Chapter 8
ติวข้อสอบ คำตอบอยู่ที่เสี่ย
เสี่ยอเนกมั่นใจเลยว่าตั้งแต่จำความได้ เขาแทบไม่เคยทำสิ่งที่ผิดพลาด ทุกอย่างที่ทำ ต้องถูกกำหนดขั้นตอน ต้องมีแผนสำรอง และรายละเอียด ไม่ใช่สักแต่ว่าอยากทำ ก็ทำ เขาไม่เคยใช้อารมณ์เป็นแรงจูงใจ
แม้กระทั่งเรื่องแต่งงานที่ใครๆต่างมองว่าเป็นความล้มเหลว แต่สำหรับเขาแล้ว ทุกอย่างมีที่มาที่ไป และวางแผนไว้ทั้งนั้น
ก็จริง ที่เสี่ยทำตัวไม่ค่อยดีนักกับภรรยาคนแรกจนเธอทิ้งไป แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ เสี่ยก็คงจะทำเช่นเดิม
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาทำสิ่งที่ผิดพลาดจนได้...
เสี่ยไม่ใช่ตาแก่หื่นกามที่ไม่คิดอะไรให้ถี่ถ้วน เขาถึงได้มานั่งกุมขยับเมื่อเห็นภาพเด็กน้อยนอนเปลือย บนร่างมีแต่ร่องรอยบอบช้ำจากการกระทำเมื่อคืน
เสี่ยไม่ได้ดีใจหรอกนะ
ความเมาเป็นเหตุแท้ๆ
“เสี่ย...”
แทนที่คนถูกเรียกชื่อจะตอบรับ แกกลับหลบหน้าไปทางอื่นซะงั้น
“หายเมายัง”
ยิ่งเด็กมันเป็นห่วง เสี่ยก็ยิ่งละอายใจ
“เป็นไรป่ะครับ?”
“เปล่า” ส่ายหน้าตอบ “เธอล่ะ”
“ไม่รู้สิ”
เน่นอนสบายบนเตียงนุ่ม เลยยังไม่รู้จักความทรมานที่แท้จริงน่ะสิ
“เดี๋ยวฉันเรียกไทมาดูแล นอนไปก่อน”
“ครับ”
เด็กน้อยยังไม่รู้ว่าเสี่ยพยายามตีตัวออกห่าง เพราะคิดว่ายังเมาอยู่
ฝ่ายเสี่ยก็ยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ รู้สึกผิดมากๆที่ทำลงไป เหมือนเขาข่มขืนเด็ก ที่แย่ไปกว่านั้น คือเขากลับจำอะไรไม่ได้เลย แต่เน่น่ะสิ! เน่จำทุกอย่างได้!
...ให้ตายเถอะ
•
แต่ผ่านไปหลายวันแล้ว เสี่ยกลับทำตัวห่างเหินจนเน่รู้สึกได้ เขาเป็นเด็กฉลาดพอที่จะรู้ว่าเสี่ยเริ่มแปลกไปตั้งแต่วันไหน ซึ่งนั่นมันทำให้เด็กน้อยหวั่นใจมากขึ้นทุกวันๆ รู้สึกไม่มีความสุขจนเพื่อนยังสังเกตเห็น
เอ็มกับมิคเคยคาดคั้นตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น แต่เน่ก็ไม่ปริปากสักแอะ
“แล้วที่มึงจะติวอังกฤษให้พวกกูล่ะ”
ใกล้สอบกลางภาคแล้ว เด็กๆจึงนัดติวกันหลายครั้ง แล้วก็ล่มทุกครั้ง เอ็มกับมิคอยากให้เกรดม.3 ออกมาดีๆ จะได้เข้าสายวิทย์-คณิตได้ง่ายๆหน่อย
“ก็ติวดิ”
อารมณ์ไม่ดีเลยนะเน่
ถ้าพูดก็หันมามองเพื่อนหน่อย ไม่ใช่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เท้าคางอย่างกับคนอมทุกข์
“ก็ไหนมึงจะพาไปติวบ้านเสี่ย บอกว่ามันสงบ”
“ไม่สงบหรอก อยู่ติดโรงสี เสียงดังจะตาย”
“อะไรของมึงเนี่ยยย”
เอ็มโวยวาย
“มึงงอนอะไรเสี่ยเขาอีก”
มิคที่ใจเย็นกว่าเอ็มเลือกใช้น้ำเสียงอ่อน คอยตะล่อมลูกคุณหนูขี้เหวี่ยงขี้งอน
“เราพูดไม่ได้”
“แล้วอยากหายเป็นแบบนี้มั้ยละ”
“อื้ม”
“ไปคุยกับเขาดิ ตอนกูโกรธพ่อ กูยังคุยกับพ่อเลย ถึงพ่อจะไม่ฟังก็เถอะ แต่มันก็ได้คุยกัน”
“มันไม่เหมือนกันว่ะ”
เน่ไม่ได้โกรธเสี่ย เสี่ยต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดปกติ
...กลัวว่าเขาจะฟันแล้วทิ้ง
“เออๆ ช่างแม่ง— แต่เย็นนี้พวกกูไปบ้านมึงด้วย ยังไงก็ต้องได้ติวเว่ย!”
ไอ้เอ็มที่ฟังมาตลอดยอมเสียที่ไหน
ยังๆวันนี้ก็ต้องได้นกสองตัวแหละ ตัวที่หนึ่งคือติว ตัวที่สองก็ได้ช่วยเพื่อน
หวังว่าเป้าหมายไม่น่าจะยากนะ
.
.
.
.
ถึงข่าวลือเรื่องความโหดของเสี่ยอเนกจะเยอะจนเด็กๆกลัว แต่ไอ้เพื่อนสองตัวของเน่กลับหายกลัวตั้งแต่ที่เขาพาไปเดินห้างแล้ว นี่พ่อแม่ก็ปรามๆว่าอย่าใกล้ชิดสนิทมาก ไม่งั้นเกิดไปทำอะไรขัดใจเสี่ยเข้า คงได้โดนเชือดทิ้งแน่
ดูอย่างตอนที่มันยกมือไหว้เสี่ยนั่นปะไร เล่นยกท่วมหัว พร้อมยักไหล่ด้วยนะ ท่าทางจะไม่กลัวอะไรจริงๆนั่นแหละ
“เพื่อนมาแล้วทำไมไม่บอก”
นี่คงเป็นคำพูดแรกของสัปดาห์
“เสี่ยอยู่ให้เน่บอกหรือเปล่าล่ะ”
“...” คนแก่ขี้กังวลไม่ตอบ
“แล้วทำไมวันนี้กลับไวจังครับ”
เด็กน้อยใช้น้ำเสียงอ่อนลง เพื่อให้เสี่ยกลับมาเอ็นดู หรือหันมามองเขาบ้าง
“พักผ่อน”
ไม่รู้ทำไม น้ำเสียงนิ่งๆของเสียง สายตาที่ไร้จุดหมาย ทำให้ข้างในอกมันวูบโหวง
เนเน่รู้สึกแย่...
เขายอมเป็นของเสี่ยแล้ว ยอมให้เสี่ยทำแบบนั้น ...เพื่อให้เสี่ยรัก
แล้วทำไมเสี่ยถึงไม่แสดงออกว่ารักเน่เลย
มันจุกมาก เหมือนจะร้องไห้ แต่ก็สับสนว่าจะร้องไปทำไม
“เออเน่ ...ไปติวกันเถอะ เย็นแล้ว”
ดีที่เพื่อนช่วยไว้ เน่ถึงกลับมามีสติ
ร่างเล็กพาเพื่อนไปติวหนังสือบนบ้าน มีน้ำขนมพร้อมสรรพ แต่ไร้ร่างเจ้าของบ้าน ซึ่งเน่ก็พยายามทำเป็นไม่สนใจนะ ตั้งใจสอนเพื่อนให้ได้มากที่สุด มัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ เสียเวลาเปล่า
“จำไว้นะ หลัง is , am , are ต้องเป็น??”
“แอ๊ดเจ้อทีฟฟฟ”
“กับ?”
“นาวว”
“แล้ว??”
“แอ๊ดเจ้อทีฟอยู่หน้านาวด้วย”
“ดีมาก เดี๋ยวต่อไปเราจะให้ทริคในการมองadjectiveนะ”
เนเน่เขียนsuffix หรือคำท้ายของคำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษให้เพื่อนๆท่องเป็นจังหวะ จะได้จำได้ดียิ่งขึ้น
แต่ในระหว่างที่อธิบายตามที่ตนเข้าใจ พี่แพรที่ไม่มีหน้าที่อะไรบนเรือนกลับเดินถือถาดขนมขึ้นมา ทำให้เน่มองด้วยความสงสัย
“มีอะไรคะ?”
หล่อนยังคงกวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย
“ขอบคุณครับพี่”
เน่เลยกวนกลับโดยการไม่สนใจนาง นอกจากแสดงมารยาทที่ดีต่อผู้ที่นำของมาถวาย เอ้ย! มาให้
“น่ากินมาก”
ขนมไทยหลากหลายชนิดถูกจัดใส่ถาดแก้วหรู เอ็มกับมิคเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดา จึงไม่เคยไปบ้านเพื่อนที่ไหน แล้วพบกับการต้อนรับอลังการแบบนี้ ยังไม่รวมบ้านทรงไทยที่แทบหาได้ยากในยุคนี้อีก
“พี่ไปก่อนนะคะ”
พี่แพรสุดสวยเดินส่ายก้นวนรอบบ้านหนึ่งทีถึงออกไป ซึ่งการกระทำเพี้ยนๆนั้นอยู่ในสายตาเด็กสามคนตลอด
“เจ๊แกเหมือนตัวประกอบฝ่ายนางร้ายดีว่ะ”
“จริงๆแล้วจริตก็ไม่ได้เยอะแบบนี้หรอก ออกจะบ้านๆด้วยซ้ำไป ที่เป็นงี้เพราะเดินยั่วพวกแกสองคนน่ะสิ”
ก็ไอ้สองตัวมันหน้าตาดีจะตาย ขณะที่เน่หล่อแบบน่ารักยูนิเซ็กส์ อีกสองคนก็หล่อเข้มแบบเด็กบ้านๆ เด็กเลี้ยงวัว มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“แล้วชื่ออะไร”
เอ็มเคี้ยวขนมทองเอกกร้วมๆ
“ชื่อแพร—ปกติไม่เคยขึ้นมาเลยนะ”
“ก็มาดูพวกเราอย่างที่มึงบอกไง”
“เออ คงงั้น—มาๆ เรียนต่อเถอะ”
“รู้แล้วๆ ว่าแต่เสี่ยไปไหนวะ”
“จะไปรู้เขาเหรอ”
“ตกลงทะเลาะอะไรกัน”
“เราไม่ได้ทะเลาะ มีแต่เขานั่นแหละที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป ชอบหลบหน้าหลบตา ไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์ละ ขนาดน้องแป้งลูกเขายังรู้เลย สงสัยมีเด็กใหม่แล้วมั้ง”
ความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้เนเน่เผลอโพล่งออกมาจนหมด
แต่เหตุผลที่พูดมา เหมือนตอกย้ำความขี้หึงขี้หวงของเด็ก ตามที่เพื่อนสองคนมันเคยเจอ จึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เสียอย่างนั้น
“มึงชอบเขาป่ะล่ะ”
“ไม่รู้...รู้แค่ว่าเราไม่มีใคร เรายังไม่อยากถูกทิ้ง”
ความเก็บกดตั้งแต่ที่พ่อแม่ทิ้งตัวไว้ให้เสี่ยโหมขึ้นมาอีกระลอกในระยะหลังมานี้
เด็กน้อยเผลอคิดไปเองว่าตัวกำลังจะมีความสุข
ละเมอเพ้อพกทั้งนั้น
“ลองอ้อนเสี่ยดู ลองคุยกับแกดู เอาหมาแมวมาล่อก็ได้”
“ยังไง?”
“แบบ...หลอกเสี่ยว่าไอ้เปรี้ยวมันขากะเผลก อยากให้เสี่ยดูให้หน่อย”
“เหรอ....”
“กูว่าเวิร์คว่ะ เชื่อไอ้เอ็มมันเถอะ”
เนเน่ชั่งใจไม่นานหรอก เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ขอแค่เสี่ยงอนเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องมีคนใหม่ก็พอ เพราะจะให้เนเน่ไปแย่งผู้ชาย มันก็คงไม่ไหว ทำใจไม่ลง และไร้สาระสุดๆ
.
.
.
.
เด็กน้อยรอให้ฟ้ามืด คนรับใช้กลับบ้านพักผ่อน เหลือเพียงบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่เฝ้ายามตามปกติ ไฟด้านนอกจึงเปิดแค่ไม่กี่ดวง โชคดีที่วันนี้เป็นวันเพ็ญ ฟ้าสว่างไร้เมฆ อาจเป็นสัญญาณดีของการปรับความเข้าใจกับเสี่ย
...เขาเคาะประตูสามที ไม่ดังแต่หนักแน่น ได้ยินเสียงกุกกักจากข้างในจึงรู้ว่าเสี่ยยังตื่นอยู่
1
2
3
นับในใจช้าๆ ถึงสามครั้ง แต่เสี่ยก็ยังไม่เปิด
เนเน่เลยลองเคาะอีก
“เสี่ย...เน่เอง”
เท่านั้นแหละเจ้าตัวถึงยอมเปิด
“มีอะไร”
“ไอ้เปรี้ยวมันเดินแปลกๆ เสี่ยไปดูหน่อยสิ”
“มันคงตกจากที่สูงหรือเปล่า—ไหนล่ะ”
“อยู่ในกรง”
รู้สึกผิดเหมือนกันที่หลอกคนแก่ แต่เน่ตื้อตันไปหมด ได้แค่วิธีนี้แหละที่จะหาเรื่องคุยกับเสี่ยได้
ฝ่ายคนถูกหลอกไม่ใช่เด็กอมมือที่จะไม่รู้ แกก็เล่นตามน้ำไปอย่างนั้น ถึงใจลึกๆจะกลัวว่าไอ้เปรี้ยวมันอาจขาเจ็บจริงๆ
ที่จริงแล้ว เสี่ยไม่ได้ไม่อยากคุยกับเด็ก ...เขาแค่ยังทำใจมองหน้าเน่ไม่ได้ มันรู้สึกไม่ดี รู้สึกละอายใจ ทั้งๆที่ไทก็ช่วยยกเหตุผลสารพัดมาปลอบ ทั้งลวนลามตั้งแต่วันแรกมั่งล่ะ แค่ใช้มือก็นับว่าพรากผู้เยาว์บ้างล่ะ
...แต่ตอนนั้นมันมีสตินี่หว่า
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
เสี่ยอุ้มเจ้าเปรี้ยวขึ้นมาแนบอก อีกมือลูบหลังแมวน้อยเบาๆ เพื่อกล่อมให้มันนอนต่อ
“หายแล้วมั้ง—เสี่ยงานยุ่งจังเลยช่วงนี้”
“ต้องจัดการอะไรหลายๆอย่าง”
เสี่ยอเนกไม่ได้โกหกสักกระผีก เขามีอะไรให้ ‘จัดการ’ จริงๆ
“เราไม่ค่อยเจอกันเลย ตอนแรกก็นึกว่าเสี่ยหลบหน้า”
พูดไปยิ้มไป หวังให้ผู้ปกครองเอ็นดู
“ก็...เราอย่าเพิ่งคุยกันสักพักดีกว่า เธอไปเล่นกับเพื่อนๆให้สนุกเถอะ”
“แค่คุยกันเองนะเสี่ย”
“คุยกันได้ แค่หมายถึงเรื่องที่มากกว่านั้น”
“ทำไมล่ะ”
“เธอยังเด็ก”
“เด็ก?”
แล้วเรื่องวันนั้น...?!
เด็กเขาทำกันเหรอตาแก่!
“นี่...ฉันพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่อยู่นะ”
อะไรวะ เข้าใจอยู่คนเดียว
เด็กน้อยงงเต๊ก เถียงไม่ออก เพราะไม่รู้จะเถียงอะไร
ความเป็นผู้ใหญ่ของเสี่ย มันเชื่อมโยงกับวันนั้นเหรอ?
ใช่ อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงอยู่บ้าง เสี่ยที่ช่ำชองอาจจะไม่ชอบความรู้สึกงกๆเงิ่นๆที่ได้จากวันนั้น จึงพยายามหาทางเปลี่ยนคนใหม่
“อย่าคิดมากนะ เรื่องแบบนั้นน่ะ...มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป อย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลย”
What the FU*K !!!
พูดแบบนั้นออกมา แน่ใจนะว่าคิดดีแล้ว?
เน่ยอมเสี่ย
เน่ยอมเจ็บ ยอมเป็นเด็กของเสี่ย
เพื่อมาได้ยินคำว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาเหรอ?
เขาก็คนนะ
คนที่เป็นเด็ก ที่ต้องมาเจอเรื่องที่เกินกว่าอายุตัวเองด้วยซ้ำ
เชื่อไหมว่าร่างบางยืนอึ้ง ไม่ตอบโต้ แม้เสี่ยจะจูงกลับห้องตัวเอง เนเน่ก็ยังคงไม่กะพริบตา
จนไอ้เสี่ยงี่เง่ามันออกไปแล้ว น้ำตาถึงได้รื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันอึดอัดจริงๆที่ต้องมาเป็นแบบนี้ แต่เน่ก็อยู่มาได้ แบบที่กำลังราบรื่นแล้วด้วย
บรรยายความรู้สึกไม่ได้เลย ที่เรามอบสิ่งสำคัญ เพราะเราไว้ใจเขา แต่กลับถูกมองไม่เห็นค่า
เสียใจ
เสี่ย ไม่เห็นจะเหมือนเสี่ยที่ใครๆต่างเคารพเลยสักนิด
ก็แค่ตาแก่ตัณหากลับ ไร้เหตุผล ไร้สมอง
จะไม่คุยกับเสี่ยอีกแล้ว!
•