Chapter Thirteen.
ตอนเช้าปินก็ไปโรงพยาบาลตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งเอาของใช้ไปให้น้องชายที่ต้องไปโรงเรียนและรีบไปดูแลแม่ แต่ถึงอย่างนั้นฝุ่นก็ยังตื่นเช้ากว่าเพื่อทำอาหารใส่กล่องให้ปินไปทาน
ช่วงกลางวันฝุ่นก็ดูนั่นดูนี่ไปตามประสา ทว่าพอเลื่อนๆ โทรศัพท์อยู่กระทู้ข่าวของปินก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น
‘รูปหลุดปิน ปารินทร์ระหว่างถ่ายแบบที่ประเทศจีน มีการเช็ดหน้าเช็ดตาให้นางแบบอย่างดูสนิทชิดเชื้อกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน’นิ้วเรียวไม่ลังเลยสักนิดที่จะกดเข้าไปดูภาพและเนื้อหาให้ชัดเจนขึ้น โดยในรูปนั้นมีอยู่สามรูป เป็นท่าทางที่ปินกำลังใช้ปลายนิ้วเช็ดบางอย่างออกจากแก้มนางแบบ ทว่าคนทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันจนน่าหวั่นใจ
‘ทั้งสองจะมีซัมติงกันจริงหรือเปล่าเราคงได้แต่เดากันเองอย่างที่ผ่านๆ มา เพราะหนุ่มปินพูดชัดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องส่วนตัวค่าาาา’ดวงตาโตไล่อ่านเนื้อหาข่าวทางด้านล่างที่มีเพียงเท่านั้นก่อนฝุ่นจะลองเสิร์ชข่าวนี้ในกูเกิ้ลแล้วก็พบว่ามันไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
นั่นสิ มันจะมีอะไรมากกว่านั้นได้ยังไงในเมื่อปินไม่เคยตอบเรื่องส่วนตัว เนื่องจากเจ้าตัวมีจุดยืนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะอยู่ตรงนี้ด้วยผลงาน
ในใจมันรู้สึกวูบโหวงเล็กๆ กับข่าวที่เห็น แต่ไม่ถึงกับโกรธอีกคนในทันใดแม้ตอนนี้ความสัมพันธ์จะอยู่ในจุดที่สามารถรู้สึกอย่างนั้นได้
เรื่องราวที่ผ่านมาสอนว่าเราควรคุยกันก่อนที่จะตีโพยตีพายไปเอง
ฝุ่นไม่ได้โทรไปถามใดๆ เพราะรู้ว่าอีกคนคงกำลังดูแลแม่ คิดว่าจะรอจนกระทั่งปินกลับมาค่อยพูดคุยกัน
“เมื่อเช้าปาล์มแย่งข้าวผมกินด้วย กินจนเกือบหมดเลย” ร่างสูงบ่นทันทีที่กลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืน ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกถึงการฟ้องเล็กๆ จนฝุ่นยิ้มอ่อนใจ
“แบ่งให้น้องหน่อยจะเป็นไร”
“เป็นสิ ฝุ่นตั้งใจทำให้ผมนี่” ฝ่ามือใหญ่คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวลวกๆ จากนั้นก็เดินมาหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมแม่กันนะ”
คนฟังเม้มริมฝีปากเข้าหากันเมื่อได้ยินประโยคนั้น ในอกเกิดความยินดีและเป็นกังวลขึ้นพร้อมกัน และคนที่จับจ้องอยู่ก็รับรู้ได้ในทันใด
“ถ้ากังวลว่าแม่จะคิดยังไงก็หยุดเลย”
“...” ฝุ่นช้อนสายตาขึ้นมองคนที่โน้มตัวลงมาหาขณะฝ่ามือหนาก็ลูบแก้มนิ่มไปมาแผ่วเบา
“แม่เอ็นดูฝุ่น”
“แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของเรา...”
“ไม่ต้องคิด ไว้ฝุ่นเจอแม่แล้วจะรู้เอง”
ปลายนิ้วแกร่งเลื่อนมาเกลี่ยริมฝีปากบางที่เผลอเม้มเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจ ก่อนปินจะบอกให้อีกคนคลายปากออกด้วยการก้มลงไปจูบ ปลายลิ้นร้อนไล้เลียกลีบปากคู่นั้นจนมันเผยอออก เปิดทางให้คนที่ตั้งใจทำเพียงนิดเลยเถิดไปอีกขั้น
ริมฝีปากสองคู่บดเบียดเข้าหาขณะลิ้นเกี่ยวพันดูดดึง ร่างบางค่อยๆ เอนกายลงตามแรงดันลงมาที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบางก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มของเตียง แต่ถึงอย่างนั้นฝุ่นก็ไม่ได้คิดจะเอ่ยท้วงหรือห้ามปราม
อาจเพราะเรื่องข่าวนั้นยังคงติดค้างอยู่ในหัวจึงต้องการความเชื่อมั่นจากอีกคน...
“เดี๋ยวผมไปหยิบของก่อน”
“ไม่ต้องหรอก”
คนที่กำลังจะผละออกถูกรั้งเอาไว้ด้วยมือเล็กและคำพูดนั้นให้ปินเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ หากแต่ก็ไม่มีเวลาคิดมากกว่านั้นเมื่อฝุ่นเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจูบ สองแขนเรียวคล้องลำคอแกร่งโน้มลงไปหา ตามมาด้วยปลายเท้าเรียวที่ขยับรั้งให้ปมผ้าเช็ดตัวคลายออกจากกัน
ร่างสูงที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าถูกดันให้นอนหงายโดยมีร่างเล็กขยับขึ้นมานั่งทับ แล้วฝุ่นก็ถอดเสื้อนอนออกไปทางหัว ก่อนจะหยัดกายขึ้นเพื่อรั้งกางเกงลงแล้วดึงขาซ้ายออกเหลือให้กางเกงทั้งชั้นนอกชั้นในกองอยู่ที่ขาด้านขวา
การกระทำนั้นทำให้ปินที่ทอดมองอยู่ร้อนผ่าวไปทั้งตัว ราวกับเห็นแมวน้อยกลายร่างเป็นแมวป่า ยิ่งยามฝุ่นก้มลงมาซุกไซ้ซอกคอความต้องการยิ่งเพิ่มขึ้น
ใช่ว่าฝุ่นไม่เคยรุกแต่ครั้งนี้ดูเหมือนมีบางอย่างแปลกไป
“อืม” เสียงครางต่ำดังขึ้นเมื่อปลายลิ้นซุกซนไล้วนอยู่ตรงเม็ดสีเข้ม อีกข้างก็ถูกลูบไล้อย่างที่ปินเคยทำให้คนด้านบน
แผ่นอกกว้างสะท้อนขึ้นลงตามลมหายใจหอบหนักเนื่องจากฝุ่นไม่เพียงแค่เลียแต่ยังดูดดึงราวกับจะเอาคืนที่เคยโดนกระทำ
“ฝะ ฝุ่น” กลายเป็นหมาป่าที่ต้องเอ่ยเรียกแมวตัวน้อยเสียงสั่นยามปลายลิ้นเล็กลากไล้ตั้งแต่แผ่นอกลงไปถึงแผ่นท้อง ทักทายแอ่งเล็กอยู่หลายนาทีก่อนจะขยับต่ำลงไป...
“อืมมมม” คนที่ถูกความอ่อนนุ่มชื้นแฉะเข้าครอบครองกลางกายเปล่งเสียงยาวอยู่ในลำคอ พลันฝ่ามือใหญ่ก็วางลงบนหัวเล็กทางด้านหลังเพื่อควบคุมจังหวะ หากแต่มันดูไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อฝุ่นขยับปากเร็วกว่าที่คิด
ร่างหนาเกร็งจนหน้าท้องขึ้นเป็นลอน ดั่งเป็นนักโทษที่กำลังถูกทรมานให้ตายเพราะความสุขสม
ความเร็วที่อีกคนมอบหันมันทำให้คนได้รับแทบหายใจไม่ทัน แม้แต่ยามปลายทางมาถึงปินก็ยังไม่ทันได้บอก
“อะ อืม” ความต้องการถูกรีดเคล้นออกมาจนหมดสิ้นก่อนมันจะถูกใช้ประโยชน์ต่อด้วยการนำไปป้ายลงช่องทางแคบ ร่างเล็กหยัดขึ้นขณะสองขายังคร่อมหน้าขาแกร่งอยู่ จากนั้นนิ้วเรียวก็ค่อยๆ สอดเข้าไปในร่างกายตัวเองเพื่อเบิกทาง
อึก
คนที่ยังคงนอนหอบหายใจกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ให้กับภาพที่เห็น
คิ้วคู่สวยขมวดมุ่น ใบหน้าเหยเก ปากเผยอปล่อยลมหายใจแห่งความอึดอัด โดยที่นิ้วขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า
ปินเผลอทอดมองการกระทำนั้นโดยไม่วางตา หลงลืมแม้กระทั่งจะเอ่ยปากช่วย
รู้ตัวอีกทีคนด้านบนก็กดกายลงมากลืนกินส่วนร้อนผ่าวนั่นเสียแล้ว
“ฝุ่นครับ”
การเรียกนั้นไม่ต้องการคำตอบและไม่มีสิ่งใดจะพูดต่อ ขณะที่คนถูกเรียกก็ได้แต่กัดริมฝีปากแล้วโยกกายขึ้นลงเท่าที่สามารถ
ใบหน้าแกร่งแหงนเงยไปด้านหลังยามเลื่อนมือทั้งสองข้างไปจับมือเล็กที่วางค้ำอยู่ตรงแผ่นท้อง นิ้วใหญ่สอดประสาน จากนั้นจึงยกเป็นหลักให้ฝุ่นจับเอาไว้
“อ๊ะ อื้อ” เมื่อเป็นคนควบคุมอยากให้เป็นอย่างไรฝุ่นก็ทำตามใจต้องการ
ตรงไหนที่ขยับแล้วคนใต้ร่างส่งเสียงสะโพกบางก็ยิ่งกดเข้าหา แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นแค่การตอบสนองอีกคนแต่คือการตอบสนองตัวเองด้วยเช่นกัน
“อึก อา อ๊ะ” ริมฝีปากบางไม่อาจหยุดยั้งการเปล่งเสียงครวญครางที่ดังพอๆ กับการเสียดสี พอไม่มีสิ่งที่เคยขวางกั้นกันไว้ก็ยิ่งรู้สึกได้มาก
รับรู้ทุกการเคลื่อนผ่าน รับรู้ทุกความลึกซึ้ง...
“อือ ฮะ อ๊า” มวลความอึดอัดตรงท้องน้อยดั่งพายุที่โหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ จนจังหวะการขยับนั้นต้องรุนแรงตาม
ฝุ่นไม่รู้ตัวว่าร่างกายเป็นไปอย่างไรในช่วงเวลาสุดท้าย รู้เพียงยิ่งได้ยินปินเร่งเร้ายิ่งตอบสนอง ยิ่งบางอย่างในกายอยากถูกปลดปล่อยออกมายิ่งสวนกายกลับ จวบจนความต้องการสุดท้ายมาถึงทุกอย่างก็นิ่งค้าง เว้นแต่สะโพกทั้งสองและบางส่วนที่กระตุกเยือก
กายบางทิ้งตัวลงนอนซบกับคนใต้ร่างอย่างอ่อนแรงพร้อมกับที่ปินก็วาดมือโอบรอบตัวฝุ่นเอาไว้
“ทำไมวันนี้แมวฝุ่นร้อนแรงจังครับ”
ประโยคนั้นติดขัดเล็กน้อยเนื่องจากลมหายใจยังไม่กลับมาเป็นสม่ำเสมอดั่งปกติ
“ละ แล้วชอบหรือเปล่า”
ฟอด
ปินผงกหัวไปจูบแก้มชื้นเหงื่อแล้วเอ่ยตอบ
“แน่นอนว่าต้องชอบ”
“ชอบมากกว่านางแบบนั่นไหม” คราวนี้คนฟังชะงักไป จากนั้นใบหน้าเล็กจึงเงยขึ้นเพื่อสบสายตา “เรื่องข่าวนั่น...”
“นึกว่าฝุ่นจะไม่ถามซะแล้ว” ฝ่ามือหนาลูบไล้บั้นท้ายเนียนทางด้านหลังไปมายามที่ปินก็ยกยิ้มมุมปาก
“หมายความว่ายังไง”
“ฝุ่นสามารถถามผมได้ทุกเรื่องและตลอดเวลาเลยรู้ไหม”
“...” คนที่ไม่ค่อยมีความกล้าได้แต่นิ่งเงียบ
“สงสัยหรือว่าอยากรู้ก็แค่พูดมันออกมา”
“ทำไมถึงจับแก้มเขา”
แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาไปสักหน่อยแต่ปินก็ปล่อยผ่านเพราะถือว่าให้อีกคนได้ค่อยๆ ปรับตัว
“ตอนนั้นมันอยู่ในระหว่างการถ่ายแบบ ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ดีแต่ขนนกซึ่งเป็นอุปกรณ์ตกแต่งในฉากก็ปลิวไปติดอยู่ที่แก้มเขา ผมไม่อยากเสียเวลาเลยขออนุญาตแล้วหยิบออกให้ มันเป็นเหตุการณ์แค่เสี้ยววินาทีที่ผมยังลืมไปแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีภาพหลุด”
“แต่ก็...หวง” เมื่อได้รับอนุญาตให้พูดได้ทุกเรื่องความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็ถูกเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว ดวงตากลมหลบวูบลงมองเพียงลำคอคนใต้ร่าง
คนได้ยินหลุดยิ้มด้วยหัวใจที่พองโต สองแขนเลื่อนขึ้นมารัดร่างเล็กเอาไว้แน่น
แมวฝุ่นน่ารักเกินไปแล้ว
“หวงที่ผมจับแก้มเขาเหรอหืม”
คนถูกไล่ต้อนขยับกายเล็กน้อยเพื่อลดความเขินอาย ทว่าบางส่วนยังคงเชื่อมกันอยู่มันจึงส่งผลให้เกิดความรู้สึกวูบวาบขึ้นทั้งสองคน
“อื้อ”
“ขอโทษที่เผลอทำแบบนั้นครับ จะไม่จับแก้มคนอื่นอีกแล้ว”
“นอกจากจับแก้มก็ไม่ได้” ฝุ่นช้อนสายตาขึ้นมองอีกคนช้าๆ พาให้คนมองใจอ่อนยวบทั้งที่ไม่มีความออดอ้อนเจืออยู่ในทั้งแววตาและน้ำเสียง
เรียกว่าปินแพ้ให้คนตรงหน้าทุกทาง
“ครับ จะไม่อยู่ใกล้ ไม่แตะต้องเลยถ้าไม่จำเป็น โอเคไหม” คราวนี้ฝุ่นยอมพยักหน้ารับก่อนจะได้รับการฟัดแก้มรัวๆ
“อื้อ” ใบหน้าเล็กว่ายหนีเป็นพัลวัน แล้ววินาทีต่อมาเสียงร้องในลำคอก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงครางเมื่อสะโพกสอบเริ่มขยับอีกครั้ง
“ให้รางวัลคนน่ารัก”
“อะ ไม่ได้อยาก ดะ ได้สักหน่อย อื้อ”
ถึงฝุ่นจะพูดอย่างนั้นแต่คนอยากให้ก็ยัดเยียดให้จนได้
--
“แม่ครับ ฝุ่นทำข้าวต้มปลากะพงมาให้ด้วยนะ”
ร่างสูงขยับนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางเอ่ยบอกแม่ด้วยรอยยิ้ม โดยที่ฝุ่นยืนอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันด้วยความสั่นไหว
“ตื่นมาทำตั้งแต่กี่โมงล่ะหืม” ประภาเอ่ยถามคนร่างเล็กด้วยสีหน้าอ่อนโยนแม้เสียงจะแหบแห้งและฟังดูอู้อี้เพราะมีหน้ากากอนามัยขวางกั้น
“ก็ดื้อเหมือนแม่นั่นแหละ ผมบอกว่าไม่ต้องก็ยังแอบลุกมาทำ” สายตาคนเป็นแม่เลื่อนกลับไปยังลูกตัวก่อนจะเอ่ยพูด
“ว่าแต่คนอื่นตัวเองต่างหากดื้อที่สุด”
“ปินน่ะเป็นคนดีที่สุดแล้ว”
“งั้นข้าวผัดทะเลนี่ปาล์มขอนะ”
“ไม่ให้ ไปหากินที่โรงเรียนเอาเองเลย” ปารินทร์หันขวับไปตอบน้องชายโดยมีสีหน้าจริงจังจนฝุ่นอดยิ้มออกมาไม่ได้
ครอบครัว...ฝุ่นสัมผัสและรู้สึกถึงสิ่งนี้ได้จากคนทั้งสาม
ดีจังเลย
“ไหนบอกเป็นคนดี” คนเป็นน้องเถียงกลับอีกทั้งสายตายังจับจ้องกล้องข้าวผัดฝีมือฝุ่นอย่างไม่วางตา
“นี่มันคนละส่วนกัน”
“เรานี่ แค่ก แบ่งน้องหน่อยไม่ได้หรือ” ประภาเป็นคนเอ่ยห้ามทัพสองพี่น้อง ก่อนคนข้างเตียงจะหันหน้ากลับมาพูดด้วยความกระเง้ากระงอด ด้านคนน้องก็พูดสำทับว่าเห็นด้วย
“แต่อันนี้ฝุ่นทำให้ปิน”
นี่น่ะหรือซูเปอร์สตาร์...
คนเป็นแม่เห็นเพียงแต่เด็กน้อยที่ไม่เคยโตขึ้นเลยสำหรับเธอ
“ไม่ได้เจาะจงว่าต้องให้ปินคนเดียวสักหน่อย” ฝุ่นเอ่ยเสียงเบาผสมโรงให้คนไม่มีใครเข้าข้างยิ่งหน้าบูดบึ้ง
“โอเค ใครๆ ก็ไม่รักผม”
ปินยกแขนขึ้นมากอดอก แผ่นหลังกว้างทิ้งลงพิงกับพนักเก้าอี้ เมินสายตาหนีจากทั้งฝุ่นและแม่ราวกับเด็กน้อยแสนงอน
ชั่ววินาทีที่ฝุ่นบังเอิญหันไปสบตากับแม่รอยยิ้มก็หลุดออกมาพร้อมกัน
“เดี๋ยววันหลังทำให้กินใหม่ก็ได้ กล่องนี้ก็ให้น้องทานไปเถอะ”
มือบางวางลงบนไหล่แกร่งแล้วขยับไล้ปลายนิ้วไปมาเป็นการปลอบคนงอน
“...”
“ใช่ๆ พี่ปินอยู่กับพี่ฝุ่นตลอดจะกินเมื่อไหร่ก็ได้อะ”
“ก็ได้” สายตาคมดึงกลับมามองฝุ่นก่อนท่าทีแสร้งทำเมื่อครู่จะมลายหายกลับไปเป็นปกติ “ผมจะกินเมื่อไหร่ก็ได้”
ประโยคนั้นถูกเน้นหนัก อีกทั้งสายตาคนพูดยังวาววับจนฝุ่นรับรู้ได้ถึงความหมายของคำว่ากินในอีกแบบ คล้ายกับจะเห็นหางหมาป่าโผล่มาวับๆ แวมๆ
“เย้ งั้นปาล์มเอาข้าวกล่องนี้ไปโรงเรียนเลยแล้วกัน...ไปละ สวัสดีครับ”
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดเก็บกล่องข้าวเข้ากระเป๋าก่อนจะหันมาไหว้ทุกคนแล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีเสียงปินบ่นไล่หลัง
ก๊อก ก๊อก
ประตูปิดลงได้ไม่ทันไรเสียงเคาะก็ดังขึ้นให้ฝุ่นรีบขยับตัวถอยห่าง ทำเป็นเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างแนบเนียน และเมื่อกลับออกมาอีกครั้งก็เห็นปินกำลังเตรียมข้าวต้มให้แม่ทาน
“วานฝุ่นเทน้ำให้หน่อยครับ” ร่างเล็กพยักหน้ารับจากนั้นจึงรีบจัดการให้อย่างเต็มใจ
ยามปินป้อนข้าวต้มเข้าปากแม่ไปคำแรก คนทำก็นั่งลุ้นจนตัวแทบเกร็ง
“อร่อย” คนแก่เลื่อนสายมามองพร้อมทั้งกล่าวคำชมให้ฝุ่นระบายยิ้มโล่งอก
“ฝุ่นทำอร่อยทุกอย่างเลย” ได้โอกาสปารินทร์จึงรีบอวดให้แม่ตัวเองฟัง
“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย” ด้านคนถูกชมก็เอ่ยแย้งเสียงเบา ฟันซี่ขาวขบกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย
“ไว้คราวหลัง...มาทำแม่กินหน่อยนะ” ดวงตาโตเลื่อนจากใบหน้าของปินไปยังคนบนเตียงที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
ถึงประโยคนั้นจะถูกเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งแต่ฝุ่นก็คิดว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด ด้วยเพราะความไม่คาดคิดจึงได้แต่นิ่งงัน ความยินดีระคนตื่นเต้นหมุนรวมอยู่ข้างใน
“ถ้ามีโอกาสผมจะพาฝุ่นมาอีก” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นยามมองหน้าฝุ่นพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปป้อนข้าวต้มแม่ต่อ
ระหว่างนั้นใบหน้าเล็กก็ก้มลงมองเพียงมือบนตักที่ปลายนิ้วบีบกันไปมา
แม่ปิน...อยากให้มาอีกงั้นหรือ
“เสียดายที่ปินไม่ได้อยู่ถึงวันที่แม่ออกจากโรงพยาบาล”
มือเหี่ยวย่นข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือถูกกอบกุมไว้ไม่ห่างขณะปารินทร์ซึ่งต้องกลับในเย็นวันนี้เอ่ยพูดกับผู้ให้กำเนิดด้วยความเสียดาย
“ปินกลับไปทำงานเถอะ แม่มีปาล์มอยู่ทั้งคน”
“ปินจะซื้อบ้านที่กรุงเทพให้แม่ไปอยู่ด้วย”
“ฮื่อ เปลืองเงินเปลืองทอง ไว้ปินว่างก็ค่อยกลับมาหาแม่เอาก็ได้”
“งั้นปีหน้ารับงานน้อยลงดีไหม จะได้กลับมาหาแม่บ่อยๆ”
“เรานี่ มีโอกาสก็ทำงานไปก่อน”
ปารินทร์ยิ้มรับกับท่าทางจริงจังนั้น ทว่าเมื่อพลิกข้อมือมาดูนาฬิการอยยิ้มก็เลือนหาย ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงซบกับฝ่ามือของแม่อย่างอาลัยอาวรณ์
“ไม่อยากกลับเลย”
จากโกลเด้นตัวโตกลายเป็นหมาตัวน้อยที่ออดอ้อนคลอเคลียผู้ให้กำเนิด ฝุ่นซึ่งไม่เคยได้เห็นมุมนี้จับจ้องภาพนั้นโดยไม่วางตา
ปินรักแม่มากจริงๆ
“แค่กๆ ดูเอาเถอะฝุ่นว่างอแงขนาดไหน” ฝุ่นได้แต่ระบายยิ้มเพราะไม่กล้าออกความคิดเห็น
“ไม่เห็นเหมือนตอนอยู่ในทีวีเลย ดูคูลซะไม่มี” ปาล์มที่นั่งเล่นเกมอยู่ในโทรศัพท์เอ่ยแซะพี่ชาย
“พูดมากเดี๋ยวตัดเงินค่าขนมนะ” เพียงเท่านั้นคนเป็นน้องก็เงียบเสียงลงแล้วสนใจเพียงเกมที่ตัวเองกำลังเล่น
“ไปๆ กลับกันได้แล้ว เดินทางดึกแม่เป็นห่วง”
ปินเงยหน้าขึ้นแล้วมองแม่อย่างไม่อยากห่าง ทว่าสุดท้ายคนเราก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
ร่างสูงตัดใจลุกขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดคนที่ตัวเองรักที่สุดเอาไว้
“แล้วปินจะกลับมาหาใหม่นะ” เสียงทุ้มกระซิบบอก
“จ้ะ เดินทางปลอดภัย” มือเหี่ยวตบลงบนแผ่นหลังกว้างเบาๆ จากนั้นคนเป็นลูกก็ผละออกห่าง
“ปินรักแม่นะ”
“แม่ก็รักปิน”
ปารินทร์ระบายยิ้มกับคำตอบกลับที่ได้ยิน แม้ไม่อยากจะกลับแต่สุดท้ายการบอกลาก็ต้องมาถึง
ฝ่ามือหนายกขึ้นประกบกันแล้วกราบลงบนเท้าของแม่เพื่อบอกลา
“ดูแลแม่ดีๆ ด้วย มีอะไรก็โทรบอก” คนร่างสูงหันไปบอกน้องชายที่เดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลัง
“ไม่มีปัญหา...สวัสดีครับ” ปาล์มไหว้ลาทั้งพี่ชายและฝุ่นไปพร้อมกัน
“ฝุ่นขยับมาหาแม่หน่อยสิ”
คนถูกเรียกที่ยกมือขึ้นไหว้แม่ของปินชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยเหลือบมองอีกคนและเมื่อปินพยักหน้าให้จึงค่อยๆ ก้าวไปชิดกับเตียง
หมับ
“แม่ฝากปินด้วยนะ” ร่างเล็กถูกดึงเข้ากอดก่อนจะเอ่ยฝากฝังลูกชายตัวเองให้ฝุ่นช่วยดูแล
“...ครับ” คนที่ยังมึนงงสับสนอยู่เล็กๆ ได้แต่รับคำจากนั้นจึงผละออกแล้วถอยหลังกลับมายืนข้างปินอย่างเชื่องช้า เมื่ออีกคนเข้าไปกอดแม่ตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพอย่างแท้จริง
--
‘หลังจากที่รอคอยมาหลายวันเพราะปิน ปารินทร์แคนเซิลงานกะทันหันเนื่องจากคุณแม่ป่วย วันนี้นักร้องหนุ่มที่มีอีเวนต์ช่วงบ่ายก็ออกมาพูดถึงข่าวกับนางแบบชาวจีนเพียงสั้นๆ ว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น และเมื่อถูกถามว่าตอนนี้มีใครหรือไม่ เจ้าตัวก็บอกว่าขอพูดแค่เรื่องงานเหมือนเช่นทุกครั้ง นักข่าวทั้งหลายเลยได้แต่ถามถึงงานประกาศรางวัลในสัปดาห์หน้าว่าแอบลุ้นรางวัลศิลปินแห่งปีอยู่หรือไม่ คราวนี้ปินตอบแต่โดยดีว่าไม่ได้ลุ้นหรือคาดหวังใดๆ ตนเพียงแค่ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด หากได้ก็รู้สึกดีใจแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เสียใจอะไรค่า’ คลิปการสัมภาษณ์จบลงภาพก็ตัดกลับมาที่พิธีกรสาวสองคน
“จริงๆ นักข่าวก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าหนุ่มปินคงไม่พูดอะไรมากตามนิสัยเขาแต่ก็ยังไปทำข่าวเพื่ออัพเดตเรื่องผลงานบ้างอะไรบ้าง”
“นี่ขนาดถามถึงเรื่องอาการคุณแม่ว่าเป็นอะไร ดีขึ้นแล้วหรือยัง เขาก็ตอบแค่ว่าดีขึ้นแล้ว...คือก็ต้องเข้าใจว่าปินเนี้ยเขาเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คือเขาไม่ได้หยิ่งจะไม่ตอบ เขาตอบหมดนะถ้าเป็นเรื่องงาน แต่ถ้าเรื่องส่วนตัวคือแทบไม่พูดเลยเพราะเขาถือว่าเขาอยู่ตรงนี้ด้วยผลงานเท่านั้น แล้วเขาก็มีจุดยืนนี้มาตั้งแต่ต้น”
“แฟนคลับจะชอบเขาที่หน้าตาหรืออะไรก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากนั้นเนาะ ยืนยันว่าหนุ่มคนนี้น่ารักจริงๆ ค่ะ แอมเคยทำงานกับเขา คือเข้าใจเลยว่านอกจากเสียงและความสามารถแล้วทำไมถึงได้มีคนรักคนชื่นชมเขามากมายขนาดนี้”
“ต้องบอกว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวอย่างให้กับวัยรุ่นสมัยนี้เลยเนอะ”
“ใช่แล้วค่า”
ฝุ่นระบายยิ้มเมื่อได้ยินพิธีกรกล่าวชื่นชมปารินทร์ ในอกเกิดความรู้สึกภูมิใจราวกับเป็นคนถูกชมเสียเอง กระทั่งทั้งสองเปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องดารานักร้องคนอื่นโทรทัศน์จึงถูกปิดลง
มือบางเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์แล้วกดเปิดหน้าแชทของอีกคนขึ้นมาเพื่ออ่านข้อความเก่าๆ แก้คิดถึง
คืนนี้ปินต้องไปต่างจังหวัดอีกแล้ว
พอไม่มีคนนอนเป็นเพื่อนทางโทรศัพท์ฝุ่นก็ไม่อาจข่มตาหลับได้สนิท เพลงของปินถูกเปิดวนตั้งแต่ยามค่ำคืนจนถึงเช้าอีกวันโดยที่ใจคนฟังก็เอาแต่เหม่อลอยไปหาเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มอย่างคิดถึง
ฝุ่นไม่รู้ว่านั่งอยู่บนโซฟานานเท่าไหร่หากแต่รู้ว่านานเพราะแดดด้านนอกสว่างจ้า พลันท้องก็ส่งเสียงร้องบ่งบอกว่าทนความหิวไม่ไหวจึงได้ขยับตัวไปหาอะไรกิน
จะเที่ยงแล้ว...
ตึก ตึก ฟอด
“ทำอะไรอยู่ครับ” คนที่ยืนทำไข่เจียวหมู่สับง่ายๆ สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนมือบางจะรีบเอื้อมไปปิดเตาแล้วพลิกกลับไปหาคนด้านหลัง
“กลับมาแล้วเหรอ”
ร่างเล็กโถมเข้าหาคนตัวโต ด้านคนถูกกอดโดยไม่ทันตั้งตัวก็ชะงักค้าง หลายวินาทีปินค่อยกระชับแขนโอบกอดคนตรงหน้ากลับ
“ครับ ก็บอกฝุ่นไว้แล้วนี่ว่าจะกลับประมาณเที่ยง”
“นึกว่ารถติด ไม่เห็นไลน์มาบอกกัน” ปินยกยิ้ม ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนหัวฝุ่นซ้ำๆ
“สรุปว่าทำอะไรอยู่ครับ มื้อเที่ยงเหรอ...แล้วนี่ทำไมฝุ่นยังไม่อาบน้ำ” พอถูกทักคนที่ยังไม่ได้อาบน้ำจึงเพิ่งนึกขึ้นได้
ฝุ่นรีบดันร่างสูงออกห่าง ยิ่งพอกลิ่นกายหอมสดชื่นของปินติดกายกลับมายิ่งอายกับสภาพตัวเอง
“ไปอาบน้ำก่อนนะ” แล้วปินก็ไม่ได้คำตอบว่าสรุปแล้วอีกคนทำอะไรเมื่อฝุ่นเดินเร็วๆ ออกจากห้องหัวไปทั้งอย่างนั้น
คนเพิ่งกลับห้องหลุดหัวเราะอย่างมึนงงก่อนจะขยับตัวไปดูอาหารบนกระทะ พอเห็นว่าเป็นอะไรก็ลงมือทำต่อให้เสร็จ
“ที่เปิดเพลงผมไว้แบบนี้เพราะว่าคิดถึงใช่หรือเปล่า”
ปารินทร์ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวกว้างพร้อมทั้งรั้งแขนเรียวให้อีกคนนั่งลงตามกัน แล้วหัวแกร่งก็ทิ้งลงบนตักเล็ก ดวงตาเรียวรีทอดมองใบหน้าที่แสนคิดถึงจากทางด้านล่าง
เมื่อวานแทบไม่ได้แตะโทรศัพท์จึงไม่ได้คุยกับฝุ่นเลย
“...แค่อยากฟังแพลงเฉยๆ”
“ใต้ตาคล้ำๆ นี่ก็ไม่ใช่เพราะคิดถึงผมจนนอนไม่หลับเหรอ”
“ไม่ใช่”
“งั้นเหรอ เสียใจจัง” ใบหน้าหล่อแสร้งทำเป็นว่าเสียใจให้คนมองย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูด...ไม่เห็นโทรมา” ท้ายประโยคเบาลงกว่าตอนต้น อีกทั้งดวงตาโตยังเลื่อนหนีไปมองอย่างอื่น
“ผมยุ่งมากจริงๆ ไม่ได้จับโทรศัพท์เลย”
“...”
“พรุ่งนี้หลังจากเข้าตึกตอนเช้าผมมีที่ที่จะพาฝุ่นไปด้วย” ประโยคต่อมาทำให้ฝุ่นหันกลับมามองคนบนตักพร้อมความสงสัย รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าปินยิ่งกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้
“ไปไหน”
“รอเซอร์ไพร์สนะ” คิ้วคู่สวยขมวดมุ่นกับคำตอบนั้น
“คนจะเห็นหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ไม่ต้องห่วง” ได้ยินดังนั้นคนที่กังวลกับการต้องออกไปไหนด้วยกันสองคนก็เบาใจขึ้น
น้ำหนักบนตักและดวงตาที่กำลังมองสบกันอยู่เป็นสิ่งย้ำเตือนให้รู้ฝุ่นว่าปินกลับมาแล้ว ความวูบโหวงในอกตลอดค่ำคืนปลิวหาย เมื่อใจรู้สึกเป็นสุขกับการมีอยู่ของอีกคนปากจึงค่อยๆ โน้มไปแนบชิดกับปากได้รูป
“นอนไหม เดี๋ยวเย็นก็ต้องไปทำงานอีก” ฝุ่นกระซิบถามขณะริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
แล้วคำตอบของปินที่บ่งบอกว่าคงไม่ใช่เวลานี้ก็คือการที่มือหนายกขึ้นรั้งต้นคอเล็กให้ขยับลงมาอีกครั้ง
จูบแห่งความคิดถึงดำเนินไปจนคนด้านบนเริ่มรู้สึกปวดคอ กว่าสัมผัสนั้นจะแยกห่างจากกันก็เป็นตอนที่เจ้าของริมฝีปากบางรู้สึกเหมือนมันจะบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าไม่มีงานต่อผมคงฟัดฝุ่นก่อนสักรอบ” ปลายนิ้วแกร่งไล้แก้มเนียนไปมาพลางส่งสายตาสื่อความหมาย
“...กลับมาค่อยฟัดก็ได้”แล้วปินก็ต้องเลิกคิ้วกับคำตอบนั้นก่อนจะให้รางวัลคนน่ารักด้วยจูบอีกรอบ
TBC.