บทพิเศษ วันสิ้นปีเมื่อนานมาแล้ว
วันนั้นเป็นวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม ในปีที่พฤทธิกรมีอายุยี่สิบสองปีและกำลังจะอายุยี่สิบสามในปีหน้า เขามาเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้ากับแฟนสาวเพื่อเลือกซื้อของขวัญสำหรับงานปีใหม่ซึ่งมีการจัดขึ้นที่บ้านในค่ำคืนที่กำลังมาถึง
ครอบครัวของเขามีสมาชิกแค่สามคน แต่คุณทิพปภาผู้เป็นมารดาอยากจัดงานเลี้ยงปีใหม่เพื่อเอาใจหลาน ๆ เขาในฐานะที่เป็นบุตรชายซึ่งอายุมากที่สุดในหมู่เด็ก ๆ จึงต้องรับหน้าที่มาหาของขวัญเพื่อนำไปประเคนให้น้องชายและหลานอีกสามคน กับชา น้องชายที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน เขายังพอคิดออกว่าจะซื้ออะไรให้ แต่กับหลานคนอื่น ๆ ไอเดียในหัวมีแต่ความว่างเปล่า
“ของน้องกาพย์ก็ซื้อตุ๊กตาให้นั่นแหละ”แฟนสาวของเขาเอ่ยแนะนำ “ส่วนน้องกลอนก็ซื้อพวกของซูเปอร์ฮีโร่ ฤทธิ์พอจะรู้ไหมล่ะ ว่าน้องเขาชอบฮีโร่ตัวไหน”
“ไม่รู้สิ คงเป็นพวกซูเปอร์แมน หรือไม่ก็แบตแมนมั้ง”เขาตอบอย่างไม่แน่ใจ ตัวเขาเองก็เลิกดูการ์ตูนมาตั้งหลายปีแล้วจึงนึกไม่ออกว่าตอนนี้หลานชายกำลังติดตามฮีโร่ตัวไหน
“เฮ้อ...”เธอถอนหายใจแล้วเหล่มองเขา “ถ้างั้นก็เดินดูไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วกัน เอาเป็นว่าถ้าฤทธิ์ชอบชิ้นไหนก็ซื้อชิ้นนั้นเลยดีไหม”
“โธ่! ถ้าเรารู้ว่าควรจะซื้ออะไร เราคงจะไม่ชวนลิลินมาด้วยหรอก”
“ฮึ แค่อยากใช้งานเราเท่านั้นเหรอ ลินไม่น่าหลวมตัวตอบตกลงมาด้วยเลยสิเนี่ย”เห็นแฟนสาวทำหน้าตูม พฤทธิกรจึงรีบคว้ามือของเธอขึ้นกุมไว้ กะพริบตาปริบ ๆ พร้อมส่งเสียงออดอ้อนเอาใจ
“ไม่ใช่นะ ที่ฤทธิ์ชวนลิลินเพราะคิดถึงหรอก ตั้งแต่เริ่มทำงานพวกเราเจอกันน้อยมาก”
“ถ้าแม่ของฤทธิ์รู้ว่าลินช่วยเลือกของอาจจะโกรธขึ้นมาก็ได้นะ”
“ลินนะคิดมากไป คุณแม่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นเสียหน่อย”เขาพยายามพูดประนีประนอม ทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนสาวกับมารดาของเขาถึงไม่ถูกชะตากันไปเสียได้
“คืนนี้ ลินก็ไปที่บ้านด้วยกันนะ”
“เดี๋ยวงานกร่อยเพราะระเบิดลงหรอก”
“ไม่มีทาง คนอื่นอยู่เยอะ”เขาบอกตามที่คิด และไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ทุกครั้งที่เขาพาแฟนสาวไปที่บ้านจะต้องมีเหตุปะทะฝีปากกับมารดาจนคล้ายเกิดระเบิดลูกย่อม ๆ ทุกครั้ง
“ถ้าแต่งงานกันแล้ว ฤทธิ์จะได้ออกมาอยู่ข้างนอกไหมเนี่ย”
“อืม ก็ต้องอย่างนั้นสิ”เขาจับมือของเธอไว้ ขณะที่พาเดินดูของไปรอบ ๆ ประเด็นเรื่องแต่งงานถูกยกขึ้นมาพูดบ่อยครั้งนับตั้งแต่ที่พวกเขาเรียนจบ “เห็นคุณพ่อฤทธิ์บอกว่า เขาจะไปซื้อบ้านแถวชานเมืองอยู่หลังเกษียณแล้วยกบ้านหลังปัจจุบันให้อาธร ฤทธิ์ก็ต้องหาที่อยู่ในเมืองของตัวเองแหละ”
“ลินไม่ได้หมายถึงตอนคุณลุงเกษียณ หมายถึงตอนที่เราแต่งงานกัน”
“อีกตั้งหลายปี ลินจะรีบคิดทำไม”เขาพูดตัดบทพลางหยิบตุ๊กตาบนชั้นขึ้นมาดู แม้ปลายหางตาจะมองเห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจของเธอ แต่เขาก็ปล่อยมันให้ผ่านไป เขาเห็นชอบด้วยถ้าคุยว่าอนาคตเราจะแต่งงานกัน แต่มันต้องไม่ใช่อีกหนึ่งหรือสองปีนี้ เนื่องจากเขาเพิ่งเริ่มทำงาน เขาอยากมีความสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ด้วยตัวเองมากกว่าพึ่งพิงทรัพย์สมบัติของพ่อแม่
จังหวะนั้นเอง เขารู้สึกว่าขากางเกงของตัวเองถูกดึง เมื่อก้มหน้าลงมองจึงได้พบกับเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
“อุ้ม”เด็กชายคนนั้นร้องบอกพร้อมชูมือขึ้น
“ลูกใครเนี่ย”แฟนสาวของเขายิ้มร่าทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเด็กคนนั้น “น่ารักจัง”
“อุ้ม อุ้ม”
เธออุ้มเด็กน้อยขึ้นมาตามที่ถูกร้องบอก “ตัวหนักเหมือนกันนะ คุณแม่อยู่ไหนครับ ไหนบอกพี่หน่อย”คำถามของเธอถูกเมินโดยสิ้นเชิงเมื่อเด็กชายพยายามเอื้อมตัวไปหยิบตุ๊กตาซึ่งมีลักษณะเป็นเต่าตัวสีฟ้าจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดังที่อยู่บนชั้น
“วางเด็กลงไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวแม่เขามาเจอจะหาว่าพวกเราลักพาตัวลูกเขาหรอก หรือไม่พาไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ดีกว่า”
“ลินก็กำลังจะพาไปน่า แค่น้องเขาน่ารักดี และเขาก็บอกให้อุ้มด้วย”
คำพูดของแฟนสาวทำให้เขาพิศมองเด็กชายอีกครั้ง เด็กคนนั้นมีเส้นผมสีดำสนิท นัยน์ตาสีดำกลมโต ผิวขาว แก้มฝาดสีระเรื่อ หน้าตาน่าเอ็นดูชนิดที่รู้ได้ทันทีว่า โตขึ้นต้องหน้าตาดีมากแน่ ๆ
“ถ้าลินอยากเล่นกับเด็ก คืนนี้น้องตามก็มาที่บ้าน ลินไปหาน้องตามกับฤทธิ์สิ”เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ต้องเอาหลานมาล่อหรอกนะ”เธอพูดอย่างแง่งอนพลางอุ้มพาเด็กชายเดินห่างจากบริเวณนั้น ทว่าเสียงแผดร้องกลับดังขึ้นเสียก่อน
“โอ๋ ๆ ร้องทำไมคะ”
เด็กชายพยายามตะกายตัวลงจากตัวหญิงสาวจนน่ากลัวว่าจะร่วงตกลงมา พฤทธิกรจึงต้องเข้ามาคว้าอุ้มไว้แทน จากนั้นแฟนสาวของเขาสังเกตเห็นท่าทางอยากได้ตุ๊กตาบนชั้นของเด็กชาย และเมื่อมันถูกหยิบส่งไปให้ เสียงร้องลั่นถึงเงียบสนิททันที
“เต่า”
“อืม น้องเต่า พอแล้วเนอะ ไปหาคุณแม่กันดีกว่า”เธอพยายามดึงตุ๊กตาไปวางคืนไว้ยังที่ของมัน เพียงแต่เด็กชายกลับยึดมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“เอาเต่า จะเอา”
“ฤทธิ์”หญิงสาวหันไปส่งสายตาอ้อนขอกับแฟนหนุ่ม
“ครับ ๆ เดี๋ยวผมจ่ายให้ครับ”
“ขอบคุณมากนะ”เธอยิ้มกว้าง เดินตามเกาะหลังเขาไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เด็กชายไม่ยอมปล่อยเจ้าเต่าหางยาวตัวสีฟ้า แฟนสาวของเขาจึงต้องช่วยพนักงานหาป้ายราคาเพื่อยิงบาร์โค้ด ก่อนที่เขาจะปล่อยเด็กชายลงยืนกับพื้นเพื่อล้วงกระเป๋าออกมาจ่ายเงิน หันกลับมาอีกทีเห็นหญิงสาวกำลังทรุดตัวนั่งเล่นอยู่กับเด็กชาย
“ไปกันได้แล้ว ป่านนี้แม่ของน้องตามหาให้วุ่นแล้ว”
เธอจึงยืดตัวยืนขึ้นจับข้อมือของเด็กน้อย ทว่า “อุ้ม” เด็กชายปล่อยมือจากตุ๊กตา ชูมือขึ้นสูงแล้วร้องอุ้มหน่อยอีกครั้ง พฤทธิกรจึงพูดว่า
“เดี๋ยวฤทธิ์อุ้มให้เอง”
“น่ารักมากค่ะ คุณพ่อ”
เขายิ้มเขินเมื่อได้ยินเธอเอ่ยชมหลังจากที่เขายกตัวเด็กชายขึ้นสูง
“เต่า”เมื่อมีคนอุ้มตนตามคำขอ จึงขยับมือร้องหาตุ๊กตา ท่าทางน่ารักน่าชังจนแฟนสาวของเขาร้องชมไม่หยุด
“น่ารักอ่า ถ้ามีลูกลินขอน่ารักแบบนี้เลยนะ”
“ต้องอย่างนั้นสิ ลินน่ารักจะตาย”
“น่าลัก”เด็กชายพยักหน้าราวกำลังคุยอยู่กับพวกเขาด้วย พวกเขาทั้งคู่จึงคุยกันว่าเด็กเข้ากับคนอื่นง่ายเหลือเกิน น่ากลัวว่าถ้าไม่มาเจอพวกเขาเสียก่อนจะไปเจอกับพวกมิจฉาชีพเสียแทน แต่เด็กชายพยักหน้าแล้วพูดว่า “ลู้ ๆ”
“รู้อะไรฮึ”พฤทธิกรเอ่ยถาม
“ไม่ดี เต่า”
คำตอบที่ได้รับทำให้เขาหันมองหน้าแฟนสาว “ลินก็ไม่รู้เรื่องล่ะ” จากนั้นเธอจึงหันไปถามเด็กชายอีกว่า “ชื่ออะไรครับ”
“ปา”
“น้องปาอายุเท่าไหร่แล้วเอ่ย”
“สอง”เด็กชายชูนิ้วสี่นิ้วขึ้นเป็นท่าทางประกอบ หญิงสาวหัวเราะกับท่าทางนั้น ยื่นมือออกไปพับนิ้วของเด็กชายลงสองนิ้วและพูดบอกว่าสองคือเท่านี้
เมื่อพวกเขาไปถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของห้าง พนักงานที่ประจำอยู่จุดนั้นได้แจ้งบอกว่าทางพ่อและแม่ของเด็กได้มาประกาศตามหาไปแล้วหนึ่งรอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปเดินวนหาภายในห้างอีกครั้ง
“รอสักครู่นะคะ กำลังติดต่อคุณแม่ของน้อง”
พนักงานอีกคนหาเก้าอี้มาให้เด็กชายนั่ง ทว่าเจ้าหนูน้อยกลับเกาะคอคนอุ้มไม่ยอมปล่อย พฤทธิกรจำต้องอุ้มเด็กชายไว้ต่อไป อีกครู่ใหญ่ต่อมาพวกเขาถึงได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“แม่”เด็กชายร้องเรียกทันทีที่เธอมาถึง เขาจึงส่งร่างเล็ก ๆ ในอ้อมแขนกลับคืนไปให้หญิงสาวผู้เป็นมารดา ในมือของเด็กชายยังคงจับยึดตุ๊กตาไว้แน่น
“ขอบคุณมากค่ะ ไปเจอน้องแถวไหนหรือคะ”
แฟนสาวของเขาเป็นคนตอบคำถามนั้น และอีกไม่นานก็ปรากฏร่างผู้ชายอีกคนตามมาสมทบ เขาตรงดิ่งเข้ามาลูบศีรษะลูบหลังของเด็กชายด้วยความเป็นห่วง
“โอ๊ย ไอ้ตัวเล็กของพ่อ ให้เดินตามหาเสียทั่วเลย”
“ไม่ห่วง”เสียงเล็ก ๆ เอ่ยบอก
“ไม่เป็นห่วงได้ไง ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”
คู่รักวัยรุ่นถึงกับมองหน้ากัน ที่พ่อลูกคุยกันรู้เรื่องยาวเหยียด
“เต่า”เด็กชายพูดพร้อมชูตุ๊กตาขึ้นมาด้วย พ่อแม่ของเด็กชายถึงได้หันมาเอ่ยถามที่มาของเจ้าเต่า
“ตุ๊กตาตัวนี้ของพวกน้องหรือคะ ถ้าอย่างไรเดี๋ยวพี่จ่ายเงินคืนให้”หญิงสาวที่เป็นมารดาของเด็กบอก ขณะที่ฝ่ายชายล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมายื่นให้
พฤทธิกรชะงักพร้อมโบกมือบอกปฏิเสธ “ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมซื้อของขวัญปีใหม่ให้น้องเขา”
“ไม่เป็นไรเหมือนกัน แค่น้องช่วยพาลูกมาคืน พวกพี่ก็ขอบคุณมาก ๆ แล้ว”ฝั่งสามีพูด
“ผมตั้งใจซื้อให้น้องเขาจริง ๆ เหมือนกันครับ”ชายหนุ่มกล่าวยืนยันซ้ำจนคู่สามีภรรยาต้องมองหน้ากันเอง ก่อนจะยอมตอบรับตกลง
“น้องปลาขอบคุณพี่เขาหรือยังครับ”ผู้เป็นมารดาเอ่ยกับเด็กชาย “ธุจ้าพี่เขาหน่อยลูก เอ้า ธุจ้า” เจ้าตัวเล็กประกบมือส่งเสียงธุจ้าตามที่มารดากล่าวนำ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”หญิงสาวที่เป็นมารดาของเด็กน้อยเอ่ยบอก
พวกเขาแยกย้ายกันหลังจากนั้น
“ซื้อตุ๊กตาไปให้หมดเลยดีไหม”พฤทธิกรเสนอความคิดเห็น
“น้องตามอาจจะยังชอบ แต่น้องกลอนจะชอบเหรอ คุณป้าไม่จำกัดงบใช่ไหม งั้นซื้อไปหลาย ๆ อย่างให้ไปเลือกกันเองดีกว่า”
“ก็ดีนะ”ชายหนุ่มตอบตกลงอย่างเห็นด้วย
งานเลี้ยงปีใหม่คืนนั้นผ่านไปอย่างสนุกสนาน ทั้งมารดาและแฟนสาวของเขาต่างก็ดูปรองดองกันดี จนเขาคิดว่า งานเลี้ยงปีต่อ ๆ ไปก็คงเป็นดังเช่นคืนนั้น
.
.
.
พฤทธิกรเงยหน้ามองท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆทึบหนาเบื้องบน หลายวันที่ผ่านมาอากาศเย็นจัดชนิดที่นาน ๆ จะมีมาเยือนกรุงเทพสักครั้ง แต่กระนั้นแสงแดดกลับจัดจ้าราวกับอยู่ในหน้าร้อน แต่นั่นกลับช่วยทำให้อากาศอุ่นขึ้นเพียงเล็กน้อย
ชายหนุ่มเห็นปวันรัตน์ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่พื้นที่ซักล้างมุมระเบียง เขาจึงเดินเข้าไปหา
ตั้งแต่มีสองพี่น้องปลาปุ้ยมาอยู่ด้วย พื้นที่ตรงนี้ก็ถูกใช้งานมากขึ้นเพราะถ้าพูดถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอย ห้องพักของเขาในคอนโดมิเนียมหรูมีเพียงห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเท่านั้น ไม่มีพื้นที่ซักล้างสำหรับตั้งราวตากผ้าอย่างชัดเจน
“ทำอะไรน่ะ”
เด็กสาวเอี้ยวคอมองเขาก่อนส่งเสียงตอบกลับมาว่า “กำลังซักตุ๊กตาอยู่ค่ะ” เธอยกตุ๊กตายัดนุ่นสีซีดด้วยเพราะผ่านกาลเวลามายาวนานขึ้นมาให้เขาดู
“ตัวนี้มันชื่ออะไร”
“มันชื่อเซนิกาเมะค่ะ เป็นตัวการ์ตูนในโปเกม่อน”
เขาพยักหน้ารับ เห็นหน้าตาของมันแล้วพานให้ความทรงจำไหลย้อนกลับไปถึงการซื้อของขวัญในวันสิ้นปีเมื่อหลายปีก่อน
“แม่ของปุ้ยบอกว่า ที่จริงมันเป็นตุ๊กตาของพี่ปลา แต่เพราะปุ้ยร้องอยากได้ พี่ปลาเลยยกให้และมันก็เป็นของปุ้ยมาถึงทุกวันนี้”เด็กสาวพูดพลางล้างน้ำทำความสะอาดฟองผงซักฟอก และยกมันขึ้นพึ่งแดด
พฤทธิกรมองใบหน้าเจ้าเต่ามีหางยาวตัวสีฟ้าจาง ๆ ที่ดูราวกับกำลังยิ้มแย้มตลอดเวลา มันทำให้เขานึกถึงเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เขาเคยเจอเมื่อนานมาแล้วพลางนึกอยู่ในใจว่า
.....ไม่รู้ว่าป่านนี้เด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง
- จบบทพิเศษ -