✿ c h a p t e r 6
จาริญไม่เคยเลิกเรียนดึกขนาดนี้มาก่อน เพราะวันนี้มีเรียนชดเชยกว่าจะเสร็จก็เกือบทุ่ม และยังมีกิจกรรมของคณะที่ต้องเข้าร่วมอีก กว่าจะเรียบร้อยทั้งหมดก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเรียนชดเชยหรือว่ากิจกรรมที่ทำให้ต้องกลับบ้านดึก
แต่เป็นห่วงคนที่กำลังรออยู่ต่างหาก เขาบอกอันดาไปแล้วนะว่าให้กลับไปก่อนได้เลยส่วนเขาจะนั่งแท็กซี่กลับเอง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมดื้อจะรอกลับพร้อมกันให้ได้ ทั้งที่ตนเองเรียนเสร็จตั้งแต่สี่โมงครึ่งแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังส่งไลน์มาบอกเป็นระยะว่านั่งรออยู่ที่โต๊ะตัวเดิมใต้ตึกคณะ
จาริญก้าวเข้าไปหาเจ้าของแผ่นหลังบางที่คุ้นเคย สะกิดเรียกเบาๆที่ไหล่อันดาก็หันมา พอเห็นว่าเป็นเขาคนสวยก็ยิ้มให้
“เสร็จแล้วเหรอ เหนื่อยไหม”
“นิดหน่อย ง่วงด้วยอ่า”
มือบางขยี้ตาที่ปรือจะปิดอยู่รอมร่อ อันดารีบดึงมือซนออกเพราะกลัวว่าทำแบบนั้นแล้วตาจะแดงเอา
“อย่าขยี้ตา”
“เค้าง่วง อันไม่ง่วงเหรอ”
ทำไมจะไม่ง่วงล่ะ นั่งสัปหงกตั้งหลายรอบ อันดาตอบอยู่ในใจ แต่เขายอมนั่งรอดีกว่าให้จาริญนั่งแท็กซี่กลับเอง ถึงจะเป็นผู้ชายแต่น่ารักแบบนี้ก็น่าเป็นห่วงทั้งนั้น
“งั้นรีบกลับไปนอนกันดีกว่าเนอะ” อันดาลูบผมเจ้าแมวน้อยง่วงนอน ร่างบางพยักหน้าหงึกๆปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือเดินมาที่รถ ช่วยพาคนง่วงนั่งประจำที่ฝั่งข้างคนขับและคาดเข็มขัดนิรภัยให้อย่างเรียบร้อย
“อัน”
“หื้ม ?”
อันดาขมวดคิ้ว มองคนข้างๆที่แบมือยื่นมาตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้ถามให้คลายสงสัยว่าหมายถึงอะไร จาริญก็เฉลยให้เสียก่อน
“ดอกกุหลาบของเราล่ะ” ถึงจะง่วงแต่จาริญยังไม่ลืมว่าต้องได้รับดอกกุหลาบสีแดงจากอันดาทุกวัน แต่วันนี้จะหมดวันอยู่แล้วยังไม่เห็นอันดาเอาให้เลย หรือว่าจะลืมก็ไม่รู้สิ
“จริงๆก็ซื้อมาแล้ว แต่ว่า…”
“จะเอาไปให้คนอื่นหรือไง”
จาริญแกล้งหรี่ตามองอย่างจับผิด อันดาหัวเราะเบาๆและส่ายหน้า ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบออกมาจากกระเป๋า กลีบของดอกกุหลาบสีแดงบอบช้ำเล็กน้อย
“เราซื้อไว้ตั้งแต่เย็นแล้วมันเลยช้ำ จะให้จูนก่อนไปเรียนก็เห็นจูนรีบ วันนี้ดอกไม้เลยไม่สวย” เพราะสภาพของดอกกุหลาบไม่สมบูรณ์อันดาเลยคิดว่าจะยกยอดไปพรุ่งนี้แล้วซื้อให้จาริญสองดอกแทน
“ไม่เป็นไรหรอก อันตั้งใจซื้อมาให้เรานี่” จาริญรับดอกไม้ที่กลีบของมันช้ำเป็นบางจุดมาถือไว้ ก่อนจะเอี้ยวตัวมาจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่าย
“ขอบคุณนะอันดา”
“จำได้ไหมว่าดอกนี้เป็นดอกที่เท่าไหร่แล้ว”
จาริญนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อใช้ความคิด ตั้งแต่วันที่ได้รับดอกไม้จากอันดาเขาก็เขียนนับไว้ในสมุดบันทึกของตนเอง เป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วที่ก่อนนอนจะต้องเขียนลงไปในไดอารี่ว่าวันนี้ได้รับดอกกุหลาบสีแดงเป็นดอกที่เท่าไหร่แล้ว
“ดอกที่สามสิบเก้าครับ”
เจ้าของดอกไม้ยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ ใกล้จะครึ่งทางแล้ว อีกไม่นานดอกไม้ที่ให้จูนก็จะครบจำนวนตามที่เขาตั้งใจไว้
*****
“จูนอย่าเพิ่งนอน มาเป่าผมก่อน”
อันดาเรียกคนที่พออาบน้ำสระผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็จะมุดตัวลงใต้ผ้าห่มทั้งที่ผมยังเปียกหมาดๆอยู่เลย จาริญชอบสระผมตอนกลางคืนแล้วไม่เช็ดให้แห้ง หลายครั้งต้องดุเพราะนอนหลับไปทั้งแบบนั้นพอตื่นเช้ามาก็บ่นปวดหัว
นิสัยเหมือนเขาเมื่อก่อนไม่มีผิด ตอนนั้นก็โดนภูผาดุบ่อยๆ ทั้งบ่นทั้งดุแต่ก็เป่าผมให้จนแห้ง
ถึงจะน่ารำคาญแต่ก็รู้สึกดีมากจริงๆทีมีคนคอยห่วง เขาอยากให้จูนรู้สึกดีแบบนั้นบ้างเลยยอมทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยทำ ถึงบางอย่างจะไม่ถนัดแต่เพราะเป็นจาริญเลยเต็มใจที่จะทำให้ทั้งนั้น
“พรุ่งนี้เรามีนัดเลี้ยงสายรหัส”
“อ่าฮะ แล้วยังไงต่อ ?”
เกริ่นมาแบบนี้อันดารู้ว่าแมวน้อยยังมีอะไรจะพูดต่อ แต่ทำเป็นเว้นช่วงให้เขาถามกลับเพราะอยากจะถามความเห็น
“อันว่าเราจะไปดีหรือเปล่า”
“ก็ไปสิ จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
นับตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรกที่ผับตอนนั้นอันดาก็ไม่เคยเห็นจาริญออกไปเที่ยวกลางคืนอีกเลย เขาคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะอยากไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้างเลยไม่ได้ห้าม
จาริญหันกลับมามองสบตากับดวงตาเรียวสวยเมื่ออันดาเป่าผมให้จนแห้งดีแล้ว ชั่งใจอยู่นานว่าจะพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไปดีหรือไม่ แต่พอเห็นคิ้วสวยของคนตรงหน้าเลิกขึ้นเป็นเชิงว่ารอฟังอยู่เลยตัดสินใจเอ่ยขึ้นลอยๆ
“ไปคนเดียวเรากลัวจะเหงาน่ะสิ เพราะสายรหัสคนอื่นๆที่มีแฟนแล้วพาแฟนไปด้วยกันทั้งนั้นเลย”
ร่างบางเม้มปาก พูดเองก็เขินเองยังไงบอกไม่ถูก แต่ก็ยังพูดต่อ
“อันดาไปกับเราไหม ?”
อันดาร้องหืมในลำคอ นัยน์ตาสีเปลือกไม้จับจ้องพวงแก้มแดงเรื่อของจาริญด้วยสายตาล้อเลียน เจ้าแมวตัวขาวถึงได้รู้ตัวรีบแก้ต่างยกใหญ่
“เราหมายถึงว่าอันดาก็ไปกับเราในฐานะเพื่อนไง”
“อ๋อ เหรอ”
คนสวยแกล้งทำเป็นพยักหน้าว่าเข้าใจ จาริญเผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อถึงกับเขินไม่กล้ามองหน้า รีบจบบทสนทนาด้วยการล้มตัวลงนอน
“เราง่วงแล้ว”
อันดาทำหน้าที่ปิดไฟอย่างเช่นทุกคืน ก่อนจะกลับมาซุกตัวลงในผ้าห่มผืนหนา ต่างฝ่ายต่างซุกตัวเข้าหาไออุ่นของกันและกันอย่างเคยชิน ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้น มีเพียงกลีบปากนุ่มๆของจาริญที่ประทับลงบนแก้มของอันดา และเรียวปากบางที่จูบคืนบนหน้าผากของอีกฝ่ายแทนคำบอกฝันดี
*****
บางทีบนโลกใบนี้ก็มีเรื่องบังเอิญงี่เง่าจนน่าหงุดหงิด อย่างเช่นตอนนี้อันดากำลังมารอรับจาริญอย่างเช่นทุกวัน แต่กลับเจอเข้ากับคนรักเก่าที่ควงคู่มากับหนุ่มตัวเล็กที่เขาไม่รู้จัก ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นคู่ควงใหม่ของภูผานั่นแหละ อันดาจะไม่อะไรเลยถ้าแค่บังเอิญเจอกันและอีกฝ่ายเดินผ่านไป
แต่นี่ภูผากลับเลือกที่จะเดินเข้ามาทักเขาโดยที่ยังมีผู้ชายหน้าหวานผมทองควงแขนอยู่
“พี่จำได้ว่าอันเรียนการท่องเที่ยวไม่ใช่เหรอ มาทำอะไรที่นิเทศครับ ?”
อันดาอยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้เพราะไม่อยากเสวนาด้วย แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาจะกลายเป็นคนขี้แพ้ทันที รอยยิ้มปลอมๆจึงปรากฏบนใบหน้าสวยก่อนจะตอบกลับไป
“มารอเพื่อนครับ ว่าแต่คนนี้…” อันดาปรายตามองหนุ่มหน้าหวานตั้งแต่หัวจรดเท้า และแกล้งทำเป็นถามอย่างแปลกใจ
“แฟนใหม่ของพี่ไม่ใช่น้องปีหนึ่งคนนั้นแล้วเหรอครับ ยังขี้เบื่อเหมือนเดิมเลยนะ” ตบท้ายด้วยการหัวเราะเบาๆ ภูผาถึงกับหน้าตึง ไม่ต่างจากหนุ่มน้อยข้างกาย
“ที่เค้าพูดหมายความว่ายังไงครับพี่ภูผา ?”
“ไม่มีอะไรครับ อันดาก็พูดไปเรื่อย น้องพายอย่าสนใจเลยนะ”
ภูผางานเข้าโครมใหญ่เพราะเด็กหนุ่มเดินลิ่วๆหนีไปเสียแล้ว อันดายิ้มหวานให้แต่เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความสะใจอย่างที่สุด ชายหนุ่มร่างสูงถึงกับสบถคำหยาบก่อนจะก้าวตามคนที่เดินหนีไปติดๆ
เพิ่งเลิกกันไม่เท่าไหร่แต่ภูผาเปลี่ยนคู่ควงไปตั้งกี่คนแล้ว เสือไม่เคยทิ้งลายจริงๆ บางทีต่างคนต่างอยู่แบบนี้คงจะดีแล้ว เขาเบื่อที่จะต้องคอยทะเลาะกันเพราะเรื่องบุคคลที่สามเต็มที และแฟนเก่าแต่ละคนก็เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดินเหมือนกันไปเสียหมด
อันดาเข็ดขยาดกับพวกตัวสูงหล่อล่ำชนิดที่ไม่ขอกลับไปเจออีก ตอนนี้สายตาของเขามองแค่จาริญคนเดียวเท่านั้น
ทั้งเขาและจาริญกำลังปรับตัวเข้าหากันทีละน้อย ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีมากจนบรรยายไม่ถูกเลย
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวเนี่ย น่ากลัว”
อันดาหันขวับตามเสียงนั้น เห็นจาริญมองมาด้วยสายตาแปลกๆ
“คิดถึงจูนอยู่ก็เลยยิ้ม”
“บ้าบอ”
จาริญหัวเราะ ใช้หนังสือที่ถืออยู่ในมือฟาดไหล่คนพูดจาชวนเลี่ยน ก่อนจะบิดข้อมือเพื่อมองนาฬิกาพบว่าเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว งานเลี้ยงสายรหัสเริ่มตอนหนึ่งทุ่มที่ร้านอาหารกึ่งผับของรุ่นพี่สายรหัสคนหนึ่งที่เพิ่งจบไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อคืนอันดาตกลงว่าจะไปด้วย อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องไปนั่งคนเดียวให้ต้องอึดอัดท่ามกลางคนมีคู่ทั้งหลาย
“กลับกันเถอะ จูนเหงื่อออกใหญ่แล้ว” อันดาใช้มือเช็ดเหงื่อที่ผุดซึมบนหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างไม่รังเกียจ เดินกอดคอพาคนตัวเล็กกว่ามาที่รถ พอเปิดประตูรถเข้ามานั่งประจำที่ฝั่งข้างคนขับจาริญก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นดอกกุหลาบสีแดงวางอยู่ที่เบาะ
“วันนี้ดอกใหญ่สวยมากเลย” จาริญแตะจมูกลงบนกลีบดอกสีแดงสวย วันนี้เจ้ากุหลาบดอกใหญ่สวยงามกว่าทุกครั้ง ร่างบางเงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนที่ยืนท้าวแขนกับประตูรถอยู่
“ขอบคุณนะครับ”
อันดาก้มหน้าเข้ามาในตัวรถเพื่อแตะริมฝีปากลงบนปากนุ่มเบาๆก่อนจะผละออกมาถามด้วยรอยยิ้ม
“รู้ความหมายของดอกกุหลาบดอกที่สี่สิบไหมจูน ?”
“เราจะลองหาในกูเกิ้ลดูนะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่แก้มแดงๆและรอยยิ้มเขินอายของจาริญทำให้คนมองรู้ว่าเจ้าตัวรู้ความหมายอยู่แล้วเพียงแต่ไม่กล้าตอบออกมาตรงๆเท่านั้นเอง
*****
“ตัวไหนดี ?”
“ดำ สีขาวมันโป๊”
อันดาเลือกเสื้อเชิ้ตสีดำที่ถืออยู่ในมือซ้ายของจาริญ ส่วนตัวสีขาวบางเบานั่นเขาอยากจะโยนทิ้งลงถังขยะไปเลย บางขนาดนั้นแค่โดนแสงไฟก็เห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“ทีอันยังใส่สีขาวได้เลย” จาริญบุ้ยปาก ไล่สายตามองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง อันดาเป็นคนแต่งตัวเก่งเลยใช้เวลาในการแต่งตัวไม่นาน เหมือนคิดอยู่ในหัวอยู่แล้วว่าจะใส่อะไร พอถึงเวลาก็แค่หยิบมาใส่เลยไม่ต้องเสียเวลาเลือกนานๆเหมือนเขา
“ของเราเป็นเสื้อยืดไม่โป๊สักหน่อย” อันดาเถียง เพราะชุดที่เขาใส่อยู่เป็นกางเกงยีนส์เข้ารูปสีซีดเข้าคู่กับเสื้อยืดสีขาวขนาดโอเวอร์ไซส์ ยัดชายเสื้อเข้าในกางเกงเพื่ออวดสะโพกสวย
“ไม่ มันโป๊ เห็นหัวนม”
“บ้าเหรอจูน!”
อันดาทำเสียงสูง ก้มมองสำรวจเสื้อของตนเอง เสื้อสีขาวบางเป็นปกติอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้นถ้ามองแค่เผินๆ ไม่ใช่จ้องแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนจาริญแล้วบอกว่าเห็นชัด เดี๋ยวเถอะจะเอานิ้วจิ้มตาให้
“ฮื่อ ก็มันเห็นจริงๆอ่ะ”
“เดี๋ยวเราจะใส่เบลเซอร์ทับอยู่แล้ว”
จาริญพยักหน้าพอใจ อย่างน้อยเบลเซอร์ก็ช่วยปกปิดความบางของเสื้อไว้ได้บ้าง เขาไม่อยากให้อันดาตกเป็นเป้าสายตา เพราะงานเลี้ยงสายรหัสมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเต็มไปหมด แต่สวยๆอย่างอันดาต่อให้แต่งตัวมิดชิดขนาดไหนคนก็มองจนเหลียวหลังอยู่ดี
“เราช่วยติดกระดุมให้นะ” อันดาเดินเข้ามาประชิดร่างบาง ช่วยติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้โดยเว้นกระดุมเม็ดบนสุดไว้ และยังช่วยจัดชายเสื้อข้างหนึ่งยัดใส่กางเกงสกินนี่สีดำให้ด้วย
“เกินไปแล้วมั้ง” จาริญจับมือซนที่จับอะไรที่ไม่ควรจะจับเข้าเต็มมือพร้อมทั้งมองตาดุ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มอย่างไม่สำนึก
“มือลั่น”
“ตลก”
อันดาหัวเราะเบาๆ มองสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของอีกฝ่าย ช่วยจัดผมหน้าม้าของคนตัวเล็กกว่าให้เรียบร้อยเป็นอย่างสุดท้าย
“น่ารักแล้ว”
“อยากโดนชมว่าหล่อบ้างอ่ะ”
คนน่ารักหันมองกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง หมุนซ้ายหมุนขวามองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ปากก็บ่นไปด้วยว่าอยากจะตัวสูงขึ้นกว่านี้อีกหน่อยจัง
“ไม่ให้สูงแล้ว หล่อเกินไปเดี๋ยวมีสาวๆมาชอบทำไงล่ะ” อันดาพูดเอาใจเสียหน่อย กอดร่างบางจากด้านหลังเกยคางไว้บนไหล่ มองสบตากับคนในอ้อมกอดผ่านกระจก
“หวงเหรอ” จาริญถามยิ้มๆ เอียงคอให้ริมฝีปากของอีกฝ่ายจูบที่ลำคอ มือเรียวลูบไล้เอวบางพร้อมทั้งตอบงึมงำเพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับการแตะจมูกไปตามไหล่ขาวที่กรุ่นกลิ่นน้ำหอม
“อื้อ หวง เค้ามีแค่เธอคนเดียวนี่คะ”
“กี่โมงแล้ว ?”
จาริญถามพลางเอื้อมมือมาลูบผมของคนที่เริ่มดึงรั้งคอเสื้อของเขาให้หลุดจากไหล่ อันดาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองนาฬิกา
“หกโมงห้านาที”
คนน่ารักพลิกตัวมายกแขนขึ้นโอบรอบคอร่างเพรียวบางตรงหน้า จาริญจูบเบาๆที่ปลายคางของอันดา ในขณะที่มือบางลูบไล้ไปตามแผ่นหลังภายใต้เสื้อยืด
“สักรอบก่อนไปเธอว่าจะทันป่ะ”
“ไม่รู้สิ แต่จะพยายามทำเวลาแล้วกัน”
อันดาตอบพร้อมทั้งกอดรัดเอวบางให้ล้มลงบนเตียง จาริญหัวเราะก่อนจะประคองใบหน้าสวยและเริ่มจูบอย่างเร่าร้อน
*****
กว่าจะมาถึงร้านอาหารที่นัดกับรุ่นพี่และรุ่นน้องคนอื่นๆไว้ก็เลยเวลานิดหน่อย แต่ยังโชคดีเพราะคนอื่นก็ยังมากันไม่ครบ จาริญแนะนำอันดาให้รู้จักกับทุกคน และแนะนำคนข้างกายว่าเป็นเพื่อน อันดาเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่ายอยู่เป็นทุนเดิมเลยทำให้บรรยากาศไม่น่าอึดอัดอย่างที่คิด ออกจะรับมุกต่างๆที่พวกรุ่นพี่คุยกันได้มากกว่าจาริญเสียอีก
แก้วเหล้าที่ชงจนเข้มวางลงบนโต๊ะตรงหน้า เหล้าฝรั่งพวกนี้ดื่มแล้วเมาง่าย อันดาเป็นห่วงจาริญไม่อยากให้ดื่มเท่าไหร่นัก แต่ถ้าห้ามก็คงจะเสียมารยาทเลยต้องยอมอนุโลมให้
“น้องอันดากินเหล้าได้ใช่ไหม ?” ผู้ชายคนหนึ่งที่อันดาจำได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อบอลเป็นเจ้าของร้านถามขึ้น เจ้าของเรือนผมสีดำพยักหน้าตอบคำถามนั้น
“ได้ครับแต่ว่าไม่เยอะ อันคออ่อน”
“ระวังไอ้บอลมันจะมอมเหล้านะครับน้องอันดา” ชายหนุ่มผิวเข้มร่างใหญ่ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร้านกับบอลพูดติดตลก อันดาหัวเราะขำๆอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่คนที่นั่งข้างๆเริ่มขยับเข้ามาใกล้แถมยังควงแขนไว้อีกต่างหาก
“ไม่ต้องเลยพี่ๆ ห้ามยุ่งกับเพื่อนจูน!”
“มีเพื่อนสวยๆแบบนี้อย่าหวงดิพี่จูน ว่าแต่พี่อันดามีไลน์ป่ะครับ”
น้องปีหนึ่งตัวสูงถามด้วยรอยยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยโดยไม่สนใจว่าแฟนสาวนั่งอยู่ข้างๆ อันดายังไม่ทันได้ตอบเพราะแมวน้อยที่เพิ่งดื่มเหล้าเข้าไปชิงตอบขึ้นแทน
“มี แต่ไม่ให้ น้องเตยดูแฟนหนูสิ” จาริญฟ้องเด็กสาวผมยาวที่นั่งข้างกายค็อปเตอร์ สาวเจ้าหัวเราะตีแขนคนรักอย่างไม่จริงจังนัก
“เดี๋ยวจะโดนนะค็อป ต่อหน้าต่อตาเราเลย”
“ล้อเล่นน่า เห็นพี่อันดาสวยเลยอยากแซวเฉยๆ”
อันดาโบกไม้โบกมือบอกน้องว่าไม่เป็นไร เขาไม่ถือสาเรื่องพวกนี้หรอก โดนแซวมาจนชินแล้ว ก่อนจะหันมองตามคนอื่นๆเมื่อประตูห้องวีไอพีเปิดออก
ผู้ชายที่เดินเข้ามาอันดาจำได้ว่าคือเพื่อนรุ่นพี่ของจาริญคนที่เจอที่โรงหนังเมื่อคราวก่อน เสียงทักทายดังขึ้นเมื่อชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง มาคินทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างที่สุดเมื่อเห็นจาริญ
“สวัสดีครับน้องจูน ดีใจนะที่มา”
“ครับ นานๆทีได้มาเปิดหูเปิดตาก็ดีเหมือนกัน”
อันดายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ใบหน้าสวยเริ่มฉายแววไม่พอใจเพราะมาคินเอาแต่ชวนจาริญคุยอยู่คนเดียว มีบ้างที่หันไปตอบคำถามของคนอื่นๆ แต่ส่วนมากความสนใจของชายหนุ่มจะอยู่ที่จาริญเสียมากกว่า จูนไม่ได้คิดอะไรกับมันข้อนั้นเขารู้ดี ชวนคุยก็แค่ถามคำตอบคำเท่านั้น
แต่คนมันหวงจะให้ทำยังไงจาริญเองก็รับรู้ได้ว่าอันดากำลังไม่พอใจ มือบางจึงกุมมือของอีกฝ่ายไว้และบีบเบาๆพอจะทำให้คนสวยใจเย็นลงได้บ้าง ใบหน้าหวานเอียงเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบบอกคนที่กำลังจรดเหล้าแก้วใหม่เข้ากับริมฝีปาก
“อย่าดื่มเยอะ ระวังจะเมานะ”
“ไม่เมาหรอก”
อันดายิ้มให้คนที่เริ่มหน้าแดงทั้งที่ดื่มเข้าไปแค่แก้วเดียว เขาเป็นคนคออ่อนก็จริงแต่ไม่เท่าจูนหรอก รายนั้นแค่เบียร์สองกระป๋องก็จอดแล้ว นับประสาอะไรกับเหล้าฝรั่งแรงๆแบบนี้ ขนาดแค่ค็อกเทลหวานหอมที่ดื่มเข้าไปตอนเจอกันครั้งแรกยังทำให้แมวน้อยเมาจนยอมพาเขาขึ้นห้องได้ง่ายๆเลย
“มาร์คตามจีบน้องจูนมาตั้งนานแล้ว ติดยังวะ”
เสียงของใครสักคนที่เริ่มเมาได้ที่ถามทะลุขึ้นกลางปล้อง ท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนที่เหลือ ส่วนมาคินลูบต้นคอตนเองอย่างเขินๆ
อันดาถึงกับคิ้วกระตุก พอจะมองออกว่ามาคินชอบจูน แต่ไม่คิดว่าจะถึงกับตามจีบอย่างจริงจัง เขาหันมองหน้าจาริญเป็นเชิงถาม ซึ่งอีกฝ่ายรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่แล้ว พี่มาร์คไม่ได้จีบจูนสักหน่อย” จาริญแก้ต่างเพราะไม่ใช่ความจริง และที่สำคัญเขากลัวว่าอันดาจะเข้าใจผิด
“ไร้เยื่อใยจังพี่จูน ไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ พี่มาร์คหล่อจะตาย” ค็อปเตอร์พูดสมทบ ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่จาริญเป็นตาเดียวราวกับจะกดดันให้ตอบคำถามนั้น
ร่างบางกระอักกระอ่วนเพราะไม่รู้จะตอบยังไงเพื่อไม่ให้เสียมารยาทจนเกินไป แต่เพราะแขนของอันดาที่โอบเอวจากด้านหลังทำให้จาริญเลือกคำตอบได้ในที่สุด
“คือ…จูนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“มีแฟนแล้วเหรอวะจูน ถึงว่าสภาพตอนมาถึงดูเพลียเชียว รอยที่คอมึงอ่ะปิดๆหน่อย”
จาริญจับที่คอตนเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะออกมาจากห้องก็ไม่ได้ส่องกระจกดูความเรียบร้อยเพราะกลัวจะเสียเวลาไปมากกว่าเดิม เลยไม่รู้ว่ามีรอยอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง แต่ถึงกับโดนทักขนาดนี้รอยคงจะชัดน่าดู พอคิดได้แบบนั้นเลยหันไปมองคนข้างๆตาเขียว
“เป็นรอยนิดเดียว เห็นไม่ชัดหรอก” อันดากระซิบบอก ช่วยดึงคอเสื้อเชิ้ตขึ้นมาปิดให้เพราะเมื่อกี้คอเสื้อมันร่นลงทำให้มองเห็นรอยที่เขาทำไว้
แก้มขาวแดงเรื่อเพราะโดนแซว และทุกคนยังมองด้วยสายตาล้อเลียนอีกต่างหาก จะมีก็แต่มาคินที่มองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่มันทำให้จาริญอึดอัดจนต้องขอปลีกตัวออกมาโดยอ้างว่าจะไปห้องน้ำ
“จูนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“เราไปด้วย อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน”
อันดาลุกขึ้นตามและดึงมือคนตัวเล็กกว่าออกมาจากห้อง พอเดินมาถึงห้องน้ำหลบสายตาของทุกคนพ้นจาริญก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“บอกแล้วว่าไอ้พี่มาร์คอะไรนั่นชอบจูน” อันดากระแทกเสียง บ่งบอกถึงความไม่พอใจ ถ้าวันนี้เขาไม่มาด้วยจูนจะโดนมันคุกคามขนาดไหนก็ไม่รู้ ขนาดเขานั่งประกบติดอยู่ยังขยันส่งสายตาหวานๆใส่ได้เลย
“แต่จูนไม่ได้ชอบพี่มาร์ค ไม่ ได้ ชอบ!” จาริญพูดเน้นทีละคำ โชคดีในห้องน้ำไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นเขาและอันดากำลังยืนเถียงกันอยู่แน่ๆ
พอเห็นว่าอีกฝ่ายแค่นหัวเราะเหมือนกับว่าไม่เชื่อ และยังเบือนหน้าไปทางอื่นจาริญเลยพูดต่อ
“เมื่อกี้เราก็บอกไปแล้วไงว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว อย่างี่เง่าดิวะอัน”
“จูนว่าเรางี่เง่าเหรอ”
ใบหน้าสวยหันกลับมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า ยิ่งอันดาดื่มเหล้าเข้าไปเยอะคงจะเริ่มเมาแล้วด้วยเลยอารมณ์อ่อนไหวกว่าปกติ
“เราคิดว่าอันจะรู้เสียอีกว่าเรารู้สึกยังไง แต่เราคิดไปเองคนเดียวสินะ เพราะจริงๆแล้วอันไม่เคยไว้ใจเราเลย”
“อย่ามาพูดแบบนี้นะจูน!”
จาริญสะอื้นดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อคลอเช่นกัน คิดว่าอันดาจะเข้าใจแล้วแท้ๆว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมาคิน แต่ทำไมอีกฝ่ายยังจะทำเหมือนไม่เชื่อกัน
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อเราพูดเรื่องจริง!” ร่างบางตวาดกลับ น้ำตาร่วงเผาะลงข้างแก้ม ในขณะที่ใบหน้าของอันดาก็เปื้อนน้ำตาเช่นเดียวกัน
“ทั้งๆที่อันไม่เคยมีสถานะให้เราด้วยซ้ำแต่เราก็ยังเชื่อมาตลอดว่าเราสองคนรู้สึกเหมือนกัน แต่วันนี้อันทำให้เราเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ามีแต่เราคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกกับอันมากขนาดนี้”
tbc.
เด็กๆเมาแล้วงอแงกันทั้งคู่เลย แต่เดี๋ยวก็ดีกันค่ะ ง้อกันเก่งจะตาย
#กุหลาบแดงกับแมวขาว