โรงรถของคฤหาสน์เกียรติกาญจนามีความใกล้เคียงกับโชว์รูมรถขนาดย่อม ๆ เหตุผลไม่ใช่อะไรเลย นอกเสียจากว่าท่านเจ้าของบ้านเขาพิสมัยในเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ๆ พิชญ์เองก็ไม่ต่างกัน ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เขาเองก็หลงใหลในของนอกกายเหล่านี้ไม่ต่างจากอริญชย์ แต่ถ้าให้เลือกมาขับซักคันจริง ๆ พิชญ์คงต้องขอผ่าน
อย่างวันนี้ ถึงพิชญ์จะเอ่ยปากกับอริญชย์ว่าจะขับรถไปทำงานเอง แต่พาหนะของเขากลับเป็นรถญี่ปุ่นคันเล็กที่ไอลดาเคยใช้สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
พิชญ์ไม่ได้มักน้อยหรืออยากเจียมเนื้อเจียมตัวให้ใครหมั่นไส้เล่น เขาก็แค่ไม่อยากเสี่ยงเอารถยุโรปคันละหลายล้านออกไปโลดแล่นบนท้องถนน เกิดพลาดท่าไปเฉี่ยวชนใครหรือถูกใครเฉี่ยวชนเข้า ดีไม่ดี ท่านเจ้าของรถจะได้หาเรื่องมาให้เขาต้องชดใช้ความผิดกันไม่จบไม่สิ้นอีก เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการเซฟตัวเอง รถญี่ปุ่นคันเล็กเลยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพิชญ์ไปโดยปริยาย
พอมาถึงที่บริษัท พิชญ์ก็ตรงดิ่งเข้าห้องประชุมทันที เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเริ่มประชุมแล้ว
ห้องประชุมสภาโต๊ะกลมมีสมาชิกรออยู่พร้อมหน้าตา พิชญ์หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของอริญชย์ อดรู้สึกขัดเขินนิด ๆ ไม่ได้ เมื่อต้องมารับบทท่านประธานจำเป็น ผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนยิ้มออกมาน้อย ๆ แต่ไม่มีใครคิดซักถามอะไรเขา
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้ แต่พิชญ์อาจจะไม่รู้คือ อริญชย์แทบจะวางหมากให้พิชญ์กลายเป็นตัวตายตัวแทนของเขาไปแล้วโดยที่พิชญ์ไม่รู้ตัว
“ถ้ามากันครบแล้ว เดี๋ยวเริ่มประชุมกันเลยนะครับ”
พออยู่นอกเวลางาน พิชญ์มักจะโยนหัวโขนของตัวเองทิ้ง กลับมาเป็นนายพิชญ์ ภัทรกุล ลูกแม่พลอยคนทำขนม แต่เมื่อถึงเวลางาน พิชญ์ก็สวมบทบาทที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีตรงไหนที่ขาดตกบกพร่องให้ต้องถูกตำหนิ สมกับที่ผู้บริหารหลายคนต่างยอมรับในความสามารถของพิชญ์ จนปรบมือให้ด้วยความจริงใจโดยไม่ต้องรู้สึกลังเลแต่อย่างใด
จากผู้ชายธรรมดาที่อริญชย์เคยพามาแนะนำต่อที่ประชุมในอดีต...
‘พิชญ์ ภัทรกุล ต่อจากนี้ไปเขาจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยของผมเพื่อเตรียมตัวรับตำแหน่งรองประธานในอนาคต’
พิชญ์ในวันนี้ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของเคเค คอนสตรัคชั่นอย่างเต็มภาคภูมิ สมกับที่อริญชย์เคยเอ่ยปากรับรองด้วยตัวเอง พิชญ์อาจจะไม่รู้ กว่าอริญชย์จะผลักดันพิชญ์ให้ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องฝ่าฟันกับบรรดาบอร์ดบริหารมามากเท่าไหร่
เพื่อที่จะดึงพิชญ์มาไว้ข้างกาย ผู้ชายอย่างอริญชย์ยอมทุ่มจนหมดหน้าตัก แม้กระทั่งให้อำนาจพิชญ์กึ่งหนึ่งเพื่อเข้ามาช่วยกันดูแลบริษัทของครอบครัวเขา
ตลอดเวลาที่ประชุม พิชญ์เป็นทั้งผู้ฟังและผู้พูดที่ดี เขาพูดเมื่อถึงเวลาที่ควรพูด และฟังเมื่อคนอื่นมีไอเดียที่ดีและเป็นประโยชน์
โดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว พิชญ์ซึมซับสิ่งต่าง ๆ ที่อริญชย์คอยสอนเขาทั้งทางตรงและทางอ้อมมาตลอด ไม่ว่าจะทั้งเอ่ยปากสอนหรือกระทำให้เห็น พิชญ์ค่อย ๆ ซึมซับสิ่งเหล่านั้นมาจนผู้บริหารบางคนถึงกับเอ่ยปากออกมาว่า
“บางทีเขาก็คล้ายกันโดยที่เขาไม่รู้ตัว”
การประชุมดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยไม่ติดขัด ก่อนจะเสร็จสิ้นลงตอนเวลาเที่ยงตรง พิชญ์ยืนส่งผู้บริหารคนอื่น ๆ จนกระทั่งเหลือแค่เขากับคุณธเนศที่เป็นผู้จัดการแผนกการเงินอยู่สองคน
“เรียบร้อยดีนะครับ คุณธเนศ”
“เรียบร้อยครับ สมแล้วที่เป็นคุณพิชญ์ คนที่ท่านประธานไว้ใจ”
พิชญ์ยิ้มออกมาอย่างเก้อกระดาก ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่ชินเสียที
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับคุณธเนศ”
“ครับผม”
พิชญ์เดินออกมาถึงหน้าห้องประชุม ก็เห็นประชาสัมพันธ์สาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขา ชายหนุ่มเลยหยุดยืนอยู่กับที่ จนกระทั่งนิดาเดินมาถึงตัว
“มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า คุณนิดา”
“มีแขกมาขอพบท่านรองค่ะ”
พิชญ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ ถึงเขาจะเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่พิชญ์ก็ไม่ได้นึกอยากรับแขกตอนเที่ยงโดยที่ท้องกำลังร้องแม้แต่น้อย
“เที่ยงแล้ว แถมไม่ได้นัดไว้เสียด้วย ผมขอปฏิเสธได้ไหม” พอเห็นประชาสัมพันธ์สาวทำหน้าลำบากใจ พิชญ์เลยอดถามไม่ได้ “แขกจากที่ไหนครับ”
“ท่านรองไปดูเองเถอะค่ะ แต่แขกสำคัญมากจริง ๆ ค่ะ”
ถ้าเป็นอริญชย์ คงไม่มีใครกล้าเล่นลิ้นด้วยแบบนี้ แต่เพราะรู้ว่าเป็นพิชญ์ ประชาสัมพันธ์สาวจึงเอ่ยออกมาอย่างนี้ นอกจากไม่ทำให้กระจ่างแล้ว ยังทำคนฟังสงสัยหนักกว่าเดิม พิชญ์ไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน ถึงได้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเดินไปที่โซฟารับแขก
แผ่นหลังบอบบางของแขกที่มาเยือนดูยังไงก็ไม่คุ้นตาพิชญ์ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายยกชาร้อนขึ้นจิบช้า ๆ ก่อนจะเบือนหน้ามาทางพิชญ์ เล่นเอาเขาถึงกับชะงัก
แขกคนสำคัญจริง ๆ เสียด้วย
พิชญ์ก้าวเท้าเข้าไปหาเธอช้า ๆ พร้อม ๆ กับที่หญิงสาวค่อย ๆ วางถ้วยชาลงกับโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
“สวัสดีครับ คุณรัญญา”
เท่าที่พิชญ์จำได้ ถึงแม้จะไม่ค่อยแม่นยำเท่าไหร่นัก เขาคลับคล้ายคลับคลาว่ารัญญาน่าจะอายุมากกว่าเขาซักปีถึงสองปี แต่เขาเองก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจประวัติส่วนตัวเธอเท่าไหร่นัก ดังนั้นพอเห็นเธอยกมือไหว้ พิชญ์เลยรู้สึกแปลก ๆ รีบยกมือขึ้นรับไหว้เธอแทบไม่ทัน
“ขอโทษที่มารบกวนเวลาทานข้าวกลางวันนะคะคุณพิชญ์ แถมยังไม่ได้นัดเข้ามาก่อนด้วย”
ต่อให้ลำบากใจมากแค่ไหน แต่ตามมารยาทแล้วก็คงต้องเอ่ยออกไปว่า...
“ไม่เป็นไรครับ แต่วันนี้คุณใหญ่ไม่ได้เข้ามาที่บริษัทนะครับ” พิชญ์รีบออกตัว เพราะเดาว่าคนที่เธอตั้งใจจะมาพบน่าจะเป็นอริญชย์มากกว่าเขา
รัญญาพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานออกมา ชนิดที่ทำเอาคนมองเกือบจะเผลอยิ้มตาม ถ้าไอลดาเป็นผู้หญิงที่ดูสวยเฉี่ยว รัญญาก็เป็นผู้หญิงที่ดูสวยหวาน แต่ทุกคนต่างรู้ ในความสวยหวานนั้นแฝงอำนาจไว้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นอำนาจจากตัวเธอเอง หรืออำนาจจากองครักษ์ที่คอยพิทักษ์เธออยู่ มิฉะนั้น ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แค่นี้คงไม่สามารถขึ้นมากุมอำนาจทางธุรกิจแทนพี่ชายของตัวเองได้แน่ ๆ
ในวงการธุรกิจที่ทุกคนพร้อมจะเข้าห้ำหั่นกัน โดยไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร บางครั้งความอ่อนหวานที่เห็นก็เป็นเสมือนดาบสองคม
คมหนึ่ง...อาจกลายเป็นจุดอ่อนให้ศัตรูมุ่งโจมตี แต่อีกคมหนึ่ง...อาจจะเป็นภาพมายาที่คอยลวงหลอกให้ตายใจ สุดแท้แต่ว่าเจ้าของจะเลือกใช้คมไหน
“หลิวไม่ได้มาหาพี่ใหญ่หรอกค่ะ หลิวตั้งใจมาหาคุณพิชญ์ ถ้าไม่เป็นการรบกวน หลิวขออนุญาตเรียกว่าคุณพีทได้ไหมคะ”
ถึงแม้พิชญ์จะมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างชื่อจริงกับชื่อเล่นของเขา แต่พิชญ์ก็พยักหน้าอนุญาตไป กับแค่เรื่องเรียกชื่อ ไม่ได้มีอะไรเสียหายแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจะเรียกยังไงก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนตัวตนของเขา
“งั้นคุณพีทก็ต้องเรียกหลิวว่าหลิวเฉย ๆ เหมือนกันนะคะ ยังไงเราสองคนก็อยู่วงการเดียวกัน หลิวเองอยากทำความรู้จักกับคนเก่งอย่างคุณพีทมาตั้งนานแล้ว ติดว่าเกรงใจพี่ใหญ่”
พิชญ์ฟังคำของหญิงสาวแล้วก็เผลอยิ้มออกมา ถึงจะพบเจอกันตามงานบ่อย ๆ แต่เขากับรัญญาก็ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยอะไรกันมากนัก แค่รู้จักหน้าและชื่อเสียงเรียงนามเฉย ๆ มันคล้ายกับมีกำแพงบาง ๆ กั้นอยู่ เคยนึกสงสัยเหมือนกันว่าเพราะอะไร จนคิดเอาเองว่าอาจจะเพราะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน ก่อนจะรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นมาจากเรื่องในอดีต
“ความจริงแล้วที่หลิวมารบกวนคุณพีทวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ”
“ครับ”
“เรื่องของเฮียกับพี่ใหญ่ค่ะ”
พิชญ์เพียงแค่เลิกคิ้วน้อย ๆ แม้ในใจกำลังรู้สึกตื่นเต้นจนแทบบ้า แต่เขาก็พยายามรักษาสีหน้าและท่าทีของตัวเอง ไม่ให้แสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมามากเกินไป เขาไม่รู้ว่ารัญญาจะมาไม้ไหน เลยยังไม่ควรแบไพ่ที่มีอยู่ในมือออกไป
คนโง่มักอวดฉลาด ส่วนคนฉลาด...มักจะแกล้งโง่อย่างแนบเนียน
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“คุณพีทไม่รู้จริง ๆ หรือคะ ถ้าแม้แต่คุณพีทยังไม่รู้ หลิวคงมาปรึกษาผิดคนแล้วแน่ ๆ”
พิชญ์ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ นางหงส์ของกมลวิลาศน์ เป็นคำเรียกขานที่ไม่ได้ฟังเกินจริงเลย ไม่ใช่แค่สวยเฉิดฉายไปวัน ๆ แต่ยังซ่อนไหวพริบอันเฉียบคมเอาไว้ด้วย
“สงสัยคงต้องคุยกันยาวน่าดูเลยนะครับ ตอนนี้ก็เที่ยงพอดี” พิชญ์ทำทีเป็นก้มลงดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยชวนอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีติดขัด “ให้เกียรติผมได้เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวกลางวันคุณหลิวนะครับ เราจะได้กินข้าวไปคุยไป”
“ด้วยความยินดีค่ะ แต่คงต้องขอให้คุณพีทเป็นคนแนะนำร้านนะคะ เพราะหลิวไม่สันทัดจริง ๆ”
“ผมมีร้านเงียบ ๆ บรรยากาศดีอยากแนะนำอยู่พอดีเลย เดี๋ยวผมขับนำไปก็แล้วกันครับ”
ถึงแม้วันนี้พิชญ์จะต้องพลาดโอกาสในการเล่นเกมยี่สิบคำถามกับอริญชย์ แต่คงไม่เลวนัก ถ้าเปลี่ยนเป็นการได้นั่งคุยกับรัญญา กมลวิลาศน์แทน
.
พิชญ์ขับรถนำทางรัญญามาจนถึงร้านอาหารบรรยากาศดีที่อยู่ห่างจากบริษัทของเขาราวสิบนาที ตอนแรกพิชญ์คิดว่ารัญญาขับรถมาหาเขาที่บริษัทเอง แต่เขาลืมไปว่า พ่อองครักษ์คนดีของรัญญาที่พิชญ์นึกเหม็นขี้หน้ามีหรือจะปล่อยให้เธอมาตามลำพัง
พิชญ์เลือกนั่งโต๊ะมุมในสุดของร้าน จัดการสั่งกับข้าวมาสามอย่างและข้าวเปล่าให้เขากับรัญญาคนละจาน บรรยากาศของร้านอาหารยามบ่ายค่อนข้างเงียบ นอกจากโต๊ะของพิชญ์แล้วก็มีลูกค้าอีกเพียงแค่สองโต๊ะ แถมยังนั่งห่างจากพิชญ์พอสมควร จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวเหมาะสำหรับนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ
“ขอบคุณค่ะ” รัญญาเอ่ยขอบคุณ เมื่อพิชญ์ตักกับข้าวใส่จานเธอ ก่อนจะอดเอ่ยกระเซ้าไม่ได้ “คุณพีทช่างเอาอกเอาใจแบบนี้เอง มิน่า...น้องเล็กถึงรักคุณพีทน่าดู”
พิชญ์ชะงักมือที่กำลังตักแกงจืดเล็กน้อย ก่อนจะเสยิ้มออกมาบาง ๆ
ความรู้สึกระหว่างเขากับไอลดาเป็นเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่มีคนนอกรับรู้ ถึงแม้พิชญ์จะไม่ได้นึกรักไอลดาฉันท์ชู้สาว แต่พิชญ์ก็มักจะให้เกียรติเธอเสมอ ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตามที
“เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นสามีภรรยากันน่ะครับ คุณเล็กเธอก็น่ารักด้วย”
ถ้าคำว่าน่ารักตีความได้หลายความหมาย น่ารักของพิชญ์ในที่นี้อาจจะหมายถึง น่ารักในฐานะที่เธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งของเขา แต่สำหรับคนนอกอย่างรัญญาแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นคู่รักที่น่าอิจฉา
“น่าอิจฉาน้องเล็กจังเลยนะคะ มีคุณสามีที่น่ารักอย่างนี้ เมื่อก่อนหลิวก็เคยได้ยินเขาพูด ๆ เรื่องที่คุณพีทกับน้องเล็กไม่เหมาะกัน หลิวว่าไม่เห็นจะจริงเลย สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกแน่ะ”
พิชญ์ยิ้มบาง ๆ ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินคงตื้นตันไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับพิชญ์ เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมก็ไม่สำคัญ ถ้าเขาไม่ได้นึกรักไอลดา
บางครั้งความรักกับความเหมาะสมก็มักจะเดินสวนทางกัน เหมาะสมมากแค่ไหน แล้วจะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่ได้รักกัน การอยู่ด้วยกันเพราะคำว่าความเหมาะสม มันไม่สามารถประคับประคองให้ความรักไปถึงฝั่งได้เลย แต่...
ความรักที่ไม่มีความเหมาะสม ก็ไม่อาจจะสมหวังได้เช่นกัน หรือถ้าพอจะมีความหวัง มันก็คงริบหรี่เต็มทน
รัญญาดูจะมีความสุขกับการซักถามเรื่องต่าง ๆ ของไอลดาจากพิชญ์ ซึ่งพิชญ์เองก็ตอบได้เรื่อย ๆ อย่างไม่ขัดเขิน จนกระทั่งพนักงานเดินมาเก็บจานไป ก่อนจะยกกาแฟร้อนกับของหวานมาวาง แล้วเดินเลี่ยงไปยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ สีหน้าที่สดใสของรัญญาถึงค่อย ๆ เลือนหายไป
รัญญายกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ ทำทีเป็นมองภาพประดับตามฝาผนังของร้าน แต่ถึงจะทำแบบนั้น ก็ยังไม่อาจบดบังความอึดอัดและลำบากใจที่ฉายออกมาทางแววตาได้
“คุณหลิวครับ...”
เจ้าของชื่อถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนจะเบนสายตากลับมาหาพิชญ์
“คุณพีทคงจะสงสัยใช่ไหมคะ ว่าทำไมจู่ ๆ หลิวถึงมาหาคุณพีทที่บริษัท”
ถึงแม้เธอจะพูดถูก แต่พิชญ์ก็ไม่ได้เอ่ยตอบรับหรือตอบปฏิเสธ เขาเพียงแต่ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ขณะรอให้เธอเป็นฝ่ายเอ่ยต่อ
“คิดแล้วก็ตลกตัวเองเหมือนกันนะคะ หลิวคิดเรื่องเฮียกับพี่ใหญ่มาตลอด แต่ไม่ได้ลงมือทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ เสียที จนกระทั่งเฮียกลับมา...” หญิงสาวหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาช้า ๆ “หลิวไม่อยากให้เฮียกับพี่ใหญ่ต้องบาดหมางกันอีก”
อย่างน้อยก็ยังมีคนที่คิดเหมือนเขา ถึงแม้จะเป็นแค่เพียงคนเดียว พิชญ์นึกว่ามีแค่เขาคนเดียวเสียอีกที่อยากให้อริญชย์กับราชันย์เคลียร์เรื่องบ้า ๆ นี่ให้จบไปเสียที ในเมื่อทั้งเขาและรัญญาต่างคิดเหมือนกัน แล้วทำไมเราถึงไม่ลงมือทำเสียล่ะ
“คุณหลิวจะบอกผมว่า คุณมาขอให้ผมช่วยให้คุณใหญ่กับเสี่ยเล้งคืนดีกัน”
“ค่ะ คุณพีทเข้าใจถูกแล้ว ลำพังตัวหลิวคนเดียวคงทำไม่ได้แน่ ๆ”
“แล้วคุณมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะช่วยคุณได้”
“ข้อแรก เพราะคุณพีทเป็นคนที่ใกล้ชิดกับพี่ใหญ่ แต่ไม่ได้เข้าข้างพี่ใหญ่ ส่วนข้อต่อมา เพราะหลิวรู้ว่าคนเก่งอย่างคุณพีทต้องมีวิธีดี ๆ ที่หลิวนึกไม่ถึงแน่ ๆ”
“ผมยังมองไม่เห็นทางที่เขาสองคนจะกลับมาคุยกันดี ๆ ได้เลย”
รัญญาเม้มริมฝีปากช้า ๆ อย่างครุ่นคิด จนพิชญ์พอจะเดาออกว่า บางทีราชันย์เองก็อาจจะไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้รัญญาฟังมากนัก
“คุณพีทพอจะมีไอเดียอะไรดี ๆ ไหมคะ”
ไอเดียน่ะพิชญ์มีแน่ เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่ามันดีหรือไม่ หรือถ้ามันดี แล้วอริญชย์จะเห็นสมควรกับเขาด้วยหรือเปล่า สิ่งที่พิชญ์กำลังคิดจะทำ มันไม่ต่างอะไรจากการบุกรังพญามังกรเลย
“ผมยังไม่รู้เลย ว่าจริง ๆ แล้วเรื่องราวมันเป็นมายังไงกันแน่”
“คุณพีทลองตะล่อมถามพี่ใหญ่ดูอีกรอบดีไหมคะ ทางหลิวเองก็จะพยายามถามเฮียดูด้วย แล้วเรามาช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงต่อดี”
พิชญ์เคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะอย่างครุ่นคิด การที่รัญญาอยากให้ราชันย์กับอริญชย์หันกลับมาเป็นเพื่อนกันมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่...
“ทำไมคุณหลิวถึงอยากให้คุณใหญ่กับเสี่ยเล้งกลับมาเป็นเพื่อนกันล่ะครับ”
“คงไม่น้องสาวคนไหนอยากให้พี่ชายของตัวเองทะเลาะกันหรอกค่ะ พี่ใหญ่ก็เหมือนพี่ชายอีกคนของหลิว เห็นทั้งสองคนกลายมาเป็นแบบนี้ หลิวเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ถ้าได้คุยกันให้รู้เรื่องแบบจริง ๆ จัง ๆ บางทีอาจจะได้รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่”
พิชญ์เลื่อนตัวเข้ามาชิดกับขอบโต๊ะ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังคิดอยู่มันเป็นวิธีที่ฉลาดหรือเปล่า แต่บางทีมันก็ต้องลองเสี่ยง
...ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วไยจะได้ลูกเสือ...
“ผมอยากรู้ความจริงจากปากเสี่ยเล้ง คุณหลิวพอจะช่วยผมได้ไหม”
รัญญาทำหน้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงออกมา
“ได้ค่ะ แต่หลิวเองก็มีเรื่องที่ต้องขอร้องคุณพีทเหมือนกัน”
“ว่ามาสิครับ”
“จนกว่าจะได้รู้ความจริงจากปากเฮีย อย่าเพิ่งให้พี่ใหญ่รู้ได้ไหมคะว่าหลิวมาหาคุณพีท พี่ใหญ่คงไม่ชอบใจแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าหลิวมายุ่งวุ่นวายกับคุณพีท หลิวไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา”
คำขอของรัญญาไม่ได้ยากเกินไปสำหรับพิชญ์ เขาเองก็เห็นดีเห็นงามกับเธอเสียด้วยซ้ำไป อริญชย์คงรีบห้ามเขาแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าพิชญ์คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับราชันย์ เพราะฉะนั้น ขอให้เขาได้รู้ก่อนเถอะว่าความจริงมันเป็นยังไงมายังไง แล้วหลังจากนั้นถึงค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อ
“ได้ครับ แต่ช่วยเล่าทุกอย่างที่คุณหลิวรู้ให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“..........”
.
แสงอาทิตย์สีส้มจาง ๆ สาดกระทบร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกไซต์งาน อริญชย์ยืนมองดวงอาทิตย์ที่เตรียมจะลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกจนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม พลางคิดถึงคนที่ตอนนี้อยู่กรุงเทพฯ
พิชญ์อาจจะคิดว่าเขาหลบเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ ในเมื่อเขาถูกตามตัวให้มาเคลียร์ปัญหาด่วน เรื่องที่มีการสอดไส้สินค้าจากซัพพลายเออร์
อริญชย์ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เขายังไม่อยากฟันธงว่าเรื่องสอดไส้ของคราวนี้เป็นฝีมือของราชันย์ แต่คนที่ชอบเล่นสกปรกแบบนี้ ตลอดชีวิตเขาก็รู้จักอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหนเลย นอกเสียจาก...ราชันย์ กมลวิลาศน์!
ก้นบุหรี่ในมือถูกทิ้งลงกับพื้น ก่อนที่คนสูบจะขยี้มันให้ดับด้วยปลายรองเท้าจนเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน
ถ้าเขาขยี้อดีตเพื่อนรักให้ดับง่าย ๆ เหมือนขยี้ก้นบุหรี่ เรื่องราวต่าง ๆ คงไม่บานปลายมาจนถึงป่านนี้
อริญชย์เตรียมจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในไซต์งาน ป่านนี้ตุลย์ที่นั่งตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ในออฟฟิศชั่วคราวคงกำลังนึกบ่นเขาอยู่แน่ ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไป ชายหนุ่มก็ยังไม่วายหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาดู
ยอมรับเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แค่รู้ว่าวันนี้พิชญ์ไม่ได้ไปหาไอลดากับน้องหนู เขาก็ดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะยึดพิชญ์ไว้กับตัวตลอดไป ไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหน ไม่ว่าจะเป็นไอลดาหรือน้องหนู
ความรัก...ทำให้คนเรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ แต่ไม่เคยลองถามเขาเลยว่าอยากได้รับความรักจากเราไหม
เพราะเขากลัว...กลัวความจริงที่จะหลุดออกมาจากปากพิชญ์ แต่ถึงพิชญ์ตอบว่าไม่ อริญชย์ก็รู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยพิชญ์ไป
อริญชย์ยิ้มขันให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง เขายัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงลวก ๆ กำลังจะเดินกลับเข้าไปในไซต์งาน แต่กลับต้องชะงักเสียก่อน เมื่อสัญชาติญาณของเขามันตื่นตัว บอกให้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชายหนุ่มหันหลังขวับกลับไปหาสาเหตุ
ก็แค่มอเตอร์ไซค์ธรรมดา ๆ อาจจะเป็นของคนงานแถวนี้ก็ได้
ไม่สิ! ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ธรรมดาคงไม่เล็งปลายกระบอกปืนมาที่เขาแน่ ๆ
อริญชย์สบถออกมาอย่างหยาบคาย นึกด่าไปถึงโคตรเหง้าศักราชของคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์บ้า ๆ นี้ ก่อนจะกลิ้งตัวนอนราบไปกับพื้นเมื่อมัจจุราชสีดำพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างไม่ปรานีปราศรัย
!!!
TO BE CONTINUE
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่า
จบตอนนี้ต้องถือป้ายเชียร์คุณใหญ่ คุณใหญ่สู้ ๆ