Case 10-3
มือของอาร์มานีที่ยังวางอยู่บนบ่ากว้างบีบเบาๆ อีกครั้ง “ช้าๆ มาร์ค ช้าๆ คุณต้องช้าลงหน่อย”
จิตแพทย์หนุ่มขบกราม เขาลืมตา หันมาจ้องศาสตราจารย์ “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับผมกันแน่”
“สงบใจไว้มาร์ค” อาร์มานีปลอบด้วยเสียงชู่วเบาๆ “เรายังต้องช่วยกันหาอีกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงวิธีแก้ไขเรื่องนี้ด้วย”
————————————————
ระหว่างมื้อค่ำ มาร์คลอบมองอาร์มานีครั้งแล้วครั้งเล่า
“มีอะไรหรือ” ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่ถาม
“ทำไมคุณถึงตอบรับเคสผมหรือ”
“ทำไมคุณถึงสงสัยเรื่องนั้นล่ะ” เขายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างผ่อนคลาย
“ผมแค่สงสัย เห็นว่าคุณเลิกรับเคสไปนานแล้ว”
อาร์มานีมองมาร์ค มองสายตาซื่อตรงของชายตรงหน้าและหวนนึกถึงใครอีกคนในอดีต การตอบตามจริงว่านึกถูกชะตาอีกฝ่ายคงเป็นคำตอบที่ชวนกระอักกระอ่วนไม่น้อย
“เคสของคุณน่าสนใจ...จิตแพทย์กับโรคหลายบุคลิก” ศาสตราจารย์ยิ้ม
“ครับ” การเว้นช่วงคิดของอาร์มานีทำให้มาร์คนึกเชื่อคำตอบนั้นแบบครึ่งๆ แต่เขาไม่ถามเรื่องนั้นต่อ “เราจะ...รักษากันต่อไหมครับคืนนี้”
“แน่นอนมาร์ค...เราจะพูดคุยกันต่อเรื่องของเธอ” คนตอบยิ้มจางกับความกระตือรือร้นในดวงตา
“ครับ ไม่มีปัญหา” มาร์ครับคำ
หลังเก็บล้างจานชาม พวกเขาแยกย้ายไปอาบน้ำแล้วมาเจอกันตามนัดที่ห้องนั่งเล่น ตอนมาร์คมาถึง เจ้าของบ้านกำลังเติมฟืนใส่เตาผิง เสียงไม้ปะทุเบาๆ กับกลิ่นเครื่องหอมอ่อนๆ ซึ่งกำจายทั่วบริเวณทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
“เธอใช้เครื่องทำน้ำร้อนแบบเตาแก๊สเป็นใช่ไหม” หนุ่มใหญ่ถามคล้ายเพิ่งนึกได้
“ทุลักทุเลหน่อย แต่พอได้ครับ” มาร์คเอามือลูบท้ายทอย ผมที่มักถูกเซ็ตให้เสยขึ้นเปิดหน้าผากตอนนี้เปียกชื้นและตกลงมาปรกหน้าผาก มันทำให้เขาดูอ่อนเยาว์ลงเล็กน้อย
“ดี...ดี เอาละ ทำตัวตามสบายมาร์ค เราจะทำความรู้จักกันเพิ่มก่อนเข้านอนเสียหน่อย” ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่หย่อนตัวบนโซฟาฝั่งซ้ายของเตาผิง เขาวางสมุดหนังเล่มหนึ่งบนตัก เปิดมันและจรดปลายปากกาบนหน้ากระดาษ
“เมื่อบ่าย...เธอเล่าถึงการตื่นของแอนทอน เธอสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับการเดินละเมอ และทุกอย่างเกิดขึ้นหลังเธอหย่ากับนิโคไล ฉันเข้าใจถูกไหม”
“ครับ”
“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะมาร์ค ก่อนจะได้พบนิโคไล หรือตอนเธอเป็นวัยรุ่น เธอมีอาการเดินละเมอบ้างไหม”
“อาจมีแต่ผมไม่ทราบ”
“แปลว่าเธอจำไม่ได้?”
มาร์คพยักหน้า
อาร์มานีร้องอืมในคอและจดบางสิ่งลงสมุด
“เธอกล่าวถึงครั้งล่าสุดที่แอนทอนตื่น ว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งเลวร้ายที่พี่ชายเธอทำ ฉันอยากให้เธอเล่ารายละเอียด มันเกิดขึ้นที่ไหน ใครอยู่ในเหตุการณ์นั้นกับเธอบ้าง”
มาร์คพยายามนึกย้อน เขาส่ายหน้า “ไม่...นั่นไม่ใช่ครั้งล่าสุด” แล้วนิ่งไปเพื่อเรียบเรียงความคิด เขาเม้มริมฝีปาก สุดท้ายกลับพยักหน้าและนวดขมับที่เต้นตุบไปด้วย
“ขอโทษครับศาสตราจารย์ ผมจำเวลาคลาดเคลื่อนเอง ครั้งล่าสุดที่แอนทอนตื่นเป็นตอนผมรู้เรื่องพี่ชายทำเรื่องเลวร้ายมากๆ จริง”
“ไม่เป็นไร อาการสับสนเรื่องเวลาเกิดขึ้นได้ หายใจช้าๆ แล้วตั้งสติอยู่กับฉัน...มาร์ค” อาร์มานีบอกอย่างอารี เขาจดอาการของมาร์คไปด้วยระหว่างพูด “หาท่านั่งสบายๆ ให้ตัวเองบนเก้าอี้มาร์ค สิ่งที่เธอต้องทำมีเพียงสองอย่าง ฟังและตอบสิ่งที่ฉันถาม อย่าปล่อยความคิดเตลิดไปมากกว่านั้น”
เขารอจนกระทั่งมาร์คขยับตัวหามุมสบายที่สุดบนโซฟา ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน “เราจะช่วยกันลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับแอนทอน...ผมหมายถึง ลำดับเหตุการณ์ที่ถูกต้อง”
มาร์คพยักหน้า “ผมจะพยายาม”
“ลำดับเหตุการณ์ที่ถูกต้องคือ ครั้งล่าสุดที่เกิด ‘การแยกบุคลิก’ เป็นตอนที่เธอรู้ว่าฮันเตอร์ทำเรื่องเลวร้ายมากๆ ถูกไหม”
“ครับ...ใช่ มันเกิดขึ้นสี่ห้าวันก่อน ถ้าผมไม่เลอะเลือน”
อาร์มานีก้มจดข้อความของมาร์คลงสมุดที่กางอยู่บนตัก เขาถามคำถามถัดไป “มันเกิดขึ้นที่ไหน”
จิตแพทย์หนุ่มที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ป่วยทางจิตเสียเองเม้มริมฝีปากอีกครั้ง “ในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่ผมไม่รู้จัก”
“จำได้ไหมว่าทำไมคุณไปอยู่ที่นั่น”
“ไม่ครับ” มาร์คสั่นศีรษะ
“ใครอยู่ที่นั่นกับเธอ ก่อนเกิดการแบ่งแยกบุคลิก”
“ฮันเตอร์ จิล และนิโคไล”
อาร์มานีจดชื่อทั้งสามคนลงบนหน้ากระดาษ ด้านล่างคำถามว่า ‘อยู่กับใคร’ เขาวงกลมชื่อจิลพร้อมใส่เครื่องหมายคำถาม และวาดดาวที่ชื่อนิโคไล ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่เลื่อนสายตาขึ้นมองมาร์ค “หมายความว่าทั้งสามคนอยู่ในเหตุการณ์ที่คุณแยกบุคลิก”
มาร์คพยักหน้าและตอบเสียงพร่า “ครับ”
“กลับมาที่ลำดับเหตุการณ์ การแยกบุคลิกครั้งก่อนหน้าจะรู้ว่าฮันเตอร์ทำเรื่องเลวร้าย เป็นตอนที่เธอพบตัวเองเดินละเมอปิดกล้องสังเกตการณ์ เธอเชื่อว่ามันคือการแยกบุคลิก ใช่ไหม?” อาร์มานีจ้องมาร์คพลางถามย้ำ “มีการแยกบุคลิกเกิดขึ้นระหว่างการปิดกล้องและเรื่องของฮันเตอร์หรือเปล่า”
คนฟังเม้มปากและหลับตา ความนึกคิดย้อนไปหาคำตอบในอดีดอันรางเลือน
“ผม...ผมแน่ใจว่ามี”
ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่พยักหน้า เขาปล่อยให้มาร์คใช้ความคิด ไม่นานสิ่งที่ต้องการก็หลุดผ่านริมฝีปากเม้มแน่นมาทีละส่วน
“ก่อนหน้าจะรู้เรื่องของฮันเตอร์ที่โรงพยาบาล ผมจำได้ว่าตื่นขึ้นในที่ที่ไม่คุ้นเคย และพี่ชายเอาหลักฐานว่าแอนทอน...” มาร์คลูบหน้า “...ว่าอีกบุคลิกของผมเกี่ยวข้องกับการกักขังอัลฟีโอ และการหายไปของอดีตสามีอัลฟีโอ”
“จากนั้นแอนทอนก็ตื่นขึ้นมาแทน เธอรู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล และสลบไปอีกครั้ง?” อาร์มานีเสริม
“ครับ” คนอายุน้อยกว่าพยักหน้า เขานวดกระบอกตาที่ปวดหนึบ ก่อนกล่าวต่อไปว่า “ย้อนกลับไปอีก...ก่อนหน้านั้น” มาร์คเค้นความทรงจำอย่างหนัก “วันที่พี่ชายผมพบอัลฟีโอในห้องใต้หลังคา เขาถามผมเรื่อง ‘ผู้พิทักษ์’ และ...แสดงความรุนแรงด้วยการดึงผมของผม ตอนนั้นใจผมเต้นแรง ก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกดึง” เขาเอามือวางบนอก “...ตรงกลางอก”
ข้อความหนึ่งสะดุดความสนใจของอาร์มานี เขาจดมันและย้อนถาม “อะไรคือผู้พิทักษ์”
มาร์คลืมตา “นิทานสมัยเด็กน่ะครับ”
จากนั้นเขาก็เล่านิทานผู้พิทักษ์ให้ศาสตราจารย์ฟัง...นิทานที่ฮันเตอร์แต่งขึ้นเพื่อหลีกหนีความรุนแรงในครอบครัว
สีหน้าของศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่เคร่งขรึมขึ้น “ย้อนกลับไปอีก คือเธอเดินละเมอปิดกล้องสังเกตการณ์”
มาร์คพยายามนึกอีก และพยักหน้า “ครับ”
“ครั้งแรกสุดที่เธอนึกออกคือตื่นมาพบว่ามีแผลถูกข่วนที่แขน รองเท้ากีฬาเปรอะดิน ถูกไหม”
มาร์คพยักหน้า สีหน้าเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังเธอหย่ากับนิโคไล” อาร์มานีย้ำอีกครั้ง
คนฟังสูดลมหายใจ ภายในเขารู้สึกต่อต้าน แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“ฉันคิดว่านิโคไลเป็นตัวกระตุ้นการแบ่งแยกบุคลิก ความเจ็บปวดจากการหย่าร้างอาจเล่นงานสมองเธอให้บาดเจ็บแบบเดียวกับการถูกใช้ความรุนแรง”
ถึงตรงนี้มาร์คหัวเราะ อีกฝ่ายวิเคราะห์ตามที่เขาคาดการณ์ไว้
“ผมไม่คิดว่านิโคไลเป็นตัวกระตุ้น ผมเจ็บปวดจากการหย่าร้างแต่ผมรับมือได้”
“ฉันวิเคราะห์ตามข้อมูลที่ได้รับ และ...ฉันไม่ได้ถามความเห็นของเธอ ตอนนี้เธอเป็นคนไข้ของฉัน ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานที่กำลังช่วยกันดูแลเคส”
สีหน้าของศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่สงบราบเรียบ
“ถึงตรงนี้ฉันคิดว่าเธอยังผ่านขั้นแรกของ ‘ห้าขั้นในการเผชิญความเศร้าและความสูญเสีย’ ไม่ได้เลย ทั้งเรื่องนิโคไลและแอนทอน”
มาร์คหรี่ตาเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบใจนัก “คุณกำลังทดสอบผมอยู่หรือครับ”
“ไม่...มาร์ค ฉันกำลังบอกความจริงให้เธอรู้ เธอป่วยจากความสูญเสีย และเธอเป็นเหยื่อจากความรุนแรงในครอบครัว”
“ใช่ ผมสูญเสีย ใช่ ผมเป็นเหยื่อ แต่ผมไม่คิดว่า…” มาร์คเริ่มเสียงแข็ง เขาโพล่งออกไปและตามอารมณ์ตัวเองทันในครึ่งทาง หากคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ทฤษฎีของอาร์มานีเป็นไปได้อย่างมาก เขาป่วย เขามีสองบุคลิก ซึ่งอาจมีรากมาจากความรุนแรงในครอบครัว
อาร์มานีไม่ปล่อยให้สติของมาร์คกลับมาครบถ้วน เขาเห็นช่องให้รุกจากสีหน้าและน้ำเสียงของชายหนุ่ม
“นิโคไลขอเธอหย่าอย่างไรมาร์ค เขาขอเธอหย่าหลังพวกเธอมีเซ็กซ์กันหรือเปล่า พ่อของเธอ...เขารุนแรงกับเธอและฮันเตอร์อย่างไร กระทืบ? หรือข่มขืนด้วย”
“ผมทำต่อไม่ไหว” มาร์คยกมือเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดพลางลุกขึ้น
“เธอเกลียดการหลุดการควบคุม” เสียงอาร์มานีคล้ายกลั้วหัวเราะ
“คุณจะว่าอย่างไรก็ตาม...” มาร์คจ้องอาร์มานี ดวงตามีสีแดงซ้อนจางๆ “ผมพอเท่านี้ครับ”
ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่จ้องกลับ แววตาเขาเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว “เธอปกป้องใครไม่ได้หรอกมาร์ค”
มาร์คชะงักเหมือนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกระทบใจเขาอย่างจัง
“แม้จะพูดอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องตัวเองเธอยังทำไม่ได้เลย เลี่ยงการปะทะกับขี้ขลาดมีเส้นกั้นบางๆ นะมาร์ค”
วินาทีนั้น หัวใจมาร์คเต้นแรงอย่างน่ากลัว เขารู้สึกถึงการกระชากที่กลางอก ก่อนสติจะดับวูบ
ศาสตราจารย์อาร์มานีลุกขึ้นเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าจ้องเขากลับมาด้วยดวงตาสีแดง
——————————————
มาร์ครู้สึกตัวอีกครั้งพร้อมอาการปวดที่แล่นลามไปทั่วศีรษะ เขาฝืนลืมตา สิ่งแรกที่เห็นคือไฟเพดานสีออกส้มนวลตา สิ่งถัดมาคือใบหน้าคมคายราบเรียบของศาสตราจารย์อาร์มานี
“รู้สึกอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงถามไถ่ของหนุ่มใหญ่ยังคงเมตตา มันช่วยให้ความรู้สึกขุ่นเคืองจากการถูกบีบคั้นเจือจางลง
“ผมปวดศีรษะ” มาร์คหลับตา คิ้วขมวดแน่น เขาเป่าลมหายใจออกทางปาก รู้สึกเหนื่อย
อาร์มานีสังเกตอาการนั้น แล้วถามอย่างเมตตาเช่นเดิมว่า “อยากนอนคุยกับฉัน นั่งพิงหัวเตียงคุยกับฉัน หรือรอคุยกันพรุ่งนี้”
“ช่วยพยุงผมนั่งหน่อยครับ” มาร์คลูบหน้า “ไซโคเจนิกแบล็กเอาต์หรือ”
“ใช่…” อาร์มานีรับคำขณะพยุงมาร์คนั่งพิงหัวเตียง “ฉันได้พบแอนทอน พูดคุยกันหลายอย่าง”
“คุณจงใจกดดันผม?” มาร์คละมือจากใบหน้าครึ่งๆ สายตาจับจ้องที่อาร์มานี
“ใช่...มันมีช่องว่างเล็กๆ ต้องขยี้กันหน่อย แต่ฉันไม่อยากทำอย่างนี้ทุกครั้ง มาร์ค เธอต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับเขาเอง”
“...เขาเป็นยังไง” มาร์คประสานมือบนตัก
อาร์มานีกลับไปนั่งที่เดิม ก่อนตอบว่า “เหมือนเธอ แต่แสดงอารมณ์น้อยกว่า กระด้างกว่า ฉันไม่ใคร่อยากแนะนำเขาให้เธอรู้จัก” ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่เงียบไปพักหนึ่งแล้วพยักพเยิดไปทางโต๊ะข้างเตียงของจิตแพทย์หนุ่ม “หยิบกล้องวิดีโอบนโต๊ะนั่นสิ คำตอบถูกบันทึกอยู่ในนั้น”
มาร์คหันไปทางโต๊ะข้างหัวเตียง กล้องขนาดกะทัดรัดวางนิ่งรอให้เขาหยิบไปควานหาความจริงซึ่งถูกบันทึกในรูปแบบวิดีโอ
---------------------------------------
A/N รอลุ้นตอนต่อไปกันค่ะ ว่ามาร์คจะได้พบอะไรในวิดีโอ