บทส่งท้าย
หลังจากคลอดลูกด้วยการผ่าตัดครอบครัวเล็กๆ จึงถือกำเนิดขึ้น เจ้าจันทร์คลอดลูกแฝดเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง โดยให้ชื่อลูกชายคนโตว่า
ศศินและลูกสาวคนเล็กให้ชื่อ
สลิล เจ้าลูกชายคนพี่อวบอ้วนกว่าคนน้อง หน้าตาหรือใครๆ ก็บอกว่าน่าชังทั้งคู่ พาให้คุณพ่อมือใหม่เห่อลูกแทบไม่ปล่อยให้ห่างมือ
ร่างกายเจ้าจันทร์ถึงแม้จะมีสิ่งพิเศษมากกว่าใคร ถึงจะสามารถตั้งท้องได้อย่างผู้หญิง แต่ร่างกายก็ไม่มีการผลิตน้ำนมออกมา จึงต้องหาคนมาเป็นแม่นมให้ลูกๆ และอาหมอก็แนะนำหญิงสาวข้างบ้านที่มีจิตใจดี เธอเป็นแม่ลูกอ่อนเหมือนกันแต่เพราะร่างกายของเธอผลิตน้ำนมออกมามาก จึงมาปรึกษาหมอรามถึงเรื่องการบริจาคนมให้กับมูลนิธิ อาหมอเห็นว่าเป็นเรื่องดีและหลานๆ ก็ต้องการนมแม่ และเธอก็ตรวจร่างกายก่อนที่จะได้กลายเป็นแม่นมของเจ้าสองแฝด จิตใจของเธอช่างดีงามเหมือนกับชื่ออัณณิกาที่แปลว่าความดีงาม
อัณณิกาเป็นหญิงสาวที่มีอายุมากกว่าเจ้าจันทร์เพียงสามปี เธอมีลูกชายที่อายุมากกว่าเจ้าสองแฝดราวหกเดือน สามีของเธอเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ เจ้าจันทร์บอกได้เลยว่าครอบครัวของเธอคือครอบครัวในฝันของหลายๆ คน ครอบครัวที่เกิดจากความรักและมีความพร้อม
เจ้าจันทร์ยังคงอยู่ที่บ้านศศิพัฒนเมธีสลับกับบ้านทวีภัทรหิรัญ โดยมีนเรศไปๆ มาๆ ระหว่างเกาะกับบ้านทั้งสองหลัง เจ้าจันทร์เห็นใจนเรศที่ต้องไปกลับและคิดว่าการเดินทางบ่อยๆ มันคงทำให้เหนื่อยมากพอดู วันนี้คุณพ่อลูกอ่อนจึงยังคงนอนหลับตาพริ้มไม่ต่างจากลูกน้อยในเปลข้างเตียง
นิ้วมือเรียวสวยยกขึ้นเกลี่ยกลุ่มผมนุ่มมือของสามี ปากจิ้มลิ้มค่อยๆ คลี่ยิ้มออกเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เจ้าจันทร์โน้มหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลาก่อนจรดริมฝีปากไปบนหน้าผากคนนอน
“อือ...ลักหลับพี่หรือครับ” คนที่นอนหลับพูดเสียงงัวเงียก่อนจะวาดวงแขนดึงร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด นเรศจ้องมองใบหน้าหวานที่ยังคงมีรอยยิ้มประดับก่อนจะหอมแก้มสีระเรื่อฟอดใหญ่ทั้งสองข้าง
“เจ้าทำให้พี่นเรศตื่นหรือเปล่าครับ” เจ้าจันทร์ถามเสียงนุ่มขณะใบหน้าแนบสัมผัสกับอกกว้าง “พี่นเรศน่าจะนอนต่อ เมื่อคืนก็ดึกกว่าจะถึงบ้านเจ้าเป็นห่วง” ประโยคที่เจือไปด้วยความห่วงใยทำให้ใจคนฟังมีพลังเพิ่มขึ้นมา
“แค่เห็นหน้าเจ้ากับลูกๆ พี่ก็หายเหนื่อยแล้วครับ” พูดจบก็หอมกลุ่มผมนุ่มที่ซบอยู่กับอก
คิ้วเรียวพลันขมวดมุ่นเจ้าจันทร์รู้สึกเจ็บหน่วงบริเวณท้องน้อย ความรู้สึกเก่าเริ่มกลับมาพร้อมกับรู้สึกถึงความอุ่นบริเวณร่องก้น ความรู้สึกนี้แน่ชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันค่อยๆ ไหลลงตามต้นขา
นเรศที่เห็นเมียตัวเองเงียบไปก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไปเจ้า”
เจ้าจันทร์ไม่ตอบเพียงแค่พลิกตัวลงจากร่างสูงแล้วตวัดผ้าห่มออกจากตัว
“เจ้า!” นเรศมองเห็นแล้วใบหน้าคมเข้มจึงเต็มไปด้วยความตระหนก ปากก็ร้องเรียกชื่อเมียตัวเองด้วยความกลัว กลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น “เป็นอะไรเจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงมีเลือดออกมา หมอ...ต้องตามอาหมอ” คนตัวโตลนลานไปหมดจนรับรู้ได้ถึงร่างกายที่สั่นเทา
“พี่นเรศเจ้าไม่เป็นอะไร” เสียงหวานเหมือนน้ำเย็นที่ค่อยชโลมหัวใจแต่ก็ยังไม่คลายความกังวล
“เจ้าบอกพี่มาเถอะ ตามอาหมอก็ได้ แล้วทำไมถึงมีเลือดออกมาเยอะแยะแบบนี้ เจ็บมากไหม” คำพูดมากมายจนแทบฟังไม่ทันก่อนจะจบด้วยคำถามที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนสัมผัสได้
“...” เจ้าจันทร์ส่ายหน้าทั้งอมยิ้มด้วยความสุขเมื่อเห็นท่าทีห่วงใยมากล้นจากคนตัวโต ก่อนประกบมือประคองใบหน้าซีดให้สบตา “มันก็เหมือนประจำเดือนของผู้หญิง อาหมอบอกว่ามันจะมาหลังคลอดราวเดือนกว่าๆ” พอได้ฟังหัวใจของนเรศก็รู้สึกสงบขึ้นแต่ก็ยังไม่คลายความกังวล
“เหมือนประจำเดือนของผู้หญิง” นเรศทวนคำด้วยความไม่เข้าใจ “แต่เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าจะมีได้ยังไง” นเรศยังไม่หายข้องใจ
“แล้วเจ้าท้องได้เพราะอะไรล่ะ”
“เพราะพี่ไง...โอ๊ย” จบประโยคก็โดนฟาดเข้าเต็มฝ่ามือจนได้แต่ร้องขอความเห็นใจ “พี่พูดจริงมาตีทำไมเนี้ย เพราะถ้าพี่ไม่ทำเจ้าก็ไม่ท้องหรอก” ว่าด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“เจ้ามีประจำเดือนเหมือนผู้หญิงเพราะมีมดลูกอยู่ในนี้” ว่าจบก็ชี้ไปที่ท้องตัวเอง
“พี่ไม่เห็นรู้ว่าเจ้าจะมีประจำเดือนเหมือนผู้หญิง”
“ตอนที่เป็นพี่ไม่อยู่และหลังจากนั้นก็...อื้อ...จนท้องนั้นแหละ จะรู้ได้ยังไงเล่า” ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อหลีกเลี่ยงที่จะพูดคำแสนน่าอาย
“งั้นแปลว่าตอนนี้พี่ก็ปั๊มน้องให้เจ้าสองแฝดได้แล้วน่ะสิ” พอโล่งใจก็ทำหน้าพราวระยับ แล้วไม่วายกระโจนเข้าหาร่างเล็กเหมือนเสือกระโจนใส่กวางน้อยไม่มีผิด
และพอเช้าในสามวันถัดมาเลือดที่เหมือนประจำเดือนก็หยุดไปเปรียบเสมือนไฟเขียวที่เป็นใจเปิดทางให้อีกคนได้สมใจ เช้านี้ตื่นขึ้นมาเจ้าจันทร์จึงมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาไม่ห่าง
“พี่นเรศจะทำอะไรน่ะ” เอ็ดพร้อมกับตีเบาๆ ที่ต้นแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่คร่อมทับอยู่
“ทำรักกับเมียไงครับไง” ก้มกระซิบข้างหูพร้อมกับขบกันเบาๆ มือไม้เองก็เริ่มกลายเป็นปลายหมึกลูบไล้สำรวจอย่างคุ้นเคย
“พี่นเรศเดี๋ยวลูกตื่น” เอ่ยห้ามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเมื่อถูกปลุกเร้าหนักหน่วงจนร่างกายสั่นระริก
จมูกโด่งซุกไซร้ตามซอกคอขาวไม่ห่างขณะทำเสียงอู้อี้ตอบกลับมา “ยังไม่ถึงเวลาลูกตื่น” จบประโยคก็มอบจุมพิตอันหวานล้ำให้คนตัวเล็กอ่อนระทวยใต้วงแขน
“แต่...อื้อ...เดี๋ยวพี่อัณก็มาแล้ว” เสียงครางฮือหลุดออกมาด้วยความเสียวซ่าน
“แป๊บเดียวนะครับ” กระซิบเสียงแหบพร่าขณะส่งนิ้วเข้าสำรวจช่องทางพิเศษ เพียงไม่นานความคับแน่นก็คลายตัวให้นเรศได้ดุนดันความอลังการของตัวเองเข้าไปทักทายยังข้างใน “อืม อีกนิดนะครับ” เข้ากระซิบกับคนตัวเล็กที่กำลังบิดเร้าด้วยความเสียว ยิ่งใกล้ถึงฝั่งฝันมากเท่าไหร่สะโพกแกร่งยิ่งขยับหนักหน่วง มือหนาประคองสะโพกอวบเบียดแนบชิดก่อนจะกดเน้นๆ อีกสองสามทีก็ปลดปล่อย เหงื่อกาฬพราวทังร่างที่ยังคงเชื่อมประสานกันอยู่
“พี่นเรศ...” เสียงหวานครางอือเมื่ออีกคนจับท่อนขาขึ้นพาดบ่าพาให้แนบชิดยิ่งขึ้นจะรู้สึกสยิว “พี่นเรศบอกว่ารอบเดียวนี่” ต่อว่าทันทีเมื่อเอวสอบเริ่มขยับเข้าออกอีกครั้ง
“อื้อ รอบเดียวแต่พี่ยังไม่ได้เอาออก ดังนั้นยังถือว่าหนึ่งรอบ” คำตอบช่างฟังเจ้าเล่ห์แต่การกระทำกับเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า เมื่อการสอดประสานนั้นไม่ลึกดังเก่า ความอลังการที่กำลังขยับเข้าออกเป็นเพียงระยะสั้นๆ เนิบๆ คลายกำลังกลั่นแกล้งขัดใจคนตัวเล็กที่อารมณ์กำลังพุ่งสูง
“พี่นเรศ” เสียงหวานครางฮือราวกับกำลังจะต่อว่า
“ครับ” คนเป็นพี่ขานรับพร้อมกับก้มลงรอฟังความต้องการ”
“...อย่าแกล้งเจ้านะ” ว่าอย่างกระเง้ากระงอดกำปั้นเล็กก็ทุบไหล่หนาเบาๆ
นเรศหัวเราะในลำคอที่แกล้งเมียได้สำเร็จ “เจ้าบอกพี่ว่ารอบเดียวนี่” แกล้งทำเสียงเศร้าแต่ดวงตายังพราวระยับ “อยากได้อะไรก็บอกพี่สิครับ” เปิดโอกาสให้คนที่นอนตัวแดงก่ำร้องขอ ซึ่งคงต้องบอกว่าเข้าทางนเรศนัก
“ขยับสิ” บอกเสียงอ้อมแอ้มพลางเสหน้าหลบ
“อะไรนะครับ”
“...” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่นราวกับกำลังติดสินใจ ในเมื่อแต่งงานถูกต้องกันตามประเพณีชื่อนามสกุลเองก็เปลี่ยน จากศศิพัฒนเมธีตอนนี้ก็เป็น ปักษาธร ทวีภัทรหิรัญ ลูกก็คลอดออกมาแล้วจะมีอะไรให้อายอีกเล่า คิดได้ดังนั้นก็ตวัดแขนโอบลำคอหนา ดันตัวเข้าแนบชิดพลางกระซิบข้างหู “...พี่นเรศเจ้าอยากได้พี่ ช่วยขยับอ๊ะ...” ยังไม่ทันจบประโยคคนขี้แกล้งก็ขยับอย่างรวดเร็วหนักหน่วงกว่าครั้งแรกจนสั่นคลอนไปทั้งตัว
เสียงหวานที่กระซิบข้างหูเมื่อครู่ทำให้นเรศแทบบ้าคลั่ง ความอลังการกลางลำตัวยิ่งสำแดงฤทธิ์กว่าครั้งไหน มันขยายตัวจนปวดหนึบ มีเพียงความอุ่นร้อนที่โอบล้อมอยู่เท่านั้นที่จะช่วยปลอบประโลมให้สงบลงได้
“น่ารักเกินไปแล้ว” นเรศคำรามลั่นขยับเข้าออกสุดแรงจนเตียงเริ่มส่งเสียงประท้วง
“อ๊ะ” เจ้าจันทร์ครางฮือกระสันไปทั้งร่าง ความรู้สึกดี พาให้สมองโล่งโปร่งจนหลงลืมทุกสิ่ง สะโพกอวบเด้งรับอย่างรู้งานอย่างที่เคยถูกสอน ยิ่งทำให้ขอบสวรรค์ที่ใกล้เห็นรำไรครั้งนี้ทำให้คนทั้งคู่แทบสำลักไปก่อน “พี่นเรศๆ” เสียงหวานครางเรียกชื่อคนตัวโตซ้ำๆ เมื่อความอัดแน่นกำลังจะพุ่งออกมา
“เจ้า...พี่รักเจ้า อืม...ซี๊ด พร้อมกันนะครับ” เอ่ยบอกพร้อมกับกล้ามท้องที่เกร็งแน่นจนเรียงขึ้นมาสวยงาม ก่อนจะปลดปล่อยความอุ่นร้อนเข้าไปมากล้นจนมันไหลทะลักออกมา ทั้งคู่หอบหายใจรุนแรงร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ในหัวสมองมีเพียงดาวระยิบระยับ นเรศก้มลงส่งจูบหวานล้ำเป็นคำชมให้ร่างเล็ก “ถูกใจไหมครับ” เขาถามอย่างคนต้องการคำชมบ้างขณะคลอเคลียกับลำคอระหงไม่ห่าง
“...อื้อ” เสียงตอบรับในลำคอพร้อมดวงตาโศกที่ปรือน้อยๆ แสดงความเหนื่อยอ่อน เมื่อครู่ใช้แรงไปมากทีเดียวเพื่อตอบรับแรงมหาศาลของเจ้าคนพี่
“งั้นอีกรอบไหมครับ” อดที่จะเอ่ยเย้าไม่ได้
“ไหวที่ไหนเล่า” เจ้าจันทร์ตอบกลับทันควันพร้อมกับส่งค้อนให้วงโต
“อะไรกันแค่รอบเดียวเองเหนื่อยแล้วหรอครับ”
“พี่นเรศ” เสียงหวานเอ็ดกลับมาแทนคำตอบพาให้คนแกล้งหัวเราะลั่น
“ไม่แกล้งแล้วครับ” เอ่ยพลางก้มหอมหน้าผากชื้นเหงื่อ “นอนพักเถอะเดี๋ยวพี่ดูลูกเอง” จบประโยคก็ดึงส่วนที่เชื่อมประสานกันอยู่ออกมาจนได้ยินเสียงน่าอาย
“อา...” เสียงหวานคราวหวิวรู้สึกโล่งจนรับรู้ถึงสายลมเย็นที่พัดผ่าน เผลอเม้มปากน้อยๆ เมื่อความอบอุ่นถูกถอนออกไป
“หึหึ ไว้คืนนี้ค่อยมาต่อนะครับ” เสียงหัวเราะถูกใจเมื่อได้ยินเสียงครางหวาน นเรศผละออกจากร่างนุ่มนิ่มหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดทำความสะอาดให้ช่องทางที่เต็มไปด้วยน้ำรักของเขา คนตัวเล็กหลับไปแล้วจึงได้แต่หยิบเสื้อนอนของเขามาสวมให้พลางห่มผ้าให้เสร็จสรรพ นเรศจูบกระหม่อมเมียอีกครั้งก่อนจะผละออกไปอาบน้ำเพราะอีกไม่นานก็จะถึงเวลาเจ้าสองแฝดตื่นแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณนเรศ วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะคะ” อัณณิกาส่งเสียงทักในอ้อมแขนมีทารกวัยเจ็ดเดือนกำลังหัวเราะเอี้กอ๊ากอยู่ นเรศเพียงยิ้มรับก่อนเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เจ้าตัวเล็ก “แล้วนี่น้องเจ้าไปไหนคะไม่เห็นเลย” อัณณิกาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเพราะทุกทีที่เธอมาถึงบ้านก็จะเห็นเจ้าจันทร์อยู่กับลูกเสมอ แต่วันนี้กลับไม่เห็น
“เจ้าคงเหนื่อยครับผมเลยไม่อยากปลุก”
“อ้อค่ะ” อัณณิกาครางรับ “หืมอยากเห็นน้องเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือคะ” เธอเห็นท่าทางสนใจทารกแฝดของลูกชายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ก่อนจะพาไปนั่งดูน้องใกล้ๆ
“แอ้ๆ” เสียงอ้อแอ้ดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากเล็กยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ดูท่าจะหลงรักน้องแล้วนะคะเนี่ย” เธอว่าพลางหัวเราะกับท่าทางของลูกชาย
จากนั้นทั้งงคุณชญตว์และคุณพิมลรัตน์ต่างก็เข้ามาเล่นกับหลานที่อัณณิกากำลังให้นม เธอจะมาให้นมเด็กๆ จากเต้าในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายและกลางคืนเธอก็จะปั๊มนมใส่ขวดไว้แทนเพราะต้องกลับไปอยู่กับสามี
“อ้าวตื่นแล้วหรอลูก” คุณพิมลรัตน์ทักลูกชายที่เดินหน้ามุ้ยลงมาในเวลาเกือบจะเที่ยงหลังจากที่อัณณิกากลับไปได้ไม่นาน
“ทำไมไม่มีใครปลุกเจ้า” เจ้าจันทร์ว่า
“ตานเรศบอกว่าลูกเหนื่อยเลยอยากให้พัก เอ๋...แต่แม่ว่าคงได้รับกำลังใจเต็มที่แล้วมั้ง” อดที่จะแซวลูกชายจนหน้าแดงก่ำไม่ได้ ทำไมท่านจะไม่รู้สาเหตุที่ลูกชายตื่นสายหลังจากสามีกลับมาจากเกาะในช่วงดึก
“คุณแม่” เจ้าจันทร์ร้องเรียกแม่เสียงอ่อนขณะก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย
“แบบนี้อีกไม่นานเจ้าสองแฝดคงจะมีน้องๆ ตามมาวิ่งเล่นเต็มบ้านแน่” คุณชญตว์ได้ทีแซวบ้าง ถ้าได้เด็กๆ มาวิ่งเล่นที่บ้านหลายๆ คนบ้านนี้คงจะมีชีวิตชีวาขึ้น ยิ่งหลายๆ คนยิ่งดี อืม...ต้องเปิดไฟเขียวให้ไอ้ลูกเขยปั๊มหลานเยอะๆ ซะแล้ว คิดแล้วก็ส่งกระแสจิตไปให้นเรศที่นั่งเล่นกับลูก ซึ่งพอรับรู้ถึงสายตาที่มองมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มพยักหน้ารับน้อยๆ คล้ายรับรู้ถึงความต้องการของพ่อตา
“ตานเรศพาน้องไปทานข้าวเถอะเดี๋ยวแม่กับพ่อดูแลเจ้าแฝดให้เอง” คุณพิมลรัตน์เอ่ย
“ฝากด้วยนะครับแม่” นเรศยิ้มรับผละออกจากลูกๆ เดินไปโอบประคองเอวเล็กเข้าห้องครัว เมื่อมาถึงนเรศก็บังคับคนตัวเล็กให้นั่งรอบนเก้าอี้ จัดการบริการอาหารมาวางให้อย่างเรียบร้อย
“ขอบคุณครับ” เจ้าจันทร์ขอบคุณคนพี่ด้วยใจจริง
“ทานเยอะๆ เก็บแรงไว้ใช้ในคืนนี้นะครับ” แกล้งกระซิบข้างหูจนอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำไม่ต่างจากลูกตำลึงสุก
“พี่นเรศ” เจ้าจันทร์ร้องเรียกชื่อคนขี้แกล้งเสียงหลงจนนเรศหัวเราะลั่น แววตาพราวระยับเต็มไปด้วยความสุข เขาหยุดแกล้งเมียตัวเอง หยุดมองคนตัวเล็กทานข้าวด้วยความสุข “พี่นเรศไม่กินด้วยกันหรือครับ” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามคนที่เอาแต่นั่งมอง
“...” นเรศส่ายศีรษะแทนคำตอบเอาแต่นั่งมองต่อเท่านั้น ยิ่งมองหัวใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสุข เพราะอีกครึ่งชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มแล้ว “พี่รักเจ้านะครับ” เขาบอกพร้อมกับดึงคนที่กำลังทานข้าวเข้ามาจูบแสดงความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวนที่พูดออกไป
“ครับๆ รู้แล้ว เจ้าก็รักพี่นเรศนะครับ...แต่เจ้ากำลังทานข้าวอยู่นะ” เจ้าจันทร์ยิ้มกว้างก่อนจะเอ็ดทั้งที่ยิ้มเต็มแก้ม
“ฮ่าๆ” นเรศหัวเราะลั่นด้วยความสุขจนภายในทั้งบ้านอบอวนไปด้วยความอบอุ่นของความรัก
---จบ---
ในที่สุด! พี่นเรศและน้องเจ้าของเราก็มาถึงบทสรุปสุดท้ายแล้วค่า ตบมือ
ตอนนี้บอกเลยขอรีดเลือดนักอ่านทุกท่านเลยค่ะ รีดเข้าไปๆ
ใครอาการหนักสนใจทิชชูแผงข้างๆ เลยนะคะ ฮา
และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ นักเขียนนิยายลงเว็บอย่างเราๆ จะเดินหน้าต่อไปได้ก็ต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านทุกคอมเม้นที่คอยติดตามกันมาตลอด หยิบสไบมาห่มหยิบผ้าถุงมาใส่ ทัดดอกไม้แดงข้างหู พับเพียบเรียบร้อยแล้วกราบงามๆ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ปล. ยังเหลือตอนพิเศษเล็กๆ ที่จะตามมาอีกไม่นานนี้นะคะ อย่าลืมติดตามความหวานละมุนของเจ้าจันทร์และพี่นเรศกันน้า
สำหรับนิยายเรื่องมัจจุราชลงทัณฑ์รักก็มี E-Book แล้วนะคะ
วางจำหน่ายกับทาง Meb ในราคา 139 บาทค่ะ
จำนวน : 314 หน้า (≈ 84,846 คำ) รวมตอนพิเศษ 4 ตอน
- วันเพ็ญเดือนสิบสอง จำนวน 8 หน้า
(ลงในเว็บ)- ความทรงจำดีๆ จำนวน 5 หน้า
(ลงในว็บ)- ได้เวลาปั๊มน้อง จำนวน 6 หน้า
(ไม่ได้ลงในเว็บ)- เมื่อเด็กๆ ไปโรงเรียนวันแรก จำนวน 12 หน้า
(ไม่ได้ลงในเว็บ)Buy :
มัจจุราชลงทัณฑ์รัก