ตอนที่ 17 ยาใจ
ยูโดขออนุญาตมารดานอนห้องเดียวกับยูฟ่า นางเห็นคนพี่ทำหน้าอ้อนจึงยอมตามใจ
แต่ก็อดแย้งไปว่าเตียงเล็กเกินไปจะนอนเบียดกันให้อึดอัดทำไม
“คุณแม่ ยูตัวนิดเดียว นอนไม่กินที่หรอก เตียงที่โรงพยาบาลเล็กกว่านี้โดยังนอนมาแล้ว อุ๊บ”
“นั่นไงเรานี่นะ แสบจริงๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง” มารดาชี้หน้าและโคลงศีรษะ
“มีคนกอดนอนทำให้หลับรวดเดียวเลยนะครับ” ยูฟ่ายังพยายามหาข้ออ้าง
“จ้ะตามใจ เจ้าตัวดี เจ้าเด็กขี้อ้อน” มารดาค้อนให้วงใหญ่ สองพี่น้องฉีกยิ้มเมื่อได้รับอนุญาต
เตียงนอนห้าฟุตไม่ใช่ปัญหา ยูฟ่าซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่นและวาดแขนไปกอดกระชับเอวของยูโด
“ตัวหอมจังเลยนะครับยู”
ยูโดพึมพำและพรมจูบมาบนเหม่งของยูฟ่า ไออุ่นจากลมหายใจที่พ่นบนศีรษะทำให้เจ้าตัวอมยิ้ม
“โดก็ตัวหอมเหมือนกันนั่นแหละ จุ๊บ”
ยูฟ่าจุ๊บปลายคางของคนตัวโตกว่าอย่างเอาใจ และเลื่อนมือไปลูบไล้ที่แผ่นอกหนาแน่นเล่น
แต่ถูกมือใหญ่รวบไว้เสียก่อน
“นอนนะคนดี พรุ่งนี้ไปดูเด็กๆ กัน รักยูนะ”
ยูโดประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากมน ย้ายไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา
“ฝันดีเช่นกันโดของยู”
ยูฟ่างึมงำและไม่นานก็หลับไป ยูโดดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงหน้าอก
กระชับวงแขนและปิดเปลือกตาลง หลับตามกันไปอีกคน
ยูโดจอดรถหน้าเรือนนอนของเด็กๆ แต่รถที่จอดอยู่ก่อนทำให้ต้องยกยิ้ม เขาแต่งกายสบายๆ
ด้วยเสื้อยืดคอกลมสีครีมนวลตากับกางเกงยีนสีสนิมคู่กับรองเท้าผ้าใบ
ส่วนยูฟ่าสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวตัวหลวมแขนยาวกับกางเกงผ้าลินินสีน้ำตาลขอบเป็นยางยืด
รองเท้าถักแบบเก๋ๆ สวมหมวกไหมพรมสีรุ้งสดใสมาด้วย ทั้งสองลงจากรถก้าวเท้าไปได้หน่อยเดียว
ก็พบกับเจ้าของรถที่เดินออกมาพอดี รวีกานต์และเด็กสาวผมยาวหน้าตาสวยหวานตามออกมาด้วย
“พี่ยู คิดถึงมากๆ อยากไปหาแต่พี่ตะวันก็งานยุ่งตลอดๆ พี่โดสวัสดีฮะ”
ยูโดยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ออกอาการดีใจจนล้น และเขาส่งสายตาล้อๆ ไปให้พี่ชายที่ยิ้มเก้อๆ อยู่ไม่ห่างกันนัก
“เดย์สบายดีมั้ย พี่ตะวันนี่ก็น้องนุ่งไม่เข้าไปหาเลย แอบมาอยู่นี่เอง แล้วนี่ใครล่ะผู้ช่วยคนใหม่เหรอ”
ยูฟ่าแสร้งตัดพ้อพี่ชาย
“ผมสบายดีครับพี่ยู นี่ใบตองครับเป็นอาสาสมัครคนใหม่มาทำแทนพี่ยูน่ะ ส่วนนี่พี่ยูโดกับพี่ยูฟ่าน่ะใบตอง”
รวีกานต์รีบแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
“สวัสดีค่ะพี่ยูฟ่า พี่ยูโด ได้ยินแต่เดย์เล่าให้ฟัง ได้เจอตัวจริงแล้ว น่ารักจังค่ะตัวจริงของพี่ยู”
เด็กสาวยิ้มโชว์ฟันที่เรียงตัวสวย
“ไปนั่งก่อนเถอะยู ตรงแคร่ไม้นั่นก็ได้ อ้าว! นั่นลูกสาวกับลูกชายมาแล้วล่ะยู”
ยูโดเตรียมจัดแจงหาที่นั่งให้ยูฟ่า แต่เด็กน้อยชายหญิงวิ่งเข้ามาหาเสียก่อน
“พี่ยู เอ๋…”
น้องเนยมาดึงชายเสื้อของยูโดแล้วหันมองหน้ายูฟ่า แต่เพราะสวมทั้งหมวกและมีหน้ากากอนามัยปิดมาด้วย
เด็กน้อยจึงแค่คุ้นๆ ตาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เข้าไปหายูโดแทน
“พี่ยูอุ้มๆ”
น้องภูมิดึงเสื้อยูโดอีกคน ยูฟ่ายิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าพิกล
แต่เพียงครู่เดียวก็โน้มตัวลงไปอุ้มทั้งสองคนมาไว้ในวงแขน ข้างละคน
“เรียกว่าพี่โดสิครับ พี่ยูคนนั้น” หนูน้อยจ้องมองตาแป๋วและส่ายหน้า
“ช่างเถอะโด ใส่ทั้งแมสทั้งหมวกเด็กๆ จำไม่ได้หรอก”
“พี่ยูตาสวยจัง” เด็กสาวมองหน้ายูฟ่าและยิ้มเขิน
“ไม่ต้องไปชมเลยใบตอง สองคนนี้น่ะมีแฟนกันแล้ว ไม่ได้โสดหรอกนะ”
ตะวันฉายรีบบอกด้วยเกรงว่าใบตองจะหลงเสน่ห์เจ้าแฝดเข้า
“แหมๆ พี่ตะวัน ใบตองก็มีแล้วเถอะแค่ชมเอง แต่พี่ยูตาสวยจริงๆ นี่คะ”
ใบตองหันไปค้อนตะวันฉาย ยูฟ่าได้แต่ยิ้มขำ เขาเดาว่าพี่ชายคงมาที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยกับใบตองด้วยอีกคน
“พี่โดปล่อยเด็กๆ ลงเถอะฮะ เดี๋ยวจะปวดแขนเอานะ หลายกิโลอยู่นะสองคนนี้
เอาละเด็กๆ เข้าไปเล่นข้างในไปเดี๋ยวพี่เดย์กับพี่ใบตองตามไปนะ”
“ไม่เอา ภูมิจะอยู่กับพี่ยู” น้องภูมิเริ่มงอแง
ไม่เอาจะหาพี่ยู”
เด็กหญิงเบะปากบ้าง ทำเอายูฟ่าจำต้องปลดแมสออกและพูดขึ้น
“น้องเนย น้องภูมิ คนเก่งของพี่ยู หนูเป็นเด็กดีนะลูก พี่ยูไม่สบายฝากคนเก่งไปช่วยดูเพื่อนๆ
ในนั้นให้พี่ยูหน่อยได้มั้ยเอ่ย พี่ยูหายป่วยสัญญาจะมาหาทุกวันเลย ตกลงมั้ย”
เด็กๆ มองหน้ายูฟ่าแล้วน้ำตาคลอๆ ก่อนจะผงกหัวและยอมลงจากวงแขนของคนที่คิดว่าเป็นพี่ยูในทีแรก
“จริงๆ นะพี่ยู”
น้องภูมิพูดกับยูฟ่าและหันมาโบกมือให้ น้ำเสียงที่ยูฟ่าเคยใช้กับเด็กๆ
แม้ทิ้งช่วงห่างไปแต่ทั้งสองก็ยังจำได้ดี รวมถึงรอยยิ้มที่พวกเขาจำได้แม่นยำเลย
“ต้องมาสิครับน้องภูมิคนดี เป็นเด็กดีกันนะทั้งสองคนเลย”
ยูฟ่าโบกมือให้ทั้งสองที่วิ่งกลับเข้าไปด้านใน
“ฝีมือไม่ตกเลยพี่ยู ลูกรักยอมจนได้สิ”
รวีกานต์ยกนิ้วให้ ยูฟ่ายิ้มๆ ก่อนจะใส่แมสกลับไปตามเดิม
“นี่พี่ชายงานการไม่ไปทำเหรอครับ แล้วของที่ฝากมาให้เด็กๆ ล่ะได้รับแล้วใช่มั้ยเดย์”
ยูโดหันไปเหน็บพี่ชาย ก่อนจะคุยกับรวีกานต์
“ได้แล้วครับพี่ น้องๆ ชอบกันมากเลยทั้งของเล่นและหนังสือนิทาน”
ยูฟ่ามองพี่ชายที่ไม่ได้ตอบคำถามที่ยูโดถามแต่ก็ทำเป็นเดินเตร็ดเตร่ไม่ห่างนัก
“พี่ตะวันอย่าลืมทานข้าวกลางวันด้วยนะ ถ้าโทรไปพี่ลืมอีก ผมก็จะไม่กินบ้างเหมือนกัน”
ยูโดหูผึ่งที่ได้ยินแบบนั้น
“เดี๋ยวเถอะตัวแสบ พี่บอกว่ากินก็กินสิ งานพี่เริ่มลงตัวไม่ยุ่งแบบนั้นแล้ว มีเวลากินข้าวแล้วล่ะ
งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ ยูไว้เย็นๆ พี่จะแวะเข้าไปหานะ”
ตะวันฉายพูดกับรวีกานต์แล้วหันบอกน้องชาย ก่อนจะผละไปขึ้นรถ ยูฟ่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร
เขามองความสัมพันธ์ของพี่ชายกับเด็กหนุ่มตรงหน้าว่าพัฒนาไปเยอะกว่าแต่ก่อน
“พี่ตะวันแวะเอาขนมมาฝากน่ะค่ะ”
ใบตองพูดยิ้มๆ ยูโดสบตากับยูฟ่าและพากันยกยิ้ม รวีกานต์มองหน้าพี่ๆ อย่างงงๆ
“พี่ๆ จะเข้าไปข้างในก่อนมั้ยครับ มีน้องมาใหม่ชื่อนิวเยียร์ สองขวบเองนะพี่ยู” รวีกานต์ถามคู่แฝด
“เข้าไม่ได้นะยู แต่ถ้าแค่มองเฉยๆ น่ะได้ ที่สำคัญต้องไม่อุ้มไม่คลุกคลี ทำได้มั้ยล่ะ” ยูโดรีบห้ามไว้ก่อน
“เอ่อ ยังไม่ต้องเข้าก็ได้พี่ ไว้หายดีก่อน”
รวีกานต์พูด พี่ยูโดดูจะเข้มงวดกับคนป่วยเอามากๆ ซึ่งเขามองสายตาละห้อยของพี่ยูแล้วก็อดสงสาร
คงอยากเห็นบรรยากาศและเด็กๆ ด้วย
“ยูขอไปดูนิดนึงไม่ได้เหรอโด รับรองจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟังโดทุกย่าง นะๆ”
ยูฟ่าหันไปอ้อน คนตัวใหญ่ที่ถูกอ้อนจำต้องพยักหน้า
“อืม”
รวีกานต์เดินนำและมีใบตองเดินตาม ส่วนยูโดจูงมือยูฟ่าตามไปไม่ห่าง พอไปถึงประตู
ยูฟ่าเดินเข้าไปแค่พอพ้นกรอบประตูไม่เกินหนึ่งเมตร กวาดสายตามองไปรอบๆ
แผ่นรองนั่งผืนใหม่ถูกปูไว้เต็มพื้นที่ เด็กๆ นั่งเล่นของเล่นอยู่ห้าคน เด็กหญิงสามคนเปิดหนังสือนิทาน
ไปมาชี้ชวนกันดู และน้องภูมิกับน้องเนยนอนกลิ้งไปมาบนพื้นพากันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
มีเด็กหญิงที่มาใหม่ถือขวดนมเดินขาปัดไปมา
“เด็กๆ น้อยจังเลยเดย์วันนี้ หายไปไหนตั้งหลายคน”
“ลูกหว้า โลมา ไปต่างจังหวัด ส่วนจีน่ากับว่าน ป่วยครับ”
รวีกานต์แจกแจงให้คนช่างสังเกตฟัง
“เนเน่ล่ะ ไม่เห็นเลย” นั่นไงจำลูกๆ ได้หมดทุกคน
“อ้อ น้องไม่ได้มาแล้วครับ ครอบครัวพากันย้ายไปทำงานที่อื่นแล้วฮะ”
“พี่ยูนี่จำเด็กๆ ได้ทุกคนเลยนะคะ มิน่าเด็กๆ ถึงได้รัก”
ใบตองก้มเก็บของเล่นที่กระเด็นมาส่งคืนให้กับเด็กชายแก้มแดงที่ตามมารับคืนไป
“พี่อยู่กับพวกเขาสองปีนะใบตอง ถึงจะมีเด็กๆ ผลัดเปลี่ยนคนเก่าไป
คนใหม่มา ยังไงก็จำได้ไม่ลืมหรอก”
ยูฟ่าพูดยิ้มๆ และใบตองก็ผงกหัวอย่างเข้าใจ เขามองจนทั่วและหายคิดถึงจึงเดินกลับไปหายูโด
ซึ่งเกาะขอบหน้าต่างและชะโงกหน้าเข้ามาฟังตลอด
“พี่กลับก่อนดีกว่า ไว้จะมาหาใหม่นะเดย์ ใบตอง”
“หายไวๆ นะพี่”
ยูฟ่ายิ้มให้ทั้งสองและก้าวออกมาจากห้อง ยูโดโอบบ่าพากลับไปที่รถแต่ก่อนจะขึ้นรถ
ยูฟ่ากระตุกชายเสื้อยูโดไว้เสียก่อน
“ยูอยากมีต้นไม้ของเราที่นี่บ้างจังโด”
ยูฟ่าพูดขึ้น เมื่อมองไปที่ต้นไม้ที่พี่ชายกับรวีกานต์ช่วยกันปลูกที่กำลังยืนต้นโดดเด่นอยู่
“ได้สิ ไว้ไปหาซื้อ ค่อยมาปลูกคู่กับต้นนั้นเนอะ” ยูโดพูดเอาใจ
“ยูขอเป็นต้นพญาเสือโคร่งนะโด เหมือนกับดอกซากุระเลย สวยมากๆ ยูชอบ”
“ได้ๆ เราซื้อต้นที่ดตหน่อยสักสองต้น ปลูกให้เป็นคู่ๆ ฤดูที่ออกดอกลานนี้จะได้เต็มไป
ด้วยกลีบดอกตามที่ยูบอก”
ยูฟ่าพยักหน้ารัวๆ แล้วสองหนุ่มก็พากันขึ้นรถ ตลอดทางยูฟ่าชี้ชวนให้ยูโดดูสองข้างทาง
ปากเรียวบางเจื้อยแจ้วไม่รู้เบื่อ ยูโดยิ้มกว้าง เขามีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ด้วยกันตรงนี้
ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของยูฟ่า ได้เห็นดวงตาที่ทอประกายความสุข ตัวบางกับใจดวงเล็กที่แกร่งกล้า
และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค กล้าเผชิญทั้งเรื่องราวการพลัดพราก การรอคอย และโรคร้าย
ด้วยกำลังใจและความหวังว่าสักวันจะสุข สมหวังและหายจากโรคภัยนี้
“มัคคุเทศก์คนเก่งของโด รักที่สุดเลยครับ” ยูโดพูดไปตามที่ใจคิด
“อารมณ์ไหนล่ะเนี่ย…แต่ยูก็รักโดเหมือนกัน”
ยูฟ่าส่งความรักผ่านสายตามาให้คนขับที่ยกยิ้มเมื่อได้ยิน
“ไม่มีอะไร แค่อยากบอกว่ารักที่สุดไง ยูอยากไปไหนอีกหรือเปล่า”
ยูฟ่ายิ้มเขิน แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาของยูโดไปได้ เขาเห็นจากแววตายิบหยี
แม้ริมฝีปากจะถูกบดบังไว้ด้วยผ้าปิดปากก็ตาม
“กลับบ้านเลยก็ได้ เรายังมีวันอื่นๆ อีกตั้งมากมายที่ได้ใช้ ไว้ค่อยไป”
ยูโดยิ้มรับกับวาจาน่ารักของคนข้างตัว จึงพากลับบ้านตามที่คนตัวเล็กบอก
เมื่อถึงบ้านเป็นเวลาของอาหารว่างพอดี ยูฟ่าเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่อง และส่งใส่ปาก
คนน้องด้วย มารดาเดินมาเมียงๆ มองๆ ท่านส่งยิ้มมาให้แล้วก็หายไปทางห้องคุณยาย
คงจะไปอ่านหนังสือให้คุณยายฟังอีกตามเคย
“ยูครับ เข้าไปนอนหน่อยดีมั้ย เขาว่าคนป่วยต้องหาเวลานอนสักสองชั่วโมงในตอนกลางวันนะ”
“ยูขอกินกลางวันก่อน สักบ่ายแก่ๆ ค่อยนอน ตอนนี้เราไปหาหนังดูกันดีกว่า
วันก่อนเดย์ฝากซีดีหนังกับพี่ตะวันมาให้ตั้งหลายสิบเรื่อง ยังไม่ได้ดูเลย ยูกะจะดูพร้อมกับโดเลยนะ”
“หนังอะไร ผีละซีถึงต้องหาเพื่อนดูน่ะ” ยูโดพูดอย่างรู้ทัน
“หือใครว่าล่ะ มีหลายแนวออก แค่บางเรื่องเท่านั้นที่แค่ปกก็น่ากลัวแล้ว น่านะ ดูเป็นเพื่อนยูหน่อย”
ยูฟ่าไม่ยอมรับง่ายๆ ว่ากลัว
“กลัวผีแต่ยังจะอยากดูอีกนะเรานี่ หึหึ” ยูโดเอื้อมไปบิดปลายจมูกอย่างมันเขี้ยว
“เถอะน่ะ ดูเป็นเพื่อนหน่อย มันก็น่ากลัวหน่อยๆ ละมั้ง ยูกางนิ้วปิดๆ เปิดๆ ตา มันก็ไม่น่ากลัวแล้วเนาะ”
ยูฟ่ากางนิ้วออกทำเป็นตัวอย่าง
“ฮ่าฮ่า ดูก็ดู ลุยเลย! แต่เรื่องเดียวพอก่อนนะ หนังจบก็มื้อกลางวันพอดี”
ยูโดมองนาฬิกาแล้วลุกจากโซฟาโดยดึงอีกคนให้ลุกตาม
“ป้าอุ่นเรือน มาดูหนังผีกัน คิกคิก” ยูฟ่าโน้มหน้าไปชวนป้าอุ่นเรือนที่เดินผ่านมาพอดี
“คุณหนูยูดูไปเองเลย คนอะไรประเดี๋ยวก็กรี๊ด ประเดี๋ยวก็ผวา ทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้
ยิ่งตอนผีออกนะป้าจะหัวใจวายตามไปด้วย ป้าไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนด้วยแล้วนะ”
ป้าอุ่นเรือนส่ายหน้าดิกแล้วรีบเดินหนีเข้าครัว ยูโดมองยูฟ่าที่ขมวดคิ้วยุ่งอย่างขำๆ
“ใครโดนดึงให้มานั่งเป็นเพื่อนยูบ้างแล้วล่ะคนบ้านนี้น่ะ ฮ่ะฮ่า” ยูโดอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“บ้านนี้เหรอ ป้าอุ่นเรือนดูแล้ว คุณแม่ก็มาแล้ว เอ…เหลือคุณยายคนเดียวที่ยูยังไม่เคยชวน”
ยูฟ่าพาซื่อตอบออกไป โดยไม่รู้ว่าที่ยูโดถามน่ะเพราะล้อเลียนกลายๆ อยู่ แต่เจ้าตัวน่ะไม่รู้ตัว
“หืม จริงเหรอ พลาดไปได้ไงล่ะนู เอามั้ย เดี๋ยวโดไปชวนคุณยายมาให้” ยูโดนึกสนุกที่ได้เย้า
“บ้าน่ะซี คุณแม่รู้ได้ตียูตายพอดี คุณยายน่ะท่าจะขวัญอ่อนกว่ายูอีกนะ โดไม่รู้อะไร”
ยูฟ่าพูดอย่างออกรสชาติ ยูโดขำพรืดในคำตอบของยูฟ่า
กว่าหนังจะจบ ยูโดอยากจะบันทึกภาพไว้ให้ใครต่อใครได้ดูจริงๆ ในการโอเวอร์แอคติ้งของยูฟ่า
ที่ผวาทั้งเรื่องเดี๋ยวเข้ามากอด เอาหน้ามาซุก เดี๋ยวคว้าหมอนปิดหน้า ทั้งกรี๊ด สารพัดท่าทางที่ทำ
ตอนเผลอ นี่ถ้าไปดูกับคนอื่นที่โรงภาพยนตร์ยูโดมีเคืองแน่ๆ ถ้าเจ้าตัวจะทั้งซุกทั้งซบได้ขนาดนี้