ขอโทษค่ะที่หายไปหลายวัน
อย่าเพิ่งลืมกันไปก่อนนะคะ
***************************
(ตอนที่ ๓0)
ครั้นไปถึงที่วัดผมไม่ได้ช่วยอะไรใหญ่เลยเพราะใหญ่มันห้าม ได้แต่นั่งทำตัวเป็นแขก มองใหญ่เดินไปมาทำนู่นนี่โดยมีครูน้ำคอยอยู่เคียงข้างตลอด พ่อมานั่งข้างๆผมหลังจากเดินต้อนรับแขกจนเหนื่อย พาน้องออมมาด้วย สักพักน้องออมก็ออกไปวิ่งเล่นกับเด็กคนอื่น เป็นเด็กก็ดีครับเศร้าก็ไม่นาน แป๊ปเดียวก็หัวเราะได้ เล่นได้ ไม่เหมือนผู้ใหญ่อย่างเราๆ
“ฝันลางานมาหลายวันเลยนะเที่ยวนี้ แล้วที่บริษัทไม่ว่าเหรอ”
“ไม่หรอกครับ พอดีติดเสาร์อาทิตย์ด้วย ผมก็ใช้เวลาตามสิทธิพนักงาน”เรื่องงานผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ห่วงก็แต่เรื่องเรียนมากกว่าครับเพราะตอนนี้ใกล้สอบแล้ว ก็คงต้องให้อ้อยช่วยอีกตามเคย
เมื่อใกล้ถึงเวลาพระสวดใหญ่เรียกน้องออมให้มานั่งฟังพระสวดข้างๆน้องออมก็นั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อยแล้วดึงครูน้ำให้นั่งลงข้างๆด้วย ใหญ่ยิ้มให้ครูน้ำก่อนหันหลังมามองหาผมแต่พอเห็นว่านั่งอยู่กับพ่อ เราสบตากันแล้วมันก็หันกลับไป
“น้องออมน่ารักนะครับ เรียบร้อย ไม่ดื้อเท่าไหร่ ผมเห็นเด็กบางคนเอาแต่ใจตัวเอง ดื้อจนไม่น่ารักเลย”
พ่อยิ้มแล้วมองไปที่น้องออมอย่างเอ็นดู “ใช่น่ารักมาก ว่านอนสอนง่าย แต่ก็มีงอนบ้างตามประสาเด็กผู้หญิง โชคดีที่มีครูน้ำมาช่วยใหญ่ดูแลน้องออมนะ ลำพังพ่อก็ไม่ไหว” พ่อเอ่ยพลางสายตาจับอยู่ที่ครูน้ำกับใหญ่
พ่อหันมาพูดกับผมล้อๆว่า “ฝันเห็นแล้วอยากมีลูกรึเปล่า แค่มีเด็กคนหนึ่งในบ้านบรรยากาศมันเปลี่ยนเลยนะ ความสุขจากเด็กคงแบ่งปันให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆโดยไม่รู้ตัว”
ผมก้มหน้ารู้สึกแปลกๆเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ผมยังไม่คิดครับ”
“คิดได้แล้วลูก ลูกผู้ชายคิดเรื่องพวกนี้ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย ”พ่อก็พูดไปเรื่อยๆเหมือนสอนผม แต่ผมเริ่มไม่อยากคุยต่อ
“ผมยังอายุน้อยพ่อ ยังอยากใช้ชีวิตโสดไปเรื่อยๆก่อน”
“อย่าไปคิดแบบนั้น หาแฟนซะฝัน อีกหน่อยเราจะได้มีเพื่อน มีคู่คิดในการใช้ชีวิต พ่อรู้ว่าฝันคิดว่าอายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกเยอะ แต่ชีวิตมันไม่แน่นะลูก”
“ดูอย่างเล็กซิอายุแค่นี้ก็ยังต้องมาจากไปก่อนพ่อแม่อีก ถ้าลูกเจอคนที่รักคนที่ชอบ ก็อย่าปล่อยไปนะฝัน”พอพ่อพูดจบผมก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ใหญ่เห็นมันกำลังพูดกับครูน้ำแล้วก็หันมาลูบหัวน้องออม ทั้งสองคนส่งยิ้มให้กัน ผมรู้สึกเหมือนหัวใจผมมันกำลังเศร้า
พ่อยังคงพูดต่อไปแต่สมองผมกลับไม่อยากรับรู้ สายตาผมมองนิ่งไปที่ใหญ่
“อย่าเสียเวลาที่มีค่าไป เพราะคิดว่าเวลายังมี ทำทุกๆนาทีให้คุ้มค่าที่สุด แล้วลูกจะไม่เสียใจทีหลัง”
ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรพ่อถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เราคุยค้างกันไปเมื่อกลางวัน หรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนเป็นห่วงลูก คือเรื่องคู่ครอง
คำพูดของพ่อทำให้ผมคิดถึงไอ้หนุ่ย ถึงแม้พ่อจะพูดคนละแบบกับไอ้หนุ่ยแต่ผมกลับรู้สึกว่าพ่อกำลังพูดถึงสิ่งเดียวกัน ก็ที่ผมมาหาใหญ่ที่นี่ก็เพื่อใช้เวลาทุกนาทีกับคนที่ผมรักให้คุ้มค่าที่สุดเหมือนกัน
“คนรักหาง่ายนะ แต่คนที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของลมหายใจมีแค่ไม่กี่คนหรอกลูก พ่อโชคดีที่พ่อมีคนๆนั้น” ผมว่าพ่อเสียงสั่นแต่มองดูพ่อก็ยังยิ้มได้
“ตอนที่พ่อรู้ว่าแม่เค้าจะไม่ตื่นมาอีกแล้ว ถ้าถามว่าพ่อเสียใจที่แม่เค้าตายมั้ย พ่อบอกได้ว่าพ่อเสียใจ แต่พ่อไม่เสียดายนะเพราะพ่อรักแม่เค้าอย่างที่สุดแล้ว ถึงแม่เค้าอยู่หรือตายไปพ่อก็รักแม่มากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว” พ่อเริ่มน้ำตาคลอแต่ก็ยังยิ้มเหมือนคิดถึงแม่อยู่
“แม่เค้าก็รู้ เพราะอย่างนั้นพ่อไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมา พ่อทำให้แม่เค้ามีความสุขมากเท่าที่พ่อจะทำได้แล้ว”
ผมฟังพ่อพูดแล้วก็เศร้า ผมจะทำได้เหมือนพ่อ ผมจะมีรักให้คนๆนึงมากที่สุดจนไม่สามารถเพิ่มความรักให้มากกว่านี้ได้หรือเปล่า คนที่จะอยู่ข้างๆผมจนวันสุดท้ายของชีวิตคือใคร แล้วคนๆนั้นจะใช่ใหญ่หรือเปล่า ผมก็ได้แต่ถามตัวเอง
ผมมองตรงไปที่คนที่นั่งอยู่ไกลๆ ตอนนี้ผมได้เห็นเพียงข้างหลังมัน พระสงฆ์ทยอยไปนั่งประจำที่แล้วเริ่มสวด ตลอดเวลาของการฟังพระสวดผมวนเวียนคิดเรื่องมากมายในสมอง คำพูดของพ่อทั้งเมื่อกลางวันและก่อนหน้านี้ ผมกับมันอยู่ห่างกันแบบนี้ผมจะดูแลมันอย่างที่พ่อมันฝากได้ยังไง แล้วถ้าผมจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับใหญ่แล้วใครจะอยู่กับแม่ผม เพราะพี่ฝ้ายก็กำลังจะแต่งงานไป คิดแล้วก็เหมือนไข้จะกลับอาการปวดหัวจิ๊ดๆกลับมาอีกครั้ง
พระสวดจบไปตอนไหนไม่รู้ แต่พ่อมาสะกิดผมให้กรวดน้ำ ผมมองน้องออมเอามือแตะที่ขาใหญ่และครูน้ำแตะที่น้องออมอีกต่อมันเป็นภาพที่น่ารักจริงๆครับ
“เอ๊ะคุณสมควรค่ะ ผู้หญิงที่นั่งข้างคุณใหญ่กับน้องออม นั่นใครเหรอคะ? ” เสียงแขกที่มางานศพถามกับพ่อของใหญ่
“อ๋อ นั่นเป็นครูของน้องออมครับ เค้ามาช่วยดูแลช่วงที่ผมกับใหญ่ยุ่งๆเรื่องงานศพ”
“แหม ดิฉันก็นึกว่าแฟนคุณใหญ่เสียอีก ดูสนิทสนมน่ารักสมกันดีนะคะ” เสียกแขกยังคงเจื้อยแจ้วออกความเห็นต่อไป โดยไม่ได้สนใจเลยว่านี่มันงานศพ แต่ก็แปลกที่ผมก็กลับเห็นด้วยกับที่ผู้หญิงคนนี้พูด
“เค้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆนะครับ รู้จักกันมานานก่อนที่ใหญ่จะลงไปเรียนที่กรุงเทพฯ” คำที่พ่ออธิบายนี่ก็เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมเหมือนกัน
“น้องออมก็เรียบร้อยน่ารัก คุณครูนี่คงสอนดีนะคะ ดูซิค่ะ รู้จักกราบพระกะล่อยกะหลิบน่าเอ็นดู”
เสียงคุยกันเรื่องของใหญ่กับครูน้ำก็ยังดังต่อไป ผมนั่งฟังด้วยหัวใจหนักอึ้ง ดูเหมือนเส้นทางของผมกับใหญ่คงจะหลีกเลี่ยงบุคคลที่สามเข้ามาไม่ได้ เพียงแต่ว่าผมกับใหญ่จะจัดการเรื่องนี้ยังไงมากกว่า
“ฝัน กินบะหมี่รึยัง มาไปนั่งกินกับกับกู” ใหญ่เดินเข้ามาหาผมจูงมือน้องออมมาด้วย ครูน้ำก็เดินตามมาติดๆ
ผมลุกขึ้นเดินตามใหญ่ไป พ่อก็เดินตามมาด้วย
“ฝันเป็นอะไร ทำไมไม่ค่อยพูด รู้สึกไม่สบายรึเปล่า?” ผมทานไม่ค่อยลงจริงๆครับ แต่ก็ไม่อยากพูดว่ากินไม่ลงเพราะอะไร “กะ..เอ๊ย..เรายังไม่ค่อยหิว ยังปากขมๆอยู่” ผมเผลอจะใช้ภาษาพ่อขุนรามอีกแล้วลืมไปว่ามีเด็กอยู่
“ลุงฝันต้องกินเยอะๆนะคะ จะได้หายป่วยไวๆ คุณพ่อบอกน้องออมเวลาน้องออมป่วย” น้องออมยิ้มให้ผมแล้วพูดจาน่ารัก ทุกคนพอได้ยินต่างก็อมยิ้มในความน่ารักของเด็ก
“คุณพ่อขา วันนี้น้องออมนอนกับคุณพ่อได้รึยังคะ” น้องออมเงยหน้าถามใหญ่ตาแป๋ว มันหันมาสบตากับผมแล้วก็บอกน้องออมว่า “ยังไม่ได้ค่ะ ลุงฝันยังไม่หายดี คุณพ่อกลัวน้องออมติด อยู่กับคุณครูก่อนนะคะ”
“แล้วถ้าลุงฝันหายดี ลุงฝันยังต้องนอนกับคุณพ่อมั้ยคะ” ผมกับใหญ่ต่างคนต่างอึกอัก เจอคำถามเด็กเข้าไปทำเอาคิดคำตอบไม่ทัน พ่อกับครูน้ำก็หัวเราะ
ใหญ่มันตอบว่า “ก็ลุงฝันนานๆมาที คุณพ่อมีเรื่องคุยเยอะแยะเลย หายดีแล้วก็ยังนอนกับคุณพ่อค่ะ” น้องออมเลยทำหน้างอใส่ผม “ไม่ยอมๆ น้องออมจะนอนกับคุณพ่อ ไม่ยอมให้ลุงฝันมาเอาคุณพ่อไป” น้องออมทำปากแบะเหมือนจะร้องไห้ จนครูน้ำต้องปลอบ
ผมฟังแล้วก็ตื้อๆในอก เลยบอกน้องออมว่า “ลุงอยู่อีกไม่กี่วันเองครับ เดี๋ยวอีกสองสามวันก็กลับแล้ว หายดีแล้วก็คงกลับกรุงเทพพอดี น้องออมก็กลับมานอนต่อกับคุณพ่อได้เหมือนเดิมนะคะ” ใหญ่ส่งยิ้มเศร้าๆมาให้ผม
เหมือนกับจะรู้ว่าผมก็นอนอยู่กับมันได้อีกไม่กี่คืนเท่านั้นเอง
น้องออมค่อยยิ้มได้บอกกับผมว่า “งั้นน้องออมให้เวลาลุงฝัน พอลุงฝันกลับไปน้องออมก็จะยึดเอาคุณพ่อกลับมาเป็นของเรา ใช่มั้ยคะคุณครูขา” น้องออมเงยหน้าถามความเห็นกับครูน้ำ
แต่ครูน้ำไม่ตอบน้องออมแต่ก็ยิ้มให้ส่งให้ผม “อย่าไปถือสาเด็กเลยนะคะ แล้วน้ำจะค่อยๆอธิบายให้น้องออมฟังเอง บางทีเด็กก็หวงคุณพ่อ”
ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับจะว่าไปแล้วที่น้องออมพูดมากลับกระแทกใจผมเต็มๆ มันก็เป็นความจริงที่ผมจะเถียงไม่ได้ เวลาที่ผมจะได้อยู่กับใหญ่มันน้อยลงไปทุกที
ใหญ่ผละไปส่งแขกจูงน้องออมไปด้วย พ่อก็ไปช่วยใหญ่ส่งแขก เลยเหลือแต่ผมกับครูน้ำ
“ครูน้ำใจเย็นนะครับสอนเด็กๆได้ ผมเป็นคนใจร้อน ดูแลเด็ก สอนเด็กก็ไม่เป็น”
“น้ำก็ใจร้อนค่ะ คุณใหญ่ยังใจเย็นกว่าน้ำอีก น้ำยังแซวว่าน่าจะไปสอนเด็กแทนน้ำมากกว่า”ผมยิ้มๆเมื่อคิดถึงใหญ่จะไปเป็นครู
“ก็จริงครับ สมัยก่อนผมให้มันติวให้ ผมก็โง่สอนเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง แต่มันก็ยังอดทนสอนจนผมรู้เรื่อง ต้องยอมรับมันเลย”
ครูน้ำชวนผมคุยอีกหลายเรื่องก็เป็นเรื่องของใหญ่เสียเป็นส่วนใหญ่ ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าครูน้ำสนใจใหญ่มากกว่าที่จะเป็นพ่อของลูกศิษย์ แต่ไม่รู้ว่าครูน้ำดูออกหรือเปล่าว่าผมก็รักใหญ่มากกว่าความเป็นเพื่อนเหมือนกัน
“คุณฝันสนิทกับคุณใหญ่มากนะคะ ก่อนคุณฝันจะมาคุณใหญ่ไม่ค่อยพูดเลย พอคุณฝันมาดูคุณใหญ่อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย” ผมมองดูครูน้ำว่าแฝงอะไรในคำพูดนั้นหรือเปล่า แต่ก็เห็นเพียงความจริงใจอยู่ในสายตาเท่านั้น
“ก็สนิทครับ เราสนิทกันมาตั้งแต่ปี1แล้ว” แต่ผมซิพูดไปด้วยความไม่จริงใจเลย ผมบอกตัวเองว่าผมกำลังอิจฉาผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ ที่เธอสามารถแสดงออกถึงความรักที่มีต่อใหญ่ได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องแอบซ่อนความรู้สึกเหมือนผม
“ถ้าคุณฝันกลับไป ไม่รู้คุณใหญ่จะกลับมาเงียบเหมือนเดิมหรือเปล่า น้ำชักไม่แน่ใจ”
“ยังไงผมก็ฝากใหญ่ให้คุณน้ำช่วยดูแลอีกคนนอกเหนือจากดูแลน้องออมด้วยนะครับ” ผมพูดไปแล้วก็เสียใจที่ตัวเองควรจะเป็นคนที่ได้ทำหน้าที่นั้น แต่กลับต้องไปฝากไว้ที่คนอื่น
ครูน้ำยิ้มเขินๆ “น้ำเป็นแค่ครูของน้องออมเท่านั้นเองนะคะ ไม่ใช่ครูของคุณใหญ่” ครูน้ำหัวเราะเบาๆ “ แต่น้ำก็รับปากค่ะ น้ำจะช่วยเท่าที่ทำได้แล้วกัน”
“ไป...กลับกันเถอะฝัน คุณครู”ใหญ่เดินอุ้มน้องออมมาพอดี น้องออมหลับไปแล้วคอพับคาไหล่ใหญ่อีกตามเคย
“เดี๋ยวมึงขับรถได้มั้ย กูอุ้มน้องออมอยู่ พาครูกับน้องออมไปส่งก่อน พ่อเค้าให้เพื่อนพาไปส่งที่บ้านแล้ว ”ผมพยักหน้าอย่างงงๆแต่ก็ทำตามไปโดยดี ระหว่างทางผมก็ทำหน้าที่ขับรถจริงๆครับ ขับตามที่ใหญ่บอกทาง ใหญ่มันเงียบๆไม่ค่อยพูด ครูน้ำเองก็ไม่ค่อยพูดเหมือนกัน ทั้งสองคนพูดกันน้อยมากไม่รู้ว่ากลัวน้องออมตื่นหรือเกรงใจผมก็ไม่รู้
ผมส่งครูเสร็จใหญ่ก็สลับที่เป็นคนขับแทนผม มันยังไม่ออกรถหันมาถามผมว่า “มึงหิวมั้ย ไปหาอะไรกินก่อนรึเปล่า”
ผมหันไปมองหน้ามัน “ไปซิ...กูเห็นมึงไม่ค่อยกินอะไรเลย ไปกินกันก่อนก็ได้” ใหญ่ยิ้มๆแล้วขับรถไปเราแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกันก่อนกลับ ผมใช้ความคิดนิดหน่อยจนลืมพูดไป จนใหญ่ต้องถาม “มึงเป็นอะไรทำไมเงียบๆ”
“กูแค่คิดว่ากูไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลย ถ้าช่วยอะไรได้บ้างก็คงจะดี” ใหญ่มันไม่พูดอะไร เรียกคนมาเก็บเงิน
“กลับกันเถอะ” มันเดินมาโอบไหล่ผมไปที่รถ “เดี๋ยวนี้มึงเป็นคนคิดมากเหมือนกูไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่”
ใหญ่พูดยิ้มๆ “อยู่ข้างๆกูก็พอแล้ว กูไม่เห็นอยากให้มาช่วยอะไร กูทำเองได้”
ผมฟังแล้วก็ดีใจอย่างน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าขึ้นมาบ้าง
เข้าบ้านแล้วแทนที่ผมจะรู้สึกง่วงกลับรู้สึกว่าตาสว่าง ยังไม่อยากนอนเดินไปเปิดทีวีดูข่าว ก็พอดีกับที่ไอ้หนุ่ยโทรเข้ามา ใหญ่เห็นผมคุยโทรศัพท์เลยแยกไปอาบน้ำก่อน
“ไงลูกพี่..โทรมาหามีไรครับ” ผมทักไอ้หนุ่ยไปขำๆ
“ไม่มีไร....ลูกน้อง โทรมาคุยเฉยๆแล้วน้องพี่หายดีรึยังล่ะ?”เสียงเหมือนมันอยู่ข้างนอกครับ ได้ยินไม่ค่อยชัด
“ก็ดีขึ้นแล้ว รู้ได้ไงวะว่ากูป่วย”
“น้องเขยกูบอก ฮ่าๆๆ”ไอ้หนุ่ยเชี่ยแระ รู้ดีได้ตลอด.....ผมเขินจนบอกไม่ถูกเหมือนคนที่โดนจับได้ว่าแอบซ่อนความลับอะไรอยู่
“รู้ดีนะมึง....น้องเขยที่ไหนน้องสะใภ้ต่างหาก หึหึ”มันเล่นมาก็เล่นกลับเลยครับ ไอ้บ้านี่ ไอ้ใหญ่เดินเข้ามาพอดีผมมองหน้ามันแล้วก็ยิ้ม มันทำหน้าแปลกใจแต่ก็แต่งตัวต่อไม่สนใจผม
“ไหนๆกูไม่เชื่อ..เรียกไอ้ใหญ่มาคุย กูไม่อยากฟังความข้างเดียว”ใครจะไปเรียกมาใช่มั้ยครับ วิวกำลังดีไอ้ใหญ่มันนุ่งผ้าขนหนูยืนหันหลังให้ผมก้มตัวลงเปิดหาเสื้อผ้าในตู้
“ไม่มีทาง...มันยุ่งอยู่ไม่ว่าง หึหึ” ผมกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งจนได้ ไอ้ใหญ่เหมือนจะรู้ตัวว่านินทามันอยู่ มันเอี้ยวตัวหันหลังมามองผมแล้วขมวดคิ้ว ผมเลยรีบโบกมือว่าไม่มีอะไร
“ฝันมึงดูมีความสุขดีนะ ขนาดเพิ่งหายป่วย”ไอ้หนุ่ยพูดมาคำนึง
“อืม..กูรู้หัวใจตัวเองแล้วนี่” ไอ้ใหญ่แต่งตัวเกือบเสร็จแล้วครับใส่เสื้อไปแล้วกำลังนุ่งกางเกงในอยู่
“เฮ้อ..ไม่เหมือนกู กำลังอกหัก”เสียงไอ้หนุ่ยที่พูดว่าอกหักแต่ผมฟังแล้วไม่รู้สึกว่ามันเสียใจตรงไหน
แต่ตอนนี้สมาธิผมไม่มี สายตาไปอยู่ที่ใหญ่มากกว่าไอ้ใหญ่ใส่กางเกงในเสร็จแล้วครับ ถอดผ้าขนหนูทิ้งเป็นวงกลมอยู่ที่พื้น แล้วก้มลงหากางเกงนอนต่อ ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปหามันข้างหลังแล้วก้มลองสูดดมความหอมจากกายมันห่างๆ
“ฝัน...ไปไหนแล้ววะ...?”เสียงไอ้หนุ่ยดังลอดโทรศัพท์มา จนไอ้ใหญ่สะดุ้งหันหลังกลับมา “เฮ้ย!!!..”
“เฮ้ย..อะไรวะ”ไอ้หนุ่ยก็เฮ้ยมั่ง “ฮ่าๆๆ...ไม่มีอะไรกูแค่แกล้งคน”
ไอ้ใหญ่มันหน้าแดงทำตาขึงใส่ผมเอามือดันตัวผมไปห่างๆแล้วรีบใส่กางเกงเลยครับ มันคงกลัวผมจะทำอะไรมัน หึหึ ก็มันน่าทำจริงๆถ้าไม่ติดว่าโทรศัพท์อยู่ ผมคงจะทำอะไรมันไปแล้ว
ผมจำใจต้องกลับไปนั่งคุยโทรศัพท์ต่อ “มึงอกหักจากใครวะหนุ่ย...มึงอะนะอกหัก” ผมยังไม่เคยได้ยินมันพูดคำนี้สักครั้ง
“ส้มไง...มีคนอื่นมาจีบเค้าแล้ว”ผมก็ดูว่าส้มรักไอ้หนุ่ยมาก เพิ่งตกลงคบกันไม่นานด้วย
“เป็นไปได้เหรอ เค้ารักมึงจะตาย” ผมกวักมือเรียกใหญ่ให้มานั่งข้างๆ ใหญ่เดินไปหรี่เสียงในทีวีแล้วมานั่งดูทีวีข้างๆผม
“เค้าก็รักกู แต่พ่อแม่เค้าไม่ชอบกู”เฮ้อฟังแล้วปวดตับ เรื่องแบบนี้มันยากจริงๆครับ ทำไมเราต้องเลือกพ่อแม่ครอบครัวกับคนรัก
“แล้วมึงจะทำยังไง?”นั่นซิถ้าผมเป็นมันผมจะทำยังไง ใหญ่เอนพิงตัวมาที่ผมผมเลยเอาแขนโอบไหล่มันไว้ เอามือลูบที่ไหล่มันไปเพลินๆ
“กูก็...ยังไม่ทำอะไร รอไปก่อน”ผมเริ่มสงสัยว่าทุกเรื่องในชีวิตไอ้หนุ่ยมันดูชิวไปหมดจริงๆ
“รออะไรวะ...รอให้เค้าไปแต่งงานกับคนอื่นรึไง” ผมพูดเสียงดังจนใหญ่หันหน้ามามอง
“ตราบใดที่มีรักเราก็ยังมีหวังไม่ใช่เหรอ.....มึงไม่เคยดูหนังฟังเพลงรึไงไอ้ฝัน ถ้าเค้ายังไม่เป็นของใครโอกาสเราก็ยังมีเสมอนะเว้ย” ผมก็งง หนังหรือเพลงอะไรกันผมไม่เคยดู รู้แต่ว่าคำพูดที่มันพูดโดนใจผมเต็มๆ
“มึงจะให้กูพิลาปรำพัน อกไหม้ไส้ขม ร้องไห้เมาเหล้า งานการไม่ทำ นั่นมันไม่ใช่กูอยู่แล้ว” เออเอากับมันซิ
“เฮ้อ....กูไปดีกว่า ไว้กลับมาค่อยคุยกัน กูไม่อยากกวนเวลามึง”
“เออรู้ตัวก็ดี ไว้กลับไปกูโทรหานะ” ใหญ่มันรู้ว่าผมจะวางเลยพูดดังๆใส่โทรศัพท์ผมว่า “หวัดดีคับพี่หนุ่ย”
ไอ้หนุ่ยได้ยินหัวเราะเสียงดังแล้วบอกผมว่า “น้องเขยกูน่ารักว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมกำลังจะด่ามันกลับ ”ไอ้เชี่....”
มันกลับตัดสายวางไปก่อนหนีคำด่าผมไปได้อย่างหวุดหวิด
“ฝันเป็นอะไรหน้าแดง คุยอะไรกันวะ ดูซีเรียสเชียว” ผมส่ายหน้า “ก็ไอ้หนุ่ยพ่อตาแม่ยายไม่ชอบมันจะให้เลิกกับแฟน”
“เหรอ แล้วพี่หนุ่ยทำไง? ”
“มันก็ไม่ทำไง รอเวลา ไม่รู้อะไรของมัน เฮ้อ” ผมลุกขึ้นจะไปอาบน้ำแต่ไอ้ใหญ่ดึงผมไว้ “มึงจะไปไหน?”
“อ้าวกูจะไปอาบน้ำไง มึงตัวหอมๆแล้วจะให้กูตัวเหม็นอยู่คนเดียวรึไง” ไอ้ใหญ่หน้าแดงทันทีพอผมพูดจบ
“มึงชอบเล่นอะไรบ้าๆ ทำให้กูตกใจเรื่อย” ผมได้แต่หัวเราะเดินออกไป
ใหญ่ตะโกนบอกตามหลังมาว่า “อย่าสระผมนะ อย่าอาบน้ำเย็นด้วย อย่า....”
“มึงมาอาบให้กูเลยมา...สั่งจริ๊ง”ผมชะโงกหน้าบอกยั่วมันไปว่า “แน่จริงรึเปล่าล่ะ”
ใหญ่ไม่ตอบแกล้งนอนคว่ำหน้าหนีผม แต่ก็ยังไม่วายเงยหน้าแดงๆของมันให้ผมเห็นแล้วก็ตะโกนว่า “ไปเลยไป ไปอาบเอง...อย่ามายุ่งกับกู”
หึหึ น่ารักจริงไอ้ใหญ่ของผม....................
************************************
เอิกซ์ซซซรอดไปอีกวัน