Chapter 28
คนโง่เท่านั้น ที่คิดไม่ได้
“มาถึงไวจังเลยครับ”
คนฟังยักไหล่ ไม่ตอบ แกโยนกุญแจรถลงบนโซฟา ก่อนจะก้าวเท้ายาวเข้าไปในห้องนอนเล็กๆที่ประตูเปิดแง้มไว้อยู่
“ยังไม่ตื่นเลยครับตั้งแต่มา”
อดีตมือขวาตามเข้ามาทีหลัง รายงานความเป็นไปด้วยเสียงแผ่วเบา
“พรุ่งนี้ต้องไปสอบหรือเปล่า”
“ไม่ครับ สอบมะรืน”
“ทำไมไม่พาไปหาหมอ”
“น้องอาการดีขึ้นแล้วครับ ตัวไม่ได้ร้อนมาก แต่คงเพลียมากกว่า”
“กินยาหรือยัง”
“ก็ว่าจะให้เสี่ยป้อนน่ะครับ แหะ..”
‘เสี่ย’ ตวัดสายตาคมเหมือนจะแทงให้ทะลุ
ก็ในเมื่อไอ้บอดี้การ์ดสุดกวนมันส่งเสียงหัวเราะในคอ คล้ายสะใจอะไรบางอย่าง แค่นี้ก็รู้แล้ว ว่ามันหลอกเขามา
หนอย
“มึงออกไปเลยไป”
“เดี๋ยวผมเอาผ้าชุบน้ำมาให้เช็ดตัวนะครับ”
เสี่ยกำลังคิดว่าจะไล่มันออกดีมั้ย ยุ่งได้ทุกเรื่อง เมื่อก่อนเขาก็ว่าไม่ขนาดนี้นะ สงสัยเพราะเรารู้เรื่องมันเยอะด้วย มันเลยปีนเกลียวใส่ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะถ้าไม่มีไท ก็ไม่รู้ว่าใครจะมาดูแลเน่ ส่วนเทียนก็ไม่อยากให้ยุ่งมาก ให้มันเป็นหน้าที่ใครหน้าที่มันจะดีกว่า
เอาเถอะ
บึ่งรถมาหาทันทีที่รู้ข่าว ถ้าไม่เรียกว่าห่วง ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว
ไม่เจอกันแค่วันเดียว ...เน่ดูผอมลงมาก
เสี่ยลากปลายนิ้วทั้งห้าผ่านแก้มเนียน ที่เคยหอม เคยจูบ เคยสัมผัส ...ไอร้อนระอุตีขึ้นมาบ่งบอกถึงอาการของคนบนเตียงว่าหนักแค่ไหน
ร่างสูงรอให้ลูกน้องยกถังใส่ผ้าชุบน้ำอุ่นมาให้ กล่าวขอบคุณความมีน้ำใจ และการปฏิบัติหน้าที่ที่ดี แม้ว่าจะเคยขุ่นเคืองกันมาก่อน แต่ไทก็ยังคงเอ็นดูเน่ หวังให้เน่เป็นคนที่เสี่ยจะพึ่งพาได้
เมื่อไทออกไปแล้ว ห้องทั้งห้องจึงเงียบสนิท ไม่รู้เสี่ยเป็นอะไร แกเผลอกลั้นลมหายใจไม่ให้ส่งเสียงดัง ทั้งๆที่ต้องปลุกเน่ ซึ่งเสียงดังกว่า
“เน่...กินข้าวกินยาก่อนเร็ว”
มือหนาแตะไหล่คนนอนนิ่ง
“เน่ ตื่นก่อน”
เรียกอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
เสี่ยคลายเสื้อเชิ้ตด้วยการปลดกระดุมเม็ดบน แล้วถอดเข็มขัดออก
“เน่...”
เสี่ยเรียกเด็กอีกครั้ง คราวนี้คนนอนขยับศีรษะเล็กน้อย เสี่ยจึงรีบเขย่าแขนเป็นการย้ำเตือน น้องเน่ของแกจะได้ตื่นสักที
“อือ...”
ดวงตาปรือปรอยฉายแววอ่อนล้า
เสี่ยคิดผิดหรือเปล่าที่ปลุกขึ้นมา แต่ยังไงเน่ก็ต้องกินยา ให้นั่งเฝ้าโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ไหวหรอก
ก็เป็นห่วงซะขนาดนี้
อยากกอดแน่นๆ ให้สะใจไปเลย
“....คนใจร้ายมาทำไม”
ถึงเสียงจะแหบแห้งและเบาแค่ไหน เสี่ยก็ยังอุตส่าห์หูดีได้ยิน
โคแก่แค่นยิ้มรับคำประชด เขายอมรับก็ได้ว่าตัวเองเลวจริง แต่ทุกสิ่งที่ทำไปก็เพื่อเน่ทั้งนั้น ....จะมาพูดแก้ตัวตอนนี้คงสายไปแล้ว
วิธีเดียวที่จะสามารถเยียวยาทุกสิ่งได้นั้นเขารู้ว่าคืออะไร แค่ต้องถามเนเน่ก่อนว่าพร้อมที่จะทำด้วยกันไหม
“เน่”
“อือ...เรียกเราทำไม”
“กินข้าวกินยาก่อนนะ”
เสี่ยพยุงร่างโปร่งให้นั่งพิงหัวเตียง เขาจัดหมอนให้เน่ได้เอนหลังอย่างสบายที่สุด แล้วส่งถ้วยโจ๊กเย็นๆให้คนป่วยรับไว้ ซึ่งเน่ก็มองอย่างงงๆ ว่าไม่ป้อนเหรอ
“กินก่อนเร็ว เย็นหมดแล้ว”
เสี่ยยังไม่รู้ตัว แกหยิบผ้าจุ่มน้ำอุ่น บิดพอหมาด กำลังจะวางบนแขนเน่ แต่ก็ต้องชะงักเพราะคนป่วยทักเสียก่อน
“เสี่ยจะเช็ดตัวเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แต่เน่จะกินข้าวนะ”
“เน่ก็กินไป ส่วนฉันเช็ดตัวให้”
“เน่กินไม่ถนัดหรอก เสี่ยเคยดูแลคนป่วยไหมเนี่ย”
“มีแรงเถียงแล้วเหรอ”
“เสี่ยไม่ตอบเน่อ่ะ”
“ไม่เคย แล้วตัวเองเคยหรือไง”
เน่ส่ายหน้า
“งั้นก็กินไปเลย”
“เสี่ยบ้า”
ไม่รู้ว่าจะขำหรือจะทำหน้ายังไงดี โคแก่ติ๊งต๊อง! อย่ามาทำตัวน่ารักไปมากกว่านี้ได้ไหม
‘โว้ย!!’
เนเน่อยากเกลียดเสี่ยเหลือเกิน อยากต่อว่า อยากไม่รัก
แต่ทำไมมันยากอย่างนี้
ยิ่งมองเสี่ยคนที่ไม่เคยดูแลใคร ทั้งเย็นชา ทั้งฟอร์มจัด กำลังก้มหน้าเช็ดตัวให้เน่ ค่อยๆลูบแขน ลูบขา โดยที่ดูรู้ว่ากำลังพยายามไม่ทำให้เน่ลำบาก ...มันน่ารักมาก
ไหนนะไอ้คนที่บอกว่าต่างคนต่างอยู่กันไปก่อน
เสี่ยมาเพื่อดูแลเหรอ
หรือเสี่ยต้องการอะไรอีก
เขาสับสนไปหมดแล้ว
“กินเยอะๆสิ”
จะกินได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเสี่ยเช็ดตัวอยู่
“รีบกิน จะได้รีบนอน”
อยากให้เสี่ยป้อน
“หรืออยากกินอย่างอื่น?”
“ไม่ครับ เน่เวียนหัว”
“ไหวมั้ย”
“ไม่รู้สิ ห้องมันหมุนอ่ะ”
ก็หมุนนิดๆนะ แต่ไม่ถึงขนาดทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเสี่ยทำให้ก็จะดีมากๆ
เอาคืนเสี่ยดีกว่า
เพราะถ้าเน่หาย ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยจะยังกลับมาไหม คนใจร้ายน่ะ ยังไงก็ใจร้ายอยู่วันยังค่ำ
Peace by vengeance กันไปเลย
“งั้นเดี๋ยวป้อน”
“เสี่ยป้อนข้าวก่อน แล้วค่อยเช็ดตัวให้เน่”
“อยากให้เธอได้นอนเยอะๆมากกว่า แต่ไม่เป็นไร”
โคแก่วางผ้าเปียกลง หยิบถ้วยมาคนโจ๊ก ประหนึ่งว่าระบายความร้อน ทั้งๆที่มันเย็นชืดมากแล้ว
เนเน่เฝ้ามองทุกอากัปกิริยาของคนตัวสูงแล้วอดขำไม่ได้ เขารู้ว่าสมัยหนุ่มๆ เสี่ยลำบากแค่ไหนตอนที่ไปอยู่เมืองนอก บ้านของพ่อที่ไม่ให้ความใส่ใจเด็กชายลูกครึ่งเอเชียคนนี้นัก เสี่ยเคยเล่าว่าต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งกับข้าว ทำความสะอาด ซักผ้า ไม่มีหรอกคนรับใช้ที่มาคอยเก็บกวาดให้เหมือนเด็กๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเสี่ยจะไม่เคยดูแลคนป่วย
“อิ่มแล้วเหรอ”
คนป้อนถามเมื่อเห็นว่าเน่ส่ายหน้าไม่รับโจ๊กอีกคำ
กินแค่สามสี่คำก็รู้สึกเต็มกระเพาะแล้ว
“อีกสักหน่อยสิ”
“อิ่มแล้ว”
“กินน้อยจัง”
“ถ้ากินอีก เน่คงอ้วก”
เสี่ยไม่ดันทุรังป้อนต่อ เปลี่ยนเป็นเอาผ้าชุบน้ำถูตามตัวเน่อีกรอบ แกถกเสื้อยืดตัวบางขึ้น เผยให้เห็นยอดอกสีสวยที่ไม่ได้เห็นมานาน มันแข็งชูชัน เดาว่าเพราะอากาศหนาว แต่ใบหน้าของเสี่ยเรียบนิ่ง เหมือนกับว่าไม่สนใจ ไม่เหมือนเน่...หัวใจเขาเต้นแรง ทั้งๆที่โกรธเสี่ยอยู่แท้ๆ แต่ไอ้ข้างในอกมันไม่รักดีเอาเสียเลย
“พอแล้ว เน่หนาว”
“ยังไม่ได้เช็ดข้างล่างเลย”
จะบ้าเหรอ !
โอ๊ยไอ้ปากบ้า อย่ายิ้มนะ อย่าให้รู้ว่าเราเขิน!
ต้องโกรธสิ ต้องโมโหสิ อย่าใจอ่อน อย่าหลงใหล อย่าเพิ่งมีอารมณ์นะเน่!
“ไม่ต้องหรอก ..หนาว”
“เพราะไม่สบายไง ถึงต้องเช็ดให้มันระบายความร้อน”
พูดจบไม่ทันไร เสี่ยอเนกรูปหล่อก็ดึงกางเกงเอวยางยืดลงแบบไม่ให้เจ้าของได้รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งคู่จึงได้เห็นไอ้ท่อนแข็งๆที่ขึ้นรูปเป็นลำอยู่กลางตัวร่างบาง แน่นอนเนเน่รีบปิดแทบไม่ทัน
เอ่อ
ไม่ทันจริงๆ เพราะหน้าเสี่ยเริ่มขึ้นสีแดง ลามไปถึงใบหู
“อ๊ะ!”
แล้วจะยังเอาผ้ามาเช็ดอีก!
“เสี่ย...”
อีกคนไม่ตอบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น แกขะมักเขม้นเช็ดต้นขาอ่อน เรื่อยไปถึงหัวเข่า ขณะที่เน่ยังไม่ละมือออกจากไอ้น้องไม่รักดี
“พอแล้ว”
เจ้าของร่างกายควรมีสิทธิ์ในร่างกายตัวเองสิ เสี่ยน่ะนิสัยไม่ดี ทำให้ร่างกายคนอื่นตกอยู่ในอุ้งมือของตัวเองได้ยังไง
“ยังเช็ดไม่หมดเลย”
“เน่หนาว อยากให้เน่ชักตายเหรอ”
“ไม่อยากหรอก”
คนฟังรอให้โคแก่พูดต่อ ทว่าไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาอีก
เข้าใจว่าแกไม่ใช่คนพูดมาก เข้าใจและทำใจมาตั้งนานแล้ว แต่ตรงอกข้างซ้ายน่ะ มันโง่นะ ไม่ได้เหมือนสมองที่จะรู้ทุกเรื่องนะเสี่ย
•
วันต่อมาเน่ต้องอ่านหนังสือสอบถึงสองวิชาที่จะมีในวันพรุ่งนี้ วิชาแรกเป็นอังกฤษพื้นฐาน ที่เอาจริงๆ เขาไม่อ่านก็ได้ ส่วนอีกวิชาเป็นวิชาเลือกอีกตัวที่ยากสำหรับเน่เมื่อได้เรียน นั่นคือ การตลาด ไม่รู้ว่าตอนลงทะเบียนเขาพิมพ์รหัสวิชานี้ลงไปได้ยังไง กินอะไรถึงเบลอได้ขนาดนั้น
ร่างโปร่งลืมตาตื่นนานแล้ว นอนคิดเรื่องชีทว่าอยู่มุมไหนของห้อง แล้วก็นอนคิดถึงเสี่ยที่ไม่เห็นเลยตั้งแต่ตื่นมา กลับไปแล้วเหรอ? หรือไปทำธุระที่ไหนอีก? มาเยี่ยมเน่เพราะตัวเองมีธุระในกรุงเทพฯอยู่แล้วหรือเปล่า
เฮ้อ!
ทำไมต้องคิดเรื่องของเขาตลอดเวลาด้วยวะ
“ตื่นแล้วเหรอ”
ตายยาก!
เน่รีบหยิกแก้มตัวเองไม่ให้มันยิ้ม ปั้นหน้าบึ้ง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเตียง
“อุ๊บ”
มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ
เด็กดื้อลืมไปว่าตัวเองไม่สบายอยู่ พอลุกกะทันหันแบบนั้น ไอ้ท้องไส้แห้งๆมันก็ปั่นป่วน ดวงตาเห็นเป็นภาพดำมัว ห้องทั้งห้องหมุนคว้าง ตัวเขาคล้ายกับว่าลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงมา ตุ๊บ! พร้อมเศษอาหารและน้ำย่อยอันไม่พึงประสงค์
โคแก่มองภาพเด็กยืนนิ่ง แล้วจู่ๆก็อาเจียนออกมา
เสี่ยเคยเลี้ยงลูกมาบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดเช็ดสิ่งปฏิกูลเลยสักครั้ง แกเลยตกใจลนลาน ไอ้ไทก็ไม่อยู่ ให้ใครช่วยก็ไม่ได้ รู้ตัวอีกที ร่างโปร่งก็ทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
“เน่..”
เขย่าตัวเรียกสติเด็ก แต่เน่ก็ด่ากลับมา เพราะเขามึนหัวอยู่ ยิ่งเขย่าก็ยิ่งมึนน่ะสิเสี่ยบ้า
“นั่งดีๆ เดี๋ยวเอาน้ำให้”
เน่ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างโปร่งนั่งทิ้งตัวอยู่ข้างเตียง พาดคอไปกับมุมขอบเตียงที่มีผ้านวมคลุมอยู่ จึงไม่เจ็บหลังคอมาก
“รีบลุกทำไม”
“...เพราะเสี่ยนั่นแหละ”....ทำให้ตกใจเอง
เนเน่ขมปาก ทั้งยังหยะแหยงตัวเอง เขาจึงไม่กล้าพูดกับเสี่ยเยอะ เพียงแค่รับน้ำเปล่ามาดื่มหลายอึก โดยที่ยังคงหลับตา ไม่ได้มองเลยว่าเสี่ยกำลังทำอะไรอยู่
“อะ...”
ผ้าชุบน้ำพอหมาดประทับลงบนปากเน่ แรงเบาตรงข้ามกับท่อนแขนหนาทำให้เน่อดหรี่ตามองไม่ได้
‘...ขนตาสวยจัง’
“อ่านหนังสือไหวไหม”
“......”
“ว่าไง”
“.......ไหว”
เสี่ยอมยิ้ม ขำเด็กข้างหน้าที่พูดแบบไม่เปิดปาก เสียงเลยอู้อี้เป็นเป็ด
“ไม่รังเกียจหรอก”
ยื่นจมูกหล่อๆเข้ามา เนเน่ล่ะเบื่อจริง คนอะไรหล่อยันจมูก หมั่นไส้
“ลุกขึ้นไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวเช็ดอ้วกก่อน”
“เรียกแม่บ้านสิ”
“นิดเดียวเอง มีแต่น้ำย่อย”
คนแก่ชอบคิดว่าเด็กเอ๋อจนไม่รู้หรือไง ทำไมชอบปลอบใจในเรื่องที่มันเห็นๆกันอยู่ เน่เบื่อฟังแล้ว ความอายยังไม่ไปไหน ตอนนี้จึงทำตามเสี่ยบอกไปก่อน ห้องหยุดหมุนก็จริง แต่ในหัวยังคงเบลอๆ ยังคิดอะไรไม่ออก
แต่เน่ไม่ได้หลับนะ
เขานอนมองเสี่ยเช็ดคราบคาวบนพื้น เอาผ้าแห้งเช็ดก่อน แล้วตามด้วยผ้าอีกผืนชุบน้ำเช็ดอีกรอบ
ถึงการดูแลคนป่วยจะห่วย แต่งานบ้านก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร
“ยิ้มอะไร”
อุ้ย!
“เสี่ยไม่กลับไปสวีเดนบ้างเหรอ”
เปลี่ยนเรื่องซะเน่ เสี่ยจะได้ไม่สงสัย
“ไปทำอะไรล่ะ”
“เยี่ยมพ่อ เยี่ยมญาติมั้ง”
“ไม่มีเวลา ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
อะไรกัน
ทำไมมันเขินวะเนี่ย!?
เหมือนเสี่ยจีบเขาอยู่เลย ตอนที่เจอกันใหม่ๆยังไม่เห็นเป็นงี้
หรือว่า...ไม่สิ
เน่กำลังป่วย สมองเบลอ พร่ำเพ้อ
คิดๆดูแล้วเสี่ยก็ใช้น้ำเสียงปกตินี่นา
“ฉันก็คงรอเธอกลับมา แล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกัน”
“...ง..งั้นเหรอ”
“อืม”
จากนั้นเสี่ยก็ออกไปข้างนอก เนเน่จึงใช้โอกาสนี้นอนพลิกซ้ายพลิกขวา ถ้าตีลังกาได้ก็จะตี
เขาควรโกรธเสี่ยต่อดีไหมนะ มันสั้นไง เพิ่งจะกลับคอนโดแค่ไม่กี่วันก็จะหายโกรธแล้วเหรอ ไม่คูลเลยน่ะสิ ตั้งแง่กับเขาตั้งมากตั้งมาย แล้วไหงถึงยิ้มได้แค่เห็นหน้าล่ะ
ตายแล้วๆ เสี่ยต้องได้ใจแน่เลย อาจจะทำให้เขาโกรธอีกหลายๆรอบ เพราะรู้อยู่ว่าเราหายเร็ว
เอ๊ะ!
โอ๊ย!
เออ
แล้วจะเอ๊ะทำไมวะ
งง!!
“กินข้าวเร็ว”
เสี่ยอย่าเพิ่งมาได้ไหมเนี่ย คนกำลังใช้ความคิด
“กินข้าว กินยา จะได้เลิกทำหน้าแบบนั้น”
“หน้าแบบไหน”
“เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็บึ้ง”
“เน่หายแล้ว”
“หายแล้ว แล้วอ้วก..โอเค หายแล้ว”
“...”
เน่เงียบประชด
“ถ้างั้นกินข้าว แล้วอ่านหนังสือสอบเลย เตรียมชีทไว้ให้หมดแล้ว”
ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวไปหยิบชีทกว่าสิบชุดมากองข้างเน่
“เสี่ยรู้ได้ไงว่าสอบอะไร”
“ถามเพื่อนเธอไง หาชีทมาให้หมดแล้วด้วย น่าจะถูกนะ ลองดูซิ”
เพราะไม่สบาย อารมณ์ข้างในจึงหวั่นไหวมากกว่าปกติ น้ำตาของเน่รื้นออกมาเล็กน้อย เขารีบหลบตาไม่ให้เสี่ยเห็น
เสี่ยดีกับเน่จังเลย
“ไม่ทำงานเหรอ”
คนฟังนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบ
“ไม่รู้สิ รู้สึกว่าเธอสำคัญกว่า”
“สบายดีป่ะเนี่ย”
เน่ชักไม่แน่ใจว่านี่ใช่เสี่ยจริงๆหรือเปล่า
“ตัวเองนั่นแหละ ไม่สบายแล้วยังอวดเก่ง กินข้าวกินยาซะ”
พูดจบแล้วแกก็หายต๋อมไปอีก จนเน่ได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้นจึงเข้าใจว่าเสี่ยอาบน้ำ
จำต้องวางมาดทั้งหมดลงบนพื้น จัดการตัวเองให้หายไวๆ ถึงจะขี้เกียจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากติดเอฟนี่
.
.
.
“อุปสงค์ คือ ลูกค้าอยากซื้อ ส่วนอุปทาน คือ ร้านอยากขาย —เข้าใจหรือยัง”
“ครับ”
เน่ใช้ปากกาไฮไลท์ขีดคำสำคัญที่เสี่ยบอก โดยไม่จำเป็นต้องเขียนสรุปใหม่เลย เสี่ยสรุปได้โดยที่อ่านกวาดเพียงครั้งเดียว แล้วสามารถบอกให้เขาจำคำสั้นๆได้ เพิ่งจะรู้ว่าเก่งขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาเน่ไม่เคยขอให้เสี่ยสอนการบ้านให้หรอก เนื้อหามันง่ายด้วย แล้วติดเล่นด้วย
“ขยับมานี่สิ จะได้เห็นชัดๆ”
ว่าแล้วก็รั้งไหล่คนตัวเล็กให้เข้ามานอนซบข้างๆ เสี่ยใช้แขนตัวเองต่างหมอน ทนรับน้ำหนักของหัวทุยๆได้ ...เขาเต็มใจ
“ต่อสิ ถึงไหนแล้ว”
น้ำเสียงอบอุ่นเหลือเกิน จนเน่ทนไม่ไหวแล้ว
เน่ไม่อยากอยู่กับความสงสัยไปทั้งวัน ถ้าไม่อยู่ในช่วงสอบก็ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้น่ะ ... รู้ไหมมันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง!
พอจะจำบทนี้ที ก็หวนกลับไปคิดถึงเสี่ยที
เสี่ยคิดอะไรอยู่ เสี่ยจะทำอะไรต่อจากนี้
เขาอยากรู้ ...ไม่อยากเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้อีกต่อไปแล้ว
“เสี่ย”
น้ำเสียงจริงจังขึ้นมาเสียเฉยๆ โคแก่เกิดแปลกใจขึ้นมา
“อะไร”
“สงสารเน่เหรอ”
“อะไรเหรอ”
“ที่มาหา มาดูแล”
“เราค่อยเคลียร์เรื่องนี้ทีหลัง เธอต้องสอบนะ อ่านหนังสือสอบก่อนดีกว่า”
“ไม่”
“อ้าว แล้วยังไง”
“อ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง—เสี่ยครับ เสี่ยจริงจังกับเน่แค่ไหน เสี่ยรู้ไหมทำอย่างนี้ เน่มีความหวังนะ”
“เฮ้อ...”
ได้โปรดอย่าทำหน้าแบบนี้ อย่าทำเสียงอย่างนั้น
ชั่วครู่ที่เน่เกิดซึมขึ้นมา แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อแขนแกร่งของเสี่ยรัดเขาแน่นขึ้น เอาตรงๆ เน่คิดว่าจะโดนฆ่าเพราะทำเสือร้ายโมโห ซึ่งโคตรติ๊งต๊องเลย เมื่อมองอีกที แขนทั้งสองข้างของเสี่ยกำลังกอดเขาจากด้านหลัง และมันอบอุ่นมากเกินกว่าจะฆ่าจะแกงกัน
“ฉันหวงเธอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกอดเธอไว้อย่างนี้แหละ”
“เสี่ยไล่เน่”
“ยังไง”
“เสี่ยบอกว่าอยากให้เน่ใช้ชีวิตวัยรุ่นเยอะๆ โดยที่ไม่ต้องมีเสี่ย”
“อืม”
“แต่เน่อยากมีเสี่ยนะครับ เน่รักเสี่ย”
“ฉันก็รักเธอ”
ไม่คิดฝันเลยว่าจะได้ยินคำว่ารักออกมาจากพ่อพิกุลทองได้ง่ายดายขนาดนี้
มันสะท้านอยู่ข้างในนั้น ...ในหัวใจก้อนนิ่มๆของเน่
“เสี่ย...เน่ขอโทษนะที่โกหก ทำตัวไม่ดี—สำนึกแล้วครับ เข้าใจแล้วว่าเสี่ยรู้สึกยังไง”
เด็กน้อยเงยหน้ามองตาคม ใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเจ้าชีวิต
“หึ...เวลาคุยกับฉันนี่ชอบเกร็งอยู่เรื่อย”
“ก..ก็เน่ ...ไม่รู้!! แต่เน่ไม่ได้กลัวเสี่ยละกัน อย่าคิดอย่างนั้นนะ คนอย่างเน่ไม่กลัวใคร มีแต่ความเกรงใจเฉยๆ—โอ๊ย มึนหัวจัง เสี่ยให้เน่พูดเยอะอ่า”
ไม่เอาแล้ว ไม่พูดแล้ว
เข็ดแล้วกับการพูดเยอะๆจนต่างฝ่ายต่างไม่รู้เรื่อง
“แน่ใจเหรอว่าอยากอยู่กับฉัน”
“อื้ม”
“ทนได้แน่นะ”
“แน่สิ ทนมาได้ตั้งนาน”
“ขอโทษ...ที่ทำตัวไม่สมผู้ใหญ่”
“เสี่ยครับ เสี่ยรักเน่และอยู่กับเน่ก็พอ นอกนั้นจะดุจะด่าอะไรก็เชิญ นับแต่นี้เน่จะทำตามที่เสี่ยบอกทุกอย่างเลย”
“จะบ้าเหรอ ฉันจะทำงั้นได้ยังไง”
“เนี่ย ก็เสี่ยไม่ทำ เราเลยคุยกันไม่รู้เรื่องสักที”
“รู้แล้วๆ แต่มันห่วงนี่ ห่วงว่าเธอจะเกลียดฉันมั้ย”
“ไล่ตะเพิดเน่สิ เกลียดยิ่งกว่าอีก—เสี่ย เสี่ยของเน่ครับ..”
เด็กหนุ่มลูบริมฝีปากบาง มันถูกปกคลุมไปด้วยไรหนวดโดยรอบ ดูน่าหลงใหล และน่าฟัดเป็นที่สุด
“เราดีกันนะ เน่จะเป็นเด็กดี”
“สัญญากับฉันก่อนว่าจะไม่โกหก”
“เน่สัญญา เสี่ยก็สัญญามาด้วยว่าจะไม่ทิ้งเน่ ห้ามทิ้งเด็ดขาด รักเน่ให้เยอะๆด้วย”
“นอกจากเราจะซัพพอร์ตกันและกันแล้ว เราก็คงต้องบอกรักกันทุกวันด้วยสิเนี่ย ลืมไปว่าเธอเป็นวัยรุ่น ความรักมันก็จะหวือหวาหน่อย”
“แล้วเสี่ยไม่หวือหวาเหรอ เอาเน่แรงจะตาย”
“ไม่อายรึไง พูดตรงแบบนี้”
“ไม่อายหรอก เพราะพูดกับผัว จะอายทำไม ใช่ไหมจ๊ะผัวเหนก ผัวที่หล่อที่สุดในโลก ผั—“
“พอเลย”
คุณเสี่ยผู้ดีทนฟังไม่ได้ รีบปิดปากเด็กดื้อเสียสนิท ดูซิสายตากวนๆนี่ หายไข้แล้วสิ สงสัยไอ้ที่นอนซมเนี่ย จะเป็นไข้ใจเสียล่ะมั้ง
•
จูงมือกันขึ้นอาคารสอบให้พวกคนโสดอิจฉาเล่น
เน่ไม่ใช่คนขี้อวดหรอกนะ เน่แค่อยากบอกให้โลกรู้ว่าคืนดีกับผัวแล้ว ไม่ได้อวดว่าผัวหล่อเลยจริงจริ๊งงง
“อ้าว?”
เต้ทำหน้างงเมื่อเห็นเพื่อนรักยิ้มแป้นควงแขนแฟนมาแต่ไกล
“ไม่สอบเหรอเต้”
เน่ทัก
“ก็รอมาเจอก่อนเนี่ย กลัวมาสอบไม่ไหว—สวัสดีครับคุณเสี่ย”
ยกมือไหว้ปลกๆ รังสีอาฆาตมันรุนแรงเหลือเกิน
เต้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะเสี่ย อุตส่าห์พาเน่ไปง้อด้วยซ้ำ
“สวัสดี”
“งั้นเราไปก่อนนะเต้ ตั้งใจสอบล่ะ”
“เออ เหมือนกัน”
และสุดท้าย เพื่อนอย่างเต้ก็ต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าไปโดยปริยาย...
เสี่ยมาส่งเน่หน้าห้องสอบที่คนจอแจจนแกรำคาญ ต่างมองมาแล้วซุบซิบกันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ เขาว่าเขาก็แก่กว่าพวกนี้อยู่นะ บารมีก็พอสมควร ไหงไม่กลัวกันบ้าง
อย่างว่าล่ะนะ เรื่องของชาวบ้านมันสนุก น้อยคนนักจะอดปากไม่พูดได้
“รอไหนให้บอกด้วยนะ อย่าทิ้งเน่ไปก่อนนะ”
เสี่ยพยักหน้า ทั้งๆที่อยากทำมากกว่านั้น
เนเน่เด็กเขาฝังใจเรื่องนี้มากน่าดู
แต่เสี่ยสัญญากับตัวเองและเน่ไปแล้ว ว่าเขาจะไม่ทิ้งขว้างง่ายๆอีก แล้วที่มาหาก็เพราะตั้งใจจะมาคืนดีจริงๆ กะว่าสะสางงานให้เสร็จก่อนค่อยมา เขาเป็นผู้ใหญ่ เป็นเจ้านาย ทิ้งลูกน้องกะทันหันไม่ได้ แต่พอไทโทรมาบอกว่าเน่ป่วยหนัก เสี่ยก็ไม่รีรอเลยที่จะทิ้ง
นั่นทำให้รู้ว่าเน่สำคัญกับเขามากแค่ไหน ไม่มีเลยที่จะไม่คิดถึง แม้พูดไปอย่างนั้น...แต่เสี่ยก็รู้สึกผิดทุกครั้ง
ว่าไงดี
เหมือนกับลองใจเน่ด้วย ลองใจตัวเองด้วย
เขาไม่ใช่คนดีมากมาย การกระทำถึงได้ดูใจร้ายแบบนั้น
[รออยู่ในคอฟฟี่ช็อปนะครับ ❤️]
เผลอส่งไปแล้ว ไอ้หัวใจบ้านี่ไม่ใช่ตัวเสี่ยเอาซะเลย
ความรักหนอความรัก
ตอนที่ไม่มีก็ขวนขวายอยากได้
ทว่าเมื่อมีแล้ว กลับทำเป็นไม่สนใจ
...พี่พยายามแก้ไขตัวเองอยู่นะเน่
รอพี่อีกหน่อยนะที่รัก...
•
—ขอโทษค่าาา มาไม่ตรงเวลา