แล้วใครจะเป็นคนทำให้ใครเชื่องอ่ะ
อ๊ะ อันนี้ก็ไม่ทราบเป็นใครนะ
(เกิดทันมั๊ยเนี่ย เพลงเนี๊ย)
น่าลองจัง
อิอิ...
ของอย่างนี้ไม่แน่จริงอย่าท้านะค๊าบบบ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ทักแล้วเด๋วเข้าตัวนะ เหอ เหอ
ลองของแล้วอาจจะติดใจ อิอิ
เพราะของเค้าดีจริงๆ
นอกเรื่องล่ะ ต่อๆ
*****************************************************************
ตอนที่ 6“หวัดดีครับ แม่ ต๋องครับ เพื่อนอาทตอนม.ปลาย แม่จำได้มั๊ยครับ” ผมยกมือไหว้แม่ของไอ้อาทที่วันนี้ดูปลื้มใจเป็นพิเศษ ก็ลูกชายบวชทั้งทีนี่ครับ
“มีอะไรให้ต๋องช่วยมั๊ยครับ แม่” ผมเสนอตัวช่วยเพราะไม่อยากอยู่ว่างๆ หาอะไรทำดีกว่าครับ
“สวัสดีลูก จำได้สิ แล้วต๋องเจอนาคหรือยังเนี่ย”
“ยังเลยครับ มองหาอยู่เหมือนกันว่าจะไปคุยกับนาคซะหน่อย ไม่ได้เจอมาตั้งนานล่ะ” ผมต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกไอ้คุณอาทซะใหม่โดยด่วน ให้เป็น พ่อนาค แทนที่จะเป็นไอ้อาทเหมือนเดิม
“โน้น นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ตรงโน้นแน่ะ ทางนี้มีคนช่วยเยอะแล้วลูก ไม่เป็นไร ไปคุยกับนาคเถอะ”
ผมหันหน้าไปทางที่แม่ของอาทบอกก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีของผมนั่งคุยอยู่กับคนกลุ่มใหญ่ที่ผมไม่รู้จักสักคน เอาไงดีวะ เข้าไปทักมันซะหน่อยแล้วกัน มาทั้งที เด๋วมันจะโกรธหาว่าผมไม่มางานมัน
“เฮ้ย อาท” ผมเดินเข้าไปหามัน เฮ้ย หลุดอีกแล้วผม
“เอ้อ .....ไม่ใช่ สวัสดี นาค เอมาไม่ได้นะ พอดีติดธุระด่วนน่ะ เลยมีเรามาคนเดียว”
“เหรอ เสียดายจัง นึกว่าเพื่อนม.ปลายจะมากันเยอะกว่านี้ซะอีก เออใช่ บาสก็มา เจอกับบาสรึยังอ่ะ ต๋อง”
“เจอแล้ว ทักกันแล้ว แต่มาคุยกับนาคก่อน” ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามของนาค
เอาเข้าจริงๆผมก็แค่ไม่อยากกลับไปนั่งตรงนั้นที่ๆผมเพิ่งลุกจากมา เพราะมันรู้สึกแปลกๆ จะว่าผมอิจฉาไอ้ชัชมันก็ไม่ใช่ ผมหวงไอ้บาสหรอก็คงไม่ เพราะถึงผมไม่ได้เจอไอ้บาสมันมาตั้งนานแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกคิดถึงมันมากมายเป็นพิเศษ มันเหมือนกับผมเสียของที่ครึ่งนึงเคยเป็นของรักของผม แต่ตอนนี้มันเป็นของใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก ผมได้แต่มองเค้าเอาของๆผมไปโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้ มันเสียดายมากกว่า
นี่ผมเขียนให้ตัวเองเป็นตัวร้ายหรอเนี่ย
เพราะผมรู้สึกอย่างงั้นจริงๆ ผมอยากเดินไปหาชัชแล้วก็บอกมันว่า “จะหวงอะไรนักหนาเนี่ย บาสกับกูเป็นอะไรกันมาก่อนที่บาสจะรู้จักเมิงอีก อย่าสำคัญตัวผิด เข้าใจไว้ด้วย
” แต่ผมคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ เพราะผมไม่รู้ว่า ในตอนนี้ผมมีค่าแค่ไหนสำหรับบาส มันอาจจะมองผมเป็นแค่เพื่อนเก่า อาจจะเป็นแค่คนที่เคยรู้จักก็ได้
ผมคุยกับนาคอาทได้สักพัก ก็เดินออกมา เพราะตอนนี้ถึงตอนที่ให้แม่ของนาคโกนผมแล้ว ผมยืนรอดูเพื่อนอยู่ใกล้ตอนที่ญาติๆกำลังทยอยเข้าไปตัดผมให้นาค ไอ้บาสมันก็เดินเข้ามาคุยด้วย โดยที่ปล่อยให้ชัชนั่งอยู่ที่เดิม
“ปล่อยให้นั่งอยู่ตรงนั้น เด๋วกลับไปก็มีเรื่องอีกหรอก เมิง” ผมทักไอ้บาสด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงโวยประการทั้งปวงจริงๆ
“ช่างเค้าเถอะ รายนั้นน่ะ บอกแล้วว่าอย่ามาก็ไม่เชื่อ”
“แฟนหรอ” ผมถามไอ้บาสตรงๆ ดูเหมือนไอ้บาสจะอึ้งๆไปเหมือนกันที่ผมถามมันตรงๆแบบนี้
“ใช่มั๊ง ไม่รู้ดิ ต๋องว่าไงอ่ะ” อ้าว มาถามกูได้ไง เรื่องของเมิงนะ กูไม่ได้มีพรายกระซิบนะเว้ย จะได้รู้ว่าไอ้ชัชกับเมิงเป็นแฟนกันรึเปล่า
“แล้วกูจะรู้มั๊ยเนี่ย” ผมตอบกลับไปแบบงงๆในคำตอบของมัน
“เด๋วเมิงก็รู้” ไอ้บาสตอบพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆมาให้ผม
(อย่ามายิ้มแบบนี้นะเว้ย เด๋วกูคิดมากนะ)
“ไอ้นี่นิ ไม่ต้องมายิ้มเลย เด๋วนี้แปลกๆไปนะ ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี พูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะ เมิงอ่ะ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ คงกลัวความรู้สึกตัวเองมั๊งครับ ไม่แน่ใจว่ามันจะเอายังไงกันแน่ ไม่ยุ่งดีกว่า
“กูกับชัชก็เหมือนกูกับเมิงสมัยก่อนแหละ ไอ้ต๋อง ไหนเมิงบอกกูมาดิ กูกับมันเป็นแฟนกันรึเปล่า”
พูดงี้หมายความว่าไงฟะ ถ้าผมคิดว่ามันกับไอ้ชัชเป็นแฟนกัน ก็แปลว่า เมื่อก่อนมันเป็นแฟนกับผมเหรอ ทำไมผมไม่เห็นรู้ตัว หรือว่าเราความรู้สึกช้าวะเนี่ย
ที่ไอ้บาสมันพูดออกมาทำให้ผมนึกไปถึงสมัยก่อนอีกครั้ง ก็สมัยที่ผมสนิทกับมันผมก็ไม่รู้นะครับ ผมกับมันจะเป็น
แฟน หรือ
เพื่อนสนิท ดี เพราะยังไงสิ่งที่ผมและมันมีให้กัน ผมมั่นใจว่ามันมากกว่าเพื่อนที่มีให้กันแน่นอน แต่ก็คงยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่า แฟนหรือคนรักกัน อย่างเต็มปากหรอกครับ ก็ในเมื่อสมัยเรียนมัธยม ทั้งผมกับมันมีแฟนทั้งคู่ แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยน่ะสิครับ