SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง กฎของปีหนึ่งข้อที่ 20 : ห้ามทำให้พี่ว้ากคิดมาก “น้อง ๆ ช่วยเช็คเพื่อนของตัวเองด้วยค่า! ลืมใครไว้เราไม่วนรถกลับมารับนะคะ!”
เสียงพี่สันทนาการปีสองพูดย้ำบนรถบัสหมายเลข 3 ซึ่งเตรียมออกเดินทางจากรีสอร์ทในจังหวังระยอง หลังเสร็จสิ้นภารกิจการรับน้อง และปาร์ตี้สุดเหวี่ยงฉลองจัดหนักโต้รุ่งกันยันสว่าง แม้เวลาเช็คเอาท์จะเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนสะลึมสะลือเหมือนยังไม่หายแฮงค์ ต้องลำบากเพื่อนให้ช่วยกันหิ้วปีกลากมาขึ้นรถให้ครบตามจำนวน เพื่อจะได้กลับมหาลัยได้โดยสวัสดิภาพ
ก้องภพนั่งข้างเอ็มเช่นเดียวกับตอนขามา เมื่อคืนหลังจากเขาคุยกับพี่อาทิตย์จบ ก็เดินกลับไปแถวบังกะโล คุยเล่นเฮฮากับเพื่อนปีหนึ่งด้วยกัน แล้วค่อยแยกย้ายกันไปนอนในเวลาไม่ได้ดึกมาก ดังนั้น พวกเขาเลยยังมีแรงสามารถสนุกสนานไปกับกิจกรรมสันทนการของพวกพี่ที่ยังจัดมาให้บนรถทัวร์ ทั้งร้องเพลงคาราโอเกะ ทั้งโชว์เต้น รวมถึงการลงไปแวะหาซื้อของฝากที่ระลึกในจังหวัด ก่อนจะเตรียมนั่งรถยิงยาวอีกหลายชั่วโมงไปจนถึงมหาลัย
...มันคงจะเป็นทริปที่จบลงด้วยความประทับใจสำหรับน้อง ๆ ทุกคน ถ้าไม่ใช่อยู่ ๆ มันดันมีความผิดปกติบางอย่างในรถ
“ก้อง ได้กลิ่นเหม็นไหม้อะไรเปล่าวะ”
ก้องภพถอดหูฟังเพลงจากไอโฟน หลังจากเพื่อนข้างตัวทัก เขาเลยเงยหน้าขึ้นไปมองตรงช่องลมเป่าแอร์ ก่อนขมวดคิ้วงงเมื่อตัวเองก็รับรู้
“เออว่ะ กลิ่นมาจากไหนวะ”
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหาสาเหตุ คำเฉลยก็ตามมาเป็นอาการสั่นแปลก ๆ ของรถ ตามมาด้วยการที่คนขับชะลอจอดลงตรงข้างทางแล้วดับเครื่อง เรียกความตกใจให้กับเด็กปีหนึ่งบนรถบัสหมายเลข 3 จนพวกพี่ปีสองซึ่งอยู่คุมน้องต้องรีบเดินไปถามโชเฟอร์ และได้รับคำตอบว่าเข็มความร้อนขึ้นสูง ขับไปต่อไม่ได้ คงต้องเช็คเครื่องท้ายรถดูว่าเป็นเพราะอะไร
คนบนรถบางส่วนเลยตามลงไปดูด้วย ถึงอยู่บนรถทัวร์ต่อ แอร์ก็ไม่ทำงาน คงไม่มีอากาศหายใจ
โชคดีที่รถมาเสียอยู่ริมถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ข้างทางพอบังแดดตอนช่วงบ่าย แต่ก็นับว่าโชคร้าย เพราะแถบนี้ห่างจากตัวเมืองพอสมควร เลยไม่ค่อยมีบ้านคนอยู่อาศัย หากรถเสียจริง ๆ ต้องการอะไหล่ซ่อมจากอู่คงได้รอกันนานแน่
...และก็ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้าง เพราะทันทีที่คนขับเปิดเช็คเครื่องยนต์ได้ท้ายรถ ไอความร้อนก็แทรกตัวผ่านอากาศจนกลายเป็นควัน บ่งบอกชัดว่าเครื่องยนต์อยู่ในสภาพโอเวอร์ฮีท
“เฮ้อ...สงสัยหม้อน้ำคงรั่ว เดี๋ยวต้องรอให้เครื่องเย็นกว่านี้แล้วค่อยเช็คอีกที”
ลุงคนขับวัยสี่สิบกว่าพึมพำบอกด้วยความเหนื่อยใจ
...ไอ้เรื่องแบบนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย จะไปโทษใครก็ไม่ได้ ถ้าหม้อน้ำรั่วไม่มากก็คงหาทางซ่อม แล้วอาศัยเติมน้ำบ่อย ๆ คงพอวิ่งต่อ แต่กระนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะพวกเขาออกรถมาได้แค่ครึ่งทาง อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมหาลัย
ปัญหาที่มียังคิดแก้กันไม่ตก ตัวช่วยก็ตามมาเป็นรถบัสคันหลังที่ขับจอดชะลอเข้าข้างทาง ๆ ใกล้ ๆ เป็นรถเบอร์ 4 ซึ่งผู้โดยสารเป็นพวกพี่ปีสาม และแน่นอนว่าจะต้องมีรับผิดชอบอย่างเฮดว้ากอาทิตย์ เดินลงมาถามสถานการณ์
“มีเรื่องอะไรเหรอ”
“หม้อน้ำคงรั่วค่ะพี่”
พี่สันทนาการปีสองตอบกลับไปตามข้อสันนิษฐาน อาทิตย์กวาดตามองเครื่องยนต์รถ พลางพยักหน้ารับเข้าใจ ก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนคนอื่นด้านหลัง
“ฟาง...ฟาง... เดี๋ยวโทรไปบอกรถเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ให้ขับชะลอลงหน่อยนะ เดี๋ยวมันจะทิ้งระยะห่างไป”
อาทิตย์จัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ขบวนรถบัสที่ขับตามกันมาจะได้รับรู้สถานการณ์ ขับชะลอลงไม่ให้เสียรูปขบวน เพราะจะให้มาจอดรถกันกลางทางแบบนี้มันคงไม่ดีสักเท่าไร ซ้ำมันจะเสียเวลากันเข้าไปอีก
คนรับคำสั่งจัดการโทรแจ้งข่าวรถเบอร์ 1 ซึ่งเป็นรถของพวกพี่ปีสอง ส่วนเบอร์ 2 เป็นรถของเด็กปีหนึ่งอีกคัน และรถเบอร์ 5 คันสุดท้าย มีพี่ปีสี่ ศิษย์เก่า รวมถึงอาจารย์นั่งมาด้วย ซึ่งก็ตีมาจอดนำไม่ห่างกัน
พี่สันทนาการปีสองเลยรีบวิ่งแจ้งข่าว และพอทราบถึงสาเหตุ อาจารย์ประจำภาคอุตสาหการจึงลงจากรถ มาช่วยตรวจเช็คเครื่องยนต์ด้วย และเพียงไม่กี่นาทีก็รู้ผล
“ไม่ใช่หม้อน้ำรั่วหรอก ประเก็นฝาสูบมันแตก กำลังอัดเลยเข้าระบบหล่อเย็นจนทำให้เครื่องยนต์ไหม้ คงซ่อมอะไรไม่ได้ต้องลากเข้าอู่อย่างเดียว”
...เรื่องใหญ่เลยทีนี้ จากที่คิดว่าคงจะพอซ่อมได้ กลายเป็นหมดหวัง ครั้นจะให้รอเปลี่ยนรถคันใหม่ ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ กลายเป็นงานเข้าฉลองจบทริปเต็ม ๆ
“แล้วพวกน้องจะทำยังไงดีครับอาจารย์”
อาทิตย์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ...แน่นอนว่ายังไง สิ่งสำคัญที่สุดในการรับน้องก็คือต้องพาน้องกลับไปให้ปลอดภัยทุกคน เขาเห็นอาจารย์ขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วจึงเสนอทางเลือก
“อืม ก็คงต้องแบ่งกันขึ้นรถสองคันนี้นั่งเบียด ๆ กันไปก่อน พอถึงจุดแวะพัก แล้วค่อยเฉลี่ยคนให้ไปกับรถคันอื่นอีกที”
...ก็คงมีเพียงวิธีแก้ทางเดียวในตอนนี้
ทุกคนจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำ พาน้องปีหนึ่งขนสัมภาระข้าวของลงจากรถ แยกย้ายแบ่งคนกันขึ้นรถเบอร์ 4 และ เบอร์ 5
ตามปกติรถบัสคันหนึ่งนั่งได้ประมาณ 50 คน พอมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกครึ่งหนึ่ง พื้นที่เลยแทบไม่เหลือ ไหนจะกระเป๋าของน้อง กล่องใส่อุปกรณ์สันทนาการ ขวดน้ำดื่ม ยัดกันเข้าไปจนคนนั่งกันไม่ได้ บางส่วนเลยจำต้องยืน
ซึ่งหน้าที่อันเป็นสุภาพบุรุษนี้ หนีไม่พ้นกลุ่มของพี่ว้ากที่แสดงสปิริตอันมาดแมนให้ผู้หญิงนั่งเบียดสามกันไป รวมถึงให้ปีหนึ่งนั่งตามประสาพี่ที่ต้องเสียสละให้น้อง กระนั้นสัมภาระมากมายก็ยังไม่มีที่จะวาง
อาทิตย์เองในฐานะเฮดว้ากก็ต้องรับผิดชอบแบกลังใส่อุปกรณ์ โดนไล่ต้อนมายืนอยู่เกือบท้ายรถ กระเตงกล่องเหมือนลูก ส่วนอีกมือพยายามหาที่จับยึดไว้เวลารถออกตัว หากเขากลับได้ยินเสียงอาสาจากที่นั่งใกล้ ๆ
“ให้ผมช่วยถือนะครับ”
เขาชะงักไป เมื่อเงยหน้ามองเห็นก้องภพ ซึ่งนั่งกับเพื่อนปีหนึ่งอีกคน ทั้งที่สภาพของเจ้าตัวก็มีกระเป๋าเป้กับแพ็คขวดน้ำวางอยู่บนพื้นจนนั่งลำบากกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังดึงกล่องกระดาษจากมือเขาไปวางบนตัก มิหนำซ้ำยังพยายามขยับเว้นที่ว่างเหลือไว้ให้เขา
“พี่อาทิตย์จะนั่งก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมขยับให้”
“ไม่เป็นไร ผมยืนได้”
คำปฏิเสธแบบลูกผู้ชาย ทำให้ก้องภพต้องหยุดอาสา มองคู่สนทนาซึ่งหันหน้าไปอีกทางเพื่อจับราวไว้ทรงตัว ขณะรถเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
...หากด้วยขบวนนักศึกษาซึ่งบรรทุกกันเกินอัตรา จึงส่งผลให้รถไม่สามารถเร่งความรถได้มาก จนต้องขับเหมือนคลานไปบนท้องถนน กินเวลานานกว่าปกติกว่าจะถึงจุดแวะพักแห่งใหม่ พวกคนยืนจึงต้องทนขาแข็งไปเกือบชั่วโมงกว่า กระทั่งรถจอดให้คนทยอยลงไปพัก
“เดี๋ยวเราจะแวะพักเปลี่ยนรถกันที่นี่กันนะคะ น้อง ๆ ปีหนึ่งบางส่วนนำกระเป๋าของตัวเองลงไปเปลี่ยนคันได้เลย แล้วอย่าลืมเช็คชื่อบอกพี่ประจำรถด้วยนะคะ!”
พี่ฟางทำหน้าที่ชี้แจงให้น้อง ๆ รับทราบ ก่อนทุกคนจะทยอยลงจากรถ รวมถึงก้องภพที่โดนเอ็มสะกิดถาม
“เอาไงวะ พวกไอ้ทิวมันนั่งกันอยู่ที่รถเบอร์ 2 ด้วย จะเปลี่ยนคันเปล่า”
ชื่อของกลุ่มเพื่อนสนิทเรียกความสนใจของก้องภพ ถ้าเขาเปลี่ยนไปนั่งอีกคันคงได้อยู่รวมกับกลุ่มเพื่อนปีหนึ่งด้วยกัน แล้วก็คงจะเฮฮามากกว่าการอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของรุ่นพี่แน่ ๆ แต่...
หากยังไม่ทันที่เขาจะตัดสินใจตอบ กลับมีเสียงของคนยืนใกล้แทรกเข้ามา
“พวกคุณถือข้าวของพวกคุณไปก็พอ แล้ววางอุปกรณ์วางไว้ที่นี่”
เฮดว้ากอาทิตย์ออกคำสั่งให้เสร็จสรรพ พลางยกกล่องที่อยู่บนตักของก้องภพไปถือไว้ในมือ แล้วเบี่ยงตัวหลบจากทางเดิน ให้คนนั่งด้านในเดินออก
…เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางเลือก
ก้องภพจึงคว้ากระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าของตัวเอง เดินนำเอ็มตามแถวของคนอื่นลงไปด้านล่าง ปล่อยให้อาทิตย์วางกล่องแทนที่นั่งเมื่อครู่ รอจนพวกน้อง ๆ ลงจากรถเกือบหมด เจ้าตัวถึงได้ทรุดลงตรงที่นั่งด้านในใกล้หน้าต่าง แล้วพ่นระบายลมหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
...ก็เล่นทนยืนเกร็งกันมาตลอด ใจอยากจะนั่งพักเต็มแก่ มันจะไปไม่มีอารมณ์จะไปแวะซื้อของกินเพิ่มพลังที่ไหน แถมเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่นั่งคุยก๊งเหล้ากับพี่ ๆ ศิษย์เก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน รู้ตัวอีกทีก็ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลสว่างคาตาไปแล้ว ตั้งใจว่าจะแอบมางีบนอนบนรถสักหน่อย สวรรค์ก็ดันเป็นใจมาเกิดเรื่องซะได้ แล้วยังต้องมาอยู่ใกล้กับที่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเจออีก
...คนที่เป็นเจ้าของเกียร์ที่เขารับฝากเอาไว้ และเขาก็รับรู้ความหมายที่แฝงมาเหล่านั้น
ความจริงเขาเก็บเกียร์ไว้ในกระเป๋าสตางค์ ตั้งใจพกไว้ติดตัว ไม่ใช่อะไร เผื่อเจอหน้ามันจะได้เอาคืนไปให้ แต่พอมาพบกันกะทันหันในสถานการณ์ฉุกละหุกแบบนี้ เลยทำให้เขาพูดอะไรไม่ถูก
ทั้งที่ใจอยากจะโมโหใส่ เพราะคิดว่ามันแค่แกล้งแหย่กวนตีนเขาเล่น ๆ แต่สุดท้าย เขากลับยืนเงียบ แล้วก็ไล่ให้อีกฝ่ายลงจากรถ เพื่อพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้าตรง ๆ ...อ้าว...ถ้าเขามัวแแต่หลบมันอย่างนี้ แล้วเมื่อไรเขาจะได้คืนเกียร์ให้มันสักทีวะ!
อาทิตย์ขยี้ผมด้วยความหงุดหงิดสับสน ยิ่งคิดมากก็ยิ่งปวดหัว แล้วมันก็ไม่ใช่นิสัยเขาที่ชอบมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ เขาเลยตัดสินใจหลับตาลง ปล่อยวางเรื่องในสมอง กะจะงีบสักแป๊บหนึ่งให้คลายความเครียด หากยังไม่ทันได้พัก กลับโดนขัดจังหวะจากเสียงถามใกล้ ๆ
“พี่อาทิตย์หลับอยู่เหรอครับ”
คนฟังเผลอลืมตามอง แล้วก็ต้องหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รีบผุดลุกขึ้นยืนทันควัน เมื่อเห็นก้องภพสะพายกระเป๋าเป้คล้องไหล่ มืออีกข้างหิ้วถุงเซเว่น มาหยุดยืนข้าง ๆ เหมือนมาทวงที่นั่ง
“คุณกลับมาทำไม ลืมของเหรอ”
“เปล่าครับ ผมจะมานั่งรถคันนี้”
คำตอบชัดเจนทำให้อาทิตย์มึนงง ...ก็ไหนบอกว่าจะไปนั่งรวมกับเพื่อนที่รถเบอร์ 2 ไงวะ แต่นี่ทำไมมันดันขึ้นรถมาคนเดียว ...คิดไปปากก็ถามไปอัตโนมัติ
“แล้วเพื่อนคุณล่ะ”
“เขาไปนั่งอีกคันแล้วครับ ก็อาจารย์บอกว่าให้แบ่งเฉลี่ยกัน ผมก็เลยกลับมาคันเดิม พี่อาทิตย์ให้ผมนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
ก้องภพเอ่ยคำขออนุญาต เพราะมีกล่องอุปกรณ์วางขวางอยู่บนเบาะ อย่างที่เฮดว้ากไม่คิดจะยกออกด้วยกำลังลังเลใจในสถานการณ์
...เอาไงดีวะ...อุตส่าห์เลี่ยงไม่อยากเจอแล้ว หรือเขาควรจะปล่อยให้ก้องภพมันนั่งคนเดียว แล้วตัวเองแยกไปนั่งกับเพื่อนซะจะได้หมดเรื่อง นั่นไง...ไอ้น็อตเดินขึ้นรถมาพอดีด้วย
คนเห็นทางรอดเตรียมอ้าปากคุยกับเพื่อน แต่อีกฝ่ายดันสวนขึ้นมาเสียก่อน
“อ้าว ไอ้อาทิตย์ มึงจะให้น้องยืนขวางทางเดินทำไมวะ มึงก็เอากล่องลงไปวางบนพื้นดิ คนอื่นจะได้เข้าไปข้างใน”
...ไม่ช่วยแถมยังได้มาเป็นคำด่าซ้ำ แถมแถวของคนที่เดินตามหลังมาก็ต่างหยุดรอเพื่อให้ก้องภพได้นั่ง
สุดท้ายคนหมดสิทธิ์ค้านเลยต้องยกเอากล่องอุปกรณ์ลงวางที่พื้นตรงหน้าตัวเองอย่างจำใจ เมินสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่ใครบางคนปลดกระเป๋าเป้ พลางทรุดนั่งลงข้างตัว เขาได้ยินเสียงกุกกัก เหมือนคนค้นหาอะไรในถุง ก่อนตามมาด้วยเสียงเปรยถาม
“พี่อาทิตย์กินขนมมั้ยครับ”
เขาหันกลับมองก้องภพที่เปิดถุงหยิบ ทาโร่ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย กับเลย์มาให้เลือก ถึงความจริงจะแอบหิวอยู่หน่อย ๆ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของรุ่นพี่ค้ำคอเลยต้องทำหน้านิ่งพูดปฏิเสธ
“ผมไม่เอา”
แต่คนมีน้ำใจก็ยังไม่หยุดค้นหาของ
“งั้นกินน้ำมั้ยครับ เมื่อกี๊ผมลงไปเจออันนี้มา ผมเลยซื้อมาฝากพี่ด้วย”
คำว่าของฝากเฉพาะเจาะจงทำให้อาทิตย์ต้องเหลือบมองอีกครั้ง ก่อนจะเบิกตากว้างทันที่ที่เห็นของในมือคนตรงข้าม
...นมเย็นชมพูแบบบรรจุขวด
“นี่คุณตั้งใจซื้อมาแกล้งผมเล่นใช่มั้ย!”
อาทิตย์รีบตวาดดุใส่อีกคนด้วยความโมโห ...อยู่ ๆ ก็ซื้อนมเย็นมาให้แบบนี้ มันตั้งใจจะแหย่เขาให้อายรึไง คิดว่ารู้ความลับเขาแล้ว จะมาท้าทายกันเหรอวะ!
ทว่าคนโดนปรักปรำเข้าใจผิดกลับรีบส่ายหน้าพลางอธิบาย
“เปล่าครับ ผมเห็นว่าพี่ดูเพลีย ๆ เหนื่อย ๆ ผมก็เลยซื้ออะไรเย็น ๆ กับขนมมาให้พี่ แต่ผมไม่รู้ว่าพี่ชอบขนมอะไรเลยหยิบมาหลายอย่าง ส่วนนมเย็น ผมรู้ว่าพี่ชอบอยู่แล้วเลยซื้อติดมา แต่ถ้าพี่ไม่อยากกินผมมีชาเขียวอีกนะครับ เพราะอีกนานกว่าจะถึงมหาลัย ผมแค่อยากให้พี่ทานอะไรรองท้องซะหน่อย...เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ”
เหตุผลยาวเหยียดนั้นทำให้อาทิตย์ชะงัก มองนัยน์ตาและน้ำเสียงอีกฝ่าย ...เป็นอีกครั้งที่เขาสัมผัสได้ถึงความจริงจังคล้ายไม่ได้แกล้งพูด และมากไปกว่านั้น...
...คือความใส่ใจและห่วงใยที่แฝงมาอยู่ในถ้อยคำ
เฮดว้ากลังเลอยู่ชั่วครู่ มองของในมือของคนตรงข้าม แล้วตัดสินใจรับนมเย็นมาเจาะหลอดดูดง่าย ๆ เมินหน้าหนีหันมองวิวข้างนอก ซึ่งรถบัสกำลังเคลื่อนที่ออกไปอีกครั้ง
รสหวานของนมเย็นช่วยทำให้สดชื่นขึ้นจริงดังว่า แต่มันไม่ได้ช่วยให้ความคิดของเขาบางเบาลง ซ้ำยังมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
...เขาไม่แน่ใจว่า ไอ้ความชอบเป็นฮีโร่ เลยต้องคอยดูแลเทคแคร์คนอื่น มันคือลักษณะนิสัยส่วนตัวของก้องภพอยู่แล้วรึเปล่า
...แล้วก็ไม่แน่ใจว่า ไอ้การที่บางครั้งก็ทำเป็นพูดเล่น บางครั้งก็มีท่าทางจริงใจ ตกลงก้องภพต้องการจะสื่อความหมายออกมาแบบไหน
ที่สำคัญ เขาไม่แน่ใจว่าก้องภพปฏิบัติแบบนี้กับทุกคน ...หรือมันเป็นความพิเศษเฉพาะกับเขา
เพราะถึงจะพยายามไม่ใส่ใจจะมอง แต่เขาก็ยังสังเกตเห็นได้จากการกระทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่มันบ่งบอกว่า นอกจาก ‘ความอ่อนโยน’ ในดวงตาคู่นั้นแล้ว
....มันยังมี ‘ความอ่อนหวาน’ ที่ทำให้เขาเผลอคิดมากไปไกล
ไหนจะเรื่องเกียร์ภาคที่ตอกย้ำความหมายพวกนั้นกับเขาอีก เขาไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออกหรอกว่าก้องภพมีบางสิ่งปิดบังไว้ หากมันกลับไม่เคยชัดเจนเลยสักครั้ง ก้องภพทำเหมือนแหย่เล่นยั่วให้เขาโมโห ทว่าสุดท้ายก็มาขอโทษทำดีด้วย จนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด อยากจะถามตรง ๆ ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าขืนยกประเด็นมาคุยกันตอนนี้ก็คงจะแปลก ๆ เกินไป
อาทิตย์เลยพยายามสลัดหัวไล่ความฟุ้งซ่าน ดูดนมเย็นจนหมดขวด แล้วจัดการทิ้งลงถุงขยะ ก่อนหันไปมองวิวข้างทางต่อ โดยไม่สนใจคนข้างตัวที่นั่งเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจมีคำถามมากมายอยากจะถาม
....ก้องภพไม่กล้าถามว่าพี่อาทิตย์รู้ความหมายของเกียร์รึยัง
ซึ่งเขาเดาว่าคงยังไม่รู้ เพราะถ้าเข้าใจเจ้าตัวจะต้องมาโวยวายกับเขาแล้ว แต่พี่อาทิตย์กลับเงียบแล้วก็รับความหวังดีของเขาไปง่าย ๆ ถึงจะมีท่าทีไม่พอใจอยู่บ้าง แต่มันก็คล้ายดูจะอ่อนลงมากกว่าทุกครั้ง
เขายังไม่ลืมความจริงข้อที่ว่า พี่อาทิตย์เป็นผู้ชาย และเขาก็เป็นผู้ชาย การจะไปบุ่มบ่ามถามเอาซึ่ง ๆ หน้าก็กลัวจะพี่อาทิตย์จะโกรธมากกว่านี้ ที่เขาให้เกียร์ภาคก็นับว่าเป็นเรื่องอาจหาญมากพอแล้ว ...ซ้ำเขายังให้ไป ทั้งที่ก็ยังไม่เข้าใจในความรู้สึกตัวเอง
...ไม่รู้เพราะบรรยากาศของทะเลพาไป หรือ เพราะได้คุยกับพี่อาทิตย์ดี ๆ เป็นครั้งแรก เลยทำให้เขาตัดสินใจแบบนั้น แต่จะโทษบรรยากาศอย่างเดียวก็ไม่ได้ ความจริงมันมีบางอย่างในความรู้สึกที่มันค่อนข้างชัดเจน และเป็นมาโดยตลอด
...เขาแค่ชอบมองพี่อาทิตย์ อยากอยู่ใกล้พี่อาทิตย์ อยากคอยดูแลพี่อาทิตย์ มีเพียงสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่เขามั่นใจ แต่นอกเหนือไปกว่านั้น
...เขาก็ยังไม่สามารถค้นหาคำตอบในใจได้จริง ๆ
ความคิดของก้องภพสะดุดไป เมื่อรู้สึกถึงความหนักบริเวณไหล่ และสาเหตุมาจากศีรษะของใครบางคนเอนลงมานอนซบ เขามองคนหลับสบายตรงหน้า ก่อนจะยิ้มบาง สัมผัสถึงสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน
...ถึงแม้จะบอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง แต่สำหรับเขา ...พี่อาทิตย์คือคนพิเศษกว่าใคร ๆ
...ก็เท่านั้นเอง
…
…
“พี่อาทิตย์ครับ... พี่อาทิตย์... ตื่นเถอะครับ ใกล้จะถึงม.แล้วนะครับ”
คนถูกเรียกปรือตาขึ้นมอง สิ่งแรกที่เห็นคือทัศนียภาพเอียง ๆ ของเบาะ กับความเมื่อยตรงต้นคอทั้งที่มีหมอนมารองหนุนไว้อยู่แล้ว เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อนนะ เขามีหมอนตั้งแต่เมื่อไรวะ
อาทิตย์รีบกระเด้งตัวออกจากหมอนชั่วคราว ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากไหล่ของคนนั่งข้าง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเผลอตัวไปซบตั้งแต่เมื่อไร เขานึกโมโหตัวเอง เพราะกลัวจะไปทำท่าทางทุเรศอะไรให้อีกคนหนึ่งเห็น หากอีกฝ่ายกลับไม่ได้หัวเราะ หรือมีท่าทีขำอะไร
เฮดว้ากจึงพยายามลูบหน้าลูบตาเรียกสติ ทำท่าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอรถเลี้ยวจอดสนิทในมหาวิทยาลัย ซึ่งดีเลย์กว่ากำหนดการตอนหกโมงเย็นไปเกือบสองชั่วโมง เพราะใช้เวลาไปกับรถเสียจึงมาถึงช้า ทุกคนจึงมีสภาพอยากลงจากรถไปพักผ่อนกลับบ้านกลับช่อง เลยรีบทยอยกันขนของไปเก็บให้เรียบร้อย
อาทิตย์ลุกขึ้นยกกล่องใส่อุปกรณ์มาถือไว้ในมือ ก่อนเหลือบเห็นขวดแพ็คน้ำสองแพ็คที่ยังวางคาไว้อยู่ตรงใต้เก้าอี้ เขาก้มลงดึงแพ็คน้ำออกมา ครั้นจะจับใส่ลังไปด้วยก็ไม่ไหว คงต้องเดินสองเที่ยวถึงจะเอาหมด ทว่ามือหนึ่งกลับมาช่วยดึงลังอุปกรณ์มาถือไว้
“ผมช่วยยกครับ”
ก้องภพอาสาอย่างมีน้ำใจอีกครั้ง เขาเลยพยักหน้าปล่อยให้เดินนำลงไปจากรถไปยังใต้ตึกคณะ
“พี่อาทิตย์ให้วางไว้ตรงไหนครับ”
“ใกล้ ๆ กับพวกกลองตรงนั้นก็ได้”
เฮดว้ากชี้ไปที่กลองสันทนาการซึ่งอยู่วางไว้อยู่ไม่ไกล ซึ่งก้องภพทำตามคำสั่ง ก่อนจะเตรียมเดินไปหาเพื่อนซึ่งอยู่รวมตัวกันที่รถอีกคัน หากกลับได้ยินเสียงรั้งจากด้านหลัง
“เออ เดี๋ยวคุณ”
“ครับ”
ก้องภพหยุดเดิมหันมาขานรับมองท่าทีของคนพูดที่ลังเล ทว่าที่สุดเฮดว้ากก็ตัดบทดื้อ ๆ
“เปล่า ไม่มีอะไร ขอบใจที่ช่วย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”
ประโยคนั้นมาพร้อมรอยยิ้มและนัยน์ตาที่ทอดมองอย่างจริงใจ แล้วเจ้าตัวจึงเดินไปหาเพื่อนที่เรียก ปล่อยให้คำถามของอาทิตย์ยังคงค้างคาอยู่ในใจ
...คำถามที่ว่า ...คุณคิดอะไรกับผมรึเปล่า
ไม่ใช่เพราะกลัวคำตอบของอีกฝ่าย แต่อาทิตย์รู้ว่าเป็นที่ตัวเขาเองต่างหาก ที่ไม่แน่ใจว่าจะต้องพูดอะไรหลังจากได้ยินคำตอบนั้น
ถ้าก้องภพบอกว่า ‘คิด’ ...แล้วเขาจะต้องทำยังไง จะต้องวางตัวยังไงต่อไป
แต่ถ้าก้องภพบอกว่า ‘ไม่คิด’ สำหรับเขา... เขาคงจะเลือกพูดได้แค่เพียงประโยคเดียวว่า...
...อย่ามาทำดีแบบนี้ให้กันอีกเลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
ป.ล. 1 เรามีทวิตเตอร์แล้วนะคะ ใครอยากพูดคุยเฮฮามาตามฟอลกันได้ที่นี้ค่ะ @BitterSweet_BL แต่อย่าทวงนิยายทางนั้นนะเออ คุยเล่นสนุก ๆ กันเฉย ๆ ใครมีคำถามอะไร หรือพร้อมรับความติสต์แตกของเราได้ก็มาฟอลกันตามสะดวกค่ะ
ป.ล. 2 แปะเพลงสื่อความรู้สึกเฮดว้ากซะหน่อย ได้โปรด : แพรวhttp://www.youtube.com/v/kIG9iiMl5-8