อิอิ แก้ไขให้แล้วนะครับ แบบว่า ปกติก็เบลออยู่แว้ว
ช่วงนี้อ่านนิยายไม่ทันยิ่งเบลอใหญ่
************************************************************
วันที่สอง ของการทำงานของ ผมกับน้องกิฟต์ครับ ผมอารมณ์ดีมาทำงาน แต่เช้าครับเพราะว่า มาก่อนเวลาเข้างานตั้งครึ่งชั่วโมง อีกอย่าง งานเราไม่ได้เป็นการทำงานแบจำกัดเวลา แบบงานออฟฟิศทั่วไป บางทีลุกค้าว่างสามทุ่มสี่ทุ่มถึงพบได้ก็มี เพราะฉะนั้น การเข้างานตามเวลา ที่จะต้องเข้างานก่อนใครเพื่อนนั่นก็คือ เลขาของพี่สมพร กับใครที่เป็นเวร Sales on duty จะต้องเข้างานตามเวลาออฟฟิศ ซึ่งแผนกขาย ก็จะเปลี่ยนกัน คนละวัน สำหรับอีตำแหน่ง เซลล์รายวัน พวกเนี้ย ซึ่งถ้านอกเวลางานในออฟฟิศ ลูกค้าจะติดต่อที่เบอร์โดยตรง กับเจ้าหน้าที่ขาย ที่รับผิดชอบลูกค้ารายนั้นเอง ผมเข้าออฟฟิศมาก็เจอเซลล์รายวัน ของวันนี้...ก่อนใครเพื่อนเลย...พี่นก
“หวัดดี พี่นก วันนี้อยุ่เวรเหรอพี่”
“อือ มาเช้าจังเลยเป้ เดี๋ยวมาทานฝรั่งกับพี่นะ เดี๋ยวพี่เติมแป้งนิดนึงก่อน อ้อ ท่านรองมาแล้วนะ เมื่อวานเป้ไปหาลูกค้า แหม...ตามหาตัวเป้ใหญ่ แถมหน้าบึ้ง ไม่ยอมถามใครเลยนะ เนี่ย...เข้ามาก่อนหน้าเป้นิดเดียว ว่าไป ก็ก็ทำตัวน่าเกลียดมาก พี่ทักดีๆไม่ทักตอบ แถมทำหน้าบึ้งใส่พี่อีก เด็กอะไร ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกท่านหลานเธอหละก้อ ได้เสีย”
“ฝรั่งที่ชวนเป้กินหนะหล่อปะหละ ถ้าหล่อถึงจะกิน” ผมเย้าแกเล่นๆครับ
“หล่อสิคะ หัวเขียวกลมบ๊อกเลย”พี่นกรับมุกแล้วหัวเราะคิกเสียงหัวเราะของเราสองคน ทำให้ ท่านรอง เดินหน้าตึงออกมา
“คุณนก คุณเป้หัวเราเบาๆหน่อยนะคะ เกรงใจกันมั่ง แล้วคุณเป้พบดิฉันด้วยนะคะ”
ผมมองหน้าเจ้าหล่อน แล้วยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา
“หลังแปดโมงก็ได้คะ”
เจ้าหล่อน เดินสะบัดหน้า เข้าห้องทำงานหล่อนไป พี่นก แกก็แล่บลิ้น ตามหลังพลางเลียนแบบ ท่าทางเชิดๆของคนที่เพิ่งเดินออกไป ทำให้ผมหัวเราะคิกคักขึ้นมาได้
เมื่อสองดมงผมได้ปรากฏกายที่ห้อง ท่านรอง ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มส่งผ่านถึงกัน ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“เมื่อวานดิฉันก็คิดว่าคุณจะเข้าที่ทำงานอีกก็ได้แต่รอ” เสียงเจ้าหล่อนลดความเข้มเสียงลงเล็กน้อยพลางกางแฟ้มตรงหน้าผม
“ดิฉันไม่เข้าใจเอกสารที่คุณเป้ให้มาหลายจุด ก็เลยอยากขอให้คุณเป้ช่วยอธิบายตรงนี้คะ”
ผมแอบยิ้ม โธ่หลายจุด มันก็เกือบทั้งหมดหละว้า....
วันนี้ ดูจะดีกว่าเมื่อวาน เพราะว่าผมอธิบายงานให้น้องกิฟต์เข้าใจแล้ว ผมก็ออกมา วันนี้นึกแปลกใจ ที่เจ้าหล่อนไม่ตามมาแขวะผม เหมือนเคย เพียงแต่ ทำหน้าและแววตาให้ผมสงสัย ว่าเจ้าหล่อนจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่หน้าเจ้าหล่อน ก็ยังตึงไม่ได้ยิ้มแย้มอะไรกับใคร ไม่เข้ามาสุงสิงกับใคร นอกจาก พี่สมพร กับ คุณป้าสุดสงวน นอกนั้นคุณเธอ เชิ่ดใส่ ทุกคน ยิ่งพี่นกกับผมแล้ว ไม่ต้องพูด แล้วเมื่อเช้าก็หักหน้าพี่นกเรื่องฝรั่ง ที่ผมกับพี่นกกำลังกินกันอยู่
“คุณนกกับคุณเป้คะ ที่นี่มันที่ทำงานนะคะ ปกติเขาไม่ให้นำของกินมาทานไม่ใช่เหรอคะ” แล้วท่านรองก็เดินเข้าไปในห้อง
“คุณนกกับคุณเป้คะที่นี่มันที่ทำงานนะคะ ปกติเขาไม่ให้นำของกินมาทานไม่ใช่เหรอคะ”พี่นกทำเลียนแบบก่อนที่ทั้งแผนกจะหัวเราะ
“พี่สมพรเขายังไม่ว่าเลยนะแก” แล้วพี่นกก็หันไปทางต๊ะของคุณป้าสุดสงวน
“ป้าหงวน สหายต่างวัยป้านี่แสบเหมือนกันนะ”
“น้องกิฟต์ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก” แล้วแกก็ก้มหน้าทำงานของแกต่อไป
“ดีคะป้าหงวนที่ น้องกิฟต์ไม่มีอะไร ถ้ามีอะไรคงสนุกกว่านี้” พี่นกพูด แต่ผมว่าวันนี้มันก้ดีเหมือนกันนะที่น้องกิฟต์ไม่มายุ่งกับผมมาก แต่ผมก็สงสัยในใจ....ไม่วาย
..............
เที่ยงวันนี้ผมเลยนัดกินข้าวกับนังต้อง เพื่อปรึกษาแผนการรับมือ ท่านรอง แต่มันก็ยังไม่มีแผนไหน จะเข้าท่าเลย เพราะแผนที่นังต้องมันเสนอมานั้นมัน จะพาตัวผมเข้าคุกซะมากกว่า เช่น
“มึงก็จับมันไปขังไว้ สักสามเดือน พอถึงเวลา มันไปเมืองนอกมึงก็ปล่อยให้มันนั่งเครื่องบิน ไปตามทางของมัน”
“ไม่งั้นมึงก็ลงทุนจ้างมือปืน มาเก็บซะ ถ้ากลัวจะแพง มึงก็ลงมือเองเลย ลูกปืนไม่กี่ตังค์หรอก”
“ถ้ามันหาเรื่องมากๆ มึงก็กระโดดตบมันเลย ทางที่ดีกูว่า หาเหล็กหรือไม้ตบมัน จะดีกว่า มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บมือ”
นังต้องมันบอกแผนการ ผมเยอะแยะ แต่ทุกแผนการ มันโดนผมด่าซะเละเลยครับ สรุปแล้ว ปรึกษานังต้องท่าทางจะไม่ได้เรื่อง งานนี้ต้องช่วยตัวเองซะแล้ว
ตอนบ่าย ผมต้องเข้าออฟฟิศครับ งานนี้ผู้สื่อข่าวประจำแผนก ไม่มาดักผมไว้ เหมือนเมื่อวาน แสดงว่าพี่นก กำลังเม้าท์ใครสักคนกับพี่สุดสงวนแน่นอน เพราะพี่สุดสงวนเป็นสาวแก่ ที่เม้าท์เรื่อง ผู้คน หรือหมู หมา กา ไก่ กับพี่นกได้ เป็นวรรคเป็นเวร ผมเคยเห็นรูปแกตอนสาวๆ ดูแกก็สวยเหมือนกัน น่าแปลกที่แกรอดปลอดภัยจากผู้ชาย มาได้ถึงปัจจุบัน
“เมื่อก่อนนะเป้ พี่สุดสงวนเนี่ย มีผุ้ชายมาจีบแกเยอะแยะ ออฟฟิศเราเนี่ย มีคนเข้าแถวตามจีบแกทั้งนั้น แต่พี่หงวนของเราหนะ เลือกมาก ผู้ชายคนไหนก็ไม่เหมาะสมกับแก อ้วนไปมั่ง เรียนน้อยมั่ง เป็นไงหละ ในที่สุดแกก็ขึ้นคาน หาใครเอาก็ไม่ได้ ยิ่งตอนนี้เกย์มันก็มีเยอะ ยังกะผักตามตลาดสด เดินไปทางไหนก็เจอ แล้วผู้หญิงก็เยอะขึ้นๆ แล้วผู้ชายก็ไปรักกันเองอีก พี่หงวนของเรา ก็เลยนอนกอดคานของแก มาจนเหี่ยวถึงทุกวันนี้”
พี่นก เคยพูดถึงป้าสุดสงวนให้ผมฟัง สมัยที่ผมเข้ามาทำงานตอนแรกๆ
เมื่อผมเดินเข้าไปถึงออฟฟิศ ก็เห็นพี่นกกับป้าสุดสงวน เม้าท์ถึงท่านรองอย่างสนุกปาก
“จริงๆนะป้า ไม่น่าเป็นไปได้ คะๆ ขาๆ ไม่วางท่าเหมือนนางพญาแบบทุกครั้ง มาสั่งกาแฟ พี่สมศรี นะป้า พูดงี้เลย” พี่นกแกก็ลุกขึ้น เหมือนนางสาวไทยตอนรับมงกุฎ
“พี่สมศรีค่ะ เดี๋ยวกิฟท์รบกวน ขอกาแฟให้แขกด้วยนะคะ” แล้วแกก็เดินนวยนาดไปนั่งเม้าท์ต่อ ผมเดาเอาว่าคงเม้าท์เรื่อง ท่านรองกับแขกของท่านรองแน่ๆ ซึ่งผมยังไม่ได้จับใจความได้อย่างชัดเจนแค่นั้นเอง พอดีพี่นกหันมาเห็นผมเข้าพอดี
“น้องเป้ มาพอดีเลย เมื่อพักใหญ่ๆ ท่านรองให้หาแน่ะ แหมวันนี้มีแขกหนุ่มหล่อมาด้วยนะ หน้างี้ บานกะโท่โล่” แล้วพี่นก ก็ทำท่านางสาวไทยอีกรอบ
“พี่นกค่ะ ถ้าพี่เป้เข้ามา รบกวนพี่นก บอกบอกพี่เป้ว่า กิฟต์เชิญที่ห้องหน่อยนะคะ” แล้วแกก็เดินนวยนาด ไปนั่งที่แกอีกรอบ ผมก็เลยขำแกครับ
“สงสัยหวานเอาใจ ผู้ชายมั้ง ใช่มั้ยป้า” พี่นกไปถามเอากับป้าสุดสงวน
“ไม่รู้ เรื่องของท่านเราไม่ควรไปยุ่ง”
“แหม....ป้า ตะกี้แล้วตั้งใจฟัง ซะหูผึ่งเลยน๊า.. มาตอนนี้ บอกว่าไม่รู้ได้ไง”
“แล้วแต่จะเข้าใจสิ” ป้าสงวนตอบกลับมา ทำให้ผมหัวเราะได้อีกครั้ง กับท่าทางที่พี่นกที่แกทำปากขมุบขมิบ ไปทางป้าสุดสงวน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องท่านรอง ก่อนเปิดประตูเข้าไป
แล้วผมก็ชาวาบไปทั้งตัว เมื่อผมเห็น หน้าตา ของแขกท่านรองได้อย่างถนัด หลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันจังๆ ดูไอ้หน้าขาวมันตัวใหญ่และล่ำขึ้นเยอะ ร่างที่เคยผอมเพรียวคุ้นตาคุ้นใจของผม ดูมันจะมีกล้ามเนื้อเหมือนคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีสุขภาพดี ดูหน้าขาวๆไรเคราครึ้มๆแล้วผมใจสั่นขึ้นมาทันที ยิ่งมันแต่งชุดทำงานดูดี ภูมิฐานเข้ากับมันอย่างลงตัวเหมาะเจาะแบบนี้ ความรู้สึกที่ผมพยายามลืมและเก็บกดมันเอาไว้ มันกลับมาก่อกวนให้ใจผมสั่นไหวอีกระลอกหนึ่ง
“นั่งก่อนสิคะพี่เป้” เสียงของท่านรองทำให้ผมเข้าสู่ภาวะปัจจุบันทันที ผมยิ้มให้คนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้า......................
ผมค่อยๆ นั่งบนเก้าอี้ ตรงหน้าคนของหัวใจผม พลางยิ้มไปให้ แน่นอนหละ ถ้าใครมา
เจอ ผู้ชายหล่อผู้หญิงสว ที่นั่งชิดกันอยุ่เบื้องหน้า ทำให้แผลหัวใจ ที่เริ่มตกสะเก็ด
มันเริ่ม ปริและมีเลือดซึมอีกครั้งหนึ่ง ผมมองดูหน้าของคนทั้งสองคน ตรงหน้า
แววตาของน้องกิฟต์ ดูเหมือนจะสะใจและพึงพอใจ
อะไรสักอย่าง ดูเธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ส่วนไอ้หน้าขาวยังตีหน้าตายของมัน
เหมือนเดิม แต่ผมก็ทันได้เห็นแววตาไหววูบ มีประกายแว่บนึง แต่มันก็จางหายไปอย่าง
รวดเร็ว ผมยังยิ้มฉาบหน้าอยู่ แต่ในใจของผมมันเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว
“มีอะไรกับพี่หรือเปล่าคุณกิฟต์”
ผมถามออกไปเนื่องจากว่าไม่รู้ว่า คนตรงหน้าต้องการอะไร อีกอย่างผมไม่อยากที่จะเห็น
ภาพแสลงใจตรงหน้านี้นานนัก ทั้งๆที่ควรจะจบไปแล้วและไม่ควรมาเจอกันอีก แต่ก็ยังมา
เจอ แสดงว่าชาติที่แล้วผมคงร่วมทำกรรมทำเวรกับคนสองคนนี้มาอย่างแน่ๆ ชาตินี้ถึง
ต้องมาชดใช้กรรมด้วยการเจ็บที่หัวใจอยู่ตลอดมา
แต่น้องกิฟต์ไม่ได้ตอบคำถามแต่หันไปคุยกับไอ้หน้าขาวแทน
“ดูพี่เป้สิคะพี่ยอด นี่แหละคะพนักงานฝ่ายขายดีเด่น ของแผนกฝ่ายขายปีนี้หละคะ คน
ดีของเราคนนี้ ทำยอดผลกำไรให้บริษัทหลายล้านคะปีนี้”
หล่อนหัวเราะเบาๆ พลางถามต่อมาว่า
“วันนี้พี่เป้จะออกไปพบลูกค้ากี่โมงคะ”
“เดี๋ยวสักพักก็ต้องออกไปแล้ว”
“งั้นดีเลย เดี๋ยวกิฟต์ จะวานพี่เป้ไปส่งพี่ยอด ที่อู่ซ่อมรถหน่อยสิคะ ทางผ่านของพี่
เป้อยุ่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ผมไม่อยากให้มันไปกับผมจริงๆ เพราะแผลหัวใจ ของผมมันเหวอะขนาดนี้ ยิ่งได้
ต้นเหตุ ของอาการที่หัวใจ ไปด้วยอย่างนี้ ผมกล้วว่า ผมจะลืมไอ้หน้าขาว
ไม่ได้แน่ๆ
“ดูเขาไม่เต็มใจให้พี่ไปด้วย น้องกิฟต์ ไม่ต้องไปไหว้วานอะไรหรอก อู่รถแค่นี้พี่มี
ปัญญาจ้างแท็กซี่ไปถึ ง วานทำไมคนแล้งน้ำใจ”
ไอ้หน้าขาวมันพูด เสียงแข็งตามประสาของมัน แต่ผมรู้สึกสะท้อนใจ อย่างบอกไม่ถูก
ตั้งแต่ได้ยินคำว่า “คนดี” แล้ว
“น้องเป้เป็นไรไปครับ หือ..คนดีอย่าร้องนะ เป็นเด็กดี ไม่ร้องนะครับคนดีของพี่ยอด”
เมื่อตอนเด็กๆ ใครหนอที่เรียกผมว่าคนดี
ครหนอที่ปลอบประโลมและกอดผมไว้
ลูบหัวผมเบาๆ กระซิบถ้อยคำที่อบอุ่นไปทั้งใจ
“นิ่งซะนะ คนดีของพี่ยอด”
แต่เขาจะรู้หรือเปล่าว่า คนที่พูดตอนนั้น กับคนที่นั่งตรงหน้า
เวลาเปลี่ยนไป ใจคนและนิสัยก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
“ไปด้วยกันก็ได้”
ผมพูดออกมาเบาๆ
“ให้พี่เป้ไปส่งหนะดีแล้วคะพี่ยอด เดี่ยวไปเอารถมาแล้ว มารับกิฟต์ไปกินข้าวนะคะ เดี๋
ยววันนี้กิฟต์จะรอหลังเลิกงานคะ