18_
Behind The Wall
(ต่อ)
“ฉันพูดว่ายังไง” เดฟกดเสียงต่ำ หน้าผากชื้นเหงื่อกดแนบกับหน้าผากผม
จะไม่ทนแล้ว..
“มองหน้า” เขาออกคำสั่งห้วนสั้น ดวงตาฉายประกายจริงจัง “มองแค่ฉัน.. เห็นแค่ฉัน ทำได้ไหม”
ผมเม้มปาก.. นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ากลับไป
“ดี”
แล้ววินาทีนั้น.. ผมก็สำนึกได้ชัดเจน ว่าจะไม่มีคำว่า ‘ยกเลิก’ สำหรับครั้งนี้
เดฟผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ใบหน้าเคร่งเครียดค่อยๆ เลือนหายไปจนกลายเป็นใบหน้าปรกติ ริมฝีปากอุ่นกดทาบลงมาบนปากผม ขบเม้มแรงๆ ราวกับจะลงโทษ ลิ้นร้อนแทรกตัวเข้ามา กวาดต้อนเอาทุกอย่างที่ผมมี เสียงน้ำลายดังขัดหู ขณะที่ลมหายใจของผมเริ่มติดขัด
พอเปลือกตากำลังจะหรี่ปิดลงเพราะภาพในสมองถูกตีรวนปะปนกัน ฝ่ามือแข็งแรงก็บีบเข้าที่กรอบหน้าผม พร้อมกับคำสั่งเด็ดขาดที่ดังชัดเจน
“ลืมตา”
ดวงตาเปิดกว้างอีกครั้ง ความร้อนเริ่มไล่วนจนถึงขมับ ผมทิ้งสายตาลงที่ใบหน้าอีกฝ่าย เดฟเองก็จับจ้องผมไม่วางตา ขณะที่ใบหน้าคมดุลดระดับลงไปเรื่อยๆ จูบร้อนกดทาบลงที่แผ่นอก ปลายลิ้นลากเลียจนผมเผลอเกร็งตัวตาม
หน้าท้อง.. เชิงกราน.. ริมฝีปากนั่นกดลากผ่านไปทุกที่โดยไม่ฝากร่องรอยอะไรไว้
กางเกงที่ผมสวมอยู่ถูกปลดแล้วรูดลงด้วยความรวดเร็ว เสียงหอบหายใจดังขึ้นชัดเจน คล้ายกับว่าเป็นเสียงของตัวของผมเอง
ลมหายใจถูกปล่อยออกหนักๆ ผ่านริมฝีปาก ตอนที่โคนขารับรู้ถึงปลายลิ้นและจูบจากอีกฝ่าย ผมเกร็งขา เริ่มรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาที
“อื้อ!..” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น สติหมุนคว้าง ตอนที่อีกฝ่ายใช้มือกอบกุมตัวตนของผมไว้ เดฟช้อนตาขึ้นมา เก็บทุกรายละเอียด ทุกท่าทางที่ผมแสดงออกไป
ปลายนิ้วจิกขยำผ้าปูด้านล่างจนยับ ผมเริ่มออกแรงทึ้งมันตามความอัดอั้นที่สุมอยู่ในร่างกาย ก่อนที่สติผมจะแตกละเอียดเป็นเสี้ยวเล็กๆ ตอนที่รับรู้ถึงลมหายใจอุ่น
“ไม่ สกปรก!” ผมหลุดตะคอก ร่างกายผุดลุกขึ้นนั่งขึ้นทันที ก่อนที่เรี่ยวแรงในร่างกายทั้งหมดจะถูกกระชากออกไป เพราะปลายลิ้นที่แตะละเลงลงมา
“ฮื่อ!” ผมกัดฟันแน่น ทิ้งศีรษะตัวเองให้แหงนเงย ปลายนิ้วจิกทึ้งเส้นผมของอีกฝ่ายแรง สัมผัสที่กระตุ้นช่วงล่างยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
เร่งเร้าสลับเนิบนาบจนผมเหมือนสูญเสียจังหวะการหายใจที่แท้จริงไป
แล้วทุกภาพที่มองเห็นในหัวก็แตกกระจายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ลอยคว้างออกไปจากการมองเห็น
ทั้งร่างหอบหายใจหนัก ผมทิ้งน้ำหนักไปข้างหน้า ก่อนจะหล่นอยู่ในวงแขนอีกฝ่ายที่ไถลตัวขึ้นมารับพอดิบพอดี ฝ่ามืออุ่นสอดรัดเข้าที่เอว กอดแน่นราวกับกลัวผมจะหลุดมือไป
หน้าผากผมซบลงตรงไหล่กว้าง ฝ่ามือขยำชายเสื้ออีกฝ่าย ขณะที่ใบหูอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร
นอกจากเสียงของเดฟที่ดังชัดจนน่าตกใจ
“ตรงไหนกันที่สกปรก” เขาพึมพำ ฝ่ามือไล้วนแผ่นหลังผมเป็นรูปวงกลมซ้ำไปซ้ำมา
ผมค่อยๆ ปรับจังหวะหายใจตัวเองช้าๆ จนกลับมาเป็นปรกติ ใบหน้ายังกดฝังอยู่กับลาดไหล่แข็งแรง
เป็นคนดี.. มากเกินไป
ผู้ชายคนนี้ กำลังผลักผมให้ตกลงไปในหลุมลึก
หลุมที่ผมจะไม่มีวันปีนขึ้นมาได้อีก ..
“ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว เข้าใจไหม” เขาทอดเสียงอ่อน ขณะที่ผมค่อยๆ ผละร่างตัวเองออก สิ่งสกปรกที่เลอะติดอยู่ที่ปากอีกฝ่าย
ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะคลายออก..
ปลายนิ้วโป้งขยับขึ้นปาดมันออกช้าๆ
ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องโกหกที่หลอกลวงให้ผมตายใจ หรือเป็นความจริงที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของผม ผู้ชายคนนี้ ..
ทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ ว่ากลายเป็นตัวผมเองหรือเปล่า ที่อยากกระโดดลงไปในหลุมนั้นด้วยความเต็มใจ
และการที่ต้องยอมรับคนอื่นเข้ามาในชีวิต ก็เป็นเหมือนการประกาศว่าพ่ายแพ้
“คุณกำลังจะทำให้ผมล้มลง”
เดฟหลุดยิ้มเหยียดออกมา ริมฝีปากสะบัดหนีปลายนิ้วของผม ก่อนจะโน้มเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
“แล้วถ้าฉันล้มลงไปด้วยล่ะเป็นไง” ผมนิ่งชะงัก ขณะที่อีกฝ่ายกดจูบเข้าที่ใต้ใบหู “สกปรกไปด้วยกัน แบบที่เคยพูดไง”
แรงขบเม้มเล็กๆ ย้ำชัดเหนือผิวเนื้อ
เป็นอีกครั้ง ที่ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกล่อหลอก
จูบหนักๆ กดลงที่ลาดไหล่ พร้อมกับแรงกระชับจากวงแขนที่โอบรัดผมอยู่
ผมผ่อนลมหายใจตัวเองช้าๆ แผ่นอกเริ่มขยับขึ้นลงเพราะสัมผัสจากมืออีกฝ่ายเริ่มไล้วนสลับบีบเค้นช่วงสะโพก
“ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว” เขาพูด
นั่นเป็นประโยคสุดท้าย ที่เหมือนกระชากผมออกจากการทรงตัวบนเส้นด้าย
ปลายนิ้วสอดไล้เข้าในเส้นผม ร่างของเดฟถูกพลิกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับสะโพกที่กดลงนั่งตรงกลางตัวอีกฝ่าย
ผมเท้าแขนกับเตียง โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน รับฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในช่องอก
“ไม่ต้องกังวลเหมือนกัน”
…
“เพราะผมก็กำลังจะแสดงให้คุณเห็น.. สิ่งที่ผมเป็นจริงๆ”
ริมฝีปากเลื่อนชิดข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนถูกปล่อยออกไปแตะไล้จนผมรับรู้ได้ถึงการเกร็งตัว รอยยิ้มเล็กๆ ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปาก ขัดกับดวงตาที่นิ่งสนิท “ตั้งใจดูล่ะ”
มือของเดฟกลับมาแตะที่สะโพกผมแทนการตอบรับ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เช่นเดียวกับผมที่หยุดทุกความคิดที่เดือดพล่านในหัว ริมฝีปากกดแตะผิวเผินเหนือผิวเนื้อ ลากย้ำไปจนถึงรอยบุ๋มเล็กๆ ตรงคอ ร่างกายที่บดเบียดอีกฝ่ายอยู่ค่อยๆ ผละออกจนเหลือระยะห่างระหว่างเรา ผมเสียดสีช่วงขาตัวเองกับสะโพกแข็งแรง รับรู้ถึงแรงกดหนักๆ จากฝ่ามืออุ่น
หัวเข่าทั้งสองข้างเกร็งเพื่อต้านแรงกดอยู่บนผ้านวม.. เพราะเขาอีกฝ่ายต้องการให้ผมทาบกลับลงไปใหม่แบบเมื่อครู่
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้
ผมช้อนตาขึ้นมอง ปลายนิ้วถูกยกขึ้นสัมผัสช่วงอกอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนลากลงต่ำอย่างจงใจ พร้อมกับปลายลิ้นที่แตะเข้ากับช่วงลำคอ เสียงครางต่ำหลุดลอดออกมาให้ได้ยิน ผมขยับตัวขึ้นสูง เริ่มย้ำสะโพกเพื่อสัมผัสร่างกายตัวเองกับอีกฝ่าย ขณะที่ริมฝีปากบดเบียดทาบปากอีกฝ่ายช้าๆ เป็นจังหวะเนิบนาบ
ศีรษะขยับเอียงไปมาเบาๆ หลุดเสียงหัวเราะต่ำๆ ในลำคอออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าเดฟกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์แบบไหนตอนนี้
ปลายลิ้นผมกวาดไล้ริมฝีปากล่างอีกฝ่าย ก่อนที่ผมจะรีบปิดปากให้สนิททันทีเมื่อเดฟเริ่มส่งลิ้นกลับมา
เสียงครางแหบที่ได้ยิน ฟังดูเหมือนเขากำลังจะสติแตก
แรงบีบที่สะโพกผมแน่นขึ้น พร้อมกับการกดร่างผมให้ล้มลงบนตัว ความตกใจเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เผลออ้าปาก แรงสอดเกี่ยวจากปลายลิ้นแทรกตัวเข้ามาทันที เสียงหอบหายใจที่ดังลั่นในตอนนี้กลับกลายเป็นเสียงของตัวผมเอง
ร่างของผมถูกพลิกกลับลงไปอยู่ด้านล่าง ผมกัดริมฝีปากล่างเบาๆ สบตากับเดฟที่จ้องมองมาด้วยสายตาที่แปลกไป
.. ราวกับเดฟคนนั้น ได้กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมแทบไม่รู้จัก
ดวงตาสีเข้มเปล่งแสงขัดกับความมืดที่รายล้อมอยู่รอบตัว ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกร้อนยามจ้องมอง ไล่มาจนถึงริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อย สัมผัสจากฝ่ามือขยำขึ้นมาจนถึงช่วงเอว ไล่กลับไปตรงสะโพก ฝากรอยแดงจากการบีบไว้บนผิวเนื้อของผม ก่อนจะหยุดสัมผัสดิบหยาบลงที่ต้นขาด้านใน
ผมทิ้งศีรษะลงกับผ้าปูเตียง ดวงตาเกลือกต่ำสบกับอีกฝ่ายไม่หลบเลี่ยง เสียงหายใจถูกปล่อยออกผ่านริมฝีปากที่อ้าออกเมื่อเดฟขยับมือสูงขึ้น ฝ่ามือแตะทาบเข้าที่หลังมืออีกฝ่าย ไล้วนปลายนิ้วกลางเป็นรูปวงกลมซ้ำๆ ก่อนลากผ่านจนสัมผัสเข้ากับผิวกายของตัวเอง
เรียวขาถูกยกขึ้น จงใจแตะข้อพับขาด้านในกับต้นแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทุกสัมผัสเกิดขึ้นจากความตั้งใจ ผมรู้ดี ว่าการสัมผัสเพียงเล็กน้อยในบางส่วนสร้างความรู้สึกได้มากกว่าการสัมผัสจาบจ้วงตรงๆ
และทฤษฎีนั้นใช้ได้ผล.. ผมกะพริบตา มุมปากขยับขึ้นยิ้มเล็กๆ ตอนที่เห็นเดฟเผลอกลั้นหายใจ
แล้วเสียงครางก็หลุดแผ่วออกจากลำคอ ผมกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับลมหายใจที่ถูกสูดเข้าลึก ปลายนิ้วกดแทรกเข้าไปในร่างกายตัวเอง ฝ่าเท้าขยับลากกับผ้าปูจนเกิดเสียงเสียดสี
อาจจะเพราะว่าไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มาสักพัก.. ความรู้สึกแปลกๆ ถึงได้เข้าเกาะกุมสัมผัส
แต่ถึงจะรู้สึกแปลกแค่ไหน ความคุ้นชินก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผมหลุดเหยียดยิ้มออกมา
แรงสอดแทรกหยุดชะงักลงกะทันหัน ผมผงกหัวขึ้นมา สบตากับเดฟที่ขมวดคิ้วแน่น สายตามองต่ำลงไปเรื่อยๆ จนหยุดเข้ากับฝ่ามือของอีกฝ่าย ที่บีบแน่นอยู่ที่ข้อมือผม
ไม่เข้าใจ ..
ประโยคนั้นกระแทกเข้ากลางสมอง
“ทำอะไร” เดฟถามเสียงห้วน ผมถอนหายใจออกมา รอยยิ้มกลวงๆ ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปาก
“เตรียมตัวเอง ให้คุณไง” สิ้นคำพูดนั้นไม่ทันถึงวินาที ริมฝีปากคล้ำก็กระแทกจูบเข้ามาแรงๆ จนรับรู้ได้ถึงความเจ็บ ลิ้นร้อนกดเหนือลิ้นของผมราวกับกำลังปราม จูบครั้งนี้สร้างความรู้สึก ราวกับกำลังถูกสั่งสอน ปลายนิ้วเลื่อนหลุดออกจากช่องทางของตัวเองเพราะการบังคับจากร่างสูง ข้อมือของผมถูกตรึงนิ่งอยู่กับเตียง
“ฮื่อ..” ผมเริ่มส่งเสียง ริมฝีปากเห่อช้ำจนแสบ กับอากาศหายใจที่เหมือนจะหมดลง แต่จูบนั้นยังคงอยู่ ราวกับเดฟไม่สนใจฟังคำวอนขอของผม
หนึ่งวินาที.. สี่วินาที.. สิบวินาทีหลังจากนั้น ดวงตาของผมเริ่มพร่าเลือน ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกไป
ส่วนล่างถูกบดเบียดเข้ามา พร้อมกับวงแขนที่กระชับตัวผมไว้
โกรธอะไร.. คำถามที่ผมหาคำตอบไม่ได้ดังลั่นอยู่ในหัว
เดฟเม้มปาก ดวงตาจ้องมองมาอย่างหาเรื่อง “อยากได้แบบนี้เหรอ” เขาถามเสียงห้วน
ผมเม้มปาก หัวใจเต้นกระหน่ำจากหลายๆ ความรู้สึก
ไม่ตอบคำถาม.. ผมจ้องสบตากลับไปด้วยใบหน้าที่เริ่มแสดงความไม่พอใจ พอเห็นแบบนั้น เดฟก็หลุดสบถออกมา ต้นขาข้างหนึ่งของผมถูกกระชากยกขึ้นสูง เสียดกับกางเกงที่อีกฝ่ายใส่อยู่ พร้อมกับจูบหยาบคายที่บังคับแทรกเข้ามาเป็นรอบที่สอง
คราวนี้ผมยกมือขึ้นทุบหน้าอกเขาแรง แรงบีบรัดตรงต้นขาสร้างความระคายเคือง ไม่ต่างจากลิ้นที่กวาดเข้ามาลึก
“อื้อ!” ผมเริ่มออกแรงสะบัดตัว ลมหายใจถูกโกยเข้าปอดอย่างบ้าคลั่ง ตอนที่เดฟยอมถอยออกไป
รอยยิ้มหยันฉายขึ้นชัดอยู่เบื้องหน้า “ไม่ชอบใช่ไหม”
เขาถาม แรงบีบปล่อยออกจากต้นขา ย้ายมาไว้ตรงปลายคางของผม ใบหน้าถูกจับตรึงไว้ไม่ให้หันหนี “ไม่ชอบแบบนี้ใช่ไหม ตอบ”
ผมเม้มปาก ความรู้สึกรั้นๆ ไล่ลามอยู่ตามจมูกและคาง หัวใจเต้นหน่วงหนืดจนอึดอัด
“ตอบ”
“ไม่” ผมพึมพำ ปลายนิ้วขยำเข้าที่ไหล่กว้าง “ไม่ชอบ”
เดฟทิ้งสายตาลงที่หน้าผม ลมหายใจถูกปล่อยออกผ่านปลายจมูก การเม้มปากเกิดขึ้นไม่กี่วินาที ก่อนที่สีหน้าตึงเครียดเมื่อครู่จะสลายไปราวกับเป็นแค่ภาพลวงตาที่ผมคิดเห็นไปเอง จูบนุ่มนวลกดแนบลงที่ขมับ ป้ายแท็กสีเงินที่อีกฝ่ายสวมคออยู่ในระดับเดียวกับสายตาของผม
“ถ้าไม่ชอบก็อย่าทำแบบนั้นอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “อย่าทำ เหมือนกับฉันเป็นหนึ่งในลูกค้าของนาย”
!
ผมเบิกตากว้าง ทั้งร่างเหมือนถูกโยนลงไปในน้ำเย็น ต้นขาไล่ไปจนถึงปลายนิ้วเท้าชายิบไร้ความรู้สึก
“ฉันไม่ได้เป็นลูกค้าของนาย.. ไม่ได้อยากเป็นคนพวกนั้น” จูบกดไล่ลงจนถึงข้างแก้ม ก่อนจะผละออกไป
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของฉัน.. มันเป็นเรื่องของนาย เรื่องของเรา” แรงบีบรุนแรงถูกเปลี่ยนเป็นการนวดเบาๆ ราวกับเอาใจ “เข้าใจชัดเจนไหม”
สายตาจริงจังจ้องตรงมา “ถ้าไม่อยากให้ฉันปฏิบัติกับนายแบบนั้น.. อย่าปฏิบัติเหมือนฉันเป็นพวกนั้น”
ความจุกเล็กๆ แล่นปราดขึ้นตรงคอหอย ผมหลับตาแน่น ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
“ขอโทษ” เดฟส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้มจางๆ แต้มอยู่บนใบหน้า
“เข้าใจละ” เขาพึมพำ แนบหน้าผากลงมากับหน้าผากผม ลมหายใจอุ่นแตะอยู่ตรงปลายจมูก สร้างความรู้สึกดีจนน่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรมากกว่าการจ้องมองในระยะใกล้
แต่ความรู้สึกที่ผมกำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้ .. เหมือนกับกำลังโดนอีกฝ่ายเล้าโลมอย่างร้ายกาจ
เพราะสายตาเป็นประกาย กับรอยยิ้มที่มองเห็น เขาเอียงหน้าเล็กน้อย “นายอาจจะเก่งเรื่องเซ็กส์..” เสียงพูดเนิบนาบ เว้นจังหวะให้ผมสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะฮุคเข้าเต็มๆ ท้องผมด้วยประโยคถัดไป “แต่ไม่เคยทำรักใช่หรือเปล่า”
ริมฝีปากของผมเผยอออก ราวกับร่างกายต้องการตอบโต้อะไรสักอย่างกลับไป แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่หลุดลอดออกจากลำคอ เดฟเลิกคิ้ว เขาค่อยๆ ดันกายลงต่ำ ใบหน้าเลื่อนผ่านผิวเนื้อเปลือยเปล่าของผมพร้อมกับการปล่อยลมหายใจร้อนให้คลอเคลียเหนือผิว
ผมเผลอกลั้นหายใจ
“คราวนี้ นายนั่นแหละ ที่จะต้องเป็นคนตั้งใจดู” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ร่างจะสะดุ้งเพราะปลายลิ้นที่ดุนดันตรงยอดอกทีเผลอ ฝ่ามือไล้ลงต่ำ ก่อนจะหยุดวางบนท้องน้อย
ผมกัดฟัน ดวงตาปรือปิดแน่นยิ่งทำให้ทุกสัมผัสชัดเจนขึ้นไปอีกในความคิด เส้นผมของเดฟไล้ผ่านร่างกายผมลงไปช้าๆ เรียวขาถูกยกขึ้นพาดบนไหล่กว้าง ทั้งร่างของผมสะดุ้งเฮือกกับจูบหนักแน่นที่กดลงตรงโคนขา ขบเม้มย้ำๆ อย่างหยอกล้อ
ปลายนิ้วกำผ้าปูติดเข้ามาในฝ่ามือ ก่อนจะออกแรงขยำแรงๆ ขณะที่ร่างกายเริ่มทุรนทุรายจากการหยุดหายใจนานๆ ฟันสบเข้าหากันพร้อมกับทั้งร่างที่เกร็งจนสั่น
“อ๊ะ…” เสียงร้องเล็ดลออดออกจากคำ ผมเผลอแอ่นตัว ปลายเท้าจิกเข้าที่แผ่นหลัง สัมผัสฝ่าเท้ากับเสื้อที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ หัวสมองหมุนคว้างพร้อมกับความซ่านที่แล่นปราดขึ้นตามแนวสันหลัง ปลายลิ้นร้อนแตะย้ำลงตรงช่องทาง แรงบีบตรึงสะโพกของผมเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
“อื้อ เดฟ!” ผมจิกเกร็งฝ่ามือแน่น เสียงหอบหายใจดังลั่นอยู่ในกกหู ความร้อนไล่ลามกลืนกินทุกส่วนในร่างกาย แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะถี่
สัมผัสบุกรุกเริ่มกดแทรกเข้าด้านล่าง ปลายนิ้วของเดฟรุนรานเข้ามาช้าๆ ไม่เร่งรีบ เพราะหลับตาอยู่ ผมถึงมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากใบหน้าของเดฟที่เหมือนติดค้างอยู่ตรงเปลือกตา
ริมฝีปากล่างถูกกัดจนได้รสสนิม เสียงร้องหลุดลอดออกไปเป็นระยะทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ประเภทที่ปล่อยเสียงตัวเองออกไปง่ายๆ สัมผัสเลื่อนเข้าออกตอกย้ำทุกประสาทการรับรู้ ผมบิดตัวไปมา ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างกายถูกสาดด้วยอะไรร้อนๆ มากขึ้นเท่านั้น
“บอกให้ตั้งใจดูไง” แล้วเสียงกระซิบแหบต่ำระยะใกล้ก็เรียกเปลือกตาให้เปิดขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเดฟอยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ จูบร้อนแรงทาบทับลงมา พร้อมกับนิ้วที่ถูกถอนออกไป รับรู้ได้โดยไม่ต้องมอง ว่าอีกฝ่ายกำลังร้อนรนแค่ไหนกับการถอดกางเกงให้ตัวเอง
“ถามครั้งสุดท้ายนะ เจนิน” ชื่อของผมถูกปล่อยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทั้งร่างชะงักไปทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับความรู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อที่ถาโถมเข้ามา
ผมไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน.. ตอนที่ใครสักคนเรียกชื่อนั้นออกมา ขณะที่อยู่บนเตียง
ไม่เคยรู้สึก จนกระทั่งถึงวันนี้
ฝ่ามือของเดฟประคองเข้าที่ใบหน้า แรงเสียดสีเกิดขึ้นเบาๆ แถวต้นขา หัวเข่าของเดฟกดฝังแน่นอยู่กับเตียง “นาย เป็นของฉัน อยู่กับฉัน ด้วยความเต็มใจแล้วใช่ไหม”
พอถูกถามตรงๆ ความเขินอายแปลกๆ ก็เต้นพล่านในเส้นเลือด
ผมเผลอเบือนหน้าหนี ก่อนจะที่ฝ่ามือนั้นจะบังคับให้ผมหันกลับไปสบตา แววตาคมดุฉายแววเว้าวอน ตอนที่เจ้าตัวกำลังร้องขอผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ใช่ไหม”
ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูก เรียวขาด้านในถูกยกขึ้นจนสัมผัสกับเอวสอบ ผมโอบรัดร่างกายอีกฝ่ายไว้แน่น พร้อมกับปลายนิ้วที่ขยำเข้าแรงๆ ตรงเส้นผมละเอียด
“ใช่”
เฮือก!
ทั้งร่างของผมกระตุกเกร็ง ใบหน้าสะบัดแหงนเงย เรียวขาที่กอดรัดอีกฝ่ายสั่นไหวจนเกือบจะร่วงหลุด ถ้าไม่มีฝ่ามือแข็งแรงช้อนรับเอาไว้
ตัวตนของเดฟกดลึกเข้ามาจนสุดในครั้งเดียว ย้ำชัดถึงการมีตัวตนอยู่ในร่างกายของผม เสียงหอบหายใจถี่ดังผสมกันมั่วไปหมดในอากาศ เดฟพรมจูบลงบนใบหน้าผมสะเปะสะปะ ขณะที่สะโพกแข็งแรงเริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้าแต่หนักแน่น
ผมกัดฟัน ทั้งร่างสั่นไปหมด ลำคอถูกงับเบาๆ ตามมาด้วยแรงดูดดึงที่ผิวเนื้อ
นั่นนับเป็นครั้งแรก ที่อีกฝ่ายทำรอยบนร่างกายนี้
ทำเป็นครั้งแรก หลังจากได้รับคำอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้วงั้นเหรอ
หัวโบราณไม่เบา.. ผมหลุดยิ้มออกมา ขณะที่ทั้งร่างขยับแรงจากการกระแทกกระทั้นที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้
ช่วงอารมณ์ของผมถูกดึงขึ้นสูงเรื่อยๆ จนฝ่ามือที่สอดแทรกอยู่ในเส้นผมอีกฝ่ายออกแรงกดให้ใบหน้านั้นลดต่ำลงมาใกล้
เสียงหอบหายใจยังเป็นเสียงที่ชัดเจนที่สุด ไม่นับเสียงเนื้อกระทบกันที่ให้ความรู้สึกหยาบโลน “ได้โปรด..”
ผมปล่อยขาตัวเองให้ตกลงบนเตียง เดฟชะงักไปเล็กน้อยกับคำขอนั้น ผมไม่แน่ใจนักว่าเขาเข้าใจมันว่ายังไง แต่แล้วทั้งร่างก็ถูก
พลิกให้นอนคว่ำ สะโพกถูกจับยกขึ้นเหนือเตียง พร้อมกับหัวเข่าทั้งสองข้างที่กดลงจนผ้าปูจมลงไปตามน้ำหนักตัว
หน้าท้องแข็งแรงแนบประกบชิดแผ่นหลัง ผมเริ่มแอ่นตัว เหงื่อไหลซึมลงตรงขมับทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องเย็นสบาย ร่างกายโยกคลอนเป็นจังหวะถี่รัว พร้อมกับแรงฟอนเฟ้นจากฝ่ามือตามสะโพกและบั้นท้าย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้สร้างความสับสนลึกๆ ในใจ
ว่าผู้ชายคนนี้.. จริงๆ แล้วเป็นคนประเภทไหนกันแน่
เดี๋ยวอ่อนโยน เดี๋ยวดิบเถื่อน.. เดี๋ยวพร่ำประโยครื่นหู เดี๋ยวหลุดสบถหยาบคาย..
ลิ้นอุ่นร้อนตวัดเลียติ่งหู ก่อนที่แรงขบเม้มจะตามมา ผมคว้ามือสะเปะสะปะไปด้านหลัง สัมผัสเข้ากับผิวเนื้อเปลือยเปล่า ปลายเล็บจิกลึกลงไปยังสะโพกแข็งแรงที่เคลื่อนที่ไม่หยุด
“แม่งเอ้ย” เสียงสบถห้วนดังขึ้นแผ่วเบา ฟังดูห่างไกลทั้งๆ ที่ริมฝีปากนั้นแนบชิดอยู่ที่หู ดวงตาของผมพร่าเลือน ลมหายใจตีกันวุ่นวายจนหาจังหวะที่แท้จริงไม่ได้ ความร้อนสุมอยู่ตามข้อพับ รวมไปถึงเหงื่อที่ชโลมอยู่ตรงหัวเข่า
มือของเดฟลากผ่านแผ่นหลังของผมแรงๆ
“นายทำฉันล้มแล้ว” เขากระซิบเสียงเครียด “ตกหลุมเข้าจังๆ เลย”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่สติของผมรับรู้ ก่อนที่ใบหูจะถูกแทรกด้วยเสียงลมหายใจและอัตราชีพจรที่ถี่รัวของตัวเอง
tobecontinued.
____
#เดฟฟลอยด์
1คอมเม้นต์1กำลังใจ
รักเสมอ
Cinzano 505.