T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: T@NG[รวมเรื่องสั้น] 鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ! (29/5/58)  (อ่าน 49130 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
   ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สารบัญ


เนื้อหาเรื่องเดียวจบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น
รักสองตระกูล
... I wiil pray ...
ก็แค่นางฟ้า... ของผม
รักทั้งทีต้องปากแบบนี้สิหน่า!
รักสุดท้าย... คือนิรันดร์
In Camera คุณครับ รักนะ...
พี่เนียนน่ะผมรู้...  แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 1
พี่เนียนน่ะผมรู้... แต่ที่พี่ไม่รู้คือผม‘รัก’ 2
สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดีไม่มีวันเข้าใจ
สิ่งที่คนหน้าตา(ไม่)ดี ไม่มีวันเข้าใจ (ค้อนpart)
Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?1
Line Play VS พรหมลิขิต ตกลงเราเจอกันเพราะ..?2


ซีรีย์ คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!
คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
คิมหันต์Xเหมันต์... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
เที่ยวXท่อง... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
ต้นน้ำXปักษา... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
เมฆาXน้ำฝน... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ
คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 1
คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!! 2
คิมหันต์Xเหมันต์ พิเศ๊ษพิเศษ
คนแรกXสุดท้าย พิเศ๊ษพิเศษ


ชุด ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (เมื่อคนบ้า แกล้งบ้า)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (บ้าก็รัก(ว่ะ)ครับ)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (วันพ่อ)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (วันปีใหม่)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (สงกรานต์ของคนบ้า)
ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย (สงกรานต์บานบุรี~)


เรื่องที่มีตัวละครเกี่ยวข้องกับ ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!
เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 2
ลิตเติ้ลยุง  โอเค! มึงเป็นผัวกู!


ซีรีย์ มังกรทั้ง9
囚牛 ใช่'รัก'รึเปล่า... ผมว่า'ใช่'นะ
椒图 'รับให้ผมจีบ'เพิ่มมั๊ยครับ?
鸱尾 ขอ 'กิน' บ้างดิ!



---------------------------------------------------

                                                                           
เรื่องที่1

รักสองตระกูล

         กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีเจ้าชายรูปงามอยู่สองคน  ทั้งคู่ต่างแอบชอบพอกันอยู่เงียบๆโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้  แม้ กาลเวลาจะล่วงเลยผ่าน ตลอดเวลาที่ทั้งคู่ต้องพบเจอหน้ากันก็มีแค่เพียงหัวข้อทางการเมืองเท่านั้นที่สนทนา  แต่ใครเลยจะล่วงรู้ว่าในจิตใจของทั้งสองพระองค์นั่นจะเจ็บปวดเพียงใดที่ไม่สามารถแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำว่ารักให้อีกฝ่ายรับรู้ได้  เพราะคำว่า “กลัว”  กลัวว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ได้  กลัวว่าอีกฝ่ายจะจากไป และกลัว... ว่าคำว่ารักคำนี้จะไม่อยู่ไปชั่วนิรันดร์... 
   
   ในนครแห่งมนตราเจ้าชายรูปงามได้แต่เนรมิตภาพฝันขึ้นมาดูต่างหน้า  และเพ้อรำพันอยู่ทุกวี่วัน  แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดที่จะทำใจกล้าบอกออกไปเสียที  จนแล้วจนรอดก็ได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่หน้ารูปที่สร้างสรรค์ขึ้นมา

   ในนครแห่งมายาเจ้าชายอีกองค์ก็ได้แต่เสกสรรร่างปลอมๆของเจ้าชายแห่งมนตราขึ้นมาเพียงเพื่อกล้าคำว่ารักที่ไม่กล้าบอกกับเจ้าชายมนตราจริงๆ  พระองค์ได้แต่ถอนหายใจอย่างอาวรณ์ที่ไม่สามารถพูดออกไปได้  ได้แต่นึกถึงหน้าเจ้าชายแห่งเมืองมนตรา  หากคราใดที่พระองค์กล่าวออกไป เมื่อนั่นทุกอย่างคงสิ้นสลายไป...

   เมืองแห่งมนตราดวงดาวแห่งรักจะขึ้นในตอนกลางวันพระองค์ก็ได้แต่กล่าวคำว่ารักผ่านให้ดวงดาวส่งต่อไป... 

   เมืองแห่งมายาดวงดาวแห่งรักจะขึ้นในยามค่ำคืน  พระองค์ได้แต่ทอดพระเนตรและกล่าวคำว่ารักส่งผ่านไปกับดวงดาวในทุกค่ำคืน...

   แม้จะผ่านไปนับห้าปี  ทั้งสองพระองค์ต่างรักกันอย่างที่ไม่มีใครรู้อยู่จนกระทั่งวันหนึ่ง...    เจ้าชายแห่งนครมนตราก็เสด็จประชวรลงเพราะโหยหาในความรักที่มิอาจเอื้อนเอ่ยได้... ทำให้เจ้าชายแห่งนครมายาก็ทรงประชวรลงตามกันเพราะได้ข่าวว่าเจ้าชายแห่งนครมนตราทรงประชวร

   ทั้งคู่ต่างรักกันอยู่เงียบๆ  แต่ก็มีนักกวีของเมืองผู้มีอารมณ์อ่อนไหวอยู่คนหนึ่ง เขาได้รับรู้เรื่องราวความรักของทั้งสองพระองค์และแต่งกวีขึ้นมาบทหนึ่ง...
   นับแต่พบสบเนตรเจ้ามนตรา      องค์มายาก็สบพบดวงใจ
แม้สองเมืองจะอยู่กันแสนไกล         แต่ก็ใกล้ดวงใจไม่ต่างกัน
   เจ้ามนตราไม่กล้าจะเอื้อนเอ่ย      มายาเอ๋ยโปรดเอ่ยสัญญามั่น
ว่าเรานี้จะรักกันชั่วนิรันดร์         มายานั้นไม่กล้าดังเช่นเคย
   ได้แต่ฝากดวงดาวกล่าวบอกรัก   ช่างยากนักหาคำมาเปรียบเปรย
ดั่งหยาดฝนกำลังจะเยาะเย้ย         รักเราเลยไร้หวังสมฤดี
   หากสวรรค์มีจริงข้าขอวอน      ให้ศรรักปักคู่กับชีวี
ให้มายาได้เอ่ยรักสักที            มนตรานี้รักเราไม่เสื่อมคลาย...

   แม้สุดท้ายแล้วความรักของทั้งคู่ก็ไม่สมดังที่คาดหวัง...  เจ้าชายแห่งมนตราสิ้นพระชนน์จากการแอบรักจนหมดหัวใจ  และในเวลาเพียงหนึ่งปีเจ้าชายแห่งเมืองมายาก็ตรองใจสิ้นประชนน์ตามไปอย่างกระชั้นชิดทำให้ทั้งสองเมืองเกิดความโศกเศร้า  เชื้อสายของทั้งสองพระองค์ที่เหลืออยู่ต่างเล่าขานเรื่องนี้ลงมาเรื่อยๆเพื่อหวังให้สักวัน  คนที่รักกัน... และเป็นเชื้อสายของทั้งสองเมืองนี้จะได้พบกันอีกสักครา...  และกล้าบอกรักกันสักที...

   นิทานจบลงแล้ว...  มันจบลงด้วยความไม่สมหวังในรัก...  แต่ในชีวิตจริง  ใครจะสมหวังในรักได้เสมอไป...  ทุกคนย่อมต้องผิดหวังในรัก...  แต่ถ้าเรามีความรัก... ลองบอกเขาสักครั้ง   ไม่ว่าเมื่อไร  รักก็คือสิ่งสวยงาม...


The  End…




“จบว่ะ  เศร้ามั๊ยมึง  นิทานประจำตระกูลกู”
เสียงหัวเราะขำๆของคนที่นั่งมองเพื่อนที่กำลังฟังนิทานที่ตนเล่าจนน้ำตาซึม

“ไอ้สัดนี่  กูกำลังซึ้งๆ  แสดงว่าทั้งคู่แอบรักกันจนตายเลยเหรอวะ”
คนที่นั่งฟังเอ่ยถาม  ก่อนที่คนเล่าจะพยักหน้าหงึกหงัก

“เออเด่ะ  แต่ที่กูสงสัยมานะ... ไอ้เมืองแห่งมายาเนี่ย...  มันมีจริงเหรอวะ  ขนาดสายตระกูลของกูครองเมืองมนตรามานี่กูยังไม่เชื่อเลยนะเนี่ย  เรื่องนี้เป็นร้อยปีได้แล้วมั้ง”
เสียงคนเล่าถามแบบเปรยๆขึ้นมา...

“มนตราแห่งข้าดวงใจ      รักสุดหทัย
องค์ชายแห่งเมืองมายา
หากมีโอกาสอีกครา      ขอวอนชีวา
กล่าวรักให้เจ้าได้ฟัง
ทั้งชีพข้าขอกล่าวรั้ง      รักเจ้าเปรียบดัง
ชีวาของข้าที่มี
หากมีโอกาสสักที      คำรักคำนี้   
ข้าวอนให้เจ้าได้ยิน”
เสียงท่องบทกลอนแปลกๆดังขึ้นมาให้คนที่เล่านิทานได้ฟัง

“เฮ้ย! มึงท่องกลอนอะไรวะ”
เสียงร้องตกใจก่อนที่คนที่นั่งน้ำตาซึมตอนแรกจะหันมาตอบ

“ความในใจของเจ้าชายแห่งมนตราที่มีต่อเจ้าชายแห่งเมืองมายาไง  ตระกูลกูก็มีกลอนบทนี้ส่งต่อมา  แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอสายตระกูลของมึงเหมือนกัน”
เสียงของทั้งคู่เงียบไปก่อนที่ใครสักคนจะพูดขึ้นมา

“มึงคิดว่าบรรพบุรุษของเราดลใจให้เรามาเจอกันรึเปล่าวะ”

“เพื่ออะไร”

“ทำสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ไง”
คนที่เอ่ยถามค่อยๆหันไปมองแล้วสบตากับอีกฝ่าย...  ถ้าพวกเขาเป็นผู้ชาย  ถึงจะไม่ใช่เจ้าชาย  แต่มันก็ผิด...

“กูไม่คิดหรอกนะ...  ว่ากูจะต้องรอให้มึงรักกูหรือให้กูคิดถึงมึง หรืออะไรก็แล้วแต่  ที่จริงต่อให้มึงไม่เล่านิทานเรื่องนี้...  กูก็คงบอกมึงในสักวัน”

“......”

“กูรักมึงนะ...  เจ้าชายแห่งมนตรา”
หยดน้ำตาที่ไหลออกมาถูกปาดทิ้งพร้อมกับอ้อมกอดที่อบอุ่น... 

“ไม่มีเจ้าชายแห่งมนตรา  ไม่มีเจ้าชายแห่งมายา   ตอนนี้ปีนี้ที่นี้  มีแค่มึงกับกู  มีแค่มึงรักกู และมีแค่กู... ที่รักมึง”เสียงหัวเราะที่เคล้าคลอไปด้วยหยดน้ำตาพร้อมๆกับวิญญาณเล็กๆที่ปลื้มปิติอยู่ภายใน 

   นิทานเรื่องสั้นๆที่ถูกถ่ายทอดมายังรุ่นสู่รุ่น ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาแท้จริงแล้วมันเนินนานเท่าไร  แต่ในตอนนี้  นิทานเรื่องนั้นก็ถูกเติมเต็มด้วยความรักจากลูกหลานของตระกูล...   

   “ไม่ต้องรักกันชั่วนิรันดร์เหมือนนิยาย  ไม่ต้องหวานใส่กันเหมือนนิทาน  ไม่ต้องมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันเหมือนละคร  แต่แค่รู้ว่ามีกันและกันอยู่ที่นี้...  ในหัวใจดวงนี้  แค่นี้ก็ไม่มีทางเสียใจเพราะแอบรักใครคนหนึ่งจนตายหรอก...”

   “แค่กูกับมึง  แค่มึงกับกู   และแค่เราสองคน...”


.THE END.

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบเรื่องสั้นเรื่องที่1ครับ  เรื่องที่สองคือ I  will  pay ครับผม... ว่างๆจะมาอัพต่อนะครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2015 00:26:25 โดย IMJokerz »

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                               เรื่องที่2

                                                                          ... I wiil pray ...

‘ แกนี่มันอ่อนแอเป็นบ้าเลยว่ะ ไปตายซะไป!! ’

   เสียงจากเมื่อช่วงเย็นยังดังก้องใจหัวของเขา  เสียงของเพื่อนที่ ‘เคย’ สนิท ภาวนานั่งอยู่ในห้องของตัวเองที่ใหญ่โตเนื่องจากบ้านของเขามีฐานะดี พ่อกับแม่ของเขาทำบริษัทส่งออก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านเท่าไร  แต่ก่อนเขามักจะไปขลุกอยู่กับ
ที่หนึ่ง เพื่อนสนิทของเขา แต่ในตอนนี้ฐานะเขากับที่หนึ่งเปลี่ยนไปแล้ว จากเพื่อนสนิทกลายเป็น คนขี้แพ้กับผู้ชนะ  ภาวนานั่งมองดวงดาวที่ฉายแสงอยู่บนท้องฟ้า บ้านของเขาอยู่ชานเมืองที่แสงสว่างยังไม่มากเท่าไรนัก เนื่องจากเขามีโรคประจำตัวตั้งแต่เด็ก พ่อและแม่จึงอยากให้เขาอยู่ในที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์  ภาวนามองดวงดาวได้ไม่ค่อยชัดเท่าไรเนื่องจากดวงตามันเอ่อล้นไปดูหยาดน้ำใสๆที่ไหลรินไม่ขาด  เขาตัดสินใจเดินไปยังที่นอนขนานคิงไซน์และล้มตัวลงนอน ในค่ำคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่ภาวนาหลับลงไปทั้งๆที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

‘ เราเจ็บนะหนึ่ง ทำไมหนึ่งต้องทำแบบนี้กับเราด้วย ’

ชายหนุ่มนั่งพิงรั้วไม้ดวงตาคมเข้มเงยหน้ามองขึ้นไปที่หน้าต่างห้องของบ้านหลังข้างๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนบ้าๆของเขาที่ดันขู่ว่าจะเอาเรื่องที่เขาแอบชอบเพื่อนสนิทไปแฉให้คนอื่นๆรู้ล่ะก็... เขาไม่มีทางทำอะไรให้คนที่อยู่บ้านข้างๆกันต้องเสียใจแน่  ที่หนึ่งนั่งเหม่อมองไปที่หน้าต่างบ้านหลังข้างๆ บ้านของ... ภาวนา  ที่หนึ่งรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าภาวนาไม่สบายหนัก  ตอนม.ต้นเขาก็คอยดูแลภาวนาอย่างดี แต่ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกของเพื่อนอย่างเขามันเริ่มแปรเปลี่ยนไป ภาวนาที่ตัวเล็กๆ ภาวนาที่คอยเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ภาวนาที่ยิ้มได้เสมอไม่ว่าจะเป็นตัวขนาดไหน ทุกอย่างอยู่ในสายตาของที่หนึ่ง  บ้านของเขาไม่ใหญ่เท่าบ้านของภาวนา แต่ฐานะก็ไม่ค่อยแตกต่างกัน ผิดแต่บ้านของเขามีพ่อแม่กลับบ้านมาตั้งแต่หัวค่ำ  ในขณะที่พ่อแม่ของภาวนากลับมาราวๆเที่ยงคืนตีหนึ่งแทบทุกวัน ที่หนึ่งลดตัวลงต่ำเมื่อเห็นใครอีกคนเกาะหน้าต่างและมองขึ้นไปบนฟ้า ดวงหน้าหวานมีหยดน้ำตาเกาะพร่าพราย เขาอยากจะเช็ดมันออกไปจริงๆ  ไม่นานภาวนาก็ผลุบหายกลับเขาไปในห้องและไฟในห้องนั้นก็ดับมืดลง  ที่หนึ่งเจ็บ... และเจ็บอีกหลายเท่าเมื่อคิดว่าคืนนี้ภาวนาก็คงจะต้องนอนร้องไห้เพราะเขาเป็นต้นเหตุ

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่มีแต่ลูกคนร่ำคนรวยมาเรียน  ภาวนานั่งบนอัฒจรรย์ริมสระน้ำ  มองนักกีฬาโรงเรียนที่ฝึกซ้อมอยู่  เพราะร่างกายที่อ่อนแอของเขาทำให้เขาไม่สามารถเล่นกีฬาอะไรได้ แม้แต่อยู่กลางแดดนานๆยังไม่ได้เลย  ดังนั้นเวลาเข้าแถวเขาจะได้รับสิทธิพิเศษให้อยู่บนห้องได้ในขณะที่เพื่อนๆได้ลงไปเข้าแถวด้านล่าง  ภาวนาหยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูก่อนจะเปิดเพลงช้าๆฟัง มันเป็นเพลงโปรดของเขา เสียงโหวกเหวกที่ดังอีกครั้งทำให้เขาต้องลืมตามอง คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ทำให้ภาวนารีบลุกขึ้นเตรียมเดินหนี
“เห็นหน้ากูแล้วต้องรีบหนีเลยเหรอวะ กูไม่ใช่ผีซะหน่อย ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้”เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคย  ทำให้ภาวนาก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตาคนพูด
“วันนี้กูไม่มีเงินเลยแฮะ มึงมีปะวะภาวนา”เสียงทุ้มนั้นดังอีกครั้ง ภาวนาหยิบกระเป๋าเงินและควักเงินทั้งหมดที่มีนั่นให้กับอีกคนก่อนจะสะบัดตัวแล้วเดินหนีไป...

ที่หนึ่งมองเงินในมือของตัวเอง เขาเอาเงินของภาวนามาแล้ว แล้วกลางวันภาวนาจะกินอะไรล่ะ  ในเมื่อเขาเห็นอยู่ชัดๆว่าภาวนาหยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินจนเกลี้ยง  ทั้งๆที่เขาอยากจะมองหน้าภาวนาให้หายคิดถึง แต่เขาไม่รู้จะพูดยังไง เขาเลยขู่เอาเงินจากภาวนาเหมือนทุกๆวัน อยากจะให้ภาวนาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาบ้าง ร่างเล็กๆนั้นดูซูบผอมลงไปมากตั้งแต่ที่เขาไม่ได้อยู่ดูแล ที่หนึ่งกำเงินในมือจนยับยู่ ไม่ได้สนใจสักนิดว่ามันเป็นแบงค์อะไร  เขาปาเงินนั้นใส่เพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เอาไปซื้อขนมซะ”เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินนำเพื่อนๆไปที่ห้อง  คงเป็นโชคดีของที่หนึ่งที่เพื่อนทุกคนมัวแต่สนใจเงินที่ได้มาฟรี จึงไม่มีใครเห็นแววตาที่เจ็บปวดของที่หนึ่งเลยสักคนเดียว
“ไอ้ที่หนึ่ง มึงนี่เจ๋งว่ะ ขอบใจที่เลี้ยงนะโว้ย”เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังขึ้นรอบตัวเขา ที่หนึ่งพยักหน้านิ่งๆไม่พูดอะไรมากมาย ในหัวเขาตอนนี้กำลังนึกถึงคนตัวเล็กที่เขาแย่งเงินมา ป่านนี้จะมีอะไรกินรึเปล่านะ ภาวนายิ่งอ่อนแออยู่ เกิดเป็นลมขึ้นมา เขาคงไม่มีหน้าไปเจอแน่ เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็หันไปพูดกับเพื่อนๆในกลุ่ม
“เดี๋ยวกูมา”สั้นๆง่ายๆ ก่อนที่ที่หนึ่งจะวิ่งไปที่โรงอาหาร เขายิ้มจางๆแล้วเดินไปหลบหลังห้อง รอคอยให้ใครบางคนเดินเข้ามา...

ภาวนาเดินลูบท้องเข้ามาในห้อง ท้องที่ร้องดังของเขายิ่งดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อไม่ได้ทานอะไรมาเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง  เขาตั้งใจจะนอนหลับเพื่อให้ความหิวนั้นบรรเทาลงไปบ้าง แต่แล้วดวงตาของเขาก็สบเข้ากับอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ มันเป็นขนมปังไส้ครีมที่เขาชอบพร้อมกับนมจืดหนึ่งกล่อง
‘ ภาวนา ’
ชื่อของเขาถูกแปะหราไว้บนกล่องนม ภาวนาพลิกกล่องนมไปมาเพื่อหาคำอื่นๆที่เผื่ออาจถูกเขียนไว้ แต่ก็ไม่พบอะไร เขามองไปรอบๆห้องก่อนจะนั่งลงและกินอาหารเหล่านั้นจนหมด เรียกรอยยิ้มจากใครบางคนที่แอบมองได้เป็นอย่างดี เมื่ออิ่มแล้ว ภาวนาก็ฟุบลงบนโต๊ะเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับใครบางคน

ที่หนึ่งเดินออกมาจากที่ซ่อน เขาลูบหัวของภาวนาเบาๆอย่างที่แต่ก่อนชอบทำ คนที่ฟุบหลับครางฮือ  ที่หนึ่งรีบจากมาก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาซะก่อน แค่เห็นภาวนากินอาหารที่เขาซื้อไปให้จนหมด หัวใจของเขาก็พองโตอย่างบอกไม่ถูก  ที่หนึ่งเดินกลับมาที่กลุ่มก่อนจะพบกับเหล่าลิงทโมนที่นั่งกินขนมและพูดคุยอย่างสนุกปาก
“ไง ที่หนึ่ง กลับมาแล้วเหรอ กูกำลังจะโทรไปเรียกมึงพอดี”ไอ้ต้นยกโทรศัพท์ที่ถูกกดค้างโชว์ขึ้นให้อีกฝ่ายดู  ที่หนึ่งโบกมือไปมา ก่อนจะนั่งลงที่เดิม  มองคนเดินผ่านไปมา ที่หนึ่งนั่งรอจนหมดเวลาพักเที่ยงก็เดินขึ้นไปเรียน เขาเผลอมองผ่านคนตัวเล็กที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ด้านหลังของภาวนา คือที่นั่งของเขา ที่หนึ่งเดินไปด้านหลัง หวังจะแกล้งอีกฝ่ายให้ตื่นมาเรียน เมื่อเขามองเห็นอาจารย์กำลังเดินเข้ามา คงไม่ดีแน่ถ้าภาวนาจะถูกดุเพราะเผลอหลับในเวลาเรียน
ปึก!
กระดาษหนึ่งก้อนถูกปาไปโดนไหล่ของคนด้านหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตื่น  ที่หนึ่งปากระดาษไปเรื่อยๆ แม้อาจารย์จะเริ่มเช็คชื่อนักเรียน ... ตื่นเร็วๆสิภาวนา เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ดุหรอก ...
กระดาษอีกสองสามก้อนถูกปาออกไป  ที่หนึ่งเริ่มเอะใจเมื่อคนที่นั่งด้านหน้าของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย ภาวนาเป็นคนที่ตื่นไว ข้อนี้เขารู้ดี  ที่หนึ่งเอื้อมมือไปจับแขนของอีกฝ่ายที่ตกอยู่ข้างลำตัวก่อนจะพบว่ามันเย็นเยียบ
“ภาวนา!!”ที่หนึ่งผุดลุกขึ้นจนอาจารย์ประจำวิชามองขึ้นมาอย่างสงสัย  เขาดึงคนตัวเล็กกว่าให้เงยหน้าขึ้นมา  ใบหน้าของภาวนาซีดจนแทบจะไม่มีเลือดฝาด  ที่หนึ่งทั้งเขย่าและตบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆหวังให้ภาวนาลืมตาขึ้นมามองเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเลย
“เรียกรถพยาบาลเร็ว”ที่หนึ่งหันไปตะโกนบอกเพื่อน แต่เมื่อไม่มีใครขยับเพราะยังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย ที่หนึ่งก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“เร็วสิโว้ย!!!”เขาบอก และเมื่อเห็นเพื่อนคนหนึ่งในห้องควักโทรศัพท์ขึ้นมา เขาก็อุ้มภาวนาลงไปด้านล่างตึกทันที  ตัวของภาวนาเบาและซีดเซียวมาก  ยิ่งอุ้มที่หนึ่งก็ยิ่งใจหาย คนในอ้อมกอดเขาจะต้องไม่เป็นอะไร ต้องไม่เป็นอะไร โชคดีที่ร่างตรงหน้ายังมีลมหายใจแผ่วๆ ไม่งั้นเขาคงต้องบ้าไปมากกว่านี้แน่นอน
ไม่นานนักรถพยาบาลก็มาถึง  ที่หนึ่งรีบพาภาวนาขึ้นรถไปทันที  เขากุมมือของภาวนาเอาไว้แน่น
“ที่หนึ่ง... ที่หนึ่ง”ร่างบนเตียงเพ้อ หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท ภาวนาคงเจ็บปวดกับเรื่องอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเขา ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งเจ็บปวด ขอโทษนะภาวนา ขอโทษ
ร่างของภาวนาถูกเข็นเข้าห้องไอซียูทันที ที่หนึ่งโทรหาพ่อแม่ของอีกฝ่าย ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาล เพื่อนๆของภาวนาก็มารวมถึงกลุ่มเพื่อนของที่หนึ่งด้วย
“หนึ่ง มึงกลับเหอะว่ะ  มึงนั่งเป็นห่วงแบบนี้ ไอ้ภาวนามันก็ไม่ฟื้นหรอก”ต้นพูด  ที่หนึ่งเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบด้วยเสียงหนักแน่น
“กูไม่กลับ ถึงไอ้ภาวนาไม่ฟื้น กูก็ไม่กลับ”ที่หนึ่งยืนยัน จนเพื่อนบางคนในกลุ่มที่ไม่สนิทกับภาวนาเท่าไรถึงกับเอ่ยปากล้อเล่นขึ้นมา
“ตกลงมึงกับภาวนาเป็นผัวเมียกันเหรอวะ มึงถึงห่วงมันขนาดนั้น”คำพูดนั้นทำให้ทุกคนหันควับไปที่ต้นเหตุทันที รวมถึงที่หนึ่งก็ด้วย
“ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ลองที่คนที่มึงรักเป็นแบบไอ้ภาวนาสิ ถ้าปากมึงจะหมาขนาดนี้ก็ไปไกลๆตีนกู”ที่หนึ่งบอก ก่อนที่เพื่อนสองสามคนจะลากไอ้เพื่อนปากหมาคนนั้นออกไปให้พ้นหน้าของที่หนึ่งทันที  ไม่นานหมอก็ออกมาเรียกพ่อแม่ของภาวนาเข้าไปคุย แม้ที่หนึ่งอยากจะรู้มากแค่ไหน แต่เขาก็ได้แต่รอถามจากพ่อแม่ของภาวนาเท่านั้น  ไม่นานเกินไปพ่อแม่ของภาวนาก็เดินออกมาจากห้องของหมอด้วยน้ำตานองหน้า
“พ่อครับแม่ครับ ภาวนาเป็นยังไงบ้าง”ที่หนึ่งรีบถาม  พ่อของภาวนาเอ่ยตอบแทนมารดาที่น้ำตาไหลมากกว่าเดิม
“หมอบอกว่าเจ้าภาหัวใจมันไม่ค่อยดี ถ้าไม่มีใครบริจาคหัวใจให้มัน เจ้าภาก็คงอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน เพราะเจ้าภามันรั้นไม่ยอมเข้ารักษาแต่เนินๆ รอจนอาการมันลุกลาม ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว”พ่อของภาวนาตอบก่อนจะพยุงร่างมารดาของภาวนาไปนั่งพัก  ที่หนึ่งรู้สึกหูอื้ออย่างบอกไม่ถูก  สิ่งแรกที่ที่หนึ่งทำคือวิ่งเข้าไปพบแพทย์ที่รักษาภาวนาทันที  เมื่อได้คำตอบแล้ว เขาก็กลับไปพบพ่อกับแม่ที่เลิกงานและกำลังกลับบ้านเช่นกัน  คืนนั้นที่หนึ่งเลือกที่จะคุยอะไรบางอย่างกับพ่อแม่ แทนการเขียนจดหมาย เขาขอร้องบางสิ่งที่พ่อแม่ของที่หนึ่งไม่มีใครยอม  แม้ลูกของตนจะน้ำตาไหลมากเพียงใด  ที่หนึ่งไม่สามารถพูดอะไรได้อีก นอกจากกล่าวคำอำลากับบิดามารดาของตน และขึ้นไปบนห้อง เก็บตัวเงียบอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้าของอีกวัน

ภาวนาลุกขึ้นมองตัวเองที่ฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์  เขาควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน  ถ้าไม่มีหัวใจที่บริจาคเข้ามาเพื่อต่อชีวิตให้กับเขา ร่างกายของภาวนาแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จนเขากลับไปเรียนได้อีกครั้ง  ตั้งแต่วันที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่เคยเห็นที่หนึ่งอีกเลย คนๆนั้นหายไปจากชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะในทางไหน  เมื่อถามเพื่อนของที่หนึ่ง พวกนั้นก็ให้คำตอบว่าที่หนึ่งหายไปเพื่อช่วยคนๆหนึ่ง  แม้จะไม่ได้รับคำตอบที่ดีมากนัก แต่ภาวนาก็ไม่เคยรู้สึกเหงาเลย เขารู้สึกเหมือนมีใครคอยอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลาและในวันเกิดครบรอบ18ปี ที่เขาได้พบกับความจริงอะไรบางอย่าง มันเป็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในเวลาเที่ยงคืนของวันเกิดเขา
‘ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะภาวนา  ที่หนึ่งอยากบอกว่าที่หนึ่งรักภาวนานะ ไม่ใช่แบบเพื่อน ที่หนึ่งคิดมากกว่านั้น ภาวนาอาจไม่ชอบ ที่หนึ่งขอโทษนะ ภาวนาคงไม่รู้ล่ะสิว่าที่หนึ่งหายไปไหน  ที่หนึ่งห้ามไม่ให้ใครบอกภาวนาเองแหละ แต่ภาวนา... ที่หนึ่งขอให้รู้ไว้เสมอนะ ว่าที่หนึ่งจะอยู่ข้างภาวนาตลอดไป ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ... ’
ภาวนาน้ำตาไหลพรากเมื่อได้อ่านข้อความที่ส่งมา  ด้านล่างแนบไฟล์ภาพทะเลที่ภาวนาชอบที่สุด  เขาเก็บกระเป๋าเดินทางที่มีเสื้อผ้าเพียงสองสามชุด ก่อนจะมุ่งหน้าตรงสู่ทะเลอันเป็นที่รักของทั้งเขาและที่หนึ่ง  ภาวนามาถึงทะเลในเวลาเกือบๆ7โมงเช้า  เขาเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้เพราะอะไร แต่เขาอยากมาที่ทะเลแห่งนี้ เหมือนที่นี้มีอะไรรอเขาอยู่ ภาวนาเดินไปจนเกือบสุดหาดก่อนจะพบกับสุสานเล็กๆที่ถูกสร้างเอาไว้โดยมีดอกไม้ขึ้นปกคลุม  เหนือหลุมศพมีป้ายปักชื่อเอาไว้เล็กๆ แต่ก็ทำให้ภาวนาน้ำตาไหลได้อีกครั้ง
‘ นาย พิพัฒน์  เหล่าภัคดี ’
ชื่อของเขา ชื่อของ... ที่หนึ่ง...


-----------------------------------------------------------------------------------

เรื่องที่สองเศร้านิดๆ  เรื่องที่สามเตรียมพบกับความรั่วและบ้า ในเรื่อง ผมเป็นคนบ้า... แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟียฮับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2012 12:40:37 โดย spy4869 »

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
จะ จริงเหรอเนี่ย ใจร้าย!คุณคนแต่งใจร้ายมาก!จริงๆนะ!เราร้องไห้เลย!
ทำไมทำแบบนี้ล่ะที่หนึ่ง!ไม่เอาแบบนี้!!!ภาวนาจะทนได้ยังไง???ไม่เอาแบบนี้!!!
โหดร้ายเกินไปแล้วนะ!!!แง!!!

เรื่องแรก หวานซึ้ง เศร้าแบบขมๆ ชอบกลอนมาก มนตรามายา เคียงกันจนตราบสิ้นสลาย โรแมนติกสุดยอด!!!

พึ่งจะเห็นตอนทอร์คของเรื่องI will pray คุณแต่งเรื่องผมเป็นคนบ้าแต่เขาหาว่าผมเป็นลูกมาเฟียนี่นา!!!เราชอบเรื่องนั้น!!!เรื่องสั้นต่อไปจะเป็นตอนต่อเหรอคะ ดีใจจัง!!!!

ปล.ยังเศร้ากับที่หนึ่งอยู่ โหดร้าย!!!แต่ถ้าเป็นเรา เพื่อคนที่รักมาก เราก็ทำ...

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                          เรื่องที่3

                                                          ผมเป็นคนบ้า แต่ผมว่าเขาเป็นลูกมาเฟีย


        ผมบ้า… ใช่ครับ... ใครๆก็บอกว่าผมบ้า... อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้มั้ง... ไม่รู้สิ... ผมไม่สนใจสิ่งพวกนั้นหรอก  สำหรับผม แค่ไฟดวงเล็กๆและหนังสือสักเล่ม อะไรก็ได้ แค่นั้นก็พอใจแล้วสำหรับผม...  ยิ่งไอ้พวกคนชุดสีดำๆทมึนๆที่ชอบเดินตามผมอยู่เรื่อยมันทำให้ผมยิ่งรำคาญ  อย่าถามว่าทำไมผมไม่หนี ผมหนีมาเป็นสิบ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันตามผมเจอทุกครั้ง... ผมก็แค่คนบ้าเท่านั้นเอง
   “เฮ้ย... อย่ายุ่งกับมันเลยว่ะ  เขาว่ากันว่ามันเป็นบ้า... ไม่ยอมไปไหน นั่งอ่านแต่หนังสืออยู่แบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว”ผมเงยหน้ามองไอ้กลุ่มคนที่บอกว่าผมบ้า... อีกแล้วเหรอ  แต่สายตาผมกลับไปสะดุดใจกับคนในชุดสูทภูมิฐานที่ตัวใหญ่กว่าผมสักหน่อย... หล่อดีแฮะ...
   “พวกมึงกลับไปก่อนป่ะ... กูว่ากูอยากลองคุยกับคนบ้าดูสักตั้ง”ในความมืดที่มีแค่แสงโคมไฟจากตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมบอกไปรึยังว่าบ้านตอนนี้ของผมคือข้างถนน
   “เอาจริงเหรอวะไอ้สัก... มึงนี้ท่าจะบ้าไปแล้วว่ะ”ตกลงคนๆนั้นเขาก็บ้าเหมือนผมเหรอ... ตลกชะมัดเลยแฮะ เป็นคนบ้า แต่ใส่สูทซะดูดีเชียว...
   “มึงเป็นคนบ้าเหรอ ชื่ออะไรวะ”ผมเงยหน้ามองเขางงๆ เขาถามชื่อผมเหรอ...
   “ถามผมเหรอ... ไม่รู้สิ ผมเป็นคนบ้า ไม่มีชื่อเหรอ”ผมตอบกลับเสียงเรียบแล้วก้มหน้าไปอ่านหนังสืออีกครั้ง ตัวหนังสือเบลอๆนิดๆ อาจเพราะสายตาผมสั้นลงล่ะมั้งเนี่ย
   “เออ... มึงนี่แปลกดีจัง กูชื่อสัก มึงมากับกูดีกว่า เดี๋ยวกูพาไปอยู่ด้วย”เขาฉุดลากผมให้ลุกขึ้นแล้วลากผมให้เดินไปที่รถของเขา... ผมมองแขนของผมที่โดนจับอยู่ สลับกับด้านหลังที่พวกชุดดำที่ตามมาเฝ้าผมหลายวันค่อยๆกรูกันเข้ามา...
   “กูรู้ล่ะ... ต่อไปนี้กูจะเรียนมึงว่าอิม... ตกลงนะ”สักพูดขึ้นระหว่างขับรถออกมา... ผมพยักหน้าให้เขาก่อนจะเพ่งตัวหนังสือที่เลือนรางเต็มที... สักวันคงต้องไปตัดแว่นแล้วล่ะ
   “เอานี้ ชุดของมึง ตัวพอๆกับกู มึงคงใส่ได้ใช่มั๊ยอิม”ผมคลี่เสื้อยืดเก่าๆของเขาออกมาดู มันก็พอจะใส่ได้อยู่หรอก... อย่างน้อยมันก็ดูดีกว่าชุดที่ผมใส่อยู่ตอนนี้...  ไม่นานผมก็เดินกลับออกมาจากในห้องน้ำ เห็นเขาป้วนเปี้ยนอยู่กับหลอดไฟที่เปิดไม่ติด...
   “อ้าว... เสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวกูไปอาบบ้างแล้วกัน...  ไฟมันไม่ติด... อยู่มืดๆไปก่อนแล้วกันนะ”เขาโยนไฟฉายมาให้ผม ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป  ผมขยับไฟฉายเปิดๆปิดๆ แล้วปีนเก้าอี้ที่สักเอามาตั้งไว้เพื่อซ่อมไฟ  ไม่นานนักสักก็เดินออกจากห้องน้ำ แล้วลองเดินไปเปิดไฟอีกครั้ง คราวนี้มันติดขึ้นมาทันที...
   “เออว่ะ ทิ้งไว้เฉยๆเสือกติด”สักหัวเราะขำๆก่อนจะเดินไปแต่งตัว... ผมก้มหน้าอ่านหนังสือก่อนจะเรียกชื่อสักเบาๆ
   “เอ่อ... สัก.... ขอ... ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”ผมบอกแล้วเดินช้าๆไปเข้าห้องน้ำ... ไม่ไหว ตาผมแห้งมาก... ผมก้มหน้าทำอะไรสักพักก่อนจะเดินออกมา ถึงทางเดินจะมัวกว่าเดิมก็เถอะนะ...
   “คืนนี้มึงนอนที่พื้นได้มั๊ย... แล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวกูหาผ้านวมมาปูเพิ่มให้”สักบอก ผมพยักหน้าแล้วขดตัวลงนอนบนพื้นไม้แข็งนั่นเอง

   “แกต้องทำ...”เสียงที่ดังก้องในห้องโถงใหญ่ทำให้ผมที่ยืนมองอยู่ถึงกับสะดุ้ง... ชายอีกคนส่ายหน้ารัวๆ 
   “ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่ทำ”
   “นั่นมันเรื่องของแก... ฉันตามใจแกมามากพอแล้ว ต่อไปแกต้องทำตามฉันบ้าง...”เสียงทรงอำนาจนั้นสั่งอีกครั้ง... ผมปิดหูไม่อยากรับรู้ แต่เสียงนั้นก็ดังเข้ามาไม่หยุด
   “ผมทำไมได้ ผมไม่ชอบมัน”
   “แกต้องทำ... ฉันสั่งให้แกทำ!!”ผมสะดุ้งขึ้นมากลางดึก... แอร์คอนดิชั่นยังทำงานส่งเสียงหึ่งๆ ส่วนคนบนเตียงก็กรนเบาๆ... ผมฝันร้ายอีกแล้ว  ผมเกลียดคนในฝันจริงๆ เกลียด... จนไม่รู้จะทำยังไงดี...

   “อิม... เดี๋ยวกูต้องไปเรียน อ่อ... มึงรู้จักมั๊ย มหาวิทยาลัยน่ะ กูอยู่ปีสาม... คณะแพทย์เชียวนะ  แล้วมึงล่ะ อิม... ได้เรียนอะไรบ้างมั๊ย”มันถามผม... ส่วนผมก็ไม่ใส่ใจที่จะตอบ ก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนที่สักหยิบมาจากห้องมันให้ผม...
   “มึงจะนั่งรอในมหาลัยก็ได้  อีกสามชั่วโมงก็ก็เลิกล่ะ แล้วเดี๋ยวกูพาไปหาซื้อชุดมาให้ โอเคป่ะ”ผมพยักหน้า... ไม่นานมันก็เลี้ยวรถเข้ามาถึงคณะแพทย์  ผมนั่งรอมันอยู่ตรงม้านั่ง  ก่อนจะถือโอกาสสำรวคณะข้างเคียง...
   “เข้าไม่ได้นะครับ จากนี้เป็นเขตของคณะวิศวะครับ”ผมหัวเราะกับเด็กในชุดนักศึกษา ที่ดูจากหน้าตาแล้วก็คงจะประมาณปีสอง...
   “ผม... อยากเข้าไปดูด้านใน”
   “เอ๊ะ!! ก็บอกว่าห้ามเข้าๆ ถึงมึงเข้าไปกูก็โดนจารย์เล่นสิวะ”ผมเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ที่ผมมักใช้เก็บของสำคัญๆแล้วหยิบให้พวกมันดู...
   “อ๊ะ... ขอโทษครับพี่  ผมไม่รู้ว่า...”ผมส่ายหน้าแล้วหัวเราะแห้งๆ
   “ผมเป็นคนบ้านะ... ใครๆก็ว่างั้นแหละ”ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปในคณะวิศวะช้าๆ  ต้นไม้หลายชนิดที่ปลูกไว้ก่อนเข้าตัวตึก  ด้านหน้าอาคาร...แปะภาพนักศึกษาคนหนึ่งไว้ใหญ่มากๆ ใจความใต้ภาพนั้นเขียนไว้ว่า
  ‘นายนัทพงศ์ อิศรเวช  เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมเครื่องกล เกรดเฉลี่ย 4.00’
ผมหัวเราะอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในตัวอาคาร...  นักศึกษาหลายคนมองผมงงๆ แต่อาจารย์บางคนกลับทำหน้าตกใจแล้วทำท่าจะเข้ามาทักผม  แต่ผมก็เลี่ยงออกมาก่อน โดนจับได้ว่าแอบเข้ามาคงไม่ดีเท่าไร... ผมสำรวจคณะนี้อยู่สักพักก็เดินกลับออกมา ผ่านเด็กปีสองพวกนั้นอีกครั้ง
   “เอ่อ... พี่ครับ ข่าวที่ว่านั่นน่ะ จริงหรือเปล่าครับ”เด็กพวกนั้นทำกล้าๆกลัวๆถามผม
   “ไม่รู้สิ ... ผมบ้านะ”ผมหันหลังกลับไปตอบแล้วเดินก้าวเท้ายาวๆอย่างสบายอารมณ์ไปที่ตึกคณะแพทย์ ที่จริงสองคณะนี่ก็ห่างพอควร แต่ผมคงเดินจนชินละมั้ง...
   “อ้าว... อิมไปไหนมาเนี่ย กูหาตั้งนาน เดี๋ยวนะ... ไม่รู้รถเป็นอะไร อยู่ดีๆก็สตารท์ไม่ติดซะงั้น”ผมเอื้อมมือไปจับแขนสักแล้วพูดเบาๆ
      “สัก... ผมหิวน้ำ...”สักมองเข้าไปในรถก่อนจะปาดเหงื่อเบาๆ
   “งั้นมึงนั่งรอก่อนแล้วกัน ในรถไม่มีน้ำ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”สักว่าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปทางตัวตึก  ผมเดินไปหมุนเครื่องยนต์อยู่สักแปป ก่อนจะออกมานั่งรอ  สักวิ่งกลับมาพร้อมโค้กสองแก้ว เขาส่งให้ผมก่อนจะกลับไปง่วนอยู่กับรถอีกครั้ง ผมเดินไปบนรถแล้วสตารท์เบาๆมันก็ติดขึ้นมาง่ายดาย
   “อ้าว... ติดแล้วเหรอ งั้นกลับกันเหอะอิม”สักเรียก ผมเดินไปนั่งข้างๆ ก่อนที่สักจะออกรถไป...

   ผมอยู่กับสักมาเกือบเดือน... คนบ้าอย่างผมก็นั่งอ่านหนังสือทุถกเรื่องที่มีในบ้านของสักหมด จนลามไปถึงห้องสมุดของมหาลัยของสัก  ถึงจะแปลกๆ แต่สักก็ยอมยืมมาให้ผม...
   “อิม... นี่เพื่อนกู ชื่อไม้ ไอ้ไม้นี่อิม... ที่กูเจอเมื่อตอนนั้นไง”ไม้เพื่อนสักยิ้มให้ผมก่อนจะนึกสักครู่
   “พี่นัท!!”ผมก้มหน้าสะดุ้งกับชื่อที่เรียกออกมา
   “ไอ้ไม้ มึงเป็นบ้าอะไรวะ มันชื่ออิม ไม่ใช่พี่นงพี่นัทอะไรของมึงสักหน่อย”สักว่า... ไม้ส่ายหน้ายิก ก่อนจะวิ่งไปหยิบหนังสือรุ่นเมื่อสองสามปีก่อนมาเปิดให้สักดู...
   “มึงดูนี้ไอ้สัก... พี่อิมที่มึงว่าน่ะ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เชียวนะเว้ย!”ไม้เปิดหนังสือเทียบหน้ากับภาพในหนังสือ ซึ่งผมก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ
   “ผมเป็นคนบ้านะ ใครๆก็ว่างั้น”ผมตอบเสียงเบา ก่อนที่สักจะพูดชื่อขึ้นมาลอยๆ
   “นายนัทพงศ์ อิศรเวช   เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2532  รหัสนักศึกษา...”เขาอ่านจากหนังสือรุ่นแล้วมองหน้าผมอีกครั้ง...
   “กูว่า... มึงต้องมีเรื่องเคลียร์กับกูยาวแล้วว่ะอิม”สักไล่ไม้กลับไปแล้วมองหน้าผม...
   “กูขอความจริง!”ผมลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าตัวแรกที่ผมใส่ตอนที่มาอยู่กับสัก... เดินไปเปลี่ยนก่อนจะเดินกลับออกมา สักมองผมงงๆ ก่อนที่ผมจะส่งเสื้อผ้าทั้งหมดคืน
   “ขอบคุณที่ให้ที่ซุกหัวนอนมาหนึ่งเดือน แต่ว่า... คนบ้าไม่สมควรอยู่กับคนปกติหรอกนะ”ผมเดินออกมาก่อนจะเผชิญหน้ากับผู้ชายชุดสูทสีดำที่ยืนล้อมรอบตัวผม
   “ขออนุญาต นายท่านให้ผมพาตัวคุณกลับครับ”ผมหน้าซีดเตรียมหันหลังหนี แต่พวกมันก็กระชากแขนผมไพร่หลังแล้วล็อคขึ้นรถไป... ผมถูกมัดมือมัดปากไว้แน่น หวังว่ามันคงไม่พาผมไปฆ่าหรอกนะ...
   ครืด...
   ประตูรถเปิดออกช้าๆ พร้อมกับชายคนหนึ่งซึ่งดูว่าเป็นหัวหน้าของทุกคนในนี้เดินเข้ามาหาผม  ใบหน้าบึ้งตึงเขม่นหน้าผมก่อนจะเงื้อมือขึ้นช้าๆ ผมหลับตาด้วยความตกใจ... นี้จะฆ่ากันแล้วเรอะ ผมเป็ฯคนบ้า คนบ้าน่ะคนบ้าได้ยินมั๊ย...
   “อื้ออออ~!!”แรงบีบรัดทำให้ผมสะบัดตัวไปมา ชายคนนั้นหันไปตบลูกน้องที่นั่งในรถคนละทีแล้วเอ่ยสั่ง
   “ใครสั่งให้มึงมัดลูกกูแบบนี้... แก้มัดเดี๋ยวนี้!!”
   “ตระกูลอิศรเวชไม่ตกต่ำขนาดที่จะถูกจับมัดง่ายๆแบบนี้ ว่าแต่... หิวหรือเปล่า พ่อให้แม่บ้านทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย ไปกินกันดีกว่านะ”คนตัวใหญ่ทำท่าจะลากผมลงไปให้ได้ ใครจะไปลงตามเล่า... พอผมสะบัดตัวหนีได้ ผมก็ถลาวิ่งออกไปอีกทาง ร้อนหึคนที่ยืนคุมพื้นที่ต้องตามจับผมอีกครั้ง
    “ตามจับนัทให้ได้ ให้ตายสิไอ้ลูกนอกคอกนี้มัน...”คนเป็ฯพ่อได้แต่กุมขมับก่อนจะเหลือบไปเห็นอะไรแวบๆที่หางตา... ฝ่ามือหน้าจับและกระชากมันออกมาทันที!!
   “โอ๊ย!”เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมชะงักและพวกเขาก็จับผมได้  ผมถูกพากลับไปที่เดิมก่อนที่ใครคนหนึ่งจะถูกผลักออกมา
   “สัก”ผมอุทานด้วยความตกใจสักมองหน้าผมเหมือนจะหาคำตอบ  ผมสะบัดให้หลุดจากการจับกุมแล้วเดินไปพยุงสักขึ้นมา
   “เอาอุปกรณ์ทำแผลตามขึ้นไปให้ที่ห้องด้วย”ผมหันไปบอกใครสักคน ไม่รู้สิ เดี๋ยวคงมีแม่บ้านเอาขึ้นมาให้ละมั้ง ผมพยุงสักขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนจะเดินประตูห้องๆหนึ่ง...
   “ห้องของมึงเหรอ ใหญ่ชะมัด”ผมเบ้ปากแล้วเปิดไฟก่อนจะฉุดให้สักนั่งลงบนเตียง... ชั้นหนังสือในห้องกินพื้นที่เกินครึ่ง... อีกฟากเป็นอาวุธต่างๆทั้งปืนผาหน้าไม้  ถัดจากนั้นก็เป็นเกียรติบัตรจำพวกเทควันโด้ คาราเต้ ไอคิโด้แล้วก็ใบอนุญาตพกปืนอย่างถูกกฏหมาย...  กองสุมๆกันเอาไว้  ผมเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดที่คิดว่าสักจะใส่ได้สักชุดหนึ่งมา ดูท่าคงจะล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย ชุดถึงได้เปรอะเปื้อนขนาดนี้ ยิ่งกว่าคนบ้าอย่างผมซะอีก
   “อิม... มึงเป็นใครกันแน่”สักถามเบาๆ  ผมถอนหายใจแล้วลูบหน้าตัวเองเบาๆ
   “เปลี่ยนชุด... แล้วเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”มันหยิบเสื้อผ้าไปก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ พักใหญ่ๆมันก็ออกมาพร้อมๆกับแม่บ้านที่เอาอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาให้พอดี...
   “อย่าเพิ่งใส่เสื้อ มานี้ก่อน เดี๋ยวกูทำแผลให้”สักเดินมานั่งตามที่ผมบอก ก่อนที่ผมจะเริ่มลงมือทำแผลพร้อมๆกับเล่าเรื่องของตัวเองให้มันฟัง
   “จริงๆกูชื่อนัท นัทพงศ์ อิศรเวช ตามที่มึงรู้นั่นแหละ เกียรตินิยมอันดับ1วิศวะนั่นก็ใช่  แต่ที่มึงไม่รู้คือบ้านกูเป็นมาเฟีย... ตั้งแต่เด็ก กูถูกเลี้ยงให้เข้มแข็ง... กูยิงปืนเป็นตั้งแต่ก่อนคูณเลขเป็นด้วยซ้ำ”ผมหัวเราะขื่นๆก่อนจะเปลี่ยนจากสำลีชุบแอลกอฮอลล์มาเป็นยาแดง
   “กูทำตามที่พ่ออยากให้เป็น จนถึงตอนมหาลัยที่กูดื้อรั้นของพ่อจนได้เรียนวิศวะ กูทำให้พ่อเห็นว่ากูชอบเรียนสิ่งนี้ แต่มึงรู้มั๊ย พ่อกูบอกว่าอะไร... ‘ กูเป็นมาเฟีย วิศวะทุกอย่างที่กูชอบ พ่อแค่ให้กูเรียนแก้เบื่อ เรียนเอาวุฒิแค่นั้น ’  พอกูเรียนจบ... พ่อก็จะให้กูขึ้นตำแหน่งหัวหน้าแทน”ผมเก็บทุกอย่างเข้ากล่องก่อนจะเดินไปที่มุมห้อง หยิบปืนขึ้นมาและเล็งไปที่เป้ารูปคนซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
   ปัง!!
   “แต่ระหว่างได้ทำงานที่ตัวเองชอบกับฆ่าคนใช้ชีวิตกร่างๆระวังตัวกลัวตายตลอดเวลา  กูขอเป็นคนธรรมดาที่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบดีกว่าว่ะ”รอยกระสุนทะลุที่หัวของเป้ากระดาษ 
   “มึงเลยทำตัวเป็นคนบ้าแล้วออกจากบ้านงั้นสิ”ผมพยักหน้าก่อนจะหัวเราะเบาๆ...
   “ตอนเด็ก กูเคยคิดว่าเป็นมาเฟียมันโคตรจะเท่ห์... แต่ไม่รู้สิ... กูคิดว่ามันไม่ใช่  กูชอบอ่านหนังสือ ชอบพวกเครื่องยนต์ ชอบที่จะเป็นคนธรรมดา...”สักเดินไปไล่ดูหนังสือในชั้นก่อนจะหยิบมาเปิดดู ผมเงียบไปสักพักก่อนที่สักจะพูดขึ้นมาลอยๆ
   “ถ้ามึงไม่อยากเป็น กูเป็นให้เอามั๊ย”
   “พ่อกูไม่มีทางยอมแหงๆ”ผมหัวเราะ พ่อผมเป็นไง ผมย่อมรู้ดี
   “ไม่ลองไม่รู้หรอก...”สักหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บหนังสือเข้าชั้นแล้วเดินลงไปข้างล่าง โต๊ะอาหารตัวใหญ่มีแค่พ่อผมคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ สักเดินเข้าไปนั่งข้างๆก่อนจะยกมือไหว้
   “ลุงป๋องสวัสดีครับ...”ผมมองสักอย่างแปลกใจ เขารู้ชื่อพ่อผมได้ไงเนี่ย
   “ผมลูกพ่อเลิศไงครับ  ตอนเด็กๆผมแวะมาที่นี้บ่อยๆ แต่หลังจากที่พ่อเลิศย้ายไปเชียงใหม่ ผมเพิ่งย้ายกลับมาคนเดียวตอนเข้าปีหนึ่งเองน่ะครับ”พ่อหัวเราะแล้วพยักหน้า
   “เออๆ ลุงก็ว่าคุ้นๆหน้าเราอยู่... ที่แท้ก็เหมือนเจ้าเลิศนี้เอง... แล้วนี้เรียนที่ไหนล่ะ”แล้วพ่อผมกับสักก็คุยกันต่อไปอีกพักใหญ่ ทำไมผมจำไม่ได้นะ...
   “ลุงป๋องครับ  ผมอยากดูแลนัทครับ”
   “หืม... หมายความว่าไงน่ะเรา”พ่อผมพูดอีกครั้งทำเอาผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก  ไหนสักแค่บอกว่าจะดูแลแก๊งค์แทนผมไม่ใช่เรอะ... แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยวะ
   “ผมอยากดูแลแก๊งค์ของลุงป๋อง แล้วผมก็อยากดูแลนัทด้วยครับ”สักพูดย้ำอีกครั้ง  ผมได้แต่ก้มหน้าไว้อาลัยให้สัก  พ่อผมคงปล่อยให้สักรอดหรอกนะ...
   “ไอ้สัก!!”เสียงตะโกนลั่นก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุบโต๊ะดัง ปึง!!
   “พ่อ!! สักพูดเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”ผมถลาไปห้ามพ่อตัวเองที่เงื้อมือขึ้น ก่อนจะ... ลูบหลังสักแบบยินดี...
   “เออ... อันที่จริงลุงกับพ่อเลิศก็คิดๆอยู่ว่าจะให้ลูกพวกเราแต่งงานกัน โชคร้ายที่เป็นผู้ชายทั้งคู่... แต่ถ้าเรากล้ามาขอไอ้นัทกับลุง ลุงก็โอเค ไอ้นัทมันไม่อยากคุมแก๊งค์ลุงก็รู้ แต่ทำไงได้ ลุงมีลูกคนเดียว แต่ถ้าเป็นเรา ลุงก็พร้อมจะมอบแก๊งค์ให้ดูแลแน่นอน...”ผมอ้าปากค้าง... นี่พ่อผมกำลังพูดเหมือนจะยกผมให้พฃกับไอ้สักชัดๆ ผมเป็นผู้ชายนะครับพ่อเฮ้ย!

   หลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมาได้เกือบสิบนาที ผมกับสักก็เดินขึ้นมาบนห้องๆเดิมก่อนที่ผมจะนอนแผ่หลานวดขมับตัวเองอยู่พักใหญ่
   “ไม่ต้องห่วงหรอก... กูพูดจริง กูจะดูแลมึงแน่ๆ”สักบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ
   “ตกลงมึงไม่ได้บ้าใช่มั๊ย”สักถามผมอีกครั้ง ผมหันไปมองก่อนจะเขกมะเหงกมันแรงๆ
   “กูบ้า... บ้าเพราะมึงนั่นแหละ”ผมหลับตคาลงก่อนจะได้รับสัมผัสเบาสๆที่แก้มทำเอาผมลืมตาโพล่งอีกครั้ง
   “งั้นกูก็บ้าเหมือนกัน บ้ารักมึงไง”สักพูดก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจทิ้งให้ผมนอนหน้าแดงอยู่บนเตียง
   “ไอ้สัด! ปีนเกลียวนะมึง”ผมตะโกนด่าตามหลังมันที่เดินเข้าห้องน้ำอีกครั้ง...
   
   ที่จริงถ้าเป็นคนอื่นผมคงยิงไส้ไหลไปแล้ว  แต๊ะอั๋งลูกมาเฟียแบบนี้ แถมผมก็ยังเป็นผู้ชาย  แต่ทำไงได้... ทั้งๆที่มันรู้ว่าผมบ้า มันยังกล้าเอาผมไปอยู่ด้วย ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้มัน มันก็ยังให้ผมอยู่กับมันมาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เรียกร้องให้มันมาดูแล แต่มันกลับเสนอตัว... งั้นจะยกผลประโยชน์ที่มันแต๊ะอั๋งผมเมื่อกี้ให้หายๆกันไปแล้วกัน... แค่ครั้งเดียว ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆนะ...
   
   “อิม... ถึงมึงจะบ้า แต่กูก็รักคนบ้าแบบมึงนะ”

   เอาล่ะ... ผมว่า... ผมควรหยิบปืนแล้วไปยิงมันในห้องน้ำแล้วใช่มั๊ย ข้อหา... ทำลูกมาเฟียหน้าแดงแถมทำให้เขินเนี่ย  โทษหนักนะเฮ้ย!!
   
   “ถ้าออกมากูฆ่ามึงแน่!”
   “ข้อหาอะไรวะ”มันตะโกนถามออกมาจากในห้องน้ำ
   “ทำให้กูรักไงล่ะไอ้ควายยย!!”

---------------------------------------------------------------------------------

ง่า... อันนี้ผมเอาเรื่องที่เคยลงมารวมกันน่ะครับ  แต่ถ้าว่างๆจะเพิ่มตอนพิเศษบางอันให้  ยังมีซีรี่ย์ที่เคยลงไว้จะเอามาลงอีกที 
ตอนหน้าจะลงเป็นซีรีย์เรื่องแรกกับเรื่อง  คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ  ภาคคนแรกXสุดท้ายครับผม

บางเรื่องอาจไม่สนุกขึ้นอยู่กับอารมณ์คนแต่งนะครับ  แต่พอดีแต่งออกมาแล้วก็อยากให้อ่านกันบ้าง  ใครมีพล็อตแปลกอยากให้ลองแต่งเสนอมาได้นะครับ  ชอบแต่งทุกแนวอยู่แล้ว ฮาๆๆ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2012 12:41:17 โดย spy4869 »

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
 :L1:
ชอบเรื่องนี้จริงๆ อยากอ่านตอนพิเศษของเรื่องนี้คะ :impress2:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ชอบเรื่องนี้

แต่งเยอะๆนะคะ

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                              เรื่องที่4                                             

                                                            คนแรกXสุดท้าย... คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ


   หวัดดีครับ ผมชื่อสุดท้าย หยุดเลยนะ ห้ามขำ  ไม่งั้นผมโกรธจริงๆด้วย  พี่ผมชื่อชัยชนะ  ผมเลยชื่อสุดท้าย  ยังต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ไม่ตั้งชื่อผมว่าพ่ายแพ้ล่ะกันนะ   แม่ผมมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง ลูกเขาแก่กว่าผม 2 ปี  ชื่อคนแรก  ผมก็ไม่เข้าใจ ในเมื่อวันเป็นลูกคนเดียว แต่ดันชื่อคนแรก  ประหลาดสุดๆ  สำหรับผมแล้วผมสนิทกับพี่คนแรกมาก  ไม่รู้ตอนเด็กๆมันเล่นอะไรกับผม ผมถึงได้ติดมันมากขนาดนี้
   “พี่คนแรก  ผมไม่ผ่านวิชาอ่ะ”ผมเบ้ปากมาแต่ไกลเมื่อเห็นหัวของไอ้คุณพี่ที่รักยิ่ง  ผมอยู่ปีสองในมหาลัยแห่งหนึ่งครับ  กลุ่มของผมมีทั้งสิ้น 5 ตัว ประกอบด้วย ไอ้คุณชายเหมันต์ หล่อไปไหนวะ  ไอ้เที่ยว ไอ้ท่อง ไอ้เมฆและเจ้าต้นน้ำ  สำหรับไอ้เที่ยวและไอ้ท่อง  ตอนนี้มันตกล่องปล่องชิ้นเป็นแฟนกันไปเรียบร้อยแล้ว  กลุ่มผมรับได้ทั้งกลุ่มนะครับ  คือ... สำหรับผมแล้ว ผมเป็นไบอ่ะครับ เลยยอมรับได้ง่ายๆหน่อย  ส่วนเมฆกับต้นน้ำ มันยอมรับตั้งแต่แรกเลยว่ามันเป็นเกย์ทั้งคู่  เหลือแต่คุณเหมันต์ที่ยังนิ่งๆไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไรสักที
   “ไหน ไม่ผ่านตัวไหนครับ หืม”พี่คนแรกขยี้หัวผม  มันสูงกว่าผมอ่ะ อิจฉาชะมัด 
   “ก็วิชา... อ่ะ ตัวเดียว”ผมบอกครับ  ไอ้พี่คนแรกเห็นมันแบบนี้ แต่มันก็เรียนเก่งโคตรๆ  อิจฉามันอีกเรื่อง  ชิ!
   “อ่อ... วิชานี่เหรอ  ไม่ยากนี่ เดี๋ยวพี่เอาชีทเก่าไปให้แล้วเดี๋ยวติวให้นะ โอเคมั๊ย”พี่คนแรกยิ้มกว้างเปลี่ยนจากขยี้หัวผมเป็นโอบไหล่  ผมพยักหน้าหงึก พี่คนแรกเสนอตัวซะขนาดนี้ ไม่เอาก็บ้าแล้วครับ พี่คนแรกหันไปตะโกนใส่เพื่อนๆทั้งกลุ่ม
   “เฮ้ย เดี๋ยวกูพาน้องกลับก่อนนะพวกมึง”ผมตีเพี๊ยะเข้าที่ต้นแขนพี่คนแรกเต็มๆเลยครับ  ผมไม่ชอบให้มันพูดไม่เพราะอ่ะ  เวลาพูดเพราะๆมันหล่อมากเลย ผมชอบ อิอิ
   “โอ๊ย! พี่ขอโทษนะ  พอดีลืมตัวอ่ะ”พี่คนแรกลูบแขนๆป่อยๆ  ผมว่าผมตีไม่เจ็บนะ  ผมดันแขนมันออกแล้วถลกแขนเสื้อมันขึ้นดู โห! รอยแดงปื้ดเลยอ่ะครับ  ชักรู้สึกผิดแล้วดิ  ผมหันไปมองหน้าพี่คนแรกน้ำตาคลอ 
   “เฮ้ยๆ  ไม่ต้องร้องๆ  พี่ไม่เป็นไร  อย่าร้องนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงไอติม”พี่คนแรกเอาหน้าผมไปถูกับเสื้อนิสิตพี่เขา  หอมอ่ะครับ ผมชอบ  ไม่รู้ป้าผมเขาใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไร  ผมพยายามหามาใช้ แต่กลิ่นก็ไม่เหมือนแบบนี้สักที
   “เออ... เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ  พวกมึงลงให้กูด้วยแล้วกัน แต่ไม่เอาพี่ว๊ากนะ ปีที่แล้วแสบคอสัด ให้กูเป็นพี่ปลอบก็ได้”ผมเงยหน้ามองมันตาเขียวปั๊ด  ไอ้พี่คนแรกเลยเอามือยีๆผมของผมแล้วจูงมือพาผมกลับบ้านครับ  เอากะมันสิ น่ารักขนาดนี้ ใครจะโกรธได้ลง  ผมเลียไอติมรสช็อคชิพสุดโปรดของผม  อร่อยสุดๆ สวรรค์เลยครับ 
   “เอ้า! เลอะหมดแล้ว”พี่คนแรกเอาทิชชู่มาเช็ดปากผมซึ่งผมก็ทำปากจู๋ส่งให้ทันที
   จุ๊บ!
   “เฮ้ย!”ผมถอยกรูดทันทีที่พี่คนแรกก้มลงมาจูบปากผม  แม่ง... สะดุ้งเลยครับ  พี่คนแรกหัวเราะขำก่อนจะลากผมกลับไป 

   “เอ้า! ชีทของพี่ เดี๋ยวมาติวด้วยนะ”พี่คนแรกโยนชีทวิชาที่ผมไม่ผ่านใส่หัวผมจนกระจายเก็บแทบไม่ทัน  ผมหันไปยิ้มกว้างแล้วแกล้งงับหน้าแข้งพี่คนแรกเบาๆ
   “เฮ้ย! เจ็บ... สุดท้ายเป็นหมารึไง”พี่คนแรกบอกแล้วยิ้มขำก่อนจะเอามือมายีหัวผมเหมือนเดิม... ผมก้มลงไปเก็บชีทที่พี่คนแรกโยนทิ้งไว้มารวมเข้าด้วยกันก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะทรงญี่ปุ่น  แล้วชันเข่าขึ้นนั่งพิงกับเตียง
   “พี่คนแรก ยืนค้ำหัวเด็กมันไม่ดีนะพี่ นั่งดิ”เหมือนผมจะกวนนะครับ ผมก็กวนจริงๆแหละ พี่คนแรกดีดนิ้วเข้าที่หน้าผากผมก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม..
   “โอ๊ย! เจ็บน้า... พี่ไม่ร้อนเหรอ ชุดนิสิตโคตรร้อนเลยอ่ะ ผมไม่เห็นชอบ”ผมชวนพี่คนแรกคุยไปเรื่อยเปื่อยตามนิสัยครับ...
   “อ๋อ เราเลยใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวเนี่ยนะ  พี่ไม่เห็นมันจะร้อนเลย แอร์ห้องเราก็เปิดซะเย็น”ผมบุยปาก ก็คนมันขี้ร้อนนี้หน่า พอกลับมาถึงบ้านผมก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบอล สบายสิครับ
   “ร้อน”
   “ไม่ร้อน”
   “ร้อน”
   “ไม่ร้อน ก็ไม่ร้อนสิ  ไม่เชื่อพี่บ้างหรือไง”พี่คนแรกเถียงกับผมก่อนจะทำเสียงดังเข้าข่ม
   “ก็ผมบอกว่าร้อนไง เนี่ย เหงื่อออกเต็มเลยเห็นมั๊ย”ผมถอดเสื้อกล้ามออกโชว์เหงื่อที่ไหลตามร่างกายผมครับ... เสียเวลาชะมัด  แต่ทำไม... พี่คนแรกต้องหลบตาผมด้วยฟ่ะเนี่ย
   “เออๆ ร้อนก็ร้อน ใส่เสื้อเหอะ ไปเอาเสื้อกับกางเกงตัวอื่นก็ดีนะ”พี่คนแรกบอกผมเสียงเบา เบาดีนักผมเลยแกล้งทำหูทวนลม ไม่ใส่เสื้อไม่เปลี่ยนอะไรเลยสักอย่าง แอร์ผมน่ะเปิดครับ แต่แค่ยี่สิบเจ็ดองศา มันยังไม่ทำให้ผมหายร้อนเท่าไรหรอก
   “สุดท้าย... พี่บอกให้ไปใส่เสื้อกับกางเกงตัวอื่น”พี่คนแรกพูดอีกที ผมก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินจนพี่เขาทนไม่ไหวลุกขึ้นกระชากแขนผมครับ
   “สุดท้าย!! พี่บอกให้เราไปใส่เสื้อ เดี๋ยวนี้!!”พี่คนแรกโกรธครับ ไม่รู้ว่าทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่ถอดเสื้อเนี่ยนะ เวลาเล่นบอลผมก็ถอดประจำ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
   “ไม่เอา ผมร้อนนี่หน่า อีกสักพักค่อยใส่ก็ได้  พี่คนแรกนั้นแหละ เป็นอะไร ทำไมต้องทำเหมือนโกรธผมมากขนาดนั้นด้วย ปกติผมก็ถอดเสื้อเล่นบอล ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไรเลยเหอะ”ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ  พี่คนแรกมองผมเหมือนโกรธอะไรมากๆ ก่อนจะลากแขนผมให้ก้าวข้ามโต๊ะที่กั้นระหว่างเราสองคนให้เข้ามาชิดกันมากกว่าเดิม
   “อยากรู้ใช่มั๊ยว่าทำไมพี่ถึงให้เราไปใส่เสื้อน่ะ”แล้วร่างของผมก็ถูกคว้าไปใกล้กับอีกฝ่าย ริมฝีปากหนักๆบดขยี้ลงมาบนริมฝีปากของผม
   “ไอ้เชี่ย... มึงทำอะไรวะพี่คนแรก”ผมถอยห่างแล้วถูปากตัวเองหนักๆ เมื่อกี้มัน... มันจูบผม
   “สุดท้าย... เอ่อ... พี่... พี่ขอโทษ”เสียงพี่คนแรกบอกเสียงอ่อย...
   “สัด... ขอโทษแล้วมันหายเหรอวะ”หมดแล้วครับ... ผมหันหลังวิ่งออกจากห้องทันที เสื้อเซ่อไม่หยิบหรอกครับ ช่างแม่ง...  ผมวิ่งไปอีกห้องหนึ่งก่อนจะนั่งพิงประตูห้อง
   “สุดท้าย... พี่ขอโทษ  สุดท้าย... ฟังพี่ก่อนสิ”เสียงทุบประตูรัวๆพร้อมกับเสียงอ้อนวอนให้ผมเปิดประตูดังขึ้นจนค่อยๆเงียบไปเอง พี่คนแรกคงทนไม่หมดจนกลับไปแล้วล่ะมั้ง
   “ฮึก... แม่ง... ไอ้พี่คนแรก  นั่นมันจูบแรกของผมนะ... ผมจะเก็บไว้ให้คนที่ผมรัก  พี่ไม่ได้รักผมสักหน่อย พี่มาจูบผมทำไม”ผมพึมพำเบาๆ... ใช่สิ... คนอย่างผมมันก็เป็นได้แค่น้องชายของพี่เท่านั้นนี้หน่า...
   “พี่คนแรก... ผมชอบพี่นะครับ”ผมเอามือแตะปากตัวเองเบาๆ  จูบที่ไม่ได้มาจากความรัก... ถึงมันจะเป็นจูบจากพี่คนแรก ผมก็ไม่ต้องการอยู่ดี
   ปึง!
   ประตูหนาถูกกระชากออกโดยฝีมือของคนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้ว... พี่คนแรกดึงผมให้ลุกขึ้นก่อนจะปิดประตูแล้วลงกลอน...
   “พี่ขอโทษสุดท้าย...  พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่พี่เตือนสุดท้ายแล้วนะว่าให้ไปใส่เสื้อน่ะ”พี่คนแรกพูด  ผมเห็นคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งดีอยู่บนหน้าของพี่คนแรก
   “พอเถอะครับ... เรื่องมันผ่านไปแล้ว เมื่อกี้ผมคงตกใจนิดหน่อย”
   “ไม่สุดท้าย... วันนี้พี่จะพูดกับเราให้รู้เรื่อง...”แล้วพี่คนแรกก็จูบผมอีกครั้ง มันเป็นจูบที่ไม่ได้รุนแรง แต่อ่อนโยนจนผมเคลิ้มและเกือบหมดแรงเลยทีเดียว
   “คนแรก... รักสุดท้ายนะครับ”พี่คนแรกกระซิบข้างหูผมเบาๆ ทำเอาน้ำตาที่แห้งไปแล้วของผมไหลออกมาอีกครั้ง
   “สุดท้ายเป็นอะไร  พี่ขอโทษนะ... เราคงเกลียดพี่มากใช่มั๊ย”พี่คนแรกพูดเสียงสั่น ผมส่ายหน้า
   “ไม่ใช่ครับ ผม... ผมดีใจน่ะครับ พี่คนแรกบอกว่ารักผมใช่มั๊ย...”พี่คนแรกพยักหน้า  ก่อนที่ผมจะโผเข้ากอด
   “ผมก็รักพี่ครับพี่คนแรกของผม”เราสองคนผลัดกันเช็ดน้ำตาให้กันและกัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ...  เพราะต่างคนต่างไม่พูด... ก็เลยไม่เคยมีใครรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย
   “สุดท้าย... พี่สัญญา... พี่จะรักเราเป็นคนสุดท้าย จะไม่รักใครอีกแล้ว  เป็นแฟนกับพี่นะ”พี่คนแรกกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ
   “ครับ... ผมสัญญา ผมจะรักพี่เป็นคนแรกและจะไม่รักใครอีกแล้วเหมือนกัน”ผมยิ้มให้พี่คนแรกก่อนจะซุกลงที่อกของพี่คนแรก

                                                   “เราจะรักกันเป็นคนแรกและคนสุดท้าย ตลอดไปนะ...”


--------------------------------------------------

จบเรื่องสั้นฉบับซีรีย์ชุดแรกนะครับ  ชุดต่อไปจะเป็นของ คิมหันต์Xเหมันต์ครับ  ฝากติดตามด้วยนะคร้าบบบ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2012 12:41:54 โดย spy4869 »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
ชอบทั้ง 4 เรื่องเลยค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ซี๊ส!!!!โคตรน่ารัก คนแรก สุดท้าย โอ๊ย คิดชื่อมาได้ไงเนี่ย เทพคะ!
พี่คนแรกน่ารัก น้องสุดท้ายก็โมเอ๊ เป็นลม!

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                          ตอนที่5

                                                                    คำว่ารัก ก็แค่เนี๊ยะ


         ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในมหาลัยด้วยท่าทีสบายๆ เรียกให้สาวๆหลายคนมองตามอย่างช่วยไม่ได้  ทำไมวะ แค่เขามารับน้องสายไปสี่ห้าชั่วโมงแค่นี้ ถึงกับต้องมองตามจนเหลียวหลังเลยเหรอ  คิมหันต์... ชื่อของร่างโปร่งที่ทำหน้าหงุดหงิด เมื่อเจอกับรุ่นพี่ว๊ากที่ยืนจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง 
   “บอกชื่อกับรหัสของน้องมา”เสียงพี่ว๊ากดังแสบรูตูด  ก็เมื่อเช้ามั่วแต่เล่นเกมเพลียนจนขี้เกียจมา แค่เนี้ยะ จะบ่นไปทำไมมากมายว้า~  หนุ่มคิมคิดในใจ แต่แสดงออกทางสีหน้าและท่าทางอย่างสุดกวน
   “ชื่อ... รหัส…”และยิ่งเพิ่มความกวนเข้าไปอีกเมื่อคิมหันต์แกล้งทวนคำถามโดยไม่สนใจตอบ  เรียกน้ำโหของพี่ว๊ากอย่างเต็มสตรีม
   “บอกชื่อกับรหัสของมึงมา  ใครเป็นพี่รหัสของมึงนี้คงต้องซวยด้วยแน่ๆว่ะ”ไอ้พี่ว๊ากมันพูดอย่างมีเล่ห์นัย  ผมเลยตอบสนองโดยการตะโกนใส่หูของไอ้พี่ว๊ากนั้นอย่างไม่เกรงใจใคร
   “ชื่อ คิมหันต์  รหัส บลาๆๆ”ผมถอยออกมาแล้วยกยิ้มกวนๆส่งไปอีกครั้ง  ไอ้พี่ว๊ากนั่นดูท่าจะพอใจมาก สงสัยมันคงเป็นไม่ซาดิสต์ก็มาโซแหง่มๆ
   “ใครเป็นพี่รหัสของมัน  กูสั่งให้มันพาไอ้เจ้านี้วิ่งรอบสนาม 50 รอบ ไม่ครบห้ามเลิก”พี่ว๊ากนั่นตะโกนดังลั่น  รุ่นพี่ทุกคนมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งตะโกนกลบ
   “รหัส บลาๆๆ ก็มึงนั่นแหละไอ้คุณเหมันต์”ผมหันไปตามเสียง  รุ่นพี่คนหนึ่งแน่นอนผมรู้จักมัน  ไอ้พี่ชายข้างบ้านสุดเลิฟ ที่ผมมีนิสัยกวนๆก็ได้จากมันมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์  ดูท่าไอ้พี่เหมง เหมันต์อะไรนี่จะเพิ่งนึกขึ้นได้กับคำสั่งที่ตัวเองสั่งไป เลยหันมามองผมอย่างแค้นๆอีกครั้ง แต่ผมก็ทำเพียงแค่ยักไหล่น้อยๆ สายตาเบนไปทางไอ้พี่เที่ยวที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเกือบตกโต๊ะม้าหินที่มันเสร่อปีนขึ้นไปนั่งยองๆอยู่บนนั้น
   “งั้นมึงมานี่  ไอ้เที่ยว ตอนกูไม่อยู่ถ้ามึงปล่อยให้น้องเขาเล่นกันล่ะก็ กลับมามึงเจอดีแน่”ว่าแล้วไอ้พี่เหมันต์ ก็ทำการลากผมไปที่สนามแล้วลากผมวิ่งทันที  แค่นี้ ไม่คณามือผมหรอก ฮาๆ ผู้อ่านคงสงสัยใช่มั๊ยครับว่าทำไม  เพราะผมเป็นนักวิ่งของโรงเรียนเก่ายังไงล่ะครับ  ยิ่งวิ่งระยะไกลยิ่งเป็นอะไรที่ผมแม่งโคตรถนัด  ไอ้พี่เที่ยวมันก็รู้ มันก็เลยหัวเราะก๊ากอย่างที่เห็น  ผ่านไป40รอบอย่างชิวๆ ผมยังวิ่งสบายๆต่างจากไอ้พี่เหมันต์ที่ไม่ถึงกับหอบ แค่หายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย
   “เหนื่อยก็พักนะพี่ ผมรู้ว่าพี่อายุมากแล้ว เรี่ยวแรงมันก็คงจะหดหายไปตามเวลา”ผมพูดแล้ววิ่งนำหน้ามันไปประมาณ 100 เมตร กันมันคึกแล้วถีบผมเอา ยังไงร่างของมันก็ใหญ่กว่าผมหลายเท่า  ดูยังไงก็เสียเปรียบแหง
   “ไอ้บ้า มึงอย่ามาปีนเกลียวรุ่นพี่นะเว้ย”มันด่าก่อนจะวิ่งขึ้นมาตีตื้นกับผม  ผมก็วิ่งหนีมันมันก็ยิ่งวิ่งตาม จนผมหันไปมองมันที่วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ  ประมาณภาพสโลว์โมชั่น  ผมเห็นมันสะดุดลมหรือก้อนหินหรือขา หรืออะไรก็ช่างแม่ง  แต่ตัวมันกำลังล้มลง และตวัดมือเกี่ยวขาผมให้ล้มตามลงไป  เอิ๊ก... ทำไมกูเห็นดาวลอยตอนกลางวันวะ
   “เฮ้ย... ไอ้ตัวเล็ก มึงเป็นไรเปล่าวะ”ไอ้พี่ว๊ากนั่นถลาเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นทันที  ผมก้มลงสำรวจตัวเองแล้วส่ายหน้า
   “ไม่อ่ะพี่ ไม่เป็นไร รีบวิ่งให้ครบๆเหอะ ขาดอีกสองรอบเอง”ผมกลับมาพูดปกติ กวนไม่ออกโว้ย มันก้มลงมาดูผมใกล้ๆ ถึงผมจะสูง แต่มันก็สูงกว่าผมอยู่หน่อย เปรตมาเกิดแท้ๆ ไอ้ควายเอ๊ย  ยิ่งมันก้มลงมาใกล้ๆ กลิ่นโคโลญจน์หอมๆ โอ๊ย... สติผมกำลังจะเตลิดไปไหนต่อไหน กูเป็นผู้ชาย กูชอบผู้หญิง  ผมนั่งท่องไอ้สองประโยคนี้ไปเรื่อยๆจนครบสองรอบ  ยังกะวิ่งเวียนเทียน... 
   หลังจากกลับมาที่บริเวณลานรับน้อง  ผมก็เห็นไอ้พี่เที่ยวกำลังว๊ากรุ่นน้องอย่างหนัก ดูก็รู้มันกะล่อน  ตอนวิ่งอยู่ผมก็หันมามอง มันม่อรุ่นน้องอยู่ชัดๆ  ไอ้พี่เหมันต์เดินไปตบหัวพี่เที่ยวดังป๊าบก่อนจะกลับมาว๊ากรุ่นน้องต่อ  ผมก็ลั้นล้าสิครับ ด่าไปเหอะ มันไม่เข้าหูผมหรอก  สั่งให้ทำอะไรผมก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง  จนกระทั่งจบการรับน้องละครับ
   “ไอ้คิม วันนี้ไปอยู่กับพี่นะ”ไอ้พี่เที่ยวครับ ตั้งแต่เช้าแม่งลากผมมาที่มหาลัย แถมเสือกไม่ปล่อยให้ผมเดินห่างจากมันสักก้าว  อะไรวะ พอถามมัน มันก็ตอบแต่ว่าเออหน่าๆ จนผมรำคาญเองล่ะครับ  ไม่นานไอ้พี่เที่ยวมันก็พาผมไปโต๊ะหินอ่อนที่เดิมกะที่แม่งปีนขึ้นไปนั่งยองๆตอนรับน้องครับ
   “โย่ว! พวกมึง  กูพาน้องกูมาแนะนำ”พี่เที่ยวมันตะโกนลั่นโต๊ะ จนเพื่อนๆทุกคนหันกลับมามอง  สัดผมเพิ่งเห็นครับว่าไอ้พี่ว๊ากเหมันต์ มันก็อยู่ด้วย แถมมันก็กำลังมองที่ผมเขม่งเลย
   “อ่อ... นี่น้องมึงเหรอ มิน่า... กล้ากวนตีนไอ้เชี่ยเห ตั้งแต่วันแรก  มาสาย กวนตีน ไม่สนใจโลก นิสัยแบบเดียวกับมึงตอนรับน้องเลยนะครับไอ้ห่าเที่ยว”เพื่อนของพี่เที่ยวพูด เออ... กูเข้าใจ กูก็เรียนรู้นิสัยเชี่ยๆมาจากมันเนี่ยล่ะ
   “สัด...  บอกซะครบเลย  เออ ไอ้คิม นี่เพื่อนพี่ อยู่ๆกับพวกมันก็ระวังไว้ด้วยล่ะ ไอ้พวกนี้
แม่งชอบเด็กผู้ชาย” ผมสะดุ้งโหย่งเลยครับ ถอยกรูดไปราวๆสามเมตรกว่า  ไอ้พี่เที่ยวหัวเราะก๊าก ผมเลยรู้ว่าหลงกลเข้าให้อีกแล้ว
   “ไอ้สัดพี่เที่ยว”ผมกัดฟันกรอด  มันกดตัวผมให้นั่งลงไป ก่อนจะบอกเพื่อนๆ รวมถึงไอ้พี่เหมันต์ด้วย
   “กูฝากไอ้เชี่ยนี่ด้วยล่ะกัน  น้องข้างบ้านกู ถ้าเจอมันโดนรุมตีนที่ไหนก็ช่วยๆมันหน่อย แค่ให้แม่งวิ่งหนีได้ก็พอ เพราะไอ้คิมมันเป็นนักวิ่งของโรงเรียนว่ะ ยิ่งวิ่งนานๆนี่ของโปรดมันเลยนะ”ไอ้พี่เที่ยวมันหันไปยักคิ้วให้พี่เหมันต์ที่เงยหน้าขึ้นมอง  กูไม่รู้ มึงไม่ถามกูเองนะ ฮาๆ 
   “อ่อ... ไอ้คิมมึงจะจีบใครในกลุ่มกูไม่ว่า แต่ห้ามจีบคนนี้ เพราะมันเป็นเมียกู”พี่เที่ยวเดินไปกอดคอคนร่างเล็กที่สุดในกลุ่มเอาไว้  ก่อนจะได้ศอกกระแทกมาเต็มๆ
   “เชี่ยเที่ยว  ถ้ามึงยังไม่หุบปาก มึงไม่ต้องยุ่งกะกูอีกสองอาทิตย์”พี่คนนั้นเงยหน้าขึ้นยิ้มเหี้ยม  ไอ้ผมก็รู้มานานล่ะครับว่าไอ้พี่เที่ยวมันเป็นเกย์  ก็มันเคยเปิดเทปชายชายมีไรกันให้ผมดูอ่ะ จำได้ว่าผมแทบจะปาโทรศัพท์บ้านมันทิ้ง นึกแล้วยังสยองไม่หาย
   “โธ่... ท่อง  เที่ยวขอโทษน้า  ก็อยากให้น้องมันรู้ไว้ มันจะได้ไม่มาจีบท่องอ่ะ”พี่เที่ยวกระง่องกระแง่งกะแฟนมันไป ส่วนผมก็หันไปหวัดดีพี่ๆในกลุ่ม 
   “ดีครับพี่ๆ  หวัดดีครับคุณพี่รหัสเหมันต์”ผมเน้นย้ำไปที่มัน ไอ้พี่เหมันต์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม หล่อเชี่ยๆอ่ะครับ แม่งทำไมกูยิ้มไม่หล่อเหมือนมันบ้างวะ 
   “วันนี้เลี้ยงรับน้องรหัสไอ้ห่าเหละกัน ร้านเดิม เค๊”เสียงพี่ท่องดังขึ้น ผมหันไปมองหน้าพี่เหมันต์ก่อนจะสลับกะพี่ท่อง
   “เออ... หารจ่ายกันเอง กูจ่ายแค่น้องรหัสกู”เสียงโห่ดังจากคนในกลุ่มที่หวังกินของฟรี  ผมก็เฉยๆครับ ผมไม่จ่าย ไอ้พี่เที่ยวแม่งก็ต้องจ่ายให้ผม 

   ร้านอาหารกึ่งๆจะเป็นร้านเหล้าบริเวณชานเมือง เป็นสถานที่นัดของรุ่นพี่และผมครับ ไอ้พี่เที่ยวมันลากผมให้ออกจากบ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น  ไม่รู้มันจะรีบไปไหน  จนถึงร้านละครับถึงได้รู้ว่าพี่คนอื่นๆมาถึงร้านกันหมดแล้ว  และที่สำคัญเหล้ามันพร่องไปเกือบขวดแล้ว จะแด๊กกันไวไปไหนวะ  ผมมองหน้าพี่เหที่นั่งอยู่ข้างๆผม ตรงหน้ามันมีแก้วเหล้าที่ผสมไว้น่าจะเข้มพอตัวดูจากสีแล้วก็นะ... พี่เที่ยวชงเหล้ามาให้ผม ไม่ค่อยเข้มมากหรอกครับ นานๆผมจะกระดกเหล้าสักที  ไม่ค่อยชอบครับ แต่ก็ไม่ถึงกับกินไม่ได้  ผมนั่งจิบไปเรื่อยๆ ที่ร้านก็เปิดเพลงฟังสบายๆ  จนเกือบห้าทุ่มล่ะครับ ผมก็เริ่มโงนเงนแล้ว เหล้าแค่สี่ห้าแก้วทำเอาผมตาปรือมองเห็นไอ้พี่เหมีสี่คนไปเรียบร้อยแล้ว
   “เพ่เที่ยวว~... คิมมาวแล้วน้า... เมื่อรายจากลับบบ”ผมอ้อนคนข้างๆ ไม่ได้รู้เลยว่าใครนั่งอยู่  ไอ้พี่เหนั่งมองผมซุกไซ้ต้นแขนมันแล้วยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวลูกแมวน้อยขี้อ้อน  หันไปมองเหล้าในมือ  ทั้งบๆที่กินเข้มกว่า แต่ดันเมาช้ากว่าคนกินอ่อนๆซะงั้น
   “ไอ้เห  มึงยังไม่เมาใช่ป่ะ งั้นมึงพาไอ้เชี่ยคิมกลับนะ กูจะไปต่อร้านอื่นกับคนอื่นต่อ แม่งเมาแล้วไม่เจียม”ไอ้พี่เที่ยวเรียกเช็คบิลก่อนจะลากเพื่อนๆเดินออกนอกร้านไป

   [hemun talk]
   ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ซุกอยู่ที่แขนผม  ไอ้เพื่อนบ้าพวกนั้นแม่งก็พากันเผ่นแนบไม่รับผิดชอบซะงั้น  ผมพยุงเจ้าคิมไปที่รถที่จอดอยู่ด้านหลัง โชคดีที่วันนี้เอารถของพ่อมาไม่งั้นเจ้านี่คงต้องซ้อมมอไซต์ผมกลับแหงๆ  ผมหันไปมองเจ้าตัวเล็กตอนที่รถติดไฟแดง  ไม่น่าเชื่อว่าหน้าหวานๆแบบเจ้านี่จะกวนประสาทได้มากขนาดนั้น ทำเอาตอนรับน้องผมแทบจะประสาทไปเลยทีเดียว  แต่ก็นะ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกะไอ้เที่ยว กวนพอๆกันเลย 
   “ไอ้พี่เหมันต์  เอิ๊ก... ชอบกลิ่นน้ำหอมมึงจางเลย โคโลจญน์เพ่ก็โคตรหอมเลยรู้ป่าว... เอิ๊ก”ร่างบางข้างๆตัวผมพึมพำ  มันพล่ามบ้าไรของมันวะ  ผมไม่ได้ใส่น้ำหอมนะ ไม่ได้ใส่อะไรเลยสักอย่าง สาเหตุง่ายๆผมแพ้ครับ ดังนั้นผมไม่เคยใช้ไอ้ของทุกอย่างที่เจ้าบ้านี่พล่ามมาสักอย่าง
   “จะกลับบ้านได้เหรอเนี่ย”ผมมองคนตัวเล็กที่เมาไม่ได้สติ  บ้านมันอยู่ข้างๆบ้านไอ้เที่ยว ผมรู้แต่บ้านไอ้เที่ยวแล้วบ้านมันอยู่ไหนล่ะ  ผมขับวนๆอยู่สองรอบก่อนจะออกตัว  ไปคอนโดผมล่ะกัน เมาแบบนี้คงจะไม่ลุกขึ้นมาด่าผมหรอกนะ
   
   เมื่อกลับถึงคอนโดผม ผมก็ลากไอ้ตัวเล็กนี่ขึ้นไปบนห้อง โชคดีที่มันไปอ้วกนะ ไม่งั้นผมได้ทิ้งมันไว้กลางทางแน่ๆ  ไอ้คิมหันต์มันตัวเล็กแล้วก็เบามาก ถึงตัวจะสูงก็เหอะ แต่มันก็ผอมจนดูตัวเล็กไปเลย  ผมโยนมันลงเตียง ง่วงก็ง่วง ผมหันไปเปิดแอร์ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ มึงเน่ากูก็เน่าละวะ ไอ้ตัวเล็ก  นอนไปไม่ถึงสิบนาทีครับ  ผมก็รู้สึกถึงมือเล็กๆที่ป่วนเปี้ยวอยู่แถวๆเป้ากางเกงผม  ผีหลอกกูเหรอวะเนี่ย ผมลืมตาโพล่งแล้วก้มลงดู  มือไอ้เชี่ยคิมครับ เต็มๆเลย มันจับเจ้าเหน้อยของผมชักขึ้นชักลง  ตัวมันก็ปีนขึ้นมานั่งบนตัวผม  เสื้อกับกางเกงมันปลิวหายไปกับอากาศเรียบร้อยครับ  เหลือแต่ผมที่ยังมีเสื้อติดอยู่บนตัว  ไอ้คิมหัวเราะคิกก่อนจะผละมือออกแล้วก้มลงเลียอกผม เสียวสิครับ  ผมดันตัวมันออกแต่ก็ถูกปัดมือทิ้งแล้วก้มลงมาเลียอีก ดูท่ามันจะถูกใจไม่น้อย  ตอนนี้ไอ้เจ้าเหน้อยมันก็คงจะไม่น้อยตามชื่อแล้วครับ  เอาไงเอากันวะ รุกผมซะขนาดนี้  ผมพลิกตัวคิมให้ลงไปอยู่ใต้ร่างผมก่อนที่ผมจะก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ตัวของคิมหอมและก็นิ่มมากด้วยครับ  เจ้าตัวเล็กที่ยังเมาไม่หายหัวเราะคิก  แล้วตัดขาเกี่ยวเอวผมเอาเจ้าคิมน้อยมาถูไถกับท้องน้อยผมจนเป็นเรื่อง  ผมเอื้อมมือลงไปชักมันเบาๆ  ก่อนจะไต่ริมฝีปากต่ำลงไปเรื่อยๆ จนอมส่วนของคิมหันต์เข้าไปได้มิด 
   “อือ...”เสียงครางฮือทำเอาผมสติแทบแตก  นิ้วชี้ถูกส่งเข้าไปสำรวจยังเบื้องหลังของคิมหันต์  เจ้าตัวเล็กสะดุ้งเฮือกทันทีที่ผมสอดเข้าไป  ด้านหลังของเจ้านี่บีดรัดผมจนเกือบคุมสติไม่อยู่  ผมรีบอมให้น้ำของเจ้านี่แตกโดยเร็ว ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกมา  ผมปล่อยให้มันไหล่ไปยังเบื้องหลังก่อนจะปาดมันเข้าไปในช่องทางสีสด
   “ง่า... จาทำอาราย งือ... อือ”เสียงของคิมหันต์ที่เอามือปัดป่ายมั่วซั่วด้านหลัง  ผมคว้าสองมือนั้นให้เกาะไหล่ผมไว้ ก่อนจะถอดนิ้วทั้งสามนั้นออกมาและแทนที่ด้วยเจ้าเหน้อยที่ตอนนี้กลายเป็นมังกรไปแล้ว
    “โอ๊ย~”คิมหันต์ร้องเสียงดัง ผวาตัวขึ้นโอบกอดผมทันที  ผมอยู่นิ่งๆรอให้ด้านหลังนั้นขยับขยายตัวพอเข้าที่เข้าทาง แล้วผมก็ค่อยๆขยับตัวช้าๆสลับกับรัวเร็ว เรียกเสียงครางจากคนเมาได้เป็นอย่างดี 
   “ไอ้พี่ว๊ากบ้า... อือ... เสียวจางเลยย”เสียงคนตัวเล็กครางกระเส่า  ผมกระแทกตัวรัวอีกสองสามทีก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบรัดจากด้านหลังทำเอาผมปลดปล่อยออกมา พร้อมๆกับน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาเปื้อนหน้าท้องของผม  ผมค่อยๆถอนตัวออก น้ำของผมไหลออกมาพร้อมๆกับเลือดสีแดง ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำแรงแน่นอน แสดงว่าเจ้านี่คงจะเวอร์จิ้น พรุ่งนี้คงได้หาเรื่องโวยวายแหงม  แต่ทำไมนะ เมื่อกี้ผมถึงมองว่าเจ้าคนตรงหน้าผมนี้น่ารักมาก  หรือผมจะหลงรักคนตรงหน้านี่ไปแล้วนะ...

   [kimkun talk]
   ผมตื่นขึ้นมาพร้อมความระบบเบื้องล่าง ทำไมมันเจ็บๆวะ  ผมเปิดผ้าห่มดู เอ... มือใครมันพาดผมอยู่วะ  สงสัยจะมือไอ้พี่เที่ยว ปกติมันชอบนอนกะผมอยู่แล้วเวลาเมาๆ  แต่เสื้อผ้าผมล่ะ  ไหนจะกองเลือดเป็นหย่อมๆอีกผมดึงผ้าห่มออกเตรียมด่าอีกฝ่าย แต่คนตรงหน้าทำเอาผมอึ้งค้างไปสามวิ ก่อนจะได้สติและตะโกนว่า...
   “ไอ้พี่เห  มึงทำอะไรกู๊~!!!”ผมน้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงที่มาของกองเลือด  คงไม่ใช่ผมไปหกล้มหัวฟาดที่ไหนหรอกหน่า  เลือดแม่งถึงไหลตรงหว่าขาน่ะ ไหนจะไอ้น้ำเหนียวๆบนตัวผมอีก  ผมไม่ได้โงถึงขนาดจะดูไม่ออก ปี1นะ ไม่ใช่ป.1 
   “อือ... เจ็บเหรอ ขอโทษนะ เมื่อคืนพี่ห้ามตัวเองไม่อยู่อ่ะ”ยิ่งมันพูดน้ำตาผมก็ยิ่งไหล สัด ผมเป็นผู้ชายนะครับ  เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีเลยนะ
   “พี่รักคิมหันต์นะ  ขอโทษที่วู่วาม ก็เมื่อคืนคิมยั่วพี่ก่อนจริงๆนี่หน่า”ไอ้พี่เหมันดึงตัวผมเข้าไปกอด  น้ำตาผมไหลมากกว่าเดิมอีก  พูดไม่ออกครับ ไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้มึนไปหมดแล้วครับ
   “ขอโทษนะ พี่รู้ว่าคิมไม่ชอบพี่หรอก  แต่พี่จะทำให้คิมชอบพี่ให้ได้ อย่างโกรธเลยนะ  ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะคนดี”ไอ้พี่เหมันเช็ดน้ำตาให้ผมครับ ผมก็นั่งนิ่งปล่อยให้มันทำอะไรไปตามใจ
   “ผม... ไม่รู้จะพูดอะไรดี”
   “คิมไม่ต้องพูดหรอกนะ  พี่ขอโทษ พี่จะรับผิดชอบทุกอย่างนะ  เป็นแฟนกับพี่ได้ไหมคนดี”ไอ้พี่เหพูดกับผมน้ำเสียงของเขานุ่มและชวนฟังมากๆ
   “ไม่... ไม่เอา ไม่เป็นแฟนพี่”ผมส่ายหน้า  พี่เหมันต์ดึงผมไปสบตาก่อนจะกอดผมอีกครั้ง แล้วลูบหัวผมเบาๆ
   “ไม่เป็นไร  ไม่ต้องพูดอะไรนะ  เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำดีกว่า  เดี๋ยวพี่จะทำอะไรให้กินนะ”ไอ้พี่เหมันต์อุ้มผมไปเข้าห้องน้ำก่อนจะทำความสะอาดให้ผมที่แทบจะยืนไปอยู่  พาออกมาเช็ดตัวแต่งตัวให้ทุกอย่างแล้วให้ผมไปนั่งรอที่โซฟา  ไม่นานโจ๊กร้อนๆก็มาเสิร์ฟถึงที่
   “ทานก่อนนะ  แล้วเดี๋ยวไปนอนพัก  ถ้ามีไข้ขึ้นมาคงแย่”ผมทานโจ๊กได้ห้าหกคำก็ต้องวาง สงสัยผมจะมีไข้จริงๆอย่างที่มันว่า  พี่เหเห็นผมไม่กินแล้วก็ย้ายโจ๊กไปวางไว้ข้างๆ ดันผมให้นอนลงแล้วหยิบผ้าห่มมาห่มให้ผม
   “นอนซะนะคนดี  พี่เหมันต์รักน้องคิมหันต์นะครับ”เสียงนั้นดังขึ้นเบาๆที่ข้างหูผมก่อนที่ริมฝีปากนุ่มๆจะสัมผัสลงเบาๆที่ข้างแก้มผม  พี่เหมันต์หยิบชามโจ๊กเข้าไปในครัว  ไม่แน่ว่าบางที... ผมอาจจะรู้สึกชอบพี่รหัสของตัวเอง หรือพี่ว๊ากที่ผมกล้ามีเรื่องตั้งแต่วันแรก  ตอนนี้ผมแค่ชอบ  แต่ผมจะรอสักวัน... ที่ฤดูร้อนอย่างเขาจะทำให้ฤดูหนาวอย่างผมได้รู้จักความอบอุ่นจากความรักบ้าง  วันที่ผมจะบอกว่าผมรักพี่เหมันต์ได้...  มันคงจะอีกไม่นานหรอก  มันอยู่ที่ว่าพี่รหัสของผมคนนี้จะมีความอดทนมากถึงวันนั้นรึเปล่าล่ะ...
   “พี่รักคิมหันต์นะครับ”เสียงนั้นกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนที่เขาจะนั่งลงที่โซฟาเยื้องๆกับตัวที่ผมกำลังนอนอยู่
   ‘ ผมชอบพี่ครับ พี่เหมันต์ ’

                                                                               [จบ]
 
-----------------------------------------------------------------------------------------

แอบสังเกตุว่ามีตอนพิเศษเกือบจะทุกเรื่อง  ตอนต่อไปขอลงตอนพิเศษของผมเป็นคนบ้าก่อน แล้วจะมาลงซีรีย์เรื่องนี้ต่อนะครับ^^  (ผมลงเร็วไปมั๊ยเนี่ย)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                              เรื่องที่6 (พิเศษจากผมเป็นคนบ้าฯ)

                                                                  เมื่อคนบ้า... แกล้งบ้า


   ผมนัทครับ...  คิดว่าพวกคุณคงรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร  แต่ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นใคร ใช่ครับผมบ้า...  อย่าคิดเลยเชียวว่าหลังจากที่ผมกลับไปอยู่กับแก๊งค์และเด็กนั่นแล้วผมจะยอมกลับเป็นคนปกติ  ไม่มีทางซะล่ะ  เป็นคนบ้าสนุกกว่าเยอะเลย   ดังนั้น  วันนี้ผมจะแอบหนีออกไปเป็นคนบ้าอีกครั้งหลังจากถูกสักลากกลับมาเป็นครั้งที่87  อย่าได้แคร์ครับ  ผมเป็นคนบ้าไม่สนใจตัวเลขพวกนี้หรอก
   ผมมองซ้ายมองขวา  โอเคทางสะดวก  ไอ้สักคงไปเรียน งั้นวันนี้ผมไปนอนใต้สะพานลอยสักทีคงจะดี  อ่า... เกือบลืมหนังสือเล่มใหม่ไปซะแล้ว ไม่งั้นวันนี้ไม่มีอะไรอ่านแน่เลย
   “คุณนัทครับ”ผมสะดุ้งโหย่ง  ลูกน้องในแก๊งค์ที่เดินเข้ามาเห็นผมพอดีทักซะผมตกอกตกใจนึกว่าเจ้านั่นจับได้ซะแล้ว
   “ชู่ว์ๆ  เดี๋ยวฉันจะไปข้างนอก  ว่าจะทำเซอร์ไพรส์สักหน่อย  อย่าบอกสักนะ”ว่าแล้วก็รีบเผ่นหาย  อยู่ทำไมล่ะครับ  ไม่ถึงห้านาทีผมก็พาตัวเองออกมายืนนอกคฤหาสน์ได้แล้ว  แน่นอนว่าเสื้อผ้าแต่ละตัวราคาแพงๆทั้งนั้น  ใครจะใส่ให้โง่ล่ะ  ผมถอดเปลี่ยนกับชุดเก่าๆขาดๆที่โดนสักขโมยไปทิ้งหลายสิบรอบ แต่ผมก็แอบเอามาอีกจนได้  เอาล่ะ! ที่นี้ผมก็พร้อมจะเป็นคนบ้าอีกครั้งแล้ว...


   “ฮาๆๆ  เออ  แม่ง  ไอ้พวกนั่นมันอ่อนว่ะ โดนไม่กี่ทีก็หัวหดหมดแล้ว”ผมเดินผ่านคนกลุ่มหนึ่ง
   “เฮ้ย มึง คนบ้าว่ะ”ผมได้ยินเสียงพวกมันกระซิบกัน  อ่า...เหมือนพวกมันจะเมานะ...  ดูท่าไม่ดีซะแล้ว  เผ่นดีกว่า  ผมแกล้งทำเป็นเดินต่อไปโดยไม่สนพวกมัน  กระโดดเหมือนอยู่ในโลกของความฝันและหัวเราะกับถังขยะสีเขียว  แหม... โลกนี้ช่างน่าอยู่...
   “เฮ้ย!!”ผมเซถอยกลับตามแรงกระชากที่คอเสื้อจนเสื้อผมขาดดังแควก! แล้วคืนนี้ผมจะใส่อะไรน๊อนนนน...
   “แม่ง  ผิวสวยว่ะ”มันมองผมด้วยสายตายังไงดีล่ะ  มันคล้ายๆตอนสักมองผม  แต่พวกนี้ดูไม่น่าไว้ใจกว่าเยอะเลย
   “หือ...  อะไรครับพี่  ผมเป็นคนบ้านะ  ผมพูดไม่รู้เรื่อง ฮะๆๆ”ผมแถสดครับ  ชิน...  แถบ่อย  แล้วผมก็พลิกตัวจะเดินหนีแต่ก็ถูกกระชากครับ  แง่ง... มันผลักผมครับ  ไอ้เชี่ยพวกนี้! ผมล้มลงพื้น  แล้วทำไงต่อเหรอครับ...
   “แง!!!  ฮือ...  พี่เป็นใครอ่ะครับ  ผมเจ็บ  ฮืออออ!!”เอาเลยครับ ให้ดังไปแปดบ้านสิบบ้านเลย  ตอนนี้หลายคนที่เดินผ่านเริ่มหยุดมองแล้วครับ  พวกมันสถบเบาๆก่อนจะเดินหายไป  สำเร็จครับผม  ผมยันตัวลุกขึ้นมาก่อนจะมองหลังตัวเองที่ไถลกับพื้นจนเลือดซิบ  ไอ้พวกนี้เล่นแรงแท้  มันน่าจับมากระทืบซะให้เข็ด อ่ะ... แต่ตอนนี้ผมเป็นคนบ้านี่หว่า  ข้ามๆ เฮ้อ... ติดนิสัยสักมาซะเยอะเลยแฮะ


   “อ้าว  ไอ้บ้า  มาแล้วเหรอมึง  หายไปนานเลย  ไอ้คนที่มาตามมึงคราวที่แล้วเป็นใครวะ”เสียงคุ้นเคยที่ผมเคยเห็นหน้าบ่อยๆทัก  เพราะผมเป็นคนบ้าไม่มีชื่อ  ทุกคนเลยเรียกผมว่าบ้า  เก๋ดีมั๊ยล่ะนั่น  ส่วนคนที่ทักผมชื่อลุงค่อม เพราะแกหลังค่อมไง
   “แฟนผมน่ะลุง  ไม่มีอะไรหรอก  นี่ก็กลับมาแล้วไง”
   “เว้ย! ไอ้นี่เล่นของสูงเว้ยเฮ้ย! ที่มาลากมึงไปน่ะ ขับสปอร์ตเชียวหน่ามึง พูดเล่นไประวังจะโดนกระทืบตายล่ะ”คนๆนั้นเตือนผมพร้อมกับกรอกเหล้าลงปากด้วยความอารมณ์ดี
   “แหมลุงก็... รู้ทันผมอีก  แล้วไมไม่เปิดไฟล่ะพี่เนี่ย”ผมมองหลอดไฟเหนือหัวที่ดับสนิท  แล้วผมจะอ่านหนังสือยังไงล่ะ
   “การไฟฟ้าแม่งไม่มาเปลี่ยนหลอดน่ะสิ  เห็นติดๆดับๆมาสามวันแล้ว  สงสัยมึงต้องไปอ่านหนังสือที่อื่นว่ะ”
   “ง่า... ผมไปที่อื่นก็ไม่มีเพื่อนคุยสิลุง  เดี๋ยวผมดูให้  เอาไม้เคาะคงหายมั้ง”ผมหัวเราะตามมุขที่เล่นไปก่อนจะหาอะไรที่มาพอจะเป็นฐานรองปีน
   “ระวังตายแล้วกันมึง เอาไม้ไปเคาะน่ะ  ไฟฟ้ามันแรงนะโว้ย!!”พี่เขาตะโกนด้วยความเป็นห่วง  อ่านะครับ...  ก็ผมบ้านี่หน่า...  ไฟฟ้าแค่นี้ไม่ครณามือผมหรอก  ไม่เกินห้านาทีดีไฟที่ดับก็สว่างขึ้นมาทันที 
   “ไอ้บ้าเว้ย! มึงบ้าจริงเปล่าเนี่ย  ซ่อมไฟก็ทำได้ด้วยเว้ย”ผมหัวเราะแห้งๆ  ก่อนจะก้มตัวลงนั่งลงบนกล่องกระดาษเปล่าๆ
   “บ้าสิลุง ไอ้ที่ติดนี่ก็แค่มั่วๆเอาไม้ตี มันติดได้ไงก็ม่ายยยรุ”ผมทำหน้าเบลอๆแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ  เอ้อแฮะ  เรื่องนี่สนุกจริงๆน่าจะเอาไปประกวดรางวัลซีไรด์  ใช้ได้ๆ แล้วผมก็จมอยู่กับหนังสือนานเท่าไรไม่รู้จนกระทั่งมีเสียงเด็กเล็กๆดังพร้อมกับแรงที่ฉุดขากางเกงผม
   “พี่...พี่บ้า  พี่บ้ากลับมาแย้ว”ผมหันไปมองตามเสียง  น้องก้อยเด็กที่ถูกเอามาทิ้งโดยมีพี่พรตที่ช่วงกลางวันใช้เวลาไปกับการนั่งขอทาน  ผมวางหนังสือลงก่อนจะอุ้มเด็กแล้วหันไปมองหาพี่พรต
   “ไงไอ้บ้า  กลับมาแล้วเหรอมึงน่ะ... หายหัวไปนานนึกว่าถูกจับไปขายตัว”พี่พรตพูดขำๆก่อนจะเทเศษเหรียญลงนับที่พื้น
   “โหพี่พรตก็  ผมแค่ไปหากินบ้างอะไรบ้าง เออ... คราวนี้ผมเอาเงินมาฝากพี่ได้ด้วย”ผมควักแบงค์สีม่วงยับๆส่งให้  ที่จริงมันไม่ยับหรอก ผมเพิ่งขยำเมื่อกี้แหละ
   “โอ๊ย  มึงเก็บไว้ใช้เถอะ  เงินตั้งเยอะตั้งแยะ  ให้กูแล้วมึงจะใช้อะไร”พี่พรตส่ายหน้าปฏิเสธ
   “เหอะหน่าพี่  ไม่เห็นใจน้องบ้าที่อยากจะช่วยเหลือบ้างเหรอ ถือว่าผมช่วยน้องก้อยแล้วกัน” ผมยัดเงินใส่มือพี่พรตจนได้ 
   “เออๆ  มึงก็งี้ตลอด ไว้ไม่มีกินค่อยมาขอกูแล้วกัน กูจะเก็บเงินไว้ให้ส่วนของมึงน่ะนะ”พี่พรตเก็บแบงค์สีม่วงเข้ากระเป๋าก่อนที่ผมจะหันมาสนใจน้องก้อยต่อ
   “แบร่ๆ  พี่บ้าหล่อมั๊ยครับ หืม  พี่บ้าหล่อเนอะๆๆ”จับน้องก้อยโยนไปมาเบาๆเด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจก่อนจะเอามือมายีหัวผมจนยุ่ง
   “พี่บ้าน่ารักมากกว่า  น่ารักเหมือนน้องก้อยเยยยย”ผมควรดีใจ??  มีเด็กมาชมว่าน่ารัก  เอิ๊ก! ถ้าไม่บ้านี้ตบคว่ำไปแล้วนะครับ
   “ฮาๆ พี่บ้าน่ารักก็ได้  เพื่อน้องก้อยเลยนะเนี่ย  เราน่ารักเหมือนกัน เนอะๆๆ  ฟอด!!”หอมแก้มเลอะๆสักทีครับ  นิ่มได้ใจมาก  น้องก้อยหัวเราะตบอกตบมือชอบใจ  ก่อนที่ผมจะปล่อยน้องก้อยให้ลงเดินวิ่งไปหาพี่พรต
   “พ่อพรต  พี่บ้าบอกว่าน้องก้อยน่ารักเหมือนพี่บ้าด้วยแหละ  พี่บ้าหอมแก้มน้องก้อยด้วย”ก้อยกระโดดโถมตัวใส่ให้พี่พรตรับก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองผม  พร้อมเสียงหัวเราะดังหึหึ
   “ไอ้บ้าาาาาาาา   คิดถึงมึงจังเลยยยยย  นึกว่าจะไปแล้วไปลับซะอีก”เสียงบวกแรงโถมที่ไม่เบานักทำเอาผมล้มไปนอนพะงาบๆกับพื้น
   “ไอ้สัดต๊อกครับ  นั่นเพื่อนครับ  เมียมึงนั่นหัวโด่อยู่นี่”พี่พรตเสียงเฉียบขาดมากครับ  ผมบอกไปรึยัง พี่ต็อกกับพี่พรตเป็นแฟนกันและดูพี่พรตก็ยอมรับฐานะของเมียอย่างไม่เขินอายเลยด้วยซ้ำ
   “แหม... ก็คิดถึงบ้างไรบ้างอ่ะ  มึงกูก็กอดอยู่ทุกวัน  หรือมึงหึงกูขนาดหนัก”พี่ต๊อกหัวเราะชอบใจ  ก่อนจะได้รับค้อนวงใหญ่ๆจากพี่พรต  แต่ผมแอบเห็นพี่เขาหน้าแดงนิดๆนะ
   “เว้ยๆๆ  หวานเกรงใจคนแก่บ้างเว้ย  อิจฉานะเนี่ย”ลุงค่อมขัดพอเป็นพิธีก่อนจะจัดแจงหาที่นอน
   “ว้าย! อกอีแป้นจะแตก  อีบ้า แกกลับมาแล้วเหรอยะ”เสียงดัดจริตพร้อมกับผู้หญิงร่างสูงระหงที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเดินมาพลิกหน้าผมดูสองสามที
   “โถ่! พี่ฟาผมเป็นผู้ชายนะครับ มาเรียกว่าอีได้ไง”
   “ได้ไม่ได้ฉันก็จะเรียกย่ะ  คิดถึงแกจริง  วันนี้อารมณ์เสียอยู่พอดี  ผู้ชายช่วงนี้มันนึกรักเมียขึ้นมาหมดรึไงก็ไม่รู้  ไม่มีออกมาเที่ยวบ้างเลย”พี่ฟาบ่นน้อยๆ  อันที่จริงอาชีพที่เธอทำมันก็ผิดศีลธรรมไม่น้อย แต่ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันไม่มีจะกิน  มีอะไรพอหาเงินได้ก็ต้องดิ้นรนกันไป
   “พี่ฟา...  ทำอะไรคิดดีๆนะพี่  เอดส์มันไม่ได้มาคิดกับพี่ด้วยนะ”ผมเตือนด้วยความหวังดี  พี่ฟาควักถุงยางเป็นพรืดออกมาโชว์
   “ฉันรู้จักป้องกันย่ะ  แกก็หัดพกๆไว้บ้างเถอะ  เป็นคนบ้าแต่หน้าหวานขนาดนี้ระวังจะโดนฉุดไปข่มขืน”พี่ฟาพูดขำๆ  ไม่อยากจะบอกว่าเพิ่งเจอมา... 
   “ง่า... ใครเขาจะอยากทำอะไรคนบ้าล่ะครับ  ฮาๆๆ”หัวเราะกลบเกลื้อนแล้วหาที่หลับที่นอน  เริ่มง่วงแล้วแฮะ  ไม่ไหวๆ  ขอพักก่อนแล้วกัน
   “ต๊ายยย อีนี่รีบหนีหลับนะยะ  ไปดีกว่า  ขี้เกียจเหมือนกัน”ว่าแล้วก็ลุกเดินออกไป  ซอยบ้างพี่ฟาอยู่ซอยข้างๆสะพานลอยที่ผมอาศัย  น้องก้อยเดินมาซุกตัวนอนกับผม  ส่วนพี่พรตกับพี่ต๊อกก็นอนอยู่ข้างๆลุงค่อม.... ผมมองแล้วลอบยิ้มเบาๆ  ที่จริงครอบครัวแบบนี้... ก็มีความสุขดีหรอกนะ...


   เอี๊ยด!! 
   ผมลืมตามองตามเสียงรถที่เบรกประทันหันพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกมาด้วยความเร็ว  อะไรวะ ตัวผมมีเรดาร์พิเศษรึไงมันถึงตามผมมาได้เร็วขนาดนี้น่ะ
   “อิม  กลับบ้าน”มันพูดเสียงดังเลยครับ  ไอ้เชี่ยนี้ เด็กนอนอยู่ไม่เห็นเหรอวะ
   “งือ... แง...  คะ... คุณเป็นใครอ่ะ  ฮือ...”ลงลูกบ้าแม่งครับ  อารมร์เสีย  น้องก้อยเพิ่งได้นอนตอนเที่ยงคืนนะ แล้วนี่มันเพิ่งตีห้า  ชัดมั๊ยตีห้า  เวลาแค่นี้เด็กมันนอนไม่พอนะเฮ้ย!
   “เฮ้ยๆ  เอะอะอะไรวะเนี่ย  อ้าว  คุณที่มาคราวที่แล้วนี่”ลุงค่อมงัวเงียตื่นขึ้นมามองไปที่ไอ้สัก
   “แง... ลุงค่อม... มันจะเอาผมไปอ่ะ  ลุงช่วยผมด้วยอะ...ฮือ”ผมกอดน้องก้อยไว้แน่น โชคดีที่เด็กน้อยยังไม่ตื่น   สักมองผมเอือมๆ
   “อิม...  อย่าเพิ่งแกล้งเป็นคนบ้าตอนนี้ได้มั๊ย รู้รึเปล่ากูตามหามึงนานแค่ไหนน่ะ”สักนั่งยองๆมองหน้าผม
   “รักกูรึเปล่าอิม  กลับไปกับกูนะ”เสียงสักอ่อนลงพร้อมกับมือที่รั้งร่างผมขึ้น
   “แฟนมึงมาตามแล้วไงไอ้บ้า  มึงกลับไปสิวะ  ให้ก้อยมันนอนต่อ เด็กมันจะงอแงถ้านอนไม่พอนะเว้ย”ลุงค่อมพูดผมค่อยๆถอยห่างจะน้องก้อยแล้วมองไปที่พี่พรตพี่ต๊อกที่คงจะไม่ได้เจอกันอีกพักใหญ่
   “ง่า... ผมบ้านะ  ผมเป็นคนบ้า  อย่าแกล้งผมสิ”ผมงอแงเล็กๆให้สักก้มลงกอดผม  ง่า... จะบอกว่าชอบก็ชอบอ่ะนะ  แต่มันก็เขินๆพิกล
   “กลับไปนะครับพี่นัท  พี่ไม่ได้บ้าผมรู้ดี”สักก้มมากระซิบกับผมเบาๆก่อนจะจูงผมขึ้นรถ  อ้าวเฮ้ย! อุส่าห์เพิ่งหนีมาได้เมื่อวาน ทำไมกลับเร็วจังวะ  แง่ง... คนบ้าเซ็ง
   “อิม... ขอร้องล่ะ อย่าทำให้กูเป็นห่วงนะ  กูไม่ได้นอนทั้งคืนเลยรู้มั๊ย”ผมมองตามอีกฝ่ายที่ตาคล้ำจนเห็นได้ชัด  อันที่จริงก็รู้สึกผิดนิดๆเหมือนกันนะ
   “ขอโทษ...”ผมพูดเบาๆ  ก่อนที่สักจะหันมามองแล้วยิ้มให้ผม
   “กลับไปนวดหัวให้หน่อยสิ  มีสอบพรุ่งนี้อีกตัว  เพลียมากเลย”มันยิ่งพูดผมยิ่งรู้สึกผิด  ไม่น่าต้องให้มันเสียเวลามาตามหาผมเลย  มันเรียนแพทย์หนักมากทำไมผมจะไม่รู้  แค่วิศวะก็ใกล้ตายตอนผมเรียนเหมือนกัน  ผมเอนตัวลงไปพิงไหล่มันเบาๆ
   “โกรธกูมั๊ย”
   “ก็... นิดหนึ่งมั้ง”ผมตอบเบาๆแล้วตีไฟเลี้ยวเข้าซอยบ้านของผม
   “ขอโทษนะ... แล้วก็ขอบคุณ... ขอบคุณที่ห่วงกูนะ”ผมโน้มตัวไปหอบแก้มมันเบาๆก่อนจะถอยกลับมานั่งที่เดิม อายว่ะ... ทำเสร็จแล้วมานั่งอายทีหลัง
   “หึ... แม่ง... มึงนี่เป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดในสามโลกเท่าที่กูเคยเจอมาแล้วนะเนี่ย”มันจอดรถพอดีก่อนจะหันมาบังตัวผมเอาไว้
   “ทำให้กูรักมากๆ  ระวังจะลุกไม่ขึ้นนะครับพี่บ้า”แล้วมันก็เปิดประตูลงจากรถทิ้งให้ผมนั่งหน้าร้อนอยู่บนรถคนเดียว  ไอ้... ไอ้หื่น ไอ้... ไอ้ลามก ด่าไม่ถูกเลยครับ แม่ง...
   “อิม... สัญญาเร็ว มานวดหัวให้ด้วยดิ”มันตะโกนกลับมาครับ
   “เออ!!!”ผมตะโกนกลับไป  อายก็อายครับ แต่ช่วงนี้หน้าด้านหน่อยแล้วกัน...
   “สัก!!”ผมตะโกนจากรถไปถึงตรงที่มันยืนอยู่  ประมาณสองร้อมเมตรมั้งครับ  มันหันกลับมามองก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย น่ารักตายล่ะ อย่างกับหมาสงสัย...
   “กูรักมึง  กูไม่มีทางไปจากมึงหรอก จำไว้ด้วย!!!”ผมตะโกนลั่นครับ ให้แม่งได้ยินไปให้หมดเลย  ผมแอบเห็นมันยิ้มแล้วป้องปากกลับมาครับ
   “จำไปจนวันตายเลยครับ... หึหึ...” ผมเกลียดเสียงหัวเราะของมันชิบเป๋งเลยครับ ให้ตายสิ!  ทำไมผมต้องเลิกเป็นคนบ้าเพราะมันด้วย!!  อารมณ์เสียจริงๆ... แต่ก็ชอบอยู่ดีล่ะนะ...

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้กำลังแต่งเรื่องพี่ต๊อกกับพี่พรตอยู่  รอบต่อไปจะเป็นคิวของท่อง X เที่ยวนะครับ  รับประกันความน่ารักสดใสของสองตัวนี้แน่นอน แล้วเจอกันฮับ^^

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                       เรื่องที่7

                                                                 คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!

                                                                      เที่ยวXท่อง


              เที่ยงตรง ผมแบกร่างสูงใหญ่ของผมเข้าไปในมหาลัยด้วยความกวน ผมมาสายครับ วันนี้เป็นวันรับน้องวันแรกด้วย  แต่... ใครจะสน  เมื่อคืนมั่วแต่นั่งเล่นเกมซะเพลิน ตื่นมาก็สิบเอ็ดโมงแล้ว  ผมเดินไปที่คณะครับเห็นรุ่นพี่กับเพื่อนๆปี1นั่งอยู่ที่ลานหินอ่อน  ผมเดินเข้าไปก่อนจะนั่งลงท้ายสุด
“น้องคนที่เพิ่งมา  ลุกมาข้างหน้าเดี๋ยวนี้”ไม่ถึงสองวิผมก็ถูกเรียกครับ มีปัญหาไรมากป่ะเนี่ย ผมปัดกางเกงแล้วเดินไปข้างหน้าไอ้พี่ว๊ากที่หน้าโคตรกวนตีนยืนจ้องหน้าผมอยู่  น่ากลัวชิหายล่ะ แม่ง...
“ทำไมถึงมาสาย”
“เล่นเกม ขี้เกียจตื่น ใจป่ะ”ผมกวนตีนกลับหน้านิ่งๆ  จะว่าผมหาเรื่องก็ไม่เชิงครับ  เพราะนิสัยผมมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแค่ตอนนี้ซะหน่อย
“ห่า...  ไปเลยกลางสนาม ลุกนั่ง100ที เร็ว”เสียงพี่อีกคนแทรกขึ้นมา  ผมถอนหายใจเสียงโคตรดัง แล้วก่อนที่ผมจะเดินไป ก็มีใครอีกคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขอโทษขอโพยรุ่นพี่เป็นการใหญ่ ทำเอาผมหลุดขำไปหลายรอบ
“ขอโทษครับพี่ ผม... ผมต้องไปทำธุระตอนเช้าเลยมาช้าครับ”คนที่เพิ่งเข้ามาหอบแฮก  ก่อนจะถูกมองด้วยสายตาโหดๆของพี่ว๊าก
“ไม่มีข้อแก้ตัวนะน้อง  มาสายก็ต้องโดนทำโทษ กลางสนาม ลุกนั่ง 100 ที”เชี่ย... ตัวเล็กๆแบบมันเนี่ยนะ ตั้งร้อยที ไอ้พี่แม่งคงสายตาเสียแล้วล่ะมั้ง 
“มึงแม่งไม่ดูเหรอวะ ไอ้ห่านี่ตัวเล็กชิบหาย  ลุกนั่งไม่ถึง20ทีก็ล้มแล้ว วู้~”ผมส่งเสียงบอก  แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ
“งั้นมึงก็ลุกนั่งแทนมันซะสิ”ผมหยักหน้าแล้วยักคิ้วกวนๆ 
“เอาดิ  ผมลุกนั่งให้เลย 180 ที ส่วนมันแค่ครบ 20 ทีก็ใกล้ตายแล้วมั้ง”ผมหัวเราะก๊ากแล้วเดินนำหน้ามันไปกลางสนาม ตอนเที่ยง แดดร้อนสัด ผมทำไปดูคนข้างๆไป  แม่งตัวแค่เนี้ยะ ทำไปสิบกว่าทีก็หอบแฮกแล้ว 
“มึงชื่อไร”ผมถามแก้เบื่อครับ  180ที ไม่ได้ทำเสร็จในสามสิบวิ
“ท่อง มึงอ่ะ”มันถามผมกลับครับ  หน้าหวานๆตอนโดนแดด  เหนื่อแม่งซึมตามไรผม น่าเข้าไปเช็ดให้ชิบ 
“กูเที่ยว  ถ้าครบแล้วมึงไปหลบในร่มก่อนก็ได้ ตัวบางๆแบบนี้เดี๋ยวเป็นลมไป จะเป็นปัญหาซะเปล่า” ผมว่า  มันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินไปรอผมในเงาต้นไม้ อ่อ ผมยังไม่ได้บอกใช่มั๊ยว่าผมเป็นเกย์  ผมลุกนั่งไปได้ร้อยกว่าทีก็เหงื่อท่วมแล้วครับ  เหนื่อยเชี่ยๆอ่ะ  กว่าจะครบร้อยแปดสิบที ทำผมแม่งเกือบล้มไปหลายครั้ง  พอครบแล้วผมกับมันก็เดินกลับไปครับ  ขาเป๋เลยกู  พี่ๆมันให้รุ่นน้องจับกันเป็นกลุ่มๆครับ  ได้ประมาณสิบกว่ากลุ่ม แล้วกูจะนั่งที่ไหนวะ  ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะสบตากับไอ้พี่ว๊ากที่ไล่ผมไปทำโทษเมื่อกี้
“ยืนทำเชี่ยไรล่ะ  นั่งดิ”เสียงของคนที่นั่งอยู่ปลายตีนผมดังครับ  ผมรีบทรุดนั่งพร้อมๆกับดึงตัวไอ้ท่องให้นั่งลงไปด้วย
“มึงแม่งเจ๋งดีว่ะ  กูชื่อเหมันต์ พวกมึงอ่ะ”ไอ้หน้าหล่อแม่งพูด สัดหล่อกว่ากูได้ไงวะ กูไม่ยอม
“กูเที่ยว”ผมตอบแล้วมองไปเพื่อสำรวจสมาชิกในกลุ่ม
“เราท่อง”ไอ้คนข้างๆผมตอบครับ  อย่างน้อยเหงื่อมันก็แห้งแล้ว  ไม่งั้นมีหวังผมไม่กล้านั่งใกล้มันแหง กลัวอดใจไม่ไหวจริงๆครับ คนอะไรไม่รู้ น่ารักไม่บันยะบันยัง
“กูต้นน้ำ”อีกคนบอกครับ  ผมหันไปมองหน้ามันแล้วก็ยิ้มให้ ไม่ได้ยิ้มกวนตีนนะครับ ยิ้มแบบมิตรไรงี้
“เราเมฆา เรียกเมฆก็ได้”คนที่นั่งข้างๆต้นน้ำแนะนำตัว  ไอ้เมฆมันตัวท้วมๆหน่อย แต่ไม่ถึงกับอ้วนนะครับ  คือดูมีเนื้อมีหนังมากที่สุดในกลุ่มที่นั่งอยู่ตอนนี้แล้ว
“กูชื่อสุดท้าย  ห้ามขำ กูเป็นลูกคนสุดท้ายเลยชื่อสุดท้าย  ใจม่ะ”ไม่ขำไม่ได้แล้วครับ ชื่อแม่งโคตรฮา  แล้วอยู่ดีๆก็มีใครคนหนึ่งนั่งปุลงข้างๆไอ้สุดท้ายที่มันอยู่ตรงข้ามกับผม
“พวกมึงจะฟังกูพูดสักห้านาทีมันจะตายมั๊ยวะ เดี๋ยวตามกูมา จะพาไปเข้าฐาน”ไอ้พี่ว๊ากคนเดิม หน้าเหี้ยมผสมกวนตีนนิดๆ ยอมรับก็ได้ว่ามันหล่อ แต่ก็น้อยกว่าผมอยู่ดี แล้วอยู่ดีๆไอ้เชี่ยสุดท้ายก็ตีไหล่ไอ้พี่ว๊ากดังเพี๊ยะเลยครับ
“ไอ้พี่คนแรก พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ  กูจะฟ้องป้าอมร”สัด พวกมันรู้จขักกันเหรอวะเนี่ย
“เออๆ ผมชื่อคนแรก ต่อไปจะเป็นพี่เลี้ยงประจำกลุ่มพวกคุณ พอใจยังครับ ไอ้เชี่ยสุดท้าย”มันลากเสียงยาว ทำเอากลุ่มผมขำก๊ากทั้งกลุ่ม เมื่อกี้ยังด่ากูอยู่แหม่บๆ พูดเพราะซะกูฮาเลย แต่ชื่อคนแรกเนี่ย มันก็ฮาไม่แพ้สุดท้ายเลยว่ะก๊าก
“เออๆ”ไอ้สุดท้ายพยักหน้ารับ ก่อนที่จะพาพวกผมไปเข้าฐานต่างๆที่แม่งโคตร... น่าเบื่อ  ผมอยู่กลุ่มเดิมตลอดการรับน้อง และก็มีไอ้พี่คนแรกเป็นพี่เลี้ยงกลุ่มอยู่ทุกวัน  จนหมดการรับน้องล่ะครับ  ตอนนี้ทุกคนในกลุ่มก็เข้ากันได้โคตรดี  จนถึงขั้นดีเกินไป
“ไอ้เชี่ยเที่ยว  มึงกวนตีนมากอ่ะรู้ตัวม่ะ กูอยากกระทืบมึงชิบหาย”ไอ้ท่อง
แม่งพูดตอนเมาเหล้าครับ  วันนี้พี่คนแรกมันถูกไอ้สุดท้ายบังคับให้พามาเลี้ยงพวกผม แต่ไอ้ที่เชี่ยท่องพูดมาเมื่อกี้  ผมสิอยากกระทืบมันทันทีที่ฟังเลย ไม่ดิ ไม่กระทืบ ผมอยาก ‘กด’ มันมากกว่า เอิ๊ก คนไรวะ เมายังน่ารักเลย แม้ปากจะเสียมากเกินไปหน่อย แต่คนกวนตีนแบบผม รับได้คร้าบบบ
“เออ... ว่าแต่มึงก็กวนตีนจริงๆนะไอ้เที่ยว มาก็สาย เสือกปากหมากะกูอีก ถ้ารู้ว่าเป็นเพื่อนไอ้สุดท้าย กูน่าจะสั่งทำโทษเพิ่มเป็นสามร้อยที ให้แม่งทำแทนไอ้เชี่ยสุดท้ายด้วย ฮาๆ”พี่คนแรกพูด ตอนนี้พี่เขาเข้ากับผมได้ดีเลยล่ะครับ อันเนื่องจากความกวนตีนแม่งมีพอๆกัน     
“โธ่พี่ก็... มันอยู่ในสายเลือดอ่ะ ฮาๆ”ในตอนนี้ผมทำการเมาอากาศครับ แดกเหล้าไม่ได้ เพราะเอารถมา แน่นอนว่าพวกมันกะอาศัยรถผมกลับอยู่แล้ว ผมจิบเหล้าผสมโค้กที่โคตรจะอ่อนจนเหมือนไม่กินเลย แดกไปครับเพื่อนๆ ถึงทีกูแดกมั้ง อย่ามาห้ามนะสัด...
“เอิ๊ก... ม่ายมาวว  แดกต่ออออ”ไอ้เชี่ยต้นน้ำมันบ้าไปเรียบร้อยแล้วครับทุกท่าน  ผมลากพวกมันมาขึ้นรถหลังจากเรียกเช็คบิล  พี่คนแรกมันลากแค่ไอ้สุดท้ายไปส่ง  ทิ้งอีกสามตัวที่เหลือไว้กับผม  ให้ทยอยส่งตามบ้าน  โชคดีที่ไอ้เมฆกับไอ้ต้นน้ำพักคอนโดเดียวกัน ผมเลยโยนมันทิ้งไว้หน้าคอนโดนั่นแหละให้แม่งหาทางกลับห้องกันเอาเอง  ตอนนี้บนรถก็เหลือแค่ผม ไอ้เหมันต์ กับไอ้ตัวเล็กที่เมาปลิ้น  มันแดกเยอะสุดในกลุ่มล่ะครับ ไม่แปลกที่มันจะเมาหนักกว่าคนอื่นๆ ผมขับวนไปส่งไอ้เหมันต์ที่ไม่ได้เมามากขนาดคนอื่นๆ อย่างน้อยมันก็ยังมีสติอยู่ล่ะครับ
“ไอ้ท่อง บ้านมึงอยู่ไหนวะเนี่ย”ผมถามอย่างหัวเสียเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมไม่รู้จักทางไปบ้านมัน  เอ้า... เชี่ยท่องมันทำท่าจะอ้วกแล้วครับ ผมเลยรีบเหยียบร้อยยี่สิบกลับบ้านตัวเองก่อน อย่านะเว้ยท่อง ถึงมึงนะน่ารัก แต่ถ้ามึงอ้วกมา กูฆ่ามึงแน่
เมื่อถึงบ้าน ผมก็ลากไอ้ท่องมันไปนอนทันที  ท่องไว้ไอ้เที่ยว เพื่อนมึงๆ  ตบะเกือบแตกล่ะครับ ไอ้ท่องมันละเมอลุกมาถอดเสื้อตัวเองซะงั้น แต่คนอย่างผมสุภาพบุรุษพอครับ เลยได้แต่ทำการแบบหมอนใบเล็กๆแล้วระเห็จตัวเองมานอนที่โซฟา  หายเมาเมื่อไรพ่อเก็บทบต้นทบดอกแน่ คอยดูสิ!!

และแล้วแสงแดดแยงตาผมเดินเข้าไปในห้องตัวเองเพื่อไปดูไอ้บ้าที่แย่งที่นอนผมไปเมื่อคืน  ไม่รู้ป่านนี้จะตื่นรึยัง
“ท่อง!!”ผมถลาไปคว้าสมุดไดอารี่ของผมกลับมาทันที ไม่ตกใจได้ไงครับ ก็ในบันทึกนั้นผมเขียนคำว่าผมรักไอ้ท่องลงไปอ่ะดิ  แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว  ไอ้ท่องเงยหน้ามองผมด้วยหน้าแดงๆก่อนจะยิ้มแห้งๆ
“เอ่อ... เที่ยว... ที่มึงเขียนอ่ะ เรื่องจริงป่ะ”ผมพยักหน้ารับครับ ไอ้อายก็อาย เขินก็เขิน แต่ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้ที่ไหนอีกแล้ว
“กู... เอ่อ... กู... คือว่า”มันอ้ำอึ้งครับ  ผมเลยพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ไอ้ท่องมึงอย่าคิดมากเลยนะ  กูจะทำตัวแบบเดิมกะมึง  มึงก็ลืมๆไอ้ที่มึงอ่านไปแล้วกัน กูร็ว่ามึงคงทำใจไม่ได้ที่กูชอบมึง”ผมบอก  แต่ไอ้ท่องก็สวนขึ้นมาทั้งๆที่อายๆแหละครับ
“กูก็ชอบมึง”เอ่อ... ตอนนี้กลายเป็นรูปปั้นหินไปเรียบร้อยโรงเรียนไอ้เที่ยวแล้วครับ  เมื่อกี้ผมฟังไม่ผิดใช่ม่ะ  มันบอกว่า มันก็รักผม
“เมื่อ... เมื่อกี้ท่องพูดจริงป่ะ”ผมก้มไปเขย่าไอ้ท่องจนหัวมันแทบหลุด  มันดันผมออกพร้อมทั้งหน้าแดงก่อนจะพยักหน้าช้าๆ  ผมเลยจับมันอุ้มแล้วกระโดดจนตัวลอย  เลยป่ะครับเวลาดีใจอะไรมากๆ ผมงี้ประจำเลย
“เย้!! กูก็รักมึง ไอ้ท่อง  กูรักมึงมากเลย”ผมตะโกนลั่นล่ะครับ ประกาศให้เขารู้กันไปทั่วซอยเลยยิ่งดี  ไอ้ท่องเป็นแฟนผมแล้ว เย้ๆๆๆ
“ห่า... เบาๆดิวะ กูอาย”ไอ้ท่องดันตัวมันลงก่อนจะตีไหล่ผมเบาๆ ทำไมน่ารักน่ากดแบบนี้วะ แม่ง... น่าจะจับทำเมียตั้งแต่เมื่อคืน
“ก็กูรักมึง   กูรักมึง เย้!!!”แล้วก็ตะโกนอีกรอบให้บ้านข้างๆมันด่าผมสักหน่อย
“ไอ้ห่าพี่เที่ยว  ถ้ามึงไม่หุบปากกูจะเอาส้นตีนยัดปากมึง!!!”เสียงดังลั่นจากบ้านข้างๆสมพรปากผมล่ะครับ  จะมีใครอีกล่ะ ก็น้องชายสุดเลิฟของผมที่ได้เชื้อกวนตีนจากผมไปเต็มๆ... คุณอาจจะไม่รู้จักมัน มันชื่อคิมหันต์ ชื่อหล่อชิบหาย แถมเกลียดเกย์สุดๆ โชคดีที่มันไม่เกลียดผม  แต่มันคงไม่รู้หรอกครับว่าสักวัน...  มันจะมีแฟนเป็นเกย์ อย่าดูถูกสายตาผมดิ  ไอ้คิมหันต์มันเป็นแต่มันยังไม่รู้ตัวแค่นั้นแหละ  หรือคุณว่าไม่จริง ^_^


--------------------------------------------------------------------------------------------------

แสบตั้งแต่ปีหนึ่งเลยแฮะ  ภาคต่อไป ต้นน้ำกับปักษาแล้วเจอกันครับ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 22:09:27 โดย spy4869 »

Jaajaa

  • บุคคลทั่วไป
 รอนะคะ o13

ปล.เม้นในนี้ได้รึเปล่าเนี่ย :z3:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
รอนะคะ o13

ปล.เม้นในนี้ได้รึเปล่าเนี่ย :z3:

ได้ฮับ  ตามสะดวกเลย ฮาๆ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
แปะโป้งไว้ก่อนนะ ยังอ่านไม่จบ

5555 ง่วงแล้ว น่ารักทุกเรื่องเลยอ่า

แต่เรื่องที่สองซื้งเนอะ จะมีตอนพิเศษไหมอ่า ที่หนึ่งกับภาวนาอ่า

น้ำตาคลอ :monkeysad:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เรื่องที่8

คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!!

ต้นน้ำXปักษา

เฮ้อ... ผมต้นน้ำเองครับ... ไอ้เพื่อนในกลุ่มผมมันก็มีสามีภรรยากันไปเรียบร้อย เหลือแต่คนอย่างผมนี้ล่ะครับ โสดจนไม่รู้จะโสดยังไงแล้ว แฟนคนสุดท้ายก็มีตอนม.5 ผ่านมา 5 ปีก็ไม่มีใครแลครับ...  ที่จริงคนแลก็มีอยู่หรอก... แต่ส่วนใหญ่ดันเป็นรุก ซึ่งผมสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าถ้าผมไม่ได้เป็นคน ‘ กด ’ ล่ะก็... ไม่ต้องหวังหรอกครับ  ถึงผมจะหน้าหวานจนเหมาะแก่การเป็นฝ่ายรับก็เหอะ... แต่มันไม่ใช่ผมนี่หน่า...  ที่จริงตอนนี้ทั้งผม ไอ้เที่ยวไอ้ท่อง ไอ้เมฆาแล้วก็ไอ้เหมันต์ต่างก็เรียนจบกันแล้วล่ะครับ  แต่ละคนก็ทำงานบริษัทของบ้านตัวเอง  ยกเว้นแต่ผมที่ไม่มีบริษัทอะไรเป็นของตัวเอง...  ก็คิดว่าของเที่ยวสักปีสองปีแล้วจะกลับไปหาที่สมัครงาน  ถึงจริงๆแล้วผมไม่ต้องทำงานเลยก็อยู่ได้  เฉพาะแค่เงินปันผลจากหุ้นที่พ่อกับแม่ผมเป็นหุ้นส่วนก็หลายล้านแล้วล่ะครับ...
   “เฮ้อ...”ผมถอนหายใจ  ผมได้บอกไปรึยังว่าตอนนี้ผมกำลังมาเที่ยวที่ภูทับเบิก... กางเต้นท์เอาครับ สวยดี ผมชอบนอนดูดาวตอนกลางคืน 
   “เอ่อ... ขอโทษครับ  คือว่ามีไฟฉายรึเปล่าครับ... ผมไม่ได้เอามา”เสียงผู้ชายทุ้มๆดังอยู่นอกเต้นท์ ผมลุกไปเปิดเต้นท์ก่อนจะหยิบไฟฉายที่มีอยู่สองกระบอกให้ไป  แสงไฟที่ฉายผ่านไปชั่วขณะทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของคนที่ขอไฟฉาย คมเข้มพอๆกับเหมันต์ แต่ตัวจะเล็กกว่าหน่อย  ยังไงก็ใหญ่กว่าผมอยู่ดี...
   “เอ่อ... ขอบคุณครับ”แล้วคนๆนั้นก็เดินออกไปครับ... แปลกประหลาด มากางเต้นท์แต่ไม่ได้เอาไฟฉายมา  ผมลุกออกไปนั่งนอกเต้นท์ดูดาวที่สว่างทั่วท้องฟ้า... ไม่มีทางเห็นในตัวเมืองแน่ๆ ไม่นานคนๆนั้นก็เดินเอาไฟฉายมาคืนแล้วเดินไปนั่งจุ่มปุกอยู่ในเต้นท์ แต่เอาแต่ตัวเข้านะครับ หัวก็โผล่ออกมาดูดาวข้างนอก... ไม่ได้พกอะไรมาเลยสินะ 
   “นี่คุณ... คุณ...”ผมส่งเสียงเรียก เขาหันมามองแล้วชี้ที่หน้าตัวเอง
   “ใช่... มานั่งกับผมก็ได้ นั่งแบบนั้นลำบากจะตาย”ผมยิ้มให้เขา ซึ่งคนๆนั้นก็ลุกจากเต้นท์มานั่งข้างผมแล้วยิ้มแทนคำขอบคุณ
   “ผมชื่อปักษาครับ”คนๆนั้นแนะนำตัว
   “ผมต้นน้ำ เรียกต้นเฉยๆก็ได้... ทำไมคุณไม่เอาผ้ามาอะไรมาปูนอกเต้นท์ล่ะ”ผมถามนายปักษาอะไรนี่ เขาหัวเราะแห้งๆ
   “คือ... ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรกน่ะครับ  เต้นท์นี้ก็เช่าเขาเอา  เลยไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง”เขาตอบ... ทำเอาผมขำ คนที่ไม่เคยกางเต้นท์มาครั้งแรกก็มาที่ๆลำบากซะแล้ว แถมยังมาคนเดียวอีก...
   “แล้วคืนนี้จะนอนยังไงล่ะครับเนี่ย”ผมถาม...
   “ก็คงจะเอาเสื้อผ้ามาห่มแล้วก็เอากระเป๋าหนุนหัวเอาน่ะครับ...”
   “นี่อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้เตรียมแม้กระทั่งหมอนมาน่ะ”ผมถาม เริ่มอึ้งแล้วครับ คนอะไรจะสะเพร่าได้ขนาดนี้
   “ฮะๆ... ก็แบบนั้นแหละครับ”
   “ถ้าไม่ลำบากใจ จะนอนเต้นท์เดียวกับผมก็ได้นะครับ เต็นท์ผมก็ใหญ่พอสมควร  เดี๋ยวคุณเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าทำเป็นหมอน ส่วนผ้าห่มก็ใช้กับผมก็ได้ ผืนใหญ่เหมือนกัน แต่ผมพกมาผืนเดียว”ผมบอก... ผู้ชายเหมือนกัน คิดอะไรมากล่ะครับ ที่จริงผมก็ขำเหมือนกันแหละครับ แต่พอคิดถึงตอนที่ตัวเองกางเต้นท์ใหม่ๆ ผมก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน  แต่ผมก็ไม่ลืมพกผ้าห่มไปหรอกนะ...
   “เอ่อ... จะดีเหรอครับ คุณจะอึดอัดรึเปล่า”นายปักษาถาม... ผมก็หัวเราะสนุกๆล่ะครับ
   “ไม่หรอกครับ... บอกแล้วว่าเต้นท์ผมใหญ่  นอนได้สามสี่คนเลยล่ะครับ  ไหนๆแล้ว คืนนี้มาดื่มกันดีกว่า ถือว่าฉลองเพื่อนใหม่ไงครับ”อาจเพราะผมเข้ากับคนอื่นได้ดีมากเกินไป  ในคืนนี้กว่าผมกับนายปักษาจะเข้านอนก็ล่อไปเกือบตีสอง อากาศที่เย็นจัดทำเอาผมตัวสั่น
   “คุณต้น... หนาวเหรอครับ”เสียงของนายปักษาดังขึ้นมาด้านหลัง อากาศขนาดนี้ร้อนมั้ง
   “อืม... ไม่ค่อยชินน่ะ”ผมขดตัวให้แน่นขึ้น แล้วก็มีฝ่ามืออุ่นๆสอดเข้ามาด้านในเสื้อของผม  ผมพลิกตัวหันกลับไปหาอีกฝ่ายทันที
   “ผมเองก็หนาวน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”เขายิ้มแล้วหลับตาลงทั้งๆที่มือก็ยังกอดผมเอาไว้อยู่อย่างนั้น... หนาวใช่มั๊ย... งั้นผมหนาวบ้างแล้วกัน ฝ่ามืออุ่นของผมก็สอดเข้าไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วหลับตาลง  ไม่รู้ทำไม ผมถูกรู้สึกว่ามันอุ่นเอามากๆเลยสักหรับคืนนี้

   เช้านี้ผมตื่นมา  คนข้างๆผมหายไปแล้ว... คงตื่นก่อนสินะ... ผมโผล่หัวออกไปนอกเต้นท์เห็นนายปักษากำลังนั่งทำอาหารอยู่... สภาพดูไมได้เลยล่ะครับ
   “มานี่เดี๋ยวผมทำให้เอง...”ผมเดินไปแย่งตะหลิวมาจากมือของปักษา  ก่อนจะเอากระทะมาผัดต่อ  มื้อเช้านี้ ผมทำผัดผักกับไข่น้ำ อาหารง่ายมากครับ...  มากางเต้นท์ไม่ได้ค้างโรงแรม แค่หุงข้าวให้สุกได้ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะครับ เพราะถ้าหุงไม่ดีบางทีก็แข็งหรือแฉะ ดีไม่ดีเป็นข้าวสามกษัตริย์ไปเลยก็ได้ (ข้าวสามกษัตริย์-ข้าวที่ด้านบนแฉะ ตรงกลางดิบ ด้านล่างไหม้) ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่ต้องกินกันล่ะครับ  ผมตักข้าวให้กับนายปักษา  สุดๆเลยครับ เตรียมมาแต่เสื้อผ้าจริงๆ พกเงินมาแต่บนนี้ไม่มีที่ให้ซื้อหรอกครับ มีแต่เขากับเขา  จะมีก็สวนกะหล่ำปลีที่ปลูกเป็นแนวยาวลงไปนั่นน่ะ   
   “อือ... อร่อยจัง คุณนี่เก่งจริงๆนะครับเนี่ย”นายปักษาพูดแล้วตักไข่น้ำไปกินต่อ... เอาเหอะ... อาหารพวกนี้พื้นๆจะตาย... ไม่รู้ทำไมหมอนี่ถึงต้องชมตลอดเลย
   “แล้วนายจะไปเที่ยวไหนต่อล่ะ”ผมชวนคุย  นายปักษาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้า
   “ไม่ล่ะครับ ผมลามาได้แค่สามวัน เดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องกลับแล้ว”นายปักษาบอก  ผมหันไปมองแถวเต้นท์แต่ก็ไม่เห็นมีรถคันไหนจอดอยู่นอกจากรถของผม
   “เอ่อ... แล้วคุณจะกลับยังไงครับ ผมไม่เห็นมีรถคุณเลย”
   “แฮะๆ... ก็คงอาศัยรถที่จะกลับล่ะครับ ลงไปข้างล่างแล้วโบกรถไปขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ”ครับ... ผมชักไม่เข้าใจชีวิตพี่แกขึ้นมาตะหงิดๆแล้วล่ะครับ ไม่เคยคิดจะเตรียมความพร้อมอะไรเลยใช่มั๊ยครับเนี่ยยย...
   “แล้วคุณบ้านอยู่แถวไหนเหรอครับ”
   “แถว... น่ะครับ”เอ๊ะ! นี้มันแถวๆบ้านไอ้ท่องนี้หว่า...
   “อืม... งั้นเอางี้มั๊ย  เดี๋ยวเราเก็บของแล้วไปเที่ยวกันก่อนกลับ เพราะวันนี้ผมก็ต้องกลับเหมือนกัน  บ้านคุณเป็นทางผ่านบ้านผมพอดี เดี๋ยวผมแวะไปส่งให้ดีกว่า  ตัดสินใจเสร็จไม่รอปฏิเสธหรอกครับ  ผมเดินเฉิบๆไปอาบน้ำแล้วกลับมายกจานที่วางทิ้งไว้ไปล้างโดยมีนายปักษาเดินตามมาต้อยๆ
   “เอ่อ... ผมขอบคุณคุณต้นน้ำมากนะครับ ช่วยผมเยอะมากเลย  ถ้าไม่ได้คุณนี้ผมคงแย่”นายปักษาบอกขณะรับจานที่ผมล้างเสร็จไปถือไว้
   “ไม่เป็นไรครับ คนกันเอง”ผมยิ้มแล้วสะบัดมือที่เปียกน้ำให้แห้งลงบ้างก่อนจะรับจานจากปักษามาช่วยถืออีกแรง  ประมาณบ่ายสอง... เราทั้งคู่ก็พร้อมที่จะกลับบ้าน  โดยผมต้องแวะเอาเต้นท์ของปักษาไปคืนก่อน  เราจึงเริ่มออกเดินทางกัน  ขับไปเรื่อยๆไม่รีบเร่ง... แวะไหว้พระบ้างเที่ยวบ้างจนเข้าเขตกรุงเทพ  สองทุ่มแล้วครับ ดึกได้ใจ.... 
   “เลี้ยวซ้ายข้างหน้านะครับ  บ้านขวามือหลังแรกสุดเลย”นายปักษาบอกผม  ผมก็เลี้ยวตามที่คนข้างๆบอก...  แล้วก็เจอสิ่งที่ประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับผม...  บ้านของคนๆนี้อยู่ห่างจากบ้านไอ้ท่องไปสามหลัง! มันจะใกล้กันเกินไปมั๊ยเนี่ย  ผมจอดตรงหน้าบ้านของปักษาแล้วเดินไปเปิดท้ายรถ
   “คุณขับรถมาเหนื่อยๆ เข้ามาทานน้ำก่อนมั๊ยครับ”  ผมยิ้มรับคำเชิญก่อนจะจอดรถแล้วเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไป  ใหญ่พอสมควรครับ... แต่ถ้าเทียบกับบ้านไอ้ท่อง... ก็นะครับ  เข้าใจกันอยู่ว่าบ้านมันน่ะมหาเศรษฐี! ไม่รู้จะรวยกันไปไหน แค่เป็นเจ้าของแบรนส่งออกเสื้อผ้ายี่ห้อดังๆก็เท่านั้นเอง...
   “นี่ครับน้ำ... ผมขอบคุณอีกทีนะครับที่อุตส่าต์มาส่งผม ทั้งๆที่บ้านคุณก็อยู่ตั้งไกล”นายปักษาบอก ผมส่ายหน้าแล้วรับแก้วน้ำจากอีกฝ่ายมาดื่ม
   “ไม่หรอกครับ  ขับอีกประมาณ15นาทีก็ถึงบ้านผมแล้ว”ผมคุยกับปักษาอีกนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เพิ่งเจอกันจะคุยกันได้ถูกคอขนาดนี้  ผมเหลือบไปเห็นภาพๆหนึ่งเป็นภาพของปักษาที่ถ่ายคู่กับผู้ชายอีกคนที่ตัวใหญ่กว่า  คงจะเป็นแฟนกันล่ะมั้ง
   “เอ่อ... แล้ววันนี้แฟนคุณไม่อยู่บ้านเหรอครับ”ผมถามแล้วก็ต้องอยากตบปากตัวเองหนักๆ  ปักษาที่ยิ้มๆอยู่ถึงกับทำหน้าเศร้าแล้วมีน้ำตาคลอออกมา...
   “เอ่อ... ขอโทษครับ ผมไม่น่าถามเลย”ผมบอกคำขอโทษแต่คงจะช้าไปสำหรับอีกฝ่ายที่น้ำตาเริ่มหมดแหมะๆ  ทำให้ผมต้องรีบเข้าไปปลอบ
   “ขอโทษครับ... แต่ผมแค่เสียใจ  ผมเพิ่งเลยกับแฟนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง”น่านไง... พูดแบบนี้ผมเลยรู้สึกผิดเข้าไปอีก 
   “เอ่อ... ไม่เป็นไรนะครับ”ผมถาม  นายปักษาส่ายหน้าแล้วขึ้นมายิ้มให้ผม
   “วันนี้คุณช่วยผมตั้งเยอะ... แถมต้องมาปลอบผมอีก  ขอโทษด้วยจริงๆนะครับแล้วก็ขอบคุณมากๆเลย”ปักษาบอก  ผมยิ้มแล้วขอตัวกลับมาก่อน  ขับรถไปพักบ้านไอ้ท่องครับ สบายอุรา... ไม่ต้องขับรถไปไหนไกลๆ  ขับเลยมาสามบ้านแค่นี้เอ๊ง!
   “แล้วไงวะ... จะค้างบ้านไอ้ท่องเนี่ยนะ... มึงรู้มั๊ยว่ากว่ากูจะมีเวลาอยู่กันมันสองต่อสองนี้นานขนาดไหน”ไอ้เที่ยวครับ โผล่มาได้ไงไม่รู้ มันบ่นๆๆโดยมีไอ้ท่องนั่งกินเลย์ไม่สนใจมันเลยสักนิด
   “เออหน่า... มึงจะทำอะไรก็ทำไปเหอะ กูไม่ฟังหรอก แค่ขอพักคืนเดียวเอง วันนี้กูเพลีย”ผมบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนที่โซฟา   
   ~สัดเที่ยว... มีเรื่องว่ะ รับสายด่วนเชี่ยๆ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ไอ้ท่องมันบังคับให้เที่ยวใช้โดยให้พวกผมตะโกนใส่พร้อมกัน  ฮามากครับ แล้วไอ้เที่ยวก็ต้องทนใช้จนถึงปัจจุบัน
   “เออ... ว่าไง  จริง! รอแปป เออ... ไอ้ต้นก็อยู่ รอกูก่อนแล้วกัน อย่าเหิมเกริมบุกกันไปล่ะ เดี๋ยวจะตายหมู่” ไอ้เที่ยวคุยซะเสียงดังเชียวครับ ผมเดินไปล้างหน้าทันที  ไม่พ้นมีเรื่องแหง  จะพักไม่ได้ใช่มั๊ยเนี่ย... แต่ผมก็ไม่ทิ้งเพื่อนครับ  แต่ถ้าเยอะเกินก็ตัวใครตัวมัน ฮาๆ
   “ท่อง... ไปซอย16 ไอ้เมฆมันบอกว่ามีเรื่องว่ะ”ผมได้ยินเสียงไอ้เที่ยวตะโกนป่าวๆ  ผมวิ่งไปที่รถผมที่ตอนนี้ไอ้ท่องนั่งในตำแหน่งคนขับไปเรียบร้อยแล้ว
   “เอาล่ะ!”มาแล้วครับ... อดีตนักแข่งรถอย่างไอ้ท่อง  ได้แตะรถไม่ได้ เหยียบมิดตีนทุกที ทำเอาผมใจหายแว๊บ...  รถกูนะมึง!
   แปปเดียวครับ... มาถึงแล้ว  โอ้โห! โคตรไม่อยากเข้าไปเลย  เละเทะกันสุดๆ  ผมมองเห็นไอ้เหมันต์ ไอ้สุดท้ายกับไอ้เมฆโดนรุมอยู่กลางวงตีนประมาณ16คู่ ก็8คนไงครับ  เรียกผมมาอีกสาม  พอฟัดพอเหวี่ยง... ผม ไอ้ท่อง ไอ้เที่ยว  ก็โผเข้าไปหาเรื่องเจ็บตัวทันที  โอ๊ย~ ใครชกหน้ากูวะเนี่ย...

   แล้วสุดท้ายเป็นไงน่ะเหรอครับ ระเห็จมานั่งหน้าสลอนกันที่โรงพยาบาลของพี่น้ำฝนแฟนไอ้เมฆไงครับ  เบ้าตาเขียวเลยของผมน่ะ... ไม่รู้ไอ้คนไหนมันทำ  เพราะสุดท้ายก็หนีกันไปหมด  ตกลงพวกผมเรียนจบกันแล้วใช่มั๊ย ทำตัวอย่างกับม.6 เหอะๆ...
   “เมฆ... เดี๋ยวพี่มีเรื่องจะคุยกับเรานะ”พี่น้ำฝนพูดขู่ไอ้เมฆครับแล้วหันมามองพวกเราที่นั่งเงียบๆกันอยู่... 
   “เอางี้... เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนพี่ช่วยเช็คให้แล้วกัน ที่จริงแผลแค่นี้ทำแผลเลยก็ได้... แต่เช็คกันไว้หน่อยก็คงดี”และแล้วพวกผมก็โดนไล่กันไปหาหมอแต่ละคน...
   “ไอ้ฝน  กูเพิ่งกลับ ทำไมมึงต้องตามกูมาด้วยวะครับเนี่ย”เสียงของใครบางคนดังจากหน้าห้องตรวจ คงจะเป็นหมอที่เป็นเพื่อนกับพี่น้ำฝน
   “ไงครับ... มาให้ผมเช็คก่อนนะ”
   “อ๊ะ.../คุณ...”เสียงเราทั้งคู่ดังประสานกัน จะไม่ตกใจได้ไงล่ะครับ  ก็คนที่ผมเพิ่งไปส่งมาที่บ้านเมื่อกี้ ดันมาอยู่ในชุดกาวน์สีขาวแถมใส่แว่นเพิ่มด้วย ดูเป็นคนละคนกับคนที่ผมเจอที่ภูทับเบิกเลย
   “คุณปักษาเอ่อ... เป็นหมอเหรอครับ”
   “ครับ... ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มาเจอกันที่นี้อีกนะครับเนี่ย”ปักษาดูแผลผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปสั่งพยาบาลแล้วก็เดินกลับมาคุยกับผมต่อ
   “ไปทำอีท่าไหนมาครับเนี่ย ตอนมาส่งผมยังดีๆอยู่เลย”
   “ก็ไม่อีกท่าไหนหรอกครับ...  ไอ้เมฆเอ่อ... เพื่อนผมน่ะครับ โทรมาตามผมให้ไปช่วยเพราะมันโดนรุมตีนอยู่ ผมก็เลยต้องไป จังหวะพอดีเจอเพื่อนอีกสองคนก็เลยลากไปด้วยกันน่ะครับ”ผมหัวเราะแห้งๆก่อนจะปล่อยให้พยาบาลได้มาทำแผลผมต่อ
   “ไอ้เพื่อนน็อตครับ มึงอยากลองน็อตหลุดมั๊ยครับ เสร็จแล้วก็ไปดูคนอื่นสิ หมอไม่ได้มีเยอะนะเว้ย!”เสียงพี่น้ำฝนดังขึ้นมา ก่อนที่ปักษาจะหันมายิ้มให้ผม
   “ขอตัวก่อนนะครับ”เขายิ้มแล้วเดินออกไป  ฮะๆ... ว่าแต่นายปักษาเนี่ย ชื่อเล่นว่าน็อตสินะ...
   หลังจากทำแผลทำอะไรเสร็จ.. ผมก็ออกมานั่งรอพวกมันอยู่ด้านนอก...  ไม่นานพวกมันก็ทยอยกันออกมา... ส่วนไอ้เมฆ เหอะๆ โดนกักตัวไม่ให้ออกครับ ดูท่าจะโดนอมรมอีกยาว สุดท้ายโดนพี่คนแรกอุ้มกลับบ้านครับบอกมาว่าจะกักตัวไว้สักสองอาทิตย์เอาให้สำนึก เหมันต์ก็ใช่ว่าจะรอดเจอน้องคิมสุดแสบมาดักรอบ่นเลยทีเดียว คู่ที่สบายที่สุดคงจะเป็นไม่เที่ยวกับไอ้ท่อง ก็นะ... โดนพอๆกัน คงไม่มีใครกล้าบ่นใครหรอกครับ   ผมหันไปมองหน้าของปักษาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เคาเตอร์... เพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวแหม็บๆ ต้องมาทำงานซะแล้ว ผมนึกว่าต้องเข้างานตอนเช้าซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นเวรดึกแบบนี้...
   “เอ่อ...  คือว่า... ผมขอเบอร์คุณปักษาหน่อยได้มั๊ยครับ”ไม่รู้ความกล้าความด้านนี้มันมาจากไหน  แต่ผมแอบเห็นไอ้เที่ยวมันยิ้มแปลกๆ  ไม่รู้ไม่ชี้โว้ย...  ปักษามองผมก่อนจะล้วงโทรศัพท์แล้วหยิบโทรศัพท์ผมไปโทรเข้าเครื่องตัวเอง
   “อ่ะครับเบอร์ผม”

   จากนั้นมา... ทุกวันผมต้องโทรไปหาปักษาทุกครั้งที่ว่าง... ยิ่งคุย ผมก็ยิ่งคิดว่าเขาน่ารักมากขึ้นทุกวัน ทั้งๆที ถ้าดูตามสภาพร่างกายแล้ว... เขาออกจะแมนกว่าผม แต่ถ้าทางจิตใจ ผมว่ายังไงก็กว่าแมนกว่าอยู่ดี  อีกอย่างปักษาบอกว่าแฟนคนก่อนหน้าของเขาเป็นรุก นั่นหมายถึงตัวปักษาเองน่ะ เป็นรับ... หรือมันจะเป็นโชคดีของผมกันนะ...  ปักษาเองก็รู้ครับว่าผมไม่ยอมเป็นรับเด็ดขาด เราคุยกันถึงเรื่องแฟนคนเก่าๆด้วยซ้ำ แล้วผมก็ได้รู้ว่า ผมกับเขาชอบกับเกลียดอะไรที่คล้ายกันมาก...
   “พรุ่งนี้ผมว่าง ไปเที่ยวกันมั๊ยครับ”
   ด้วยประโยคนี้ประโยคเดียวที่ปักษาชวน  ในวันนี้ต้นน้ำเลยต้องมานั่งรอที่ร้านเอเอฟซีเพื่อรอคนที่ยังมาไม่ถึง
   “นี่... มีแฟนยังอ่ะ”ผู้ชายร่างสูงเดินเข้ามายืนคล่อมผม  เกย์อีกแล้วเหรอเนี่ย
   “ปล่อย”ผมไม่ตอบแต่บอกให้อีกฝ่ายถอยห่างจากผม
   “มีแล้วครับ... ถ้ารู้คำตอบแล้วก็ถอยห่างจากแฟนผมด้วย”เสียงคุ้นๆดังขึ้นมา ปักษาเดินเข้ามาแล้วแทรกผ่านระหว่างไอ้ผู้ชายคนนั้นมานั่งอีกฝั่งกับผม  ผู้ชายที่ยืนค้ำหัวอยู่ก็ส่งเสียงเหมือนไม่พอใจแล้วเดินกลับออกไป  ปักษาในวันนี้อยู่ในชุดที่เท่ห์พอควร... ต่างกับวันที่เดินมาขอไฟฉายผมลิบเลยล่ะครับ
   “ไปดูหนังกันมั๊ยครับ”ปักษาชวนซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ พวกเราเลือกดูหนังที่ใกล้เวลาฉายมากที่สุด  เป็นหนังรักครับ... แปลกมั๊ยล่ะผู้ชายสองคนเข้าไปดูหนังรักในเวลาเที่ยงๆที่ไม่ค่อยมีคน...
   เมื่อหนังเริ่มฉาย ป๊อปคอร์นที่ซื้อเตรียมไว้ก็หายไปครึ่งกล่อง เชื่อครับว่าโฆษณายาวจริงๆ 
   “อ๊ะ!”มือของเราสองคนแตะกันเมื่อพร้อมใจกันล้องไปหยิบป๊อปคอร์น  ผมกำลังจะดึงมือออกแต่กลับถูกดึงเอาไว้...
   “มันหนาว... ขอจับมือเอาไว้ได้มั๊ย”ทำไมแค่ประโยคเดียวที่คนข้างๆพูด ผมถึงรู้สึกอิ่มใจกว่าทุกประโยคที่ผมเคยได้ยินมาเลยนะ...  ผมกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้จนหนังเกือบจบ  หัวหนักของปักษาก็เอนมาพิงไหล่ผม
   “สงสารพระเอกจัง เมื่อไรนางเอกจะกล้าบอกรักสักทีนะ”ไม่รู้เพราะอะไรแต่ผมก้มลงไปจูบปากหนาๆของอีกฝ่ายซะแล้ว  เมื่อถอนปากออกมา  ปักษากลับไม่พูดอะไร ได้แต่หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาดูหนังเหมือนเดิม... โดยไม่ได้ปล่อยมือของผมออก 
   “หนังสนุกดีนะครับ”ผมกับปักษาเดินขึ้นมาแถวโซนเกม...   หลังดูหนังจบ  ปักษาเดินอยู่แถวๆแป้นบาสแล้วผมก็เกิดความคิดดีดีขึ้นมา
   “คุณปักษาครับ  มาแข่งชู๊ตบาสกันมั๊ย คนชนะสามารถสั่งอะไรกับคนแพ้ก็ได้อย่างหนึ่งห้ามปฏิเสธด้วย”ผมท้า  ซึ่งมีเหรอว่าคุณหมอจะไม่รับน่ะ  ผมสลับกับปักษาชู๊ตคนละเกม... สกอร์จบที่460แต้มสำหรับผม  ส่วนของคุณหมอน่ะเหรอ.. หึหึ... 432แต้ม งานนี้ผมชนะครับ
   “โอ๊ย! แพ้จนได้”คุณหมอหนุ่มหล่อนั่งลงกับพื้น เมื่อยแขนสิครับ ชู๊ตกันขนาดนี้...
   “ฮาๆ... เอาหน่าคุณปักษา  ถ้าคุณชนะผมได้นี่สิน่าแปลก... ผมน่ะนักบาสโรงเรียนตอนมัธยมน่ะครับ”ปักษาเงยหน้ามองผมทันที
   “ถึงว่า... ทำไมชู๊ตแม่นจัง แล้วคุณจะสั่งอะไรผมล่ะ”ผมยิ้มครับ... แล้วก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่าย ปักษาหน้าแดงแล้วพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ผมจะดึงมือปักษาให้มายืนข้างๆกันแล้วก็พากันไปหาอะไรกินแก้เหนื่อย...  คำที่ผมกระซิบกับคุณหมอปักษาน่ะเหรอครับ...


   ‘ เป็นแฟนกับผมนะครับคุณหมอ... ’   


   และในวันถัดๆมาผมกับคุณหมอปักษาที่ตอนนี้กลายเป็นแฟนผมไปเรียบร้อยแล้วก็นัดกันออกมาเที่ยวอีกครั้ง  ระหว่างที่ผมออกมาล้างมือหลังเข้าห้องน้ำ ก็มีไอ้ผู้ชายสองสามคนเดินเข้ามาล้อมผม   
   “น้อง... เป็นเกย์ใช่ป่ะ มีแฟนยังครับเนี่ย”เสียงพวกนั้นถามผม  โคตรจะเกลียดเลยครับ ผมเป็นรุกโว้ย! แค่หน้าหวานก็เท่านั้นเอง
   “มีแล้วว่ะ... แล้วถ้าพวกมึงไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยออกมาซะด้วย”มาอีกแล้วพระเอกจริง... ปักษาเดินเข้าฉุดตัวผมออกไป
   “จริงๆเลยนะเนี่ยต้น... ถ้าพี่มาไม่ทันจะทำไง”สรรพนามน่ะเหรอครับ... เปลี่ยนเรียบร้อยหลังจากที่ปักษารู้ว่าผมอายุเท่ากับเมฆาก็แฟนของหมอน้ำฝนแหละครับ
   “พี่น็อตคร้าบบบ... ผมน่ะไม่เป็นไรอยู่แล้ว ยังไงผมก็แมนกว่าพี่แล้วกันน่ะ”
   “เออ... บนเตียงน่ะพี่ยกให้ แต่ตอนแบบเนี๊ยะ... ดูยังไงๆก็เคะชัดๆเลยรู้ตัวบ้างรึเปล่า หืม...”พี่น็อตบ่นอีกแล้วครับ
   “เหอะ... พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ... มองยังไงก็เมะชัดๆ ไม่ใช่ฝ่ายรับสักนิด”ผมเบ้ปากแล้วดึงเอวคนข้างๆให้เข้ามาใกล้
   “กลับกันเถอะครับพี่น็อต เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้กิน”แล้วเราสองคนก็กลับมาที่บ้านของพี่ปักษาครับ 
   “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”ปักษาไปแล้ว  ผมเดินเข้าครัวไปทำกับข้าวง่ายๆมาสามอย่างหุงข้าวรอ ก่อนจะเดินขึ้นไปเรียกคนที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ
   “พี่น็อต กับข้าวเสร็จแล้วนะ”ผมตะโกนบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงของปักษา  โคตรเรียบร้อยครับ สมกับที่จบหมอมาจริงๆ 
   “พี่น็อต  ผมว่า... เราไปเที่ยวกันอีกดีมั๊ย”
   “หือ... ที่ไหนเหรอ”พี่ปักษาหันมาถาม  หลังจากที่พันผ้าขนหนูรอบเอวออกมาแล้วกำลังใช้ผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดตัว..
   “แก่งกระจาน ง่ายๆ สะดวกดีด้วย”
   “เดี๋ยวพี่ขอไปหาวันว่างๆก่อนแล้วกัน ไม่รู้ไอ้น้ำฝนจะยอมให้พี่หยุดมั๊ย”ผมเดินไปด้านหลัง คว้าผ้าขนหนูในมือพี่ปักษามาแล้วเขย่งตัวไปเช็ดผมให้... พี่น็อตหัวเราะแล้วหาเก้าอี้มานั่งแทน
   “บอกหมอน้ำฝนไปดิ ถ้าไม่ให้พี่น็อตหยุด ผมจะจับไอ้เมฆไปขังลืมเลย”พี่น็อตหัวเราะอีกแล้ว ก่อนจะเงยหน้ามาโน้มคอผมลงไปจูบ...
   “อืม...”
   “พี่น็อต... ผมรักพี่นะครับ คุณหมอปักษาของผม”ผมก้มลงกระซิบข้างๆหู ก่อนที่พี่ปักษาจะเดินไปที่เตียง...
   “ต้นน้ำครับ  ผมก็รักต้นน้ำเหมือนกันนะ”ผมเดินตามไปที่เตียงก่อนจะขึ้นคล่อมอีกฝ่าย...
   “ผมบอกแล้วไง... ว่าเรื่องบนเตียงน่ะ ยังไงผมก็แมนกว่าพี่อยู่ดี...”ผมยิ้มก่อนจะก้มลงไปประจูบจูบกับพี่น็อตที่นอนรออยู่แล้ว...

   อาจจะดูแปลกประหลาดที่คู่ของผมมันจะไม่เหมือนกับคู่อื่นๆ แต่ผมก็พอใจที่ความรักของผมเป็นแบบนี้... เวลาอยู่นอกบ้านผมอาจจะยอมพี่ปักษาให้คอยดูแลผม แต่ถ้าอยู่ในบ้านล่ะก็... ผมก็จัดหนักเหมือนกันนะครับ ^^


---------------------------------------------------------------------------

เหลือคู่ เมฆากับน้ำฝนสินะ... งืมๆ  เอาเป็นว่าถ้ามีเม้นท์สักเม้นท์ให้วันนี้ เดี๋ยวดึกๆจะอัพเพิ่ม... ไม่งั้นก็พรุ่งนี้ //ทำหน้างง  ไปดีกว่าแฮะ- -

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เฮ้ยยย เมะหน้าสวย 5555พอนึกภาพแล้วเขินเลย

น่ารักทุกคู่เลยอ่า ชอบๆๆ แล้วจะรออัพเพิ่มน้าาา

คุณหมอน็อตเวลาอยู่ข้างนอกคงแมนมากอะ แต่เคะบนเตียงง

อ๊ายยยย  รอตอนต่อไปค้าบ

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                           เรื่องที่9

                                                                คำว่ารัก... ก็แค่เนี๊ยะ!

                                                                        เมฆาXน้ำฝน


         ผมยืนอยู่หน้าบริษัทที่จะมาทดลองงาน...  ตำแหน่งที่ผมจะทำเหรอครับ... ยังไม่รู้เลย... อ่อ... ผมยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ผมชื่อเมฆ ชื่อจริงคือเมฆา  ที่บ้านทำธุรกิจพวกสารเคมีและก็ยาต่างๆ  ที่จริงพ่อก็กะจะให้ผมไปบริหารงานต่อนั่นแหละ แต่ผมต่อรองของมาทดลองทำงานก่อน จะได้ฝึกฝนตัวเองไปในตัว... พ่อผมก็เข้าใจดีครับ ถือว่าโชคดีไป...
   “สวัสดีครับ... ผมมาจากมหาลัย... จะมาทดลองงานครับ”ผมเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร ถูกว่าหรูเอาเรื่อง...
   “อ้าว... เจ้าเมฆ มาฝึกงานเหรอ มานี่เลย ตามน้ามา”น้าผมเป็นหัวหน้าแผนกอยู่ที่บริษัทนี้ จริงๆก็ไม่ใช่หัวหน้าแผนกหรอกครับ เป็นเจ้าของบริษัทต่างหาก แต่น้าผมเขาไม่ชอบ เลยให้พี่ชายคนโตบริหารแล้วตัวเขาก็ลดขั้นตัวเองมาเป็นแค่หัวหน้าแผนก... ผมถึงได้สิทธิ์มาฝึกงานที่นี้เลยยังไงล่ะครับ
   “เอ้า! เดี๋ยวเรามาฝึกงานที่แผนกนี้นะ... เอ...”น้าผมหันไปมองรอบๆก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งให้ออกมาหา
   “ฝน... ไอ้น้ำฝน  ไม่มาหักเงินเดือน”ครับ... ประโยคหลังประโยคเดียว คนที่น้าผมเรียกก็แทบจะโยนงานทิ้งแล้ววิ่งมาหาทันที
   “แฮะๆ... หัวหน้าก็... ผมมาแล้วครับ”พี่น้ำฝนยิ้มเจือๆ แล้วอ้อนน้าผมต่อ
   “เอานี้... หลานฉัน ชื่อเจ้าเมฆ จะมาฝึกงานสักเดือนหนึ่ง  ฝากดูแลด้วยล่ะ”แล้วน้าผมก็ผลักผมให้ไปหาคนที่ยืนรออยู่
   “โอ๊ะ! หัวหน้า... ถ้าน้องเขาล้มไปนี้เจ็บนะครับ”พี่น้ำฝนบอก... ผมเพิ่งได้สังเกตหน้าพี่น้ำฝนดีๆ... ก็หน้าดูดีครับ... ไม่เข้มแต่ก็ไม่หวานเท่าไอ้ท่อง...   รูปร่างก็โอเคสูงพอๆกับผมแต่มันจะผอมกว่าหน่อย
   “ฉันรู้ว่าแกพยุงไหว... ฉันไปทำงานล่ะ เมฆดูแลตัวเองด้วยนะ มีอะไรก็ไปหาน้าได้ เดี๋ญวน้าจะขึ้นไปคุยงานกับประธานก่อน”ผมพยักหน้ารับแล้วน้าเมฆก็เดินออกไป ส่วนผมก็ถอยออกมาเว้นระยะกับพี่น้ำฝนสักนิด ก่อนจะยกมือไหว้พี่เขา
   “หวัดดีครับพี่น้ำฝน ผมฝากตัวด้วยนะครับ”
   “โอ๊ย! ไม่ต้องฝงต้องฝากหรอก พี่ไม่ใช่ธนาคาร...”พี่น้ำฝนยิ้มตอบ ประโยคเมื่อกี้พี่แกตั้งใจกวนนะครับ  แต่ด้วยน้ำเสียงที่พี่น้ำฝนพูดออกมา มันก็เลยดูไม่กวนมากเท่าที่ควร 
   “โถ่! พี่น้ำฝนอ่ะ”ผมยิ้มให้พี่เขาก่อนที่พี่น้ำฝนจะพาผมไปแนะนำตัวกับคนในแผนก
   “นี่ก็เที่ยงแล้ว... เดี๋ยวพี่พาเราไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน...”พี่น้ำฝนพาผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนถึงร้านอาหารใกล้ๆบริษัท  ก็จำพวกข้าวราดแกง อาหารตามสั่งล่ะครับ
   “เจ้านี้อร่อยนะ... เดี๋ยวพี่ไปตักน้ำมาให้”พี่น้ำฝนบอกก่อนจะลุกไปตักน้ำที่อยู่ข้างๆผนังร้าน  ผมสั่งผัดผักกับแกงเขียวหวานราดข้าว  รสชาติก็... อร่อยดีครับ
   “อะไรเนี่ย... อิ่มแล้วเหรอ กินไปนิดเดียวเอง”พี่น้ำฝนมองข้าวในจานผมที่พร่องไปไม่เยอะ
   “โหพี่ครับ... เยอะจะตาย ผมจะไปกินหมดได้ไงล่ะ”
   “อะไร... ปกติพี่มากินกับเพื่อนนี้ถึงกับต้องสั่งเบิ้ลเลยนะ... ไม่น่าเชื่อ พี่นึกว่าอ้วนๆอย่างเราจะกินเยอะกว่านี้ซะอีก”พี่น้ำฝนตักข้าวในจานเข้าปากแล้วยิ้มนิดๆ
   “พี่น้ำฝน! ผมไม่ได้อ้วนนะ... แล้วก็ไม่ได้กินเยอะด้วย...”ผมเบ้ปากก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน
   “เฮ้ย! ไอ้คิม”ผมกวักมือเรียกคิมหันต์... ก็น้องของไอ้เที่ยวไงครับ แล้วก็แฟนของไอ้เหมันต์เพื่อนผมด้วย... คิมหันต์มองมาที่ผม ผมเพิ่งสังเกตว่าข้างๆคิมหันต์มีเพื่อนเดินตามมาด้วยอีกสองคน
   “พี่เมฆ โห... มาไงไปไงเนี่ย ฝึกงานแถวนี้เหรอ”คิมหันต์เริ่มทักผมก่อน
   “อืม... บริษัทนั่นอ่ะแหละ นี้พี่ที่ฝึกงานเขาก็พามาเลี้ยงข้าว”ผมพยักเพยินไปที่พี่น้ำฝนที่ก้มหน้ากินข้าวอยู่
   “อ้าว... พี่น้ำฝนนี่เอง... น้ำค้างมันเอาข้าวมาให้อ่ะ... แต่หาพี่ไม่เจอ เดี๋ยวมันคงตามออกมามั้ง”คิมหันไปพูด... สองคนนี่รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย...  แล้วไม่นานเพื่อนของคิมอีกคนที่ชื่อน้ำค้างก็เดินเข้ามา
   “น้ำค้าง... ไม่มีเรียนหรือไง หืม...”พี่น้ำฝนพูดเสียงเรียบๆ  น้องน้ำค้างส่ายหน้าแล้วเดินมานั่งข้างๆกัน
   “ตกลงพี่น้ำฝนนี้เป็นพี่ของน้ำค้างเหรอครับ”ผมถาม พี่น้ำฝนพยักหน้าก่อนจะรวบช้อน
   “พี่อิ่มแล้วนะ... พี่กลับก่อนนะคิม... เอ กับพายด้วย  น้ำค้างอย่ากลับบ้านดึกล่ะ วันนี้พี่รอกินข้าวนะ”พี่น้ำฝนหันไปล่ำลากับรุ่นน้องทุกคน ก่อนจะหันมามองผม
   “จะได้เวลาเข้างานช่วงบ่ายแล้ว รีบไปเถอะ พี่ต้องบอกงานกับเราอีกเยอะเลยนะ”พี่น้ำฝนเดินไปจ่ายเงินแล้วเดินนำผมกลับไป... ก็ลัดเลาะกลับไปทางเดิมล่ะครับ...

   จากวันแรกนี้ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วครับ การฝึกงานของผมก็เป็นไปได้ด้วยดี... ผมกับพี่ฝนก็ดูจะมีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง... แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกพี่เขาไป... ก็นะ... ไม่ใช่เรื่องที่น่าบอกสักหน่อย ถึงที่บ้านผมจะยอมรับแล้วก็เหอะ... แต่อยู่ดีๆใครจะกล้าบอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นเกย์ล่ะ  วันนี้ผมก็นัดไอ้เพื่อนๆในแก๊งค์ให้มาเลี้ยงฉลองกัน ในโอกาสอะไรเหรอครับ ก็โอกาสอยากแดกเหล้าไงล่ะ... สามทุ่มพอดิบพอดี ทุกคนทยอยกันเดินเข้ามา ไอ้คุณชายเหมันต์เดินเข้ามาพร้อมน้องรหัสของมันที่ตอนนี้อยู่ปี3  คิมหันต์ ได้ข่าวว่าปีนี้มันเป็นพี่ว๊าก กวนตีนแล้วก็โหดพอๆกับไอ้คุณชายเหล่ะครับ   สมแล้วที่เป็นแฟนกัน อีกคู่ไอ้เที่ยวเดินเข้ามาพร้อมๆกับพยุงไอ้ท่องเข้ามาด้วย ไอ้เที่ยวให้เหตุผลกวนตีนว่าป้องกันไม่ให้คนอื่นมาแย่งไอ้ท่องไปตอนฝึกงาน... มันเลยทำให้ไอ้ท่องเดินไม่ไหวเลยซะงั้น น่าโดดถีบนะครับ... ไอ้สุดท้ายครับ เดินเข้ามาพร้อมพี่คนแรก คู่นี้ก็ตกล่องปล่องชิ้นกันไปเมื่อปีที่แล้ว ไม่รู้ไปรักกันอีท่าไหน รู้แต่ว่าหลังจากที่มันคบกันแล้วไอ้สุดท้ายมันไม่มามหาลัยอีกเลย 1 อาทิตย์  คนสุดท้ายที่เดินตามเข้ามาคือไอ้ต้นน้ำ  ไม่ต้องมองหาคู่ครับ มันยังโสด โดยมันก็ให้เหตุผลกวนๆว่ามันหน้าหวาน แต่มันไม่อยากรับ ถ้าไม่ได้รุก มันก็จะไม่คบใคร... ทีนี้ก็ครบถ้วนกระบวนความ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลถูกป้อนใส่ปากอย่างไม่มียั้ง มื้อนี้ไอ้คุณชายเหเลี้ยง พวกผมก็สะดวกสิครับ...
   “เออ... ไอ้เมฆ งานมึงเป็นไงวะ”ต้นน้ำครับ เปิดเรื่องคุย..
   “ก็สนุกดีอ่ะ แต่ถ้าจบแล้วไงก็คงต้องไปทำงานกับพ่ออยู่ดี... อาจของทำแผนกที่ชอบ ไม่เป็นผู้บริหารหรอก”ผมก็ตอบไปตามความคิด... ทุกคนในนี้เข้าใจหมดล่ะครับ ก็แต่ละคน บ้านรวยกันนักนี้ ถึงจะทำตัวจนๆกันก็เหอะ... ไอ้คุณชายเหมันต์บ้านมันทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกโรงแรม  มีครอบครัวของคิมหันต์มาช่วยเกี่ยวกับการออกแบบภายใน  ไอ้เที่ยวบ้านมันก็ทำเกี่ยวกับอาหารแช่แข็งสำเร็จรูป  ไอ้ท่องยิ่งแล้วใหญ่ธุรกิจเสื้อผ้ามาแรง... จะเบาๆก็คงไอ้สุดท้ายที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านจัดสรร   แต่ก็ได้มือดีอย่างพี่คนแรกมาช่วยออกแบบ...  ส่วนไอ้ต้นน้ำ บ้านมันไม่ได้ทำธุรกิจอะไรหรอกครับ แต่แค่เงินปันผลธุรกิจจากหุ้นที่พ่อกับแม่มันซื้อไว้ก็ถือว่าร่ำรวยเอาการ
   “แล้วเมื่อไรจะมีแฟนวะ”ไอ้ต้นน้ำที่หน้าแดงกรึ่มๆถามทำเอาผมสะอึก
   “ควายแล้วไอ้ต้น ถามเรื่องงานอยู่ดีๆ ไมพลิกมาเรื่องแฟนได้วะเนี่ย”ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ... ไม่อยากเมามากถึงนานๆทีไอ้เหมันจะเลี้ยงก็เถอะ แต่พรุ่งนี้ผมมีงานรออยู่
   “เหอะหน่า... สายกูบอกมาว่า มึงจีบรุ่นพี่ที่บริษัทอยู่เหรอวะ”เสียงฮาครืนดังจากทั่วโต๊ะ  ผมมองหน้าไอ้คนพูดก่อนจะกัดฟันกรอด
   “ไอ้ควายต้น ถ้ามึงยังอยากเก็บปากไว้แดกเหล้าก็หุบปากซะ”
   “พี่เมฆๆ  รุ่นพี่คนนั้นอ่ะ... พี่น้ำฝนเปล่า”คิมหันต์ที่เริ่มเมาๆหันมายักคิ้วให้ผม
   “ไอ้คุณชายเห  พับเมียมึงยัดใส่กระเป๋าไปเลย กูขอร้อง”แล้วเสียงโหฮาก็ดังสนั่น   ตกลงผมมาแดกเหล้าหรือมาให้พวกมันรุมวะเนี่ย
   “อ้าว...  เมฆ... พอดีเลย... มาเที่ยวกันเพื่อนเหรอ”เสียงคุ้นหูทำให้ผมกลับไปมอง... พี่ฝนเดินมากับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง  ดูเหมือนจะมากินเหล้าเหมือนกัน
   “เปล่าคร้าบ~ ผมเป็นพ่อมันน่ะ”เสียงไอ้สุดท้ายตะโกนขึ้นมา ผมหันไปเขม่นมันสักหนึ่งทีก่อนจะโค้งหัวให้พี่คนแรกที่ดึงไอ้สุดท้ายไปปิดปาก... ถึงจะปิดด้วยปากพี่คนแรกก็เถอะนะ...
   “ครับพี่... แล้วพี่อ่ะ... เพื่อนที่มหาลัยเหรอ”ผมถามกลับ พี่ฝนพยักหน้าก่อนจะขอตัวแยกไปหาโต๊ะนั่ง ซึ่งโต๊ะนั้นมันก็ไม่ไกลจากโต๊ะผมเท่าไร
   “โห... มึงชอบพี่เขาเหรอวะ... ใครรุกใครรับวะเนี่ย ขนาดตัวพอๆกันเลย”ไอ้เที่ยวแซวครับ ผมหันกลับไปด่ามัน
   “สัด...”เต็มๆครับ... ไอ้เที่ยวหัวเราะร่าก่อนจะคว้าแก้วเหล้าไปกระดกต่อ 
   ผมกับพวกมันกินกันต่อจนเกือบเที่ยงคืนก็พากันแยกย้ายครับ หันไปดูอีกโต๊ะหนึ่งก็กำลังทยอยกลับกันพอดี... ดูสภาพพี่ฝนแล้วก็เมาโคตรๆครับ 
   “ไอ้เมฆ... อย่าช้า โอกาสมึงแล้วไง ไปดิ”ไอ้เหมันต์ครับ สะกิดบอกผม
   “ไปเหอะหน่า... กูกับไอ้เหก็ได้แฟนเพราะร้านเหล้าเหมือนกันแหละวะ มึงอย่าลืมดิ”ไอ้เที่ยวบอกก่อนจะหันไปโอบกอดคนในอ้อมแขนแน่น 
   “ควายเหอะมึง”ไอ้ท่องหันมาด่าเต็มๆครับ ผมก็ขำแล้วหันไปมองพี่น้ำฝนที่เดินเซไปเซมา
   “พี่น้ำฝน ผมช่วยนะครับ”แล้วผมก็เดินไปดึงตัวพี่ฝนให้ขึ้นมาเกาะไหล่ผม 
   “เดี๋ยวผมไปส่งพี่ฝนเองนะครับ”ผมหันไปบอกเพื่อนๆของพี่ฝนแล้วพยุงพี่เขาไปที่รถ... ก่อนจะพาพี่ฝนไปส่งบ้าน  แต่ดูเหมือนพี่เขาจะเมาจนเดินไปไม่ถูก ผมเลยต้องเสียสละอีกรอบแบกพี่น้ำฝนไปนอนบนห้อง
   “เฮ้อ~!”แบกมาถึงก็ล้มสิครับ ตัวพอๆกัน ถึงจะหนักน้อยกว่าก็เถอะ... ผมตั้งใจจะเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำสักหน่อยก่อนจะกลับ... หนักตาเหมือนกันครับ ดึกพอสมควรแล้ว... ระหว่างที่ผมเงยหน้าให้น้ำไหลออกไป ผมก็เหลือบไปเห็นขอบของรูปถ่ายที่ล้ำออกมาจากหลังตู้พอดี 
   “ทำไมต้องเอารูปมาไว้ในนี้ด้วยนะ”พี่น้ำฝนนี้ชอบทำอะไรแปลกๆแฮะ ผมเปิดออกมาดู ชอบยุ่งเรื่องชอบบ้านอ่ะครับ... แล้วผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อภาพทั้งหมดเป็นภาพของผม ในอิริยาบถต่างๆ ถึงว่าทำไมผมรู้สึกเหมือนมีแสงแฟลชเข้าตาเวลาเผลอๆอยู่เสมอ ที่แท้ก็เพราะคนๆนี้นี่เอง แต่ว่า... พี่น้ำฝนถ่ายรูปผมไว้ทำไมล่ะ
   “เห็นแล้วเหรอ...”เสียง... เสียงพี่น้ำฝนครับ  พี่น้ำฝนยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่  ในมือถือบุหรี่ที่จุดแล้วไว้... ไหนเมื่อกี้... พี่น้ำฝนเมาไม่ใช่เหรอวะเนี่ย
   “พี่... พี่เมาอยู่ไม่ใช่เหรอ”ผมถามครับ 
   “อืม... พี่เมา... แต่พี่เมาดิบว่ะ... รู้มั๊ยพี่ยังไม่ได้แตะเหล้าสักหยดเลย แล้วพี่จะเมาได้ไง”พี่น้ำฝนยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
   “รู้มั๊ยทำไมพี่ถึงแอบถ่ายรูปเราเอาไว้น่ะ”ผมส่ายหน้าแล้วพยายามหาทางหนี... พี่น้ำฝนน่ากลัวมากครับตอนนี้... ไม่กล้าเข้าใกล้เลย
   “พี่รักเรานะ เมฆ”พี่น้ำฝนดึงตัวผมเข้าไปกอด  ก่อนจะบรรจงจูบเบาๆที่ริมฝีปากผมจนผมเคลิ้นไปเลย
   “แล้วเมฆล่ะ... รักพี่รึเปล่า”พี่น้ำฝนเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว... ผมเองก็คงต้องยอมรับใจตัวเองสักทีสินะ
   “ครับ... ผมก็รักพี่น้ำฝน”
   
   “อือ... พี่น้ำฝน ยะ...อย่า อือ... มะ.. ไม่เอานะพี่”ลิ้นร้อนที่บรรเลงเพลงรักอยู่ทำเอาผมเสียวสะท้าน... คนที่แกล้งเมาจับตัวผมพลิกก่อนจะไล่พรมจูบบนหลังกว้าง...
   “พี่น้ำฝน... พะ... พอก่อน”มือของผมจิกผ้าปูที่นอนแน่น พี่น้ำฝนยังคงไล้ลิ้นมาเรื่อยๆจนถึงด้านหลังของผม  พี่น้ำฝนหันมามองหน้าผมที่หลับตาแน่นเพราะความเสียวก่อนจะไล่เลียช่องทางนั้นจนมันเต้นตุบๆ
   “อือ... พี่...ฮะ... พี่น้ำฝน”นิ้วเรียวถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางจนผมบิดเกร็ง  ผมเองก็อายุ20กว่าแล้ว จะบอกว่าไม่เคยมีอะไรกับแฟนเลยก็คงไม่ใช่ แต่ครั้งสุดท้ายของผมมันเมื่อตอนม.6 ผ่านมาตั้ง 4 ปีแล้ว อะไรๆมันก็ดูไม่ค่อยชินทั้งนั้นแหละครับ
   “ไม่ต้องเกร็งนะ...”พี่น้ำฝนบอกก่อนจะค่อยๆแทรกกายผ่านเข้ามา 
   “อุก... พี่น้ำฝน... หยุด... พอก่อน”ผมร้องครางครับ  มันทั้งแน่นทั้งจุก  น้ำตาไหลพรากเลย... พี่น้ำฝนโน้นตัวลงมาจูบเบาๆ รอจนผมนิ่งลงแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้าไปต่อจนสุด...
   “อ๊า...  พี่น้ำฝน...  ลึก... ฮ๊า... ลึกอีก”ผมร้องคราง  พี่น้ำฝนพลิกตัวผมให้หันกลับมาก่อนจะไล่พรมจูบบริเวณหน้าอกผมจนแดงช้ำไปหมด  นิ้วของผมก็ข่วงหลังพี่น้ำฝน...
   “เมฆ... อืม... จริงด้วย... ไม่อ้วนสักหน่อยเนอะ”พี่น้ำฝนเอามือลูบหน้าท้องผมเบาๆ ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองค้อน
   “ก็ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้อะ... อือออ~”พี่น้ำฝนครับ ดันเข้าออกเร็วกว่าเดิมทำเอาผมที่กำลังจะพูดต้องร้องครางแทนโดยปริยาย
   “หึหึ... เมฆนี่น่ารักจริงๆ สมแล้วที่พี่หลงรัก”พี่น้ำฝนโอบกอดผมเอาไว้ก่อนจะเด้งเอวเร็วขึ้น
   “อ๊ะ... พี่น้ำฝน ผม... ผมจะไปแล้ว อ๊า...”และแล้วน้ำใสๆของผมก็พุ่งทะลายออกมา พี่น้ำฝนกระแทกเข้ามาอีกสองสามครั้งก็หยุดพักไป... เพลียครับ ความคิดที่จะกลับบ้านเป็นอันต้องพังทลาย... หมดเรี่ยวแรงนอนแผ่เป็นปลาหมึกตากแห้งเลยครับ
   “เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ... นอนไปก่อนแล้วกัน”ขอผมหลับเลยแล้วกันนะครับพี่ฝน...

   [fon talk]
   ผมมองรุ่นน้องตรงที่หน้าผล็อยหลับไปโดยที่ยังไม่แต่งตัวให้มิดชิดเลยสักชิ้น ทำเอาผมยิ้มขำ  มือข้างหนึ่งผมก็เช็ดตัวไป ส่วนอีกข้างผมก็กดโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่ง
   “เออ... มีไรวะไอ้ฝน”
   “เปล่า กูแค่จะโทรมาขอบใจ แผนมึงเยี่ยมมากเลยว่ะไอ้น็อต”ผมหัวเราะในลำคอ เจ้าตัวดีตรงหน้านี่จะรู้มั๊ยนะว่าโดนหลอกเข้าเต็มๆ
   “แสดงว่ามึงคุยกับน้องเขารู้เรื่องแล้วสินะ”
   “เออ... คุยทั้งปากคุยทั้งตัวเลยล่ะว่ะ  อ่อ... อีกอย่าง ฝากขอบใจแฟนน้องคิมหันต์ด้วยนะ... ที่ช่วยทำให้แผนกูสำเร็จน่ะ”ผมพูดแล้วอีกมือก็ลูบไล้ผ่านยอดอกของคนที่นอนหลับไปแล้ว เรียกเสียงครางหวานหูให้ผมได้อีกระลอก
   “ได้ๆ... ถ้าพรุ่งนี้มันเข้ามาฝึกงานที่บริษัทอ่ะนะ มึงเหอะ... ดูแลน้องเขาดีๆด้วย ก็นอนก่อนล่ะ ง่วงชิบหาย”แล้วมันก็ตัดสายไป... ใช่ครับ เหมันต์หรือแฟนของคิมหันต์มันคือเด็กฝึกงานที่บริษัทเพื่อนผมพอดี โดยที่เมฆเองก็คงไม่รู้เหมือนกัน  ผมเช็ดตัวให้คนตรงหน้าเสร็จก่อนจะจับใส่เสื้อใส่กางเกงแล้วตัวผมเองก็มุดลงไปนอนข้างๆน้องเขา
   “ฝันดีนะครับ... น้องเมฆ  พี่น้ำฝนรักน้องเมฆนะครับ”ผมกระซิบเบาๆก่อนจะได้เสียงพึมพำเบาๆให้ผมอมยิ้มอีกรอบ
   “งืม...  เมฆก็รักพี่น้ำฝนครับ”

   แล้วแบบนี้... ใครจะอดใจไม่รักไหวล่ะครับ  ผมฉวยโอกาสหอมแก้มน้องเขาอีกครั้งก่อนนอน แล้วดึงตัวเมฆมาอยู่ในอ้อมกอด... ใช่แล้ว...  สำหรับผม ถ้าไม่มีเมฆ แล้วจะมีน้ำฝนได้ยังไงล่ะเนอะ...  รึไม่จริง ?


----------------------------------------------------------------------------------

ลงครบทุกคู่แล้วนะครับ   เดี๋ยวจะลงตอนรวมคู่ของซีรีย์นี้ให้แล้วจะตามด้วยตอนพิเศษของแต่ละคู่ครับ  ^^

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                         เรื่องที่10

                                                              ก็แค่นางฟ้า... ของผม




         มีคนบอกว่าผมเลว... มีคนบอกว่าผมร่าน... ผมก็แค่คนๆหนึ่งที่เกลียดความรักก็เท่านั้นเอง...

   หลายคนบอกว่าเขาร่าน มั่วไม่เลือก... ทำไม... ผมกลับเห็นเขาเป็นแค่คนขี้เหงาที่กลัวการมีความรัก... เหมือนนางฟ้าที่ถูกปฏิบัติราวกับว่าเป็นมารร้าย...

   ร่างบอบบางในเสื้อโค้ทหนาเดินกระชับร่างให้อบอุ่นในช่วงปีใหม่ปีนี้... เพราะเขาไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน ดังนั้นในวันปีใหม่ที่ทุกคนต่างอยู่กับคนรัก ก็คงมีแต่เขาเท่านั้นแหละที่เดินเล่นอยู่ในซอยเปลี่ยนที่มีแค่หมากับแมววิ่งผ่านไปผ่านมา
   “ฮะ... ฮัดเช้ย!”ร่างบางสะดุ้งกับเสียงจามที่ดังมาด้านหลัง ก่อนจะรีบหันกลับไปมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เดินตามมาทีหลัง ดูๆไปแล้วคงไม่ได้ตั้งใจเดินตามเขามาหรอก  ร่างบางค้นของในกระเป๋าเป้ใบโตยืนนิ่งปล่อยจังหวะให้อีกฝ่ายเกือบจะเดินแซงหน้า
   “นี่คุณ...”เสียงเรียกให้อีกฝ่ายหันกลับมามอง ร่างบางยื่นผ้าพันคอสีดำสนิทหอมกรุ่นกลิ่นซากุระที่เจ้าตัวชอบพรมฉีดให้ทั่วผ้าพันคอ
   “เอาไปใช้สิ อากาศมันหนาว  เสื้อกันหนาวตัวแค่นั้นคงเอาไม่อยู่หรอก”ร่างบางส่งผ้าพันคอให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินนำออกมา ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนงงและพอคิดได้ก็ระบายยิ้มอ่อนโยนตามหลังมา
   
   บริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง  ไฟดวงเล็กๆในห้องทำงานของประธานยังเปิดสว่างในขณะที่บริษัทอื่นๆนั้นถูกดับลงตั้งแต่หัวค่ำ นาฬิกาบอกเวลาเกือบตีหนึ่ง  ชายหนุ่มบิดขี้เกียจก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะทำงาน  มือเอื้อมปิดแฟ้มแล้วผลักไสมันออกไปห่างตัว  เขาทำงานมาสองวันติดแล้ว  คงมีแค่ช่วงหัวค่ำล่ะมั้งที่เขาได้มีโอกาสแวะออกไปซื้อของที่หน้าปากซอย  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาแค่สิบนาทีเขาจะได้พบกับใครคนที่สวย... สวยเหมือนกับนางฟ้าเลยทีเดียว
   มือแกร่งคว้าผ่าพันคอสีดำที่ตนได้มามาหนุนกอด  ทั้งหอมแล้วก็นุ่ม... เจ้าของผ้าพันคอผืนนี้ล่ะ จะทั้งหอมทั้งนิ่มแบบนี้เหมือนกันรึเปล่า... แค่ได้คิด รอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหนุ่มหล่อทันที ดูท่าว่า... หัวใจดวงน้อยๆนี้คงจะมีคนจับจองซะแล้วล่ะมั้ง...


   ร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มในห้องรับแขก...  ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรื่อถอนหายใจก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา  เขาเหนื่อย... ด้วยใบหน้าและรูปร่างที่เป็นที่สะดุดตากว่าชาวบ้านทั่วไปแล้ว  ชื่อเสียงของเขาก็ใช่ย่อย  ร่าน... มั่วไม่เลือก... มารร้าย... แล้วแต่คนจะสรรค์หามาเรียกกัน ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย เพียงแค่ถ้าถูกใจก็นอนด้วยแค่นั้น มันก็ไม่ได้ต่างจากวิสัยเกย์ปกติทั่วไปหรอกหรือ... ที่ต้องการคนมาปลดปล่อยด้วยในช่วงเวลาที่ไม่มีใคร  เพียงแค่เขาจะพิเศษกว่าคนอื่นๆตรงที่เขาไม่เคยคบใครจริงจัง แม้จะถูกใจแค่ไหนก็ตาม... ใช่ว่าเขาไม่อยาก... แต่เขาไม่อยากเจ็บ... เหมือนเมื่อสมัยที่มีรักครั้งแรก...
   “ไอ้นัน  อีกสี่วันก็วันปีใหม่แล้ว มึงไม่มีแพลตไปเที่ยวไหนเลยหรือไงวะ”เพื่อนชายร่างสูงใหญ่เดินมาทิ้วตัวลงที่โซฟาตัวข้างๆ
   “ม่ายอ่ะ  ถ้ามึงจะไปก็ไปเลย  เดี๋ยวกูอยู่เฝ้าห้องให้ ซื้อของมาฝากกูหน่อยก็ดีนะ”เขารีบตอบก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย
   “สัด  กูละเบื่อจริงๆ  ไม่เคยออกไปไหนกับชาวบ้านชาวช่องเขาล่ะ  ทำอย่างกับตัวเองเป็นกบในกะลา  เดี๋ยวกูว่ากูจะขึ้นเหนือกับกัดซะหน่อย  แล้วจะซื้อของมาให้แล้วกัน”
   “เออๆ ดูแลน้องกูดีๆล่ะ”นันกำลังพูดถึงฝาแฝดของเขา  จำกัด... บุคคลที่หล่อสง่าราวกับเทพบุตรแต่กลับถูกฉุดลงมาเป็นแฟนกับเพื่อนเชี่ยๆของเขา ไอ้ประกอบ...
   “แน่นอน สาบานด้วยชื่อไอ้ประกอบเลยเอ้า!!”อีกฝ่ายเอามือทุบอกตัวเองราวกับจะบอกว่าให้เชื่อใจตนเองได้แน่นอน
   “เพราะชื่อมึงไง กูเลยไม่ไว้ใจน่ะ”เพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อพูดจบนันหรืออนันต์ก็รีบลุกแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างไว แม้จะได้ยินเสียงเพื่อนสถบด่าตามมาก็ตาม... 
   นันมองหน้าตัวเองอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่  ช่วงนี้เขาไม่ค่อยอยากนอนกับใครเท่าไร  มันดูเหมือนไม่เป็นตัวเขาไปทุกที  อายุที่ใกล้ย่างเข้าเบจญเพศทุกๆขณะ  อีกแค่สี่วัน 31ธันวาของทุกปี  ทุกๆครั้งที่เขาจะอยู่คนเดียวเพราะมันเป็นแค่หนึ่งครั้งในรอบ365วันที่มีเขาคนเดียวที่ถือกำเนิดมา  และอีกสามนาทีต่อมา น้องของเขา จำกัดก็คลอดออกมาในเวลาของวันที่1 มกรา...
   “เฮ้ออ...  ช่างแม่ง ปีนี้นอนต้มมาม่าคนเดียวก็ได้วะ”นันตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติแล้วเปิดประตูห้องน้ำออกมา  เดินสวนกับจำกัดที่เดินลงมาหาไอ้กอบ  จำกัดยิ้มน้อยๆให้พี่ชายฝาแฝดตัวเอง  นันยีหัวน้องตัวเองเบาๆแล้วก้าวขึ้นมานอนแผ่หลาในห้องของตัวเอง  ใจกลับคิดถึงผ้าพันคอผืนโปรดที่เขาลงทุนถักเอาไว้ใช้เอง แต่ตอนนี้กลับไปอยู่กับใครอีกคน
   “ถ้าใช้ไม่ดีนะ พ่อจะขยี้ให้เละเลย”แม้จะแปลกไปบ้าง เพราะตั้งแต่ที่เขาถักผ้าพันคอผืนนี้เสร็จ ไม่มีใครเลยที่เคยได้ยืมมัน แม้แต่จำกัดฝาแฝดของเหรือไอ้กอบเพื่อนสนิทโคตรๆของเขาก็ตาม  แต่เขากลับเอาให้กับชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นได้เพราะอีกฝ่ายจาม... ดูท่า... สมองเขาจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆสินะ  นันหัวเราะขำๆก่อนจะกลิ้นหลุดๆไปกลางเตียงแล้วหลับตาลงนอน  นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาเกือบตีสาม  เพลียดชะมัดเลย

   ร่างโปร่งของนันนั่งนิ่งในร้านกาแฟอย่างใช้ความคิด  งานตัวใหม่ที่เขาต้องทำส่งถูกเร่งเอาจากวันที่15มาเป็นวันที่3 ซึ่งมันคืออีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น  แล้วใครมันจะไปคิดออกทันวะเนี่ย...
   “คุณ... นัน... ดีใจจังครับที่ได้เจอคุณอีก”นันเงยหน้ามองก่อนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาเคยนอนด้วย แต่เมื่อไรนั้นเขาเองก็จำไม่ได้เสียด้วยสิ
   “ผมต้องการสมาธิ ขอโทษนะครับ”นันพูดเสียงเรียบทำเอาอีกฝ่ายหน้าจ๋อย แต่ก็หันไปสั่งกาแฟร้อนมาสองแก้ว
   “กาแฟร้านนี้อร่อย คุณลองชิมดูสิครับ”ชายคนนั้นเลื่อนแก้วกาแฟมาให้  นันเงยหน้าขึ้นสบตาก่อนจะเบี่ยงสายตามองไปที่แก้วนมร้อยของตนที่เพิ่งพร่องไปไม่เท่าไรก่อนจะกล่าวขอบคุณ...
   “ขอบคุณครับ”นันพูดแบบขอไปทีก่อนจะหยิบกระดาษเอสี่ขึ้นมาร่างแบบไว้เล็กน้อยก่อนจะหยิบแก้วนมร้อนของตัวเองขึ้นมาจิบทิ้งให้เจ้าของแก้วกาแฟมองตามด้วยอารมณ์โหวงๆ 
   “งั้น... ผมขอตัวก่อนนะครับ”ฝ่ายตรงข้ามบอก 
   “เชิญครับ”ยิ้มตบท้ายให้อีกครั้งก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาร่างงานต่อ แม้จะมีกระดาษอีกเป็นสิบที่ถูกขยำทิ้งไปแล้วก็เถอะ

   ร่างสูงของหนุ่มหล่ออายุย่างเลขสามทำให้หลายคนมองด้วยความอิจฉา  เขาเดินไปที่เคาเตอร์ก่อนจะสั่งชาอุ่นๆมาดื่ม  สายตากวาดไปทั่วร้านแล้วสะดุดลงที่ใครคนหนึ่ง คนที่เขาไม่มีวันลืม...
   “สวัสดีครับ”เสียงนุ่มทักทาย แต่มันทำให้คนที่คิดงานไม่ออกถึงกับหัวเสีย
   “โอ๊ย! คุณจะอะไรนักหนาเนี่ย  ผมคิดงานไม่ออกอยู่นะ ทำไมถึงต้องเข้ามาทักกันบ่อยๆด้วยเนี่ย”ร่างบางปรี๊ดแตกทำให้อีกฝ่ายถึงกับเหวอ   สายตาเหลือบมองกระดาษที่อีกฝ่ายใช้ร่างแบบไว้เละก่อนก็พอเข้าใจ  คงเป็นช่างกราฟฟิคที่บริษัทไหนสักที่ล่ะมั้ง
   “โอ๋ๆ ขอโทษครับขอโทษ  ผมไม่คิดว่าคุณอารมณ์เสียอยู่ พอดีผมแค่อยากขอบคุณเรื่องผ้าพันคอเมื่อคืนน่ะครับ”เพราะคำว่าผ้าพันคอเพียงคำเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายที่หัวเสียอยู่เงยหน้าขึ้นมอง 
   “อ่อ... ไม่เป็นไร... แต่ถ้าจะให้ดีนั่งเงียบๆสักนิด ผมต้องการสมาธิมากๆ”ร่างบางบ่นงึมงำแล้วร่างแบบในมือต่อ  ดูท่าคงเป็นแบบโฆษณาตัวใหม่ล่ะมั้ง  ชายหนุ่มถือวิสาสะหยิบกระดาษที่ถูกขยำทิ้งหลายๆแผ่นมานั่งวิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไรกันแน่  ก่อนจะพบว่าอีกคนกำลังคิดธีมโฆษณาเกี่ยวกับวาเลนไทน์ที่จะถึงในอีกสองเดือนหน้านี่...
   “วาเลนไทน์เหรอ... ผมว่าไม่เห็นจะน่ายากสำหรับคนอย่างคุณเลยนะ”เสียงนุ่มหัวเราะก่อนจะทำให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมอง
   “ถ้ามันง่าย ผมคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่แบบนี้หรอก”
   “ก็แล้วทำไมคุณไม่ลองมีความรักล่ะครับ เผื่อจะนึกออก”เสียงนุ่มแนะนำ
   “ไม่ล่ะ... ผมไม่อยากมีความรักหรอก  มีแต่ความผิดหวัง คุณคงไม่รู้ ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง  ผมเป็นเกย์แล้วส่วนใหญ่เกย์ก็ไม่ค่อยเจอรักแท้อยู่แล้วล่ะ”นันก้มหน้าพูดไม่มองอีกฝ่าย  เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมองเขายังไง เขาแค่พูดไปตามที่เขาคิด
   “คุณนี่พูดตรงจัง... แล้วคุณไม่อยากลองคบกับผมบ้างเหรอ”ร่างบางวางดินสอที่ใช้ร่างแบบลงแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มมุมปากบางๆ
   “คุณนี่ท่าจะบ้า  ผมถามหน่อย คุณรู้จักชื่อผมแล้วหรือไงถึงมาขอคบผมน่ะ”อีกฝ่ายที่ได้ฟังถึงกับหัวเราะแห้งๆ นั่นสิ เขาเองก็ยังไม่รู้จักชื่อร่างบางตรงหน้านี่จริงๆแหละ
   “โอเคๆ ผมชื่ออนันต์ แล้วคุณล่ะชื่ออะไร”ร่างบางเป็นฝ่ายพูดก่อน
   “ผมชื่ออานนท์ เรียกนนท์เฉยๆก็ได้ครับ”
   “ครับคุณนนท์  แต่เรื่องที่คุณอยากคบกับผมน่ะ ผมคงต้องปฏิเสธ  ผมไม่อยากเอาความรู้สึกของใครมาเล่น  มันคงเจ็บไม่น้อยเลยเวลาที่ผมไม่ต้องการความรู้สึกพวกนั้นของคุณแล้ว”นนท์ลองสังเกตแววตาของคนรู้จักคนใหม่ตรงหน้าที่ไหววูบเมื่อพูดถึงเรื่องของความรู้สึก
   “ผมอยากให้คุณคบกับผมจริงๆ ถึงจะเจ็บก็ไม่เป็นไร... งั้นวันนี้เราไปเดทกันดีกว่านะครับ”พูดจบก็เก็บกระดาษทุกแผ่นลงในกระเป๋าอีกฝ่ายก่อนจะฉุดลากแขนร่างบางให้ตามออกมา โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันปฏิเสธด้วยซ้ำ
   “เดี๋ยวๆ คุณนนท์... ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะ”เสียงปรามไม่มีผลต่อบุคคลที่ลากอีกฝ่ายไปถึงสนามเด็กเล่นใกล้ๆ
   “อยากเล่นรึเปล่า...”ไม่รอให้ตอบ นนท์กลับอุ้มอีกคนขึ้นมาอย่างง่ายดายแล้วปล่อยให้สไลด์ลงกับสไลด์เดอร์ของเด็ก แม้จะดูแปลกที่ผู้ชายสองคนอยู่ในสนามเด็กเล่น โดยมีผู้ชายที่ดูโตกว่าลากให้คนที่ตัวเล็กกว่าเล่นโน่นเล่นนี้ไปเรื่อยจนเนื้อตัวมอมแมมทั้งคู่  แต่คนที่หน้าบึ้งๆตอนแรกนั้น กลับเริ่มมีรอยยิ้มในตอนหลังและสนุกไปกับการเล่นของเล่นมากมายที่ไม่ได้เล่นมานานแสนนาน
   “คุณนนท์ ผมกลัวนะ”ไม้กระดกที่ไม่เด้งไปเด้งมาอย่างเคยเพราะคนตัวใหญ่กว่านั่งทับไม่ยอมขยับทำให้อีกคนลอยขึ้นสูง  เสียงหัวเราะแบบที่ไม่ค่อยได้ยินจากร่างบางดังออกมาพร้อมใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม  มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็น...
   เย็นมากแล้ว ทั้งสองคนนั่งอยู่บนชิงช้าในสนามเด็กเล่นที่เก่า โยกไปมาเบาๆให้ความรู้สึกสบายอกสบายใจ...  เสียงหัวใจเต้นแผ่วไม่รุนแรงเหมือนเวลาเจอที่คนชอบ  แต่อะไรบางอย่าง... กลับบอกแก่นันว่า คนที่อยู่ข้างๆตอนนี้... คือคนที่ใช่...
   “คุณนนท์... ผมคิดว่าถ้าคุณชอบผมจริงๆ ผมจะยอมคบกับคุณก็ได้... แต่ผมอยากให้คุณทำใจไว้บ้าง ถ้าคุณจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตัวผม  ร่าน... มั่ว... เลว...”นันหยุดไปสักพักก่อนจะหันไปมองนนท์ที่นั่งฟังนิ่งๆ
   “ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ผมไม่กล้ามีความรักเพราะรักครั้งแรกของผม ถูกไอ้ผู้ชายเลวๆมันบอกกับผมว่าผมเป็นแค่ของเล่นของมัน  คุณรู้มั๊ย... ผมไม่กล้ามีความรักอีกเลยจากแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว... คุณเป็นคนแรกเลยนะเนี่ยที่ผมเล่าให้ฟังน่ะ”เสียงหัวเราะขื่นๆจากคนเล่าดังอย่างต่อเนื่อง
   “คุณรับผมได้มั๊ย ที่ผมไม่ได้เป็นคนดีอย่างหน้าตา  ไม่ได้เลิศเลอเหมือนเทพบุตรอะไรมากมาย”ก้อนสะอื้นเริ่มจุกที่ลำคอ  นนท์คว้าตัวอีกฝ่ายขึ้นมาประจันหน้า... นิ้วเรียวยาวปาดน้ำตาออกเบาๆ 
   “คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบมั๊ย”อีกฝ่ายถาม นันส่ายหน้า...
   “ผมก็ไม่เคยเชื่อ จนได้มาเจอคุณ...  ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นยังไง  ไม่สนว่าคุณเคยเป็นของใคร... ที่ผมสนตอนนี้คือผมต้องดูแลคุณให้ดีที่สุด”ริมฝีปากหนาก้มลงประทับจูบราวกับจะบอกว่านี้เป็นคำสัญญาที่เขาจะรักษามันตลอดไป...
   “รักนะครับ... นางฟ้าของผม”

   มีคนบอกว่าผมเลว... มีคนบอกว่าผมร่าน... แต่ผมไม่สนใจ  เพราะตอนนี้ผมมีแค่เขาเพียงคนเดียว...

หลายคนบอกว่าเขาร่าน มั่วไม่เลือก... ทำไม... ผมกลับเห็นเขาเป็นแค่นางฟ้าตัวน้อยๆที่ถูกใส่ร้ายจากปีศาจเหล่านั้น  นางฟ้า... ที่ผมต้องคอยปกป้องเขาให้ปลอดภัย...

                                                                      [THE END]

----------------------------------------------------------------------------------

มีใครอยากรู้เรื่องพรตกับต๊อก (ตัวประกอบจากผมเป็นคนบ้าฯ)มั๊ยครับ  นั่นแหละ... ตอนต่อไปของพระนางคู่นั้น  ยังแต่ไม่จบดี ท่าจะยาวเอาเรื่องอยู่นะครับ^^

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                              เรื่องที่11

                                                               เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!!



          ผมเป็นเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งครับ  เป็นโรงงานเกี่ยวกับพวก ICT อะไรประมาณนี้  จะถามว่าผมมาเล่าให้ฟังทำไมน่ะเหรอ...  จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ  แค่อยากให้ฟังขำๆน่ะ...
   “ไอ้ต๊อก แดกข้าวโว้ยยย!!” ครับ... นั่นชื่อผมเอง ผมเบนหน้าไปทางต้นเสียงที่เรียกก่อนจะพบใบหน้าเปื้อนที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ  ว่าแล้วก็ขอสักทีเพื่อความชื่นใจ
   “ครับพรตเมียที่น่ารัก แล้วลูกไปไหนล่ะ”ผมละมือจากงานตรงหน้า  งานอะไรเหรอครับ...  อ้าว! นี่ไม่รู้เหรอว่าผมลงมาทำงานอยู่กับพวกพนักงานน่ะ  โนๆ  ไม่ใช่ที่พวกคุณคิดครับ  ผมไม่ได้หวงค่าแรงขนาดนั้น  ผมแค่อยากมาดูแลพนักงานให้ทั่วถึง  อ่า... ยอมรับก็ได้ครับว่าไอ้พรตก็เป็นอีกหนึ่งทางที่ผมลงมาทำงานพวกนี้  แต่ก่อนที่พรตจะมาทำงานตามที่ผมชวน  ผมก็ลงมาทำเป็นปกติอยู่แล้วนะ!!
   “กูชื่อพรตเฉยๆ สัด!! เดี๋ยวกูจะแวะเอาข้าวไปให้ลุงค่อมกับก้อยก่อนแล้วค่อยมาเข้างานรอบบ่าย”พรตบอกเสียงกระตือรือร้น  ก่อนจะรีบคว้าห่อข่าวตรงกลับที่พัก
   “ไม่ต้องรีบก็ได้หน่าพรต  เจ้านายเขาให้มึงเข้างานกะบ่ายได้ไม่ต้องตรงเวลานี่”ผมท้วงพอเห็นมันรีบเก็บข้าวของเหมือนจะหนีระเบิดก็ไม่ปา...  ทั้งๆที่เจ้านายมัน... เอ่อ... ก็ผมนี่ล่ะ  อนุญาตให้มันเข้างานช้ากว่าคนอื่นได้ตามสบาย...
   “แค่เขารับกูมาทำงานนี้ก็บุญเท่าไรแล้ว  ไม่งั้นกูต้องนั่งขอทานอีกเป็นชาติ  ที่กูทำแค่นี้ยังตอบแทนอะไรเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”ว่าแล้วมันก็ผลุผลันออกไป  เอาล่ะ... ผมคิดว่าทุกคนคงงงกันแล้ว...  งั้นผมอธิบายเพิ่มอีกนิดว่าไอ้เจ้านายที่ว่าเนี่ยมันคือผม...  แล้วผมมานั่งทำงานกับลูกน้อง...  เจ้านายไม่เคยโผล่หัวมาให้พวกมันเห็น... รวมๆกันแล้วก็คือ ในโรงงานนี้ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นหัวหน้าพวกมันและเป็นเจ้าของโรงงานอีกด้วย  เริ่มเข้ารึยัง  ถ้ายังย้อนอ่านใหม่โล้ด  ผมไม่อธิบายซ้ำล่ะ!   ผมเช็ดมือเข้ากับกางเกงขาดๆก่อนจะเปิดฝาข้าวกล่องกิน  ห่อมันเขียนว่าข้าวหมุแดงใช่มั๊ย...  หลังจากเห็นสภาพในกล่องแล้วทำให้ผมต้องพลิกฝากล่องดูอีกครั้ง  เช้ดจริง! ข้าวหมูแดงมีแต่ข้าว แล้วหมุแดงผมล่ะ(วะ)ครับ!! 
   และแล้วมื้อสุดพิเศษที่มีแต่ข้าวกับน้ำหมูแดงบวกแตงอีกสองชิ้นเล็กๆก็ผ่านพ้นไป   เศรร้าจิตจริงๆ  สักวันผมจะไปถล่มร้านหมูแดง! ไม่ถึง20นาทีดี คนที่หายหัวไปก็โผล่มาให้ผมเห็นก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดว่าข้าวหมูแดงน้ำจิ้มไม่อร่อยเลย พอผมเลียบๆเคียงถามไปว่ามีหมูรึเปล่า มันเสือกตอบว่ามี! ครับ  แสดงว่าผมซวยคนเดียวสินะ หมุหายหัวได้ครับ  เฮ้อ!!  ไม่ถึงอีกสิบนาทีดี  เราสองคนต้องเข้างานพร้อมกันอีกครั้ง  ก่อนที่เลขาเจ้านายจะเดินมากวาดสายตาไปทั่ว
   “ต๊อก  เจ้านายเรียกแหนะ”ผมหันควับเลยครับ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอ้พรตแล้วลุกขึ้นเดินตามเลขาหนุ่มไป  โอเค! เจ้านายเรียกครับ  เจ้านาย... ก็ผมนี่ไง  ผมเรียกตัวผมเองนี่ล่ะ ฮาๆๆ  งงมั๊ย... ผมก็ชักจะงงแล้วล่ะ
   พอเข้ามาถึงห้องสุดหรูปั๊บ  แฟ้มงานอันบักเอ้กก็ถูกโยนโครมลงตรงหน้า
   “เอกสารที่มิสเตอร์อลันเร่งมาครับ  แล้วเย็นนี้มีนัดประชุมฝ่ายบริหารด้วย  พรุ่งนี้เช้านัดทานอาหารกับมิสเตอร์ชาง  กลางวันคุณนัทพงศ์จากบริษัทซีสกายล์จะมาเยี่ยมชมโรงงานนะครับ”ร่ายยาวแบบไม่พักครับ  ผมเงยหน้ามองเลขาหนุ่มที่หน้าหวานไม่เข้ากับนิสัย
   “โธ่!  ไม่ต้องทำเสียงโหดก็ได้คร้าบบบ  เดี๋ยวก็ยกให้เป็นเจ้านายซะเองเลยนี่ แค่ของลงไปทำงานกับคนอื่นๆแค่นั้นเอง  จะได้ดูแลงานไปในตัวไง...”ผมบอกเสียงอ่อยๆ   ก่อนจะได้รับสายตาเฉือดเฉือนกลับมา
   “แหม... ดีจริงนะครับ  ดูแลทั้งงานดูแลทั้งเมีย  ทำไมผมไม่โชคดีแบบนี้บ้างนะ”น้ำเสียงแดกดันที่ทำเอาผมชักไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้านายลูกน้อง  แต่ก็อย่าใส่ใจครับ  จิกได้จิกไป กัดได้กัดไป  หน้าด้านซะอย่าง...  คนอย่างไอ้ต๊อกไม่หวั่นครับ!! ผมก้มหน้าอ่านรายละเอียดในเอกสารก่อนจะจรดปากกาลงเซ็นชื่อกำกับไว้ท้ายกระดาษ  ก่อนจะยื่นคืนให้คนที่ยืนรออยู่
   “อ่อ... ฝากไปบอกคุณชาติที่อยู่แผนกบัญชีด้วยว่าให้เข้ามาพบผม  ด่วนเลยนะ”เลขาหน้าสวยเดินออกไปแล้ว...  ผมถอดเสื้อช่างออกก่อนจะสวมสูททับ แล้วใส่แว่นอีกที  ทีนี้ผมก็กลายเป็นผู้บริหารไปแล้ว ฮะฮา... เป็นไงล่ะ  วิธีแปลงตัวของผม  ทำไมผมถึงไม่กลัวเขาจำได้น่ะเหรอ  ก็แผนกบัญชีไม่เคยลงมายุ่งกับพวกในโรงงานอยู่แล้ว  ผมจะกลัวไปทำไมกันเล่า!
   “สวัสดีครับ คุณตรัยรัช”ไม่นานคนที่ผมรอก็มาถึง  ผมพนักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารที่ผมเห็นผิดสังเกตออกมาให้อีกฝ่ายดู
   “ผมเช็คยอดเงินของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดู  ยอดเงินที่ใช้ในบริษัทจริงๆมันไม่ตรงกับจำนวนที่คุณแจ้งเอาไว้...  แล้วเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่ใช้ในโรงงาน  ผมลงไปเช็คดูแล้ว  ไม่เห็นจะมีเลย  มีแต่เอาไปซ่อมเท่านั้น  ผมให้เวลาคุณถึงแค่สรุปยอดรวมของเดือนนี้  คืออีกสองวัน  แก้ไขตัวเลขมาให้ถูกต้องซะ  ถ้ามันจะไม่ตรงอีกล่ะก็... ผมคิดว่าคุณคงรู้วิธีจัดการของผมใช่มั๊ย”ผมพูดเสียงเรียบก่อนจะได้ยินเสียงละลักละล่ำของอีกฝ่ายที่พูดมาอย่างคนกลัวความผิด
   “คะ... ครับ ผะ... ผมจะรีบเอาไปแก้ตัวเลขเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”ผมมองตามอีกฝ่ายที่เดินลิ่วออกไปจากห้องแล้วเลขาของผมก็เดินเข้ามา
   “รู้ตั้งแต่เมื่อไรเหรอครับ”
   “ก็... สักพักแล้วล่ะ  แค่รอดูว่าเขาจะแก้ตัวรึเปล่า  แต่นี้มันนานไปสักหน่อย  ก็เลยต้องเตือนกันบ้าง  คราวหน้าถ้ารู้อยู่แล้วก็อย่าถามสิ”ผมมองคนตรงหน้าแบบฉุดนิดๆ  หมอนี่ตามผมทันตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไร  แต่ก็เป็นมือดีคนหนึ่งในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงยังไม่ไล่เจ้าหมอนี่ออกไปสักทียังไงล่ะ! 
   “ไม่มีอะไรแล้วผมไปก่อนนะ  เดี๋ยวลูกน้องสงสัย”ผมถอดสูทออกก่อนจะสวมชุดช่างที่กองๆเอาไว้ใส่กลับเหมือนเดิม...  แอบได้ยินเสียงคนด้านหลังหัวเราะเบาๆ  ก่อนจะผายมืออย่างเชื้อเชิญ
   “ตามสบายเลยครับ  ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับต๊อก”แอบได้ยินมันนะ  แอบหัวเราะอีกแล้วใช่มั๊ย...
   ผมเดินกลับเข้ามาในโรงงาน  คนดีของผมโน่นครับ  นั่งทำอุปกรณ์อยู่โน่น...  ส่วนผมก็นั่งลงตรงส่วนเครื่องจักรก่อนจะลงมือรับชิ้นงานเข้ามาประกอบแล้วตรวจเช็คดู...
   “เฮ้ย!! ไอ้ทันมือติดในเครื่องโว้ย!!  ปิดเครื่องๆ  เร็วสิวะ”ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกก่อนจะตามมาด้วยเสียงอื้ออึงจากชนชาวไทยมุง  ผมแทรกตัวเข้าไปมองดูก่อนจะปิดปากอุทานอย่างลืมตัว  มือของพนักงานคนหนึ่งติดในเครื่องที่ใช้ตรวจเช็คอุปกรณ์  เนื้อบริเวณผิวหนัวฉีกขาดลงลึกมากๆ  แถมเลือดอาบเลย   ผมแหวกตัวเข้าไปก่อนจะมองหาอะไรมาพอซับเลือดได้บ้าง...
   “เรียกรถพยาบาลสิวะ  ยืนซื่อทำพ่-องเหรอ   รอให้มันเลือดหมดตัวก่อนรึไง” ผมหันไปด่าครับ  ไอ้พรตได้สติคนแรก  มันกดมือถือยิกๆเลยครับ  พอผมเห็นแบบนั้นก็พยุงคนเจ็บออกมานอกโรงงาน  ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรบอกเลขาว่ามีพนักงานบาดเจ็บอยู่  ทางนั้นก็รับคำจะเช็คเครื่องให้ดีว่ามีตรงไหนผิดพลาดรึเปล่า  ไม่นานรถพยาบาลก็มาครับ  ไอ้พรตวิ่งหน้าตื่นออกมาเลย  ก่อนจะมาพยุงคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลไป  พอมาถึงโรงพยาบาล  ไอ้ทันก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดครับ  เห็นมันร้องโอดโอยแล้วใจคอไม่ค่อยดีเท่าไร...   ผมก็บอกหมอไปครับว่าเท่าไรเท่ากัน  ให้รักษาให้ดีที่สุด แล้ว  จนรถเข็นลับตาไปแล้วนั่นแหละ ผมถึงนั่งลงอย่างอ่อนใจ
   “มึง... กูถามจริง  บอกหมดให้รักษาดีๆน่ะ  ถ้าไอ้เจ้าของโรงงานมันไปจ่ายขึ้นมา  มึงคิดว่าไอ้ทันจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายวะ”มันถามผม  ผมนั่งกุมมืออยู่เครียดๆไม่ตอบ  ใครจะจ่ายไม่จ่าย... ผมมีปัญญาจ่ายแล้วกัน  ลูกน้องผม โณงงานผม  แถมมันก็เพื่อนผม  ไม่ให้ผมเครียดไม่ให้ผมห่วงได้ไง...
   “ต๊อก... ทันถึงมือหมอแล้วหน่า...  ไม่ต้องเครียดแล้ว  นี่แค่เพื่อนนะ  ถ้าเป็นกูขึ้นมา  มึงไม่บ้าเลยเหรอ”มันถามเบาๆ  ส่วนผมน่ะเหรอครับ...
   “ถ้ามึงเป็นแบบนี้  ต่อให้กูมีแขนข้าวเดียว กูก็จะบอกให้หมอเอาแขนกูไปต่อให้มึง”ผมพูดเบาๆ  แต่ถ้าเป็นมันผมทำจริงๆนะ  ต่อให้ผมต้องกลายเป็นคนบ้าคนพิการหรืออะไรก็แล้วแต่... แต่มันต้องปกติ  ต้องดีทุกอย่าง  ผมไม่ยอมให้มันเป็นอะไรได้หรอก...
   “มึงนี่นะ... ห่วงแต่คนรอบข้าง  หัดห่วงตัวเองบ้างสิ  ลูกก็โตจนเรียนประถมแล้วเนี่ย”ผมกุมมือผมเบาๆแล้วเอนตัวลงพิงกับผม  ประมาณสองชั่วโมงให้หลังหมอคนเดิมก็เดินออกมาครับ  ผมนี่แทบจะถลาเข้าไปหาให้ได้ซะทีเดียวจนไอ้พรตต้องดึงๆฉุดๆผมเอาไว้เลย
   “โชคดีที่ไม่โดนเส้นประสาทนะครับ  หมอผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งแล้ว  คิดว่าคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นะครับ  แต่เดี๋ยวหมอจะรอดูอาการติดเชื้ออีกที คงต้องให้คนไข้นอนที่โรงพยาบาลอีกสักวันสองวัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรก็กลับบ้านได้ครับ”ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะมองเห็ฯพยาบาลเดินเข็นเตียงที่มีไอ้ทันนอนแบ็บอยู่ผ่านหน้าผมไป  ก่อนผ่านตัวผมไอ้ทันยังจับมือผมไว้เบาๆแล้วพูดกับผมเบาๆ  มันเป็ฯคำพูดที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยที่เป็นห่วงมันขนาดนี้
   “ขอบใจนะ...  มึงด้วยพรต  ฝากขอบคุณเจ้านายด้วย  ที่ยอมให้กูผ่าตัด  ถ้าไม่มีเจ้านายกูคงกลายเป็นคนพิการ”ไอ้ทันบอกครับ ผมพยักหน้ารับก่อนที่พยาบาลจะเข็นเตียงผ่านเลยไป...  ผมมองไอ้พรตที่เดินตามพยาบาลไปก่อนจะเดินไปที่เคาเตอร์ชำระเงิน
   “อ่า... ผมมาติดต่อชำระเงินของนายพิษณุครับ”ยืนรอไม่นานบิลแจ้งยอดการผ่าตัดโดยรวมก็ออกมา  เลขกี่หลักเหรอครับ... ก็เฉียดๆหกหลักน่ะครับ ผมจ่ายบัตรเครดิตไป  เดี๋ญวค่อยบอกเลขาให้หักจากรายได้บริษัทครับ  เหอๆ
   “ต๊อก  มาทำอะไรที่เคาเตอร์อ่ะ”พรตเดินลงมาหาผมครับ  ผมหันไปมองก่อนจะพับบิลใส่กระเป๋าโดยไว
   “อ่อ... แค่มาบอกว่าให้แจ้งยอดไปที่โรงงานน่ะ  ไอ้ทันเป็นไงบ้าง”ผมถามกลับออกแนวเปลี่ยนเรื่องอีกหน่อย  กันมันถามมาก  ไอ้พรตจับผิดได้ไวครับ  พิรุธนิดหน่อยเป็นเรื่องสิครับ!
   “กินยาแก้ปวดหลับไปแล้ว...  พวกเราก็กลับโรงงานเหอะ”มันชวน  ผมก็ไม่ว่าครับ  กลับก็กลับ  ไม่นานพวกเราก็กลับมายังโรงงานครับหลายคนก็เข้ามาถามไถ่อาการของทันว่าเป็นยังไงบ้างดีขึ้นมั๊ย...  ผมเลี่ยงให้ไอ้พรตตอบแทนครับก่อนจะเดินไปหาเลขาของผมที่ยืนคุมเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบเครื่องอยู่
   “เครื่องมันรวนน่ะ  ตอนพนักงานเอามือเข้าไป เครื่องมันก็เปิดเอง  ให้ช่างเขาดูให้อยู่  ไม่รู้เจ้านายจะให้ซื้อใหม่รึจะให้ซ่อม”มันเปรยๆครับ  ผมก็มองดูแล้ว  ก่อนจะเปรยกลับไปบ้าง
   “คิดว่าคงให้ซื้อใหม่มั้ง  ของไม่มีคุณภาพนี่หน่า...”ผมพยักหน้ารับรู้  เป็นอันรู้กันครับ  เดี๋ยวเลขาคนเก่งของผมก็ไปจัดการเองนั่นแหละ...      ผมผละออกไปทำงานต่อจนถึงเวลาเกือบสี่โมง เป็นเวลาเลิกงานของพรตพอดีเลยครับ... ผมแวะล้างไม้ล้างมือก่อนจะเดินไปหาที่รักของผม
   “พรตเมียร๊ากกก...  กูยังไม่กลับนะ  มึงไปรับก้อยก่อน  แล้วซื้อข้าวไปกินได้เลย  ตอนกลางวันเจ้านายยังเรียกคุยกับกูไม่จบ  เดี๋ยวต้องไปคุยต่ออ่ะ”ผมอ้อนขอกำลังใจครับ  เดี๋ยวต้องไปผจญมารอีก  ปวดหัวน่าดูชีวิตผม  ผมหอมแก้มมันซ้ายขวาเบาๆ ก่อนจะได้หมุดฮุคปล่อยใส่ท้องเป็นของตอนแทน  ถึงจะเจ็บแต่ก็คุ้มล่ะครับ
   “เดี๋ยวโดนๆ  รีบกลับล่ะ  เจ้านายเขาพิศวาสขาดใจอะไรมึงนะ เรียกได้ทุกวี่ทุกวัน แทนที่จะมาเรียกเองก็ไม่  ให้เลขามาเรียกอยู่เรื่อยเลย”เจ้านายก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง... ไม่งั้นจะให้เลขามาเรียกทำไมเล่า! โง่จัง... อ้าววุ้ย! ชักงง
   “งั้นต๊อกไปก่อนนะครับ  แล้วเจอกันที่บ้านนะ”ผมรีบเดินหนีไปหลังจากขโมยหอมแก้มมันได้อีกสองที  ฮ๊า! ชื่นใจ มีกำลังใจลุยงานต่อล่ะ  ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดใส่สูทก่อนจะเรียกให้เลขาของผมเตรียมเข้าประชุม  ไม่นานผมก็มานั่งอยู่หน้าโต๊ะประชุมเป็นที่เรียบร้อย  ผมนั่งฟังการประชุมอยู่นาน... มาก!! ฟังจนหูชาเลยทีเดียว  ก่อนจะบอกลากันทุกคนจนเสร็จ  แถมเลขาสุดขยับยังโยนงานกองใหญ่ลงบนโต๊ะประชุมที่ไม่มีคนให้ผมอีกสองแฟ้มใหญ่ๆ  มันกำลังจะฆ่าผมแล้วครับ! อยากร้องไห้... ผมอยากกลับไปกอดเมียแล้วน้าาาาาาาาา...
   “แล้วคุณนัทพงศ์ที่จะมาชมโรงงานน่ะ  มาตอนกี่โมงผมจะได้กะเวลาถูก”ผมถามก่อนจะปลดเนคไทออก  อึดอัดเป็นบ้าเลยแฮะ...
   “ราวๆบ่ายสองโมงมั้งครับ  พรุ่งนี้คุณอย่าลืมนัดทานอาหารเช้าด้วยนะครับ เจ็ดโมงตรงที่โรงแรมอลันดาวิดน่ะครับ”ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ  งานยุ้งยุ่ง  คนจะกอดเมียสักคืนสองคืนก็ไม่ได้... เฮ้อ... คิดถึงเมียมากมายครับ  อยากกอดลูกกอดเมีย  อ๊ากกก... ไม่ไหวแล้ว ยิ่งคิดยิ่งคิดถึง... อยากหายตัวกลับบ้านซะจริง  โดเรม่อนของประตูเคลื่อยย้านมิติทีเซ่!!!!
   ดูเหมือนเลขาหนุ่มจะรู้ว่าเจ้านายตัวเองใกล้บ้าขึ้นทุกขณะจึงยอมเอ่ยปากไล่ให้กลับบ้าน แต่ยังไม่วายกำชับเรื่องนัดในวันพรุ่งนี้  แต่แค่บอกว่ากลับบ้านได้  ใบหน้าของเจ้านายที่ทำท่าจะน้ำลายฟูมปากอยู่เป็นพักๆก็แจ่มใสขึ้นมาถนัดตา  คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเด็กถูกปล่อยตัวออกจากโรงเรียนยังไงอย่างงั้น  เลขาหมุ่นส่ายหน้าน้อยๆกับเจ้านายที่ทำตัวพิลึกพิลั่นก่อนจะตรวจเช็คเอกสารที่ถูกเซ็นอย่างละเอียด  แต่แค่สองนาทีที่ละสายตาจากคนตรงหน้า  เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที  ร่างสูงใหญ่ในชุดช่างก็หายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว...
   “ไวจริงๆเลยเนอะ  มันน่าให้รางวัลรักครอบครัวดีเด่นจริงจริ๊ง... หัวหน้าใครเนี่ย!! เฮ้อ...” ก็ได้แค่บ่น  ส่วนคนที่ถูกพาดพิง  ตอนนี้ก็วิ่งมายืนหน้าบ้านพักตัวเองเรียบร้อย  ก่อนจขะหอบแฮกด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อย  เร็วยิ่งกว่าประตูทะลุมิติของโดเรม่อนซะอีก... 
   “ไอ้พร๊ตตตตตตตต   คิดถึงมึงจัง หอมที ฟอด! ฟอด!”ไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งหลัก  ผมก็โถมใส่แบบเต็มแรงก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาของไอ้คนที่ยืนหน้าแดงอยู่อย้างไม่อายใคร  บ้านของผมกับพรตอยู่ในสลัมเล็กๆแห่งหนึ่ง  หลังจากอพยพ ย้ายที่นอนมาจากข้างเสาไฟฟ้าพอมีเงินจ่ายค่าเช่าอยู่ได้บ้าง  โดยบ้านหลังนี้อาศัยกันทั้งสิ้นสี่ชีวิตได้แก่ ผม พรตหนูก้อยและลุงค่อม...
   “พ่อต๊อก...  พ่อพรตรอกินข้าวจนหนูหิวไปหมดแล้วนะ”เสียงเด็กสาวงอแงเบาๆตามอารมณ์ของความหิว  ก่อนที่ต๊อกจะเงยหน้ามองคนที่ทำให้ลูกต้องรอ
   “ก็บอกให้กินเลยไม่ต้องรอไง...”ดุเบาๆแบบไม่จริงจังอะไร  พรตก้มหน้าก่อนจะตอบแบบรู้สึกผิดนิดๆ...
   “ก็... อยากรอให้มากินด้วยกันมากกว่า”
   “แหมน่ารักจริง... ไปครับลูก  ไปกินข้าวกัน  วันนี้พ่อพรตทำอะไรให้กินน้า...”จูงมือลูกสาววัย9ขวบไปที่โต๊ะอาหารอย่างไม่รีรอ  ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกเก่าๆ
   “ลุงค่อม  กินข้าวมา  เดี๋ยวเย็นหมด”พรตส่งเสียงเรียกก่อนที่ร่างของชายแก่ๆจะเดินช้าๆมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว  ทั้งหมดก็เข้าสู่ช่วงเวลาของครอบครัวอันแสนอบอุ่น...  เสียงหัวเราะพร้อมกับการเล่าเรื่องที่เจอมาในแต่ละวันดังไม่หยุดจากร่างของเด็กสาวตัวเล็กที่ดูน่ารักขึ้นทุกๆวันทำให้ผู้เป็นพ่อทั้งสองคนยิ้มอย่างชื่นใจ  แค่เขาเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมาโดยไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้าแบบพวกเขา  แค่นั้นก็พอแล้ว... 
   “พรต...  อยากกอดมึงอ่ะ”เสียงพูดเบาๆดังจากด้านหลังคนที่กำลังล้านจานอยู่  พรตหันไปมองก่อนจะตีเบาๆมีมือที่สวมกอดอยู่บนเอวเขา
   “มึงก็กอดอยู่นี่ไง”คำตอบทำให้อีกผมถึงกับทำหน้ายู่ไม่พอใจ ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่แผ่นหลังอีกฝ่าย
   “ต๊อกรู้ว่าพรตรู้ว่าต๊อกหมายความว่ายังไง...  นะครับ... ได้มั๊ย...”เสียงออดอ้อนที่พาเอาคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่เคลิ้มไปไม่น้อย...  แต่มันไม่ใช่กับคนที่รู้จักผมมาเกือบ12ปี  มีหรือหนูพรตจะยอม...
   “ต๊อก... มาข้างๆนี้”คนที่เอื้อมเก็บจานร้องบอก  ก่อนที่เจ้าของชื่อจะเดินมาข้างๆตามคำร้องขอ 
   “เอาไปแค่นี้ก่อนแล้วกัน...  เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ได้จะแย่เอา”แรงกอดหมับแรงๆที่ทำเอาผมที่ไม่ทันตั้งตัวเซถลา  เปรียบเทียบตัวกันแล้ว ทั้งผมและพรต  แทบจะสูงไม่ต่างกันแถมขนาดตัวก็พอๆกัน... มันเลยไม่ดูอ่อนโยนเท่าไรเวลาแสดงความรัก...  แต่มันก็ทำให้หัวใจของผมเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจอีกครั้งหนึ่ง...
   “ก็ได้...  ขอบคุณนะครับ  คนที่ผมรัก”หวานได้แค่นี้...  ก็อยู่กันมานานแล้วจะให้ทำตัวแหวนแหววเหมือนพวกข้าวใหม่ปลามันก็ใช่ที่  รู้ลึกรู้บางกันหมดแล้ว... ยกเว้นแต่เรื่องที่ทำงานเท่านั้นแหละ...  ได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้วสำหรับคนขี้อายอย่างพรต
   “อือ...  ผมก็รักเหมือนกัน”เสียงตอบเบาๆที่ออกดูจะเขินนิดหน่อยทำให้ผมอดยิ้มไม่ไหว... แค่เห็นคนตรงหน้ามีความสุข  ต่อให้ต้องขายโรงงานมาเป็นพนักงานกระจอกงอกง่อยเขาก็จะทำ... ถ้าได้อยู่ข้างคนนี้  จริงๆนะ!!
   “ไปนอนได้แล้วไป... ดึกแล้ว  เดี๋ยวก้อยจะรอให้พ่อพรตไปกอดจนไม่ยอมหลับยอมนอนพอดี”ว่าแล้วก็คว้ามือเปียกๆของอีกฝ่ายมากุมก่อนจะลากไปยังห้องนอนที่ไม่กว้างเท่าไร  พออัดคนสี่คนให้เข้าไปอยู่ได้อย่างพอดีๆ  โดยมีลุงค่อมนอนอยู่ในสุด ตามด้วยผมก้อยและพรตนอนอยู่ด้านนอก  แค่นี้ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและทำให้ผมสามารถพักพิงไปได้ตลอดชีวิตแล้วล่ะ...
   รุ่งเช้ามาเยือน  เสียงโทรศัพท์เครื่องโปเกจะพังไม่พังแหลของผมก็ส่งเสียงลั่น  ก่อนจะพบว่าเป็นเบอร์เลขาหนุ่มตัวดีที่กำลังมารบกวนเวลานอนของผม  กำลังขอพรกับพระอินทร์เพลินๆเลยนะเว้ย! เซ็ง... คนหล่อเซ็งที่สุด!!
   “ว่าอะไรครับเจ้านายยยย...”ผมลากเสียงยาว  คนกำลังง่วงครับ  แล้วเสียงแว้ดๆที่ดังออกมาก็ทำให้ผมต้องละโทรศัพท์ออกจากหู  ไม่มีอะไรครับ  หมอนั่นแค่บอกให้ผมรีบแต่งตัวได้แล้ว  อีกชั่วโมงก็ถึงเวลานัดทานอาหารแล้ว  โอเคคร้าบบบ...  ผมนึกว่าผมมีแม่ที่อายุอ่อนกว่าไปแล้วนะเนี่ย!!
   “โอเคครับๆ  ไปแล้วครับท่าน  ไม่เกินครึ่งชั่วโมงแน่นอนคร้าบบบ”ผมลากเสียงยาวๆนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นเดินข้ามอีกสองคนที่หลับสนิทอยู่แล้วลุกออกไปชำระร่างกาย  พอผมเดินออกมาก็เห็นคนที่นอนหลับตอนแรกลุกมานั่งเกาหัวมองผมงงๆ
   “ไปก่อนนะ...  รีบอาบน้ำแล้วไปเข้างานล่ะ”ก้มตัวไปหอมแก้มมันเบาๆ  รู้สึกชอบหาเศษหาเลยกับเมียตัวเองจริงๆ  แต่นะ... แก้มมันนุ่มชะมัด ขนาดทำงานหนักๆยังนิ่มเหมือนแก้มเด็กเลย  พรตพยักหน้าก่อนจะหันไปปลุกตัวเล็กให้ไปอาบน้ำไปโรงเรียน
   ผมมาถึงโรงงานภายในครึ่งชั่วโมงจริงๆด้วยล่ะ... รู้สึกตัวเองเก่งๆยังไงก็ไม่รู้...  ผมเดินไปที่ห้องประธานก่อนจะพบกับเลขาหนุ่มหน้าสวยที่เท้าคางมองผมอยู่อย่างเซ็ง 
   “รีบเปลี่ยนชุดสิครับ  จะได้ไปสักที  ออกด้านหลังโรงงานก็ได้ถ้ากลัวพนักงานเห็น  ผมให้ครรชิตเตรียมรถไว้แล้ว  เดี๋ยวผมขับไปให้”อธิบายพร้อมทั้งๆที่ไม่ได้ถามครับ  ผมเดินไปข้างกำแพงก่อนจะเปิดมันออก  อ่า... มันเป็นตู้เสื้อผ้าที่ผมฝังไว้ตรงกำแพงน่ะ  มองผ่านๆไม่เห็นหรอกครับ...
   เลขาหนุ่มยืนรออยู่สักพักจนอีกคนแปลงโฉมตัวเองเสร็จ... เขาไม่มีวันเชื่อเลยว่าพนักงานโรงงานเซอร์ๆ  พอจับมาแต่งสูทผูกไทด์แล้วจะหล่อจนกลายเป็นคนละคนขนาดนี้... ถ้าเขาไม่ได้เห็นเอง เขาคงคิดว่ามันมีแต่ในเรื่องซินเดอเรล่านั่นแหละ 
   ผมหันมองคนที่ยืนรอพร้อมหน้าเบื่อๆก่อนจะหันไปพยักหน้าแทนคำว่าพร้อม  เลขาหนุ่มเดินไปเปิดประตูห้องแล้วผายมือออก...
   “เชิญครับเจ้านาย”ดูสุภาพขึ้นเป็นกอง...  ผมหยิบเอาแว่นทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาสวม  มันทำให้ดูเหมือนประธานอะไรพวกนี้ได้ดีขึ้นจม  ผมเดินอ้อมมาด้านหลังโรงงานก่อนจะขึ้นไปยังรถที่ถูกนำมาจอดเอาไว้สักพักใหญ่และมีเลขาผมเดินไปนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ
   “มิสเตอร์ชางนี่ที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่รึเปล่า”ผมถามเพื่อความแน่ใจ  ที่จริงก็รู้อยู่แล้วล่ะครับ แค่เห็นว่ามันเงียบไปหน่อยเลยหาเรื่องชวนคุยซะงั้นแหละ
   “ครับ... แต่มีข่าวไม่ค่อยดีเท่าไร  ที่เขาว่ากันว่ามิสเตอร์ชางกำลังคิดจะยื่นมือลงไปลงทุนกับพวกสิ่งผิดกฏหมาย  ซึ่งผมกลัวมันจะส่งผลกระทบกับทางเรานะครับ”เลขาผมเตือนเบาๆ  ผมพนักหน้ารับก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาดูผลตลาดหุ้นวันนี้...
   “ไว้เดี๋ยวเราค่อยจัดการก็ได้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงน่ะ”ผมพูดไปพลางมองหน้าจอไอแพดไปพลาง   ไม่นานเราทั้งคู่ก็ถึงที่หมายที่นัดเอาไว้  ผมเดินเข้าไปก่อนจะกล่าวทักทายมิสเตอร์ชางที่นั่งรออยู่
   “สวัสดีครับมิสเตอร์ชาง  ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ต้องรอ...”


---------------------------------------------------------------------------------------------

รอตอนต่อไปครับ เรื่องนี้แต่งแล้วเพลินจบไม่ลง  รีบเอามาลงให้ดึกดื่นเพราะพรุ่งนี้ผมต้องไปซ้อมบาสเตรียมแข่ง อาจไม่มีเวลามาลงให้อ่านเลยชิงจังหวะไว้ก่อน  ถ้าใครหลงมาอ่านอย่าลืมกด+เป็ดให้ผมด้วยนะครับ อยากได้บ้างอะไรบ้าง//อ้อน   :monkeysad: :monkeysad:   


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Jaajaa

  • บุคคลทั่วไป
ยาวมากกกก555
รอตอนต่อไปค่า o13

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
คนแต่งแต่งเพลิน คนอ่านก็อ่านเพลินคะ :impress2:
กดเป็ดแล้วค่า :pig4:

ppp pen

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เข้ามารอตอนต่อไปจ้ะ

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
                                                                            เรื่องที่11

                                                             เจ้านายครับ... มึงเป็นผัวกูนะ!! 2


        “สวัสดีครับมิสเตอร์ชาง  ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ต้องรอ...”
   “อ่า... ไม่เป็นไรครับ  ไม่เป็นไร... ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน  เชิญนั่งก่อนสิครับ”มิสเตอรชางเชื้อเชิญให้ผมนั่งลงทางฝั่งตรงข้าม  ผมค่อมหัวลงขอบคุณเล็กน้อยแล้วนั่งลงโดยมีเลขาค่อยยืนอยู่ด้านหลัง  การเจรจาธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น...  จนเวลาผ่านไปพักใหญ่
   “อ่า...  ผมมีธุระตอนกลางวันต่อ  คงต้องขอตัวแล้วล่ะครับ”ผมวางผ้าเช็ดปากไว้ข้างตัว  ก่อนจะมิสเตอร์ชางจะหัวเราะเบาๆ
   “เอาเลยๆ  แค่คุณให้เกียรติมาทานข้าวกับผมแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ”ผมยิ้มรับน้อยๆก่อนจะเรียกเช็คบิล  พอเสร็จการล่ำลาเรียบร้อย   ผมกับเลขาก็ได้เวลากลับไปเตรียมตัวต้อนรับแขกอีกคนในช่วงกลางวัน  ...  จะถามผมว่าทำแบบนี้แล้วพรตไม่สงสัยผมเหรอ...  ผมแถเก่งครับ  แถได้เรื่อย มันจับไม่ได้สักที
   “คุณนัทพงศ์มาแล้วครับ”ผมพยักหน้ารับก่อนที่เลขาจะเปิดประตูอ้าออกกว้างต้อนรับคนมาเยือน...
   “เฮ้ย!!! / มึง!!”ผมสะดุ้งพรวดถอยหลังสามก้าวเลยครับ  จนเลขาที่ยืนอยู่ริมประตูถึงกับมองผมด้วยความงง  ทั้งผมทั้งคนมาใหม่ต่างหลบหันหลังด้วยกันทั้งคู่...  รู้รึเปล่าครับว่าใคร...  มัน...  ไอ้บ้าครับ!!!  ไอ้บ้าที่หายหัวไปสามเดือนที่แล้วหลังจากกลับมาพักบางครั้ง  คราวนี้มาพร้อมชุดสูทจัดเต็มเลยครับ...
   “อ่า... เอ่อ... เชิญครับคุณนัทพงศ์”ผมยังขอภาวนาให้เป็นแค่คนหน้าเหมือนนะ...  แล้วผมก็ทำใจกล้าเชิญให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามานั่ง
   “อ่า...  ขอบ... ขอบคุณครับ”ทางนั้นก็กระตุกไม่ต่างกัน  ทำเอาผมใจแป้ว  ตกลงมันไม่ใช่คนบ้า...  ซวยโคตรๆ  ผมกุมขมับทันทีเลย  โลกกลมพรมหม(ไม่)ลิขิตจริงๆ 
   “อะ... เอ่อ...  ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ทะ... ที่ได้ต้อนรับคุณนัทพงศ์มาเยี่ยมชม อะ... เอ่อ... โรงงานของเรา”แง...  ขอผมไปร้องไห้ก่อนได้ม้าาาาาาา...  พูดไม่เป็นภาษาคนแล้วทีนี้
   “งะ... ง่า.... ทะ... ทางเราก็ ระ... รู้สึกเป็นเกียรติเหมือนกันครับ”ต่างคนต่างสะดุด  ผมกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วนะ 
   “อิม...  มีอะไรเหรอ”คนที่ยืนคุมด้านหลังไอ้บ้ามันพูดเบาๆครับ  แต่ตอนนี้ผมโคตรหูผีล่ะ  ให้กระซิบนินทาผมกี่โยชน์ผมก็ได้ยินแล้ว 
   “เปล่าอ่า...  กูกำลังคิดว่านี่ใช่คนที่กูรู้จักหรือเปล่า”ชัดครับ... ชัดเจนมาก...  ใครก็ได้เอามีดกรีดหน้าผมที  มันจะได้จำหน้าผมไม่ด้ายยยยย...  ไอ้บ้ามันเพ่งพินิจพิเคราะห์หน้าผมอยู่พักใหญ่  กระซิกๆ  ตกลงมันจำผมได้จริงๆใช่มั๊ยเนี่ย
   “ลุงค่อมเป็นไงบ้าง”
   “ก็สบายดี  เฮ้ย!!”เผลอครับ... ผมเผลอ...  มันทำหน้าชั่งใจก่อนจะถอนหายใจเบาๆ  ชีวิตผม... ไร้คำบรรยาย  โดนจำได้ซะแล้ว  ฮือๆ
   “พี่ต๊อก... นี่มันเรื่องอะไรครับ”ผมกำลังจะโดยฆาตกรรมใช่มั๊ย!!  ไอ้บ้ามันเป็นฆาตกรคร้าบบบ ถ้าผมตาย พวกคุณๆเอาตำรวจมาจับมันทีนะ... กระซิกๆ
   “ง่า...  แล้วเราทำไมมาที่นี้ได้  แฟร์ๆนะ  ถ้าพี่บอก เราก็ต้องบอกเหมือนกัน”เอาครับ... ถ้ามันจะซักผม  ผมก็ขอซักมันก่อนแล้วกัน  สงสัยเหมือนกัน  มันไม่น่าเป็นพนักงานบริษัทได้นะ  มันบ้าไม่ใช่เหรอ
   “ก็แบบ... มันมีเรื่องจำเป็นมากๆแบบเล่าสามวันไม่จบน่ะ  แต่รู้แล้วเหยียบไว้นะ... อย่าบอกใครล่ะ”มันกระซิบกระซาบพร้อมยกมือไหว้ปะหลกๆ  เอ่อ... ไอ้บ้าครับ  คนด้านหลังมึงน่ะ  มันจะฆ่ากูแล้ววววว...  สายตาอัมหิตจริงๆ 
   “ง่า...  กูก็เหมือนกัน  เอาเป็นว่า  เราไม่ต้องรู้กันหรอกเนอะ   เนอะๆๆ   แล้วก็เหยียบให้จมดินเลยนะ”ผมขอร้องมันบ้าง  สุดท้ายมันยอมพยักหน้าครับ...  ผมกำลังจะให้มันไปดูโรงงานแล้วเชียว  แต่เสร่อนึกสิ่งสำคัญขึ้นมาได้ซะก่อน!
   “เดี๋ยว... เดี๊ยวววววว     ไอ้บ้า มึงรู้รึเปล่าว่ามีใครทำงานที่โรงงานน่ะ”ผมถามมันทันทีเลยครับ   ถ้าลืมนี่ซวย  ทั้งผมทั้งมันนั่นแหละ
   “หือ... ก็พนักงานไงพี่  หรือโรงงานพี่ใช้หุ่นยนต์ทำงาน”มันหัวเราะ  เอ้า! กวนเข้าไป 
   “ไอ้พรต...  มันทำงานอยู่ที่โรงงานนี่”หึหึ...  สะดุ้งสิครับ  ไอ้ที่หัวเราะๆอยู่ก็เงียบกริบเลย 
   แอ๊ด!!
   “ขออนุญาตครับ”ผมเงยหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่  ใครมาขัดจังหวะตอนนี้นะ  ผมไม่ได้เรียกซะหน่อย  สงสัยต้องเตือนกันบ้าง ไม่รู้หรือไงผมมีแขกอยู่เนี่ย
   “คะ..  ไอ้พรต...”ตั้งท่าจะพูดว่าแต่พอเห็นว่าเป็นใคร  เสียงที่กำลังจะพูดออกก็กลายเป็นแผ่วเบาทันที...
   “ผมแค่มาตามตรัยรัชไปกินข้าวกลางวัน  แต่ดูท่า... ผมคงมาผิดเวลา  ขอโทษด้วยนะครับ”มันพูดเสียงเรียบ  เรียบ... จนผมใจหาย
   “พรต!!!”ผมลุกขึ้นเรียกทันที  ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น... มันไปแล้ว...  หัวใจของผม... 
   “พรต!! ฟังต๊อกก่อน”ผมฉุดมือมันเอาไว้หลังจากวิ่งตามมาได้พักใหญ่  มันเดินไปที่เครื่องจักรก่อนจะคว้าเสื้อคลุมแล้วหันมามองผม
   “ขอโทษครับ  คุณคงจำคนผิด  ยังไงซะ  ผมขอลาออกนะครับ  ค่าแรงผมไม่เอาก็ได้... ขอบคุณนะครับที่ให้ผมทำงานที่นี้มาหลายปี”มันพูด... ดูมันพูด... แบบนี้ฆ่าผมเลยผมยังไม่เจ็บเท่านี้...
   “พรต... ต๊อกขอโทษ  แต่ช่วยฟังต๊อกก่อนได้มั๊ย  ขอร้องล่ะ... นะ”ผมสวมกอดมันไว้ก่อนจะพร่ำบอกมันไม่ขาด  มันดันผมออกเบาๆ  แล้วมองหน้าผม... แววตาของมันนิ่งสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ  จากนั้น...  น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลออกมา... 
   “ผมว่าเราคงหมดเรื่องที่จะเกี่ยวข้องกันแล้วล่ะครับ”มันว่า... แล้วเดินจากผมไป...  ผมจะพูดอะไรดี... ใครก็ได้...  จับมันไว้ก่อนได้มั๊ย  อย่าให้มันเดินไป  ขอร้องล่ะ... ไม่งั้นผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้... ก็มัน... เป็น ‘หัวใจ’ ของผมนี่หน่า...
         ผมเดินกลับมาเรื่อยๆ  ก่อนจะถึงบ้านของเรา  บ้านที่ผมได้อยู่กับมันอย่างมีความสุข...  ประตูบ้านที่เปิดออก  มันใกล้จะพังไม่พังแหล่  แต่ผมไม่เคยกลัว  ถ้าใต้หลังคานี้จะมีมัน... 
   “ต๊อก...  พรตมันไปแล้วนะ...  กลับมาแล้วก็เก็บเสื้อผ้าออกไปเลย”ลุงค่อมพูดเบาๆให้ผมได้ยิน...  โธ่เว้ย!!   ใครก็ได้มาฆ่าผมเลยจะได้มั๊ย  อย่าให้ผมเจ็บอยู่แบบนี้ได้รึเปล่า  มันทรมาน!!  ได้ยินมั๊ยว่ามันเจ็บ!! 
   “ลุงค่อม...  ไปอยู่บ้านผมกัน”ลุงค่อมไม่ว่าอะไรนอกจากจะเดินไปเก็บของแค่สองสามชิ้น แต่ก่อนหน้านั้น  ผมต้องไปรับก้อยก่อน  ถึงพรตจะหนีผมไป  แต่ถ้าจะให้ก้อยต้องไปด้วยคงลำบาก...
   “เดี๋ยวผมมารับนะลุง”ใจผมยังภาวนา...  อาจจะดลให้ผมกับมันได้เจอกัน  แค่โอกาสในการอธิบาย...  ผมขอโอกาสนั้นให้ผมบ้างได้มั๊ย  ผมเดินๆวิ่งๆไปจนถึงหน้าโรงเรียนของก้อย...  เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงโรงเรียนจะเลิก  มาสิ...  พรต... ขอร้อง...  มึงมาหากูทีได้มั๊ย
   ไม่นานเกินรอ  เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง...  มันเดินเข้ามา  นิ่งเงียบ...  จนดูเป็นคนละคน  มันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว...  แต่มันไม่สนใจผมเลย...  เหมือนไม่เห็นผมในสายตา
   “ขอโทษนะ...  กูขอโทษ...  กูก็แค่อยากอยู่กับมึง  ไม่อยากถูกมึงไล่ไปไหน  ยอมทำตัวจนๆก็เพราะกูรักมึงนะ”ผมพูดตรงๆ  และเงยหน้าสบตามัน...  รับรู้ความรู้สึกของผมสักที... 
   “ขอโทษนะ...”มันพูดกลับมา...  มัน... มันยอมยกโทษให้ผมแล้วใช่มั๊ย  แววตาผมเป็นประกาย  ก่อนที่เตรียมตัวจะลุกไปกอดมัน
   “ผมไม่รู้จักคุณ”พูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป   ทิ้งให้ผมทรุดนั่งลงอย่างเดิม...  มาเพื่อซ้ำ  เพื่อย้ำให้ผมเจ็บขึ้น...  ไม่ใช่ผมไม่รู้จักนิสัยคนอย่างมัน  แต่ผมก็แค่หวังว่ามันจะเข้าใจผมบ้าง...
   โรงเรียนเลิกแล้ว  พรตเองก็หายไปไหนไม่รู้จนก้อยเดินเข้ามาหาผมเอง... ผมจูงก้อยให้กลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน...  บ้านที่ไม่มีมันอยู่  ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำไมเหมือนกัน  ผมโทรไปที่บ้านของผมก่อนจะสั่งให้เขาเอารถมารับ
   “พ่อต๊อก... นี่บ้านใครคะ  ใหญ่จัง”ผมพาลูกสาวตัวน้อยกับลุงค่อมเดินเข้ามาในบ้าน  แม่บ้านหลายคนโค้งหัวให้ผม ก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับเบาๆ 
   “บ้านพ่อเองครับ  ชอบรึเปล่า  หืม...”ผมหันไปส่งกระเป๋าให้คนรับใช้นำขึ้นไปเก็บ  ก่อนจะพาลุงค่อมและก้อยไปที่ห้องรับแขก...
   “ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับพรต  คงไม่สะดวกวิ่งไปวิ่งมาหลายทาง  ลุงค่อมมาอยู่ที่นี้แล้วกันนะครับ  เดี๋ยวผมให้คนใช้จัดห้องด้านล่างไว้ให้  ลุงจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้เมื่อย...”ผมพูดกับลุงค่อมที่มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย
   “เอาเถอะ... อายุข้าก็ปูนนี่แล้ว  จะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก...  ว่าแต่เอ็งเถอะ... ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไรกับไอ้เจ้าพรตมัน  แต่มันเป็นคนที่โกรธยากแต่โกรธแล้วหายยากเหมือนกัน  เอ็งรู้ใช่มั๊ย”ลุงค่อมบอก  ผมพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ
   “แต่ผมจะทำให้มันหายโกรธผมให้ได้  ถึงจะต้องทำอะไรก็เถอะครับ”ผมส่งก้อยให้คนรับใช้อีกคนก่อนจะหอมแก้มเบาๆ
   “ไปอาบน้ำก่อนจะครับคนดี  แล้วเดี๋ยวพ่อขึ้นไปหาบนห้องนอนนะครับ”ผมหอมแก้มลูกสาวเบาๆแล้วหันไปหาลุงค่อมอีกครั้ง...
   “เวลาผมไม่อยู่  ถ้าลุงอยากได้อะไรก็บอกคนอื่นได้นะครับ  บางทีผมอาจกลับดึกเหมือนกัน”ผมบอกแล้วก็ขอตัวให้คนรับใช้พาลุงค่อมไปดุห้องที่ต้องใช้พัก  หลังจากนั้นก็เดินไปในห้องของตัวเอง  ลูกสาวตัวน้อยกอดตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ที่ผมตั้งใจซื้อไว้ให้เมื่อตอนที่ทั้งคู่เข้ามาที่บ้านนี้แล้ว... 
   “ชอบรึเปล่าครับ หืม...”ผมจับตุ๊กตากระต่ายเบาๆ  ตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ
   “ชอบค่ะ  คุณกระต่ายตัวนิ่มมาก  หนูชอบ”ก้อยกอดแล้วรัดตัวกระต่ายไปมา  พร้อมรอยยิ้มที่สดใส...
   “ก้อยครับ  พ่อไปหาพ่อพรตก่อนนะครับ  หนูทำการบ้านแล้วนอนก่อนเลยนะครับ”ผมลูบหัวลูกสาวเบาๆแล้วยิ้มจางๆ  ก่อนจะเดินออกมานอกห้อง...  เอาล่ะ...  ที่นี้ก็ถึงเวลาการง้อของผมแล้ว 
   “ซู้ด... ฮึบ!!” เตรียมพร้อมเต็มที่! คราวนี้ต่อให้มันด่ายังไงผมก็ไม่เสียใจเด็ดขาด...  ง้อให้ได้ลูกเดียว  ไม่งั้นสุดท้ายผมนี่แหละจะตายเอา... ไอ้ต๊อก!!  ไฟท์ติ้ง!!
   แล้วผมก็เริ่มมหกรรมตามคนคนรัก  เริ่มจากที่บ้านพักไปจนถึงริมเสาไฟฟ้า  ไม่เจอมันผมไม่เลิกล่ะ  เอาสิ! จะยอมมันก็ให้มันรู้ไป  ผมเดินไปเดินมาอยู่ร่วมห้าชั่วโมง  ฟ้าที่สว่างก็เริ่มมืดในที่สุด  ของช่วงกลางคืนเริ่มทยอยออกมาขายจนผมเดินไปที่ซอยข้างบ้านผม  ขอทานที่นั่งซุกอยู่ในลังกระดาษเปล่าๆช่างคุ้นตา  ตัวของเขาสั่นด้วยอากาศที่หนาวเย็นในช่วงเดือนพฤจิกาแต่ทำไม...  มันช่างคุ้นตากับร่างตรงหน้าซะจริง  ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะตัวสั่นเทิ้มด้วยความดีใจ  คนที่ผมตามหามานาน อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม  ใกล้... จนผมคิดไม่ถึง
   “พรต...”ผมลงไปนั่งข้างๆมัน  ส่วนมันก็กระเถิบตัวหนีไม่พูดอะไรกับผมสักอย่าง...
   “มึง...  อย่าเสร่อมาจีบกันแถวนี่ได้ม่ะ  กูจะอ้วก... ไอ้พวกตุ๊ดพวกแต๋ว...  เหอะ...  ไอ้พวกวิปริต”ผมเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินผ่าน  พวกมันกว่าสิบคนส่งเสียงอื้ออึงตอบรับคำพูดของหัวหน้า  ผมมองด้วยความโกรธ  แต่ช้ากว่าคนข้างกาย
   ผลัวะ!!
   “เป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแล้วมันหนักหัวแม่มึงรึไง!! คิดว่าพวกมากแล้วเจ๋งเหรอ!!! ถึงกูจะตุ๊ด กูก็ไม่ใจหมาอย่างพวกมึงแล้วกัน”แร๊งส์... ไอ้นี่มันแรงครับ  แต่สงสัยคำพูดเมื่อกี้จะไปกระตุกต่อมของพวกมันซะแล้ว  ผมสองคนถูกพวกมันตีกรอบล้อมทั้งหน้าและหลัง  ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลยสักทาง...
   “ไอ้นี่ปากดี...  เดี๋ยวกูก็ตบคว่ำหรอก...”มันเงื้อมือขึ้นจะตบพร้อมๆกับไอ้พรตที่เงื้อหมัดขึ้นจะต่อย...  ส่วนผมยืนคุมเชิงด้านหลังของมัน...  อีกห้าคนก็จ้องผมตาไม่วาง  กะว่าถ้าผมเข้าไปช่วยมันเมื่อไรไอ้ห้าตัวนี่พุ่งใส่ผมแน่...
   “ปากดีแบบนี้  กูอยากรู้จริงเวลาโดนอัดตูดมันจะร้องยังไงวะ  เหอะ... พวกมึง... จับตัวแม่งไว้แล้วเอาไปที่ร้าน”สัดครับ!!  สัดหมาเลย  ผมหันตามเสียงที่มันเรียกก่อนจะเห็บห้าคนด้านหลังพุ่งใส่ไอ้พรตที่กำลังป้องกันตัวเต็มที่...  พร้อมกับอีกห้าตัวที่มันพุ่งใส่ผม  ทั้งหมัดทั้งตีน  ประเคนมาไม่ยั้ง  ผมแทบทรุดครับ...  ส่วนไอ้พรต...  มันทรุดแล้วครับ...  กำลังโดนไอ้พวกนั้นจับลากอยู่เลย  ผมสะบัดตัวหนีจากพวกที่รุมอยู่ก่อนจะพุ่งไปกอดตัวมันเอาไว้...  หน้าไอ้พรตสะบักสะบอมจนไม่น่าดู...  ไอ้พวกนั้นมันกระทืบผมอยู่นั่นแหละครับ  ไอ้พรตมันหรี่ตาขึ้นมองผมก่อนจะน้ำตาไหล... 
   “ขอโทษนะ... กู... กูก็แค่รักมึง...  กูอยากอยู่กับมึง...  กูรู้ว่ากูไม่ควรแก้ตัว  แต่สิ่งเดียวที่กูไม่เคยหลอกมึงเลยคือมึง...  เป็นหัวใจดวงเดียวของกูนะ”ผมพูดกระท่อนกระแท่นเพราะแรงส้นตีนที่ย้ำอยู่บนหลังผม  เจ็บมาก... จนอยากจะสลบลงไปทุกๆนาที  แต่เพราะคนที่อยู่ใต้ร่าง  ทำให้ผมยอมทนแรงพวกนี้ต่อไป  ดูเหมือนไอ้พวกนั้นจะกระทืบผมจนเหนื่อย  มันถอยหลังออกจนเหลือแค่หัวหน้ามันขึ้นเดินเข้ามาดู
   “หึ... รักกันมากงั้นสิ...  แบกแม่งไปทั้งคู่นั้นแหละ  จับขายมันทั้งคู่  ดูสิว่ายังจะรักกันอยู่มั๊ย ถ้าเห็นแฟนมันไปนอนให้คนอื่นเอา!”ว่าแล้วก็มีหลายมือมากระชากตัวผมออกไป  แม้ผมจะยื้อเท่าไรแต่สุดท้ายผมก็ถูกลากออกไปขึ้นรถตู้คันหนึ่งโดยมีไอ้พรตถูกยัดตามมาติดๆ...    ไม่นานรถก็แล่นออกไปพร้อมกับสติผมที่เริ่มหายไปทุกที...  แต่สิ่งสุดท้ายที่ผมทำได้... คือจับมือของมัน... ‘ หัวใจของผม ’ ไว้ให้แน่นที่สุด...
   ผมลืมตาขึ้นช้าๆในห้องนอนสีขาวมีคนสองสามคนกำลังเช็ดตัวของผมจนสะอาด...  แล้วคนที่ผมคุ้นหน้าก้เดินเข้ามานั่งข้างเตียง
   “ไอ้บ้า...  มึงมาได้ไง!”ผมสะดุ้งพรวดก่อนจะเอนตัวลงเพราะความเจ็บระบบไปทั่วร่างกาย  ไอ้บ้ามองสำรวจตัวผมก่อนจะหัวเราะน้อยๆแล้วพึมพำพอให้ได้ยินเบาๆ
   “ไม่ออมแรงเลยนะ”ผมมองมันด้วยสายตางงงวย  สักพักมึงถึงยอมหยุดหัวเราะแล้วตอบคำถามผม
   “นี้มันที่คลับของผม...  พี่ต๊อกกับพี่พรตกำลังจะโดนเอามาขายพอดี... โชคดีที่ผมลงไปเห็นซะก่อน... ไม่งั้นป่านนี้พี่โดนทำอะไรไปแล้วก็ไม่รู้... แต่ถ้าเป็นแบบนั้นคง...  ผมไม่กล้าคิดอ่ะพี่ต๊อก...”มันหัวเราะขำๆ  ไอ้บ้า...  กูจะเอาคนมาถล่มคลับมึง!  มันเลว...
   “ไอ้พรตล่ะ”ได้แต่คิด... พูดไม่ได้  ไม่งั้นเดี๋ยวผมจะซวยเอา  ยิ่งไม่มีแรงอยู่ด้วย
   “ห่วงเมียจริงนะพี่  รายนั้นไม่เจ็บมากเท่าที่คิดหรอก...  นอนหลับอยู่เตียงๆข้างๆน่ะ  พี่หันไปมองดิ...”ผมหันไปตามนิ้วของมันก่อนจะเห็นไอ้พรตกำลังนอนหลังอย่างสบาย...  เฮ้อ...  ดีจังนะ...
   “แล้วว่าไง...”ผมหันไปมองมันที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมาก่อนจะทำหน้างง
   “โหยย...  ก็ง้อไง  สำเร็จยัง”มันถามเหมือนเป็นเรื่องน่าสนุก  ผมถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ...  มันทำหน้างอก่อนจะมองผมแบบเซ็งๆ
   “อะไรเนี่ย...  เห็นออกตัวปกป้องซะขนาดนั้น  พี่ต๊อกรู้เปล่า  ขนาดตอนพี่สลบ  พี่ยังไม่ยอมเปล่ามือพี่พรตจนลูกน้องผมมันอารมณ์เสียเลยรู้มั๊ย...  เอางี้!  ตอนนี้ห้องนี้ไม่มีคนใช้  พี่รอพี่พรตตื่นแล้วพี่ก็รีบง้อเลยนะ  ผมไม่กวนล่ะ บายครับพี่ต๊อก...”มันโบกมือท่าทางอารมณ์ดีก่อนจะโฉบหายไปพร้อมกับคนสองสามคนที่คอยดูแลผมอยู่เมื่อครู่...  ผมแบกร่างอันหนักอึ้งมานั่งอยู่ข้างเตียงของคนที่นอนหลับอยู่
   “รักนะครับ... รักจริงๆนะ...  ขอโทษนะครับพรต...”พูดไม่ออกถึงขั้นจุกครับ  ความผิดผมเพิ่มมาเรื่อยๆ  โกหกมัน  ดูแลมันไม่ได้  ทำให้มันต้องเจ็บตัว...  บางทีผมก็เสียใจมากเหมือนกันนะ...
   “รัก... เหมือนกัน...  พอแล้วล่ะ”มันหันตัวมาทางผมแล้วลูบหน้าผมเบาๆ 
   “ขอบคุณ... ที่รักคนจนๆคนนี้นะ...”มันจ้องไปในตาของผม  ก่อนจะโน้มตัวมาสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปาก  มันเป็นแค่จูบแบบเด็กๆ  จูบแบบที่ทำให้ผมรู้สึกดีที่สุด...
   “ยังไงก็รักครับ...  พรตรักต๊อกนะ”ผมน้ำตาไหลเป็นทางเลยครับ  ยิ่งมันพูดผมยิ่งร้องไห้  ความรู้สึกมันเหมือนกับคนที่ดีใจมากๆจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วน่ะ...  แค่คำเดียวเลยว่าผมเองก็รักมันจริงๆ...
   “ไม่โกรธผมแล้วใช่มั๊ย...  ขอโทษนะครับ  ขอโทษจริงๆนะ”ผมได้แต่พร่ำขอโทษมันอยู่อย่างนั้นจนมันดึงมือผมขึ้นไปลูบเบาๆ
   “ไม่ต้องขอโทษแล้วล่ะ...  ผมไม่ชอบ   รู้ใช่มั๊ยหืม...”มันยิ้มจางๆ  ก่อนจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นแล้วกอดผมแน่น...  ทั้งเสื้อบริเวณไหล่ทั้งของผมและมันเปียกชุ่มไปหมด... เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเราทั้งคู่...
   ผมกลับมาทั้งบ้านแล้ว...  บ้านหลังใหญ่ที่มีพร้อมทั้งลูกสาวและแฟนของผม...  ไอ้พรตยังดื้อจะกลับไปทำงานที่โรงงานเหมือนเดิม...  ใช่ว่าผมจะหวงห้ามอะไร  แต่มันดันบอกให้ผมไปบริหารอย่างเดียวไม่ต้องลงมาอยู่กับมัน  ได้ไง... ผมไม่ยอมหรอก...  สุดท้ายทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม  ยกเว้นแค่ตอนนี้เวลาเราสองคนไปที่ไหน  ทุกคนก็จะรู้ว่าผมเป็นประธานบริษัท  ส่วนมัน... เป็นเมียประธานบริษัท  เล่นกันง่ายๆแบบนี้  แต่ทุกคนก็ยังทำงานกับผมเหมือนเดิมไม่ค่อยเกร็งเท่าไร  ไอ้พรตยอมย้ายมาอยู่บ้านของผมพร้อมกับย้ายโรงเรียนของก้อยให้มาเรียนที่ที่ดีกว่าเดิม... 
   “พรต... มานี่ดิ  กูมีไรให้ดู...”ผมเอาผ้าผูกตาพรตก่อนจะพามันเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง...  ก่อนจะแก้ผ้าผูกตาของมันออก...
   “สวยมั๊ยครับ”ผมกระซิบถามมันเบาๆ   ผมจ้างช่างมาทาสีใหม่ในห้องพร้อมกับแต่งห้องด้วยโทนสีสว่างแบบที่มันชอบ...  หัวเตียงมีภาพของผมกับมันที่เคยถ่ายในปีที่แล้วที่มันบ่นๆว่าอยากอัดใส่กรอบไว้สักทีถ้ามีบ้านหลังใหญ่  มันยิ้มแล้วหันมากอดผม
   “ขอบใจที่จำได้นะ”  ผมกอดตอบมันก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหู
   “Happy 13 year Anniversary  ยินดีที่ได้รักนะครับ”
   “อืม...  13ปีแล้วนะ...  ขอให้พวกเรารักกันไปนานๆนะครับ” มันตอบกลับมาก่อนจะโน้มหน้าผมไปรับจูบจากมัน  อ้อยอิ่ง  เชื่องช้า และ... ยาวนาน...
   การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี...  มันเกือบทำให้ผมเจ็บหนักมาแล้ว  จากนี้ไปผมขอสัญญา  คำว่ารักระหว่างเราสองคน...  จะมีแต่ความ ‘จริงใจ’  ที่มอบให้กัน... 
   ความรักที่ไม่พิเศษ  มันจะพิเศษ... เมื่อเราได้มอบให้ใครสักคนดูแล...  และตอนนี้ผมก็เจอแล้ว... คนๆนั้นที่ผมจะมอบหัวใจของผมให้ดูแล...   ดูแลหัวใจของผมให้ดีๆนะครับ... คนพิเศษของผม...

                                                                      …The  End…

เรื่องสั้นที่ยาวที่สุด...  เรื่องนี้เหมือนจะฮานะ... แต่ทำไมมันเศร้า...  และทำไมแต่งไปจะพยายามให้มันหวาน... แล้วมันหวานรึเปล่านะ... 

เรื่องตอนไปภาครวมของซีรีย์คำว่ารักฯ...  ไอ้พวกแสบจะทำยังไงถ้าต้องไปเที่ยวด้วยกันแล้วเกมพิศดารก็พาปวดหัว...  พรุ่งนี้เย็นๆจะมาลงให้นะครับ!

ปล.ทำไมกดเป็ดแล้วคะแนนชื่นชมผมยังเท่าเดิมล่ะ...
ปลล.คราวนี้ก็ขอ+เป็ดด้วยนะครับ
ปลลล.ขอเม้นท์สักหน่อยก็ดีนะครับ  บางทีอ่านๆเม้นท์ทุกคนไป  คนแต่งก็มีอารมณ์อยากแต่งเพิ่มนะครับ><
ปลลลล.รักทุกคนครับ :L2: :L2:
ปลลลลล.ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะครับ...
 :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2012 21:56:31 โดย spy4869 »

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
หวานนะ แอบซึ้ง นึกว่าจะง้อยากซะแล้ว อิอิ

ปล.บวกเป็ดกับคะแนนชื่นชมคนละส่วนกันนะ คนที่เม้น 250 ขึ้นถึงจะสามารถกดโหวตคะแนนชื่นชมให้ได้ กดให้แล้ว +1 จ้า

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
น่ารักทุกตอน  ทุกเรื่องเลย  อิอิ

 o13 o13

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
 o13ชอบทุกเรื่อง อ่านแล้วเพลินมาก
กดเป็ดกดโพสให้แล้วนะ ด้วยความเต็มอิ่มในใจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด