จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๑๕
เย็นวันจันทร์ตามนัดหมาย อาทิตย์แวะรับนภาสรวงก่อนแล้วจึงไปรับดารารัษมีและหม่อมหลวงพิมพัชราที่โรงเรียนสตรีกัลยาณี จากนั้นจึงตรงไปยังโรงภาพยนตร์ตามที่นัดกับจันทร์จ้าวผู้ซึ่งจะไปกับ ‘เพื่อน’ ดารารัษมีร้อนใจ หล่อนไม่อยากให้พี่ชายคนรองอยู่กับ ‘เพื่อน’ ของเขามากนัก เวลานี้หล่อนยอมให้เขาไปเที่ยวเล่นกับพวกผู้หญิงเลวๆยังจะดีเสียกว่า
ทันทีที่รถจอดที่หน้าโรงภาพยนตร์ ดารารัษมีก็แทบจะกระโจนตัวออกมายืนสอดส่ายสายตาหาพี่ชายคนรอง อาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราออกจะงุนงงกับท่าทางของดารารัษมี มีเพียงนภาสรวงคนเดียวที่ได้แต่ลอบถอนหายใจกับท่าทีของน้องสาว
“ไม่เห็นจะมีพี่จันทร์...” น้องสาวคนเล็กเปรยด้วยใบหน้าหงุดหงิดและเป็นกังวล
“เข้าไปดูข้างใน บางทีจันทร์อาจจะมาแล้ว” อาทิตย์แนะนำ และแทบจะทันทีที่ดารารัษมีรีบสาวเท้าเข้าไปในโรงภาพยนตร์
โถงชั้นล่าง มีผู้คนมากมาย ทั้งคนที่มาดูรอบที่แล้ว และคนที่รอดูรอบถัดไป มองไปทางใดก็เห็นแต่กลุ่มคน เสียงพูดคุยดังให้ลั่น แต่มองอย่างไรก็ยังไม่พบจันทร์จ้าวเสียที ดารารัษมีหงุดหงิด หรือบางทีพี่ชายของหล่อนอาจจะพลิกลิ้น?
“มากันแล้วหรือ กำลังรออยู่พอดี”
เสียงที่หล่อนจำได้ดีดังขึ้นเบื้องหลัง หญิงสาวรีบหันไปมองแล้วก็ต้องนิ่งค้างเมื่อเห็นเพื่อนของเขา
“สวัสดีทุกคน สวัสดีครับคุณพิม” จันทร์จ้าวหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้เป็นคู่รักของพี่ชาย แล้วจึงพูดต่อ
“วันนี้เห็นทีจะต้องซื้อตั๋วยาวกว่าทุกที สมาชิกเราเยอะไปหน่อย นี่เพื่อนผมครับ คุณวินิต ส่วนนายฝรั่งนั่นเรย์มอนด์ อดัมส์” นอกจากนายวินิตและเรย์มอนด์ อดัมส์ที่จันทร์จ้าวแนะนำให้ทุกคนรู้จักแล้ว เพื่อนที่เขาพามาด้วยยังมีหม่อมหลวงพงศ์ภราธรและหมอภวัต
...กลายเป็นว่าเพื่อนที่เขาว่าจะพามาด้วยมีถึง ๔ คนด้วยกัน!!...
“ส่วนนี่หม่อมหลวงพิมพัชรา น้องสาวคุณพงศ์ เรย์กับคุณวินิตคงยังไม่เคยเจอกระมัง” จันทร์จ้าวแนะนำหญิงสาวผู้เป็นคู่รักของพี่ชายตนให้เพื่อนทั้ง ๒
“กับคุณพิม ผมเคยเจอแล้ว ไปรับน้องสาวที่โรงเรียน ๒-๓ ครั้งได้ น้องสาวผมเป็นนักเรียนในชั้นของคุณพิม ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ” นายวินิตเห็นผู้หญิงสวยก็เป็นต้องโอ้โลมแต่พองาม ครั้นกวาดสายตาไปยังสมาชิกคนอื่นเขาก็พบว่ายังมีอีก ๒ สาวที่งามไม่แพ้ราชนิกูลสาว
“ส่วนนี่นภาสรวงกับดารารัษมี น้องสาวแฝดของผมเอง เรย์กับคุณวินิตก็คงยังไม่รู้จักอีกเช่นกัน” จันทร์จ้าวยังเป็นคนแนะนำ เรย์มอนด์เพียงค้อมศีรษะแล้วเงียบ แต่นายวินิตยังพูดไม่หยุด
“นี่ก็ได้ยินชื่อจากคุณจันทร์เหมือนกัน แหม้! คุณจันทร์นี่โชคดีเป็นบ้า! คู่รักของพี่ชายก็งาม น้องสาวก็งาม ชีวิตนี้ได้อยู่แต่กับคนงามๆ มิน่า ไม่ยักเลือกคู่เสียที คงจะไม่รู้หาใครมางามเท่าคนรอบตัวแล้วล่ะซี”
“คุณวินิตพูดถูก ชั่วชีวิตผมอยู่แต่กับสตรีงาม ลองไม่ได้อยู่กับสตรีงามดูสักครั้ง ก็เห็นจะเป็นชีวิตที่ไม่จืดชืด จริงไหม”
“คุณจันทร์พูดอย่างกับว่าจะเลิกสนหญิงงามแล้ว”
“ก็แน่ซี ทำอะไรใหม่ๆดูบ้าง น่าสนุกจะตาย” จันทร์จ้าวพูดแล้วเหลือบสายตามองน้องสาวคนเล็กอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่นายวินิตยังคงไม่รู้เรื่องใด เขาหัวเราะสนุกสนาน
“คุณจันทร์จะเลิกสนหญิงงาม แต่หญิงงามเห็นทีจะไม่เลิกสนคุณจันทร์กระมัง เมื่อครู่นี้ตอนเราเจอกันที่หน้าโรงภาพยนตร์ ผมเห็นผู้หญิงมองตามหลังคุณจันทร์ใหญ่ เอ? หรือมองคุณหมอก็ไม่ทราบ เล่นเดินคู่กันมาอย่างนี้ กินกันไม่ลง!” จันทร์จ้าวยกยิ้ม แต่ไม่โต้ตอบกระไร ทว่าแค่เหลือบไปมองสีหน้าอันโกรธแค้นเคืองขุ่นของน้องสาวคนเล็ก เขาก็พอจะทราบดีว่าดารารามีไม่พอใจเพียงไรที่ได้ยินว่าเขามาพร้อมหมอภวัต แต่...ดารารามีไม่พอใจแล้วเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้หล่อนพอใจอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง
“ถ้าเช่นนั้น คราวหน้าหมอช่วยทำหน้าตาอัปลักษณ์ด้วย สูสีกับผมทุกเรื่องอย่างนี้ก็แย่ คนอื่นเขาจะคิดเอาได้ ว่าเราน่ะ...เนื้อคู่” จันทร์จ้าวหันไปพูดกับภวัตแล้วหัวเราะเสียงลั่น นายวินิตและคนอื่นๆก็พลอยหัวเราะไปด้วย เพราะคิดเอาว่าจันทร์จ้าวปากไวตามนิสัย แต่ที่เห็นจะไม่หัวเราะเหมือนคนอื่นก็คือดารารัษมีที่ตัวสั่นเทิ้ม และนภาสรวงที่ได้แต่กระตุกแขนน้องสาวเพื่อไม่ให้โวยวายก่อเรื่อง
“ปากแกนี่มันจริงๆเลยจันทร์ ไปซื้อตั๋วหนังกับกันดีกว่า ให้คนอื่นๆรอตรงนี้” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรชักชวน ไม่ได้เห็นความผิดปกติของ ๒ แฝดแต่ประการใด ถึงแม้เขาเองจะรู้เห็นความสัมพันธ์ของจันทร์จ้าวและหมอภวัต แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ ฟังอย่างไรก็เข้าใจว่าเพื่อนรักของเขาเพียงหยอกเล่นเท่านั้น
๒ หนุ่มเดินแยกไปซื้อตั๋วภาพยนตร์รอบถัดไปแล้ว ปล่อยให้คนอื่นๆยืนคุยอยู่ที่เดิม และเมื่อนั้นภวัตถึงได้สังเกตว่าดารารัษมีจับจ้องเขาด้วยสายตาที่ผิดแปลกไปจากเคย นายแพทย์หนุ่มนึกอยากถาม แต่ไม่ทันได้พูดกระไร จันทร์จ้าวและราชนิกูลหนุ่มก็เดินกลับมาพร้อมตั๋วภาพยนตร์เสียแล้ว
.............................................
ดารารัษมีไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ชายของตนทำ เขายังคงคบหากับเพื่อนๆของเขา เมื่อครู่นี้ก็เห็นทักทายแม่ผู้หญิง ๒-๓ คนที่บังเอิญเจอก่อนเข้าชมภาพยนตร์ ทั้งๆที่เขาเองก็คบหากับนายแพทย์ภวัตอย่างผิดประเพณีเช่นนั้น แต่...แต่เขาก็ยังเป็นจันทร์จ้าวคนเดิมที่หล่อนเคยรู้จัก หญิงสาวลอบมองพี่ชายด้วยความสับสน ภาพยนตร์เมื่อครู่ที่เข้าไปชม หล่อนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิด เพราะเอาแต่คิดแต่เรื่องของพี่ชายคนรองและนายแพทย์หนุ่ม จนกระทั่งออกจากโรงมา หล่อนก็ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าภาพยนตร์เมื่อครู่คือเรื่องอะไร
“หลังจากนี้เราไปหาอะไรทานกันสักหน่อยดีไหม” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเสนอเมื่อทั้งหมดออกมาจากโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์เข้าใหม่ไม่เป็นที่ถูกใจเขาเสียเท่าไร แต่เห็นแก่ว่าเพื่อนรักชวนให้มาเป็นเพื่อน เขาจึงยอมตามใจ หันไปดูหน้านายวินิตและเรยมอนด์ อดัมส์ ๒ คนนั้นก็ไม่ค่อยจะสนุกเช่นกัน ส่วนหมอภวัตนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะจะสนุกหรือไม่สนุกก็เห็นจะยิ้มจางเฉกเช่นทุกที
“นภากับคุณพิมไปเข้าห้องน้ำ รอสาวๆตัดสินใจซี” จันทร์จ้าวเอ่ย แต่ที่เห็นจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาเลยแม้แต่นิดก็คือดารารัษมี ที่เมื่อครู่นั่งประกบเขาด้วยซ้ำ
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่” จู่ๆนายฝรั่งเพียงคนเดียวของกลุ่มก็ขอตัวขึ้นมาแล้วเดินหนีออกไปอีกทาง จันทร์จ้าวมองตามด้วยความสงสัย อะไรบางอย่างบอกเขาว่าวันนี้เรย์มอนด์ อดัมส์ทำตัวพิกล แต่กระนั้นเขาก็มองไม่ออกว่าความพิกลของเพื่อนรักชาวต่างชาติผู้นี้คืออะไร ตั้งใจจะตามไปดูพฤติกรรมอื่นๆให้หายสงสัย แต่แขนถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน
“แกช่วยคิดก่อนซี ว่าจะไปทานที่ไหนดี” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดแล้วยึดแขนไว้แน่น
“ก็ผมบอกแล้วว่ารอสาวๆ”
“ก็รอตรงนี้ จะเดินไปที่ไหนล่ะ” จันทร์จ้าวมองตามเพื่อนชาวต่างชาติ แต่แผ่นหลังของเรย์มอนด์หายลับไปกับฝูงชนแล้ว เขาจึงตัดใจแล้วหันกลับมาที่เพื่อนราชนิกูลแทน หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเสนอชื่อร้านอาหารออกมา ๒-๓ ชื่อ พอดีกับที่หม่อมหลวงพิมพัชราและนภาสรวงเดินกลับมาจากห้องน้ำ จากนั้นอีกครู่หนึ่งเรย์มอนด์ก็ตามมา
“ไปนานจริงเรย์ ไปห้องน้ำแน่หรือ” จันทร์จ้าวตั้งคำถาม เรย์มอนด์อึกอัก เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรก็เป็นหม่อมหลวงพงศ์ภราธรช่วยแก้สถานการณ์อีกหน
“นานอะไรกัน ไม่เห็นจะนานสักหน่อย เป็นว่าสาวๆจะไปรถคุณอาทิตย์ ส่วนพวกผมก็ไปด้วยกันเหมือนเดิม แล้วเราไปเจอที่ร้านอาหาร คุณอาทิตย์พอจะรู้จักร้านใช่ไหม”
“พี่อาทิตย์ไม่ทราบหรอกค่ะ พี่จันทร์มากับพวกเราด้วยจะดีกว่า” ดารารัษมีแย่งพูดอย่างรวดเร็ว จันทร์จ้าวเบือนสายตาไปมองน้องสาวแล้วยกยิ้มจางที่มุมปาก
“ให้คุณวินิตไปนั่งกับพี่อาทิตย์ก็แล้วกัน พี่ต้องนั่งเป็นเพื่อนหมอ คุณวินิต ผมฝากด้วย แล้วเจอกันที่ร้านอาหาร” ว่าแล้วจันทร์จ้าวก็หันไปพูดกับเพื่อน นายวินิตพยักหน้ารับอย่างยินดีก่อนจะเดินออกจากโรงภาพยนตร์ ตามด้วยหม่อมหลวงพงศ์ภราธร เรย์มอนด์ และหมอภวัต จันทร์จ้าวรั้งท้ายสุด จึงถูกดารารัษมีดึงแขนเอาไว้ด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมพี่จันทร์ต้องนั่งเป็นเพื่อนคุณหมอด้วย คุณพงศ์กับคุณเรย์มอนด์ก็อยู่”
“ดารา...ต้องให้พี่ย้ำยังไร ดาราจึงจะเข้าใจว่าทำไมพี่ถึงนั่งรถหมอ ดาราต้องการให้พี่พูดตรงนี้ไหม ว่าเพราะเหตุใด” ดารารัษมีมองพี่ชายที่ย้อนถามหล่อนเสียงแข็งด้วยความตกตะลึง แน่ล่ะ...หล่อนไม่อยากได้ยินคำพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ใดๆของจันทร์จ้าวและหมอภวัตทั้งนั้น เพราะแค่ที่หล่อนรู้สึกตอนนี้ก็สะอิดสะเอียนมากพออยู่แล้ว
ดวงตากลมใหญ่มองดวงหน้าของน้องสาวที่จับจ้องเขาด้วยความตกตะลึง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วทิ้งท้ายเอาไว้ให้น้องสาวแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
“ถ้าใจไม่แข็งพอ คราวหลังอย่าถามอีก เพราะครั้งต่อไป...พี่จะพูดให้ดาราเข้าใจว่าพี่กับหมอ...เราเป็นอะไรกัน!!”
...................................................
ไม่ใช่ภวัตไม่รู้เห็นถึงความผิดปกติ วันนี้ เดิมทีเขา จันทร์จ้าวและหม่อมหลวงพงศ์ภราธรนัดไปตีเทนนิสด้วยกันที่สโมสร แต่จู่ๆจันทร์จ้าวก็ขอเปลี่ยนนัดกะทันหัน จากตีเทนนิสเป็นการมาดูภาพยนตร์แทน พ่วงด้วยพี่น้องรักษพิพัฒน์อีก ๓ คน น้องสาวของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรอีก ๑ คน และนายวินิตกับเรย์มอนด์ อดัมส์ หนำซ้ำไปกว่านั้น เมื่อตอนมาโรงภาพยนตร์ เจ้าตัวบอกให้เขาเป็นคนมารับ ทั้งๆที่จะติดรถไปกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ย่อมได้ แล้วนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ ภวัตก็รู้สึกเหมือนว่าเขาจะถูกดารารัษมีจับจ้องเป็นพิเศษ
“คุณไม่เป็นอะไรแน่นะครับ คุณจันทร์” หลังจากชมภาพยนตร์เสร็จแล้ว พวกเขาตั้งใจจะไปรับประทานอาหารกันต่อ จันทร์จ้าวอาศัยรถคันเดียวกับเขาเพื่อไปร้านอาหาร แทนที่จะไปกับ ๓ พี่น้องของตน เรื่องนี้ก็ผิดแปลกเป็นอย่างที่ ๒
“ไม่เป็นไรหรอกหมอ หมอเถอะ...เมื่อครู่นี้ดูรู้เรื่องไหม” จันทร์จ้าวตอบแล้วตั้งคำถามไปถึงภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่พวกเขาเพิ่งดูเมื่อครู่ ซึ่งไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เขาชอบเอาเสียเลย แค่นักแสดงนำก็ไม่ใช่คนโปรดแล้ว
“รู้เรื่องสิครับ คุณล่ะ”
“ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ไปตีเทนนิสกับหมอยังสนุกกว่า แต่จะเลือกอะไรได้...นี่น่ะรายการคุณขอมา ยายดาราเกิดอยากดูกะทันหัน พวกผู้หญิงชอบนักล่ะ หนังแบบนี้ ผมไม่เห็นจะชอบเลย ดูแล้วจะหลับทุกที”
“แสดงว่ามาดูหนังแบบนี้บ่อย...” ภวัตหันมาถามด้วยรอยยิ้มรู้ทัน พอถูกหยอก บรรยากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง เรื่องที่บาดหมางกับน้องสาวจึงค่อยจางไปจากใจ
“ก็...ผู้หญิงชอบ ผมมันก็พวกตามใจผู้หญิงด้วยน่ะซี” จันทร์จ้าวตอบอ้อมแอ้ม ก่อนจะรับรู้ถึงความอุ่นร้อนที่มือของตนเมื่อถูกอีกฝ่ายยื่นมือมากุม ภายใต้ความมืดสลัวภายในรถ ดวงตากลมใหญ่เหลือบไปมองคนขับรถที่ละมือข้างหนึ่งมากุมมือเขาเอาไว้
“จากนี้ไป ไม่อนุญาตให้ตามใจผู้หญิงคนอื่นแล้วนะครับ”
“ไม่อนุญาตให้ผมตามใจใคร แล้วมีใครจะตามใจผมไหม” ถูกกอบกุมมือทั้ง ๒ ข้างจนเริ่มเขิน แต่กระนั้นก็ยังปากเก่งหันไปตั้งคำถามด้วย ภวัตหันมายิ้มจาง ดวงตาพราวระยับ
“มีสิครับ ผมนี่ไง จะทั้งตามใจและขัดใจคุณเอง” คำว่า `ขัดใจ’ ที่นายแพทย์หนุ่มใส่เข้ามา ทำเอาคนฟังถึงกับหัวเราะสดใส ลืมความรู้สึกกดดันที่มีต่อน้องสาวผู้ซึ่งรู้เรื่องของพวกเขาแล้วอย่างสิ้นเชิง
“หมอน่ะขัดใจผมอย่างเดียวน่ะซี ก่อนหน้านี้ก็บังคับผมทานแต่ข้าวต้มอย่างเดียวตั้งกี่วัน บอกแล้วว่าไม่ชอบก็ยังจะบังคับอยู่ได้ ดีแต่ขัดใจ ไม่เห็นจะตามใจสักนิด” ภวัตได้แต่ยิ้ม
“ถ้าผมตามใจคุณทุกเรื่อง คุณก็เหลิงแย่ซีครับ”
“หมอก็ลองตามใจผมทุกเรื่องดูก่อนสิ จะได้รู้ว่าผมจะเหลิงไหม” คนหัวไวเสนอ ภวัตหัวเราะเบาๆแล้วหันมามองดวงหน้าขาวในความสลัวของรถยนต์
“ไม่ได้ครับ ตามใจคุณทุกเรื่องนอกจากคุณจะเหลิงแล้ว ผมก็จะเหลิงด้วย เพราะติดใจการตามใจคุณ คราวนี้คงไม่กล้าขัดใจอีก ให้ผมขัดใจคุณอย่างนี้ไปเรื่อยๆจะดีกว่า แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ เวลาผมขัดใจคุณ ไม่ใช่ว่าขัดใจคุณแค่คนเดียว แต่ผมก็ขัดใจตัวเองเหมือนกัน เพราะใจผมอยากตามใจคุณมากกว่าจะขัดใจนะครับ” เป็นประโยคแสนยาวที่คนฉลาดอย่างจันทร์จ้าวเข้าใจความหมายเป็นอันดี และเพราะเข้าใจความหมายดี จึงทำได้แต่ผินหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์แล้วตอบกลับไปเสียงเบา
“ถ้าหมอยืนยันว่าตอนขัดใจผม หมอก็ขัดใจตัวเอง ผมก็...จะยอมให้หมอขัดใจผมเรื่อยๆก็ได้...”
ภวัตไม่ตอบกระไร เขาอมยิ้มกับตนเอง แล้วเมื่อรถวิ่งเลยเสาไฟเข้าสู่ความมืด เขาก็ดึงมือขาวที่กุมเอาไว้ขึ้นมาแตะเบากับริมฝีปากของตน พอรถยนต์วิ่งเข้าสู่แสงสว่างจากเสาไฟข้างถนนอีกครั้ง ก็มีแค่จันทร์จ้าวที่นั่งอมยิ้มกับกระจกรถยนต์ฝั่งตนเอง ส่วนภวัตขับรถด้วยมือทั้ง ๒ ที่กำพวงมาลัยพร้อมด้วยการอมยิ้มไปตลอดทางเช่นกัน
.................................................
พอมาถึงร้านอาหาร แม้จะแยกกันมารถยนต์คนละคัน แต่ทุกคนก็มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน จันทร์จ้าวยังคงทำตัวเป็นปกติเหมือนที่เคย เขายังคงเป็นจุดศูนย์กลางของวงสนทนาเหมือนที่แล้วมา ดารารัษมีจับจ้องพี่ชายคนรองทุกการกระทำ แต่ทุกการกระทำของเขาไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้หล่อนพะอืดพะอม เขายังคงพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง หมอภวัตก็เช่นกันที่ยังคงสุภาพและมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าเสมอ
๒ คนนี้ไม่ได้ปฏิบัติต่อกันประหนึ่งภาพที่หล่อนเคยเห็นเมื่อครั้งนั้นเลยแม้แต่นิด...
...หรือครั้งนั้นหล่อนจะเข้าใจผิด...ครั้งนั้นอาจเป็นการเป็นเข้าใจผิดของหล่อนเองก็ได้...
“ยังไม่นอนอีกหรือดารา”
เสียงดังขึ้นเบื้องหลัง ดารารัษมีละสายตาจากท้องฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ พวกหล่อนกลับมาถึงบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์เมื่อตอนที่ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้หล่อนมีสอนที่โรงเรียน แต่แม้จะค่อนคืน ดารารัสมีก็ยังนอนไม่หลับ จึงออกมาเดินเล่นชมดาวอยู่ที่ชานเรือน
“นภาก็ด้วย” หล่อนเอ่ยปากเสียงแผ่วเมื่อพี่สาวแฝดเดินเข้ามายืนใกล้
“กำลังจะไปนอนแล้ว แต่เห็นดาราเสียก่อน เป็นอะไรไปหรือ”
“บางที...ดาราอาจเข้าใจพี่จันทร์กับคุณหมอผิด พี่จันทร์ก็ยังคบหากับเพื่อนๆ บางทีนะนภา...บางทีพี่จันทร์กับคุณหมออาจจะไม่ได้...” ดวงตากลมของน้องสาวที่จับจ้องนภาสรวงบอกให้รู้ว่าดารารัษมีต้องการใครสักคนสนับสนุนความคิดนี้ของหล่อน
...ความคิดที่ว่า จันทร์จ้าวกับหมอภวัตไม่ได้เป็นคนรักกัน...
แฝดพี่ถอนหายใจเบาแล้วกุมมือน้องเอาไว้
“นภาเคยถามพี่จันทร์แล้ว...เรื่องพี่จันทร์กับคุณหมอ”
“แล้วพี่จันทร์ว่ายังไร?!!”
“พี่จันทร์ไม่ตอบอะไร ดูเธอก็เหมือนจะยอมรับว่าคบหากับคุณหมอเช่นนั้นจริง”
“ไม่จริงหรอก! นภาลองถามอีกครั้งซี!!”
“ดารา...ถามแล้วได้อะไร ถามแล้วความสัมพันธ์ของคุณหมอกับพี่จันทร์ก็ไม่เปลี่ยนหรอก”
“อาจจะเปลี่ยนก็ได้นี่! วันนี้นภาไม่เห็นหรือ?! พี่จันทร์ยังทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่เห็นจะเปลี่ยนไปเลยสักนิด! ที่พี่จันทร์พูดจายั่วโมโหดารา ก็คงแค่เพราะอยากทำให้ดาราหงุดหงิด พี่จันทร์น่ะชอบเอาชนะออกจะตายไป! เธอคงอยากเอาชนะดาราให้ได้! ก็เลยกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมา!!”
ท่าทางร้อนรนของดารารัษมีและเฝ้าย้ำอยู่เสมอว่าจันทร์จ้าวอาจจะโกหกความสัมพันธืของตนเองและหมอภวัต ทำให้นภาสรวงได้แต่ปลงตก
“ดารา...ตั้งสติหน่อยสิ พี่จันทร์อาจจะชอบเอาชนะ แต่จะมีใครเอาชนะคนอื่นด้วยการกุเรื่องเช่นนี้”
“แต่...”
“แล้วที่พี่จันทร์ทำวันนี้ ที่พี่จันทร์พาเพื่อนๆนอกเหนือจากคุณหมอมาด้วย เธอคงอยากให้ดาราเห็น ว่าเธอก็ยังเป็นพี่จันทร์คนเดิม ไม่ว่าเธอจะรักใครชอบใคร พี่จันทร์ก็ยังเป็นพี่จันทร์ ยังมีเพื่อนๆทั้งผู้ชายและผู้หญิง ยังสนุกสนานและมีความสุข นภาคิดว่าพี่จันทร์ทำตัวดีขึ้นเสียด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้ไม่ยักส่งสายตาให้ผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว”
“ดารายอมให้พี่จันทร์ส่งสายตาให้หญิงชั่วยังจะดีเสียกว่า!”
“ดารา...” นภาสรวงได้แต่ครางด้วยความอ่อนใจ
“นภาคอยดูแล้วกัน ดาราจะทำให้พี่จันทร์กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้!” ดารารัษมีประกาศก้องแล้วหมุนตัวจะเดินกลับเข้าห้องพักผ่อนส่วนตัวแต่เสียงของนภาสรวงดังขึ้นเสียก่อน
“กลับมาเป็นคนเดิมแล้วอมทุกข์ หรือเป็นอย่างที่เป็นในวันนี้แล้วมีความสุข ดาราอยากให้พี่จันทร์เป็นอย่างไหนหรือ”
น้องสาวแฝดหันกลับมามองคนพูด นภาสรวงไม่พูดกระไรต่อ หล่อนหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องของตนเองแล้วทิ้งดารารัษมีเอาไว้กับประโยคสุดท้ายที่ราวกับกัดกร่อนกินหัวใจของน้องสาวคนเล็กแห่งบ้านรักษพิพัฒน์
.....................................