HEARTBREAKER
34
(ต่อ)
ตั้งแต่ขึ้นรถเบนซ์ออกมาจากห้างดัง เจ้าตัวเล็กก็เงียบจนผิดปกติ พอสองหนุ่มหันไปมองก็เห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งตาปรือคอพับคออ่อนอยู่ ควินส่ายหน้ายกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดูไม่ต่างจากแซทที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความขบขัน เข้าใจว่าแอร์ในรถมันเย็นและเสียงเพลงบัลลาดที่เปิดคลอเบาๆอาจเป็นต้นเหตุให้เด็กหนุ่มเกิดอาการเคลิ้มหลับ แต่สาเหตุหลักน่าจะมาจากเจ้าตัวมากกว่า ที่พอกินเสร็จหนังตาก็เริ่มหย่อน
รถหรูเลี้ยวเข้าซอยบ้านที่คุ้นเคยจนเรียกว่าจำได้แม่น พอมาถึงหน้าประตูรั้วก็พบว่ามันเปิดรอคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว เจ้าของรถแสยะยิ้มอย่างรู้เท่าทันความคิดของเพื่อน ชายหนุ่มขับผ่านประตูรั้วเข้าไป พอรถจอดนิ่ง เจ้าของบ้านหน้าหวานแต่แววตาดุอีกทั้งยังแข็งกร้าวก็รีบเดินลงมารับน้องชาย มือบางเปิดประตูรถด้านหลังโดนที่ไม่รอให้คนข้างในเปิดออกมา น้ำเสียงเข้มเอ่ยสั่ง
“รีบๆลงมา”
คนถูกสั่งยกมือขยี้เปลือกตาเพราะความง่วง ขยับตัวก้าวลงจากรถ
“จะดุไรนักหนาวะ น้องมันง่วงนอน”
ควินบอกเพื่อนพลางมองเด็กหนุ่มที่ดูจะหง่อยๆเพราะสายตาดุของพี่ชาย
“กูพูดกับน้องกู มึงเสือกอะไร”
เนสตอบกลับเสียงแข็ง ดึงมือน้องให้เดินตามตนเข้าบ้าน
ควินแสยะยิ้มร้าย มองตามหลังสองพี่น้อง ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดกับเขาแบบนี้ มันได้เจ็บตัวแน่!
“ช่างแม่งเหอะ”
แซทบอกพร้อมกับตบบ่าเพื่อนไปที เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงน้องชาย
ควินยักไหล่แทนคำตอบ สองหนุ่มเดินเข้าบ้านไปก็เห็นว่าเพื่อนกำลังมองน้องชายด้วยสายตาดุไม่เปลี่ยน เจ้าตัวเล็กก็นั่งหน้าหง่อยทั้งๆที่ตาปรือไม่หาย เนสเห็นจากหางตาว่าร่างสูงของเพื่อนเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลังก็ไล่น้องขึ้นห้อง
“ขึ้นห้องไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว”
“ครับ”
ต้าร์ตอบรับเสียงแผ่ว เหลือบไปมองสองหนุ่ม ส่งยิ้มบางให้ก่อนลุกขึ้นเดินไปยังชั้นสองของบ้าน
พอลับร่างน้องชาย เนสก็หันมาขึงตาดุใส่เพื่อน
“มึงพาน้องกูไปไหนมา ทำไมกลับเอาป่านนี้”
ถามพลางมองอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยเพราะก่อนหน้านี้ จิตใจว้าวุ่นเป็นห่วงน้องชาย ยืนรออยู่หน้าบ้านตั้งนาน ทั้งชะเง้อมองก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าน้องจะกลับ ถ้าไม่กลัวว่าการที่โทรไปเร่งให้รีบกลับแล้วอีกฝ่ายจะประชดด้วยการรั้งตัวต้าร์ไว้นานขึ้น เขาคงกระหน่ำโทรไปแล้ว
“ก็บอกแล้วว่าพาไปช่วยซื้อของ”
แซทตอบเสียงเรียบ เดินไปนั่งที่โซฟา ควินเดินตามไปนั่งที่โซฟาอีกตัว
“แค่ซื้อของ” เนสสวนกลับเสียงสูง “กูไม่เชื่อ”
“มึงจะซักอะไรนักหนาวะ พวกกูแค่เลี้ยงเค้กน้องมึง กินเสร็จก็กลับ ก็แค่นั้น”
ควินบอกอย่างเบื่อหน่ายกับท่าทีของเพื่อน
“พวกมึงก็รู้ว่าช่วงนี้ใกล้สอบ ต้าร์ต้องอ่านหนังสือ พวกมึงยังพาน้องกูไปเที่ยวเล่น รู้เวลาบ้างสิวะ”
เนสโวยอย่างหงุดหงิด
“กูเข้าใจว่ามึงเป็นห่วงต้าร์ แต่พวกกูก็รับปากมึงไปแล้วนี่หว่า มึงจะกลัวเหี้ยไร”
แซทเริ่มหงุดหงิดตาม
“ใช่ พวกมึงรับปากกูแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกมึงจะทำตามที่กูขอ”
ได้ยินอีกฝ่ายสวนมา คนฟังก็พร้อมใจลุกขึ้น ควินเดินเข้าหาคนเตี้ยกว่า
“มึงจะหาเรื่องพวกกูให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ใช่แล้วทำไม”
เนสบอกอย่างท้าทาย แววตาแข็งกระด้าง
“กูมาส่งต้าร์ ไม่ได้อยากมีเรื่องกับมึง”
แซทว่าก่อนเดินออกไปด้วยเพราะไม่อยากอยู่ต่อปากต่อคำให้อารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“กูชอบต้าร์ แต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะยอมทุกอย่าง อย่าบีบให้กูเหี้ย กูรู้ มึงไม่อยากเห็นเวลากูเหี้ยหรอก”
ควินบอกแกมขู่เจ้าของบ้านก่อนเดินตามเพื่อนออกไป ทิ้งให้คนฟังยืนขบกรามพลางกำหมัดแน่นอย่างพยายามระงับโทสะ
“เพราะกูกลัวพวกมึงเหี้ยใส่น้องกูไง กูถึงเป็นห่วง”
เนสเอ่ยลอดไรฟัน เงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน
‘ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ คงช่วยเขาจัดการปัญหานี้ได้ ถ้าเพียงแค่พวกท่านไม่ด่วนจากไป เขาคงไม่ต้องมารับภาระหนักอึ้งขนาดนี้’
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศยามเช้าหน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยคราคล่ำไปด้วยเหล่านิสิตและรถยนต์ ร่างสูงเปิดประตูก้าวลงจากรถสปอร์ตป้ายแดงที่จอดไว้หลังตึกคณะสถาปัตฯ มือหนาล้วงเอาซองบุหรี่กับไฟแชคในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง หยิบมวนออกมาคาบไว้ที่ปากแล้วจุดสูบ พ่นกลุ่มควันพิษออกมาได้สักพัก รถคันที่เป็นเป้าหมายก็แล่นเข้ามาจอด ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนทิ้งมวนบุหรี่ลงพื้นแล้วยกเท้าขยี้
“ไง พี่ชาย”
ส่งเสียงทักทายเจ้าของรถเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงด้วยรอยยิ้มยียวน
คนถูกทักแสยะยิ้ม เดินมาหยุดเผชิญหน้ากับไอ้ลูกเมียน้อยที่เขาตราหน้ามันตั้งแต่ได้เจอหน้ากันครั้งแรก
“ไง ไอ้ลูกหมา ไม่มีที่อื่นให้มึงเห่าแล้วเหรอ ถึงได้มาเห่าไกลถึงที่นี่”
ควินถามพลางยิ้มเยาะ นึกสะใจที่เห็นอีกฝ่ายกำหมัดแน่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ได้ข่าวว่าพี่ชายมีเหยื่อคนใหม่แล้ว น้องเลยมาถามไถ่ ได้ข่าวว่าชื่อต้าร์ เป็นเด็กมอปลาย แถมยังเป็นผู้ชายซะด้วย”
ฮาร์ฟยิ้มกว้าง หรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
ไม่มีรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าอีกต่อไป ควินมองฝ่ายตรงข้ามนิ่ง นัยน์ตาสีเฮเซลวาวโรจ ขายาวก้าวเข้าหาพร้อมกับที่สองมือยื่นออกไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างแรง
“ใจเย็นสิครับพี่ชาย ผมก็แค่ถาม ไม่เห็นต้องรุนแรงเลย”
คนบอกยักคิ้ว เย้าแหย่อารมณ์อย่างต้องการให้คนตรงหน้าโกรธ สองมือยกขึ้นสูงอย่างจะบอกว่ายอมแล้ว
“ถ้ามึงยังไม่อยากตาย อย่ายุ่งกับคนของกู!”
ควินเค้นเสียงบอกพลางกำคอเสื้อแน่นขึ้น ชายหนุ่มแสดงออกชัดเจนถึงความเป็นเจ้าของในตัวเด็กหนุ่ม ทั้งยังออกตัวปกป้องอย่างเผลอตัวให้อีกฝ่ายรู้ถึงจุดอ่อน
“น่ากลัวจัง”
ฮาร์ฟตอบน้ำเสียงขี้เล่น สายตาพราวระยับไปด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นพี่ชายต่างมารดาแสดงอารมณ์โกรธออกมาให้เห็น นั้นหมายความว่า เหยื่อคนใหม่น่าสนใจไม่น้อย
“อยากตายตามแม่มึงไปก็ลองดู กูไม่ปล่อยมึงแน่”
บอกพลางปล่อยมือออกจากคอเสื้อพร้อมผลักศัตรูออกห่างจนอีกฝ่ายเซถอยหลัง
ฮาร์ฟหัวเราะเบาๆ จัดปกเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย เงยมองหน้าคนที่ตนเกลียดชังเข้ากระดูกดำแล้วแสยะยิ้มร้าย
“กูไม่ยอมตายหรอก จนกว่าจะได้น้องต้าร์มาเป็นเมีย”
“ไอ้สัดฮาร์ฟ!”
ควินพุ่งเข้าหาแต่อีกฝ่ายไหวตัวทันรีบเปิดประตูก้าวขึ้นรถ ปิดประตูเสร็จก็รีบสตาร์ทเครื่องยนต์
“ไปนะครับพี่ชาย บ๊ายบาย”
ยกมือโบกให้คนที่ยืนนิ่งจ้องมองมาด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนขับรถออกไปด้วยความเร็ว
ควินมองตามด้วยอารมณ์โกรธจัด หอบหายใจจนมือสั่น ในหัวคิดวนเวียนถึงคำพูดของศัตรู
“กล้ามาท้าทายกูถึงมหา’ลัย มึงอย่าหวังว่าจะได้อยู่ผลาญเงินของพ่อมึงต่อ กล้าแตะคนของกูเมื่อไหร่ กูเอามึงตายแน่!”
เสียงลูกบาสตกกระทบพื้นพร้อมกับเสียงหัวเราะผสมกับเสียงร้องโวยวายดังอยู่ในโรงยิม คนตัวเล็กที่ความสูงไม่ทัดเทียมกับเพื่อนๆถูกล้อจนอารมณ์เสียขวางลูกบาสออกนอกสนามแล้วเดินหนีออกมานั่งบ่นอยู่บนอัฒจัณฑ์ ใบหน้าเรียวเล็กบูดบึ้ง แต่พอเสียงใสๆเอ่ยเรียกพร้อมมาปรากฏตัวให้เห็นตรงหน้า อารมณ์ขุ่นเคืองก็จางหายไปแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ต้าร์”
“เมเปิ้ล ม…มา มาได้ไง”
ต้าร์ถามตะกุกตะกักด้วยความประหม่าที่หญิงสาวในดวงใจยืนส่งยิ้มหวานมาให้ในระยะใกล้ชิด
“ก็ห้อง2มีเรียนพละวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวบอกก่อนนั่งลงข้างๆ เอ่ยถามเสียงหวาน
“เป็นไง เหนื่อยมั้ย”
“ก็ นิดหน่อย”
“นิดหน่อยอะไร ดูสิ เหงื่อเต็มหน้าเลย หันมานี่ เดี๋ยวเราเช็ดหน้าให้”
บอกพลางหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักลายดอกไม้สีชมพูน่ารักออกมาจากกระเป๋ากระโปรง
คนฟังได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจปนกับอาการเกร็ง เสียงหัวใจเต้นรัวเร็ว
“หันหน้ามาสิ อายอะไร”
เมเปิ้ลยิ้มบอก ถือโอกาสจับหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายให้หันมามองตนแล้วทาบทับผ้าเช็ดหน้าหอมกรุ่นลงซับเหงื่อบนใบหน้าให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
‘น่ารักจัง’
ต้าร์ยิ้ม เพ้อในใจ มองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวานเชื่อม กลิ่นน้ำหอมยวนใจจากกายหญิงสาวโชยเข้าจมูกอย่างจัง ยิ่งพานให้อารมณ์แปรปรวนหนัก ทั้งตื่นเต้นดีใจผสมปนเปกันมั่วไปหมด
“เสร็จแล้ว หน้าต้าร์ใสจัง ใช้ครีมอะไรเหรอ”
“เอ่อ…ครีมเหรอ เราใช้ของเด็กน่ะ”
ตอบเสียงเบา ยิ้มเจื่อนที่ถูกถามถึงเรื่องที่ไม่คาดคิด
“ใช้แป้งเด็กด้วยใช่มั้ยเนี่ย ได้กลิ่นแป้งเด็กห๊อมหอม”
หญิงสาวว่าต่อพลางทำท่าสูดกลิ่นจากคนตรงหน้าไปด้วย
ต้าร์เบิกตากว้าง รีบหันหน้าหนีอย่างเขินอาย แก้มขึ้นสีแดงเรื่อ
“หอมอะไร เหงื่อเราเหม็นจะตาย”
บอกอย่างประหม่า ตกใจกับการกระทำของหญิงสาวเมื่อครู่
“ต้าร์นี่ขี้อายจังเลยนะ เรานึกว่านายชอบเราซะอีก เราเข้าใจผิดไปเหรอเนี่ย ว้า แย่จัง คิดเข้าข้างตัวเองเฉยเลย หน้าแตกเลยเรา”
เมเปิ้ลทอดเสียงผิดหวัง ปั้นหน้าเศร้า
คนฟังรีบหันกลับไปมอง ท่าทางร้อนรน จะพูดก็พูดไม่ออก ได้แต่ยกไม้ยกมือ
“เอ่อ…คือ…เอ่อ…”
“ขอโทษนะที่เรามากวนเวลา”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เดี๋ยว เมเปิ้ล อย่าเพิ่งไป”
หลุดเสียงห้ามออกไปแล้วก็ได้แต่นั่งนิ่ง
คนที่ทำท่าจะลุกหนีค่อยๆนั่งลงตามเดิน
“มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ…คือ เรา…เรา…ช…ชอบ”
“ขอโทษนะต้าร์ เราต้องรีบไปแล้ว เพื่อนไลน์มาบอกว่าอาจารย์เข้าห้องแล้ว ไปก่อนนะ ตอนเย็นเจอกันหน้าโรงเรียนนะ”
เมเปิ้ลโพล่งขึ้น รีบลุกโบกมือลา กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกนอกโรงยิมไป ทิ้งให้คนที่ตั้งใจสารภาพความรู้สึกหน้าเศร้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ต้าร์เอ๊ย โง่จริงๆ โง่ๆๆๆ ทำไมไม่บอกไปเลยว่าชอบเขา ทำไมไม่พูดออกไปวะ จะอายทำไม โอ้ย!”
บ่นกับตนเองพลางทิ้งผมอย่างเสียดายโอกาสที่ตัวเองไม่มีความกล้าพอจะบอกความรู้สึกออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้
เฟียซส่ายหน้าขำ เขามองเห็นตั้งแต่ฝ่ายหญิงเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทแล้ว สุดท้ายไอ้เตี้ยก็แห้วตามระเบียบเพราะความเอ๋อของมัน ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือควรเสียใจกับมันดี
‘ถ้าไม่อยากให้ต้าร์รู้ว่าเรามีอะไรกัน รีบมาหาเมตอนนี้ ที่ร้านกาแฟร้านเดิม’
หญิงสาวอ่านข้อความที่ตนพิมพ์ก่อนส่งไปยังเลขหมายปลายทางของผู้รับ ใบหน้าเรียวรูปไข่แสยะยิ้มร้ายกาจก่อนเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากระโปรง ขาเรียวขาวเดินเข้าไปหาเพื่อนร่วมห้อง
“นี่ เราฝากไปบอกต้าร์ห้อง2หน่อยสิ ว่าเราต้องรีบกลับบ้าน ขอโทษที่ผิดนัด เขารอเราอยู่หน้าโรงเรียน ขอบใจมากนะ”
สั่งความเสร็จก็ส่งยิ้มหวานให้ก่อนเดินออกจากห้อง
‘ยืนรอไปเถอะไอ้โง่’
แสยะยิ้มให้กับความโง่เขลาของอีกฝ่าย เดินฮัมเพลงไปทางหลังโรงเรียน หญิงสาวออกมาทางประตูด้านหลังที่นักเรียนส่วนน้อยจะรู้ว่ามีทางออกทางนี้อยู่ เดินมาถึงป้ายรถเมล์ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงชน หญิงสาวก็เบียดตัวออกมาโบกรถแท็กซี่ พอรถจอดรับก็รีบเปิดประตูก้าวขึ้นนั่ง ปิดประตูเสร็จก็บอกจุดหมายหมายทางที่จะไปกับโชเฟอร์
เกือบ20นาที แท็กซี่ก็พาเธอมาถึงที่หมาย มือขาวบางหยิบเงินให้โชเฟอร์ครบตามที่จำนวนมิเตอร์ขึ้นบอกก่อนเปิดประตูก้าวลงจากรถ ผลักประตูปิด หันไปมองทางร้านกาแฟก็เห็นว่ารถหรูคันคุ้นตาจอดอยู่ในลาดจอดแล้ว หญิงสาวแสยะยิ้มสมใจ เดินเข้าร้านไป ตากวาดมองหาคนสำคัญ พอเห็นว่านั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในสุดก็เดินยิ้มหวานเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะพี่แซท”
เอ่ยทักทายพลางนั่งลงฝั่งตรงข้าม
คนมาถึงก่อนผินหน้ากลับมามองคนนัด แววตาเยือกเย็นส่งให้เป็นการทักทายแล้วจึงเอ่ยคำ
“อย่ายุ่งกับต้าร์ ระหว่างเรามันจบไปแล้ว ต่างคนต่างอยู่ อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”
“แหม อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิคะ เมว่าเราสั่งเครื่องดื่มเย็นๆก่อนดีกว่า”
หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน แต่อีกฝ่ายไม่เล่นด้วย สวนกลับเสียงห้วน
“อย่ามาเรื่องมาก ฉันไม่ชอบ”
“เมก็ไม่ชอบให้พี่แซทพูดกับเมแบบนี้เหมือนกัน”
“ไม่ชอบก็อย่ามาเสือกเรื่องของฉัน”
แซทว่าต่อด้วยคำพูดรุนแรง ส่งสายตาแข็งกร้าวให้คนมอง
“เมก็ไม่ได้อยากเสือกเรื่องของพี่หรอกค่ะ แต่พอดีว่าคนที่พี่ติดพันอยู่เป็นเพื่อนเม แถมเขายังแสดงออกชัดเจนว่าชอบเมด้วย จะให้เมทำยังไงล่ะคะ”
หญิงสาวบอกพลางกรีดยิ้มร้ายกาจ ส่งสายตาท้าทายให้ชายหนุ่ม
“ปฏิเสธไปแล้วเลิกยุ่งกับต้าร์”
แซทบอกเสียงเข้ม รู้สึกได้ว่าโทสะที่พยายามข่มกลั้นไว้เริ่มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ให้เมปฏิเสธเหรอคะ ได้ไงล่ะ พวกพี่เพิ่งทิ้งเม เมกำลังอกหักนะคะ จะให้เมปฏิเสธความรู้สึกดีดีของต้าร์ได้ไง”
“เมเปิ้ล!”
แซทเผลอตวาด จนคนในร้านพากันหันมามอง
หญิงสาวเจ้าของชื่อรีบโปรยยิ้มหวานขอโทษลูกค้าแทนชายหนุ่ม
“ใจเย็นสิคะพี่แซท นี่มันร้านกาแฟนะคะ ไม่ใช่คอนโดส่วนตัวของพี่”
หันมาบอกกึ่งตำหนิชายหนุ่มทั้งรอยยิ้มหวาน
“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน บอกมาว่าจะเอายังไง”
แซทกำหมัดแน่น บอกตัวเองให้ใจเย็น แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกินเพราะผู้หญิงตรงหน้าตั้งใจยั่วให้เขาโกรธ!
“ก็ไม่เอาไงค่ะ ถ้าอยากให้เมปฏิเสธ พวกพี่ก็เลิกยุ่งกับต้าร์ซะ”
“เลิกยุ่ง”
แซททวนคำก่อนปล่อยเสียงหัวเราะเยาะอีกฝ่าย
“เธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
หญิงสาวเหยียดยิ้ม ลุกขึ้นยืน
“เมไม่มีสิทธิ์สั่งพี่ แต่เมมีสิทธิ์สั่งให้ต้าร์เลิกยุ่งกับพวกพี่ อย่าลืมสิคะว่าต้าร์รู้สึกยังไงกับเม ถ้าเมบอกต้าร์ว่าเราเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ก่อนที่พวกพี่จะทิ้งเม คิดดูสิคะ ต้าร์จะยังคบกับพวกพี่ต่อไปมั้ย”
เธอรู้ว่าเขาต้องปฏิเสธ คนที่ทะนงตัวว่าตัวเองเป็นใหญ่ เป็นเพศชาติที่แข็งแกร่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจเงินอย่างเขาย่อมไม่เกรงกลัวต่อคำขู่ของเธอ ความจริงเธอก็แค่แกล้งแหย่ให้เขาโกรธ เพราะสุดท้ายต่อให้เขาไม่เล่นไปตามเกมที่เธอวางไว้ เธอก็ตั้งใจบอกเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้ไอ้ซื่อบื้อนั้นรู้!
บอกแล้วไง ว่าเธอจะทำให้พวกมันเลิกกัน!
“เธอเล่นผิดคนแล้วเมเปิ้ล ถ้าเธอบอกต้าร์ ชีวิตเธอดิ่งลงเหวแน่”
แซทลุกขึ้นบอกเสียงเรียบ แสยะยิ้มเยาะหญิงสาวก่อนเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้คนฟังยืนตัวสั่นกับคำขู่
‘ดิ่งลงเหวเหรอ ก็เอาสิ ถ้าชีวิตเธอจะพังพินาศ เธอก็จะลากพวกมันให้พังไปกับเธอด้วย!’
---------------------------------------------------------------------------
แลกกันคนละหมัด
สำหรับครึ่งหลัง นั่งพิมพ์ไป ในใจก็หมั้นไส้เมเปิ้ลไป
นางคนนี้จะสตอร์ไปไหน?
อยากมอบเปลือกทุเรียนให้นางเหลือเกิน
ส่วนฮาร์ฟ ผู้ชายคนนี้คนแต่งให้คะแนนพิศวาสเป็นการส่วนตัว ฮาร์ฟไม่ผิดคะ นี่พูดเลย
เขี่ย2พระเอกลงถังขยะ แล้วมาแซ่บกับตัวร้ายกันเถอะค่ะพวกเรา! (ปลุกระดม)
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตามนะคะ