3
ไอเดียยังคงเข้าออกห้องไม่เป็นเวลาอยู่ระยะใหญ่ๆ เป็นมันที่ต้องทำใจให้ชินกับตารางเวลาของคนตัวเล็กนี่ แรกๆ ก็อยากให้ได้เด็กนี่มานอนตรงเวลาด้วยกัน แต่หลังๆ เริ่มคิดว่ามันจะนอน จะเข้าจะออกตอนไหนก็ช่าง อย่ามาแกล้งหลอกผีเขาอีกก็พอ
ทว่าช่วงนี้ไอ้เด็กนี่กลับทำตัวเป็นเด็กดีผิดคาด ไม่เกินสองทุ่มมันก็กลับห้อง กลิ้งเล่นไม่ออกไปไหน ไม่ก็นั่งสเก็ตช์อะไรไม่รู้ในกระดาษ พอเช้าก็ออกไปเรียน บางวันก็ออกไปพร้อมกับเวลาที่มันต้องออกไปทำงาน
ซึ่งมันว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะไม่ต้องนอนกังวลกับความมืดคนเดียว เสียแต่ไอ้เด็กนี่ดันทำตัวเงียบๆ ผิดปกติ ทั้งที่เวลาอยู่ด้วยกันมันชอบเอาเรื่องผีมาแหย่คนกลัวผีอย่างเซนให้ปวดประสาทอยู่เสมอ อันที่จริงเรื่องที่มันกลัวผีถือว่าเป็นความลับยิ่งใหญ่ระดับจักรวาล มันไม่เคยบอกใครยกเว้นเพื่อนสนิทคนนึง นอกนั้นเวลามันอยู่ข้างนอกก็จะเป็นเซนคนเก่งกาจ ตัวโต เถื่อนดุ จัดการกับปัญหารอบข้างได้อย่างสบาย
เสียแต่เพราะเด็กผีนี่ทำตัวเป็นผีตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอตัว ทำให้มันปิดบังไม่ได้ โดนคนน้องเอามาล้ออยู่บ่อยๆ จนนึกอยากทุบหน้าขาวๆ นั่นสักที
จากการที่ได้อยู่ร่วมกันมาเป็นเดือนๆ ทำให้มันรู้ว่าไอเดียเป็นเด็กร่าเริง แม้จะมีบางช่วงที่ออกจะติสแตก อย่างจู่ๆ ก็นึกรำตอนกลางคืน นอนอยู่ดีๆ ก็ทะลึ่งลุกขึ้นพรวดออกไประเบียงเพื่อสูบบุหรี่...ไอ้มันก็ตกใจนึกว่าเจออะไรในห้อง รีบเดินตามมันออกระเบียงไป จนโดนหัวเราะใส่ หรือไม่ก็นอนท่าประหลาด บิดตัวไปมาคล้ายจะไม่ใช่ท่าทางปกติของมนุษย์ ด้วยเหตุผลที่ว่าก้มหน้านั่งตัดโมเดลนานไปจนปวดหลัง... ไม่นึกถึงใจคนที่เปิดประตูเข้ามาเจอคนผมยาวนอนบิดร่างเป็นท่าทางพิลึกน่ากลัวนี่เลย...
บางทีมันก็คิดว่าไอเดียในบางช่วงเหมือนผียิ่งกว่าผีจริงๆ เสียอีก ทำตัวเหมือนโดนสิงอยู่ตลอดเวลา
แต่จากที่จู่ๆ เด็กร่าเริงก็กลายมาเป็นนั่งเงียบงุด จมอยู่ในความคิดตัวเอง ไม่เอ่ยปากคุยกับมันเหมือนทุกที ถ้าเป็นไม่กี่วันมันคงไม่สนใจอะไรหรอก แต่นี่เล่นเป็นอย่างนี้มาอาทิตย์นึงแล้ว...หรือว่าจะโดนผีสิงจริงๆ วะ
มันมั่นหมายกับตัวเองว่าวันนี้จะต้องเค้นให้รู้ความจริงให้ได้ ภายในห้องอึมครึมนี่จะได้มีสีสัน เสียงหัวเราะของไอเดียจะได้ทำให้ไม่เงียบเหงาเสียที มันเลิกงานและกลับมาก่อนคนเด็กกว่า ทว่ารอจนกระทั่งผล็อยหลับไปกลับไม่เจอตัวคนที่ต้องการเค้นความ เมื่อมันตื่นขึ้นมาไม่พบร่างรูมเมทของตนจึงเกิดความกังวลใจ หวังว่าไอ้เด็กนี่จะแค่ปั่นงานหัวยุ่ง ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลวร้าย
จนกระทั่งเย็นต่อมา มันกลับมาถึงห้อง อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็มานั่งอ่านเอกสารจากที่ทำงานต่อ ปกติแล้วมันชอบใช้แรงงานมากกว่าถึงจะจบวิศวะมาก็ตาม แต่เพราะได้เงินน้อยสุดท้ายก็ต้องจำใจรีดเค้นสมองที่ไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไหร่นี่ให้ทำงานแทนกล้ามเนื้อ
เวลาเลยผ่านจนเข็มสั้นชี้เลขแปด บอกเวลาสองทุ่ม มันได้ยินเสียงเปิดประตู ก่อนที่ร่างผอมบางของรูมเมทจะก้าวเข้ามาพร้อมใบหน้าอิดโรย
“งานหนักเหรอมึง”
“อืม”
ไอ้เด็กนี่ตอบราวกับคำถามเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไรจนคนตัวโตชักจะหงุดหงิด ที่ถามเพราะเป็นห่วงหรอก ทำไมมาทำสีหน้าอย่างนี้ใส่กัน เด็กสมัยนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ
เสียแต่คนผมยาวกลับไม่แยแสต่อท่าทางหงุดหงิดของอีกฝ่าย เขามีเรื่องให้หนักใจมากจนไม่มีกะจิตกะใจอยากใส่ใจเรื่องรอบข้าง แค่เรื่องตัวเองก็เหนื่อยมากพอแล้ว เขาไม่อยากเหนื่อยปั้นหน้าสดใสไม่เป็นไรสบายดี ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวอย่างนี้อีก
เด็กหนุ่มถอนหายใจ ก่อนลุกไปอาบน้ำอาบท่า ความเย็นของน้ำน่าจะพอช่วยบรรเทาความทุกข์ใจนี้ได้บ้าง
ทุกการกระทำอยู่ในสายตาเซนหมด มันเห็นคนเด็กกว่ามีสีหน้ากลุ้มใจ หน้าขาวซีด ดวงตาลึกโบ๋ ใต้ตาดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้นอน แก้มตอบมากกว่าครั้งแรกที่เจอ รวมถึงเนื้อหนังในร่างกายที่คล้ายจะหายไป ไอเดียผอมลงมาก แถมยังดูมีเรื่องให้กังวลใจมากเช่นกัน
มันรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีความสามารถขจัดความทุกข์ของคนอื่นได้หรอก แต่ยังไงมันก็อยากให้ไอเดียกลับมาร่าเริงเหมือนคราแรกที่เจอกัน ถึงมันจะช่วยอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็อยากรับฟังเรื่องราว เผื่อว่าได้ระบายความในใจออกมาจะช่วยให้เดียรู้สึกดีขึ้นได้
เพราะฉะนั้นมันจึงเอ่ยถามคนเด็กกว่าทันทีเมื่อคนตรงหน้าเสร็จจากการอาบน้ำ
“มีเรื่องกลุ้มใจเหรอ”
“...อือ เรื่องปกติน่ะพี่”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องไร้สาระน่ะ”
“เล่ามาดิ”
“...”
ไอเดียหันไปมองรูมเมทที่เคยเป็นคนแปลกหน้ามาก่อน เรื่องราวที่มีในใจคงรู้สึกแหม่งๆ ถ้าจะบอกกับคนแปลกหน้า แต่เพราะจากความใกล้ชิดจนถึงทุกวันนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเซนไม่ใช่คนไกลตัว คล้ายจะเป็นเหมือนพี่ชายอีกคนหนึ่งด้วยซ้ำ เสียแต่ความกังวลของเด็กอย่างเขา ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่อย่างเซนจะเข้าใจได้หรือเปล่า
เด็กหนุ่มขบกัดริมฝีปากตัวเอง
“นอนกันเถอะ”
พร้อมลุกไปปิดไฟในห้องให้มืดลงก่อนเดินมานั่งลงบนเตียงตัวเองอีกครั้ง แต่ทั้งเขาทั้งพี่ชายในห้องยังคงนั่งนิ่งกันอยู่บนเตียง ความมืดปกคลุมไปทั่วห้อง ไม่มีใครยอมล้มตัวนอนก่อน
“เล่ามาเถอะ เห็นมึงทำหน้าไม่สบายใจมาตั้งหลายวัน”
“...”
“กูไม่เอาไปบอกใครหรอกน่า”
มันยังคงไม่ยอมแพ้ เอ่ยตัดความเงียบถามคนตรงหน้าที่นั่งอยู่ปลายเตียง แม้ว่าเส้นผมยาวจะปรกหน้ารุงรัง รวมถึงแสงไฟจากถนนจะลักลอบส่องเข้ามาในห้องกระทบตัวคนตัวขาว และจากมุมมองของเขาจะเห็นคนตรงหน้าเป็นเพียงเงามือดจากการย้อนแสงจนดูน่าหวาดกลัวก็ตาม
“...พี่เคยรู้สึกกลัวอะไรนอกจากผีป่ะ”
“...กลัวตาย...”
“...”
“เอ๊า นี่กูพูดจริงๆ”
“แล้วถ้าจริงๆ แล้วผมเป็นผีขึ้นมาพี่จะว่าไง...”
“อะไรของมึง ก็มึงเป็นคน”
“ถ้าไม่ใช่ล่ะ...พี่รู้ได้ไงว่าผมเป็นคน”
“เอ๊าไอ้สัด ก็มึงคุยกับกูอยู่ทุกวัน หยิบโน่นจับนี่ มีชีวิตประจำวันเหมือนมนุษย์ปกติแล้วจู่ๆ อยากจะเป็นผีไปทำไมวะ” มันร้องแย้ง เสียแต่ในใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ เพราะได้เด็กนี่พูดอะไรแปลกๆ แถมบรรยากาศมืดสลัวของห้องช่วยเสริมนี่อีก
“ถ้าจริงๆ แล้วผมเพิ่งตายล่ะ...”
“...”
“ผมไม่ได้กลับห้องตั้งหลายวัน พี่ไม่รู้สึกเหรอ...”
“ก็มึงทำงานไม่ใช่หรือไง”
“พี่เห็นผมทำงานเหรอ?”
“...”
“แล้วพี่รู้เหรอว่าผมได้คุยกับคนอื่น...ผมอาจจะคุยกับพี่แค่คนเดียวก็ได้...”
“อย่ามาพูดบ้าๆ หน่อยเลย...มึงมีเงา!” มีขาด้วย! ผีปกติไม่มีเงาหรอกเพราะแสงจะส่องทะลุ แถมไม่เดินไปเดินมาแบบนี้ด้วย มันมั่นใจแม้ในใจจะเริ่มหวั่นๆ
“...พี่ลองสัมผัสตัวผมรึยัง...ตัวผมอาจจะไม่อุ่นเหมือนคนแล้วก็ได้นะ”
“เป็นเหี้ยไรเนี่ย”
“ก็พี่บอกให้เล่าอ่ะ...ผมก็เล่าให้ฟังอยู่นี่ไง”
“...”
มันเงียบปาก พูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าปัญหาของไอ้เด็กนี่คือเรื่องลี้ลับเช่นนี้ มันเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อไอเดียหยัดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับค่อยๆ เดินมาทางเขา แสงไฟจากข้างนอกส่องมาไม่เพียงพอต่อการจะได้เห็นใบหน้าของคนเด็กกว่านี่ มันเห็นร่างผอมเป็นเพียงเงาดำๆ ที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
“ล...เล่นเหี้ยไร!”
“ลองจับผมดูหน่อยดิพี่ เผื่อผมตายไปแล้ว หรืออาจจะเป็นผีดิบตัวเย็นๆ”
“กูไม่เล่นโว้ย ไอเดีย ออกไปเลย!”
“พี่...” เขาทำเสียงอ่อนราวกับเสียใจแต่ยังคงก้าวมาหาอีกฝ่ายจนถึงขอบเตียง
“ไอเดีย กูไม่เล่นกับมึงหรอกนะ ไปไกลๆ เลย”
“งั้นพี่ก็กอดผมก่อนดิ”
“ไอ้...! อย่าเข้ามานะโว้ย” บัดนี้ มันกลัวคนตรงหน้าจริงๆ เสียแล้ว แถมจู่ๆ ลมข้างนอกพัดแรงจนใบไม้ขยับตัวเสียดสีเป็นเสียงแปลกๆ เพิ่มบรรยากาศน่าขนลุกให้มากกว่าเดิม ซ้ำร่างโปร่งที่เส้นผมยาวปรกหน้าค่อยๆ เดินมาหาเขาช้าๆ นี่อีก มันถดตัวชิดขอบผนัง ไม่เหลือที่ให้หนีแล้วจึงสูดลมหายใจเข้า ตั้งใจจะร้องโวยวายวายทว่าไม่ทันเงาผีที่โถมทิ้งน้ำหนักตัวมาทับมันเต็มตัว
“!!!”
มันหลับตาปี๋ ตัวเกร็งแข็งค้าง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงไออุ่นและลมหายใจจากคนตรงหน้า...
“ไอ้เชี่ยเดีย”
“ฮ่าๆ พี่หลอกง่ายเป็นบ้า”
“เดี๋ยวกูต่อยให้แม่งตายจริงๆ เลย เล่นเหี้ยไรเนี่ย”
“ถ้าผมตายผมจะมาหลอกพี่ เพราะงั้นห้ามต่อยผมนะ”
“ไอ้สัด เล่นเหี้ยๆ ลุกไปเลย”
มันโวยวาย แต่คนขี้แกล้งยังคงซุกอยู่ตรงหน้าอกมันอย่างไม่คิดจะลุกขึ้นตามคำสั่ง แถมยังวาดแขนผอมๆ นั่นมาโอบตัวมันอีกต่างหาก
“...ผมถูกทิ้งอ่ะ ขอกอดหน่อยนะพี่”
เขาว่า เอ่ยเฉลยเรื่องราวที่แท้จริง และอีกความจริงที่ว่า การกุเรื่องผีมาเมื่อครู่นั้นก็เพื่อจะได้เนียนกอดคนตัวโตนี่ง่ายๆ
“ถูกแฟนทิ้งหรือไง”
“อือ”
เรื่องแบบนี้ ใช่ว่ามันจะไม่เคยเจอ หน้าตามันก็ไม่ได้แย่อะไร ผ่านการผสมพันธุ์มาก็มากมาย อกหักรักคุดจนเจ็บเจียนตายก็ผ่านมาแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะไม่ว่าอะไรที่เด็กนี่เศร้าซึมเพราะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอก ใครๆ ก็เสียใจได้ทั้งนั้น
แต่ที่มันแปลกใจคือคนตรงหน้ามีแฟนกับเขาด้วย อันที่จริงมันไม่ควรแปลกใจ เพราะรูปร่างหน้าตาของไอเดียเองก็ไม่ใช่เล่นๆ หนุ่มตี๋หน้าขาวหวานผมยาวนี่คงจะมีสาวๆ มาชอบไม่น้อย เพียงแต่มันไม่เคยเห็นว่าไอ้เด็กนี่จะกล่าวถึงแฟน หรือทำพฤติกรรมอะไรที่คนมีความรักควรทำเลย...วันๆ ก็เข้ามาสูบบุหรี่ นอน วันไหนมีเวลาก็นอนอยู่ในห้อง ไม่ออกไปไหน ไม่ติดมือถือเหมือนเด็กสมัยนี้
คนถูกทิ้งขยับตัวซุกเข้ากับอ้อมอกมันมากขึ้น ทิ้งตัวนอนบนเตียงมันเต็มคราบ แต่มันก็ไม่ว่าอะไร คงเฮิร์ทหนักมากพอดูถึงได้มากอดเขาราวกับไร้ที่พึ่ง มันคงปลอบใจได้อย่างบริสทุธิ์ใจถ้าหากหัวใจไม่เต้นในจังหวะแปลกๆ แบบนี้
“มีแฟนแล้วไม่ไปอยู่กับแฟนล่ะ เห็นสมัยนี้ใครๆ ก็ชอบอยู่กับแฟนทั้งนั้นนี่” มันถามตัดความเงียบ
“ไปไม่ได้หรอกพี่ ผมจนจะตาย ถ้าไปอยู่กับเขาก็เหมือนจะดูเกาะเขากินอ่ะ มันดูไม่ดี”
“เอ๊า”
“...แต่ก็เพราะงั้นแหละพี่ วันนี้ผมเลยเห็นเขาพาผู้หญิงขึ้นห้อง”
“...”
“คงเพราะผมไม่ได้ไปอยู่กับเขาห้องเลยว่างงั้นสิ เลยพาสาวขึ้นห้องจะได้ไม่เหงามั้ง”
เด็กหนุ่มยังคงเอ่ยตัดพ้ออย่างต่อเนื่อง ส่วนมันก็ตบบ่าคนเด็กกว่าเบาๆ ไม่สนใจความชื้นที่ปรากฏบนเสื้อและพยายามไม่สงสัยถึงคำเรียกแทนแฟนตัวเองของไอเดียว่าเขารวมถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของแฟนเด็กหนุ่ม
“ถ้างั้นก็เลิกไปนั่นแหละดีแล้ว”
“...แต่ผมก็รักเขามากอ่ะพี่ แต่แม่งก็...ไม่อยากเจ็บซ้ำๆ แล้ว”
“เชี่ย มันทำหลายครั้งแล้วเหรอวะ”
“ก็อือ...ผมก็รู้นะ เพื่อนมาเตือนก็เยอะ แต่ไม่เคยเห็นจังๆ แบบนี้อ่ะ เจ็บเป็นบ้าเลยพี่”
“ช่างมันเถอะ หาใหม่ๆ ตอนนี้ก็ทำใจไปก่อน เดี๋ยวก็ลืมได้”
“...พี่นี่พูดง่ายเนอะ”
“แล้วจะทำให้มันยากไปทำไมล่ะวะ”
“ฮะๆ...”
เขาก็เคยประสบเหตุการณ์คล้ายกัน แฟนสาวที่คบกันมาตลอดห้าปีและตั้งใจว่าจะขอแต่งงานในอนาคต เงินทองที่หาได้ก็เอาให้เจ้าหล่อนจนหมด แต่กลับโดนอีสาวบอกเลิกเพราะมันจน หาได้สนใจความรักยิ่งใหญ่มากมายที่มันมีให้ไม่ เลือกเดินจากไปหาคนใหม่ที่ดูมีอนาคตกว่า มันทั้งเจ็บใจทั้งแค้นใจ เสียใจจนแทบจะขาดใจ เพียงแต่มันก็ได้แต่ทำใจ กัดฟันมาเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไป ความรักที่มีเริ่มเจือจาง มันยังรักตัวเองอยู่ถึงได้ลุกขึ้นมาจากอดีต เริ่มทำงานหาเงินใหม่อีกครั้ง
เพราะฉะนั้นมันจึงเข้าใจความรู้สึกเศร้าเสียใจของเด็กหนุ่มนี่ดี เพียงแต่คนเคยผ่านมาแล้ว ย่อมรู้ว่าสุดท้ายเสียใจแค่ไหนก็ย้อนกลับไปไม่ได้ สุดท้ายเวลาจะคอยเยียวยาทุกอย่าง
“พี่ไม่รู้สึกอะไรหน่อยเหรอ?”
“รู้สึกอะไรล่ะวะ”
“ที่ผมเล่าอ่ะ”
“กูต้องรู้สึกอะไร คนอกหักมันมึง ไม่ใช่กูนี่”
“ไม่ดิ...ก็...แฟนผมเป็นผู้ชายนะพี่”
“...”
“...”
“แล้ว...?”
“...อ่ะ ก็แบบ...ตอนนี้ผมกอดพี่อยู่นะ แถมอยู่ห้องเดียวกับพี่มาตั้งนานด้วย...ผมเป็นเกย์ พี่ไม่กลัวผมเหรอ”
“มึงไม่ใช่ผีกูก็ไม่กลัวอ่ะ”
“ฮ่าๆๆ พี่แม่ง...”
“กูทำไม...”
“เปล่าพี่...ผมนึกว่าพี่จะรังเกียจพวกเกย์อะไรอย่างนี้เสียอีก”
“รังเกียจทำไม ไม่ใช่ผี”
“บางทีคนก็น่ากลัวกว่าผีนะพี่”
“...”
“ผมโชคดีจังที่มีพี่ อยู่กับพี่แล้วสบายใจอ่ะ”
พลันหัวใจมันก็เต้นผิดจังหวะจนมันรู้สึกได้ มันแทบกลั้นหายใจ กลัวว่าคนในอ้อมกอดจะรับรู้ความผิดปกติที่จู่ๆ ก็ก่อตัวขึ้นนี้ มันรีบกระแอมเบี่ยงเบนความสนใจ ตบหลังคนตัวผอมปุๆ
“นอนเถอะ...”
พลันคิดได้ถึงความกลัวอย่างที่สามที่กำลังเกิดขึ้น...
■ ■ ■ ■ ■ ■