ตอนพิเศษ หวงรัก 3
ออกไซด์งานต่างจังหวัดรอบนี้เมฆารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เขารู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงจงรักมากกว่าปรกติ แม้ทุกครั้งจะคิดถึงและเป็นห่วงมากอยู่แล้วก็ตาม เขาคิดว่าอาจมีอิทธิพลมาจากการที่มีคนเข้ามาวุ่นวายอยู่ข้างตัวน้อง ดังนั้นในช่วงเวลาสองอาทิตย์นี้ เมฆาก็เอาแต่เฝ้าโทรหาและส่งข้อความไปคุยกับจงรักในทุกช่วงเวลาที่ว่าง อีกทั้งยังภาวนาในใจให้เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปเร็วๆ
ตัวจงรักเองพอห่างจากคนรักหน้าดุเจ้าตัวก็รู้สึกคิดถึงไม่ต่าง ดังนั้นจึงให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน ยามที่เมฆาโทรหา จงรักก็จะรีบรับสายและพูดคุยด้วยน้ำเสียงสดใสเสียจนเมฆาอยากหายตัวกลับมาในนาทีนั้น
เวลาล่วงไปจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนเสร็จงาน ตอนเช้าเมฆาก็ยังคุยนัดแนะกับน้องอย่างดิบดี แต่ล่วงเข้าช่วงสาย งานที่คาดว่าจะเรียบร้อยกลับมีปัญหาให้ต้องแก้ขึ้นมาดื้อๆ ดังนั้นกำหนดการที่จะกลับจึงต้องเลื่อนเปลี่ยนไปเป็นเที่ยงๆของอีกวันแทน
ถึงเมฆาจะรู้สึกหัวเสียแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาวุ่นวายกับการแก้ปัญหาที่หน้างานเสียจนไม่มีเวลาแม้กระทั่งโทรหาน้อง ได้แต่ส่งข้อความไปบอกสั้นๆว่าเลื่อนวันกลับเป็นพรุ่งนี้และบอกว่าจะโทรหาตอนค่ำ
เมฆาหัวหมุนอยู่ทั้งวันกว่าจะกลับเข้าที่พักก็เกือบสี่ทุ่ม โทรศัพท์มือถือของเขาแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนหน้าดุรีบเสียบชาร์จอย่างรวดเร็วเพราะกังวลว่าน้องอาจจะโทรมาหาแล้วไม่ติด
ทว่าเมื่อเปิดเครื่องเช็คดูอย่างละเอียด เขาก็พบว่าจงรักไม่ได้โทรมาหาสักสายเดียว ข้อความที่เขาส่งไปก็เพียงแค่อ่าน แต่ไม่มีการตอบอะไรกลับมาสักนิด ด้วยความที่ไม่เคยเห็นจงรักเป็นเช่นนี้ เมฆาจึงเริ่มรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา บางทีคนตัวเล็กอาจจะรู้สึกน้อยใจก็ได้ที่เขาไม่กลับตามที่นัดไว้ คิดได้ดังนั้นเจ้าตัวจึงกดโทรออกทันที
เมฆายกหูต่อสายครั้งแล้วครั้งเล่าปลายสายก็ไม่ยอมกดรับสักครั้งเดียว ตอนนี้คนตัวสูงจึงรู้สึกร้อนรนขึ้นมาจริงๆแล้ว เมื่อลองโทรหลายรอบไม่รับ เขาก็รัวข้อความไปหาติดต่อกันหลายข้อความ
เมฆา : รักครับ
เมฆา : ทำไมไม่รับสายพี่
เมฆา : ถ้าเห็นข้อความโทรกลับหาพี่หน่อย
เมฆา : หรืออย่างน้อยก็ตอบกลับมาบ้าง
เมฆา : พี่ขอโทษที่กลับไม่ได้
เมฆา : อย่าโกรธเลยนะ พอส่งไปแล้วเมฆาก็ได้แต่นั่งรอให้อีกฝ่ายอ่าน แต่รอแล้วรอเล่าจงรักก็ไม่ยอมอ่านเสียที เขาจึงตัดใจเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้หัวเย็นลงก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธีติดต่อน้องใหม่อีกครั้ง
ระหว่างที่อาบน้ำอยู่ เมฆาก็พยายามคิดใคร่ครวญดูในหลายๆด้าน แม้จงรักจะเป็นคนชอบคิดมากก็จริง เวลาน้อยใจ งอน หรือโกรธก็จะไม่ค่อยแสดงออก แต่กับเรื่องงานที่เขาทำ น้องมักจะเข้าใจเหตุผลเสมอ ไม่เคยแง่งอนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องสักครั้ง จะน้อยใจบ้างนิดหน่อยก็ไม่เคยหายไปไม่รับโทรศัพท์เช่นนี้ มีแต่แอบน้อยใจแต่โทรหรือส่งข้อความมาอ้อนเป็นนัยๆเสียมากกว่า
ครั้งนี้เมฆารู้สึกว่ามันผิดปรกติเหลือเกิน เพราะจงรักไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน ทำเอาเมฆาหลับไม่ลงแม้จะง่วงนอนมากแค่ไหน แต่หลังจากผ่านค่อนคืนไปนานแล้ว เมฆาก็ทนความง่วงงุนไม่ไหวแล้วเผลอหลับไปทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือ
เมฆาลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนพิงต้นไม้ที่มีรากใหญ่ๆแห้งๆอยู่ เขามองไปรอบๆอย่างนึกฉงน ก่อนรีบลุกขึ้นเพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รอบกายมีแต่ม่านหมอกหนาทึบจนมองอะไรแทบไม่เห็น ขณะที่อยู่ในภาวะจับต้นชนปลายไม่ถูก เมฆาก็ได้ยินเสียงจงรักกำลังร้องเรียกให้ช่วยดังแว่วๆอยู่ไม่ไกล
“พี่เมฆ”
“รัก…นั่นรักใช่ไหม” เขาตะโกนกลับไป
“พี่เมฆอยู่ที่ไหนครับ ช่วยผมด้วย!”
“รัก!”
เมื่อได้ยินเสียงน้องร้องให้ช่วยเมฆาก็รีบออกไปหาทันที แต่ทว่าหมอกหนาเกินไปจริงๆ อีกทั้งที่ๆที่เขาอยู่ก็มืดมาก เดินวนเวียนจนเหงื่อออกก็ยังรู้สึกเหมือนหลงอยู่ที่เก่า ในขณะเดียวกันเสียงของน้องกลับเรียกชื่อเมฆาแหบพร่าลงทุกที ราวกับคนตัวเล็กของเขากำลังหมดแรง
“พี่เมฆ…ช่วยด้วย…รักเจ็บ”
“รัก! พี่อยู่นี่! พี่กำลังไป”
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”
“รักครับ พี่อยู่นี่”
“ช่วยผมด้วย ฮืออ…”
“จงรัก…คนดีรอก่อนพี่นะครับ” เมฆาครางออกมาอย่างอ่อนแรง เพราะยิ่งเดินก็ยิ่งหลง ยิ่งได้ยินเสียงน้องก็ยิ่งทรมานใจ แต่เร่งรีบเท่าไหร่ก็หาทางไปไม่เจอสักที “โธ่โว้ย!!!”
แต่อยู่ๆ ขณะที่กำลังหาทางไปหาคนรักอยู่นั้น แสงไฟจากที่ไหนสักทีก็สาดส่องมาทำลายหมอกควัน จนม่านหมอกนั้นเบาบางลง เมฆาเห็นจงรักนั่งเอนหลังพิงต้นไม้อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำท่าทางโรยแรง มือสองข้างกุมเท้าข้างขวาของตัวเองไว้แน่ ใบหน้าน่ารักๆนั่นก็ซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือด
คนตัวสูงรีบกระโจนลงแม่น้ำดำสนิทข้างหน้าพร้อมกับร้องเรียกน้องไปด้วย แต่ไม่ว่าจะเรียกเท่าไหร่น้องก็ไม่ยอมหันมามอง มิหนำซ้ำแม่น้ำสายเล็กที่กระโจนลงมาก็กว้างขึ้นๆ ราวกับว่าจะกลั่นแกล้งไม่ให้เขาว่ายไปถึงอีกฝั่งได้
เมฆาเกือบเสียสติแล้วตอนที่วาดแขนออกไปสุดแรงแต่เหมือนว่ายน้ำอยู่กับที่ อีกทั้งเมื่อหันไปมองจงรัก เขาก็เห็นใครบางคนเดินเข้าไปใกล้น้อง ก่อนย่อตัวลงนั่งแล้วช้อนอุ้มน้องขึ้นมาแนบอกต่อหน้าต่อตา
“พี่จงรัก ผมมาช่วยพี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“นันท์”
“ไปกับผมนะครับ”
“แต่พี่เมฆเขา…”
“เขาไม่มาแล้วล่ะ ไปกับผมเถอะ ตอนนี้มีแค่ผมที่เป็นห่วงพี่ที่สุด” เมฆาเห็นดวงตาของจงรักสั่นไหว ก่อนสองแขนเรียวจะยกขึ้นโอบรอบคอของคนที่อุ้ม แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณนะนันท์”
เมฆาเห็นคนสองคนตรงหน้าเหมือนภาพสโลโมชั่นในสมอง เขาทั้งร้องทั้งตะโกนด้วยความเจ็บปวดและเดือดดาล แต่จงรักกลับไม่ได้ยินและไม่ยอมหันมา มือเล็กๆนั่นเกาะเกี่ยวรอบคอของศัตรูหัวใจราวกับเป็นที่พึ่งเดียว มันทำให้เมฆาเจ็บปวดจนร่างกายสั่นสะท้านไปหมด
“รัก!”
เมฆาทะลึ่งพรวดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอนกว้างเพียงลำพัง เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วทั้งแผ่นหลังและใบหน้า เขาปรับลมหายใจให้เป็นปรกติก่อนใช้ดวงตาคมดุมองไปรอบๆห้องพักแล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมีแสงสว่างรำไรเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ เมฆาจึงค่อยๆถอนหายใจออกมาเนื่องจากรู้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงความฝันเลอะเทอะ ที่อาจเกิดขึ้นเพราะเหนื่อยล้าและกังวลในจิตใจก่อนเข้านอน
เมื่ออารมณ์เข้าสูภาวะปรกติมือหนาจึงควานหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนพบว่ามันถูกผลักให้กระเด็นไปอยู่มุมเตียงหมิ่นเหม่จะตกลงพื้น เขารีบคว้ามันมากดดูว่ามีข้อความตอบกลับหรือมีสายโทรเข้าจากจงรักบ้างหรือไม่
ไม่มีสายโทรเข้ามาแต่ทว่ากลับมีข้อความตอบกลับ คนหน้าดุรีบเลื่อนไปกดเปิดดูด้วยความยินดี หากแต่ข้อความที่เขาเห็นกลับทำให้อะไรบางอย่างในหูลั่นดังเปรี๊ยะ
จงรัก : ตอนนี้พี่จงรักหลับอยู่ครับ
จงรัก : พี่เมฆไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลพี่จงรักแทนให้เองครับ เวลาที่ข้อความนั้นส่งกลับมา เป็นเวลาเกือบๆตีสามแล้ว เมฆาไม่รู้ว่าเวลานั้นไอ้เด็กบ้านั่นอยู่กับคนรักของเขาได้อย่างไร เขารู้เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้ไม่ใครก็ใครคงต้องตายกันไปข้างหนึ่งแน่นอน!
เมฆาจัดการแก้ไขเรื่องงานที่เหลืออย่างรวดเร็วก่อนออกเดินทางกลับกรุงเทพโดยไม่รั้งรออยู่กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นอีก จากชุมพรถึงกรุงเทพคนหน้าดุใช้เวลาขับรถน้อยกว่าที่ควรเป็นเกือบสองชั่วโมง ความเร็วราวกับเหาะมาขนาดนั้นหากน้องรู้ล่ะก็เขาคงต้องโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ แต่ใจที่ร้อนดังไฟสุมก็ไม่อาจทำให้ครองสติให้เยือกเย็นอย่างที่เคยเป็นได้
รอคันงามแล่นมาเทียบจอดที่ประตูรั้วหน้าบ้านเงียบเชียบ เมฆาไม่ยอมเสียเวลาสักนิดเดียวในการบีบแตรแล้วรอให้คนในบ้านเดินมาเปิดประตูให้ เขาดับเครื่องแล้วก้าวเท้าลงจากรถไปไขกุญแจรั้วเข้าไปด้วยตนเองทันที เพราะเห็นว่าด้านในมีรถต้องสงสัยจอดอยู่แล้วคันหนึ่ง
พอเปิดประตูบ้านเข้าไป เมฆาก็ได้ยินเสียงจงรักพูดกับใครบางคนเบาๆ แต่จากทิศทางแล้วคาดว่าทั้งคู่น่าจะอยู่ตรงโซฟาโซนห้องรับแขก
“นันท์อย่าจับ…”
“ไม่จับได้ยังไงกันล่ะครับ อยู่นิ่งๆ อย่าดื้อนะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ไม่เอานะ พี่กลัว…โอ๊ะ!” เสียงจงรักห้ามอย่างร้อนรน
“เจ็บเหรอครับ”
“เจ็บ”
“ผมขอโทษ จะทำเบาๆนะ”
“อืม...”
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เมฆายืนทนฟังได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเส้นของความยับยั้งชั่งใจและความอดทนที่สะสมมาทั้งชีวิตได้ขาดสะบั้นลงแล้ว ร่างสูงเดินออกมาจากมุมพักทางเข้าหน้าบ้าน ก่อนเดินเข้าไปหาคนสองคนที่กำลังง่วนกันจนไปรู้ตัวว่ามีเมฆดำทะมึนเคลื่อนมาพาดผ่าน
ไอ้เด็กนันท์กำลังพยายามถอดกางเกงยีนส์ของจงรักออก มันนั่งหันหลังให้เขา หันหน้าเข้าหาและคร่อมจงรักอยู่บนโซฟา โดยมีขาของจงรักพาดตัก ขาซึ่งเปลือยเปล่าขาหนึ่ง ส่วนอีกข้างตัวใหญ่ๆของมันบดบังเอาไว้ ทำให้เมฆาเห็นจงรักไม่หมดทั้งตัว
ภาพที่ปรากฏเป็นภาพบาดตาอย่างที่เมฆาไม่คิดว่าจะได้เห็น ทั้งที่เขาภาวนาในใจมาตลอดทางว่าขออย่าให้มีอะไรอย่างที่กลัว แต่ตอนนี้มันเกินจะทนไหวแล้ว!
“
ทำอะไรกัน!” เสียงของเมฆาดังราวกับฟ้าผ่า จงรักที่ก้มหน้างุด เงยขึ้นมาประสานดวงตากับเขาพอดี เขาจึงเห็นว่าแก้มสองข้างของน้องซีดเผือดแค่ไหน
“พี่เมฆ!”
“คือว่า…” ไม่ทันที่นายนันท์จะพูดอะไร เมฆาก็กระชากให้อีกฝ่ายลุกขึ้น เขาตะวัดตาไปมองจงรักให้แน่ใจอีกครั้ง เห็นว่าน้องถูกถอดกางเกงค้างไว้ที่ขาอีกข้าง แต่ด้านในยังคงใส่บ๊อกเซอร์อยู่ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วให้เขาเดือดดาลจนเส้นเลือดแทบระเบิด
นี่เขามาเร็ว หรือเมื่อคืนไอ้บ้านี่ทำอะไรไปบ้างแล้วก็ไม่รู้ เร็วเท่าความคิด เมฆาส่งหมัดเข้าเสยหน้าที่เคยทะเล้นอยู่เป็นนิจของนันท์ทันที คนถูกต่อยไม่ทันตั้งตัวก็ลงไปนอนล้มกลิ้งกับพื้น คนหน้าดุไม่ปล่อยให้มีช่องว่าง เจ้าตัวกระโจนลงไปคร่อมแล้วต่อยไม่ยั้ง แม้ว่าจงรักจะตะโกนห้ามเท่าไหร่ก็ไม่หยุด
“แก! ไอ้สารเลว”
“พี่เมฆ! หยุดครับ”
“สารเลว”
“พี่เมฆ!”
“สารเลว!”
“หยุดครับ
รักบอกให้หยุด!”
เสียงหมัดกระทบเนื้อหยุดลงตรงที่เมฆาถูกใครอีกคนกอดเอาจากทางด้านหลัง นันท์จึงได้ทีกระเสือกกระสนแล้วผละออกไปนั่งพิงกำแพงอีกฝั่ง เลือดกบปาก ดวงตาเขียวช้ำ มองเมฆาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เมฆาเหมือนกับสติหลุดล่องลอยไป เขานึกถึงความฝันเมื่อคืน นึกถึงภาพความสุขที่เคยมีด้วยกันมาตลอดเวลาที่รักกัน พอก้มลงมองมือเล็กๆเกาะเอวตัวเองเอาไว้แน่น น้ำตาก็พลันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาไม่คิดเลยว่าจงรักจะทำแบบนี้ ไม่เคยคิดเลย… แล้วเสียงสั่นๆเค้นเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย
“ทำไมใจร้ายกับพี่แบบนี้ หืม…จงรัก”<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
ดราม่าเลยยยยยยยยย
ตอนนี้ขอไม่พูดมาก
รอตอนหน้านะคะ อิอิ
ปล. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจ
แถมช่วยดูคำผิดด้วย ขอบคุณมากๆค่ะ
ละอองฝน.