้งใหญ่ให้ลงมานอนบนตัวผมแล้วกอดมันไว้แน่น
“กอดกันแบบนี้จะหนาวได้ยังไงกัน”ใหญ่มันดิ้นๆไม่ยอมแต่ผมก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอกครับ
“มึงอ่ะ ชอบเผด็จการ”ใหญ่มันดิ้นจนหมดแรงได้แต่บ่นงึมงำๆอยู่ในคอคนเดียว
“ก็กูจะไม่ได้กอดมึงอีกนานนี่นา กูก็ต้องสำรองไว้เยอะๆสิ”ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะครับ
“แล้วถ้าที่สำรองไว้หมด มึงจะไปกอดคนอื่นแทนมั้ย”
ผมหันไปมองหน้าใหญ่ทันที “มึงไม่เชื่อใจกูเหรอ?”
ใหญ่ส่ายหน้า “กูแค่ถามเฉยๆ”
“มึงก็รู้ตอนนี้กูไม่มีใครเลยจริงๆ มีแต่มึงเท่านั้น” ผมน้อยใจเหมือนกันครับเหมือนใหญ่ไม่เชื่อใจผมเลย
“แล้วถ้ากูถามมึงแบบนั้นบ้างล่ะ มึงจะไปกอดใครแทนกูหรือเปล่า มึงจะรู้สึกยังไง”
ใหญ่มันยกเอามือผมขึ้นมาแนบแก้มทำเสียงอ่อยๆ “กูขอโทษนะฝัน”
ผมพูดกับใหญ่ถึงเรื่องลึกๆในใจที่ผมคิด แล้วก็ย้ำเตือนตัวเองไปด้วย
“ความระแวงมันร้ายนะ มันคอยแต่จะบั่นทอนกำลังใจจากเรา มึงสัญญาสิว่าเราจะไม่ระแวงกัน ถ้ามีอะไรเราจะพูดกันตรงๆนะ”ผมบอกใหญ่ไปแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะทำได้หรือเปล่า
“กูสัญญา..”ใหญ่พูดเสร็จก็นิ่งไปนาน พอผมเหลือบดูปรากฏว่าหลับไปแล้วครับ
“ใหญ่..ใหญ่..หลับแล้วเหรอ”ผมเรียกใหญ่เท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
มันแค่อือๆอาๆบอกผมว่า “กูเจ็บ..กูเหนื่อย” แล้วก็หลับต่อไป
ผมมองใบหน้าใหญ่ที่หลับไปแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว หวังอย่างเดียวว่า...ความสุขของผมจะอยู่ไปแบบนี้นานๆ
*******************************