xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]  (อ่าน 14920 ครั้ง)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
เก็บกระทู้ไว้ ----โมดุฯ

-----------------------------------------------------------------------------------------
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************************


ผลงานเรื่องอื่นนะคะ

ห า กั น จ น เ จ อ [END] http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58675.150

「โรคประจำใจ」[Underlying diseases.] [END] https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61653.0

แรมเดือนสิบสอง https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.0 [on air]

------------------------------------------------------------------
คนไม่มี 'สิทธิ'
.
.
.
ไม่อยากกลับไปอยู่ในจุดเดิมอีกแล้ว...จุดที่ไม่มีสิทธิอะไรเลย


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2020 15:26:01 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx บทนำ [13/05/18]
«ตอบ #1 เมื่อ13-05-2018 21:39:51 »

คนไม่มี 'สิทธิ'

บทนำ








ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่บนชั้นสิบสามของโรงแรมชื่อดังใจกลางกรุงถูกประดับตกแต่งด้วยธีมสีน้ำเงินขาวดูสวยหรูสมฐานะเจ้าของงาน ทว่าแม้ธีมสีจะดูไม่เหมาะกับงานวิวาห์แต่ก็ไม่อาจกลบบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักของคนทั้งคู่ได้


สองหนุ่มต่างขนาดตัวอยู่ในชุดธีมสีขาวตามฉบับของแขกฝั่งเจ้าบ่าว ทั้งสองแต่งตัวคล้ายกันคือเสื้อเชิ้ตสีครีมที่ถูกสวมทับด้วยสูทสีขาวและกางเกงสแล็คสีเดียวกัน ต่างกันตรงที่คนตัวโตกว่าเหน็บผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินแต้มสีสันตรงกระเป๋าเสื้อขณะที่คนตัวเล็กกว่าอยู่ในชุดขาวล้วนที่ยิ่งเสริมให้เหมือนเทวดาองค์น้อย ๆ


“พี่ชิแย่งซีนบ่าวสาวอ่ะ” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าคนในงานต่างหันมาให้ความสนใจชายหนุ่มที่เดินข้างตน ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายเป็นหนุ่มหล่อหุ่นดี แต่ผู้ชายคนนี้ยังเป็นพระเอกหนุ่มที่กำลังมาแรงในวงการละครบ้านเราอีกด้วย


ฮิโรชิยิ้มบางด้วยความประหม่า ถึงจะอยู่หน้ากล้องมาเยอะแต่หนุ่มตี๋ที่ไม่ได้มีเชื้อญี่ปุ่นตามชื่อก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอยู่ดี


“วันนี้มากับพระเอกดัง ชีนจะตกเป็นข่าวด้วยรึเปล่านะ”


“เลิกแซวพี่ได้แล้ว ไปหาบ่าวสาวกันเถอะ” ฮิโรชิดันหลังเล็กของชิโนรสฝ่าฝูงชนไปหาคู่บ่าวสาวที่ซุ้มถ่ายรูป


ถึงจะเป็นคนดังมีชื่อเสียงแต่ฮิโรชิก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าสำหรับคู่บ่าวสาว ต่างกับคนน้องที่มีสถานะเป็นลูกน้องของเจ้าบ่าว ความจริงแล้วชิโนรสก็อยากจะมางานของหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แต่เพราะเขาว่าง จึงอาสามาเป็นเพื่อน


...ใจจริงก็อยากตามมาดูแลน้องนั่นแหละ


สองหนุ่มหยุดยืนมองคู่บ่าวสาวพูดคุยกับแขกด้วยความอิ่มเอม ทว่าสิ่งที่อยู่ภายในใจของชิโนรสนั้นกลับเศร้าหมอง


‘งานแต่ง’


งานที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความรักของคนสองคนซึ่งได้รับการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่ายและคนในสังคม


งานที่ถูกจัดขึ้นเพื่อให้คู่รักมีชีวิตคู่ที่ยืนยาวขึ้นอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม


งานที่ทำให้คนสองคนมีสิทธิในทุกอย่างของกันและกัน


...งานที่ไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขา


ชิโนรสก้มหน้ายิ้มขื่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นสดใสในเสี้ยววินาทีที่ฮิโรชิสะกิดบอกให้เข้าไปหาคู่บ่าวสาว


“ยินดีด้วยครับบอส คุณนายบอส” ชิโนรสเอ่ยแซวเจ้าสาวอย่างคนกันเองที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี


“น้องชายเธอมันน่าตีจริง ๆ” คนเป็นหัวหน้าว่าด้วยความหมั่นไส้ ตั้งแต่ร่วมงานกันมาสี่ปี ว่าที่ภรรยาของเขาก็เอ็นดูเจ้าเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน ถึงขนาดสถาปนาเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านและห้ามเขาดุด่า ‘น้องชายกำมะลอ’ นี่อีกด้วย


“อ๊าย ฮิโรชิ ตัวจริงหล่อมาก” คนเป็นเจ้าสาวกรีดร้องเสียงยาวจนเจ้าบ่าวต้องเอ่ยห้ามแล้วแสร้งพูดเสียงน้อยใจว่าให้เห็นหัวตนที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย


“ไม่ได้นะครับ คนนี้ผมหวง”


“มึงหวงเขาหรือเขาหวงมึง” หัวหน้าหยอกแซวจนคนที่เพิ่งประกาศความเป็นเจ้าของทำหน้าไม่ถูก


“เอ่อ...ถ่ายรูปกันไหมครับ” ฮิโรชิแก้สถานการณ์ ดันตัวน้องคนสนิทเข้าไปยืนคั่นกลางคู่บ่าวสาวตามที่อีกฝ่ายเว้นช่องว่างไว้ให้


ถ่ายสามคนไปได้แค่สองรูปเจ้าสาวก็เร่งเร้าให้พระเอกหนุ่มร่วมเฟรมด้วยอีกหลายรูปก่อนที่เจ้าตัวจะขอปลีกออกไปรับสายโทรศัพท์ ทิ้งคนที่มาด้วยกันไว้พูดคุยกับบ่าวสาวต่อ


“พี่นุ่นคะ” เสียงหวานใสเรียกให้เจ้าสาวหันไปหา ตอนนี้จึงเหลือเพียงเจ้าบ่าวที่คุยกับชิโนรสด้วยเรื่องของงาน งานล้วน ๆ ในแบบที่เขาไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นหัวข้อสนทนาในงานแต่งงานของหัวหน้า


“คร้าบบบบ ครับบอส/ยินดีด้วยนะครับคุณนุ่น” เสียงทุ้มนุ่มทางด้านหลังดังขึ้นแทรกในโสตประสาทพร้อมคำตอบรับของชิโนรส ทำเอาเจ้าตัวถึงกับนิ่งค้าง


...ใช่เหรอ


...ใช่เขาจริง ๆ เหรอ


“ขอบใจจ้ะ คืนนี้เราก็รับช่อดอกไม้ให้ได้สิยัยพลอย จะได้เป็นคู่ต่อไปกับเขาบ้าง จริงไหมคะคุณเท่าฟ้า”


...เท่าฟ้า…


ร่างที่สูงเกินมาตรฐานชายไทยมาเพียงเล็กน้อยแน่นิ่งไม่ไหวติ่งราวกับถูกแช่แข็งด้วยชื่อที่เพิ่งได้ยิน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกเจ้านายตบไหล่ดังป้าบจนตัวเซ


“เหม่ออะไรของมึง”


“อ้อ...ถ้าบอสไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปหาอะไรทานก่อนนะครับ หิวมาก” ชิโนรสใช้ความกะล่อนกลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตนแล้วรีบพาตัวเองออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปบอกลาเจ้าสาว


...เพราะกลัวว่าจะเจอใครคนนั้นด้วย






สองหนุ่มนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนร่วมงานของชิโนรส สาว ๆ โต๊ะนี้พากันเกร็งเพราะความหล่อมีออร่าของพระเอกหนุ่ม ขณะที่เหล่าชายฉกรรจ์เองก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะความเป็นกันเองของฮิโรชิ


คนของประชาชนอย่างฮิโรชิมัวแต่คุยตอบกับสาว ๆ อย่างเป็นกันเองจนไม่ทันสังเกตว่าชิโนรสนั่งซึมหน้าซีดไปตั้งแต่ตอนไหน


“ชีน ชีน” ฮิโรชิใช้ข้อศอกสะกิดน้องอยู่สองสามครั้งกว่าเจ้าตัวจะตอบรับ “ง่วงแล้วเหรอ เรากลับกันเลยไหม”


คนตัวเล็กกว่ามองเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็พยักหน้ารับ “ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”





ชิโนรสยืนจ้องเงาตัวเองที่สะท้อนบนกระจกด้วยแววตาอ่อนล้าราวกับคนหมดเรี่ยวแรงทั้งที่ไม่ได้เพิ่งผ่านการใช้กำลังมาแม้สักนิด ใบหน้าอ่อนกว่าวัยยี่สิบแปดของเขาที่ขาวจัดอยู่แล้วซีดเผือดมากขึ้นไปอีกจนแทบไม่มีเลือดฝาด ความรู้สึกมากมายหลังจากได้ยินเสียงทุ้มนุ่มและชื่อ ‘เท่าฟ้า’ มันตีรวนอยู่ในหัว


ดีใจ...ปวดใจ


อยากเจอ...ไม่อยากเจอ


คิดถึง...ไม่อยากคิดถึง


ความรู้สึกย้อนแย้งพวกนี้ผสมปนเปพาลให้ช่วงอกและช่องท้องวูบโหวงจนคลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมา


เขาส่ายหัวไล่ความคิด ตั้งใจจะวักน้ำล้างหน้าแต่ต้องเปลี่ยนเป็นล้างมือเท่านั้นแทนเพราะใครบางคนที่ยังติดอยู่ในห้วงความคิดเดินเข้ามาในที่นี้


...คนที่ทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอ


ชิโนรสเผลอมองสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกเงา ไร้วี่แววของการทักทายอย่างคน ‘เคย’ รู้จักกัน ไม่สิ! อีกฝ่ายไม่คิดจะชายตาแลเขาเลยสักนิดด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่เคยคุ้นตาดูดีในชุดสูทสีเนวี่บลูเรียบโก้ตามรสนิยมของคนใส่จนอดไม่ได้ที่จะเผลอมองเพลินเกินไปจนคนถูกจ้องรู้ตัว คนตัวเล็กกว่ารีบหลบสายตาที่สบกันเพียงเสี้ยววินาที รีบล้างมือรีบดึงกระดาษทิชชูมาเช็ด โชคดีที่มันอยู่ฝั่งตนเองทำให้ไม่ต้องเอื้อมไกล แต่ในจังหวะที่หันกลับมาอีกทีกลับพบว่าตนกำลังถูกกักบริเวณด้วยร่างกายของอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้จนแทบหายใจรดกัน!


คนถูกคุกคามอยู่ในทีควานหาเสียงตัวเองไม่เจอ แม้จะอยากร้องท้วงให้ร่างสูงใหญ่ถอยออกไปก็ทำไม่ได้ ดวงตากลมใสเบิกกว้างอย่างตื่นกลัว นัยน์ตาสีนิลที่เคยหลงใหลอยู่ตรงหน้า ทว่ามันกลับว่างเปล่าราวกับไม่มีเรื่องราวระหว่างเราอยู่ในนั้นเลยสักนิด ใจของชิโนรสกำลังเต้นแรง ยิ่งอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างออกมา ใจก็อดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นชื่อของเขา


“หลีกหน่อยครับ ผมจะหยิบทิชชู”


คนตัวเล็กกว่ากระพริบตาปริบ กลืนน้ำลายหนืดลงคอก่อนเอ่ยขอโทษออกมาอย่างยากเย็นแล้วเบี่ยงตัวหลบ อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายถอยไปรีบชิงเดินออกจากตรงนั้นโดยเร็ว ไม่ทันสังเกตว่านัยน์ตาว่างเปล่าเมื่อครู่ของอีกฝ่ายกำลังฉายแววแบบไหนตอนที่ตนออกมาด้วยท่าทีเร่งรีบราวกับกำลังหนีเขา







‘ว่างไหม กูจะรอมึงที่ร้านเดิมนะ’


เปรมมองข้อความยามดึกที่เหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมโทร.หาโดยตรงแล้วนึกเป็นห่วงขึ้นมา เพื่อนสนิทเขาเป็นแบบนี้เสมอ มีเรื่องไม่สบายใจทีไรไม่เคยบอกกันตรง ๆ นี่คงคิดว่าส่งมาเผื่อฟลุ๊คเสียมากกว่าอยากให้เขาได้อ่านมันจริง ๆ


ชุดนอนแบบเรียบง่ายถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีซีดที่พร้อมออกไปยัง ‘ร้านเดิม’ ตามคำบอกเล่าของเพื่อนรักในทันที


ร้านเดิมที่ว่าคือรูฟท็อปบาร์ตั้งอยู่บนโรงแรมชื่อดังย่านใจกลางเมืองที่เน้นดนตรีสดแนวแจ๊สอันเป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาทั้งสองคนซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเขานัก ยิ่งในช่วงห้าทุ่มแบบนี้ถนนก็ยิ่งโล่ง ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีเปรมก็ขึ้นมาถึงที่ตั้งของบาร์แล้ว


เปรมหยุดยืนมองแผ่นหลังเล็กที่นั่งตรงเก้าอี้เดี่ยวตรงโต๊ะยาวชิดริมระเบียงซึ่งทำให้เห็นวิวเมืองกรุงได้แบบส่วนตัว นานแค่ไหนแล้วที่เขาเห็นแผ่นหลังนั้นโดดเดี่ยวตามลำพัง


“ไงมึง ไหนบอกว่าไปงานแต่งหัวหน้า ทำไมมาโผล่นี่ได้วะ” เปรมถามชิโนรสทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งข้างกัน


“สั่งอะไรรึยัง” ชิโนรสไม่ตอบแต่ถามกลับ


“สั่งแล้ว ไม่แดกหนักเหมือนมึงหรอก”


มาที่แบบนี้เขามานั่งกินบรรยากาศจิบคอกเทลเบา ๆ ไม่ใช่วอดก้าเพียวแบบเจ้านี่ ดื่มหนักขนาดนี้แสดงว่าเพื่อนเขาต้องเจอเรื่องหนักหนามากมาแน่ ๆ


“เมาได้ พรุ่งนี้เจ้านายให้หยุด” ไอ้ตัวดียิ้มเผล่อวดความโชคดีของตน


“เออ เจ้านายกูไม่แต่งงานบ้างก็แล้วไป”


ชิโนรสยิ้มหวานตาเยิ้ม มองดูก็รู้ว่าเริ่มเมา ถ้าเป็นช่วงสมัยเรียนเพื่อนเขาคนนี้ไม่ใช่คนคอแข็งเลยสักนิด ดื่มนิดดื่มหน่อยก็ตัวแดงเมาหัวฟุบโต๊ะ แต่ช่วงหลังมานี้คอแข็งระดับทองแดง หน้าแดงตัวแดงเหมือนเดิมแต่ดื่มได้เยอะขึ้นมาก


...จะว่าไป ชิโนรสดื่มเก่งตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเมื่อสี่ปีก่อน


“เป็นอะไร” เปรมถามเข้าประเด็นหลังจากพนักงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เขาแล้ว เสียงเพลงที่นี่ไม่ดังมากทำให้สะดวกแก่การพูดคุย ไม่ต้องคอยกระซิบเหมือนจะกินหูกันตลอดเวลาเหมือนที่อื่น


“อกหัก”


เปรมตกใจตาโต “พูดบ้าอะไรวะ” คนอย่างชิโนรสน่ะหรือจะอกหัก ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวหน้าตาดีและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมายจนไม่น่าจะอกหักได้ แต่เพราะว่าหลังจาก ‘อกหัก’ ครั้งแรก เขาก็ไม่เคยรักหรือแม้แต่ชอบใครอีกเลย แล้วอย่างนี้จะอกหักได้อย่างไรกัน


“รักเขา แต่เขาไม่รักเราก็เท่ากับอกหักไม่ใช่เหรอวะ”


“เมาแล้วพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย”


“กูพูดจริง”


“มันเป็นใคร”


“...”


เปรมภาวนาให้เป็นใครก็ได้บนโลกใบนี้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่…


“คนเดิม”


คำภาวนาของเปรมไม่เป็นผล “หมายความว่าไง” ที่ผ่านมาชื่อของ ‘คนเดิม’ แทบจะเป็นคำต้องห้าม แม้จะเมาหัวราน้ำแค่ไหนชิโนรสก็ไม่เคยพูดถึง แต่อยู่ดี ๆ วันนี้ก็มาบอกว่าอกหักจากคนเดิม เปรมชักสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


“กูเจอเขาที่งานแต่งบอส”


“เชี่ย” เปรมเผลออุทานออกมาเสียงแผ่ว


“เขายังจำกูไม่ได้”


“แน่ใจเหรอวะ” ที่เปรมได้ยินมาไม่น่าใช่อย่างนั้น จริงอยู่ที่พวกเขาตัดขาดกับใครคนนั้นมานานมากแล้วและชิโนรสไม่ได้สนใจตามข่าวของอีกฝ่ายเลยแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วย คนฮอตคนดังในแวดวงสังคมแบบนั้นมีหรือที่จะไม่เป็นที่พูดถึงกันในหมู่ดีไซเนอร์อย่างพวกเขา


“เราเผชิญหน้ากันตรง ๆ เขาทำเหมือน...ไม่รู้จักกัน” ถ้ารู้จัก ถ้าจำได้ ชิโนรสคิดว่าอีกฝ่ายต้องมีปฏิกิริยาอะไรที่มากกว่านี้ จะมองด้วยความโกรธแค้นก็ไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ว่างเปล่าแบบนี้


“แต่กูรู้มาว่าเขาหายความจำเสื่อมแล้วนะ”


“เขาก็อาจจะจำได้แค่คนที่ฟื้นความทรงจำให้เขามั้ง คงจำเรื่องทั้งหมดในชีวิตไม่ได้”


“ไม่มีทาง จำได้ก็คือจำได้ ตอนนั้นหมอก็บอกเองว่าเสียความทรงจำแค่ชั่วคราว ถ้ากลับมาจำได้ก็ต้องจำได้ทั้งหมดดิ”


ได้ยินอย่างนั้นแล้วชิโนรสก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงอยากลืมกู”


“ไอ้ชีน...”


“ก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรับรู้เรื่องระหว่างเรา”


“ในขณะที่มึงจำได้ทุกอย่างน่ะเหรอ!”


“กูเอง...ก็กำลังจะลืมแล้วเหมือนกัน”


พนันได้เลยว่าเพื่อนรักของเขาไม่มีทางทำได้ เปรมไม่เคยมั่นใจอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต มั่นใจยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองเสียด้วยซ้ำ






หย่อนก้นนั่งได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเปรมก็ต้องพาร่างหมดสติของเพื่อนสนิทกลับคอนโดด้วยกันเสียแล้ว ครั้นจะพาไปส่งที่บ้านในสภาพนี้ มีหวังแม่อีกฝ่ายได้เป็นห่วงแย่ เขาจึงโทร.ไปบอกก่อนแล้วว่าคืนนี้ชิโนรสจะค้างห้องตน


“เดินดี ๆ สิวะไอ้ชีน” เปรมบอกคนเมาทั้งที่อีกฝ่ายไม่น่าจะรับรู้ได้แล้ว แม้ชิโนรสจะมีกายที่สูงน้อยกว่าตนเกือบฟุตและมีรูปร่างบอบบางจนแทบปลิว แต่เมื่อโงนเงนเอนซบทิ้งน้ำหนักใส่เต็มที่ก็ทำเอาคนตัวหนาอย่างเขาเดินได้ยากลำบากอยู่ไม่น้อย อยากจะอุ้มขึ้นพาดบ่าเสียก็กลัวจะกลายเป็นจุดเด่นเกินควร ที่ทำได้คือเอาแขนอีกฝ่ายพาดคอตนไว้เท่านั้น


กลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวคละคลุ้งกลิ่นเหล้าอยู่ใกล้จมูงจนชวนให้เปรมนึกถึงกลิ่นอโรมาจาง ๆ มันทั้งผ่อนคลายและกระตุ้นอารมณ์ดิบส่วนลึกของเขาได้ดีจนต้องฝืนเก็บไว้ด้วยความยากลำบาก ยิ่งในตอนที่อยู่ในลิฟต์กันสองต่อสอง ยากเหลือเกินที่เขาต้องคอยหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรที่เกินควรกับเพื่อนตัวเอง


ติ้ง!


ประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นยี่สิบเอ็ด เปรมกระชับวงแขนตนที่โอบเอวเล็กให้อีกฝ่ายแนบชิดตนพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป ทว่าในนาทีที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ สองขากลับหยุดชะงักค้างเพราะคนตรงหน้าที่รอจะใช้บริการกล่องโดยสารนี้ต่อจากเขา


เปรมยิ้มบางเหมือนทักทายเพื่อนร่วมโลกตามมารยาทมากกว่าจะสื่อว่ารู้จักกัน “หลีกทางด้วยครับ”


เมื่อคนที่สูงพอกันไม่มีทีท่าทักทายกลับมาอย่างคนรู้จัก มิหนำซ้ำยังปั้นหน้านิ่งขรึมใส่กันอีก เปรมจึงต้องย้ำความต้องการอีกครั้งอีกฝ่ายถึงยอมเบี่ยงตัวออกห่าง...แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเล็กน้อยจนเปรมแทบจะหาไม้โปรฯ มาวัดองศาว่านั่นเรียกว่าถอยให้แล้วจริงหรือ


แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณก่อนพาร่างหมดสติของเพื่อนออกจากตรงนั้น


หึ จำไม่ได้อย่างนั้นหรือ?


อย่าคิดว่าเขาไม่เห็น ใบหน้าหล่อนั่นแม้จะนิ่งขรึมแต่นัยน์ตากลับปิดซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด ถึงจะแค่ไม่กี่วินาทีก่อนจะรู้ตัวว่าไม่ควรแสดงออกแบบนั้นก็ตาม


เปรมยกยิ้มมุมปาก แสร้งกระชับมือที่โอบเอวเพื่อนอีกครั้งจนคราวนี้ชายเสื้อถลกขึ้นจนฝ่ามือเขาสัมผัสกับผิวเนื้อขาวของอีกฝ่ายเต็ม ๆ


ปัง!


เปรมเกือบจะหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินเสียงทำลายข้าวของดังมาจากด้านหลังตนแทบจะในทันทีที่ตนได้สัมผัสเอวบางภายใต้ร่มผ้าของเพื่อนสนิท ถ้าให้เขาเดา เสียงเมื่อครู่คงเกิดจากกำปั้นที่กระแทกเข้ากับปุ่มกดชั้นลิฟต์เป็นแน่


อะไรกัน แค่นี้ยังไม่พอให้เลิกเล่นละครว่าจำกันไม่ได้อีกหรือ หรือเขาต้องทำมากกว่านี้ อีกฝ่ายถึงจะยอมแสดงตัวออกมาว่าเป็นเจ้าของ


เปรมก็แค่คิด แต่ใครอีกคนในอ้อมกอดกลับทำจริงด้วยการแกล้งซวนเซเข้าหาผนังจนคนตัวโตที่ไม่ทันระวังตัวถลาตามไปด้วยจนกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่กำลังแนบชิดกันบนผนังทางเดิน ชิโนรสใช้แขนที่พาดคอเพื่อนร่างสูงไว้รั้งคออีกฝ่ายให้ก้มลงมาหาทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอจนได้ยินเสียงประตูลิฟต์ปิดตัวไปหลายวินาทีแล้วถึงได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากคนตัวเล็ก


เปรมพยุงร่างเพื่อนเข้าห้อง หมายจะให้เจ้าตัวนั่งให้สบายบนโซฟาแต่อีกฝ่ายกลับเลือกนั่งบนพรมเพื่อพิงโซฟาแทน ขาสองข้างคู้งอให้เจ้าตัวกอดเอาไว้ราวกับเป็นที่พึ่งทางใจในตอนนี้ ศีรษะแหงนพิงเบาะแต่ผินหน้าออกไปนอกห้อง


“จะร้องไห้ก็ได้นะ” เปรมไม่ได้นั่งลงข้าง ๆ เขาเพียงแค่ยืนดูด้วยความเป็นห่วงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล


“น้ำตากูแห้งไปตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้ว” แม้จะมองจากด้านหลังแต่เปรมก็รู้ว่าตาคู่สวยกำลังมองเหม่อทะลุม่านสีทึบออกไปข้างนอก...และไม่มีน้ำตาสักหยดอย่างที่เจ้าตัวบอก


“งั้นก็ไปอาบน้ำนอนไป พรุ่งนี้กูไปทำงาน มึงจะนอนจนกูกลับมาหรือออกสาย ๆ ก็ได้”


“กูจะกลับไปนอนบ้าน เป็นห่วงแม่”


“กลับไปสภาพนี้คิดว่าใครน่าเป็นห่วงมากกว่ากันวะ”


“แต่กูไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว”


“กูโทรบอกแม่มึงแล้วว่าคืนนี้มึงจะค้างกับกู นอนนี่เถอะ ค่อยกลับพรุ่งนี้ก็ได้ กลับไปสภาพนี้จะถึงบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้”


ชิโนรสเงียบ คร้านจะเถียงกับเปรมแล้ว เพื่อนคนนี้เถียงไปเท่าไหร่ตนก็ไม่เคยชนะ


“ไปอาบน้ำให้สร่างเมาหน่อยไป จะได้นอนสบาย”


“มึงไปอาบก่อนเถอะ”


คล้อยหลังเพื่อนตัวสูง ชิโนรสยังคงมองเหม่ออยู่อย่างนั้น ความทรงจำมากมายเกี่ยวกับใครคนนั้นไหลบ่าเข้ามาในห้วงความคิดจนรู้สึกคลื่นไส้พาลจะอาเจียนขึ้นมาอีกครั้งจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออ้วกจนหมดพุง ชายหนุ่มลูบคอตัวเองไปมาเพราะรู้สึกแสบร้อนจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปโดยไม่มีการผสมมิกเซอร์ใด ๆ ทั้งสิ้นราวกับคนขาดสติ


ชิโนรสพาตัวเองกลับมานั่งที่เดิมหลังจากล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นบ้าง นัยน์ตาสวยมองเหม่อไปยังเงาตัวเองที่สะท้อนบนจอโทรทัศน์จอแบน แม้จอจะมืดดับไม่ชัดพอให้เห็นรายละเอียดบนใบหน้า ทว่าสำหรับเขา...รอยแผลนั้นยังชัดเจนในความรู้สึก

 

รอยแผลนั้นยังเป็นเครื่องเตือนความทรงจำทุกครั้งที่ได้มอง



และเป็นหลักฐานชั้นดีที่ย้ำให้ชิโนรสรู้ว่าแค่ความรักอย่างเดียว...มันไม่เคยพอ








TBC.
----------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 16:08:40 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X บทนำ [13/05/18]
«ตอบ #2 เมื่อ13-05-2018 21:51:26 »

ปัก   รอตามอ่านต่อ :mew1:

น่าสนใจมากค่ะ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X บทนำ [13/05/18]
«ตอบ #3 เมื่อ14-05-2018 08:10:29 »

งานดราม่าแฟนเก่าก็มาาาาาาา

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 1 [30/05/18]
«ตอบ #4 เมื่อ30-05-2018 22:13:22 »

คนไม่มี 'สิทธิ'


ตอนที่ 1










‘น้องชื่อชีนใช่ไหมครับ’

‘ครับ’

‘พี่มาจากถาปัด อยากจะชวนน้องไปเล่นละครเวทีของคณะ ตอนนี้น้องติดเล่นละครให้คณะไหนไปแล้วรึยังครับ’

‘ยะ ยังครับ’

‘งั้นพี่จอง’

‘หืม?’

‘หมายถึงขอเป็นตัวเลือกแรกของน้อง ถ้าน้องสนใจอยากเล่นละครเวทีก็อยากให้ติดต่อมา พวกพี่อยากร่วมงานกับน้องมากครับ นี่เบอร์พี่’

‘เท่าฟ้า?’

‘ครับ พี่ชื่อฟ้า เท่าฟ้า รัชกิจประการ’








“สวัสดีครับ ผม เท่าฟ้า รัชกิจประการ ครับ”


เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ในเช้าวันทำงานแรกหลังวันหยุดพิเศษหนึ่งวันของชิโนรสคือการเจอเขาคนนั้นที่ห้องประชุมของบริษัท!


“ผมมาจากบริษัท...” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยังคงแนะนำตัวต่อไป ทุกคนต่างตั้งใจฟังผิดกับชิโนรสที่สติหลุดลอยไปตั้งแต่เห็นเขาคนนั้นเดินเข้ามาในห้องประชุมนี้แล้ว ไม่ต้องสนใจฟังเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากบริษัทไหนเพราะรู้ดียิ่งกว่าใคร เพียงแต่สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยังใช้ชื่อเดิมนี้อีกทั้งที่ควรเปลี่ยนมันไปตั้งนานแล้ว


“ชีน ชีน!” คนตัวเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเสียงเรียกจากรุ่นพี่ดังใกล้หู ชิโนรสหันกลับไปมองพร้อมเลิกคิ้วแทนคำถาม


“เป็นไรวะ เหม่ออะไรไอ้หนู” ปอหรี่ตามอง เขาจับสังเกตรุ่นน้องตัวขาวมาได้พักใหญ่ เห็นมันหน้าซีดเหม่อลอยไปตั้งแต่ที่คุณเท่าฟ้าอะไรนั่นเดินเข้ามาพร้อมเลขาฯ คนสวยแล้ว


“นอนน้อยน่ะพี่ เบลอ ๆ ยังไงชอบกล”


“กาแฟกูหน่อยไหม” หนุ่มรุ่นพี่ร่วมแผนกเลื่อนแก้วกาแฟร้อนไปให้


“อะแฮ่ม!!”


เสียงกระแอมไอดังกว่าระดับเสียงพูดปกติทำให้คนทั้งห้องที่ทั้งตั้งใจฟังและไม่ตั้งใจฟังถึงกับสะดุ้ง แต่คนที่มีปฏิกิริยามากที่สุดเห็นจะเป็นสองหนุ่มที่กำลังคุยกันอยู่


ไม่รู้ว่าชิโนรสคิดมากไปหรือเปล่า แต่สายตาที่มองดุตรงมาอย่างตำหนินั้นมันถูกส่งตรงให้เขาคนเดียวไม่ได้หันเหไปหาหนุ่มรุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย


ก็พอรู้ตัวว่าเสียมารยาทในที่ประชุม แต่ไม่เห็นจะต้องมองดุราวกับโกรธเกลียดกันมาเป็นสิบชาติอย่างนั้นก็ได้ เพราะหากสายตานั่นเป็นมีด ร่างเขาคงพรุนไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว


ชิโนรสหลบสายตาคมดุเบนไปมองจอแค่แวบเดียวก็สรุปใจความในส่วนที่ไม่ได้ฟังได้ว่าคุณเท่าฟ้ามาที่นี่เพื่อจ้างบริษัทของพวกเขาให้ร่วมโปรเจคตกแต่งบ้านหลังหนึ่งด้วยกัน เท่าที่ดูก็ไม่น่าจะใช่โปรเจคใหญ่อะไรมากมายแต่ทำไมถึงต้องทำร่วมกัน


แค่บ้านหลังเดียว ไม่ใช่โครงการหมู่บ้านอะไรเทือกนั้นเสียหน่อย



“โอเคครับ คุณทำหน้าที่อินทีเรียของคุณ ส่วนพวกผมจะทำหน้าที่ออกแบบเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยให้ตามที่คุณต้องการ” เจ้านายวัยสามสิบปลายของชิโนรสสรุป


บริษัทของพวกเขาเป็นบริษัทรับออกแบบของตกแต่งบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ แม้จะเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ แต่งานหลักคือการทำงานให้แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ในขณะที่งานรองคือการรับเป็นจ็อบตามแต่ลูกค้าต้องการ เพียงแต่สี่ปีที่ผ่านมาชิโนรสยังไม่เคยเห็นหัวหน้ารับงานที่ต้องทำร่วมกับอินทีเรียหรือพวกตกแต่งภายในเลยสักครั้ง อีกอย่าง หัวหน้าไม่เคยเริ่มงานด้วยการประชุมพร้อมบุคลากรโดยไม่ผ่านการพูดคุยเบื้องต้นแบบส่วนตัวมาก่อน


“ทุกคนไม่ต้องแปลกใจ งานนี้ผ่านการพูดคุยกันมาแล้วในคืนวันแต่งงานของฉัน” นั่นปะไร มีใครที่ไหนจริงจังกับการคุยเรื่องงานในวันแต่งงานของตัวเองได้เท่าเจ้านายของเขาบ้าง


“เดี๋ยวผมจะส่งตัวอย่างผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ของผมไปให้คุณเท่าฟ้าเลือกนะครับ ลองดูว่าชอบแบบไหน จะได้เลือกคู่ทำงานถูก”


“คุณศุภกิจมีไฟล์พวกนั้นอยู่ไหมครับ วันนี้ผมพอมีเวลา ถ้าคุณสะดวก ผมขอดูเลยได้ไหมครับ”


“ได้สิครับ เดี๋ยวไปดูกันที่ห้องทำงานของผมละกัน”


เท่าฟ้ายิ้มรับ หลังจากจบการประชุม ศุภกิจเดินนำเท่าฟ้าไปยังห้องทำงานก่อนที่บรรดาลูกน้องจะได้ทะยอยกันกลับโต๊ะทำงานบ้าง


“โปรเจคห่าอะไรวะ ทำงานร่วมกันแบบไหนกูยังงง” ปอบ่น มือที่กุมขมับอยู่บอกชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดกวนประสาทเล่น ๆ เหมือนทุกที


“เขาคงอยากได้ความพิเศษแบบมีหลังเดียวในโลกงี๊” ใครอีกคนหนึ่งออกความเห็นติดตลก


“แต่เขาก็ออกแบบเองทั้งหมดได้ป่ะวะ...แล้วมึงว่าไงไอ้ชีน” ปอสะกิดถามชิโนรสที่ยังนั่งนิ่งอยู่กับที่


“คะ ครับ”


“เห้อ” คนเป็นรุ่นพี่ถอนหายใจ เลิกสนใจประเด็นที่เกี่ยวกับงานแล้วมาสนใจอาการของหนุ่มรุ่นน้องแทน “ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไป หน้ามึงเบลอไปหมดละ”


ชิโนรสพยักหน้ารับนิ่ง ๆ แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปตามคำแนะนำของหนุ่มรุ่นพี่






ไม่รู้ตัวเลยว่าใช้เวลากับตัวเองในห้องน้ำไปนานแค่ไหน เงาสะท้อนในกระจกยังเป็นใบหน้าอ่อนกว่าวัยที่มีเครื่องหน้าเสริมความน่ารักให้ยิ่งดูเด็กในสายตาลูกค้าทั้งที่อายุจริงใกล้สามสิบเต็มที ใต้ตาก็ไม่ได้ดำคล้ำอย่างคนอดนอนเลยสักนิดแต่เจ้าตัวกลับเหมือนคนเลื่อนลอยที่วิญญาณพร้อมจะหลุดจากร่างได้ทุกเมื่อ เป็นอีกครั้งในช่วงสองสามวันมานี้ที่สมองของชิโนรสว่างเปล่า มันขาวโพลนไปหมดจนอื้ออึงเหมือนมีเรื่องมากมายอัดแน่นอยู่ในนั้นแต่กลับไม่มีเรื่องใดชัดเจนขึ้นมา


มันทั้งอึดอัดและว่างเปล่า


ชิโนรสวักน้ำล้างหน้าอย่างแรงอยู่หลายครั้ง ชั่ววูบหนึ่งเขารู้สึกว่าหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้ามีน้ำตาของตัวเองปนอยู่ในนั้นด้วย ช่างอ่อนแอจนไม่น่าให้อภัย


“คุณอีกแล้ว”


อ่า...คุณอีกแล้วจริง ๆ


เจ้าของคำทักทายยืนพิงขอบประตูห้องน้ำส่งสายตาและรอยยิ้มมีเลศนัยผ่านทางเงาบนกระจก


ชิโนรสเลิกคิ้วมองรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าหล่ออย่างไม่ไว้ใจ “หมายความว่าไงครับ”


“คุณคนที่ผมเจอในงานแต่งคืนนั้น...ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ตกดึกก็อยู่กับผู้ชายอีกคนที่คอนโด…” เท่าฟ้าเว้นจังหวะก่อนยิ้มเหยียด “...ใช้ได้เลยนะครับ”


“หมายความว่ายังไง ใช้ได้คืออะไร!?” คนถูกหยามเกียรติเป็นนัย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากันตรง ๆ


“ก็…” เท่าฟ้าไล่สายตามองคนตัวเล็กกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเย้ยหยัน “...อึดใช้ได้น่ะสิครับ”


คนตัวเล็กกว่าเกือบหนึ่งฟุตกำมือแน่นด้วยความโกรธที่ถูกหยามเกียรติ พยายามปั้นหน้าไม่ทุกข์ร้อนใส่ “ก่อนหน้านี้คุณคงประเมินผมต่ำไป ผมน่ะ อึดได้มากกว่าที่คุณคิดนะครับ เชื่อเถอะ...ผมพิสูจน์มาแล้ว” ใบหน้าสวยยกยิ้มบางอย่างเป็นมิตร แสร้งทำเหมือนกำลังเล่าเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปให้อีกฝ่ายฟังก่อนชิงเดินหนีไปพร้อมกับใจที่เจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีดซ้ำแผลเก่าที่เพิ่งแห้งไปไม่นาน






ดีไซเนอร์หนุ่มเกือบเข่าทรุดก่อนเดินถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง ชิโนรสเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เกลียดที่อ่อนแอ เปราะบางราวกับจะแตกหักได้ง่าย ๆ เพียงแค่เห็นหน้าเขา เกลียดที่สุดคือการหลงคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่...ไม่เลยสักนิด


เปลือกตาสีซีดปิดลงซ่อนความวูบไหวของดวงตาจากผู้คน แต่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าการทำแบบนี้ไม่ต่างจากคนขี้แพ้ที่กำลังหนีความจริงตรงหน้าอยู่


พักสายตาได้ไม่นานก็มีกลิ่นหอมของกาแฟลอยมาแตะจมูก ชิโนรสลืมตาขึ้นมองเห็นแก้วกาแฟอยู่ตรงหน้าในระดับที่ใกล้จมูกมากก่อนที่มันจะถูกเลื่อนออกห่างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ


“ดื่มซะหน่อยไอ้น้อง”


ชิโนรสยิ้มก่อนเอ่ยขอบคุณ “ว่าแต่...พี่ชงอะไรมาเนี่ย” ใบหน้าอ่อนกว่าวัยแกล้งมองเครื่องดื่มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ


“เดี๋ยวปั๊ดเบิ๊ดกะโหลก นี่ใคร? พี่ปอ ผู้หยั่งรู้ทุกความชอบของน้องชีนนะครับ แดก ๆ ไป กาแฟสอง โอวัลตินหนึ่งเนี่ย”


คนเด็กกว่าอวดยิ้มกว้าง กล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะดื่ม ดื่มไปได้อึกสองอึกก็มาแกล้งอีกฝ่ายต่อด้วยการแสร้งทำหน้าตื่นเต้นกับรสชาติที่อร่อยถูกปากเสียเหลือเกินจนสุดท้ายก็ถูกมะเหงกเข้ากลางหน้าผากให้ร้องครวญจนได้






บรรยากาศการทำงานในช่วงเช้าเป็นไปได้ดีเพราะเพื่อนร่วมงานสร้างเสียงหัวเราะให้อยู่ตลอด มาเสียเอาตอนบ่ายที่เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจชิโนรสเมื่อหัวหน้าเดินเข้ามาประกาศต่อหน้าทุกคนว่าคนที่จะได้โปรเจคของคุณเท่าฟ้าไปทำคือเขา


“ผมขอทำเองได้ไหมครับบอส” ปอถามขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าคนถูกเลือกทำสีหน้าลำบากใจ


“เห้ยไม่ได้ เขาเลือกแล้ว...มึงมีปัญหาอะไรไหมชีน” ประโยคหลังศุภกิจหันไปถามชิโนรสด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ลูกค้าจะเลือกเองแต่ถ้าลูกน้องเขาไม่อยากทำหรือรู้สึกฝืนเขาก็จะไม่บังคับ “คุณเท่าฟ้าเขาชอบงานมึง ถ้ามึงรับงานนี้กูดูแล้วว่าคงไม่ฝืนใจมึงมาก สไตล์น่าจะไปกันได้”


“ได้ครับ ผมทำงานนี้เอง” ตอบรับออกไปทั้งที่ไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะเป็นมืออาชีพพอจะทำให้ได้จริงหรือไม่ แต่ก็จำต้องรับปากเพื่อไม่ให้หัวหน้าผิดหวัง


“ดี เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ เขาจะมารับเราไปดูบ้านตอนเก้าโมง”


“งานด่วนเหรอพี่” ปอถามแทนชิโนรสที่นิ่งเงียบไป


“คงงั้นนะ ดูเขารีบมาก ยังไม่กำหนดเดทไลน์แต่ก็เอาแต่พูดว่าทำงานกับเราเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”


เหอะ เจ็บสิ้นดี


แม้ยังไม่แน่ใจว่าเท่าฟ้าจำตนได้หรือไม่แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าหากอีกฝ่ายไม่อยากเจอไม่อยากร่วมงานกันแล้วเลือกเขาทำไม









รถเลกซัสสปอร์ทสีแดงคันสวยที่จอดหน้าบ้านทำให้ใบหน้าของคนที่เพิ่งกลับถึงบ้านในตอนเกือบพลบค่ำมีรอยยิ้ม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแขกประจำบ้านที่เป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวเขาไปแล้ว


เสียงจอแจดังมาจากห้องครัวแบบไม่ต้องสืบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น แม่ของเขาคงกำลังสอน ‘พี่ชายต่างสายเลือด’ ของเขาทำอาหารอยู่แน่ ๆ ชิโนรสถึงได้ยินทั้งคำดุและเสียงโอดครวญของคนตัวโตดังออกมา


“อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยเรา” หญิงผมซอยสั้นวัยเกษียณร้องถามเมื่อเห็นลูกชายยืนกอดอกพิงขอบประตูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ้มแป้นแล้นจนน่ามันเขี้ยวเสียด้วย


“สวัสดีครับคุณแม่” ชิโนรสกระพุ่มมือไหว้ผู้มีพระคุณอย่างนอบน้อม “กลับมาตั้งแต่ที่คุณแม่ตีพี่ชิเพราะใส่น้ำตาลเกินไปหนึ่งช้อนแล้วล่ะครับ” ถ้านึกย้อนดูก็ประมาณห้านาทีเห็นจะได้ที่เขายืนอยู่ตรงนี้


“มาแล้วก็ไม่คิดจะช่วยพี่เลยนะชีน”


“ช่วยทันด้วยหรือครับ...อ้อ อันที่จริงชีนน่าจะรีบโทรมาบอกคุณแม่ก่อนว่าพรุ่งนี้ชีนมีงานนอกสถานที่ คุณแม่จะได้ไม่ให้พี่ชิเข้าครัวด้วย” แสร้งว่าด้วยใบหน้ากังวลทว่าแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนพี่ได้หมั่นไส้


“หน็อย จะหาว่าพี่ทำอาหารไม่ดีเหรอ” ฮิโรชิยกจวักชี้น้องจนถูกประมุขของบ้านตีเข้าให้อีกหนึ่งที นอกจากความแสบ ๆ คัน ๆ ที่ผิวเนื้อแล้วก็ยังเจ็บใจเพราะน้องกำลังหัวเราะเยาะเขาเสียงดังลั่นครัวอีกด้วย


“ก็ชีนไม่อยากเสี่ยงนี่พี่ชิ ถ้าคืนนี้ทานแกงหม้อนี่นะ นอกจากพรุ่งนี้อาจจะท้องเสียแล้ว ในอนาคตก็ยังเสี่ยงเป็นเบาหวานอีกด้วย”


“ได้! งั้นพี่รับผิดชอบแกงหม้อนี้เอง ส่วนเราน่ะทอดไข่เอาตามมีตามเกิดแล้วกัน”


“อ้าว ไม่ได้สิ! คุณแม่ครับ คุณแม่ดูพี่ชิสิ ใจร้ายกับน้องได้ลงคอ” ได้ทีรีบเข้าไปกอดเอวออดอ้อนคนเป็นแม่เสียเลย


“ไปอาบน้ำก่อนไปลูกคนนี้นี่ เดี๋ยวแม่ให้พี่เขาทอดไข่เจียวไว้ให้ละกันนะ” คำประกาศิตของเธอเหมือนการประกาศชัยชนะของพระเอกหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มง้ำงอขณะที่คนได้รับชัยชนะหน้าระรื่น กำลังจะยื่นมือมายีผมคนแพ้เสียหน่อยแต่กลับถูกดุเข้าให้อีกเรื่อง “ทำอาหารอยู่อย่าเล่นผมน้องนะชิ”


“ครับ ครับ”


ชิโนรสหัวเราะร่วนอีกครั้ง มองคนพี่ที่เหมือนหมาตัวใหญ่หูลู่หางตกหันไปสนใจหม้อแกงตรงหน้าแล้วก็ยิ่งชอบใจ




ฮิโรชิไม่ค่อยรับงานตอนเย็น ถ้าไม่ใช่ถ่ายหนังถ่ายละครหรือออกรายการเพื่อโปรโมทผลงานร่วมกับนักแสดงคนอื่น ฮิโรชิก็ไม่เคยรับงานโชว์ตัวที่ไหนหลังสี่โมงเย็น ทุกวันชิโนรสจะต้องเห็นรถเลกซัสสปอร์ทสีแดงจอดอยู่หน้าบ้านหลังไม่เล็กไม่โตนี้เสมอ เขากับแม่อยากให้อีกฝ่ายย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียเลยแต่อีกฝ่ายปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ส่วนสำคัญเพราะงานในวงการของเขาต้องเกี่ยวพันกับผู้คนเยอะ ไหนจะผู้จัดการ ไหนจะช่างแต่งหน้าที่บางครั้งก็ต้องเดินเข้าเดินออกคอนโดของเขาอยู่เป็นนิจ เพราะอย่างนั้นเขาจึงเกรงใจลินดา คุณแม่บุญธรรมของน้องชายคนสนิท


เดิมทีชิโนรสกับฮิโรชิโตมาด้วยกันในบ้านเด็กกำพร้าที่มีคุณพ่อทูนหัวเป็นชาวญี่ปุ่นและคุณแม่ทูนหัวเป็นคนไทย เพราะอย่างนั้นถึงได้ถูกตั้งชื่อด้วยภาษาญี่ปุ่น คนน้องมาเปลี่ยนชื่อเอาทีหลังก็ตอนที่ถูกคุณแม่ลินดารับมาเลี้ยง และเพราะเป็นเด็กตัวเล็กบอบบาง เล่นอะไรรุนแรงอย่างที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกันก็เนื้อตัวช่ำง่ายไปเสียทุกส่วน เพื่อนสมัยเด็กที่เล่นด้วยกันได้จึงมีไม่เยอะ หนึ่งในนั้นคือฮิโรชิที่คอยดูแลปกป้องอยู่เสมอ ทำให้เขาติดอีกฝ่ายมาก ตามติดแจจนร้องไห้โยเยไม่อยากพรากจากตอนที่รู้ว่าจะถูกรับไปเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม ในตอนนั้นเพียงแค่คิดว่าต้องจากกับพี่ชิ ใจของเขาก็แทบแหลกสลาย รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย มารู้เอาตอนเมื่อสี่ปีก่อนนี้เองว่ามันเทียบไม่ได้กับตอนที่เสียใครอีกคนไปเลย


โลกพังทลายที่แท้จริงเป็นแบบไหน ชิโนรสเพิ่งได้รู้ซึ้งก็ตอนนั้นเอง



ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าลินดาจะได้รอยยิ้มสดใสของลูกชายเธอกลับมา และมันทำให้เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำให้มันหายไปอีกอย่างเด็ดขาด




“พรุ่งนี้ชีนออกฟิลด์ที่ไหน” พระเอกหนุ่มถามขณะปิดท้ายมื้อเย็นด้วยผลไม้ในห้องนั่งเล่นกันตามลำพัง


คนน้องนิ่งคิดก่อนส่ายหน้าน้อย ๆ “ยังไม่รู้เลยครับ” ...ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง


แค่พอคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอเขาตามลำพัง รอยยิ้มที่แต้มใบหน้าใสอยู่ตลอดก็พลันจางลง โชคดีที่ฮิโรชิสนใจการ์ตูนเบาสมองตรงหน้าอยู่จึงไม่ทันสังเกตเห็น


“อ้าว”


“ไปดูบ้านลูกค้าครับ ยังไม่รู้เลยว่าที่ไหน บอสบอกแค่ว่าเขาจะมารับ”


“งั้นพรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ ตอนเย็นไปรับกลับด้วย” คราวนี้พระเอกคนดังหันมองกันเต็มตาแต่คนถูกมองกลับรีบหลบด้วยการทำเป็นสนใจของกิน


“ลำบากเปล่า ๆ ครับ”


“ชีนก็รู้ว่าพี่เต็มใจ” อยากดูแลเอาใจทุกครั้งที่มีโอกาส


“ครับ” คนตัวขาวจำต้องตอบรับความหวังดีนั้น “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็ค้างที่นี่เถอะครับ จะได้ไม่ต้องรีบตื่นเช้ามารับผม” ถึงจะไม่ได้ค้างที่บ้านนี้เป็นหลักแต่นอกจากจะมีเสื้อผ้าส่วนตัวอยู่บ้านนี้สองสามชุดแล้วฮิโรชิยังมีห้องนอนเป็นของตัวเองอีกด้วย







รัตติกาลคืนนี้ให้ความรู้สึกหม่นหมองทั้งที่พระจันทร์วันเพ็ญออกจะสว่างนวลขนาดนั้น ชิโนรสไม่ได้นั่งมองดวงจันทร์นอกหน้าต่าง เขาเอนตัวลงนอนดึงผ้าห่มคลุมถึงคออย่างคนพร้อมหลับแล้วเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อย่างที่ใจต้องการ นัยน์ตาใสเหม่อลอยออกไปยังความมืดมิดตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งเก่าก่อนที่เคยทะลักในความคิดราวกับเขื่อนแตกให้รู้สึกพะอืดพะอมจางหายไปเหลือแต่เพียงความกังวลที่จะเผชิญหน้ากันในวันพรุ่งนี้ แม้จะตั้งใจไว้แล้วว่าจะปฏิบัติตัวด้วยอย่างคนเพิ่งรู้จักกันและให้ความสนิทสนมแค่ในระดับเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นชิโนรสก็ไม่เคยเชื่อใจตนเองว่าจะทำได้ สี่ปีที่ห่างกันไปน้อยกว่าช่วงเวลาที่มีกันและกันเสียอีก แล้วอย่างนี้เขาจะทำใจให้มองอีกฝ่ายอย่างคนแปลกหน้าได้หรือ จะมองได้โดยไม่มีภาพวันเก่า ๆ ซ้อนขึ้นมาได้อย่างไร เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ



เพราะไม่อาจข่มตาให้หลับได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช้าวันนี้คนมีงานนอกสถานที่จึงตื่นสาย กิจวัตรประจำวันทุกอย่างเร่งรีบไปเสียหมด รวมไปถึงอาหารเช้าที่ต้องรบกวนคุณแม่ลินดาจัดใส่กล่องให้มาทานบนรถกันทั้งสองคน


และเพราะว่ารีบมาก กลัวจะเข้างานสาย คนเป็นน้องถึงได้ลืมเครื่องมือสื่อสารไว้บนรถของเขา โชคดีที่วันนี้ฮิโรชิไม่มีงานเช้า ถึงจะรู้ตัวว่าโทรศัพท์ของอีกฝ่ายตกค้างในรถตนเอาตอนที่ขับออกไปไกลแล้ว แต่เขาก็ยังมีเวลาพอให้วกกลับไปที่เดิมได้อีกครั้ง ได้แต่ภาวนาว่าเวลาเก้าโมงครึ่งจะยังทันก่อนที่อีกฝ่ายออกไปดูงานนอกสถานที่


และเหมือนจะทันอยู่รอมร่อ จังหวะที่เขาเลี้ยวรถเข้าลานจอดรถและวนหาที่จอดอยู่นั้น ร่างบางคุ้นตาก็กำลังเดินตามใครบางคนซึ่งน่าจะเป็นลูกค้าที่เจ้าตัวพูดถึงไปยังรถที่จอดอยู่อีกฟาก ฮิโรชิรีบขับตามไปด้วยหวังจะให้ทันแต่กลับมีรถคันหนึ่งถอยออกจากซองมาขวางกะทันหัน


“โธ่เอ๊ย!” อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาอย่างหัวเสีย จะจอดรถทิ้งไว้ตรงนี้แล้ววิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้ก็ทำไม่ได้เพราะมีรถจ่อท้ายเขาอีกเป็นพรวนจึงตัดสินใจเปิดประตูลงไปหมายจะตะโกนเรียกให้น้องได้ยิน ทว่ายังไม่ทันได้ทำอย่างนั้นฮิโรชิก็ตกอยู่ในสภาวะหาเสียงตัวเองไม่เจอเสียก่อนแล้ว


เพราะใบหน้าของคนที่เดินนำชิโนรสไปทำให้พระเอกดาวรุ่งสวมบทเป็นก้อนหินได้อย่างไร้ที่ติ...ใบหน้าของชายเจ้าของรถที่ชิโนรสเพิ่งก้าวขึ้นไปคือใบหน้าของคนที่เขาไม่มีวันลืม




เท่าฟ้า...ผู้ชายที่เคยเป็นโลกทั้งใบของชิโนรส!!









TBC.
----------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 16:10:27 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
«ตอบ #5 เมื่อ31-05-2018 10:40:56 »

พี่ฟ้ารักก็บอกว่ารักสิเว้ยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
«ตอบ #6 เมื่อ01-06-2018 13:50:15 »

เขาเลิกกันเพราะอะไรอ่ะ หน่วงงงงงงง :hao7:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
«ตอบ #7 เมื่อ01-06-2018 20:40:30 »

 :กอด1: น่าติดตาม

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
«ตอบ #8 เมื่อ01-06-2018 21:03:01 »

ฮืออออ หลงรักอะไรหน่วงๆแบบนี้ พี่เท่าฟ้าแกต้องการอะไร !!!

สงสารชิ  :z3: อยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
«ตอบ #9 เมื่อ01-06-2018 21:29:57 »

งืมๆๆ รอเงื่อนการเลิกกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
« ตอบ #9 เมื่อ: 01-06-2018 21:29:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #10 เมื่อ08-07-2018 18:18:45 »

คนไม่มี ‘สิทธิ’

ตอนที่ 2








‘ไม่เห็นโทรมา นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว’
‘พอดีเห็นประกาศ เลยไม่รู้ว่าจะต้องโทรหาพี่อีกทำไมครับ’
‘พี่ดีใจนะที่น้องชีนมา’
‘ก็...อยากลองหาประสบการณ์ดูครับ’
‘ไปยืนตรงฉากสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปให้’
‘ถ่ายทำไมครับ’
‘ถ่ายเก็บไว้’
.
.
‘เสร็จแล้ว’
‘ขอดูหน่อยได้ไหมครับ’
‘มานี่สิ’
‘พี่เท่าฟ้าเก่งจัง ถ่ายสวยมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถ่ายผมออกมาดูดีได้ขนาดนี้’
‘เพราะชีนดูดีอยู่แล้วต่างหากล่ะ’
‘เว่อแล้วพี่ ผมไม่เห็นดูดีตรงไหนเลย เตี้ยก็เตี้ย ผิวก็ซีดอย่างกับกระดาษ’
‘แต่ตอนที่พี่ชมว่าดูดี ผิวชีนมีเลือดฝาดขึ้นมาเลยนะ...โดยเฉพาะตรงแก้ม’
‘มั่วแล้ว อย่าหลอกกันให้ยาก’
‘ไม่เชื่อก็ลองส่องเงาตัวเองในตาพี่ดูสิ’
‘บะ บ้าไปแล้ว ใครจะไปทำแบบนั้นกันละครับ’
















ลืมโทรศัพท์…


นี่คือสิ่งที่ชิโนรสเพิ่งคิดได้ในตอนที่พยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้การนั่งรถตามลำพังกับเท่าฟ้าอึดอัดไปมากกว่านี้


“ผมดีใจนะที่คุณรับทำงานนี้ คุณ...ชีน ใช่ไหมครับ ผมได้ยินคุณศุภกิจเรียกอย่างนั้น”


“ครับ” ครั้นจะรั้นให้เรียกด้วยชื่อจริงต่อไปก็เห็นจะดูหยิ่งไม่สมฐานะลูกจ้างสักเท่าไหร่ ชิโนรสจึงจำต้องยอมปล่อยเลยตามเลย


“คุณชอบฟังเพลงแบบไหน”


ชิโนรสเดาเอาว่าอีกฝ่ายเองก็คงอยากหาทางทำลายความเงียบในห้องโดยสารนี้เหมือนกัน ซึ่งการเปิดเพลงก็ดูเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องร่วมเดินทางกันนานแค่ไหนเช่นกัน “เปิดตามที่คุณชอบเถอะครับ”


“ได้ยังไง คุณต้องนั่งไปกับผมอีกนาน เปิดเพลงไม่ถูกจริตก็เบื่อแย่เลย”


“ผมฟังได้หมดครับ ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเพลงเท่าไหร่”


“อืม” นิ้วเรียวยาวเคาะพวงมาลัยอย่างคนใช้ความคิด ท่าทางที่ชิโนรสคุ้นเคยก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง “ถ้าอย่างนั้นเปิดจากแผ่นซีดีดีกว่า พอดีผมเป็นพวกไม่ชอบฟังโฆษณา ยิ่งขับรถนาน ๆ แบบนี้ยิ่งขยาดน่ะ”


แผ่นซีดี? สมัยนี้ยังมีใครฟังเพลงจากแผ่นซีดีในรถกันอีกเหรอ ไม่สิ! มันไม่มีใครไรท์เพลงใส่ซีดีกันแล้วด้วยซ้ำ...ถ้าไม่ใช่


“เดี๋ยวครับ!” ชิโนรสพบว่าตัวเองคิดช้าเกินไป แผ่นซีดีถูกใส่เข้าที่ทางที่เหมาะสมและกำลังทำหน้าที่ของมันเสียแล้ว


“ทำไมครับ”


“...ไม่มีอะไรครับ” ชิโนรสหลับตาลงอย่างอ่อนล้าพร้อมกับทำนองเพลงแรกของแผ่นเริ่มบรรเลง เพลงที่เขาจำได้ดีและสามารถบอกชื่อเพลงในแผ่นนี้ได้ทั้งหมดโดยเรียงลำดับได้ถูกต้องเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะฟังเป็นพันรอบแล้วก็ยังเป็นคนไรท์แผ่นเองอีกด้วย!



‘เธอคือความฝัน...ในใจฉัน...’



“เพลงเก่าหน่อย แต่เพราะทั้งนั้น”


“ครับ”


“ผมไม่แน่ใจว่าใครไรท์ให้ แต่ผมว่าผมน่าจะชอบฟังเพลงแผ่นนี้มาก”


คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองแทนคำถาม


“เมื่อสี่ปีก่อนผมเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ เพื่อนผมบอกว่าแผ่นเสียงนี้ติดค้างอยู่ในช่องเล่นซีดี ช่วงนั้นผมความจำเสื่อมแต่ยังเก็บมันเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานผมก็หายดี...แต่ก็นึกไม่ออกสักทีว่าใครให้แผ่นนี้มา”


“คุณอาจจะไรท์เองก็ได้”


“คงอย่างนั้นมั้งครับ”


“คุณชอบหนังเรื่องนี้รึเปล่า”


ชิโนรสหันมองคนถาม เลิกคิ้วแทนความสงสัย นึกเล่น ๆ ว่าเขาจะไล่ถามครบทุกเพลงเลยหรือไม่ เพราะเพลงในแผ่นนี้ล้วนเป็นเพลงประกอบหนังทั้งสิ้น


“เพลงนี้ประกอบหนังเรื่องนั้น”


“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ชอบดูหนังรัก”  ใช่เสียที่ไหน...เขาดูมันทุกเรื่องที่เลือกเพลงมาไรท์ใส่ซีดีนั่นแหละ ดูในโรงหนังบ้าง ซื้อแผ่นมาดูบ้าง แต่ล้วนแล้วดูกับคนข้าง ๆ ทั้งสิ้น


เท่าฟ้าเหยียดยิ้ม “ผมว่าเรื่องนี้มันเกินจริงไปสักหน่อย…” แม้อีกฝ่ายจะบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ดูแต่คนเปิดประเด็นยังคงพูดถึงหนังเรื่องนั้นต่อไป “ในความเป็นจริง ไม่มีใครรักกันมากพอจะอยากทนดูแลอีกฝ่ายที่เป็นเจ้าชายนิทราหรือแม้แต่คนไร้สมรรถภาพหรอก คุณว่าจริงไหม”


คนฟังกลืนน้ำลายหนืดลงคอ “คงจะอย่างนั้นมั้งครับ”


ชิโนรสเอ่ยขอบคุณในใจที่อีกฝ่ายไม่แสดงความเห็นต่อคำตอบของเขาอีก เพราะมันชักจะทำให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากกว่าก่อนเปิดเพลงเสียอีก



‘How long will I love you
As long as stars are above you
And longer if I can...’




“คุณเคยดูหนังเรื่องนี้ไหม”


ชิโนรสเผลอคิดว่าเท่าฟ้าจะเลิกชวนคุยเรื่องนี้ไปแล้ว เห็นเงียบไปนาน ไม่คิดว่าจะเปิดประเด็นด้วยคำถามเดิมขึ้นมาอีกครั้งในเพลงที่ห้า


“อ่า คงไม่ มันเป็นหนังรักนี่เนอะ” เท่าฟ้าสรุปเองเสร็จสรรพ ทว่าคราวนี้คำตอบของคนตัวเล็กกว่าเปลี่ยนไป


“เคยดูครับ มันไม่เชิงหนังรักเท่าไหร่”


“อืม คุณคงอยากย้อนเวลากลับไปได้เหมือนพระเอก” มันคือเรื่อง about time น่าจะเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่พวกเขาไปดูด้วยกัน พระเอกของเรื่องมักจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดอยู่เสมอ


“คงอย่างนั้นมั้งครับ”


ครั้งที่สองแล้วที่เท่าฟ้าได้ยินคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่เปิดเผยความรู้สึกของอีกฝ่าย


“แล้วถ้าย้อนกลับไปได้ คุณอยากกลับไปตอนไหนที่สุด”


“ตอนปีหนึ่งครับ” ชิโนรสตอบเสียงชัดเจนหนักแน่นเป็นครั้งแรก


“ทำไม อยากซิ่วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยติดตลก


“เปล่าครับ” เมื่อเห็นคนถามยังรอคำอธิบาย เขาจึงพูดต่อ “แค่ไม่อยากไปแคสต์ละครเวที”


...ไม่อยากตกหลุมรักคุณ


ชิโนรสรู้สึกว่าการขับรถของเท่าฟ้าสะดุดไปเล็กน้อยหลังคำตอบของตัวเอง


“ไม่อยากเล่นขนาดนั้นเลย?”


“ทำนองนั้นแหละครับ”


“เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเหรอ บทไม่ดีหรือคนดูไม่ชอบ ผมถามได้ไหม”


“ก็แค่ไม่อยากพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นครับ” อาจฟังดูเป็นคำตอบแบบขอไปที แต่ความจริงแล้วนี่คือเหตุผลที่แท้จริง เพราะถ้าจะให้ขยายความไปมากว่านี้ ชิโนรสคงต้องตอบอีกฝ่ายไปว่าเพราะไม่อยากรู้จักเขา



‘How long will I want you
As long as you want me to
And longer by far…’







ยังไม่ทันพ้นเขตกรุงเทพฯ ชิโนรสก็พอเดาได้แล้วว่าตนกำลังจะไปที่ไหน บ้านหลังนั้นคงตั้งอยู่ทางภาคตะวันออก ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ติดทะเลเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่รถปาเจโร่สปอร์ทสุดมาดแมนสมคนขับจะทะยานขึ้นโทลล์เวย์ คนขับก็หักพวงมาลัยเลี้ยวไปทางอื่นเสียก่อน



“ผมขอแวะทานอาหารเช้าก่อนแล้วกัน เมื่อเช้ารีบออกมายังไม่ทันหาอะไรรองท้อง”


ชิโนรสอยากจะตะโกนถามเสียเหลือเกินว่าถ้ารู้ตัวว่าเตรียมตัวไม่ทันทำไมไม่นัดสายกว่านี้อีกหน่อย ไม่ใช่พากันมาเสียเวลาระหว่างทางแบบนี้ ทว่าความเป็นจริงแล้วเขาก็ทำได้แค่ยอมรับพร้อมรอยยิ้มจอมปลอมเท่านั้น


ชิโนรสส่ายหัว ระอาใจคนที่พาตัวเองเข้าไปนั่งแทรกตัวในร้านติ่มซำรสเด็ดสไตล์จีนแท้ทั้งรสชาติและบรรยากาศ คนในฐานะลูกจ้างพับแขนเสื้อเชิ้ตลวก ๆ ขึ้นมาเลยข้อศอก ปลดกระดุมเสื้อเพิ่มอีกสองเม็ดเพราะอากาศอบอ้าวภายในร้านก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไป


“จะทานอะไรสั่งได้เลยนะคุณ มื้อนี้ผมเลี้ยง”


“ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว” อย่างน้อยอาหารเช้าที่ทานแบบเร่งรีบบนรถก็ช่วยให้เขารู้สึกอิ่มได้มากทีเดียวในตอนนี้


“ฮะเก๋าหน่อยไหม ร้านนี้กุ้งตัวใหญ่นะคุณ”


ชิโนรสมองหน้าคนเชื้อเชิญอย่างพิจารณา เขาแพ้กุ้ง แต่อีกฝ่ายคงจำไม่ได้ แน่สิ ‘พี่เท่าฟ้า’ ยังจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะจำได้ว่าเขาแพ้อาหารอะไรบ้าง “เชิญคุณเท่าฟ้าตามสบายเลยครับ”


“ไม่ชอบกุ้ง?”


“ไม่หิวครับ”


เท่าฟ้าไหวไหล่ พึมพำบางอย่างที่ชิโนรสได้ยินแว่ว ๆ เหมือนคล้ายจะเป็นการย้ำว่า ‘ชวนแล้วนะ’ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ชวนคุยอะไรอีกเลย คงจะหิวจริงอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ ติ่มซำสิบกว่าเข่งหมดในเวลาแค่ยี่สิบนาที ชิโนรสนั่งมองแล้วก็เผลอยิ้มออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหมดเร็วกว่านี้ด้วยจำนวนเข่งที่มากกว่านี้อีกเท่าตัวเพราะมีเขาแย่งทาน


แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะนั้นอีกแล้ว


ฐานะที่จะยื่นตะเกียบไปแย่งขนมจีบจากตะเกียบอีกฝ่ายเข้าปากตัวเองไปต่อหน้าต่อตาโดยที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะโวยวายเอาเรื่อง


“ยิ้มอะไร”


“คะ ครับ” น่าอายที่เผลอยิ้มจนถูกจับได้ คนเด็กกว่าร้อนรนรีบแก้ตัวในทันที “เปล่าครับ”


“ก็เห็นอยู่ว่าคุณมองผมแล้วยิ้ม”


“ผมแค่คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ได้มองคุณ”


“อ้อ อย่างนั้นเองเหรอ”


ชิโนรสเกลียดเวลาที่เท่าฟ้ามองมาด้วยสายตาที่สวนทางกับคำพูด ไม่รู้ว่าสี่ปีที่ไม่เจอกันอีกฝ่ายไปฝึกมาจากไหน มันทั้งกวนประสาทและทำให้คนมองถึงกับไปไม่เป็นได้ในเวลาเดียวกัน





กว่าจะถึงที่หมายตามอย่างที่ชิโนรสคาดการณ์พวกเขาก็ใช้เวลาระหว่างทางไปนานถึงสี่ชั่วโมง แน่นอนว่าคนที่ทานอาหารเช้ามาตั้งแต่ตอนแปดโมงย่อมรู้สึกหิวเป็นธรรมดา โชคดีที่อีกฝ่ายยังมีความปรานีพาแวะร้านอาหารเพื่อทานอาหารกลางวันที่ค่อยไปเกือบบ่ายสองเข้าให้แล้ว


“คุณไม่ชอบอาหารทะเลเหรอ” อาจจะแปลกไปสักหน่อยที่เข้าร้านอาหารตามสั่งริมหาดแต่สั่งข้าวผัดหมู


“ก็แค่อยากทานข้าวผัดหมูครับ”


ชิโนรสได้ยินเสียงจิ๊ปากดังมาจากอีกฝ่ายหลังคำตอบของตน พี่เท่าฟ้าที่เขารู้จักมักจะทำอย่างนั้นเวลาที่หงุดหงิดคำพูดไม่เข้าหู ร่างสูงคงกำลังหงุดหงิดมากที่เขาตอบโดยไม่ระบุความชอบส่วนตัวใด ๆ ให้รู้


ข้าวคำแรกยังไม่ทันเข้าปากโทรศัพท์ของเท่าฟ้าก็ดังขึ้นขัดพร้อมสีหน้าตึงเครียดหลังจากเจ้าของเครื่องคุยไปได้ไม่กี่คำ


“ต้องขอโทษด้วย แต่เราต้องรีบไปกันแล้ว” เท่าฟ้าบอกหลังจากวางสาย คนหิวโซอ้าปากค้าง มองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “น้องครับ รบกวนเอาอาหารพวกนี้ใส่กล่องให้หน่อยนะครับ”


ชิโนรสกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง มองตามจานข้าวที่ถูกยกออกไปตามคำสั่งของคนจ่ายเงินด้วยความอาลัย “เราจะรีบไปไหนกันครับ ผมขอเวลาแค่ห้านาทีไม่ได้เหรอ ผมทานข้าวเร็วมากนะคุณ ไม่ทำคุณเสียเวลานักหรอก”


“แต่ผมไม่อยากให้เธอรอนาน”




ความจริงแล้วชิโนรสควรจะตระหนักได้ว่าตนไม่ได้มีความสำคัญกับเท่าฟ้ามากพอจะต่อรองอะไรด้วยทั้งนั้น และก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าคนที่ร่างสูงไม่อยากปล่อยให้รอนั้นมีความสำคัญมากกว่าเขาขนาดไหน


“รอนานไหมครับน้องพลอย”


“ไม่นานหรอกค่ะ ดีนะคะที่พี่ฟ้านัดบ่ายสอง ถ้านัดเร็วกว่านี้พลอยคงมาไม่ทันแน่” เจ้าของชื่อเป็นสาวสวยหุ่นเพรียวบางและสูงราวกับนางแบบ ยิ่งเมื่อใส่ส้นสูงเช่นวันนี้เจ้าหล่อนก็ยิ่งสูงกว่าชิโนรสไปอีกสองถึงสามเซนฯเห็นจะได้


ชิโนรสหันมองคนตัวสูงข้างกาย นอกจากจะนัดคนอื่นมาด้วยแล้วก็ยังตั้งใจนัดเวลานี้ด้วยราวกับว่าช่วงเวลาที่เสียไปตามรายทางนั้นคือตั้งใจให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้


“นี่คุณพลอย เจ้าของบ้านหลังนี้”


ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเจ้าของบ้านต่างหาก


“สวัสดีครับ” ชิโนรสไม่ได้ยกมือไหว้ เขาแค่ค้อมศีรษะน้อย ๆ เมื่อประเมินแล้วว่าน่าจะรุ่นเดียวกันหรือไม่เขาอาจจะแก่กว่าเธอด้วยซ้ำ


“ส่วนนี่คุณชิโนรสครับ ดีไซเนอร์ที่จะมาช่วยให้บ้านของน้องพลอยสวยสมใจ”


“ใช่บ้านของพลอยคนเดียวซะที่ไหนกันละคะ” เธอว่าพร้อมวาดมือไปเกาะแขนเท่าฟ้าด้วยท่าทีเขินอาย


อ่า...ไม่ใช่แค่เจ้าของบ้าน แต่เป็นเจ้าของคนข้าง ๆ เขาด้วย


และบางที...บ้านหลังนี้อาจจะเป็นเรือนหอตากอากาศของคนทั้งคู่ก็เป็นได้


“คุณชิโนรสมีชื่อเล่นไหมคะ พลอยขออนุญาตเรียกเพื่อความคล่องตัวในการคุยงานนะคะ”


“ผมชื่อชีนครับ”


เธอยิ้มรับ เป็นยิ้มหวานที่มองแล้วเพลินตาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเนื้อแท้ของเธอดีเหมือนรอยยิ้ม เขาคงสบายใจที่เท่าฟ้ามีเธออยู่เคียงข้าง


เหมาะสมกันดีแล้วจริง ๆ


“พลอยต้องขอโทษคุณชีนไว้ก่อนเลยนะคะที่ต้องให้เดินทางมาไกลแต่พลอยดันมีเวลาให้แค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ” ...ไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ


เพื่อไม่เป็นการเสียเวลามาก หญิงสาวเจ้าของบ้านก็เริ่มเดินนำสองหนุ่มชมรอบบ้าน โครงเดิมเป็นบ้านไม้สีขาวดูสะอาดตาโปร่งโล่งรับลมทะเลได้ดีทีเดียว แต่สาวเจ้ากลับไม่ชอบใจนัก เธอเล่าว่าแพลนจะเปลี่ยนให้กลายเป็นตัวบ้านแบบทันสมัย จากชั้นเดียวแบบยกพื้นสูงก็กลายเป็นชั้นครึ่ง ชิโนรสฟังผ่าน ๆ หูตั้งแต่ที่ได้ยินเธอบอกว่าจะเปลี่ยนแบบบ้านแล้ว รู้สึกเสียเวลาที่มาในวันนี้เนื่องจากยังไม่สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปทำงานได้มากสักเท่าไหร่ แค่แจ้งงานผ่านอีเมลว่าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูทันสมัยเข้ากับบ้านพักตากอากาศริมทะเลพร้อมส่งแปลนบ้านและโมเดลมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว


ความจริงก็น่าจะปล่อยให้เขาแวบไปทานข้าวเสียหน่อยคงมีประโยชน์มากกว่า


ชิโนรสยกกล้องที่หยิบติดตัวมาถ่ายมุมนั้นมุมนี้ของบ้านไปเรื่อย ที่ถ่ายเก็บไว้เพราะความชอบส่วนตัวล้วน ๆ ไม่ได้จะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้เลยสักนิด เดินดูไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากคนตัวสูง เมื่อหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ


“ขำอะไรครับ” ในตอนนั้นเองที่ชิโนรสรู้ตัวว่าคุณพลอยไม่ได้ยืนอยู่ในบริเวณนี้ด้วยกันแล้ว


“หน้าคุณตลกดี” เท่าฟ้าไม่ได้บอกเล่าเพียงอย่างเดียวแต่ยังหันจอของกล้องตัวเองมาให้ดูอีกด้วย


เขายังถ่ายรูปสวยเสมอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะหน้าตัวเองที่อยู่ในรูปนั้นมันเกินคำว่าตลกไปมากโขแล้ว


“ถ่ายทำไมเนี่ยคุณ น่าเกลียด ลบเดี๋ยวนี้เลยนะครับ” คนในรูปลืมตัว เผลอยื่นมือไปหมายจะเยื้อแย่งโดยไม่ทันคิดว่าตนเป็นแค่ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์จะแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกไป


“น่าเกลียดตรงไหน ออกจะน่ารัก” เจ้าของกล้องยังส่งเสียงขบขันไม่หยุด


“ตลกเท่ากับน่ารักที่ไหนละครับ ลบเถอะครับคุณเท่าฟ้า”


ดูเหมือนคนทั้งคู่ต่างก็ลืมสถานะของตัวเองไปเสียสนิท เห็นคนตัวเล็กพยายามเยื้อแย่งกล้องในมือคนตัวโตก็ยิ่งสนุก ใช้ความได้เปรียบของแขนยืดจนสุดแกล้งอีกเพิ่มจนอีกฝ่ายต้องเขย่งปลายเท้าเต็มกำลัง


“เล่นอะไรกันคะหนุ่ม ๆ” เสียงของหญิงสาวทำเอาคนทั้งคู่เสียหลัก คนตัวโตไม่มีปัญหาเพราะยืนเต็มเท้ามั่นคงพอ แต่กับคนที่ยืนบนปลายเท้าเพราะเขย่งสุดตัวเกือบล้มข้อเท้าพลิกถ้าไม่ได้อีกคนกอดร่างรั้งเอาไว้เพื่อเพิ่มจังหวะเท้าแตะพื้นได้นุ่มนวลขึ้น


ชิโนรสมองคนที่กอดตนไว้หน้าตื่น รีบเอ่ยขอบคุณแล้วดันตัวออกห่างทันทีก่อนถอยเว้นระยะเพิ่มไปอีกสามก้าวราวกับเพิ่งต้องของร้อน


“ว่ายังไงคะ พี่ฟ้าแกล้งอะไรคุณชีนรึเปล่า”


“แกล้งที่ไหนกันละครับ ไปเดินดูนอกบ้านกันหน่อยไหมน้องพลอย”


ชิโนรสหันหน้าหนีในตอนที่ชายหนุ่มโอบเอวเธอเพื่อเดินออกจากห้องโถงตรงนี้ไป ไม่เจอกันมานานตั้งสี่ปี ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังมีอิทธิพลต่อหัวใจตัวเองได้ขนาดนี้


ชิโนรสถ่ายรูปภายในตัวบ้านอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินตามสองหนุ่มสาวออกไป แดดทะเลตอนบ่ายแก่แบบนี้อาจจะทำให้หลายคนไม่ชอบเพราะมันทำร้ายผิวสวย ๆ จนเสียหมด แต่กับคนที่มีผิวขาวซีดอย่างชิโนรสกลับชอบเสียอีกที่มันทำให้เขามีผิวที่สีเข้มขึ้นบ้าง แม้จะได้แค่ไม่กี่วันก็ตาม


เป็นอีกครั้งที่ชิโนรสเห็นเท่าฟ้ายืนถ่ายรูปอยู่ตามลำพังโดยไร้เงาของสาวเจ้าของบ้าน เพียงแต่ในตอนนี้ร่างสูงไม่ได้ถ่ายตัวบ้าน แต่กำลังถ่ายวิวทะเลอย่างตั้งอกตั้งใจ


รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นมุมปากยามได้เห็นร่างสูงตรงหน้าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ชอบ คนแอบมองรู้สึกสุขใจตามไปด้วยจนอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพตรงหน้าเอาไว้


เท่าฟ้าเลื่อนตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ตายังแนบวิวไฟน์เดอร์เพื่อมองทัศนียภาพผ่านเลนส์ ในจังหวะที่รองเท้าหนังแบรนด์ดังกำลังยกย่างไปทางซ้ายอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเหยียบสิ่งของอันตรายเข้าให้



“พี่ฟ้า!! ระวัง!!”



เสียงร้องเตือนด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อหยุดเคลื่อนไหวด้วยความแปลกใจ ซ้ายมือเป็นหญิงสาวเจ้าของบ้าน ขวามือเป็นลูกจ้างหนุ่มที่มาด้วยกัน


“ตรงนั้นมีเศษขวดแก้วเต็มเลยครับ คุณเท่าฟ้าถอยมาด้านนี้ดีกว่า”


เท่าฟ้าก้มลงดูที่เท้าก็พบว่าจริงตามที่ชิโนรสบอก ช่วงระหว่างที่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่คงมีคนเอาเศษขวดเบียร์มาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเขาเผลอเหยียบเข้าไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพื้นรองเท้าหนังราคาแพงจะช่วยป้องกันได้มากแค่ไหน


“ถ่ายเพลินอะไรกันขนาดนั้นคะพี่ฟ้า” พลอยเดินเข้ามาใกล้ เมื่อถึงตัวก็ก้มดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ


“ก็วิวสวยนี่ครับ”


“จะกดรัวอะไรขนาดนั้นละคะ พี่ฟ้านี่ไม่เคยระวังเลย ถ้าไม่มีพลอยคอยเตือนนะสงสารคุณป้าแย่เลย”


“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เตือนพี่ไปตลอดนะครับ” เท่าฟ้าวางมือบนศีรษะของเธอแล้วโยกไปมาอย่างออดอ้อน


ไม่รู้เวรกรรมอะไรของชิโนรสที่ต้องมาทนยืนดูภาพคู่รักสวีทกัน แดดร้อน ๆ นี่ก็ชักจะไม่น่าพิสมัยเสียแล้ว ชักอยากจะหลบเข้าไปอยู่ในบ้านเต็มที คนหน้าอ่อนกว่าวัยมารู้สึกหมดเวรหมดกรรมก็ตอนที่สาวเจ้าบอกลาเพราะต้องรีบไปดูอีกหนึ่งโครงการที่จังหวัดใกล้เคียงกัน มารู้ตอนนั้นเองว่าเธอเป็นทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่...ช่างบังเอิญเข้ากันได้ดีกับคนทำงานอินทีเรียเสียจริง


“มองอะไร” เท่าฟ้าถามคนที่เอาแต่จ้องหน้าตัวเองหลังจากพลอยขับรถออกไปแล้ว


“ผมทานข้าวได้รึยังครับ”


เท่าฟ้ายิ้มขำ ดูก็รู้ว่านัยน์ตาใสแจ๋วเหมือนเด็กน้อยนี่ต้องการคำตอบแบบบไหน “จะรออะไรอยู่ล่ะ”


ข้าวผัดที่ทั้งเย็นทั้งแข็งไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนหิวโซที่เดิมทีก็ไม่ได้ทานยากทานเย็นอะไรอยู่แล้วอย่างชิโนรส สองแก้มพองอูมเพราะเจ้าตัวเร่งยัดอาหารเข้าปากแต่เคี้ยวไม่ทัน


“ทานช้า ๆ อย่ามูมมาม” เสียงทุ้มเอ่ยดุ


ชิโนรสรีบเคี้ยวรีบกลืนก่อนเอ่ยขอโทษออกมาเมื่อข้าวหมดปากแล้ว


“คุณชีน”


“ครับ” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรับข้าวคำใหม่เข้าปาก ไม่ทันคิดว่าจะสำลักเพราะคำถามต่อมาจากคนตรงหน้า




“เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า”




เท่าฟ้าเชื่อว่าตนฟังไม่ผิด ในตอนที่ได้ยินเสียงเรียกตนเองว่า ‘พี่ฟ้า’ เมื่อครั้งกำลังจะเหยียบเศษแก้ว ไม่ได้มีแค่เสียงของหญิงสาวแน่!!











TBC.
-------------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #11 เมื่อ08-07-2018 20:30:35 »

ดูหน่วงๆนะ เอ พี่ฟ้าเหมือนจะจำได้แต่ก็จำไม่ได้  :katai1:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #12 เมื่อ08-07-2018 20:52:34 »

น่าติดตามมากค่ะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #13 เมื่อ08-07-2018 21:51:47 »

ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ oily06

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #14 เมื่อ09-07-2018 00:08:41 »

พี่ฟ้าเหมือนจะจำชีนได้นะ โกรธอะไรน้องรึเปล่า?
เนื้อเรื่องหน่วงๆอ่านแล้วแน่นหน้าอกแปลกๆ
เราทั้งชอบและไม่ชอบนิสัยชีน เราชอบให้นายเอกปกป้องความรู้สึกตัวเองแบบนี้นะ แต่ก็ไม่ชอบที่ยังเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวเองมากเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเอกขี้ประชดแบบพี่ฟ้าเนี้ย ขอให้ตอนหลังมาเจ็บหนักๆหน่อยเถอะค่ะ มีอะไรไม่พูดกันดีๆ เห้ออ
รอติดตามนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #15 เมื่อ09-07-2018 00:10:23 »

โอ้ยติดตามทำไมเลิกกันคะ​ ความจำเสื่อมแล้วโดนกีดกั้นรึป่าวน้องชีนเลยต้องถอยออกมา​พี่ฟ้าแอ๊บลืมแน่เลย

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #16 เมื่อ09-07-2018 19:18:52 »

 :ling1: หน่วงๆ แต่ชอบ ฮ่าๆๆๆ
ชอบความแฟนเก่า รักเก่า  ฮืออออ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #17 เมื่อ10-07-2018 18:35:04 »

สงสารชีน ทำไมถึงเลิกกับพี่ฟ้าล่ะ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
«ตอบ #18 เมื่อ10-07-2018 19:26:14 »

ตกลงพี่ฟ้าจำได้จำไม่ได้กันแน่อะ หน่วงๆ อยากรู้ว่าเลิกกันเพราะอะไร

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #19 เมื่อ31-07-2018 11:47:38 »

คนไม่มี ‘สิทธิ’

ตอนที่ 3







‘พี่เท่าฟ้า พี่เท่าฟ้า พี่เท่าฟ้า’
‘นี่พี่ล้อเลียนผมเหรอ’
‘ก็เรียกชื่อจริงอยู่นั่น ไหนลองเรียกว่าพี่ฟ้าซิ’
‘พี่ฟ้าซิ’
‘กวนตีนเหรอเรา’
‘ฮ่า ๆ ๆ ก็พี่ล้อผมก่อนนี่’
‘เอาคืนเหรอ เดี๋ยวจะโดนดี’
‘กลัวแล้วคร้าบบบบ กลัวแล้ว’
‘ถ้ากลัวก็รีบเรียกว่าพี่ฟ้าซะไอ้น้อง’
‘...พี่ฟ้า’
‘อ่า...ชื่นใจ’











เกือบห้าโมงเย็นแล้วแต่ฮิโรชิก็ยังไม่เห็นน้องชายคนสนิทกลับมา เขามานั่งรออยู่ตั้งแต่บ่ายสาม เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวลุกอยู่ตรงโต๊ะทำงานของชิโนรสด้วยความร้อนรนจนเพื่อนร่วมแผนกของคนน้องไม่เป็นอันทำงาน แต่ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่า นอกจากปอที่แทบจะด่ากราดแบบไม่ไว้หน้า


“ผมจะพูดอีกเป็นครั้งที่ร้อยนะคุณพระเอกดัง ถ้ายังไม่นั่งนิ่ง ๆ ก็ลงไปรอที่ร้านกาแฟ”


“ขอโทษครับ แต่ถ้าชีนมาถึงแล้วผมจะไม่รู้”


“ผมจะบอกให้มันลงไปหาทันทีเลย” แม้ปอจะไม่เข้าใจว่าพ่อพระเอกดังจะร้อนรนอะไรหนักหนากับแค่เจ้าชีนมันออกไปดูงานนอกสถานที่กับลูกค้าแล้วลืมโทรศัพท์เอาไว้ แต่เขาก็รับปากด้วยความจริงใจเพราะหวังอยากได้รับความสงบคืนมา


“ขอโทษจริง ๆ ที่ต้องอยู่รบกวนคุณตรงนี้ ผมจะนั่งให้นิ่งกว่าเดิมแล้วกันครับ” ไม่มีทางลงไปรอข้างล่างเด็ดขาด เขาต้องได้เจอชิโนรสโดยเร็วที่สุด ไม่อยากรอให้น้องลงไปหา แบบนั้นไม่ดีแน่


“ในเวลาก็ทำงานไม่ได้ โอทีก็ยังไม่ได้ทำงานแบบสบายใจอีก เอาเข้าไป!” ปอบ่นกับลูกน้องเสียงไม่เบานัก ตั้งใจจะให้แขกไม่ได้รับเชิญได้ยินด้วย


ฮิโรชิเอ่ยขอโทษอีกครั้งก่อนบังคับตัวเองให้นั่งนิ่ง ๆ แต่ยังคงหันหน้าจดจ่ออยู่ตรงประตูด้วยหวังจะเห็นน้องรักเดินเข้ามาเสียที


เข็มยาวของนาฬิกาหมุนวนอยู่เกือบสองรอบ ร่างบางของคนที่รอคอยจึงปรากฏขึ้นในกรอบสายตา


“ชีน!!”


เก้าอี้หมุนแทบกระแทกโดนปอเมื่อคนข้าง ๆ ลุกพรวดพร้อมระดับเสียงที่ใกล้เคียงกับคำว่าตะโกน


“พี่ชิ!” จะไม่ตกใจสักนิดถ้าเจอกันในวันอื่น ไม่ใช่วันที่ ‘ลูกค้า’ รายใหม่เดินตามหลังเข้ามาด้วย นึกโทษตัวเองอยู่ในใจว่าลืมไปได้อย่างไรว่าวันนี้ฮิโรชิจะมารับกลับบ้าน


แต่ดูเหมือนจะคิดช้าเกินไปจริง ๆ เพราะสีหน้าของพี่ชายคนสนิทบ่งบอกได้ดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นแล้ว


“เอ่อ คุณเท่าฟ้าจะหาบอสใช่ครับ ตอนนี้น่าจะรออยู่ในห้องแล้ว” ก่อนมาถึงนี่เท่าฟ้าโทรมาบอกเจ้านายเขาไว้แล้วว่าจะเข้ามาปรึกษางานด้วย ซึ่งแม้จะมาถึงในช่วงพลบค่ำแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเพราะวันนี้มีโอที


เท่าฟ้าไม่ได้เก็บคำพูดของคนตัวเล็กมาใส่ใจ เพราะมัวแต่มองร่างสูงของคนที่ยืนซ้อนหลังอีกฝ่ายอยู่มากกว่า รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นอย่างมีเลศนัย “ผมรู้จักคุณ”


คนถูกทักจ้องตาโต ทั้งมึนงงและสับสนกับคำทักทาย


“เขาเป็นดารา...ใช่ไหมครับ” ท้ายเสียงเท่าฟ้าเลื่อนสายตามามองสบคนตัวเล็กพร้อมรอยยิ้มที่คาดเดาอะไรไม่ได้


“แม่ผมชอบคุณมาก”


คนถูกชมอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินอย่างนั้น “แม่คุณน่ะเหรอชอบผม”


“ครับ...ผมรู้จักคุณน่ะไม่แปลก แต่คุณมองผมเหมือนคุณเองก็รู้จักผมเหมือนกัน...หมายความว่ายังไงเหรอครับ”


นานหลายอึดใจที่ทั้งสองเอาแต่จ้องตากันโดยไม่รับรู้ถึงความร้อนใจของคนกลางอย่างชิโนรส อยากจะชิงตอบออกไปเสียเองว่าไม่รู้จักเพราะกลัวว่าคนพี่จะพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป ในจังหวะนั้นเองที่แขนเล็กถูกคว้าไว้โดยคนข้างหลังคล้ายต้องการเบรกก่อนจะให้คำตอบแก่คนถาม “ผมแค่รู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นคุณเดินมากับเขา”


นัยน์ตาคมเหลือบมองมือหนาที่จับแขนของลูกจ้างตัวขาวของตนแล้วประเมินระดับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ “ไม่ชอบใจ?...ในฐานะอะไรเหรอครับ”


“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”


“อ้อ คุณเป็นดาราดังนี่ คงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกคุณสินะครับ ขอโทษที” ไม่เพียงแต่บอกพระเอกดัง แต่คำขอโทษยังถูกส่งถึงคนตัวเล็กด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความจริงใจในคำพูดอีกด้วย


“ผมไม่คิดจะปิดบัง ถ้านักข่าวถามผมก็จะตอบ แต่ถ้าไม่มีใครถาม ผมก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศไม่ใช่เหรอครับ”


“อ้าวเจ้าชีน กลับมาแล้วเหรอวะ” ชิโนรสอยากจะขอบคุณเจ้านายที่เคารพรักเสียเหลือเกินที่เข้ามาในจังหวะที่ตนเหมือนเป็นใบ้ได้ทันท่วงที ขืนให้ยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้มีหวังความลับต้องแตกในเร็ว ๆ นี้แน่ “พาลูกน้องผมไปตั้งแต่เช้ายันค่ำเชียวนะครับคุณเท่าฟ้า”


เท่าฟ้ายิ้มให้ศุภกิจแต่เผื่อแผ่ไปยังคนถูกพาดพิงด้วย “ลูกน้องคุณศุภกิจเลี้ยงง่ายดีนะครับ แค่ให้ทานข้าวก็ยอมหมดทุกอย่างเลย”


คำตอบที่คนถูกพาดพิงรู้สึกเกินจริงไปเสียหน่อยแต่กลับทำเอาศุภกิจหัวเราะร่วน “นั่นแหละครับเจ้าชีน เรื่องกินเรื่องใหญ่”


“ผมว่าบอสพาคุณเท่าฟ้าไปคุยต่อในห้องดีกว่านะครับ และผมคงต้องขอลากลับก่อนเลย สวัสดีครับ” ไม่ทันได้ว่าอะไร ลูกน้องตัวดีก็จับจูงคนของตัวเองออกไปเร็วไว แต่ยังไม่น่าฉงนเท่าสีหน้าของลูกค้าหนุ่มที่หน้านิ่วคิ้วขมวดผิดกับเมื่อสองสามนาทีก่อนที่ยังยิ้มแย้ม









ในห้องโดยสารรถหรูเต็มไปด้วยความอึดอัด ชิโนรสรู้ตัวว่ากำลังถูกฮิโรชิจ้องหน้า และเขาก็รู้ดีว่านี่คือการรอคอยให้เขาเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดโดยเร็วที่สุด


“เขาเป็นแค่ลูกค้าของบริษัทครับ และ...ชีนต้องทำงานร่วมกับเขา”


“ไปถอนตัวซะ”


“ไม่ได้หรอกครับ เขาระบุว่าต้องเป็นผม เราแค่ร่วมงานกัน เขาจำชีนไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“เหอะ! ตลกแล้วชีน จำไม่ได้แต่ระบุตัวว่าต้องเป็นชีนเท่านั้นน่ะเหรอ”


“เขาแค่ชอบผลงานของผม”


“ชีน หมอนั่นจำทุกอย่างได้หมด ไม่มีทางที่เขาจะลืมแค่ชีนกับคนรอบข้างชีนหรอกนะ”


“ชีนอาจจะเป็นความทรงจำเลวร้ายในชีวิตของเขาก็ได้ครับ เขาก็เลยลืมไปหมด ถ้าจำกันได้ เขาจะรอถึงสี่ปีแล้วค่อยมาปรากฏตัวเหรอครับ...เขาก็คงจะลืมผมจริง ๆ นั่นแหละ” ประโยคหลังที่แม้จะแผ่วเบาคล้ายปลอบใจตัวเองแต่ทว่าดังมากพอจะสร้างความเจ็บปวดให้คนฟัง


“ไปถอนตัวซะ” ฮิโรชิยังยืนยันคำเดิม


“ผมไม่อยากทำอย่างนั้นให้บอสเสียงาน คนอื่นจะสงสัยเอาได้ มันไม่มีเหตุผลมากพอที่ผมจะไปอ้างกับบอสหรอกนะครับ”


“ไม่มีทางที่แม่ลินดาจะยอม”


“อย่าให้แม่รู้นะครับ” น้องกอดแขนเขาอย่างอ้อนวอน “นะครับพี่ชิ งานนี้ไม่นานหรอกครับ ฝ่ายนั้นเองก็เร่งวันเร่งคืนอยู่เหมือนกัน นะครับพี่ชิ ชีนขอ”


“...”


“พี่ชิก็รู้ว่าชีนไม่มีทางกลับไปรักเขาอีกแล้ว”


พระเอกหนุ่มหันมองหน้าน้อง ความปวดร้าวทั้งหมดถูกปิดซ่อนด้วยแววตาของความห่วงใยด้วยศาสตร์การแสดงที่ร่ำเรียนมา


“ไม่เจ็บรึไงที่อยู่ใกล้เขา”


คนเป็นน้องส่ายหน้ายิ้มบาง ทั้งขมขื่นและฝืดฝืนในความรู้สึกคนมอง “ผมเจ็บแล้วจำครับ”


ฮิโรชิถอนหายใจ จนปัญญาจะห้ามเด็กดื้อที่เอาชนะเขามาได้ตลอดตั้งแต่เด็กจนโต


รถสปอร์ทสีแดงเพลิงพุ่งทะยานออกสู่ถนนใหญ่พร้อมใจสองดวงที่กำลังสั่นไหว


ชิโนรสหลับตา ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับเท่าฟ้ามาก็ยิ่งไม่สบายใจ




‘เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า’

ทั้งที่หิวจนไส้แทบขาดและเพิ่งทานไปได้แค่ไม่กี่คำแต่ชิโรนสก็เริ่มรู้สึกว่าข้าวผัดหมูชักจะไม่อร่อยเสียแล้ว

‘ไม่เคยครับ’

เท่าฟ้าขมวดคิ้ว ‘แต่คุณเรียกผมว่าพี่ฟ้า’

‘ตอนไหน?!’

ร่างสูงหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิด ยิ่งคนตัวเล็กหน้าตาตื่นก็ยิ่งน่าสงสัย ‘ตอนที่คุณบอกให้ผมระวัง’

‘ผมไม่ได้พูด’ คนถูกกล่าวหาท้วงทันควัน ‘ผมแค่บอกให้คุณถอยออกจากตรงนั้น’

‘...’

‘คุณพลอยต่างหากที่เตือนให้คุณระวัง’

‘...’

‘จริง ๆ นะ’

‘คุณชีน’

‘ผมไม่ได้เตือนคุณเลยสักนิด’

‘ใจเย็น ๆ สิ’ เท่าฟ้าจ้องนัยน์ตาใสที่ตื่นตระหนกตลอดที่อธิบายจนเริ่มสงบลง ‘ผมไม่ได้บอกซักหน่อยว่าคุณโกหก’

‘ล...แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าได้ยินเสียงผมล่ะ’

‘ก็ผมคิดว่าได้ยินจริง ๆ นี่...แล้วทำไมคุณต้องลนลานขนาดนั้นด้วย’

‘ก็...ก็ผมกลัวคุณเท่าฟ้าเข้าใจผิดแล้วหาว่าผมปีนเกลียวไงครับ’

‘ผมไม่ใช่คนใจแคบเจ้ายศเจ้าอย่างหรอกครับ’

‘ครับ’ คนตัวขาวพึมพำรับแล้วก้มหน้าก้มตาหมายจะใช้การรับประทานอาหารเป็นการหลบสายตา

‘ผมแค่คิดว่าบางทีเราอาจจะรู้จักกันมาก่อนจริง ๆ’

‘อะแค่ก อะแค่ก’


ข้าวติดคอจนได้ ชิโนรสโก่งคอไอ พ่นข้าวบางส่วนทิ้งลงพื้นหญ้า รู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ตักคำเล็กเพราะแค่อยากหลบสายตาเท่านั้น

‘น้ำครับ’

ชิโนรสผงกศีรษะน้อย ๆ แทนคำขอบคุณ รีบรับขวดน้ำมาดื่มโดยมีคนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ลูบหลังให้...อย่างอ่อนโยน

ชิโนรสเจ็บใจตัวเองที่ยังเผลอคิดว่าการกระทำนั้นช่างอ่อนโยนไม่ต่างจาก ‘พี่ฟ้าของเขา’ เลยสักนิด ทั้งที่ความจริงแล้วนี่คือ ‘พี่ฟ้าของคุณพลอย’ ต่างหาก

เมื่ออาการดีขึ้นคนตัวขาวก็อยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายด้วยการชวนขึ้นรถเพื่อรีบกลับกรุงเทพฯ แต่เขาก็ยังช้ากว่าเท่าฟ้าอยู่อีกหนึ่งก้าว

‘ผมเคยความจำเสื่อม’

ชิโนรสจ้องหน้าคนพูดนิ่ง ถ้าอยากจะพูดถึงนักเขาก็จะไม่เลี่ยงอีกแล้วก็ได้ ‘คุณเคยบอกผมแล้ว และนั่นหมายความว่าตอนนี้คุณจำได้หมดแล้ว...ทำไมถึงคิดว่า...ร...เราอาจจะรู้จักกันละครับ’

‘ผมรู้สึกว่าตัวเองยังจำได้ไม่หมด มีบางคนที่ยังถูกขังอยู่ในความทรงจำครั้งเก่า’

คนถูกขังมันเจ็บปวดอย่างนี้เองหรือ

‘คุณเท่าฟ้ารู้จัก theory of natural selection ไหมครับ ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติอ่ะ มันอาจจะไม่ตรงนักนะครับ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณก็คือกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติเหมือนกัน ธรรมชาติคัดให้คุณแล้วว่าใครควรจะยังอยู่ในชีวิตของคุณต่อไป’

‘...’

‘อย่าพยายามตามหาพวกเขาที่ถูกขังอยู่ในความทรงจำของคุณเลยครับ...มันไม่มีประโยชน์หรอก’

‘...’

‘...’

‘อย่างนั้นเหรอ เราไม่ควรกลับไปจำกันได้สินะ’






เราไม่ควรจำกันได้…



“ถึงบ้านแล้วชีน”


เสียงทุ้มนุ่มดังปลุกอยู่ข้างหู ชิโนรสครางอือในลำคอ กระพริบตาปริบ ๆ สองถึงสามทีก่อนลืมตาขึ้นมองความมืดมิดนอกรถ สะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุนเพื่อรับรู้ว่าตนเผลอหลับไปนานแค่ไหน ความเป็นจริงอยู่ตรงหน้าแต่กลับภาวนาให้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงแค่ฝันไปเมื่อครู่เท่านั้น ทว่าสีหน้าหนักใจจากเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ของฮิโรชิไม่ได้บอกเขาแบบนั้น


เขาได้เจอเท่าฟ้าแล้วจริง ๆ


“รีบลงไปกันเถอะ” ฮิโรชิยื่นมือไปเช็ดหน้าเช็ดตาคนน้องด้วยสีหน้าอมทุกข์อย่างปิดไม่มิด “คุณแม่ลินดารอทานข้าวนานแล้ว”


“อย่าลืมเรื่องที่ชีนขอนะพี่ชิ” ชิโนรสจับมือหนาไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าของมันจะชิงออกจากรถไปก่อน รอจนกระทั่งได้ยินคำตอบรับกลับมาจึงยอมปล่อยมือแม้จะเป็นเพียงแค่เสียงครางอือกับการพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาก็จะถือว่าคนพี่ได้ให้คำมั่นสัญญาแล้ว


ชิโนรสปรับสีหน้าแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นคุณแม่บุญธรรมออกมายืนรอรับอยู่ที่ประตูบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดูออกว่าเด็กในปกครองเหนื่อยมากแค่ไหน “วันนี้เหนื่อยมากเลยเหรอเรา หื้ม”


คนเป็นลูกรุดเข้าไปสวมกอดอย่างออดอ้อน เมื่อไม่ต้องมองสบกันแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดความเหนื่อยล้าและความกังวลใด ๆ บนใบหน้าอีกแล้ว


“ลูกค้าเขาพาเราไปถึงไหนล่ะวันนี้”


ชิโนรสมองสบฮิโรชิที่มองมาอย่างต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน “สัตหีบครับ”


“เพิ่งกลับมาถึงด้วยเลยสิท่า ไปล้างหน้าหน่อยไปจะได้มาทานข้าวกัน”


“ครับ” ชิโนรสหอมแก้มเธอก่อนผละออกไป แต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงักแล้วหันกลับมามองอีกสองคนเพราะคำถามต่อมาของเธอ “ชิเป็นอะไรรึเปล่าลูก วันนี้หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า”


ชิโนรสกลืนน้ำลายด้วยความลุ้นระทึก


“ไม่มีอะไรครับ แค่รถติดมากผมเลยเหนื่อยนิดหน่อย” ต่อเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ชิโนรสถึงได้ยอมเดินออกจากตรงนั้นพร้อมคนพี่ที่โดนลินดาไล่ไปล้างหน้าด้วยกัน


คืนนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังเต็มไปด้วยความสุขและความสนุกเช่นทุกครั้ง ลินดาจับสังเกตไม่ได้ว่าลูกชายบุญธรรมของเธอและพี่ชายคนสนิทของเขามีเรื่องไม่สบายใจอะไรปกปิดเธออยู่ รอยยิ้มของลูกชายที่แม้ไม่สดใสเท่าเดิมด้วยอาจเป็นเพราะความเหนื่อยและเพลียแดดทะเล ส่วนคนพี่ นอกจากทำงานหนักมาเจอรถติดแล้วก็คงอาจจะครุ่นคิดถึงบทละครเรื่องใหม่อยู่ก็เป็นได้


เพราะสี่ปีมานี้ครอบครัวของเธอสงบสุขมากอย่างที่ไม่มีเรื่องมากวนใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว


ไม่ทันคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเคยคิดว่าคือ ‘มหันตภัย’ กำลังจะกลับมาเยือนลูกชายของเธออีกครั้ง







(มีต่อนะคะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-07-2018 11:47:38 »





ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #20 เมื่อ31-07-2018 11:48:24 »



ชิโนรสไม่รู้ว่าเมื่อวานเท่าฟ้าคุยอะไรกับเจ้านายตนบ้าง แต่สาเหตุของการที่ตนถูกยกเลิกงานทั้งหมดในมือต้องเป็นผลมาจากผู้ชายคนนั้นไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน


“ผมว่าผมยังทำงานอื่น ๆ ควบคู่ไปกันได้นะครับบอส”


“กูเข้าใจ แต่ทางโน้นเขาขอมา เขาอยากให้มึงฟูลไทม์ให้กับงานเขา ง่าย ๆ เลยคือช่วงเดือนสองเดือนนี้คนที่มึงต้องอยู่ด้วยมากที่สุดคือเขาไม่ใช่กูหรือไอ้ปอ” ศุภกิจเอนหลังพิงพนักอธิบายด้วยท่าทีผ่อนคลาย


“แล้วงานคุณนพละครับ เรารับปากเขาแล้วนะครับว่าผมจะเป็นคนทำให้” ยกงานคนอื่นมาเถียงก็คงไม่มีประโยชน์เพราะโปรเจคส่วนใหญ่ยังไม่มีกำหนดเริ่มเร็ว ๆ นี้ แต่กับลูกค้ารายนี้ที่ทำสัญญากันไปแล้วว่าเขาจะเป็นคนรับผิดชอบให้ตามที่ลูกค้าต้องการ ดูน่าจะพอต่อรองกับเจ้านายได้อยู่บ้าง


“ไม่ต้องห่วง งานนี้คุยง่าย กูบอกเขาไปแล้วว่าจะให้อินเทิร์นทำงานภายใต้การดูแลของมึงแทน”


คนเป็นลูกน้องถอนหายใจ “คุณเท่าฟ้าเขาจ่ายหนักสินะ”


ศุภกิจไหวไหล่ “ก็มากพอให้กูบากหน้าไปขอโทษลูกค้าคนอื่นอ่ะ”


ได้ยินอย่างนั้นชิโนรสก็ยิ่งไม่พอใจเท่าฟ้า มีสิทธิอะไรมาใช้อำนาจกันแบบนี้ “บอสรู้รึเปล่าว่าโปรเจคของเขามันไม่มีทางเริ่มเร็ว ๆ นี้ได้ บ้านที่เขาจะตกแต่งยังไม่ได้เริ่มรีโนเวทเลยด้วยซ้ำไป”


“รู้สิ แต่คงเพราะเขาจริงจังกับบ้านหลังนี้มาก เขาเลยขอตัวมึงแบบฟูลไทม์เพื่อไปหาแรงบันดาลใจในการออกแบบด้วยกันไง”


“ห๊ะ!! บ้าไปแล้ว บอสยอมได้ไงอ่ะ”


“จะไม่ให้ยอมได้ไงวะ” ถึงจะไม่เข้าใจตรรกะลูกค้าคนนี้สักเท่าไหร่แต่สีหน้าจริงจังและเงินหนาที่พร้อมจ่ายก็ทำให้ศุภกิจลืมข้อกังขาไปได้เลย “เอาหน่า งานนี้มึงก็ได้เยอะอยู่นะ ไหนจะเงินเดือน ไหนจะเปอร์เซ็นต์ที่ได้”


“บอส ผมเป็นดีไซน์เนอร์นะไม่ใช่...เพื่อนเที่ยว หรืออะไรทำนองนั้นอ่ะ ทำไมผมต้องอยู่กับเขาตลอดเวลา”


“เห้ย! ไม่ใช่!” ศุภกิจเด้งตัวจากพนักด้วยความตกใจ “พูดอะไรน่าเกลียดอย่างนั้นวะ ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเวลา แค่ให้มึงสแตนบายไว้เผื่อเขาเรียก แล้วที่บอกว่าออกไปหาแรงบันดาลใจด้วยกันเพราะอยากให้ไอเดียไปในแนวทางเดียวกันมากกว่านะ”


“พิลึก”


“เถอะหน่า ท่องไว้ว่าเงิน เงิน เงิน”


ชิโนรสไม่อยากโกรธที่เจ้านายจะเห็นแก่เงินมากกว่าอะไรที่ไม่ชอบมาพากล บริษัทนี้ไม่ได้ใหญ่โตมีเบี้ยเลี้ยงอะไรมากมาย นาน ๆ ทีจะมีเงินก้อนใหญ่ตกลงมาให้สรุปผลสิ้นปีออกมาเป็นกำไรบ้างศุภกิจก็ควรจะทำ ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะงอแงดูอีกสักครั้ง “ถ้าผมบอกว่าไม่อยากทำงานนี้แล้ว จ…”


“หมดเวลาขอถอนตัวแล้ว มึงเคยบอกเองว่าไม่มีปัญหา เอาหน่า กลัวอะไรวะ เขาไม่หลอกมึงไปฆ่าหรอก กูก็ไม่ได้ทิ้งมึงให้เขาซะทีเดียว ไม่เชื่อใจบอสของมึงแล้วเหรอ”


...เชื่อได้จริงเหรอว่าเขาจะไม่หลอกไปฆ่า


“วันนี้ก็เคลียร์งานเตรียมส่งต่อให้คนอื่นทำให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เริ่มฟรีไทม์ สแตนบายรอคุณเท่าฟ้าไว้ได้เลย”


“ครับ” ชิโนรสรับคำเนือย ๆ ก่อนเดินคอตกออกจากห้องมา


เพราะยังไม่อยากตอบคำถามใคร ชิโนรสจึงเดินเลี้ยวไปห้องครัวก่อน ยืนถอนหายใจอยู่สองสามทีแล้วค่อยชงกาแฟสำหรับตัวเองหนึ่งแก้วให้สมกับที่ใช้เป็นข้ออ้างในการหลบหน้าคนอื่น


ทว่าแทบไม่ต่างไปจากที่คิดนัก ทุกคนในทีมนำโดยปอต่างก็มองมาที่เขากันเป็นตาเดียว ชิโนรสเดาจากสายตาเป็นห่วงของปอแล้วเข้าใจเอาว่าทุกคนน่าจะรู้เรื่องกันหมดแล้ว ไม่แน่ว่าคนที่ต้องรับงานต่อจากเขาอาจจะรู้เรื่องนี้ก่อนเขาเสียด้วยซ้ำไป


“มึงจะทำต่อไหมวะ” ปอถามเมื่อหนุ่มรุ่นน้องนั่งประจำที่แล้ว


“ทำดิพี่ เงินหนาขนาดนั้น” ชิโนรสว่าติดตลก ท้ายประโยคติดเสียงหัวเราะแผ่วให้คนฟังรู้ว่าเขาเองก็ไม่เต็มใจนัก อย่างน้อยก็ไม่ได้อยากทิ้งบางงานให้คนอื่นดูแลต่อ


“มึงไม่รู้สึกว่าเขาแปลก ๆ เหรอวะ ไอ้คุณเท่าฟ้าอะไรนั่นอ่ะ”


“แปลกยังไงพี่” ชิโนรสไม่ต้องถามเอง พวกลูกขุนทั้งหลายรอบข้างก็ชิงถามขึ้นก่อน


“เสือกกันเก่งงงง” คำด่าของปอไม่ได้ทำให้ทุกคนสลด ตรงกันข้าม ทุกคนยังเกาะติดสถานการณ์อย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม “ก็เมื่อวานตอนที่มึงออกไปกับพี่พระเอกของมึง เขาดูแปลก ๆ ตอนมึงอยู่กับเขามึงไม่รู้สึกเลยเหรอ”


“แปลกยังไงพี่ปอ” คราวนี้ชิโนรสถามขึ้นเองด้วยความร้อนรน


“ไม่รู้โว้ย กูไม่เห็นสายตาเขา แค่สัมผัสได้ว่าเป็นผู้ชายอันตราย มึงทำงานกับเขาก็ระวังด้วยแล้วกัน”


“เหยด พี่ปอญาณทิพย์ก็มาว่ะ”


ปอยิ้มเย็น “กูเพิ่งสัมผัสได้อีกอย่าง”


“อะไรพี่” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาปอด้วยความอยากรู้ ขณะที่ชิโนรสจมอยู่กับความคิดตัวเองตามลำพัง ไม่ได้รับรู้ว่าสิ่งที่ปอสัมผัสได้คืออะไร และไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บของเพื่อนร่วมงานที่ถูกปอตบหัวคนละฉาดหลังจากนั้นด้วย


เท่าฟ้าเป็นผู้ชายอันตราย


ถ้าเป็นจริงอย่างที่ปอว่า ชิโนรสก็ขอแค่อีกฝ่ายไม่ทรมานเขาไปมากกว่านี้ก็พอ หากจะฆ่าแกงกันจริง ๆ ก็ขอเพียงให้ลงมือครั้งเดียวปลิดลมหายใจของเขาเสียเลย ไม่ใช่ค่อย ๆ เฉือนให้ตายทั้งเป็นอย่างที่ประสบในครั้งนั้น







เวลาเพียงหนึ่งวันไม่มากพอให้ชิโนรสเตรียมใจสำหรับการเผชิญหน้ากับเท่าฟ้าตลอดทั้งวัน


...ไม่ทันคิดเลยด้วยซ้ำว่าการสแตนบายที่บอสว่าคือต้องออกไปข้างนอกกับเขาตั้งแต่เช้า!


“คุณคิดไว้รึยังว่าจะออกแบบยังไง” เท่าฟ้าเปิดประเด็นหลังจากชิโนรสขึ้นรถมาด้วยได้สิบนาทีแล้วแต่ยังเงียบเป็นเป่าสาก


“ยังไม่มีไอเดียครับ” ชิโนรสสารภาพตามความจริง เมื่อวานเพิ่งจะได้แปลนบ้านกับโมเดลสามมิติมา แล้วตัวเองยังต้องสะสางงานเก่าที่คั่งค้างอีก ใครจะมีเวลาไปคิดงานใหม่ได้ทันกันเล่า


“ดี วันนี้ผมจะพาคุณไปหาไอเดีย”


“หวังว่าคงไม่ไปอีเกียนะครับ”


เท่าฟ้าหลุดขำอย่างเป็นธรรมชาติจนชิโนรสอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าหากตอนนี้เป็นอย่างตอนนั้น เขาคงหลุดขำตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย “หาไอเดียออกแบบทั้งที ใครเขาไปอีเกียกันล่ะคุณ”


ชิโนรสโคลงศีรษะไม่ต่อความด้วย แม้จะยังสงสัยว่าอีกฝ่ายจะพาตนไปที่ไหนก็ตาม



ซึ่งในยี่สิบนาทีหลังจากนั้นเขาก็พบว่ารถคันหรูมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวต้มกุ๊ย


ชิโนรสอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายถึงได้หันไปถามหาคำตอบทางสายตา


“เก้าโมงนิด ๆ คงไม่สายไปสำหรับอาหารเช้า คุณว่าไหม” ว่าจบเจ้าตัวก็ชิงออกจากรถไปก่อนโดยเร็ว


“คุณเท่าฟ้า เดี๋ยวก่อนคุณ!”


ฮึ่ย !! ทำแบบนี้มันจงใจก่อกวนกันชัด ๆ


“คุณเท่าฟ้า นี่คุณยังไม่ทานอาหารเช้ามาอีกแล้วเหรอ” พอเดินตามเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามได้ก็พ่นคำถามใส่ด้วยความหงุดหงิดทันที


“ใช่ คุณเอาด้วยไหม ร้านนี้อร่อยนะ หรืออยากได้แบบถ้วยเดียวจบอย่างโจ๊กหมูหรือข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มปลาก็ได้นะ”


“คุณเท่าฟ้า!”


“เสียงดังทำไมล่ะคุณ”


“ผมว่าครั้งหน้าคุณควรจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนแล้วเราค่อยเจอกันดีไหมครับ นัดกันข้างนอกเลยก็ได้ คุณไม่ต้องเข้าไปรับผมที่บริษัทหรอก ผมมีรถ” ชิโนรสระบายออกมาตามอารมณ์โดยลืมสนใจสถานะลูกจ้างไปชั่วคราว


“คุณขับรถในกรุงเทพฯคล่องหรือ”


“คล่อง...” เสียงของคนเด็กกว่าขาดหายเมื่อเจ้าตัวเพิ่งตระหนักได้ถึงสิ่งที่ได้ยิน


‘พี่ฟ้าขับรถเก่งจัง ซอกแซกได้หมด เป็นผมนะหลงแน่ ๆ’
‘ชีนขับรถไม่คล่องเหรอ’
‘ถนนในกรุงเทพฯมันซับซ้อนนะครับ’
‘นั่งไปกับพี่บ่อย ๆ เดี๋ยวก็คล่อง’



“คุณเท่าฟ้า...”


“ทำไมถึงยังเรียกว่าคุณเท่าฟ้า”


คนถูกเปลี่ยนเรื่องกะทันหันตีหน้ามึน “ก็...ก็คุณชื่อเท่าฟ้านี่ครับ”


เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว นี่เขาโดนอีกฝ่ายยียวนอยู่หรือ “เรียกว่าคุณฟ้าก็พอ...หรือจะเรียกว่าพี่ฟ้าก็ได้”


“ผมไม่เคยให้ความสนิทสนมระดับนั้นกับลูกค้าครับ”


“เอาเถอะหน่า ผมอยากให้คุณเรียก...ไหนลองเรียกสิ”


“...”


“...”


“ครับ...”


“...”


“...คุณฟ้า”


เจ้าของชื่อยิ้มร่า “น่ารักมาก”


อะไรกัน ต้องบอกว่า ‘ดีมาก’ หรือเปล่า?





กว่าจะจัดการอาหารเช้าที่ชิโนรสตอบสนองแบบไม่ขัดศรัทธาอีกฝ่ายด้วยโจ๊กหมูไปถึงสองถ้วยเสร็จก็ล่วงเลยไปจนเกือบสิบโมง


“ผมเดาว่าคุณยังไม่ได้ดูรายละเอียดโครงการ”


“ผมดูมานิดหน่อยแล้วครับ”


“ถ้าอย่างนั้น เราควรไปหาที่นั่งคุยกัน”


ชิโนรสเหนื่อยจะปฏิเสธเท่าฟ้าเสียแล้ว ยอมตามใจนั่งรถมาแบบเงียบ ๆ เพื่อมานั่งอยู่ในคาเฟ่ดีไซน์เก๋แห่งหนึ่งพร้อมแลปท็อปหนึ่งเครื่องของอีกฝ่าย


ร้านตกแต่งด้วยโทนขาวดำสไตล์มินิมอลแต่หรูหรามากทีเดียว มีทั้งที่นั่งแบบบาร์และโต๊ะคุยงานแบบมุมส่วนตัวเพื่อตอบสนองพวกชอบนั่งแช่ในร้าน


“คุณดื่มอะไร”


“Hot Espresso Doppio ครับ”


เท่าฟ้าหันมองแล้วขมวดคิ้ว “สองช็อตเลยเหรอคุณ”


ชิโนรสไม่ตอบแต่เบี่ยงประเด็นออกไป “ต้องรอรับรึเปล่าครับ”


“ไม่ต้องครับ” พนักงานตอบกลับอย่างสุภาพ


“เอาเค้กอะไรไหม”


“บานอฟฟี่ครับ...ทั้งหมดนี้คุณเลี้ยงใช่ไหมครับ...คุณฟ้า” ไม่ได้อยากจะรบกวนอะไรเขานัก แต่แค่หมั่นไส้กับการชวนออกมาทำอะไรแบบนี้จึงขอให้ได้เล่นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปบ้างเท่านั้น


เท่าฟ้ายกยิ้มพอใจ “แน่นอนสิคุณ”


ชิโนรสเลือกโต๊ะที่อยู่ริมในสุด ทั้งเงียบสงบและเป็นส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้ลับสายตาคนนัก คนหน้าเด็กเลือกนั่งหันหน้าหาผู้คน เพราะอย่างน้อยในยามที่เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้น ตนยังมีอะไรให้มองไม่ใช่ว่าจำต้องวางสายตาบนหน้าเขาเพียงอย่างเดียว


แต่ดูเหมือนสิ่งที่ทำจะไม่มีประโยชน์ เพราะเท่าฟ้าลากเก้าอี้มานั่งด้านข้างแทนฝั่งตรงข้ามอย่างที่เป็นพร้อมเหตุผลที่ว่าจะได้สะดวกในการดูงานบนจอแลปท็อปด้วยกัน


อเมริกาโนเย็นและเอสเพรสโซสองช็อตถูกเสิร์ฟพร้อมกับบานอฟฟี่และบราวนี่ในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ชิโนรสเกลียดตัวเองที่เผลอคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ทั้งที่ห่างหายมันมานานถึงสี่ปีแล้ว แต่ทุกอย่างยังชัดในความรู้สึก ชัดแม้กระทั่งกลิ่นหอมของกาแฟดำและบราวนี่อบร้อนที่เท่าฟ้ามักจะทานคู่กันเสมอ


“บราวนี่ร้านนี้อร่อยนะคุณ ผมให้คุณลอง” ร่างสูงใหญ่เลื่อนจานนั้นมาตรงหน้าอย่างสุภาพ สี่ปีที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเขาก็คงยังตระเวนชิมบราวนี่ไปทั่วเหมือนเคย ร้านนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งร้านโปรดที่นอกจากจะมาบ่อยแล้ว อีกฝ่ายคงชวนใครต่อใครมาลองชิมกันนักต่อนักแล้วด้วย “คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ผมพามาชิม ถือเป็นการตอบแทนที่คุณเรียกผมว่าคุณฟ้า”


“ไร้สาระ” ชิโนรสเผลอพูดออกมาตามที่คิด แม้จะเสียงเบามากแต่ก็รีบเอ่ยขอโทษก่อนที่จะโดน ‘ลูกค้า’ ตำหนิ ทว่าอีกฝ่ายก็แค่หัวเราะกลับมาพร้อมแววตาที่ต่างออกไปจากทุกที เสียดายก็แต่ชิโนรสที่ไม่กล้าจะมองสบให้นานพอจะตีความมันได้


“เถอะหน่า ชิมดูหน่อย อร่อยจริง ๆ นะ” เท่าฟ้าคะยั้นคะยอจนคนเด็กกว่าจำต้องหยิบช้อนขึ้นมาตักชิมตามคำชวน


“อร่อยไหม” สีหน้าแววตาลุ้นจนตัวโ่ก่งประหนึ่งเป็นคนทำเสียเองทำให้คนตอบใจเต้นแรง ทุกอย่างดูคุ้นเคยไปหมดจนอึดอัด เหมือนคล้ายจะเป็นเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ใช่ นานทีเดียวกว่าเขาจะให้คำตอบ ต้องรอให้อีกฝ่ายถามย้ำเรียกสติไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่กว่าจะมีคำว่า ‘ครับ’ หลุดจากปาก


ชิโนรสหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองจิบเล็กน้อยเพื่อหนีสถานการณ์ชวนอึดอัดตรงหน้า “คุยเรื่องงานกันเถอะครับ”


คนตัวเล็กค่อยรู้สึกหายใจหายคอได้เมื่ออีกฝ่ายยอมหยุดการคุยสัพเพเหระไว้เพียงเท่านี้แล้วเริ่มคุยเรื่องงานกันเสียที


การดูแปลนบ้านและวิเคราะห์จากโมเดลสามมิติรวมถึงหารือเกี่ยวกับคอนเซ็ปท์และไอเดียที่เป็นกลางใช้เวลาไปนานเกือบห้าชั่วโมง โชคดีที่ร้านนี้มีอาหารคาวขายอยู่บ้างทำให้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถออกไปรับประทานข้างนอกอีก งานในวันนี้ของชิโนรสจึงเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายสามพอดี


“นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของคุณ จริง ๆ แล้วผมยังไม่ควรปล่อยคุณกลับ”


“ถ้าคุณอยากทำงานต่อก็ยินดีครับ” กัดฟันพูดสุด ๆ ใครจะอยากไปไหนมาไหนกับคุณเท่าฟ้าอีก คุยเรื่องงานยังไม่สมองบวมเท่ากับเรื่องที่ถูกกวนประสาทเลยด้วยซ้ำ


“แต่ผมเห็นว่าวันนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว ผมจะไปส่งคุณที่บริษัทเลยดีกว่า”


“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับเอง พอดีที่นี่ใกล้ที่ทำงานเพื่อนผม ผมจะไปหาเขาที่นั่น” กลับไปถึงก็หมดเวลางานพอดี แต่ถ้าเขาเลือกไปหาเปรมก็จะได้ไม่ต้องทนนั่งรถไปกับเท่าฟ้าอีก


“เพื่อน?”


“ครับ”


“...”


“...”


“...”


เพราะเท่าฟ้าเงียบไปแต่ยังจ้องหน้าเขาไม่วางตา หัวคิ้วเข้มที่เคลื่อนเข้าหากันบ่งบอกว่าเจ้าตัวมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม ชิโนรสถึงได้ใจเย็นรอฟังว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะเปิดปาก


“คุณมีแฟนรึยัง”


“..!..” ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามที่นอกประเด็นไปมาก


“ไม่สิ ผมต้องถามว่าแฟนคุณคนไหนมากกว่า แต่ถ้าผมจำไม่ผิด คนที่งานแต่งก็คือพระเอกคนดังที่ผมเจอเมื่อเย็นวันก่อนใช่ไหม”


ชิโนรสตั้งท่าจะแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา แต่งับปากไว้ได้ทันเพราะฉุกคิดได้ว่าวันงานแต่งเราเจอกันตามลำพัง ไม่มีตอนไหนที่คุณเท่าฟ้าจะได้เจอเขากับฮิโรชิพร้อมกันเลยสักครั้ง แล้วอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไปด้วยกัน “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไปงานแต่งบอสกับเขา”


“ผมเห็นตอนพวกคุณเดินออกจากงานไปด้วยกัน”


“คุณจับตาดูผมเหรอ”


“ผมแค่เห็นหน่าคุณ”


“...”


“ว่ายังไง ตกลงว่าแฟนคุณน่ะคนไหน”


“ไม่ทราบมาก่อนว่าลูกค้ามีสิทธิถามเรื่องส่วนตัวของคู่ค้าได้”


เท่าฟ้ายกยิ้มมุมปาก “แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นคู่ขาล่ะ จะถามได้ไหม”


“คุณเท่าฟ้า!!” ชิโนรสโกรธจริง ๆ ใบหน้าที่เคยขาวซีดขึ้นสีแดงด้วยความโมโหขณะที่คนพูดยังหน้าระรื่นไม่ทุกข์ร้อน


“ผมพูดจริง ๆ นะ”









TBC.
----------------------------------------------------
มีใครพอเดาออกไหมคะว่า 'สิทธิ' ในเรื่องนี้คืออะไร
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #21 เมื่อ31-07-2018 22:20:14 »

เลิกกันเพราะอะไรไม่รู้นะ แต่ถ้าตอนนี้เท่าฟ้าจะมาทำให้น้องเจ็บ บอกไว้เลยว่าไม่ยอม!!  :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #22 เมื่อ31-07-2018 23:13:30 »

ชีนต้องสู้ๆนะ อย่าไปยอมแพ้ง่ายๆ เท่าฟ้าร้ายมาก!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #23 เมื่อ01-08-2018 01:30:11 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย.....อยากเผือกเรื่องในอดีต  อยากเผือกอุบัติเหตุครั้งนั้น  อยากเผือกเหตุการณ์ต่อเนื่องจากความจำเสื่อม

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #24 เมื่อ02-08-2018 10:06:25 »

 o13 น่าติดตามมากค่ะ แต่ยังคิดถึงพี่แรมอยู่นะคะ :really2:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #25 เมื่อ02-08-2018 14:44:06 »

 :katai1: เท่าฟ้าเจ้าเล่ห์มาก
น่าหาอะไรฟาดหน้าเนอะ  :z6:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #26 เมื่อ02-08-2018 17:35:56 »

 :o211:
ไม่ไหวแล้วนะเท่าฟ้า
 :amen:


ออฟไลน์ Puring Pudding

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #27 เมื่อ02-08-2018 21:47:33 »


      โอ้ยยยยยชอบเท่าฟ้า :hao6: :hao7:       แต่อย่าเล่นน้องหนักน่ะ เดี่ยวน้องเจ็บ555 :pig2: :mew3: :heaven o13 :z3: :z2:

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #28 เมื่อ07-08-2018 23:25:30 »

สนุกมากเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้ววว อยากรู้เรื่องราวในอดีตมากๆๆ

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
«ตอบ #29 เมื่อ08-08-2018 11:20:10 »

ปลุกต่อมเผือกให้ทำงานตุบๆๆเลย ฟ้าจำได้ใช่มั้ยเนี่ย แล้วตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น แล้วยังจะเรื่องที่คิดจะเอาชีนมาเป็นคู่ขาอีก เดาไม่ออกอะ
รออ่านจ้าๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด