สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27  (อ่าน 135128 ครั้ง)

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ถ้ามิสเตอร์ทีคือโม เมื่อก่อนเราคงสงสารคุณธนิกแต่ตอนนี้สมเพชมากกว่า ขิมน่าสงสารนะ คนที่อยากถุกรักที่แท้จริงเลยมั้ยคนนี้ อาจจะดูทำอะไรโง่ๆแต่ใครๆก้โง่เรื่องความรักกันทั้งนั้นแหละ เนี่ย ไบแอส5555555

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เอ็นดูขิมเด็กโง่

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สงสัยว่าทำไมคุณธนิกถึงพึ่งบอกเลิกขิม
ทั้งๆที่Mr.Tส่งคลิปมาให้ตั้งเกือบ2ปี หรือว่าMr.Tส่งย้อนหลัง?
กับตงิดๆที่คุณธนิกพึ่งทักขวัญมาตอนเกือบเที่ยงคืน
ทั้งๆที่ขิมกับMr.Tมีอะไรกันที่บ้านตั้งแต่ตอนไปส่งขิม

อะไรหลายอย่างทำให้คิดว่าMr.Tคือพี่โม
แต่ถ้าเป็นพี่โมจริงๆ มันก็มีบางอย่างที่แปลกๆ ขัดกันอยู่  :m28:
แล้วก็เริ่มคิดว่าคุณธนิกคนกากที่รู้จักผ่านขวัญเนี่ยอาจจะร้ายตัวพ่อก็ได้

สงสารขิมตอนบอกคุณธนิกว่าตัวเองโดนข่มขืน
แต่คุณธนิกดันไม่สนใจเลย ถึงครั้งต่อๆมาจะยินยอม
แต่งยังไงขิมก็เคยโดนข่มขืนอยู่ดี
ไม่แปลกใจที่ขิมติดMr.T เพราะในช่วงที่เลวร้ายมีแต่Mr.Tที่อยู่กับขิม

บอกตัวเองว่าอย่าเดาอะไรเยอะ อะไรก็เกิดขึ้นได้
แต่มันอดไม่ไหวจริงๆค่ะ ทีนี้เลยต้องมานั่งเครียด แง   :katai1:
ขอโทษที่ยาวนะคะ เม้นรวมสามตอนเลย

 :pig4:

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ขิมมมมม สงสารน้องงงง

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ไม่รู้จะเม้นอะไรในความหน่วงนี้

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หน่วงเบาๆ

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น้องขิมลูก​ น้องขวัญ​นี่จะเปลี่ยนนิกให้เข้มแข็ง​ต่อสู้กะแม่ปกป้องคนที่รักได้มั้ย​

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อิพี่นิก อิคนโง่ ฮือออออออออออออออออ :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Bambooyamy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รู้สึกเหือนตัวเองเป็นไบโพล่า  แต่เรื่องนี้จะจบยังไงไม่เห็นแสงเลยเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หน่วงงงงงง  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 22



“น้องขวัญญญญญ หายหน้าหายตาไปเลยนะลูกกก พี่จอยต้องซ้อนท้ายไอ้แจ้จนจะเป็นเมียมันอยู่แล้ว คิดถึงเบาะรถเวฟของหนู ฟีโน่ของไอ้แจ้นั่งไม่สบาย หน้าตามันก็ไม่เจริญหูเจริญตา ตัวก็ไม่หอมเหมือนน้องขวัญ” พี่จอยแทบจะกระโดดเข้ากอดเมื่อเจอหน้าผม แต่ผมยกมือขึ้นห้ามไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงจมอกแบนๆ ของเจ้แกไปแล้ว “โอ๊ยย ดีใจที่ได้เจอกันอีก คิดถึงมาก ไม่ติดต่อพี่มาเลยเนี่ย”

ตอนนี้ผมอยู่กับพี่จอยในห้องทำงานของคุณธนิก ส่วนเจ้าของห้องไปประชุมกับฝ่ายการตลาด ก่อนไปก็โทรเรียกพี่จอยขึ้นมาพบตามที่ผมขอ ผมอ้างว่าไม่ได้เจอพี่จอยนานแล้ว อยากเจอมากๆ คุณเขาก็ตามใจ

“พี่จอยใจเย็นๆ ก่อนครับ ผมก็คิดถึง วันนี้เลยมาหาถึงที่ มาให้พี่จอยเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย”

“เต็มใจเลยค่าาา จะกินอะไรบอกพี่ หมูเห็ดเป็ดไก่ พี่จัดให้ได้ลูก” ไม่เจอกันหลายเดือนพี่จอยก็ยังเป็นแม่บุญทุ่มไม่เปลี่ยนและยังพูดไม่หยุด พูดจนผมพูดด้วยไม่ทัน “แต่น้องขวัญน่ารักขึ้นนะเนี่ย คุณธนิกดูแลเราดีมากใช่มั้ย”

“ก็ดีครับ” ผมตอบยิ้มๆ ส่วนพี่จอยก็ยิ้มตอบกลับมา

พี่จอยอาจจะไม่แก่พอจะเป็นแม่ของผมแถมยังเป็นหญิงโสดเสียด้วยซ้ำแต่พี่จอยมีเป็นความเป็นแม่สูงมาก ตั้งแต่ที่ขับวินรับส่งกันแล้วนั่นแหละที่พี่จอยเอ็นดูผมมาตลอด ยังจำสมัยที่ฟังพี่จอยโม้เรื่องของคุณธนิกให้ฟังได้อยู่เลย ตอนนั้นมีความสุขกันมากๆ ทุกวันจะต้องมีเรื่องเล่าของคุณธนิก บางทีก็มาเป็นรูป มาเป็นคลิปให้ผมได้ฟิน นอกจากเรื่องความรักที่คอยให้คำปรึกษาแล้ว บางทีก็พาไปเลี้ยงข้าว ถามผมทุกครั้งว่าขาดเหลืออะไรมั้ย ลำบากอะไรหรือเปล่า ค่าเช่าบ้านพอจ่ายมั้ย สำหรับผมแล้วคนรอบข้างผมเมื่อก่อนมีแต่คนที่คอยให้ความช่วยเหลือ แม้แต่พี่แจ้หัวหน้าวินเองก็เป็นที่ปรึกษาที่ดี

“คิดถึงพี่มากจริงๆ นะครับ คิดถึงทุกอย่าง พวกพี่แจ้ ไอ้แนน คิดถึงช่วงเวลาเมื่อก่อน” ผมบอกกับพี่จอย เสียงสั่นเพราะแทบคุมอารมณ์ไม่ไหว “ร้านส้มตำท้ายซอยที่ไปกินด้วยกัน ร้านอาหารตามสั่งที่พี่จอยชอบให้ซื้อข้าวมาส่งตอนเที่ยง คิดถึงทั้งหมด”

“น้องขวัญลูก เป็นอะไรไปคะ” มือของพี่จอยลูบไหล่ผมเบาๆ แค่เท่านั้นเองที่น้ำตาของผมไหลลงมา “ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ”

“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้อยากร้องไห้”

ผมขอโทษที่พักหลังมานี้ผมร้องไห้มากกว่ายิ้ม ขวัญพัฒน์คนยิ้มเก่งเหมือนจะเลือนหายไปตามกาลเวลา

“น้องขวัญ การร้องไห้ไม่ใช่ความผิดนะลูก” พี่จอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม มือของพี่จอยย้ายมาลูบศีรษะของผม “พี่ไม่รู้ว่าเราไปเจออะไรมา แต่ว่าเข้มแข็งนะคะ ไม่ไหวก็แค่กลับมาอยู่ที่เดิมหรือถ้ากลับมาไม่ได้แล้วก็เดินหน้าต่อ อย่าหยุดอยู่ในที่ที่ไม่มีความสุข”

“กำลังพยายามอยู่ครับ”

“ดีจ้ะ ไม่มีใครก็อย่าลืมพี่จอยนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะรบกวนพี่ พี่เป็นสาวโสดไม่มีลูกไม่มีผัว ไม่มีภาระนอกจากมีแมวหนึ่งตัวกับคุณแม่วัยเจ็ดสิบปี เงินเหลือใช้มาก”

“ฮ่าๆ ๆ”

“ยิ้มแล้วนะคะ ว่าแต่มาวันนี้ไม่ใช่แค่คิดถึงพี่ใช่มั้ย”

“ครับ” ผมยอมรับ สบตามองผู้หญิงที่อายุมากกว่าด้วยความจริงใจ “ที่จริงผมมีเรื่องอยากจะถามพี่จอย”

ไม่อยากอ้อมค้อมรอจนถึงมื้อเที่ยง ผมอยากคุยธุระกับพี่จอยให้เสร็จก่อนเพราะยังอยากกินข้าวกลางวันอย่างสบายใจ

“เรื่องอะไรเหรอลูก” พี่จอยถามพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ แล้วมองหน้าผมอย่างรอคอย

“ขวัญข้าว” ผมว่าแล้วสังเกตเห็นสีหน้าของพี่จอยเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วที่ถูกเขียนขึ้นอย่างดีเลิกขึ้น “พี่จอยรู้จักผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าวมั้ยครับ ผมรู้มาว่าเธอเคยทำงานที่นี่ เคยเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีเลยคิดว่าพี่จอยน่าจะรู้จัก”

“น้องขวัญถามถึงทำไมคะ” พี่จอยมองหน้าผม แววตาครุ่นคิด “ไม่น่าจะเคยเจอกันและไม่น่าจะรู้จักกันด้วย”

ก็จริงอย่างที่พี่จอยว่า วงโคจรของผมที่ผ่านมาไม่ได้เฉียดใกล้คนที่ชื่อขวัญข้าวเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่ขวัญข้าวยังทำงานที่นี่ผมก็คงยังไม่ได้เป็นตัวเป็นตนอยู่บนโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความบังเอิญที่ผมจะขับวินมาส่งเธอแน่นอน นั่นแหละถึงทำให้พี่จอยมองผมด้วยความสงสัย

“ผมก็ไม่ได้อยากจะบอกอย่างนี้เพราะมันดูไม่น่าเชื่อไปหน่อย แต่ผมเป็นลูกชายของคุณขวัญข้าวครับ” นอกจากบอกความจริงแล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร “ผมแค่อยากรู้เรื่องของแม่”

พี่จอยมีสีหน้าตกใจ ตกใจมากแบบที่ถ้าตาถลนออกจากเบ้าได้ก็คงหลุดออกมาแล้ว ใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าที่พี่จอยจะกลับมาตั้งหลักได้ นับครั้งที่สามที่พี่จอยอ้าปากพูดแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา ผมจึงรอคอยอย่างใจเย็น จิบน้ำแดงโซดาที่เลขาฯ หน้าห้องคุณธนิกเอามาเสิร์ฟให้ไปพลางๆ

“บอกตามตรงเลยนะคะว่าพี่ตกใจ เหมือนเรื่องเหลือเชื่อ แต่ขวัญก็เหมือนพี่ขวัญข้าวจริงๆ”

“ผมไม่รู้ว่าเหมือนจริงมั้ย เพราะไม่เคยเห็นหน้าคุณขวัญข้าวเลย”

“ที่ตากับปากมั้ง” พี่จอยบอกพลางพิจารณาใบหน้าของผม “ตาสวยเหมือนกัน พี่ขวัญข้าวตาคมมาก เวลามีความสุขมากๆ จะยิ้มจนตาหยีเหมือนน้องขวัญเลยลูก”

“อ่า...ครับ” ผมนึกไม่ออกหรอก เพราะผมไม่เคยเห็นแม่ แต่พี่จอยที่กำลังรำลึกความหลังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มคงเห็นภาพของแม่ชัดเจน “พี่จอยเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ เรื่องของคุณขวัญข้าวน่ะ”

ผมมีเรื่องที่ลังเลอยู่มากจึงต้องจัดการตัดปัญหาออกทีละเรื่อง แต่เพราะลังเลจึงต้องหาเหตุผลมาประกอบการตัดสินใจ ผมอยากรู้เรื่องของเขมินทรา อยากรู้เรื่องของแม่ อยากรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นี้ถูกต้องมากแค่ไหน

ผมยังอยากให้คุณธนิกได้ทุกสิ่งที่เขาหวังแต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือผมอยากให้เขมินทรามีความสุข ผมคงอินกับบทของพี่ชายไปแล้ว แต่นั่นแหละ...มันจะผิดอะไรถ้าผมอยากให้น้องชายเพียงคนเดียวมีความสุขเหมือนอย่างคนอื่นๆ บ้าง

“น้องขวัญอยากรู้อะไรบ้างลูก เพราะถ้าให้พี่เล่า พี่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง พี่รู้จักพี่ขวัญข้าวตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงาน ตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วด้วย” พี่จอยบอกพลางยกกาแฟขึ้นจิบ สีหน้าปั้นยากราวกับหลุดบอกใบ้อายุของตัวเองให้ผมฟัง “อย่าเรียกพี่ด้วยสรรนามอื่นเชียวนะคะ เรียกพี่จอยเหมือนเดิมนะคะลูก”

“ทั้งสาวทั้งสวยอย่างนี้ต้องเรียกพี่จอยสิครับ ส่วนเรื่องเล่า พี่จอยเล่าอะไรก็ได้ครับ ผมอยากฟัง”

“ปากหวาน” พี่จอยยิ้มกว้าง ความกระชุ่มกระชวยของสาวรุ่นใหญ่คงมาจากการถูกชมว่ายังสาวสินะ “เข้าเรื่องพี่ขวัญข้าวดีกว่า พี่ขวัญข้าวที่พี่รู้จักเนี่ย เป็นคนเงียบๆ ค่ะ ใจดี ไม่เคยดุด่าใคร เวลาปกติจะพูดเสียงเบา แต่พอเป็นเรื่องงานจะเหมือนมีวิญญาณเวิร์คกิ้งวูแมนเข้าสิง พูดจาฉะฉาน ทำงานเก่ง แล้วก็...”

เรื่องเล่าจากพี่จอยดำเนินอย่างเรียบเรื่อย ในขณะที่ผมนั่งฟังโดยไม่ขัดไม่แทรก ผมรับรู้ถึงความรักความชื่นชมที่พี่จอยมีให้กับคุณขวัญข้าว รุ่นพี่ที่สวย ใจดี ทำงานเก่ง มีผู้ชายต่างแผนกมาแวะเวียนขายขนมจีบให้ไม่ขาด นั่นคงเป็นเรื่องราวก่อนคุณขวัญข้าวจะถูกเปลี่ยนไปทำงานตำแหน่งเลขาฯ ของท่านประธาน ถึงตรงนี้พี่จอยตัดจบไปเสียดื้อๆ และอ้างว่าไม่รู้รายละเอียดหลังจากนี้มากนักเพราะหลังจากที่คุณขวัญข้าวเปลี่ยนตำแหน่งก็เจอกันน้อยลง ไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุย แต่ผมไม่เชื่อว่าพี่จอยไม่รู้ ในเมื่อพี่จอยเผลอหลุดปากถามถึงน้องชายฝาแฝดของผม คำถามที่ว่าน้องชายฝาแฝดของผมตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ทำให้ผมถึงกับต้องเงียบเพื่อประมวลผลทุกอย่างอีกครั้ง

“ตายจริง เดี๋ยวพี่ต้องเข้าประชุมกับคุณธนิกด้วย คุณเขานัดแผนกบัญชีตอนสิบโมงครึ่ง พี่ไปก่อนนะลูก ตอนเที่ยงเจอกันนะคะ” พี่จอยพูดแค่นั้นก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่รอให้ผมได้ทักท้วงอะไรทั้งสิ้น

อืม...ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการเดินเข้าหาความจริงก็เหมือนเดินเข้ากองไฟมรณะ ความหวั่นกลัวที่ว่าชีวิตของผมอาจจะถูกใครบางคนเขียนบทให้ตั้งแต่แรกกลายเป็นความหวั่นกลัวที่สั่นหัวใจให้รู้สึกเหนื่อยล้า ผมกลัวจริงๆ นะว่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตของผมจะไม่มีความบังเอิญอยู่เลย กลัวแม้กระทั่งว่าแม้แต่น้าลีก็อาจจะถูกวางบทบาทไว้ตั้งแต่แรก

ในกรณีที่ถ้าพี่จอยไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ใช่คนที่อยู่ๆ ก็เป็นลูกค้าขาประจำที่ผมต้องมาส่งที่บริษัททุกวันแล้วพี่จอยเป็นใคร

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งทำให้ผมหลุดจากภวังค์ กำลังคิดว่าพี่จอยอาจจะลืมของเอาไว้แล้วกลับเข้ามา ก็พอดีที่ประตูเปิดออกต้อนรับผู้มาเยือนใหม่

ผู้หญิงวัยกลางคนยืนคอตั้งหลังตรงราวกับนางพญาอยู่ตรงนั้น เธอสวมชุดทะมัดทะแมงที่ตัดจากผ้าเนื้อดี กางเกงสีขาวกับเสื้อจั้มสูทสีขาวเข้าชุดกัน ร่างระหงส์ยืนบนรองเท้าสนสูงสีดำพลางกวาดตามองทั่วห้องก่อนจะหยุดสายตาลงที่ผม

“ขวัญพัฒน์” เธอเอ่ยพลางเลิกคิ้วน้อยๆ “ใช่ไหม”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างงงๆ เพราะไม่รู้จักคนที่ถาม “ใช่ครับ”

“ไปที่ห้องทำงานอาไหม มีเรื่องจะคุยด้วย” เธอแทนตัวว่าอา สรรพนามที่ไม่คุ้นหูเพราะในชีวิตไม่เคยมีใครให้เรียกแบบนี้ทำให้ผมเผลอทำหน้างงๆ ใส่

“คือ…ผมอาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ผมไม่รู้จักคุณครับ”

“ธนิกนี่แย่จริงนะ” เธอว่าพลางยกยิ้มมุมปาก “ไม่เคยแนะนำญาติพี่น้องให้รู้จักเลยใช่ไหม งั้นแนะนำตัวเป็นทางการ อาชื่อแขไข เป็นน้องสาวของเขมรัตน์พ่อของเธอ”

อืม...ครับ ผมกำลังอึ้งอยู่ เพราะนอกจากจะได้เจอแขไขคนที่สามารถงัดกับธนิษฐาได้แล้ว ยังได้รู้ชื่อพ่อของตัวเองอีกด้วย แม้ว่าผมจะไม่เคยสนใจเลยก็ตาม ในความรู้สึกของผมแล้วตัวตนของพ่อจืดจางยิ่งกว่าตัวตนของแม่ ไม่เคยถามถึงแต่ก็นึกถึงบ้าง นึกถึงที่ว่าก็แค่ข้องใจเรื่องที่เขาจะยกทุกอย่างที่เขามีให้ผม

“แล้วรู้ได้ยังไงครับว่าผมคือขวัญพัฒน์ไม่ใช่เขมินทรา” ผมตั้งคำถามกับคนที่ย่างเท้าราวกับนางพญาเข้ามาในห้อง ประตูปิดลงตามหลังอย่างช้าๆ มันปิดสนิทลงพอดีกับที่คุณแขไขนั่งลงตรงหน้าผม

“เพราะเขมินทราไม่มีทางได้อยู่ในห้องทำงานของธนิกล่ะมั้ง” เธอตอบพลางยกยิ้ม “แต่ไม่ใช่หรอก คนของอาเพิ่งบอกเมื่อกี้ ว่าแต่ไปคุยที่ห้องทำงานอาไหม”

“คุยที่นี่ได้ไหมครับ ผมไม่อยากไปที่อื่น”

เธอพยักหน้า ไม่ทู่ซี้ ผมมองเธอ ริมฝีปากที่ยังคงฉีกยิ้มไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นมิตร เพราะแววตาของเธอไม่ได้ยิ้มตาม “งั้นอาไม่อ้อมค้อม อาอยากให้เธอมาอยู่กับอา”

“ยังไงนะครับ” ผมย้อนถาม รู้สึกถึงความกะทันหันในการเข้าเรื่องของคุณแขไข “คือผมไม่เข้าใจ”

“อาหมายถึงให้เธอมาอยู่ในความดูแลของอา” เธอมีสีหน้ารำคาญใส่ผมเล็กน้อยเมื่อต้องอธิบาย “ออกจากบ้านของธนิก เธอกำลังเลือกข้างผิดนะขวัญพัฒน์ เธอจะยกทุกอย่างให้คนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับเราไม่ได้ ธนิกเป็นคนนอก ธนิษฐาก็เช่นกัน สิ่งที่พี่ชายของอาเหนื่อยมาทั้งหมดจะตกเป็นของสองคนนั้นไม่ได้”

คุณแขไขไม่มีวาทศิลป์ เธอไม่อ้อมค้อม ไม่ตะล่อมเหยื่อ แต่ทะลุกลางป้องอย่างคนที่ไม่ยอมเสียเวลาแม้สักวินาทีเพื่อเกลี้ยกล่อมเด็กอย่างผม เธอไม่ได้มองว่าควรพะเน้าพะนอเอาใจ แต่กำลังขู่บังคับทางสายตา

“จะง่ายกว่าไหมถ้าคุณไปบอกพี่ชายของคุณให้เปลี่ยนพินัยกรรม” ผมก็พูดอย่างไม่อ้อมค้อมเช่นกัน “ให้เขายกทุกอย่างให้คุณ ง่ายกว่าให้ผมไปอยู่ข้างคุณ”

“ลีลาพูดไว้ไม่มีผิด” คุณแขไขว่าเสียงหงุดหงิด แต่ชื่อของน้าลีทำให้ผมเกร็งตัวขึ้นมา “เธอน่ะหัวดื้อไม่ต่างจากขวัญข้าว เรื่องที่ควรเข้าใจง่ายๆ กลับไม่เข้าใจ ความรั้นนี่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไงนะ”

“รู้จักน้าลีด้วยเหรอครับ” ผมเอ่ยถาม เห็นคุณแขไขกระตุกยิ้มแล้วรู้สึกกลัวความเป็นจริงขึ้นมา

“รู้จักดีทีเดียว” เธอตอบพลางพิงหลังกับพนักโซฟาแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง “แต่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ลีลาก็เป็นแค่คนหัวดื้อไม่ต่างจากเธอ เป็นรุ่นน้องที่รักขวัญข้าวจนยอมกัดฟันเลี้ยงเธอมาตัวคนเดียว อาขอเธอมาเลี้ยงตั้งหลายครั้ง แต่ทั้งที่อดอยาก ลำบากกันเลือดตาแทบกระเด็นก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอมา ก่อนตายยังขู่อีกว่าเธอไม่มีวันอยู่ข้างอาแน่ๆ”

“ก่อนตาย...” ผมจ้องมองคุณแขไข เห็นเธอยิ้มหยันและไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของผม “ฝีมือคุณเหรอครับ”

“ไม่ใช่ฝีมืออาหรอกนะ อย่ามองอาเป็นคนร้ายแบบนี้สิขวัญพัฒน์ อาไม่ได้ประโยชน์อะไรที่จะกำจัด เรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้นอาไม่ทำ”

“แล้วใครทำครับ” เสียงของผมสั่น รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในอุณหภูมิติดลบทำให้หัวใจหนาวเหน็บ “พอจะบอกผมได้มั้ยว่าใครทำน้าลี”

“พ่อของเธอไง” คุณแขไขเหยียดยิ้ม เธอให้คำตอบอย่างง่ายดายในขณะที่ผมเผลอกลั้นหายใจกับคำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ “ผู้ชายที่ชื่อเขมรัตน์ พี่ชายของอาไงขวัญพัฒน์”

“เขา...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เขาทำจริงเหรอครับ”

“ทำไมไม่ลองถามมิสเตอร์ทีดูล่ะขวัญพัฒน์” คุณแขไขย้อนถามผมด้วยรอยยิ้มหยัน “เขายืนดูอยู่ด้วยซ้ำ”

ผมรู้สึกอยากอาเจียน ตอนนี้ข้อมูลในหัวเหมือนล้มระเนระนาด คำพูดของคุณแขไขเชื่อได้แค่ไหนผมไม่รู้ แต่ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เธอจะโกหก ถ้าเธอบอกว่าเป็นคุณธนิษฐา ผมก็ยังสามารถคิดได้ว่าเป็นการบลั๊ฟกันเอง ทว่าพอชื่อคนทำกลับเป็นของอีกคนและมีพันธมิตรของผมร่วมด้วย กลับทำให้ผมเหมือนวิ่งชนกับกำแพงเต็มแรง

แล้วเขา...ผมหมายถึงผู้ชายที่ชื่อเขมรัตน์ เขาทำไปทำไม

“โลกนี้มันไม่สวยงามหรอกขวัญพัฒน์ ทุกคนมีความต้องการของตัวเอง พ่อของเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ต่อให้จะมีทุกอย่างครบพร้อม แต่เขาก็ยังโหยหาสิ่งอื่น สำหรับเขาแล้วลีลาเป็นเหมือนตัวขัดขวาง เพราะถ้าลีลายังอยู่ วันนี้ตัวเธอคงไม่มานั่งอยู่ตรงหน้าอา พ่อของเธอก็แค่ผู้ชายโง่ๆ ที่เชื่อว่าลีลาจะฆ่าเด็กที่เลี้ยงมากับมือได้ลง คงคิดสินะว่าทำไม แต่ลีลาต่อหน้าเธอคือน้าลีที่แสนใจดี ยอมลำบากเพื่อเธอ ตรงข้ามกันกับเขมรัตน์ สำหรับพี่ชายอาแล้วหล่อนคืองูจงอางดีๆ นี่เอง” คุณแขไขบอกพลางขยับตัวนั่งหลังตรง “ทุกคนมีด้านที่ไม่อยากให้คนอื่นล่วงรู้ขวัญพัฒน์ และสำหรับเธอมันคงดีกว่าที่จะจำภาพที่สวยงามไว้ อาดูเธอมาตลอดและเห็นด้วยกับการที่ไม่คิดแก้แค้นใคร มันไม่คุ้มกับการทิ้งทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อเรื่องแบบนั้น”

คุณแขไขพูดถูก ผมคิดไม่ต่างจากเธอ ความรู้สึกของผมตอนนี้คือไม่ต้องการรับรู้ เหมือนกับตอนที่ไม่อยากรู้จักพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง เพราะผมพอใจแล้วกับการที่ผมมีน้าลี น้าเป็นทั้งพ่อและแม่ของผมได้ ถ้าการที่ได้รู้ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป ภาพความสวยงามจืดจางลง ผมก็ขอเลือกที่จะเก็บความสวยงามนี้ไว้แล้วละทิ้งสิ่งอื่นไปเสียดีกว่า

ไม่ว่าน้าลีจะทำอะไรไม่ดีไว้ แต่น้าลีคือน้าที่ผมรักและดีกับผมเสมอมา

“คุณแขไขครับ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่จัดการความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว “คุณจะจัดการกับผมมั้ย ถ้าผมไม่ได้เลือกข้างคุณ”

“อามีความสามารถพอที่จะไม่พึ่งพาเด็กอย่างเธอขวัญพัฒน์” คุณแขไขตอบ ใบหน้าสวยจริงจัง ความหนักแน่นในแววตาของเธอทำให้ผมอดชื่นชมไม่ได้ “อีกอย่างอาไม่รังแกคนไม่มีทางสู้ แต่อาก็ไม่เลือกวิธีที่จะสู้กับคนคิดร้ายกับอา ธนิษฐาคือศัตรู ถ้าเธอไม่อยากโดนลูกหลงก็ออกห่างธนิก อาเตือนเธอแค่นี้และอยากให้เธอตัดสินใจดีๆ อาไม่แย่งชิงอะไรจากเธอ แต่กับคนนอกที่ไม่สมควรได้อะไรไป อาบอกเลยว่าอาไม่ยอม ไปคิดให้ดีละกัน”

คุณแขไขเป็นคนเด็ดขาด สายตาของเธอที่มองผมช่างเด็ดเดี่ยว เธอไม่ได้พยายามเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าเป็นศัตรู เธอดูไม่ชอบหน้าผมเท่าไร ไม่ได้มองด้วยสายตารักใคร่อย่างที่คนเป็นอาควรมองหลาน แต่นั่นแหละ...อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เกลียดผม

“อาขอตัวก่อน ธนิกคงใกล้เลิกประชุมแล้ว เขาคงไม่ชอบใจถ้าอามาพบเธอถึงถิ่นของเขา” คุณแขไขลุกขึ้นยืน ในขณะที่ผมลุกขึ้นตามเพื่อจะเดินไปส่งเธอ “อาอยู่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่ อีกสองวันก็ต้องกลับไปคุมงานที่เหมืองเพชรต่อ แต่ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือก็บอกคุณจอยนะขวัญพัฒน์ คุณจอยหัวหน้าบัญชีน่ะ รู้จักดีใช่ไหม”

“อ๋อ...ครับ รู้จักดีเลยละครับ งั้นขอบคุณนะครับคุณแขไข”

เธอพยักหน้าแล้วเดินจากไป เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบพื้น ดังแว่วห่างออกไปทุกทีในขณะที่ผมจมอยู่ในความคิดของตัวเองอีกครั้ง

เราไม่มีวันรู้หรอกว่าใครเป็นยังไงจนกว่าจะได้พูดคุยทำความรู้จัก คุณแขไขในความคิดของผมก่อนหน้านี้คือน้องสาวของพ่อที่ต้องการแก่งแย่ง แต่คุณแขไขในวันนี้คือผู้หญิงเก่งที่สมเป็นผู้ใหญ่ มองจากสายตาแล้วผมก็ยังไม่กล้าฟันธงหรอกว่าเธอเป็นยังไง จะดีหรือจะร้ายแค่ไหน ทว่าในความรู้สึกของผมแล้วคุณแขไขก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

พี่จอยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจว่าแม้จะรู้จักนานก็ไม่ใช่จะรู้จักดี แต่พี่จอยที่ผมรู้จักก็ไม่ได้คิดร้ายต่อผม ต่อให้พี่จอยจะเลือกอยู่ข้างใครก็เป็นสิทธิ์ของพี่จอย ผมสนใจแค่ว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงก็เท่านั้น

ที่จริงมันก็ตอบโจทย์ในใจผมได้หลายอย่าง ตอนนี้ที่ผมยังค้างคาใจก็มีเรื่องของคุณเขมรัตน์กับมิสเตอร์ที ผมค่อนข้างมั่นใจมากว่าต่อให้มิสเตอร์ทีจะอยู่ข้างคุณธนิก แต่เขาก็คงเป็นมือเป็นเท้าให้คุณเขมรัตน์ด้วย บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นถ้าผมไปพบคุณเขมรัตน์และพูดคุยกับเขาสักครั้ง ก่อนที่อะไรๆ มันจะแย่ไปกว่านี้

“คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ หู ก่อนริมฝีปากอุ่นของเจ้าของเสียงจะจูบผะแผ่วลงบนแก้มของผม “พี่เรียกตั้งนานขวัญก็ไม่ขานรับ”

ผมหันมองเล็กน้อย คุณธนิกยืนอยู่หลังโซฟาแล้วก้มตัวข้ามพนักมากอดรอบคอผมจากข้างหลัง “ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ยังครับ พักเบรกครึ่งชั่วโมง พี่ห่วงเรา” เขาว่าเสียงนุ่ม “วันนี้อาแขเข้ามาที่บริษัท ได้ยินว่าประชุมบอร์ดเสร็จก็ตรงมาที่นี่เลย คงรู้ว่าขวัญมากับพี่”

“ครับ เจอกันแล้วล่ะ คุยกันนิดหน่อยด้วย” ผมบอกอย่างไม่คิดปิดบัง “แต่ไม่มีอะไรต้องห่วงครับพี่นิก”

“อืม พี่ไม่ห่วงแล้วล่ะ เพราะน้องขวัญเก่ง พี่รู้”

“อะไรเก่งน้า”

“น่ารักเก่ง” เขาหอมแก้มผมแรงๆ หนึ่งทีแล้วใช้ริมฝีปากคลอเคลียที่ใบหูจนผมเสียววาบไปทั้งช่องท้อง “แล้วคุยกับคุณจอยเป็นไงครับ หายคิดถึงมั้ย”

“ก็เม้ากันหลายเรื่องครับ หลักๆ พี่จอยก็บ่นพี่แจ้ หัวหน้าวินพวกผมน่ะครับ เห็นว่าเดี๋ยวนี้รับส่งกันทุกวัน เนี่ย ผมว่าพี่จอยใกล้สละโสดแล้วแน่ๆ” ผมบอกพลางหัวเราะเพราะจั๊กจี้เมื่อโดนไรหนวดขึ้นใหม่ของเขาสัมผัสเข้าที่ซอกคอ “พี่นิกอย่าแกล้งสิครับพี่ อื้อ...อะไรเนี่ย มาดูดคอทำไม เดี๋ยวก็เป็นรอย”

“อยากดูดอยากกัดไปทั้งตัว” คุณธนิกว่าเสียงพร่า ฟังดูกระเส่าจนหน้าผมเห่อร้อน “คนอะไรน่ากิน”

“มือเข้าเฝือกอยู่แต่ยังซ่าเนอะ” ผมมองมือซ้ายที่เดี้ยงเพราะโทสะของเขาแล้วนึกอยากตีซ้ำ “แล้วใครพาไปทำแผลครับ มือเจ็บขนาดนี้เมื่อเช้ากลับยังไงไหว”

“ไอ้โมมารับ” คุณธนิกบอกแล้วข้ามโซฟามานั่งลงข้างๆ “มันด่าพี่อยู่ครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่บ้านจนถึงโรงพยาบาล กลับถึงคอนโดฯ ก็ยังไม่หยุด”

“โห...สุดๆ ไปเลยนะพี่โมเนี่ย เขาถามมั้ยว่าทำไมพี่เป็นอย่างนี้”

“ถาม พี่ก็บอกว่าเจอเด็กใจร้ายทำ”

“อย่างนี้พี่โมไม่โกรธผมแย่เหรอครับ พี่นิกไปพูดอย่างนั้นอะ”

“มันบอกถ้าเจอจะจับเราตีให้น่องลาย”

ผมหัวเราะกับคำพูดของคุณธนิก เพราะมันตลกมากจริงๆ จะตีผมน่องลาย...พี่โมก็คงต้องตีตัวเองด้วยล่ะมั้ง

“พี่นิกค้าบ” ผมเรียกเขาเสียงอ้อนพลางไถศีรษะกับต้นแขนของเขา ท่าพิฆาตท่านี้ขอดวงจันทร์เขาก็จะตะเกียกตะกายหามาให้

“หื้ม” เขาทำเสียงในลำคอแล้วก้มลงมองผม “จะเอาอะไรครับ”

“เอาพี่นิกได้ป่าว” ผมช้อนตาขึ้นมอง หลิ่วตาให้เขาพลางอมยิ้ม “อยากลองรสชาติในห้องทำงาน”

“น้องขวัญ” เขาเรียกเสียงเข้ม แววตาข่มอารมณ์ “อีกสิบห้านาทีพี่ต้องประชุมต่อ”

“แหะ ล้อเล่นอะ” ผมแลบลิ้นใส่ แต่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างไวแล้วอ้าปากดูดลิ้นของผม ทำเอาตกใจจนแทบผงะ แต่เขาใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกรั้งท้ายทอยของผมไว้ ดูดลิ้นแล้วดูดงับริมฝีปากของผมทั้งบนและล่างอย่างหนักหน่วงจนผมต้องส่งเสียงท้วง กว่าเขาจะผละออกผมก็ระทวยมือไม้อ่อน “พี่นิกทำแบบนี้ได้ไง”

“ก็น้องขวัญยั่วพี่”

“ผมแค่แกล้งมั้ยอะ แต่พี่นิกทำจริง จะกินลิ้นผมอยู่แล้ว ไม่ใช่เยลลี่ซะหน่อย งื้ออ แต่ชอบอะ ไว้กินอีกได้ป่าว”

คุณธนิกยกมือขึ้นลูบแก้มผม ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่ลุ่มหลง “อย่าน่ารักไปมากกว่านี้ พี่แพ้จนไม่รู้จะแพ้ยังไงแล้วขวัญ”

“แพ้ขนาดนี้ยังจะแต่งงานอยู่มั้ย”

“ไม่แต่ง” เขาตอบทันที “พี่ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น แต่ขอเวลาพี่เคลียร์ก่อน”

ผมมองคุณธนิกอย่างชั่งใจ แต่สีหน้าของเขาจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่น “พี่นิกเอาจริงเหรอ แล้วแม่ของพี่จะว่ายังไง”

“พี่จะคุยกับแม่เอง” เขาเผยความกังวลให้เห็นเพียงเล็กน้อย แต่ผมยกสองแขนโอบรอบตัวเขาไว้

“น้องห่วงพี่นิก” ผมแนบหน้าลงกับอกกว้างของเขา กลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของธนิษฐาตอนที่ลูกชายสุดที่รักแข็งข้อ “แต่น้องก็ดีใจที่พี่นิกเลือกน้อง”

“พี่ไม่อยากรู้สึกทรมานเหมือนเมื่อคืนอีกแล้วขวัญ” เขาบอกเสียงแผ่ว “พี่ปล่อยขวัญไปให้ใครไม่ได้ ถ้าพี่แต่งงานไปแล้วขวัญไม่รอ ขวัญไปเป็นของคนอื่น แค่พี่คิด...”

ควรต้องตบรางวัลให้ไอ้น้องนรกที่แสดงสีหน้าเสียวจนแทบขาดใจใส่กล้องได้ดี แม้ว่ามันจะไม่ตั้งใจและทุกอย่างอยู่นอกเหนือแผนการ ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจ

มิสเตอร์ทีจะว่าอย่างไรถ้าคุณธนิกถึงขั้นจะล่มงานแต่งเองเพื่อผม แถมยังล่มเพราะตัวของมิสเตอร์ทีเอง คงจะคิดไม่ถึงเหมือนผมล่ะมั้งว่าคุณธนิกจะเลือกไปต่อกับผมแทนที่จบความสัมพันธ์ ซึ่งบอกตามตรงผมก็ไม่คิดเหมือนกัน

จิตใจของคนเรานี่ลึกจนยากจะหยั่งถึงจริงๆ

“พี่นิกเข้าใจความรู้สึกน้องแล้วใช่มั้ย” ผมถามเสียงอ่อน ไล้มือไปตามอกกว้างของเขา “เพราะถ้าพี่นิกเป็นของคนอื่น ต่อให้น้องบอกว่ารอได้ แต่น้องก็ไม่ไหวเหมือนกัน ระหว่างรอก็คงหาใครสักคนมาทำให้กระชุ่มกระชวย ไม่แห้งเหี่ยว โอ๊ย! บีบปากทำไม”

“อย่าพูด แค่ขวัญพูดภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ แล้ว ทำไมไม่หน้าเหมือนกันให้น้อยกว่านี้วะ ขนาดเสียงครางยังเหมือนเลย แม่ง...” เขาว่าเสียงดุ หัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ผมก็ลูบต้นแขนให้เขาใจเย็น ลูบไปได้สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของผมหนึ่งที ความอุ่นจากริมฝีปากหนาทำให้ผมหลับตาลงเพื่อซึมซับสัมผัส

“ครางเหมือนจริงป่าว” ผมเอ่ยถามเขา ก่อนจะเอะใจขึ้นมา “เดี๋ยวนะครับ ทำไมกล้องวงจรปิดมันมีเสียงด้วย”

“มันมีเครื่องดักฟังที่ห้องนั่งเล่น พี่ติดไว้เองแหละ เพราะอยากฟังเสียงของขวัญเวลาเรานอนอ่านการ์ตูนแล้วหัวเราะ ฟังแล้วเพลินดี แต่ไม่ต้องห่วง มีพี่คนเดียวที่ได้ยิน แม่พี่ดูได้แค่ภาพจากกล้อง” คุณธนิกอธิบายเมื่อเห็นผมทำหน้างงใส่ แต่พอเขาพูดเสร็จผมก็อยากจะทุบเขาให้ช้ำในตาย ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนคนโรคจิตแบบนี้กันนะ

“พี่น่ากลัวอะพี่นิก” ผมย่นจมูกใส่เขา “ว่าแต่ถ้าเรามีอะไรกัน แม่ของพี่ก็ต้องเห็นใช่มั้ย เพราะในห้องนอนก็มีกล้อง”

“ตัดสัญญาณก่อนได้ แล้วแม่พี่ก็ไม่ได้นั่งดูเราตลอดเวลา จะดูแค่ตอนที่พี่ไม่อยู่กับขวัญแค่นั้น”

“โล่งอกเลย นึกว่าจะแสดงหนังสดให้แม่พี่ดูแล้ว”

“แต่เมื่อวานแม่พี่น่าจะเห็น” คุณธนิกบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “พอเห็นแบบนั้นก็ไปธุระได้อย่างสบายใจล่ะมั้ง”

เอาจริงต้องขอบคุณเขมินทรากับมิสเตอร์ทีมากๆ จากที่คิดว่าทุกอย่างจะพังแน่ๆ แต่กลับเปิดโอกาสราวกับฟ้าโปร่งในวันอากาศแจ่มใส


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
“พี่นิกๆ” ผมเรียกเขาพลางผละออกจากอ้อมแขน ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาลงทีละเม็ด เห็นเขากลืนน้ำลายลงคอแล้วมองมาด้วยความสงสัย

“ร้อนเหรอครับน้องขวัญ” เขาถามเสียงพร่า จ้องมองแผ่นอกของผมไม่วางตา “หรือต้องการให้พี่ทำอะไร”

“ทำรอยให้หน่อย” ผมบอกด้วยสายตาเชิญชวน “พี่นิกบอกว่าชุดนักศึกษาเร้าใจนี่นา ทำให้หน่อยสิครับ มาเป็นคุณครูสอนน้องขวัญที สอนน้องขวัญทำรัก แบบ...แรงๆ น้องขวัญอยากโดนคุณครูตีด้วย...ขอไม้เรียวใหญ่ๆ”

ทนได้ก็เอาสิครับ บอกเลยว่าคุณธนิกไม่รอดหรอก จุดอ่อนของเขาทั้งนั้น เขาชอบให้เชิญชวน ชอบบทบาทบนเตียงที่เขาได้เป็นผู้บงการ เขาชอบให้พูด ชอบให้มองเขาตาฉ่ำ ชอบความออดอ้อนเพื่อแสดงถึงความต้องการเขา

ผมน่ะ...ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นหรอกครับว่าเขาจะแข็งข้อกับแม่ของเขาได้ ผมจึงต้องทำให้มันเป็นร้อยเปอร์เซ็น ซะเองเพราะผมรู้ว่าความรักต่อแม่ กับความลุ่มหลงต่อใครสักคน ความรู้สึกไหนมันรุนแรงกว่ากัน นิสัยของคุณธนิกทำให้ผมเห็นแล้วว่าเขาใจอ่อนเกินกว่าจะต้านทานใครไหว เขาเก่งนะ เรื่องทำงานเขาไม่แพ้ใคร แต่เรื่องความรู้สึก...เขาจะแพ้ผม

“ขวัญเป็นข้อยกเว้นทุกข้อเลยรู้มั้ย” เขาเสียงพร่าในขณะที่คร่อมอยู่บนตัวผมซึ่งนอนเปลือยอกมองเขาตาปรอย “พี่ไม่เคยใช้ห้องทำงานทำเรื่องแบบนี้เลย แต่ขวัญจะเป็นคนแรกที่พี่ทำ”

“พี่นิกก็เป็นคนแรก...ที่ทำให้ผมทำเรื่องน่าอายแบบนี้” ผมยิ้มให้เขา ลดมือลงไปที่เข็มขัดนักศึกษา ปลดมันออกแล้วรูดซิบลงพลางยกสะโพกขึ้นเพื่อดึงรั้งให้กางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาสอดนิ้วเข้าไปในโพรงปาก ส่วนมืออีกข้างบีบบี้ยอดอกตัวเองพร้อมกับมองคุณธนิกด้วยสายตาที่คิดว่ายั่วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อาา..า พี่นิกครับ อื้มม..ม พี่นิก” ผมครางเรียกเขาเสียงกระเส่า เห็นว่าเขากำลังมองอยู่ก็ยิ่งร้องคราง มือที่เคยสอดอยู่ในโพรงปาก ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลาย บัดนี้ผมทำใจกล้าสอดเข้าไปที่ช่องทางนุ่ม ป้ายความชุ่มฉ่ำแล้วค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปทีละนิ้ว

คุณธนิกมองตามทุกการกระทำของผม ใบหน้าเขาแดงก่ำ เต็มไปด้วยอารมณ์ดิบที่พร้อมจะกระหน่ำใส่ผม แววตาอันตรายเผยสัตว์ร้ายที่แฝงอยู่ในตัว เขามองในขณะที่ผมขยับนิ้วเข้าออกช่องทางของตัวเองพลางส่ายสะโพกอยู่ต่อหน้าเขา ได้ยินเขาครางในลำคอ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะฝังลงที่ต้นขาด้านในแล้วลามเลียมาจนถึงนิ้วที่กำลังขยับเข้าออก เรียวลิ้นร้อนแลบเลียออกมาช่วยนิ้วของผมสัมผัส ผมครางลั่นเมื่อลิ้นร้ายนั้นควานเข้ามา มือที่ใช้การได้เพียงข้างเดียวของเขาก็กอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมแล้วรูดรั้งให้

แม่ง...ผมแทบขาดใจลงตรงนี้

“อาา อ๊ะ อ๊ะ ฮึ๊ พี่ พี่นิก เสียว อาา...า ฮื้มม”

“อืม” เขาครางงึมงำในลำคอเพราะริมฝีปากยังปรนเปรอผมไม่หยุด ก่อนที่เขาจะผละถอยราวกับได้เวลาแล้วที่จะใช้ไม้เรียวตีนักเรียนหัวดื้ออย่างผม ผมจึงรีบช่วยรูดซิบกางเกงให้เขาพลางสวมใส่เครื่องป้องกันที่ผมพกมาด้วย เสร็จสิ้นแล้วก็นอนลงยกขาขึ้นให้เขากระแทกกระทั้นได้ตามแต่ใจ

“แน่น...อาา อืมม” เขาว่าพลางกัดริมฝีปากเมื่อค่อยๆ สอดใส่เข้ามา เมื่อเข้ามาจนสุดแล้วเราต่างฝ่ายต่างก็หอบหายใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มให้แก่กัน “ร้ายว่ะขวัญ หัดพกถุงยาง”

“ก็จะได้รักกับพี่นิกแบบทุกที่ทุกเวลาไงครับ อ๊าา ลึกจังพี่นิก” ผมว่าเสียงสั่นเพราะรู้สึกคับแน่นกับไม้เรียวของอาจารย์ธนิก “อาจารย์ธนิกครับ ขยับสักที กระแทกแรงๆ เลย...อ๊า!”

คุณธนิกแม่ง...ถึงใจจริงๆ กระแทกทีทำเอากระสันอยากเพิ่มขึ้น ยิ่งกระแทกรัวๆ ผมยิ่งจะขาดใจ

“เมียเด็ดขนาดนี้ ฮึ๊ อ๊าา..า ถ้ายังคิดจะแต่งงานอีก อ๊ะ อ๊ะ อาา..า ขอมีชู้ อื้ออ..อ พี่นิก แรงไปพี่”

“อย่าพูด” เขาว่าเสียงกระเส่า แววตาดุมองมาพลางเอวก็กระแทกเข้าออกช่องทางของผมระรัว “ห้ามมี ห้ามมีใครนอกจากพี่นะคนดี”

ผมไม่คิดนะว่าความตายคือสิ่งที่ควรจะมอบให้กับคนที่เกลียดชัง ผมไม่ค่อยอินกับประโยคที่ว่าเกลียดจนอยากฆ่าให้ตายเท่าไร เพราะความตายคือจุดสิ้นสุดของความทรมานและทำให้หลุดพ้นจากชีวิต ผมจึงไม่อยากให้คนที่ผมเกลียดต้องหลุดพ้น ธนิษฐาก็คงคิดเหมือนกับผมถึงได้ชอบทรมานให้คนที่เธอเกลียดชังตายทั้งเป็น การถือปืนไปยิงให้สิ้นเรื่องสิ้นราวคงไม่ได้รับความสะใจเท่ากับการปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในนรก ธนิษฐาเป็นแบบนั้นถึงได้ทรมานแม่กับน้องชายของผม บอกตามตรงผมไม่ได้โกรธแค้นแต่ก็แค่อยากให้เธอได้รับรู้บ้างว่าการถูกทรมานเป็นอย่างไร ทว่าผมก็ไม่ร้ายพอจะส่งใครไปทำร้ายเธอ การสร้างบาดแผลทางร่างกายที่ไม่นานก็หายไม่ใช่เป้าหมายของผม

“พี่นิกจ๋า...พี่นิกเอาน้องแรงๆ เลย อื้ออ..อ ถึงใจน้อง”

คุณธนิกจะได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วเขาต้องการอะไร พอถึงตอนนั้นอาจจะไม่ใช่ทรัพย์สมบัติก็ได้ที่เขาปรารถนา มิสเตอร์ทีก็ว่าผมไม่ได้หรอกในเมื่อข้อตกลงของเราไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน เราแค่เลือกข้างคุณธนิกเพื่อให้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะได้มันไป ผมยืนยันได้เท่านี้ ทว่าผมก็จะได้ในสิ่งที่ผมต้องการด้วยและผมตั้งใจจะเอามาให้ได้

ความทรมานใจของธนิษฐา...คือสิ่งที่ผมต้องการ

ผมไม่รู้หรอกว่าผมจะทำได้ไหม เป้าหมายนี้ไม่ได้ชัดเจนมาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้เพิ่งเริ่ม ผมคิดมานานแล้ว นั่นเพราะเขมินทรา เพราะไอ้น้องโง่นั่นทำให้ผมต้องเพิ่มเรื่องยุ่งยากนี้ขึ้นมา

นั่นแหละที่ทำให้ผมชอบรายละเอียดระหว่างทาง เพราะมีเรื่องพลิกผันอยู่แทบทุกขณะ แต่ตอนจบก็ยังคงไม่เปลี่ยน ในเมื่อผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจบเรื่องแล้วผมจะไป ผมก็จะไปจริงๆ

“ขวัญ ขวัญ พี่จะ ซี๊ดดด..ดด ฮึ้มมม”

ถ้าผมเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของคุณธนิก คุณธนิกก็จะเป็นให้ผมเหมือนกันและต่อให้เขาเป็นคิง ตัวเบี้ยอย่างผมก็จะรุกฆาตคิงให้ดู ราชินีจะได้หน้าหงายไปเลย

ผมมองคุณธนิกที่ซบหน้าลงกับอกผมพลางหอบหายใจหนัก ใบหน้าขาวของเขายังคงแดงก่ำ เหงื่อซึมชื้นตามไรผมแม้ห้องทำงานจะเย็นฉ่ำ เขาดูดยอดอกของผม ฝากรอยสีกุหลาบไว้บริเวณหน้าท้อง ก่อนจะตวัดลิ้นเลียน้ำขาวขุ่นของผมที่เลอะอยู่บนนั้น ในขณะที่ผมยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา “จะกินหมดเลยเหรอครับ”

“อืม จะไม่ให้เหลือสักหยด”

ภาพหยาบโลนตรงหน้าทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ เจ้าชายได้กลายเป็นหมาเชื่องๆ ให้ชายขอทาน เวลาเหมาะสมแห่งการกำจัดเจ้าหญิงที่ถูกส่งมาคงมาถึงแล้วล่ะมั้ง เหลือแค่รอเวลาให้เจ้าหญิงเผยร่างแท้จริงออกมาผมจะได้เอากะลาทองคำฟาดหัวให้สลบไปทีเดียว

“พอแล้วครับ” ผมจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาไว้ เพราะหลังจากที่เขาเลียชิมน้ำรักจนแทบไม่เหลือ ริมฝีปากของเขาก็ครอบส่วนอ่อนไหวของผม ขยับโยกหัวแล้วดูดดุนจนผมกระตุกสั่นไปทั้งร่าง “พี่ต้องไปประชุมต่อนะ”

เขาครางในลำคอ ปัดมือผมออกแล้วขยับโยกศีรษะขึ้นลง แกนกายของผมผลุบเข้าผลุบออกโพรงปากของเขา ในขณะที่แววตาคมก็ทอดมองมาเพื่อสังเกตสีหน้าของผม ผมเม้มริมฝีปากแน่นพลางสวนกายรับจังหวะ ครางอื้ออึงอยู่นานเพราะความช่ำชองของเขา ไม่คิดว่าจะใช้ลิ้นใช้ปากเก่งขนาดนี้ พาผมถึงสวรรค์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งดูดแรงยิ่งขยับเร็วก็ยิ่งรีดเค้นผมได้ดีเท่านั้น

เขาเก่ง...ลิ้นก็ดี เอวก็พลิ้ว

“สุดจริงพี่นิก อีกรอบนะพี่ คราวนี้บนโต๊ะทำงานพี่นะ เวลาพี่ทำงานจะได้นึกถึงตอนเสร็จในตัวผม”

เขมินทราบอกผมว่าเซ็กส์ที่ดีสามารถทำให้ลุ่มหลง เซ็กส์ที่ยอดเยี่ยมสามารถทำให้เสพติด ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้นักหรอก แต่ผมไม่มีเวลามากพอที่จะสร้างความผูกพันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าเซ็กส์จะทำกับใครก็ได้ คุณธนิกหาได้อีกเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นผมและผมก็ไม่ได้เก่งหรือยอดเยี่ยมเหมือนมิสเตอร์ทีที่ทำให้เขมินทราเสพติด แต่เพราะคุณธนิกรู้สึกกับผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมไม่กล้าใช้คำว่ารักเพราะเขายังไม่พูดออกมา แต่นั่นแหละ ถ้าไม่หลงตัวเองมากเกินไป ผมก็สำคัญกับเขาในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุนั้น...มันก็ไม่ยากหรอกที่จะโจมตีจุดอ่อนของเขา

“เรานี่มันแสบจนพี่ใจสั่นเลยน้องขวัญ นี่จะไม่ให้พี่คิดเรื่องอื่นนอกจากเราเลยเหรอครับ”

ผมจะล่ามโซ่พี่...

“ครับ...ไม่อนุญาตให้คิด นอกจากคิดถึงผมคนเดียว”

ทั้งมือและเท้าจะถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา...

“สดได้มั้ย”

ผมล็อกแม่กุญแจและโยนลูกกุญแจทิ้ง

“อื้ม มาสิครับที่รัก เข้ามาปล่อยในตัวผมนะ”

ต่อให้พี่จะดิ้นแรงแค่ไหน

“อาา..า ตัวแสบ แม่ง...ซี๊ดด ท่านี้ดี...”

ก็ดิ้นไม่หลุดหรอก...ที่รัก


.
.
.


Tuesday, 01:30 AM

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: โทษครับ ผิดแชท :)

NumNim: คะ?

NumNim: น้องขวัญ ต้องการอะไรคะ แล้วแอดไลน์พี่มาได้ยังไง

ขวัญพัฒน์: ไม่ต้องการอะไรครับ เพราะที่อยากได้ ได้มาแล้ว

NumNim: เหรอคะ

ขวัญพัฒน์: คุณนิ่มจะกลับวันไหนครับ ผมกับพี่นิกจะไปรับ

NumNim: ไม่เป็นไรค่ะน้องขวัญ เดี๋ยวพี่ไปเจอน้องขวัญ ตัวต่อตัวดีกว่า :)

ขวัญพัฒน์: ครับ มีเรื่องจะคุยอยู่พอดี

NumNim: คงต้องคุยกันเยอะเชียวค่ะ

ขวัญพัฒน์: ว่าแต่คุณนิ่มไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ ถ้าระหว่างที่ไม่อยู่ ผมจะขอกกตัวว่าที่เจ้าบ่าวของคุณนิ่มไว้ก่อน

NumNim: หน้าด้านก็ทำไปสิคะ

ขวัญพัฒน์: ไม่อยากทำหรอกครับ แต่พี่นิกนี่สิ ไล่ยังไงก็ไม่ไป แถมยังบอกอีกว่าจะไม่แต่งงานแล้ว อะไรนักหนาก็ไม่รู้

NumNim: เหรอคะ ตอแหลเก่งดีนะคะน้องขวัญ

ขวัญพัฒน์: เราก็พอกันนั่นแหละครับ แต่เรื่องแต่งงานผมพูดจริงนะ

ขวัญพัฒน์: Send a voice message.

ขวัญพัฒน์: ฟังเองดีกว่านะครับคุณนิ่ม หวังว่าคงจำเสียงพี่นิกได้ ไปแล้วนะครับ พี่นิกเรียกแล้ว สวัสดี





ผมวางโทรศัพท์พลางกลั้นหัวเราะ ป่านนี้เจ้าหญิงคงกำลังกลายร่างจนหัวลุกเป็นไฟ อกแทบระเบิดไปเลยล่ะมั้ง แต่ถ้าเทียบกับแผลเป็นขนาดใหญ่ข้างหลังของเขมินทราที่เกิดจากการถูกน้ำร้อนลวกด้วยฝีมือของเจ้าหญิงตามคำสั่งของราชินี ผมว่าก็คงแสบน้อยกว่าด้วยซ้ำ

“ทำไมยังไม่นอนครับตัวแสบ” คุณธนิกเอ่ยถาม เขาเพิ่งออกจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมาอวดกล้ามอวดรอยสักจนผมอยากจะขึ้นคร่อมเขาอีกรอบ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้จัดกันยาวหลายยกแล้ว ตั้งแต่ที่ห้องทำงานของเขาเมื่อตอนใกล้เที่ยง ตอนเย็นก็ตั้งแต่ที่ขึ้นคอนโดฯ ของเขมินทรามาจนถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน

“เล่นโทรศัพท์อยู่ครับพี่นิก” ผมตอบแล้วลุกขึ้นเดินไปหาเขา แผงอกกว้างน่าซบพราวไปด้วยน้ำ ผมกลืนน้ำลายลงคอมองด้วยใจสั่นไหว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำจากตัวของเขาด้วย “ไม่เช็ดผมให้แห้งล่ะครับ มานี่มา ขวัญซาลอนจะจัดการให้”

ผมจูงมือเขาให้เดินตาม เขาก็ไม่อิดออด เดินมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนผมก็หยิบไดร์เป่าผมออกจากลิ้นชัก เสียบปลั๊กแล้วเริ่มจัดการกับเส้นผมเปียกๆ ของเขาทันที

“ดูแลเก่ง” คุณธนิกมองผมผ่านกระจกเงา เราสบตากันในนั้นผมจึงยักคิ้วให้ “อยากให้ดูแลไปตลอดชีวิต”

“อยู่ให้ดูแลสิครับ คนอย่างขวัญพัฒน์ถึงไหนถึงกัน”

“ถึงใจพี่นิกมากด้วย” คุณธนิกชมพลางยกแขนขึ้นกอดเอวผมไว้หลวมๆ “เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำพี่แทบหมดตัว”

“แล้วชอบมั้ยครับ”

“ใช้คำว่าติดใจได้เลย”

“งั้นก็ไม่เสียแรงที่อ่านมาเยอะ” ผมคลี่ยิ้มกว้างตอบเขา ก่อนจะปิดไดร์เป่าผม “ผมยังมีอีกหลายวิธีจะลองกับพี่นิก อย่าเบื่อกันก่อนนะครับ”

“คำว่าเบื่อสะกดยังไงเหรอขวัญ” เขาถามพลางดึงผมไปนั่งบนตัก “กับขวัญแล้วพี่สะกดไม่เป็น”

ปากหวานจริงๆ ปากหวานจนน่าประกบด้วยปากให้แตก

“ว่าแต่พี่นิกชอบแบบไหนมากกว่า” ผมไล้นิ้วไปตามรอยสักของเขาพลางช้อนตาขึ้นมอง “น้องขวัญแบบใสๆ น่ารักหรือน้องขวัญแรงๆ ขี้ยั่ว”

“อืม” เขาทำท่าครุ่นคิด บีบจมูกผมก่อนจะก้มลงมาหอมแก้ม “เลือกยาก ใสๆ ก็หลง แรงๆ ก็ติดใจ”

“แล้วแบบไหนที่จะทำให้พี่นิกขาดไม่ได้”

“แบบขวัญ แบบที่ขวัญเป็น”

“จริงป่าว”

“ยืนยันแบบไหนได้บ้าง” เขาถามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “ทำแบบไหนน้องขวัญถึงจะเชื่อพี่นิก”

“แค่นอนเฉยๆ ขวัญก็เชื่อ” ผมตอบแล้วยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขา “นอนเป็นของเล่นของขวัญ ให้ขวัญจัดการพี่นิก”

“อื้ม พี่ตามใจขวัญเลย”

“ลางานได้มั้ย” ผมเอียงคอมอง ตั้งคำถามแล้วรอคอยคำตอบ “มาลองอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสักหนึ่งอาทิตย์ ไม่ต้องติดต่อกับใคร ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ อยู่ด้วยกันแค่สองคน”

คุณธนิกเลิกคิ้ว เขาทอดสายตามอง ไม่แน่ใจหรอกว่าเขาจะตกลงไหม เพราะอีกสามวันแม่ของเขากับคุณนิ่มจะกลับมา ถ้าเขาขาดการติดต่อคงเป็นเรื่องแน่ แต่ผมเตรียมการไว้ให้แล้ว

“ได้ครับ” เขาตอบรับอย่างที่ผมไม่คาดคิด “ตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ ดีไหม”

“ดีค้าบ” ผมยิ้มตาหยีให้เขา ในขณะที่เขารั้งผมเข้าไปกอด “แต่พี่นิกให้พี่โมดูแลขิมให้ดีด้วยนะ อย่างน้อยถ้าพี่นิกต้องลาหยุดหนึ่งอาทิตย์ ขวัญพัฒน์ก็ยังต้องอยู่ในบ้าน ถ้าเราหายไปพร้อมกันคงเกิดปัญหา”

“ก็ปล่อยมันเกิดไป”

“ว้าว ดับเครื่องชนแล้วเหรอ”

“ก็พี่อยากอยู่กับขวัญ” คุณธนิกบอกเสียงแผ่ว “ขวัญเก่งมากแล้ว จากกระต่ายน้อยขนฟูเป็นเสือยั่วสวาท ไม่มีอะไรน่าห่วง”

“งิ้ง ชมเค้าหลอ”

คุณธนิกหัวเราะกับเสียงสองของผม ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ “อยากชมตั้งแต่ออรัลให้พี่โคตรถึงใจ พี่เกือบหัวใจวายตาย”

“เค้าทำเก่งมากกว่านั้นอีก เจ็ดวันนี้พี่นิกนอนเฉยๆ ได้เลย เค้าจัดให้พี่นิกเอง”

หลังเจ็ดวันนี้ พี่เกมโอเวอร์แน่พี่นิก ผมจะงัดทุกความยั่วบนโลกใบนี้มาลงโทษพี่

“พี่แทบจะรอไม่ไหว” สีหน้าของคุณธนิกเป็นตามที่พูดจริงๆ เขาหน้าแดงหูแดงไปหมด คงกำลังจินตนาการถึงภาพหยาบโลนอยู่แน่ๆ

“ลาหยุดก่อนมั้ย บอกว่าพี่ไปทำธุระต่างประเทศก็ได้” ผมเตือนถึงสิ่งที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรก

“ประเทศไหนดี” เขาขอความเห็น

“ประเทศที่มีชื่อว่าสวรรค์อะ นั่งเครื่องบินก็ไปไม่ถึง ต้องนั่งน้องขวัญเท่านั้น ถึงแน่นอน”

“โอ๊ยยย น้องงง” คุณธนิกถึงกับซุกหน้ากับไหล่ของผม สีหน้าที่อยากตีแต่ก็ข่มไว้เพราะความเอ็นดูทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ

“หรือให้น้องขวัญนั่งดีน้า น้องขวัญนั่งเทียนเก่ง เทียนพี่นิกยิ่งชอบ บดๆ วนๆ ขึ้นสุดลงสุด”

“สงสารพี่บ้าง” คุณธนิกอ้อนวอน “โดนรีดน้ำจนจะหมดตัวแล้วครับ”

“บริการซักรีดให้ไว้ใจน้องขวัญ”

“ทำทุกอาชีพเนอะ”

“ความสามารถพิเศษจ้ะ อาชีพเมียพี่นิกยิ่งถนัด”

คุณธนิกดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มพลางเลิกคิ้วยียวน “คนไหนเมียพี่”

“น้องขวัญคนนี้ไง” ผมชี้เข้าหาตัวเองพลางฉีกยิ้มกว้าง “ให้เป็นป่าว”

“ไหนเรียกผัวสิครับ”

พอเขาพูดด้วยเสียงหล่อๆ แววตากรุ้มกริ่มพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างนี้แล้ว ใบหน้าที่คิดว่าอัพเลเวลความหนาขึ้นก็ยังต้องเห่อร้อน

“เรียกสิคนดี”

“ง่า...ผะ...”

แม่มึงเอ้ยยยย! พูดไม่ออกโว้ย! ขอพลังความด้านจงสถิตย์อยู่กับผม

“เรียกให้ฟังหน่อยที่รัก” เขาจู่โจมรุนแรงแล้วคราวนี้ เป็นในเกมคงขึ้นเกมโอเวอร์ตั้งนานแล้ว ผมนี่ทั้งหน้าทั้งหูคงแดงไปหมด คนหัดด้านนี่หลุดฟอร์มง่ายจังวะ “ผัวน้องขวัญอยากฟังน้องขวัญเรียก”

“พี่นิกอะ แกล้งผม”

คุณธนิกหัวเราะเสียงดังลั่น พอเห็นหน้างอๆ ของผมก็ก้มลงมาจูบแก้มอย่างเอาใจ “น้องขวัญก็ยังเป็นน้องขวัญ จะแสบแค่ไหน ก็ยังเป็นเด็กดีของพี่ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้พี่ถูกใจ น้องขวัญเป็นแบบที่ต้องการนั่นแหละดีแล้ว”

“พี่นิกกกกก”

ผมแพ้เขาอีกแล้ว ช่วงเวลาแบบนี้ราวกับผมได้เห็นดอกไม้ที่สถานีรถไฟแห่งนั้นเบ่งบาน แต่ผมรู้ว่าสักวันดอกไม้ก็ต้องแห้งเหี่ยวโรยราไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้นผมจะรีบเด็ดมันขึ้นมาก่อนที่ความสวยงามจะหมดไป เด็ดเอามาสต๊าฟไว้เก็บใส่ในกล่องแห่งความทรงจำ


*****************************


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ธนิกมองคนที่กำลังหลับใหลในห้วงนิทราพลางมือหนาก็ยกขึ้นลูบศีรษะเล็ก ขวัญพัฒน์ขยับตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนลูกแมวน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มนิดๆ ราวกับกำลังฝันดี เขามองภาพที่คงจะติดอยู่ในความทรงจำอยู่อย่างนั้น สุขใจที่ได้เห็นใบหน้านี้ ดีใจที่ความเงียบทำให้เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ เสียงที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต เขาหลับตาลงเพียงครู่ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง

การรักใครสักคนเป็นความทุกข์ทรมาน ยิ่งรักมากก็ยิ่งทรมานมาก ขวัญพัฒน์มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขามากเกินไป หลายต่อหลายครั้งที่ความเป็นไปไม่ได้ปรากฎชัดอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็เลือกที่จะมองเมิน

ทนไม่ไหวหรอกหากขวัญพัฒน์จะเจ็บปวด ทนไม่ไหวหรอกหากขวัญพัฒน์ต้องร้องไห้ แต่ทนไม่ไหวก็ต้องทน

ภาพที่ขวัญพัฒน์ล้มลงที่สถานีรถไฟในวันนั้นยังคงติดตา ไม่ใช่แค่ขวัญพัฒน์ที่นั่งรอเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่เวลาของขวัญพัฒน์ที่หยุดลง แต่เขาก็ยังติดอยู่ที่ตรงนั้น ติดอยู่กับกลิ่นคาวเลือดสีแดงฉ่านที่แผ่วงกว้างบนเสื้อของขวัญพัฒน์ ติดอยู่กับการเห็นขวัญพัฒน์นอนหายใจรวยริน ใบหน้าเล็กซีดเผือด ลมหายใจแผ่วลงราวกับจะจากเขาไปได้ทุกเมื่อ

เขาจับมือขวัญพัฒน์ไว้ในตอนนั้นและในความรู้สึกของเขาตอนนี้ก็ยังคงจับไว้แน่น

ธนิกถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ขวัญพัฒน์เด็กดื้อ ทั้งแสบทั้งซน แต่สำหรับเขาก็ยังคงเป็นเด็กดี ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือแสดงนิสัยด้านใดออกมา แต่สำหรับเขาแล้วขวัญพัฒน์ก็ยังเป็นขวัญพัฒน์ เป็นน้องขวัญของเขา

แต่จะเป็นได้ถึงเมื่อไหร่...

ธนิกรู้คำตอบดีและนาฬิกาของเขาเริ่มนับถอยหลังแล้ว มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานที่รับปากกับคนสำคัญ คนสำคัญที่เกลียดเขาจนอยากฆ่าให้ตาย

ย้อนกลับไปเมื่อวาน...

เมื่อวานตอนสามทุ่มครึ่งธนิกอยู่ที่โรงพยาบาล ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เขาตัดสินใจอยู่นาน นานตั้งแต่ที่เวลาของเขาหยุดลงที่สถานีรถไฟในวันนั้น จนสุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายแพ้และมายืนอยู่ตรงหน้าเตียงผู้ป่วยที่เขมรัตน์นอนพักรักษาตัว

ใบหน้าคมสันของเขมรัตน์แสดงท่าทีประหลาดใจที่เห็นเขา พ่อเลี้ยงที่มีแต่ความเกลียดชังให้เขาเลิกคิ้วน้อยๆ ส่งสายตามาเป็นคำถาม

“พ่อครับ” ธนิกเอ่ยเรียก น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเริ่มพูด “ผมมีเรื่องอยากคุย”

“ว่ามา” น้ำเสียงแหบต่ำของเขมรัตน์ฟังดูไม่แยแส แต่ก็ยังนิ่งเงียบรอคอย

“ไอ้วัฒน์บอกผมว่าคนที่ยิงขวัญพัฒน์ในวันนั้นคือคนของพ่อ” ธนิกไม่อ้อมค้อม เขาเข้าประเด็นแล้วลอบมองปฏิกิริยา “จริงเหรอครับ”

“คิดว่าคนที่ควรโดนกระสุนนัดนั้นคือลูกของฉันเหรอธนิก” เขมรัตน์ย้อนถาม “คนที่ควรจะโดนคือแกมากกว่า”

แม้จะรู้ดีว่าไม่ได้เป็นที่รัก แต่ธนิกก็ยังอดที่จะรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ ความพยายามหลายปีแทบไม่มีความหมาย แค่เพราะเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ แค่เพราะเป็นลูกชายของศัตรูหัวใจของเขมรัตน์ แค่เท่านั้นก็ถูกเกลียดชัง

เขาก็ไม่ได้ต่างจากขวัญพัฒน์ มีความผิดมาตั้งแต่เกิด

“แกกับแม่ชอบเล่นนอกเกมกันนักนี่ เขมินทราก็แพ้ให้แกไปคนหนึ่งแล้ว แล้วทำไมฉันต้องยอมให้ลูกชายอีกคนแพ้ให้แกด้วย คิดจะหนีไปด้วยกันเหรอ แกมันก็คิดตื้นเกินไป” เขมรัตน์พูดเสียงเย็นชา ใบหน้าคมที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาให้เห็นนั้นไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆ “ฉันให้โอกาสเพราะแกพยายามมากกว่าคนอื่น แต่แกไม่เล่นตามกติกา เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องสั่งสอนแกบ้าง”

“พ่อคิดบ้างมั้ยครับว่าถ้าวันนั้นโดนจุดสำคัญ ถ้าวันนั้นขวัญพัฒน์ไม่รอด แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ” ธนิกแทบจะควบคุมโทสะของตัวเองไว้ไม่ได้ เขาไม่เคยนึกเกลียดชังเขมรัตน์แม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติตัวกับเขาอย่างไร ทว่าตอนนี้ความรู้สึกเกลียดกลับแล่นริ้วขึ้นมาในใจจนแทบอยากฉีกร่างผู้ป่วยที่ซีดเซียวออกเป็นชิ้นๆ “ถ้าอยากฆ่าผมนัก พ่อฆ่าผมตอนนี้ได้เลย”

“ปากดีเหมือนกันนี่ไอ้ลูกแหง่” เขมรัตน์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเหยียดยิ้มหยันมองลูกชายของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ “ไม่นานมานี้ยังให้แม่เดินจูงมือ ป้อนข้าวป้อนนมอยู่แท้ๆ แต่ฉันไม่ฆ่าแกหรอกธนิก ตราบใดที่แกไม่เล่นนอกกติกา แกก็ยังมีโอกาสนั่งเก้าอี้ประธานของฉันอยู่”

“ผมไม่เคยพูดว่าผมอยากแทนที่พ่อ” ธนิกว่าเสียงกร้าว “ผมไม่เคยพูดว่าผมอยากได้อะไรจากพ่อเลย”

“แล้วแม่แกยอมเหรอธนิก เมียฉันถูกทรมานจนตายเพราะแม่แกไม่ยอมให้อะไรก็ตามที่ขวัญข้าวสมควรจะได้รับ ทั้งๆ ที่ฉันก็ให้แม่แกไม่น้อยไปกว่าใคร แต่แม่แกมันโลภมาก”

“แล้วทำไมพ่อไม่จัดการแม่ซะล่ะครับ รู้ว่าแม่ของผมทำไม่ดีแล้วทำไมยังปล่อยไว้”

เขมรัตน์ไม่ตอบคำถามของธนิก ใบหน้าคมสันของเขาเรียบเฉยแต่แววตาสะท้อนความนัยที่ตีความได้ยาก

“ที่ผมมาวันนี้ ผมจะมาบอกพ่อแค่ว่าผมขอถอนตัว ผมไม่ต้องการอะไรจากพ่อ ต่อให้มีคนยกให้ผมก็ไม่เอา” ธนิกบอกอย่างหนักแน่นเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า เขายื่นเอกสารที่ให้ทนายจัดการพร้อมกับเครื่องบันทึกเสียงไปให้เขมรัตน์ “เอกสารนี้เป็นเอกสารที่ผมไม่ขอข้องเกี่ยวกับมรดกของพ่อกับไฟล์เสียงของผม มีทนายกับไอ้วัฒน์เป็นพยาน”

เขมรัตน์มองสิ่งที่ธนิกยื่นให้ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก ในขณะที่ธนิกทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย

“ผมไม่ต้องการอะไร ขอแค่ขวัญปลอดภัย ลำพังตัวผมปกป้องขวัญจากแม่ไม่ได้ ผมทำใจทำร้ายแม่ไม่ลง แต่ผมรู้ว่าพ่อทำได้ ช่วยปกป้องขวัญได้ไหมครับ แล้วอย่าทำพลาดอีก ถ้าพ่ออยากฆ่าผม แค่บอกผม ผมจะมาให้พ่อฆ่าต่อหน้าเลยก็ได้ ผมจะตายก็ไม่เป็นไร แค่ขวัญพัฒน์รอดและใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”

ธนิกไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากเขมรัตน์ แต่ตอนนี้เขากำลังอ้อนวอน หัวใจของเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นภาพขวัญพัฒน์ล้มลงตรงหน้า “พ่อไม่อยากเห็นเหรอครับ อนาคตที่ดีของลูกชายของพ่อ ไม่อยากเห็นเขาประสบความสำเร็จเหรอ ไม่อยากเห็นเขามีชีวิตที่ดีเหรอครับ”

“ทำไมฉันจะไม่อยากเห็น เพราะอยากเห็นถึงได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้”

“แต่ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดของพ่อกำลังทำร้ายลูกชายของพ่อทั้งสองคน ผมหมายถึงน้องขวัญกับน้องขิม” ธนิกว่าพลางสบตากับเขมรัตน์ “ถ้าพ่ออยากให้ในสิ่งที่ดีที่สุด พ่อก็ต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นให้ด้วย พ่ออาจจะสะใจที่เห็นว่าผมต้องทุรนทุราย แต่การทำร้ายผม มันส่งผลถึงน้องทั้งสองคน ตั้งแต่น้องขิม มาจนตอนนี้น้องขวัญก็แย่ลงทุกวัน”

ธนิกไม่เคยเข้าใจผู้ชายที่ชื่อเขมรัตน์ ความรักของผู้ชายคนนี้เข้าใจได้ยาก ครั้งหนึ่งเขมรัตน์เคยบอกว่ารักมารดาของเขา แต่สุดท้ายก็ทำให้มารดาของเขาร้องไห้แทบทุกวันเพราะการถูกนอกใจ เขาต้องทนเห็นมารดาร้องไห้และทำร้ายตัวเอง ผู้หญิงที่เคยยิ้มแย้มอยู่เป็นนิตย์ ใจดีและรักเขายิ่งกว่าใคร กลับกลายเป็นคนเก็บตัว พูดน้อยและบางครั้งก็ร้องไห้ออกมาเงียบๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาต้องทนมองมารดาที่สภาพจิตใจย่ำแย่ลงทุกวันจนสุดท้ายก็คิดสั้นฆ่าตัวตาย ถ้าวันนั้นเขาไม่นึกกังวลใจก็คงกลับไปเจอไม่ทันการณ์และคงจะสายเกินไป หลังจากผ่านความเป็นความตายมาได้มารดาของเขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งหมดก็เพราะความรักของเขมรัตน์ ความรักที่ตอนนี้เผื่อแผ่ไปถึงขวัญพัฒน์และเขมินทรา และกลับกลายเป็นความรักที่สร้างความอันตรายให้สองพี่น้อง

“ตอนนั้นถ้าแกคิดที่จะปกป้องเขมินทราอย่างจริงจังขึ้นมาบ้าง เรื่องก็คงไม่ยืดยาวมาจนถึงตอนนี้” เขมรัตน์บอกเสียงเย็น ดวงตาคมจ้องมองเพดานสีขาวของห้องพักผู้ป่วย ไม่ได้มองคู่สนทนาอย่างธนิก “ฉันให้แกเป็นองครักษ์และสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างกับแก แต่สุดท้ายแกก็แพ้ให้แม่ของแก แล้วฉันจะให้คนใจอ่อนอย่างแกขึ้นมาแทนฉัน ปกป้องลูกชายของฉันได้ยังไง”

“แต่พ่อก็ส่งทหารมือดีของพ่อมาแทงข้างหลังผมก่อน” ธนิกบีบมือตัวเองแน่นเมื่อนึกถึงอดีต “ผมผิดเองที่ปกป้องเขมินทราไม่ได้ ตอนที่ผมกลับมา ทหารมือดีของพ่อก็เปลี่ยนเขมินทราไปแล้ว”

“ม้าดีก็ต้องพยศเป็นธรรมดา อีกอย่างผู้เล่นไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยนตัว” เขมรัตน์บอกอย่างเย็นชา “เขมินทราหัวอ่อนและอ่อนแอเกินไป อยู่กับทหารมือดีคงปลอดภัยมากกว่าอยู่กับแกที่มีทั้งราชินีกับเจ้าหญิงโรคจิตอยู่ใกล้ตัว”

ธนิกไม่เห็นด้วย เขมรัตน์คงไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของเขมินทราตกอยู่ในอันตรายจนยากเกินจะช่วยเหลือแล้ว

“เพราะแบบนั้นผมถึงต้องถอนตัว ผมไม่อยากเป็นองครักษ์ ไม่อยากเล่นบทบาทอะไรนี่แล้ว ผมอยากเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถรักขวัญพัฒน์ได้ ไม่อยากเป็นองครักษ์ที่มีสิทธิ์แค่ปกป้องแต่ครอบครองไม่ได้ ผมทำตามที่พ่อบอกทุกอย่างแล้ว แต่ครั้งนี้ผมขอเลือกทางของผมบ้าง ผมขอถอนตัวครับ ถ้าพ่อไม่อนุญาต ก็ฆ่าผมตอนนี้เลยก็ได้”

ธนิกวางปืนลงข้างตัวเขมรัตน์ ความเด็ดเดี่ยวในแววตาทำเอาคนมองเลิกคิ้วอย่างอดแปลกใจไม่ได้ เจ้าเด็กติดแม่คนนี้ทำหน้าจริงจังและจ้องตาเขากลับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ธนิกไม่เคยกล้าสบตากับเขา เด็กผู้ชายขี้กลัวติดแม่แจ ชอบนั่งในสวนวาดรูปต้นไม้ดอกไม้อยู่เงียบๆ แต่บางครั้งก็หัวเราะร่าอยู่ในครัว ช่วยมารดาทำอาหารคาวอาหารหวาน

เขมรัตน์หัวเราะในลำคอ เหมือนเมื่อวานนี้เองที่เด็กชายธนิกยื่นโหลใส่คุกกี้ที่ทำกับมารดามาให้เขาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ตอนนี้กลับยื่นปืนมาให้เขาอย่างไม่หวั่นเกรง

“แกจะไม่เหลืออะไรธนิก ถ้าแกถอนตัวแกจะกลายเป็นแค่หมาขี้แพ้ตัวหนึ่งที่ไม่มีเงินทอง ไม่มีอำนาจ โลกที่ทุกอย่างขับเคลื่อนไปด้วยเงินจะไม่มีที่ให้แกยืนอยู่”

“ผมไม่เกี่ยงหากต้องไปขับวินกับน้องขวัญ”

“ถึงตอนนั้นขวัญพัฒน์จะอยู่ห่างจากแกเหมือนคนละโลกธนิก แกจะทำได้แค่รัก แค่มองจากที่ไกลๆ เพราะไม่ว่ายังไงแกก็ครอบครองไม่ได้และฉันไม่มีวันยกลูกชายให้กับคนที่ดูแลไม่ได้”

คำขู่ของเขมรัตน์ไม่เป็นผล เพราะธนิกไม่มีความลังเล ชายหนุ่มรุ่นลูกพยักหน้า ยอมรับทุกผลลัพธ์ที่จะตามมา “ผมไม่กลัว สำหรับผมในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าน้องขวัญ”

“งั้นก็แล้วแต่แก แต่อย่าซมซานกลับมาอ้อนวอนฉันอีก”

“ผมไม่ทำแน่ครับ ที่ผมจะขอจากพ่อก็แค่ให้พ่ออนุญาตและจัดการทำสิ่งที่ควรจะทำก็แค่นั้น” ธนิกยืนยันความต้องการหนักแน่น เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและทอดมองเขมรัตน์อย่างจริงจัง “ผมรู้ว่าพ่อรักแม่ของผม ถึงได้ยอมเลี้ยงดูผมมาทั้งๆ ที่เกลียดผม แต่ว่าตอนนี้เลิกปกป้องได้แล้วครับ พ่อว่าแต่ผม แต่พ่อก็ทำร้ายแม่ไม่ลง ผมขอนะครับ ครั้งนี้ให้แม่ทำผิดครั้งสุดท้าย อย่ายื่นมือเข้าไปช่วยอีก ผมขอตัวก่อนครับ มีธุระต้องไปจัดการ”

ธนิกยกมือลาแล้วหันหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย ทิ้งเขมรัตน์ให้จมกับความคิดของตัวเอง

“เป็นไงพี่ คุยกับลุงรู้เรื่องไหม” ธนวัฒน์ ลูกชายของแขไขที่รออยู่นอกห้องทักขึ้นทันทีที่เห็นธนิก

“น่าจะรู้เรื่องที่สุดในรอบหลายปีที่เคยคุยกันมา” ธนิกตอบพลางคลายเนคไทออกเพื่อลดความอึดอัด “มึงก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ว่าแต่มาเมื่อไหร่วะ”

“มาถึงเมื่อกี้ครับ สี่ทุ่มเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน” ธนวัฒน์ยิ้มพรายอย่างชายหนุ่มขี้เล่น “อีกอย่างผมจะคุยกับใครได้ เรื่องผมก็ไม่ใช่ นี่วันก่อนแค่ดันทะเล่อทะล่าเขาไปหาตอนพี่คุยกับทนายหรอก โดนจับเป็นพยานเลยเนี่ย”

“ไอ้นิสัยเข้าห้องคนอื่นไม่เคาะประตูน่ะเลิกสักที”

“แม่ผมก็ด่าแบบนี้แหละแต่ผมไม่จำ ช่วงนี้อยู่แต่ต่างประเทศ ไม่มาบ่นให้ฟังก็เลยลืมๆ” ธนวัฒน์ยักไหล่ ยียวนจนโดนธนิกตบศีรษะเข้าให้ เจ้าคนขี้เล่นจึงร้องโอดโอยพลางยกมือขอโทษขอโพยเมื่อเห็นว่าจะโดนตบอีกรอบ “แค่นี้ก็โหดกับน้องกับนุ่ง”

“อย่างมึงใจดีด้วยไม่ได้ แล้วเวลาไปเมากับไอ้โมก็ไม่ต้องหลุดปาก”

“เรื่องนี้พี่โมไม่รู้เหรอ” ธนวัฒน์ถามอย่างแปลกใจ “ปกติพวกพี่คุยกันทุกเรื่องนี่”

“เออน่า”

“เลี้ยงเหล้าผมเลย ค่าปิดปาก รับรองจะปิดสนิท แถมช่วยกันพี่นิ่มให้ด้วยนะพี่ แต่ขอเหล้าแพงๆ ให้สมกับฤทธิ์เดชของแม่เจ้าประคุณหน่อยนะ” ธนวัฒน์พูดทีเล่นทีจริงตามประสาคนไม่มีเรื่องในชีวิตให้เครียดมากนัก “ทั้งจิกทั้งข่วน เล็บยาวอย่างกับผีปอบ”

“พูดอย่างกะผู้หญิงที่มึงนอนด้วยไม่เคยข่วนหลังมึง”

“แบบนั้นยิ่งข่วนยิ่งเสียวไง แต่ว่าที่เจ้าสาวพี่ยิ่งข่วนยิ่งเจ็บ ปากก็ร้าย ด่าผมทีขนมาทั้งเขาดิน พอต่อหน้าพี่นี่เรียบร้อยเชียว ผมว่าถ้าแต่งงานกันจริงๆ พี่พาไปรักษาด้วยนะ ไม่ใช่กับจิตแพทย์อะ แต่กับหมอผี ปราบวิญญาณร้ายให้สิ้นซากที” ธนวัฒน์ว่าแล้วก็ทำหน้าสยอง รอยข่วนที่แขนของเขายังเห็นชัดอยู่เลย ส่วนธนิกก็ได้แต่หัวเราะ

“เออพี่ พี่โมโทรมาบอกให้พี่อ่านไลน์ด้วยน่ะ ไม่รู้มีเรื่องสำคัญอะไร ผมเลยบอกว่าพี่ติดธุระสำคัญอยู่”

“กูปิดมือถือ ตอนคุยกับพ่อไม่อยากให้ใครกวน” ธนิกบอกพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดเครื่อง “ยังไงก็ขอบใจมึงนะไอ้วัฒน์ ทำตัวกะโหลกกะลาไปวันๆ แต่พอจะใช้งานทีก็มีประโยชน์ดีเหมือนกัน”

“โห พี่ พูดแบบนี้เอารองเท้าฟาดหน้าผมเลยก็ได้ แค่แม่ด่าผมปัญญาอ่อนทุกวันก็เจ็บหัวใจมากพออยู่แล้ว คุณแขไขน่ะปากร้าย ไม่เหมือนป้านิษแม่พี่ ใจดีกับผมอะ เมื่อก่อนทำขนมให้กินบ่อยๆ ด้วย คิดแล้วไม่น่าโตเลย โตมาแล้วปวดหัว”

ธนิกได้แต่ส่ายหน้าระอาใส่คนที่ไม่รู้จักโต เขาพูดคุยกับธนวัฒน์จนเดินมาถึงที่รถ ระหว่างทางก็เคลียร์แจ้งเตือนในโปรแกรมสนทนาไปด้วย ปฐพีส่งข้อความมาถามแค่ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่อีกห้องแชทหนึ่งจากแอคเคาท์ที่ไม่คุ้นเคยกลับทำให้เขาลืมที่จะตอบกลับข้อความของเพื่อนรัก เพราะรูปที่ส่งมาในห้องแชทเวลาเกือบสามทุ่มนั้นทำเอาชาไปทั้งร่าง





T. : อย่าลืมเปิดดูกล้องย้อนหลังล่ะธนิก :)





“เฮลโหลวววว เป็นไรไปพี่ชาย” ธนวัฒน์โบกไม้โบกมืออยู่ตรงหน้า แต่สติของธนิกหลุดไปเสียแล้ว “พี่ธนิก ได้ยินผมป่าวพี่”

“เออ…” กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็นานหลายนาที ธนิกกระแอมเบาๆ มือที่จับโทรศัพท์มือถือสั่นเทาไปหมด “อืม...ว่าไงวะ”

“เห็นพี่นิ่งไปอะ ผมแค่จะบอกว่าผมจะไปแล้ว ส่วนหลักฐานพวกรูปภาพกับคลิปที่พี่ให้ผมมาอะ ผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจไปเรียบร้อยแล้วนะ แต่จะจัดการยังไงมันจะบอกอีกที เพราะไม่มีการแจ้งความเอาผิดอะ ตอนตายก็สรุปว่าเสียเลือดมากจากการฆ่าตัวตาย แต่ผลชันสูตรอวัยวะภายในก็คงเอื้อต่อรูปคดีอยู่ แต่ก็ยังมีแต่อีกแหละพี่ น้าขวัญข้าวตายไปหลายปีแล้วอะ ตั้งแต่น้องขิมอยู่มอห้าจนตอนนี้น้องเรียนจะจบมหาลัยแล้ว ส่วนคลิปที่ทรมานน้องขิมนี่ ต้องปรึกษากับทนายอีกที” ธนวัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกับนิสัยขี้เล่น ในขณะที่ธนิกกำลังรวบรวมสติของตัวเองรับฟังให้มากที่สุด “ผมเอาใจช่วยพี่นะ เพราะพี่เหมือนดวงอาทิตย์ ไอดอลเลยยย”

“ดวงอาทิตย์อะไรของมึง ชอบเพ้อเจ้อเหมือนไอ้โมไม่มีผิด”

“พี่โมก็บอกว่าพี่เพ้อเจ้อ ชอบเพ้อถึงแต่น้องขวัญ” ธนวัฒน์ว่า แต่ชื่อของขวัญพัฒน์กระตุกใจของธนิกให้ชาวาบ “ถึงว่าเดี๋ยวนี้ไม่ไปดื่มกับผมอะ ชวนทีไรก็ไม่ว่าง น้อยใจ”

“น้อยใจอะไร โตแล้วจะมาติดกูทำไมเนี่ย” ธนิกยกมือขึ้นขยี้หัวไอ้คนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กตลอดเวลา “ไปกับไอ้โมบ่อยไม่หายเหงาอีกไง”

“คนที่ไม่ใช่พี่ทำดีก็แทนไม่ได้ จำว้ายยย”

“ไอ้เด็กหัวดื้อเอ้ย ไปได้แล้ว เดี๋ยวกูหาหลักฐานอะไรได้จะส่งให้อีก ฝากมึงจัดการด้วยก็แล้วกัน”

“รับทราบครับผม เพื่อพี่ธนิกให้ทำอะไรก็ยอมมม บุกน้ำลุยไฟก็ได้ทั้งนั้น”

“อาแขคงดีใจน้ำตาไหลที่มึงอยู่ข้างกู”

“แม่จะยังไงก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับโผ้มมม”

“เหนื่อยใจแทนแม่มึงมากไอ้วัฒน์ ไปละ ไว้เจอกัน”

ธนิกแยกตัวขึ้นรถตัวเองส่วนธนวัฒน์ก็เดินไปขึ้นรถอีกคัน





ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือหนายังคงสัมผัสศีรษะได้รูปของขวัญพัฒน์อย่างแผ่วเบา ตัวก็แค่นี้...แต่สู้มาได้ถึงขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เขาดีใจที่ขวัญพัฒน์เข้มแข็งขึ้น ยังจำวันที่คนร่างผอมกรอกยาพาราทั้งกำมือใส่ปากได้อยู่เลย แต่ขวัญพัฒน์ก็ผ่านมาได้และคงตั้งแต่วันนั้นแหละมั้งที่เขาเกลียดการมีตัวตนของตัวเอง

รักก็ไม่ได้แต่ให้ปล่อยไปก็ใจไม่แข็งพอ

เขาควรทำยังไงกับคนที่ชื่อขวัญพัฒน์คนนี้ดี เฝ้าคิดถามตัวเองมาตลอด จนสุดท้ายก็แน่ใจแล้วว่าปล่อยมือบางคู่นี้ไม่ได้

การมีอยู่ของขวัญพัฒน์คือความสุข ไม่ต้องอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ แต่แค่ได้มองเห็นตลอดไปก็ยังดี

“สุดท้ายแล้วพี่อาจจะไม่เหลือใคร แต่พี่ก็ยังดีใจนะที่ได้เจอขวัญและในช่วงเวลาหนึ่งเราก็เคยมีความสุขด้วยกัน”

เขาก้มลงเหนือหน้าผากเนียนแล้วกดจูบลงไปเบาๆ “หลับฝันดีนะ”

ฝันดีที่อาจจะไม่มีพี่อยู่ในนั้น แต่ไม่เป็นไร แค่ขวัญฝันดีก็พอแล้ว

............TBC.................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและขอบคุณที่ร่วมเดินทางด้วยกันมาค่ะ คุณธนิกมาค่อนทางแล้ว ใกล้ที่จะถึงปลายทางเต็มทีแล้ว เพราะฉะนั้นจับมือไปด้วยกันจนจบนะคะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องขวัญลูก หัวใจพี่จะวาย  :m25:

แต่ละคนมีหลายด้าน มีเรื่องปกปิดเยอะเหลือเกิน
แต่ละคำพูดแต่ละการกระทำจริงไม่จริงก็ไม่รู้
จิตใจของคนเราลึกจนยากจะหยั่งถึงเหมือนที่น้องขวัญบอกจริงๆ
โดยเฉพาะคุณเขมรัตน์เนี่ยรักขิมแต่ให้Mr.Tข่มขืนขิม  :a5:
แล้วยังความรู้สึกต่อธนิษฐา ต่อคุณธนิกอีก
จะเป็นผู้ชายที่เข้าใจยากอะไรขนาดนี้กัน

หวังว่าน้องขวัญกับคุณธนิกจะได้อยู่ด้วยกันทั้งสัปดาห์จริง
งัดมาให้หมดทุกท่าเลยน้องขวัญ *ปูเสื่อรอ*

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2018 18:48:21 โดย tasteurr »

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มิสเตอร์ทีนี่พี่โมแน่เลย ขำแชทที่สองพี่น้องคุยกัน ตอนจบให้สองพี่น้องหนีไปอยู่ต่างประเทศกันแค่สองคนได้มั้ยคะ55555555555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ช่วงแรกก็ร้อนแรงดีหรอก  :haun4: แต่พอมาช่วงหลังให้ความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงอะ  :a5: เอาเป็นว่า"สู้ต่อไปนะทุกคน"ไม่รู้จะเอ่ยคำใดแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
น้องขวัญโคตรยั่ว !!!

อยากเห็นน้องขวัญยั่วคุณธนิกบนมอเตอร์ไซต์บ้างจัง
 :hao6:  :hao6:  :hao6:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ไว้ใจใครไม่ได้สักคน โลกนี้อยู่ยาก
ซบอกชนะดีกว่า อิอิ

ออฟไลน์ Gugii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้จะสงสารใครดีเลย  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เอาใจช่วยขวัญกะขิม ตบตวร้ายให้หน้าหงายไปเลย

ที่เหลือก็ใช่ว่าจะชอบนะ โดยเฉพาะมิสเตอร์ที

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปวดหมองตืบ หลายปมเกิน   :katai1:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะจบยังไงน้ออออออ

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องขวัญร่างยั่วนี่สุดจริงงงง   :m25:
พี่นิกเริ่มกลับมาทำตัวเหมือนพระเอกละ  o13 :katai2-1:
ขอบคุณคนเขียนที่มาลงให้อ่านทุกวันนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ เยิฟฟฟ  :m1: :m3:


ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ปมเยอะ จนอยากรู้ว่าใครร้ายที่สุด

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ซับซ้อนซ่อนเงื่อน

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ร้ายสุดเป็นพระราชานี่เอง ความรักแบบไหนเนี่ย ทำได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ปฐพี(โม)ใช้แอคฯไลน์คนละแอคกับ T สรุป ใช่คนเดียวกันจริงดิ? แล้ววัฒน์นี่ยังไง จะใสซื่อจริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ไม่ได้นะ มาผิดเรื่องแล้ววัฒน์

สรุป นี่แผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อนแผน กันกี่ชั้นเนี่ย โอ๊ยยยย  :ling3:

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
นี่จะเกลียดคุณธนิกไม่ได้จริงๆหรอ อารมณ์เหมือนโกรธผัวอะ โกรธแต่เกลียดไม่ลง ยอมโง่ต่อไปเรื่อยๆงี้ ฮือ  น้องขวัญลูกกกกกกกกกกกก ร้ายมาก พี่ปลื้ม!! ชอบความร้าย  ส่วนอีตามิสเตอร์ทีคือโมจริงๆใช่ไหมเนี่ย เหมือนคุณธนิกจะรู้อะไรเยอะแยะเลยนะคะ แต่ท้ายสุดแล้วจบยังไงก็ได้ค่ะที่ไม่ใช่ให้คุณธนิกไปขับวิน อันนี้ทำใจลำบากจริงๆ5555555555

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :m15:. :m10: ตอนนี้ขวัญอับเลเวลได้ทะลุปลอทมากแรงจริงเล่นสะเลือดเกือบหมดตัว :pighaun:
คุณธนิกเลือกแล้วจริงใช่ไหมไม่กากแล้วนะหวังว่าพอแม่กลับมาจะไม่กลับไปกากเหมือนเดิมนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด