เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ  (อ่าน 42553 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อันดา!!! เพราะไม่รู้จะหาคำไหนมาด่า..มันเยอะมากจริง ๆ  :m31:

ด่าไปเผื่ออันจะดีขึ้น5555

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อย่าเพิ่งปาระเบิดใส่ไรท์ เพราะเรื่องยังไม่จบบบบบ อย่าเพิ่งนับศพทหารฮะ

พี่หมอมาแรงแซงโค้งมากงานนี้



16

หมอเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน “ผู้ชายคนนั้น? คนไหนวะ?”

 

“มึงไม่รู้จักหรอก กูก็เพิ่งรู้ข่าว เลขาฯที่บริษัทบอกว่ามีคนส่งข้อมูลพร้อมรูปถ่ายมันมาให้ และไอ้เหี้ยนี่แหละที่ทำให้ไอซ์ตาย!” อันดากัดฟันกรอด มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนด้วยความคับแค้น ที่แค้นที่สุดคือตัวเอง ที่ได้ทำร้ายคนที่รักทั้งที่ติณไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย

 

“แล้วมึงจะทำไงต่อ จะทำแบบเดิมกับไอ้คนนั้น? มึงเอาให้ชัวร์ว่าใช่ตัวการแน่หรือเปล่า เดี๋ยวก็มั่วอีก” หมอรู้สึกแค่ปลง มากกว่าจะมานั่งแค้นใจ ตอนนี้มีเรื่องปวดหัวมากพอแล้ว “ในเมื่อรู้ว่าติณไม่ผิด มึงก็ควรจะรีบปล่อยตัวน้องมันกลับบ้านได้แล้ว ครอบครัวมันรออยู่ อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลยอัน กูขอร้อง”

 

อันดาเงียบไปนานมาก จนหมอต้องถอนหายใจพลางสลับท่ายืน

 

“เรื่องของไอซ์ มันผ่านไปนานมากจนกูไม่อยากไปคิดอะไรแล้ว ที่กูทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะแค้นหรือโกรธเกลียดติณ”

 

“มึงหมายความว่าไง? มึงจะไม่ปล่อยน้องมันใช่มั้ย ไอ้อัน!” หมอกระชากคอเสื้อเพื่อนสนิทที่เคยร่วมหัวจมท้ายด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนอย่างเดือดดาล นัยน์ตาของอันดาดูเศร้าสร้อยและน่าเห็นใจ แต่มันก็เท่านั้น

 

ในเมื่อความรู้สึกของติณไม่ได้มีให้ผู้ชายคนนี้ แต่เป็นอีกคน

 

ก็ควรจะปล่อยมือได้แล้ว

 

อันดาปัดมือของหมอออก “ขอเวลากูอีกสักพัก แล้วกูจะปล่อยติณกลับมาเอง อย่าทำอะไรเด็ดขาด”

 

******

 

หมอนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียวอย่างเงียบเชียบภายในห้องพัก สมาร์ทโฟนในมือขึ้นชื่อของ นพดล คนที่เขาห่วงใยมากที่สุดตอนนี้ นพเอาแต่เป็นห่วงติณจนแทบไม่หลับไม่นอน งานการก็ต้องพักยาว ด้วยความเครียด สภาพร่างกายอ่อนล้าลงทุกวัน

 

หมอยอมรับว่า ถ้าหากติณอยู่กับอันดา ตัวเขาก็อาจจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดดูแลนพ แต่...ถ้านพต้องตรอมใจตายเพราะไม่ได้เจอติณ หมอยอมให้ติณกลับมาดูแลนพเองจะดีเสียกว่า

 

บางครั้ง ความรักก็ไม่จำเป็นต้องได้รับสิ่งตอบแทน

 

แต่ก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้คาดหวัง

 

สุดท้าย คืนนั้นหมอก็ยังไม่โทรบอกเรื่องใดกับนพ ปล่อยให้เวลาเป็นตัวตัดสินทุกอย่างด้วยตัวมันเอง

 

******

 

“นพ ไหวมั้ยลูก ไปหาหมอดีมั้ย?” เสียงคุณหญิงแม่ดังแว่วๆ อยู่ในหัว นพกลอกตาไปมาอย่างอิดโรย สองสามวันมานี้ร่างกายอ่อนเพลียจนไม่มีแรงจะลุกไปไหน ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง ดีที่อยู่บ้านใหญ่ของพ่อแม่ของติณ ไม่อย่างนั้นลำพังเด็กตัวนิดเดียว คงดูแลพ่อของตัวเองไม่ไหว

 

“พ่อนพเป็นอะไรครับคุณยาย” ภพคลานขึ้นไปนั่งบนตักคุณยาย มองดูพ่อที่นอนป่วยบนเตียงอย่างห่วงใยตามประสาเด็ก

 

“มีไข้น่ะลูก ยายว่าโทรหาลุงหมอมาดูดีกว่า” คุณยายของน้องภพอุ้มเจ้าตัวเล็กลงจากตัก จับให้นั่งบนเตียงเฝ้าคนป่วยไว้ แล้วเดินหลบไปโทรศัพท์หาหมอที่ชื่อหมอ ให้มาดูอาการคนป่วย

 

หมอรีบร้อนออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านของติณในเย็นนั้น และเมื่อมาถึง ตรวจอาการคนไข้เรียบร้อยก็ค่อยโล่งอก

 

“พักผ่อนน้อย เลยเป็นหวัดน่ะครับ ให้ยาลดไข้แล้ว นอนพักสักคืนก็คงดีขึ้น”

 

“โล่งอกไปที แม่ก็นึกว่าเป็นอะไรมาก ให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน อาการเลยแย่กว่าที่ควรสินะ” คุณหยิงแม่ชะโงกดูคนป่วยสีหน้ากังวล

 

“ก็อย่างนั้นล่ะครับ คืนนี้ผมอยู่เฝ้าให้เอง คุณแม่ไปพักผ่อนเถอะครับ” หมอยิ้มบางๆ ให้แม่ของติณ

 

เจ้าตัวเล็กที่ยืนฟังอยู่นานแล้ว คว้าชายเสื้อเชิ้ตของหมอแล้วกระตุกเรียก “ลุงหมอ น้องภพอยู่เฝ้าพ่อนพด้วยได้มั้ยฮะ”

 

“ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวติดหวัดจะแย่เอานะ”

 

“แล้วทำไมลุงอยู่เฝ้าได้ล่ะฮะ ไม่กลัวติดเหรอ” ภพจ้องหมอตาแป๋ว คนถูกถามก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ

 

“ลุงเป็นหมอนะ ไม่ติดหวัดง่ายๆ หรอกน่า ไปกับคุณยายนะครับเด็กดี คุณพ่อจะได้หายไวๆ” มือใหญ่ดันหลังเล็กๆ ที่ยังเอี้ยวตัวมามองพ่อที่นอนอยู่บนเตียงอย่างโหยหา แต่สุดท้ายก็ยอมให้คุณยายจูงมือออกจากห้องไป

 

แสงไฟสลัวเรือนรางจากโคมไฟเล็กๆ ที่หัวเตียง ไม่ได้ช่วยให้ห้องสว่างมากขึ้นเท่าใดนัก แต่หมอจำเป็นต้องเปิดไว้ เพื่อคอยสังเกตอาการของคนไข้ กะว่าถ้าตื่นมาเมื่อไหร่ จะบังคับให้กินข้าวต้มกับเกลือแร่

 

คนไข้ของหมอตื่นมาตอนเกือบๆ สองทุ่มครึ่ง ด้วยอาการมึนงงเพราะนอนหลับไปนานด้วยฤทธิ์ยา

 

“เป็นไงมั่ง?” หมอตรงเข้าไปช่วยพยุงร่างที่ผ่ายผอมลงไปมากของนพให้นั่งพิงหัวเตียง

 

“มึนๆ ครับ” นพตอบ สีหน้าเหยเก

 

“ยังปวดหัวอยู่มั้ย ตัวนายเย็นลงแล้ว เหงื่อชุ่มเชียว” เพราะปิดแอร์และให้คนป่วยห่มผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออก แม้หมอจะร้อนก็ยอมทน

 

“นิดหน่อยครับ พี่หมอ...ไม่กลับบ้านเหรอ” นพถามน้ำเสียงแหบแห้ง หมอหยิบแก้วน้ำมาให้ดื่ม และเลื่อนชามข้าวต้มมาใกล้ๆ

 

“คืนนี้พี่จะอยู่เฝ้านาย กินข้าวหน่อยสิ อย่าทรมานตัวเองแบบนี้” หมอว่าพลางยกชามข้าวต้มมาให้ “ให้พี่ป้อนนะ”

 

“ผมไม่หิว” นพปฏิเสธทันที

 

หมอขมวดคิ้ว สีหน้าดุดัน “ต้องกิน! ถ้านายตายขึ้นมา ภพกับติณจะอยู่ยังไง”

 

คนไข้ได้แต่ก้มหน้านิ่ง “ถ้ายังไม่เห็นหน้าติณ ผมก็กินอะไรไม่ลงหรอก”

 

“อย่าดื้อ!” หมอขึ้นเสียงใส่อย่างเหลืออด นพสะดุ้งเล็กน้อย เพราะพิษไข้รุมเร้า ทำให้สีหน้าซีดเซียว เห็นหน้าแบบนั้นแล้วหมอก็ค่อยใจเย็นลง “สักสามสี่คำนะครับ”

 

นพไม่ตอบ

 

“คำเดียวก็ได้”

 

ช้อนยื่นมาจ่ออยู่ที่ปาก นพเหลือบมองหน้าของพี่หมอที่แสนใจดี ก่อนจะยอมรับข้าวต้มจืดๆ เข้าปากในที่สุด หมอยิ้มออกมาอย่างดีใจ

 

“อีกคำนะ”

 

“ไหนพี่บอกว่าคำเดียว” นพขมวดคิ้ว มองหน้าหมอ

 

“ไหนๆ ก็กินได้แล้ว ก็กินให้หมดสิครับ นะนพ เด็กดีของพี่หมอ” รอยยิ้มหวานๆ กับดวงตาทอประกายของหมอ ทำให้คนไข้รู้สึกขัดเขินแปลกๆ โดยเฉพาะวิธีเรียกแบบนั้น

 

“ผมไม่ใช่เด็กสองขวบสักหน่อย” นพสะบัดเสียงเบาๆ และคำพูดของนพก็เข้าทางพี่หมอพอดี

 

“ถ้าไม่ใช่เด็กสองขวบ ก็ต้องพูดกันรู้เรื่อง ยอมกินข้าวต้มและเกลือแร่ที่พี่เตรียมไว้ให้หมด นะครับคนดี” รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งมาอีกครั้งพร้อมช้อนข้าวต้ม นพรู้สึกทำหน้าไม่ถูก ในเมื่อไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรแล้ว ก็เลยยอมกินจนหมด เพราะจริงๆ ท้องก็หิวอยู่เหมือนกัน

 

นพนึกถึงตอนที่อยู่กับติณในห้องเช่าแคบๆ ช่วงที่ติณท้องและพยายามจะทำให้ตัวเองแท้ง ทั้งยังหาวิธีสารพัดที่จะฆ่าตัวตาย ทำให้นพต้องคอยปลอบประโลมอยู่หลายครั้งกว่าติณจะยอมกินข้าวปลาอาหารตามปกติและกลับมาสดใสเหมือนเดิม

 

สิ่งที่พี่หมอทำให้ในวันนี้ ล้วนแต่ทำให้ความทรงจำเหล่านั้นไหลย้อนกลับมาในหัวของนพ

 

แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว

 

หมอนิ่งอึ้งเมื่อเห็นคนไข้นั่งร้องไห้อย่างไร้เสียง เพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินเป็นสาย หยดลงบนผ้าห่มที่คลุมช่วงเอวไว้ จะให้ทนดูคนที่ตัวเองรักร้องไห้ได้อย่างไร

 

ต้องบอก

 

ไม่ว่ายังไงก็ต้องบอก

 

เรื่องของติณ

 

“นพ...คือพี่...”

 

“พี่หมอ ผมคิดถึงติณ คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ทำยังไงถึงจะได้คืนมา!!!”

 

จู่ๆ คนไข้ก็โผเข้ามากอดเสียแน่น ความอุ่นชื้นที่บ่าทำเอาหมอไม่กล้าขยับไปไหน ได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้อีกคนกอดไว้อย่างนั้น แรงกอดมากขึ้น และเสียงร้องไห้ของนพก็ดังสะท้อนอยู่ในอก บาดลึกเข้าไปในหัวใจ

 

“ใจเย็นๆ นะนพ...”

 

“ผมจะไปตามหาติณ ต้องไป ต้องไปตามหาติณ! ยังไงก็ต้องไป ต้องหาให้เจอ!” นพผละออกจากหมอ ลุกจากเตียงและจะเดินไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า กว่าหมอจะตั้งสติได้และวิ่งตามไปยื้อไว้ก็หลายนาทีหลังจากนั้น

 

“พี่บอกให้ใจเย็นๆ ไง!” หมอตะโกนสุดเสียง โชคดีที่บ้านนี้ทำห้องแบบเก็บเสียง ไม่รบกวนคนอื่นที่อาจจะนอนหลับอยู่

 

“ไม่! ผมจะไปตามหาติณที่แคนาดา ผมเชื่อว่าผมต้องหาเจอ!” นพรื้อเสื้อผ้าออกมายัดใส่กระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ ทั้งที่หน้าซีด มือสั่น

 

“จะบ้ารึไง! ไปทั้งที่ไม่มีจุดหมาย ก็เท่ากับไปตายเปล่านะนพ อีกไม่นานติณต้องได้กลับมาเชื่อพี่สิ!” หมอพยายามรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางที่นพยัดพวกมันเข้าไป ยื้อกันไปมาอยู่นั่น

 

“ผมเชื่อพี่มากี่ครั้งแล้ว! ปล่อยผมไปสักที!” นพตวาดลั่น นัยน์ตาแข็งกร้าวแดงฉานและเอ่อท้นด้วยน้ำตาแห่งความทุกข์ทรมาน ริมฝีปากซีดจางเม้มแน่นสั่นระริก “ให้ผมไปหาติณสักที...”

 

“พี่ไม่ให้ไป!” หมอคว้าแขนสองข้างของนพกดลงกับประตูตู้เสื้อผ้า ดวงตาทั้งสองคู่จ้องกันไม่ลดละ

 

“พี่หมอ ปล่อยผมเถอะ...” น้ำเสียงเว้าวอนและน้ำตาที่เอ่อคลอเกือบทำให้หมอใจอ่อนยวบ

 

“ถ้าพี่ปล่อย นายก็จะหนีไป”

 

“ผมไม่ได้หนี! ผมแค่จะไปตามหาติณ!” นพเริ่มดิ้นรน แต่หมอก็ยังกดแขนไว้แน่น ไม่ต้องออกแรงมากมายด้วยซ้ำ เพราะสภาพนพตอนนี้ให้ดิ้นยังไงก็สู้หมอไม่ไหว

 

“ก็นั่นแหละ ที่พี่จะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด!”

 

“อย่ามาห้ามผม!” อาจจะเพราะความเครียดและพิษไข้ ทำให้นพไม่เหมือนนพคนเดิมที่เคยว่าง่าย แขนข้างหนึ่งดิ้นจนหลุด เพราะหมอไม่ได้อยากทำให้เจ็บ เลยไม่กล้าใช้แรงเต็มที่ พอแขนหลุดไป นพก็เอามือผลักอกหมอเท่าที่แรงจะมี

 

“นพ!” หมอพยายามจะคว้าแขนนั้นไว้อีกครั้ง แต่นพก็ไม่ยอมท่าเดียว สุดท้าย เมื่อการยื้อยุดกันมาถึงขีดสุด หมอที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้วก็ใช้ร่างกายของตัวเองทั้งตัวโถมเข้าใส่ พร้อมกับใช้วิธีเดียวในตอนนี้ที่จะกำราบความดื้อด้านของนพได้

 



“อื้อ!” ริมฝีปากของนพถูกประกบแนบสนิท ร่างทั้งร่างแข็งเกร็ง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก “พี่...” ลิ้นร้อนๆ ถูกส่งเข้ามาทันทีที่อ้าปาก ร่างกายสั่นสะท้านไร้เรี่ยวแรงขัดขืน มือของหมอเลื่อนขึ้นไปกุมฝ่ามือของนพออกแรงบีบคลึงเบาๆ นพข่มตาลงปิดสนิท ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

 

******

 

ท่ามกลางพายุหิมะพัดกระหน่ำ อากาศภายในห้องพักของติณก็ยังคงความอบอุ่นสม่ำเสมอ

 

ไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหนบนโลก

 

จะต้องคลอดเด็กคนนี้ในที่ที่หนาวเหน็บแบบนี้

 

มือลูบไล้ท้องที่โตขึ้นมาจนแทบปริอย่างแผ่วเบา

 

ลูกของนพ คนที่รักมากที่สุด

 

“อีกไม่นาน เราจะได้เจอหน้ากันแล้วนะ จะตั้งชื่อว่าอะไรดี?” ติณเอ่ยเบาๆ พลางลูบท้องตัวเองและเหม่อมองไปในพายุหิมะนอกหน้าต่าง

 

อยากให้นพอยู่ข้างๆ

 

อยากให้นพเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้เอง

 

แต่...ก็ได้แค่คิด


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ้าวพี่หมอ จับนะกดเฉยเลย :hao4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วุ่นดีแฮะ นพคงได้คู่กับพี่หมอแน่ ๆ ลูกนังอันอยู่กับนพ ส่วนลูกนพที่ยังไม่คลอดอยู่กับนังอัน  :really2:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
นพกับพี่หมอ.... อมก  :hao5: ตกลงจะได้คู่กันจริงๆใช่ไหม

แต่ก็กลัวจะมีหักมุม...

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ใกล้จบแล้วววว

17
นพลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นคนคนเดิม เขายกแขนขึ้นใช้ศอกดันอกอีกคนออกห่าง

“ปวดหัว จะนอน ช่วยออกไปที” น้ำเสียงของนพห้วนกว่าปกติ คล้ายกับไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่โดนทำให้สงบลงด้วยวิธีพิลึกพิลั่นของหมอ

“ก็นอนสิ พี่จะอยู่เฝ้า” หมอไม่ได้ยียวนกวนประสาทให้นพยิ่งปวดหัวหนักกว่าเก่า เพียงแค่พูดในสิ่งที่ตั้งใจจะทำจริงๆ โดยไม่มีเจตนาแอบแฝง

“เฝ้าทำไม ผมไม่หนีไปไหนหรอกน่า” นพทิ้งตัวลงบนเตียง ยังไม่นอน แค่นั่งห้อยขา สายตามองไปที่พื้นเหมือนมีอะไรน่าสนใจนักหนา

“ไม่ได้เฝ้าเพราะคิดว่าจะหนี พี่แค่เฝ้าคนป่วย” หมอตอบหน้านิ่งพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง คืนนี้จะอยู่เฝ้าแบบไม่หลับไม่นอน เหมือนเวลาอยู่เวรที่โรงพยาบาล

“มันรบกวน...ผมนอนไม่ได้” คนป่วยดูท่าจะดื้อไม่น้อย หมอถอนหายใจหน่ายๆ

“คิดซะว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้สิ”

“จะให้คิดแบบนั้นได้ยังไง! ออกไป!” อัยการหนุ่มขึ้นเสียงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งกับคนที่เคยเคารพมากอย่างพี่หมอแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ตวาดไล่แบบไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

หมอขยับแว่นตาให้เข้าที่ เหลือบสายตามองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมลุกออกไปจากห้องนั้นอย่างเงียบๆ

******

“ไอ้อันให้คนมาแจ้งข่าวว่ากลับมาไม่ได้เพราะติดพายุหิมะ นี่คือโอกาสดีที่เราจะหาทางติดต่อไอ้หมอแล้วล่ะ ติณ” บาสนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในที่ที่ไม่มีทั้งสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนต เพราะก่อนอันดาจะออกเดินทาง ได้ตัดช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมดไว้ ทำให้บาสต้องหาวิธีอื่นอยู่นาน

“พี่บาส...เอามือถือมาจากไหนอ่ะ” ติณซึ่งได้ออกจากห้องเพราะบาสไปเปิดให้ มองดูมือถือในมือบาสด้วยความสงสัย แต่ไม่ต้องรอคำตอบแล้ว เพราะเห็นคนที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นด้านหลังเข้าพอดี

“ไม่ตายหรอก แค่สลบ” บาสพูดเสียงเรียบ พยายามนึกเบอร์โทรของหมอ “ให้ตายดิวะ ถึงมีมือถือก็เท่านั้น ในเมื่อจำเบอร์ไม่ได้”

“งั้นโทรหานพ ผมจำเบอร์เขาได้”

“โอเค”

******
ตรู๊ดดด~

นพที่เพิ่งนอนหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ สายตาเหลือบไปเห็นคนที่นั่งกอดอกสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง นพถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หมอคงเข้ามาตอนเขาหลับ

“อือ...” ดูเหมือนอีกคนในห้องที่กำลังนั่งหลับจะได้ยินเสียงเดียวกัน หมอลืมตาขึ้น เห็นนพกำลังควานหามือถือในแสงไฟสลัวๆ ตรงหัวเตียงก็อมยิ้มอย่างเอ็นดู “อยู่นี่”

นพเงยหน้ามองไล่สายตาลงมาที่มือขาวๆ ของพี่หมอ เมื่อเห็นสมาร์ทโฟนคุ้นตาก็รีบคว้าไป “ขอบคุณครับ” ยังไงนพก็ยังเป็นนพวันยันค่ำ แม้จะไม่ค่อยพอใจหมอเท่าไหร่ แต่ความเคารพที่เคยมียังไม่ได้จางหายไปมากนัก

เบอร์แปลกๆ ที่โทรเข้ามาทำให้นพต้องขมวดคิ้วอย่างชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ติณอาจจะหาทางติดต่อมา ก็เลยตัดสินใจรับสาย

[นพ! นี่ติณนะ!] เสียงที่แสนคิดถึงทำเอาน้ำตาแทบไหล นพครางรับเพราะเจ็บคอจนพูดไม่ค่อยออก ทั้งที่อยากจะถามว่าอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง [ติณอยู่กับพี่บาส! ปลอดภัยดีมาก แล้วก็...]

“แล้วก็?”

[ลูกของเรา ใกล้คลอดแล้วนะ ติณอยากให้นพเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้]

นพนิ่งอึ้ง “ลูกของเรา?”

หมอเองก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินที่นพทวนคำของติณ

[อือ ลูกของติณกับนพไง ตอนโดนพามาที่นี่ติณท้องอยู่ พี่อันก็เลยทำอะไรไม่ได้ แค่ขังติณไว้ในห้อง]

“จริงๆ เหรอติณ ลูกของเรา...นพอยากเห็น...จะได้เห็นหน้าลูกมั้ย?” เสียงของนพสั่นเครืออย่างยากจะห้าม น้ำตาที่คิดว่าจะไม่ให้ไหลก็ไหลพร่างพรูออกมา อยากสัมผัสติณ อยากโอบกอดไว้ อยากฟังเสียงเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องของคนที่รัก

ลูกของเรา

[ต้องได้เห็นสิ ต้องได้เห็นแน่ๆ ติณดูแลเขาอย่างดีเลย พี่บาสช่วยตรวจให้ตลอด เขาแข็งแรงดีมาก ติณอยากให้นพตั้งชื่อเขา เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับไปคลอดที่ไทยรึเปล่า] ติณพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ทัน แต่นพก็พยายามตั้งใจฟังทุกคำ

พอคิดถึงเรื่องชื่อของลูก นพก็นึกถึงตอนที่ติณคลอดภพขึ้นมา ความรู้สึกผิดถาโถม เพราะตนคือคนที่แย่งชิงติณมาจากอันดา แม้อันดาจะทำเลวร้ายกับติณไว้ จนติณไม่อยากให้อภัย แต่ผู้ชายคนนั้นก็รักติณจริงๆ

“ติณ...นพมีเรื่องที่ไม่ได้บอกติณหลายเรื่องเลย”

ติณนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง [อืม...]

“ที่จริงแล้ว...”

คำสารภาพทั้งหมดราวกับทะลักหลั่งออกจากริมฝีปากซีดจาง หมอนิ่งฟัง และติณที่อยู่ปลายสายก็เช่นกัน

“ผม...ขอโทษนะ” มันคือคำสุดท้ายที่นพอยากบอกที่สุดในตอนนี้

ติณยังคงเงียบ ไม่ได้รู้สึกโกรธ ไม่ได้เสียใจ เพียงแค่แปลกใจที่จู่ๆ นพก็เล่าเรื่องพวกนั้นออกมาเอง ทั้งที่ไม่จำเป็น ในเมื่อติณรักนพ และนพก็รักติณ มันไม่จำเป็นจะต้องมีคนอื่นเข้ามาแทรกอีกต่อไปแล้ว

[ติณจะต้องพาลูกของเรากลับบ้านให้ได้ นพรอติณนะ ติณรักนพนะครับ รักมากที่สุดในโลก รักยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น] [ติณ! มีคนมา!] [นพ! แค่นี้นะ เจอกัน]

สายตัดไปแล้ว

นพยังถือสายค้างไว้ แค่รู้ว่ายังปลอดภัยดี ก็เหมือนจะหายห่วง แต่พอบอกว่ามีลูกในท้อง กลับยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม

กลัว

กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก

กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าลูก

กลัว

กลัว

“ฮืออออ” ทั้งปวดหัว ทั้งเครียด ทั้งคิดถึง ทั้งห่วงหา ความรู้สึกทั้งหมดปนเปกันจนแยกไม่ออก นพปล่อยมือถือตกจากมือ นั่งกุมหัวอย่างทรมาน หมอเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปดูอาการ

“เป็นอะไร? ปวดหัวมากเลยเหรอ?”

ลูกของเรา

คำพูดนั้นยังสะท้อนอยู่ในอก แต่หมอก็พยายามข่มความรู้สึกที่มีเอาไว้ ต่อให้นพรักใครหรือมีลูกกับใคร ก็จะดูแลให้ถึงที่สุด จนกว่าติณจะกลับมา

“ผมคิดถึงติณ...อยากเจอ อยากเจอจนจะทนไม่ไหวแล้ว พี่หมอ” นพเงยหน้าขึ้นสบตา น้ำตาไหลอาบแก้ม หมอชะงักกึก เจ็บปวดที่หัวใจเหลือเกิน

ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้

มันผิดพลาดที่ตรงไหน เมื่อไหร่

ถ้าหยุดไว้แต่แรก

ถ้ายอมรับว่ารักคนคนนี้แต่แรก

ถ้าแย่งมาจากติณตั้งแต่แรก

มันคงไม่เป็นแบบนี้

หมอกอดร่างผอมซูบซีดของนพไว้แนบอก กอดแน่นจนแทบจมหายไปในร่างของตน ทำได้แค่กอดเอาไว้...แค่นั้น

******

อันดาที่ตอนแรกติดพายุหิมะจนเข้ามาในเขตที่ติณอยู่ไม่ได้ กลับโผล่มาอย่างกะทันหัน

“เตรียมหาทางหนีกันรึไง” เสียงนั้นเอ่ยถามอย่างเย็นชา แววตาของอันดามองบาสอย่างขุ่นเคือง แต่กลับมองติณด้วยความเจ็บปวด

“พี่อัน...” ติณหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้า บาสเข้ามายืนคั่นกลางระหว่างสองคน ด้วยจรรยาบรรณ จะต้องปกป้องทั้งแม่และลูกไว้ให้ได้ หากว่าอันดาคิดจะใช้กำลัง

“ไอ้บาส ถอยไป” อันดากระชากเสื้อเชิ้ตของบาสจนตัวปลิว ทั้งรูปร่างและพละกำลังต่างกันเกินไป บาสเองก็รู้ว่าไม่มีทางสู้ผู้ชายตรงหน้าได้เลย

“อัน กูขอ อย่าทำอะไรติณเลยนะ ปล่อยน้องมันเถอะ”

“มึงร่วมมือกับกูมาตั้งขนาดนี้แล้ว บาส ยังจะมาสำนึกผิดชอบชั่วดีอะไรอีก” อันดาตวาดเสียงแข็ง “ติณ มาหาพี่” มือหนายื่นออกไปหา

ติณหลบอยู่หลังบาส คอยลูบท้องตัวเองอย่างปลอบประโลม

“กลับห้องกับพี่นะติณ อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีก” น้ำเสียงนั้นอ่อนลง ติณใจเต้นรัว ทั้งกลัวและเกร็ง

“อัน ติณต้องผ่าตัดคลอดในโรงพยาบาลที่เครื่องมือแพทย์พร้อมกว่านี้ ให้ติณกลับบ้าน หรืออย่างน้อยก็ไปอยู่ในเมือง กูขอร้อง นะไอ้อัน” บาสยังคงอ้อนวอนเพื่อน แม้อันดาจะไม่ได้สนใจฟัง เพราะสายตามองแค่ติณ และเหมือนจะเห็นและได้ยินแค่เสียงของติณเท่านั้น

“พี่บาส...” ติณคว้าชายเสื้อของบาสไว้แน่น เหงื่อไหลชุ่มโชกที่ฝ่ามือและบนแผ่นหลัง ท้องที่โตขึ้นผิดปกติแข็งเกร็ง

“อัน ให้ติณไปโรงพยาบาล! หรือมึงอยากให้น้องมันตาย!”

ผลั่ก

ร่างของบาสกระเด็นไปกระแทกขอบโต๊ะทันทีที่พูดจบ อันดากระชากแขนของติณอย่างแรง ฉุดดึงให้เดินตามกลับไปที่ห้อง ไม่สิ กรงขังต่างหาก

“พี่อัน...พี่บาส...” ติณไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน ห่วงแต่ลูกในท้องจะกระทบกระเทือน จึงยอมตามอันดาไป ทว่า...

กล้ามเนื้อหน้าท้องจู่ๆ ก็บีบรัดเป็นระยะ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“โอ๊ยยยยย” ติณทรุดเข่าลงบนพื้น อันดาตกใจหันไปมอง มือข้างหนึ่งของติณกุมท้องตัวเอง สีหน้าเจ็บปวดร้องครวญคราง

“ไอ้อัน ถอยไป!” บาสรีบวิ่งเข้ามาประคองติณ อันดาอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก บาสร้องบอกเสียงดัง เพื่อให้อันดาได้สติ “พาติณไปโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้!!!”


ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
อ้าวพี่หมอ จับนะกดเฉยเลย :hao4:
ยางงงงงงงงไม่ได้กานนนน

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
วุ่นดีแฮะ นพคงได้คู่กับพี่หมอแน่ ๆ ลูกนังอันอยู่กับนพ ส่วนลูกนพที่ยังไม่คลอดอยู่กับนังอัน  :really2:
อิๆ ตัดสินใจเร็วไป๊

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
นพกับพี่หมอ.... อมก  :hao5: ตกลงจะได้คู่กันจริงๆใช่ไหม

แต่ก็กลัวจะมีหักมุม...

อีกนิดจะได้รู้ละ อิๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้าว อะไรยังไงกันเนี่ย  :katai1:  :ling2:

มองไม่เห็นทางเลยว่าตอนจบจะเป็นแบบไหน เดาทางไม่ถูก

จะว่าจับทางได้แค่ติณกับนพรักกัน ฮือ ดีไม่ดีอาจแบดเอนมะ?

หรือตอนจบนพกับติณรักกันเหมือนที่คาดเดาตอนแรกแน่เลย แง้

รออ่านตอนจบเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
« ตอบ #99 เมื่อ: 09-03-2018 12:47:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5

อาจจะดูงงๆ ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ แต่จงใจให้มันเป็นงี้แหละ จบเหมือนไม่จบ
ตบตีเราได้ตามสบาย ฮ่าๆ

18
“ผมเป็นหมอ ผมจะผ่าเอง! เอาใบอนุญาตไปตรวจสอบได้เลย!” บาสยื่นใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม รวมทั้งใบประกอบโรคศิลปะ ทั้งหมดที่มีให้ทางโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ

“มีห้องผ่าตัดว่างอยู่ค่ะ คุณหมอ เอ่อ หมอพีรพัฒน์ นะคะ” พยาบาลสาวผมทองตอบกลับมาด้วยภาษาอังกฤษและโทรติดต่อขอเปิดห้องผ่าตัดรอ “คุณหมอต้องการอะไรอีกแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณ”

“บาส!” อันดาวิ่งตามเพื่อนมาที่ห้องผ่าตัด “ต้องใช้เลือดสำรองใช่มั้ย ไอ้หมอเคยบอกกูไว้ เอาเลือดกูไปใช้”

“เออ มึงไปแจ้งพยาบาลตรงนั้นเลย ด่วน!” บาสชี้ไปทางเคาน์เตอร์ที่มีพยาบาลนั่งอยู่แล้วรีบเข้าห้องผ่าตัดไป

ครั้งแรกที่เข้าห้องผ่าตัด มีนพคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ตอนที่ต้องนอนพักรอผ่าตัด ระหว่างที่หลับไป นพก็คอยอยู่เคียงข้าง

ตอนนั้น คุณอันดาก็อยู่ด้วย

ติณไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่นพบอก แต่นพไม่เคยโกหก

คุณอันดาเป็นห่วงติณมาก เขาเป็นคนให้เลือดติณตลอดการผ่าตัด และคนที่ตั้งชื่อให้ภพ ก็คือ เขา

ดวงตาของติณเริ่มพร่าเบลอ ยาสลบใกล้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว การผ่าตัดกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้

นพ

เปลือกตาของติณค่อยๆ ปิดสนิทลง

“เริ่มได้!”

******

“ติณ!!!!” นพตื่นจากฝันร้าย เหงื่อไหลชุ่มโชกทั่วร่าง หน้าตาตระหนกตกใจ เสียขวัญอย่างหนัก หมอรีบลุกเข้าไปดู สองมือโอบประคองไหล่ของนพ

“ไม่เป็นไรนะครับ มันก็แค่ฝัน”

“พี่หมอ...ติณ...อยู่ที่ไหน...อยู่ไหน...ผมอยากเจอติณ...อยากเจอ...” ริมฝีปากซีดจางสั่นเกร็ง น้ำตาร่วงเผาะพร่างพรู นพกอดหมอไว้แน่น ร้องไห้จนหลับไป

เป็นแบบนี้มากี่คืนแล้ว ตั้งแต่ที่ติณติดต่อมา แทนที่จะทำให้นพอาการดีขึ้น มันกลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ

หมอคิดอย่างเหนื่อยใจ ประคองร่างผอมบางลงนอนบนเตียงนุ่ม ห่มผ้าให้และจูบเบาๆ ที่หน้าผากชื้นเหงื่อ

นพเคยเป็นเด็กสดใส ร่าเริง ใสซื่อ และน่ารัก เวลาพูดถึงเรื่องของติณ จะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ รอยยิ้มของนพอบอุ่น อ่อนโยน

ไม่แปลกที่ติณจะรู้สึกดีกับนพ มีคนดีๆ ให้รัก มันย่อมดีกว่าจมปลักอยู่กับอดีตที่ลบล้างไม่ออก

แต่ตอนนี้ สภาพของนพที่เหมือนซากศพเดินได้ จิตใจที่ห่อเหี่ยว เพราะขาดอากาศและน้ำอย่างติณคอยหล่อเลี้ยง ทำให้หมอเริ่มไม่แน่ใจ ว่าการที่ปล่อยให้ทั้งคู่ผูกสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นขนาดนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แน่นอนว่าอันดาเป็นคนผิดทั้งหมด เรื่องทุกอย่างมันเริ่มจากคนคนนั้น

และหากว่านพ กล้าพอที่จะบอกความจริงเรื่องของอันดาให้ติณฟังแต่แรก

เรื่องมันอาจจะดีกว่านี้

หรือเปล่า

มือขาวของหมอลูบไล้ที่เส้นผมอ่อนนุ่มและแก้มเนียนของนพอย่างอ่อนโยน ด้วยความรัก

ถ้าตอนนั้นตอบอันดาไปว่า ใช่ เขารักนพ

เรื่องมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันนะ

******

“พี่หมอครับ คุณนพ เอ่อ อาการเป็นยังไงบ้าง”

หมอหันไปมองชายหนุ่มหน้าคมสันที่ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ด้านหลัง แอมป์ไม่กล้าสบตาหมอตรงๆ ไม่ใช่ว่ารู้ตัวแล้วว่าหมอรู้เรื่องที่ตัวเองเคยทำไว้ แต่เพราะความรู้สึกผิดบาปที่มันกัดกินในใจแค่นั้น

“ก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่กำลังจะไปเอายามาเพิ่ม” หมอมองหน้าแอมป์นิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคนคนนี้ ไม่ทั้งโกรธ เกลียด เห็นใจ หรือสมเพช

“คือ แล้วเรื่องติณ” แอมป์ถูมือไปมาอย่างร้อนรน

“ยังติดต่อไม่ได้ พี่ชายของไอซ์ ขาดการติดต่อกับพี่ไประยะหนึ่งแล้ว พี่กำลังพยายามหาทางอยู่” ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากอันดากลับไปครั้งนั้นก็หายเงียบไปอีก แถมอาการของนพก็ทรุดลง ทั้งที่แค่เป็นหวัดธรรมดาทีแรก ตอนนี้กลายเป็นโรคเครียด และหวุดหวิดจะถึงขั้นซึมเศร้า หมอจึงคิดว่าควรต้องเตรียมหาจิตแพทย์มาช่วยอีกแรง

“ครับ” แอมป์พยักหน้ารับรู้ สีหน้าสลดลงอย่างมาก หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป

******

อากาศหนาวจัด

แต่ในห้องยังคงอบอุ่นด้วยฮีทเตอร์ทำความร้อน

บาส นั่งกอดอกเอนหัวพิงอยู่ที่โซฟา

ติณกวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างอ่อนระโหยโรยแรง

ร่างกายชาหนึบ แค่ขยับเพียงนิดก็เจ็บร้าวไปทั้งร่าง

น้ำตาไหลรินจากดวงตาคู่สวย

นพ

นพ

นพ

อยู่ที่ไหน

จับมือติณที

นพ

มืออุ่นๆ ของใครบางคนขยับสอดเรียวนิ้วแทรกเข้ามาหา กุมมือไว้แน่นหนา ติณเหลือบสายตาไปที่ข้างตัว คนที่อยู่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ กลับเป็นคนที่ไม่เคยคิดถึงมากที่สุด

อันดา

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นอนฟุบหน้ากับแขนตัวเองอยู่ข้างกายของติณ มือกุมไว้แน่น แม้หลับก็ไม่ยอมปล่อย ติณค่อยๆ ขยับปลายนิ้ว และทำให้คนที่หลับใหลรู้สึกตัวไปด้วย

“ติณ! ติณฟื้นแล้ว ไอ้บาส!” อันดาผุดลุกขึ้นทั้งที่มือยังไม่ยอมปล่อย หันไปตะโกนปลุกเพื่อนที่เป็นคนผ่าตัดให้ติณ

“อา...” บาสลุกขึ้นอย่างมึนงง เพราะการผ่าตัดใช้เวลาไปมากพอสมควร ร่างกายอ่อนเพลียเมื่อยล้าไปหมด หมอหนุ่มขยับไหล่และแขนขาให้เข้าที่ เดินมาดูอาการคนไข้ของตน

ติณทำได้แค่กลอกตามองทั้งคู่ เพราะปากถูกครอบไว้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ บาสตรวจเช็คร่างกายของคนไข้อยู่ครู่ใหญ่ โดยมีอันดายืนดูอยู่ข้างๆ อย่างลุ้นระทึก

“ลูก...ปลอดภัยดีนะติณ” บาสยิ้มบางๆ พลางลูบหัวของติณแผ่วเบา “ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะดูแลอย่างดี”

“ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะไอ้บาส!” อันดาแทบจะกระชากคอเสื้อเพื่อนแล้วต่อยสักหมัด แต่ก็กลัวจะสะเทือนคนที่นอนอยู่บนเตียง

ติณพยายามจะยื่นมือไปหาบาสและชี้ที่เครื่องช่วยหายใจ ให้เอาที่ครอบปากออก ตอนแรกบาสก็อยากจะปฏิเสธ แต่คิดว่าติณคงอยากจะพูดอะไรกับอันดา เลยเอาออกให้

“ติณ...” อันดากุมมือติณไว้อีกครั้ง ทิ้งตัวลงคุกเข่าอยู่ข้างเตียง สองมือประคองมือเย็นชืดมาแนบแก้ม “พี่ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้ ขอโทษทุกเรื่องที่ผ่านมา กลับมาอยู่กับพี่นะ”

ติณกะพริบตาไล่น้ำตาที่เอ่อคลอพลางเอ่ยเสียงสั่นพร่า “ผมรู้...ว่าพี่รักผม...”

“พี่รักติณ รักมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ขอให้พี่ได้แก้ตัวอีกครั้ง ได้โปรด” น้ำตาของลูกผู้ชายชื่ออันดาที่น้อยครั้งนักจะมีคนได้เห็นหลั่งรินเป็นสาย เขาจูบมือของติณซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรัก

นึกถึงเมื่อตอนนั้น

ตอนที่ติณคบกับไอซ์ใหม่ๆ และชอบมาที่บ้าน แม้บางครั้งไอซ์จะไม่อยู่ ติณก็มาเที่ยวเล่น มาให้เขาสอนหนังสือ ช่วงเวลานั้น มีความสุขที่สุดในชีวิต

ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของติณยังคงอยู่ในความทรงจำ

แต่ตัวเขาเองที่ทำลายมันด้วยมือคู่นี้

ถ้าไม่เอาแต่คิดเคียดแค้นกัน คงไม่ต้องจบแบบนี้

“พี่ขอโทษ...ที่เข้าใจติณผิด พี่ทำให้ติณเจ็บปวด สร้างบาดแผลที่ไม่มีวันหายให้กับติณ พี่อยากจะรักษามันด้วยตัวพี่เอง ให้โอกาสพี่เถอะนะ นะติณ” อันดาหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลริน มือของติณช่างเย็นเหลือเกิน

ราวกับไร้วิญญาณ

“ผม...จะไม่มีวันยกโทษให้พี่” เสียงของติณยิ่งตอกย้ำ อันดาสะอื้นจนตัวโยน กอดร่างนั้นไว้แน่น “แต่ผม...ไม่ได้เกลียดพี่หรอกนะ”

ติณหวนนึกถึงเรื่องที่นพสารภาพออกมาเมื่อคราวก่อน ตอนที่โทรคุยกันได้สำเร็จ...

คุณอันช่วยเหลือพวกเราทุกอย่าง นพเป็นคนขอให้เขาช่วย ลำพังตัวนพตอนนั้นทำอะไรเพื่อติณไม่ได้เลย มันน่าเจ็บใจ แต่ก็ต้องยอมรับ เลือดของนพก็คนละกรุ๊ปกับติณ เงินก็ไม่มี เรียนก็ยังไม่จบ นพทำได้แค่รับความช่วยเหลือจากเขา โดยไม่ให้ติณรู้

นพขอโทษ

ขอโทษที่ไม่เคยบอก คุณอันรักติณมาก และเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่นพไม่อยากปล่อยมือ ไม่อยากให้ติณไปกับเขา เลยปล่อยให้ติณคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีต่อไป ให้ติณเข้าใจว่าเขาไม่สนใจใยดี

นพเป็นคนทำลายชีวิตติณ

ถึงพูดป่านนี้มันจะสายไปมากแล้ว แต่นพ...อยากบอกให้หมด ก่อนที่มันจะไม่เหลืออะไรเลย

นพรักติณนะ...รักมากกว่าชีวิตของนพ

ขอให้เชื่อ แค่เรื่องนี้ก็พอ

.........
.....

“ติณ...” อันดาจ้องมองดวงตาของติณนิ่งงัน ติณไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยดในตอนนี้ มีเพียงแค่รอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมามอบให้เขา

“ขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอด ฝาก...”

ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

******

14 ปีต่อมา

เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าตาเหมือนคนเอเชีย แต่กลับย้อมผมสีทองทั้งหัว สวมชุดแจ๊คเกตหนังสีน้ำตาลคลุมทับเสื้อยืดสกรีนลายตัวอักษรเป็นคำหยาบกับกางเกงยีนส์ขาดๆ และสะพายเป้สีดำยืนถือกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่จดที่อยู่ของเพื่อนลุงของเขาไว้ พลางมองหารถแท็กซี่ที่จะพาไปยังที่หมายได้ แต่ด้วยความที่พูดภาษาไทยได้ไม่คล่องนัก แถมยังอ่านไม่ออกเลยสักตัว ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าควรจะโบกรถอย่างไรดี

พลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายตัวสูงไม่มากนักที่ยืนรอรถหรือรอใครสักคนแถวนั้นเข้าพอดี เด็กหนุ่มวัย 14 ปีผู้มาจากแคนาดาจึงเข้าไปถามด้วยภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ

“ขอโทษนะครับ ผมอยากไปที่นี่ ช่วยเรียกรถให้หน่อยได้มั้ย”

ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะหันไปมองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้และช่วยเรียกรถตามที่ขอ

“ขอบคุณมากครับพี่” ก่อนจากกัน เด็กหนุ่มก็อยากทำความรู้จักคนแปลกหน้าคนนี้ไว้ เผื่อจะได้เจอกันอีก “ผมเอสเตอร์”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ อีกครั้ง ก่อนจะบอกชื่อตัวเองออกไป “ภพครับ”

“See u! พี่ภพ! byebye!”

ภพมองตามรถแท็กซี่คันที่แล่นออกไปพร้อมเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยังโบกไม้โบกมือมาให้อยู่ที่เบาะหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึงแปลกๆ

เขาส่ายหน้าให้ตัวเอง สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป พอดีกับที่รถของพ่อมาจอดรับ

14 ปีแล้วที่อยู่กับพ่อแค่สองคน ไม่สิ มีลุงหมออีกคนที่คอยแวะเวียนมาเยี่ยมที่บ้านตลอดจนเหมือนอยู่ร่วมบ้านเดียวกันไปแล้ว ภพเองก็รู้ว่าลุงหมอมาคอยวอแวพ่อของเขาเพราะอะไร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ กลับชอบเสียอีกที่อย่างน้อย พ่อก็ยังมีคนห่วงใย มีคนคอยดูแล แถมคนคนนั้นเป็นหมอฝีมือดีอีกต่างหาก ถึงจะเป็นสูตินารีแพทย์ก็เถอะ

ภพแทบจะจำหน้าของคนที่ให้กำเนิดไม่ได้แล้ว รู้จักแค่ในรูปถ่ายของพ่อ ตอนแรกก็ช็อคที่รู้ว่าตัวเองเกิดจากท้องของผู้ชาย แต่ความทรงจำวัยเด็กที่พอจำได้ ผู้ชายคนนั้นคือคนที่เลี้ยงดูและให้ความรักมาอย่างดี มือที่เคยจับและกอดไว้อบอุ่น นั่นคือสิ่งเดียวที่ภพยังคงระลึกถึงเสมอมา

“มีอะไร? นั่งอมยิ้มคนเดียว” พ่อหันมาถามระหว่างรอสัญญาณไฟเขียว

ภพส่ายหน้า “เปล่าครับ แค่รู้สึกเหมือน...”

“เหมือน?” นพเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“เหมือนได้เจอคนที่คิดถึง” เขาคลี่ยิ้ม

ใช่แล้ว

ความรู้สึกคิดถึงนี้

เหมือนกับได้เจอ

คนคนนั้น

“แม่”

ของผม

To be continue ENDING

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หูยยยย เศร้าอะไรเบอร์นี้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :a5: ติณตาย  o22
จะมีตอนต่อไป หรือจบแล้ว  :hao4:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
Special: ความในใจของพี่หมอ

หลังจากอันดาขาดการติดต่อไปร่วมครึ่งปี ความหวังที่นพจะได้เจอติณอีกครั้งก็แทบมลายหายไปจนหมดสิ้น

ทุกวันที่ผมต้องนั่งเฝ้าดูคนที่รักตื่นเพราะฝันร้ายและร้องไห้จนหลับไป วนเวียนซ้ำไปมาอยู่อย่างนี้ หัวใจของผมมันแสนจะเจ็บปวด

เรื่องของแอมป์ ผมได้บอกเล่าให้นพฟังทั้งหมดแล้ว และเขาก็ตัดสินใจขอพาลูกชายเพียงคนเดียวของติณออกจากบ้านหลังนั้น แม้ว่าพ่อกับแม่ของติณจะทัดทานเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง

พวกเราไม่กล้าบอกเรื่องของแอมป์กับพ่อแม่ของติณ เพราะกลัวว่าชีวิตครอบครัวของแต้ว น้องสาวที่ติณรักจะมีปัญหา แต่นพทนอยู่กับคนที่ทำให้ติณโดนตราหน้าว่าเป็นคนชั่วร้าย ทั้งยังถูกทำร้ายทั้งที่ไม่ผิดไม่ได้ จึงเลือกจะไม่เผชิญหน้าด้วยอีก

นพเป็นคนแบบนั้น ไม่คิดเคียดแค้นอย่างไร้ประโยชน์ เขาอยู่ในกฎหมาย ทำทุกอย่างตามที่มันควรจะเป็นไป มีเหตุผลและหลักการเสมอ แต่

เขากลับดื้อรั้นกับผมเป็นพิเศษ

“เป็นยังไงบ้าง?” นพซื้อบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านแถบชานเมืองแห่งหนึ่ง ละแวกนั้นเงียบสงบและปลอดภัย แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้ จึงมักจะแวะมาหาทุกครั้งที่ว่าง

“ผมบอกแล้วไง ว่าถ้าไม่มีข่าวอะไรจากคุณอันหรือติณ ก็ไม่ต้องมา” ทั้งดื้อทั้งใจแข็งเลยว่ะ ผมทำใจไว้แล้วล่ะ ต่อให้ติณไม่กลับมาอีกเลย เขาก็คงไม่มีทางยอมรับผมง่ายๆ

“มาเพราะเป็นห่วงไม่ได้หรือไง” ผมนั่งลงข้างๆ เขาบนโซฟา นพรีบลุกขึ้นทันที แต่ผมก็คว้าเอวเอาไว้ รั้งให้ลงมานั่งด้วยกันตามเดิม

“มีคนไข้อีกเยอะแยะให้พี่ห่วง ไม่จำเป็นต้องเป็นผม” เขายอมนั่งด้วยแล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้แตะตัว

ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “พี่อาจจะมาเพราะเป็นห่วงภพก็ได้” แกล้งแหย่ไปงั้นแหละ มาเพราะห่วงเจ้าตัวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่แหละ

นพเงียบกริบ กัดปากน้อยๆ ด้วยความขุ่นเคือง ทำท่าจะลุกไปจากตรงนี้อีกครั้ง และคราวนี้ผมก็ยอมปล่อยให้เขาลุกไป อดอมยิ้มตามไม่ได้กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดน่ารักๆ ที่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าชอบทำใส่ผมบ่อยเกินไปแล้ว

“จะสามปีแล้วเนี่ย ไม่ใจอ่อนกับพี่หน่อยเหรอ” ผมทิ้งระยะให้เขาหายงอนสัก 2-3 นาที แล้วค่อยตามไปในครัว เห็นกำลังยืนคั้นน้ำส้มใส่แก้ว ผมก็หลุดยิ้มอย่างอดไม่ได้ เขาบอกว่าเมื่อก่อนติณชอบทำให้ แต่ตอนนี้ต้องทำเอง และที่สำคัญคือ กำลังคั้นให้ผม มาทีไรก็ทำให้ทุกทีแหละ แต่ปากนี่แข็งน่าดู มันน่าจูบให้ปากเปื่อย เผื่อจะยอมพูดอะไรหวานๆ ให้ฟังบ้าง

ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้เรียบง่ายเกินไปนัก มันเหมือนค่อยๆ ผูกพันกันเรื่อยๆ อย่างที่เขาเคยรู้สึกกับติณ ทุกวันนี้เขาก็ยังคิดถึงและห่วงหาติณ แต่การตามหาร่องรอยของติณกับอันดามันเกิดหยุดชะงักเพราะพายุหิมะเมื่อสามปีก่อน จนทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้บาสก็ติดต่อไม่ได้เลย

ผมรู้ว่านพฝันร้ายทุกคืน ทั้งเรื่องติณและลูกของเขา เขาทุ่มเงินทั้งหมดในการตามหา แต่ก็คว้าน้ำเหลวกลับมา นั่นยิ่งทำให้ความเครียดถาโถม จิตแพทย์ที่รักษาเขา ซึ่งเป็นเพื่อนของผมเอง ก็คอยรายงานความคืบหน้าบางส่วนเท่าที่เปิดเผยได้ ตอนนี้อาการซึมเศร้าของนพหายไปแล้ว เหลือก็แต่ความเครียดและฝันร้าย

“ดื่มแล้วก็ไปอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ผมต้องไปศาลแต่เช้า” เขาหันมายื่นแก้วน้ำส้มคั้นสดๆ ให้ผม ผมคว้าไว้ทั้งแก้วและมือคน ยกดื่มทั้งอย่างนั้น สายตามองผ่านเลยแก้วใสไป แก้มของนพมีสีแดงจางๆ และไม่ยอมสบตากับผมตามเคย

ผมดื่มน้ำส้มในแก้วจนเกลี้ยงไม่เหลือสักหยด แต่มือยังไม่ยอมปล่อย

“ไปอาบน้ำ” เขาพยายามจะดึงมือออก แต่ผมก็ยังจับไว้แน่น ออกแรงกระชากเบาๆ ให้นพเซเข้ามาหา เราสูงพอๆ กัน พอทำแบบนี้ ใบหน้าของเราก็จะอยู่ตรงกันพอดี รวมทั้งริมฝีปาก เขายกมืออีกข้างขึ้นดันอกผมไว้ “พี่หมอ” เรียวคิ้วสวยขมวดปมอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เสียงที่เรียกชื่อผมก็ออกจะขุ่นๆ

เอาเถอะ จะไม่พอใจก็ช่าง เพราะผมก็ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว น่าจะชินสักที ผมโอบเอวเขาแล้วเอามือลูบที่สะโพกบาง แม้จะดูมีกล้ามเนื้อขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังผอมอยู่ดีสำหรับผม

“พี่หมอ!” เขาไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน แค่ใช้เสียงดังข่มขู่ ทั้งที่รู้ว่าผมไม่เคยสะทกสะท้าน

ตลอดสามปีมานี้ เราจูบกันมากี่ครั้งแล้วนะ?

จะไม่ลืมคนรักเก่า ไม่เป็นไร ผมทนได้

แค่ยอมให้ผมกอด จะคิดถึงใครอยู่ก็ช่าง

เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือนี้อีกแล้ว

พี่ขอโทษนะติณ

******

เหมือนเมื่อคืนนพจะพูดอยู่ว่าต้องไปศาลแต่เช้า ผมตื่นมาตอนที่ได้ยินเสียงกุกกักหน้าตู้เสื้อผ้า เขาอาบน้ำเสร็จแล้วและกำลังแต่งตัว ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าไปหา หยิบเนคไทสีน้ำเงินเส้นโปรดของเขามาผูกให้

ติณเคยทำแบบนี้ให้เขา และทุกวันนี้ผมก็เป็นคนทำให้แทนติณ

แค่ตัวแทนก็ยังดี

จะเอาอะไรมากล่ะ ผมมาทีหลังนี่

“ขอบคุณ” เขาบอกอ้อมแอ้มในคอ เมื่อผมผูกเนคไทให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาอยู่กับติณ เขาเขินบ่อยแบบนี้หรือเปล่า

อดไม่ได้จริงๆ ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับอีกคน ก็คนคนนั้น เป็นคนที่นพรักมากที่สุดในชีวิต

“คืนนี้พี่ไม่กลับนะ อยู่เวร”ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง มองดูเขาเก็บของลงกระเป๋า นพพยักหน้ารับ

“งั้นพี่ก็ควรนอนพักให้เยอะๆ เดี๋ยวผมไปส่งภพที่โรงเรียนเอง” จริงสินะ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กอยู่ป.5 แล้ว ตัวก็โตขึ้นทุกวัน

“ทันเหรอ?”

“ทัน” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป

ผมเอนตัวลงนอนบนเตียง ได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กดังเจื้อยแจ้ว ไม่รู้ว่าโม้อะไรให้พ่อมันฟังทุกเช้า มาทีไรได้ยินทุกที ถ้าวันไหนผมมีเข้างานเช้าด้วย จะเป็นคนพาเจ้าภพไปส่งโรงเรียนให้เอง เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาวนรถไปมา

คิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่เสียงเด็กน้อยเงียบลง และเสียงเครื่องยนต์รถห่างออกไป นัยน์ตาของผมก็ค่อยๆ ปิดลง

******

การตามหาติณและอันดาถูกยกเลิกไปในปีที่ 8 เพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมหาศาล และต้องใช้เงินจำนวนมากในการส่งภพเข้าเรียนต่อระดับมัธยมปลาย ทั้งยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับระดับมหาวิทยาลัย อนาคตของคนที่ยังอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งจำเป็นกว่า และเหมือนนพจะตัดใจได้มากแล้ว

“ถ้าติณมีความสุขอยู่กับคุณอัน ผมก็คงต้องทำใจยอมรับมัน เพราะผมไม่ควรจะหักหลังคุณอันแต่แรก”

แววตาของนพไม่ได้เศร้าสร้อยมากมายนักในตอนที่พูดถึงเรื่องนั้น คงเพราะเรื่องมันผ่านมานานเกินไปที่จะเสียใจ เรื่องที่ค้างคาใจก็บอกติณไปหมดแล้ว และคงทำใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าติณอาจจะเลือกไอ้อัน และไม่กลับมาที่นี่อีก

“นายทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก ติณต้องเข้าใจอยู่แล้ว ก็ติณรักนายออกขนาดนั้น” ผมทำได้แค่คอยอยู่เคียงข้าง ปลอบโยนเขา

หลังๆ มานี้อาการฝันร้ายของนพหายไปแล้ว เขานอนหลับสนิท ไม่ค่อยตื่นมากลางดึก ผมไม่แน่ใจหรอกว่าทุกคืนหรือเปล่า เพราะบางคืนผมต้องไปเข้าเวร ก็เลยกำลังคิดๆ อยู่ว่าจะเลิกทำงาน ออกมาเปิดกิจการของตัวเอง เพื่อจะได้คอยดูแลนพกับภพได้มากขึ้น

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่นพก็ยังเป็นนพ แม้จะยอมให้กอด แม้จะยอมให้อยู่ใกล้ แม้ว่าเราจะเหมือนเป็นคนรักกันแล้ว แต่ใจของเขายังคงอยู่ที่ติณเสมอ

ที่ยอมอยู่กับผมก็แค่ต้องการใครสักคน ผมรู้ดี

14 ปีที่ผ่านมา ผมกอดเขาด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ

มันควรจะพอแล้วหรือยัง

ผมไม่รู้เลยว่า

ถ้าขาดเขาแล้ว ผมจะอยู่ยังไง

ที่เคยบอกว่าแค่ตัวแทนก็ยังดี

มันไม่ใช่เลย

ผมอยากเป็นตัวจริง

มันอาจจะถึงขีดจำกัดของความอดทนแล้วก็ได้

******

จริงๆ ไม่ได้กะจะต่อ แต่ก็อยากให้มันเคลียร์ๆ บอกตามตรง แต่งเองยังคิดเลย

คืออ่านมาตั้งนาน หมอแม่งฉุบมือเปิบซะงั้น ฮ่่าๆๆๆ แล้วที่ผ่านๆ มาคือไร๊


ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
 o13 :mc4:
หูยยยย เศร้าอะไรเบอร์นี้
:mew2:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
:a5: ติณตาย  o22
จะมีตอนต่อไป หรือจบแล้ว  :hao4:
มาเคลียร์แล้ววว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสารนพกับพี่หมอ นพต้องตัดใจให้ได้ ส่วนพี่หมอทำต่อไป ต้องได้เป็นตัวจริงสักวัน  :กอด1:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ตราบาป...[Ester x Phop] NC18+

“ครับ ถึงแล้ว เจออาทีแล้ว” เอสเตอร์ หรือด.ช.อดิเทพ เอียงคอหนีบสมาร์ทโฟนยี่ห้อดังไว้แนบหู สองมือกำลังผัดมาม่าในกระทะ

“ไม่ต้องห่วงน่าลุง ผมอยู่ได้ อาทีเพิ่งกลับบ้านไปเมื่อกี้” อาทีที่พูดถึงก็คือเพื่อนของลุง คนที่ให้เอสเตอร์มาอาศัยอยู่ที่คอนโด ซึ่งปกติเอาไว้ให้คนเช่า แต่ตอนนี้ห้องว่าง จึงให้หลานชายมาอยู่ฟรีๆ แต่ออกค่าน้ำค่าไฟเอาเอง

[ให้ไปอยู่บ้านไอ้ทีก็ไม่เอา นายยังอายุไม่ถึง 15 ไม่บรรลุนิติภาวะ ทำไมดื้อด้านจังวะ] เสียงลุงของเขาบ่นดังทะลุมือถือ เอสเตอร์เบะปากหน้าตาเหยเก

“ผมแค่มาอยู่ช่วงซัมเมอร์แป้ปเดียวเอง ไม่อยากเป็นภาระอาที” เด็กหนุ่มว่าพลางตักมาม่าที่ผัดเสร็จแล้วใส่จาน กลิ่นหอมเตะจมูกจนน้ำลายสอ เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ลงจากเครื่อง ยังดีที่ซื้อมาม่ากับไข่มาจากซูเปอร์ข้างล่าง มีแค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว

[อย่ากินแต่มาม่านะ กินผักกินปลามั่ง] เหมือนลุงจะรู้ทัน ราวกับได้กลิ่น

“น่าๆ ผมโตแล้ว จัดการตัวเองได้” เอสเตอร์พ่นลมหายใจยาวแล้วตักมาม่าเข้าปาก “แค่นี้นะลุง หิวมากแล้ว”

[เอส...]

สายตัดไปเสียแล้ว ก่อนที่ลุงจะได้บ่นมากกว่านั้น เอสเตอร์กดปิดมือถือ เพราะกลัวลุงจะโทรเข้ามาอีก เขานั่งขัดสมาธิโซ้ยมาม่าเข้าปากอย่างตะกละตะกลามด้วยความหิว ตามด้วยน้ำอัดลมสีดำ เรอเสียงดังเมื่ออิ่มแปล้แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนราบไปบนพื้นพรม

ห้องที่อาทียกให้ค่อนข้างอยู่สบายทีเดียว มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ ทั้งครัวแบบจัดเต็ม ทีวี เครื่องเล่นเกมส์ ซึ่งคาดว่าอาทีคงซื้อมาไว้ให้ตอนรู้ว่าเขาจะมา อาทีเคยเลี้ยงดูเขาเมื่อตอนแรกเกิดจนถึงอายุ 10 ขวบ พอดีทางบ้านที่ไทยมีปัญหา แม่ของอาทีล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล อาทีเลยต้องกลับมาที่นี่และไม่ได้กลับไปแคนาดาอีกเลย

ปิดซัมเมอร์นี้มีเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น ที่เอสเตอร์จะได้ใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิดของพ่อและแม่ ได้ซึมซับช่วงเวลาแห่งความทรงจำในประเทศห่างไกลที่พ่อกับแม่จากมา

เด็กหนุ่มมีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด เงินที่เก็บหอมรอมริบจากค่าขนมที่ลุงให้ โน๊ตบุ๊ค มือถือ นาฬิกาและกล้อง DSLR ที่พ่อเคยใช้ เขาเอาของทั้งหมดออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะกระจก นั่งเกยคางกับขอบโต๊ะมองดูพวกมัน

สามเดือนนี้คงต้องออกหางานพิเศษทำ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วยตัวเอง ไม่อยากรบกวนลุง แค่ขอมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ทำลุงลำบากใจมากพอแล้ว

เอสเตอร์คิดพลางเปิดโน๊ตบุ๊ค ประเทศนี้ต้องอายุ 18 ขึ้นไปถึงจะทำงานได้ คงต้องใช้เล่ห์กลกันสักหน่อยแล้ว

******

เสียงเพลงเตือนสายเรียกเข้าและแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ตฤณภพชะงักขาที่กำลังเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า เขาหยุดยืนหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย

“ครับพ่อ...คืนนี้คงดึกหน่อย ผมบอกลุงหมอแล้ว ครับๆ แค่นี้ครับ” เพราะภพรับจ๊อบเล่นดนตรีตามผับเป็นงานอดิเรก บางคืนจึงกลับบ้านดึก หรือไม่กลับเลยก็มี ซึ่งพ่อของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่คอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงและไม่อยากให้ทิ้งการเรียน

คุยกับพ่อเสร็จ ภพก็ออกเดินต่อ ไปยืนรอรถไฟฟ้าที่ชานชาลา วันนี้มีเล่นแถวทองหล่อ จากมหาวิทยาลัยไปแค่ไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว เขากระชับกีต้าร์ที่สะพายไว้พลางก้าวขาเข้าไปในขบวนรถที่มาจอดเทียบสถานีพร้อมกับผู้คนอีกมากมาย

คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์สิ้นเดือน คนมาเที่ยวผับจึงค่อนข้างเยอะกว่าวันอื่นๆ ภพเองก็เน้นรับงานช่วงศุกร์เสาร์เป็นหลัก แต่ถ้าวันไหนขาดคนจริงๆ ก็จะมาเล่นให้ แต่ไม่อยู่ดึกมาก

“หวัดดีพี่เข้ม” มาถึงร้าน ภพก็ยกมือไหว้เจ้าของผับ ซึ่งเป็นอดีตรุ่นพี่ที่มหาลัยเดียวกันเมื่อสองปีก่อน ร้านนี้พี่เข้มรับช่วงต่อมาจากพี่ชายอีกที

“เฮ้ย ดีเว้ย วันนี้เต็มที่นะมึง” พี่เข้ม ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเคราต่างจากสมัยเรียนเดินเข้ามากอดคออย่างสนิทสนม “เออ วันนี้มีเด็กมาใหม่ว่ะ แต่มันอ่านภาษาไทยไม่ออกเลย มึงช่วยๆ ดูให้ทีดิ”

“ร้านพี่รับต่างด้าวทำงานด้วยเหรอวะ” ภพขมวดคิ้วอย่างสงสัย คนในร้านเยอะแยะ ให้สอนไปก็ได้ ทำไมมาวานนักดนตรีอย่างเขา

“มันเป็นฝรั่งอ่ะดิ ไม่ใช่ต่างด้าวแถวบ้านเรา พูดภาษาอังกฤษรัวมาก พนักงานกูไม่มีใครสอนไหว มึงรับไปที มึงเก่งสุดละ” พี่เข้มตบบ่าภพสองสามทีแล้วเดินนำเข้าไปหลังร้าน เพื่อแนะนำให้รู้จักกับเด็กใหม่ที่ว่า

เด็กหนุ่มร่างสูง หน้าตาเอเชียแต่ผมทองอร่ามทั้งหัว แค่เห็นแว้บเดียวภพก็จำได้แม่นยำ

“เอสเตอร์!”

“พี่ภพ!”

สองคนประสานเสียงเรียกชื่อกัน เพิ่งเจอกันไปเมื่อสองวันก่อน เลยยังจำกันได้อยู่ พี่เข้มเลิกคิ้วมองทั้งคู่สลับไปมา

“นี่รู้จักกัน?”

“อ๋อ ครับ เขามาขอความช่วยเหลือเมื่อสองสามวันก่อน” ภพอธิบาย แต่เอสเตอร์ฟังไม่เข้าใจทั้งหมด ได้แต่เอียงคอมอง

“ดีเลย คิดถูกที่เอามาฝากมึง คุยกันไปนะ กูไปดูร้านก่อน” แล้วเจ้าของร้านก็เดินกลับเข้าร้านไป ทิ้งให้สองหนุ่มยืนยิ้มแหยๆ ให้กัน

“คิดไงมาทำงานที่แบบนี้น่ะเรา อายุถึงแล้วเหรอ” แม้จะตัวสูงใหญ่แบบเด็กที่โตในต่างประเทศ แต่ดูจากหน้าตาแล้ว ภพไม่อยากเชื่อว่าเอสเตอร์จะอายุถึง 18

“พี่ดูบัตรผมได้เลย” เอสเตอร์ยื่นบัตรประชาชน (ปลอม) ของประเทศแคนาดาให้ดู ในนั้นระบุว่าอายุ 20 ปี

“20? หืม...มาจากแคนาดาเหรอ” ภพยังไม่ค่อยอยากเชื่อแม้จะเห็นตัวเลขบนบัตรแล้ว ห่างกันแค่ปีเดียว ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เลยยื่นบัตรคืนให้พร้อมคำถาม เอสเตอร์พยักหน้ารับ “แล้วไม่เรียนหนังสือเหรอ”

“ตอนนี้ปิดเทอมครับ สามเดือน” เอสเตอร์ยิ้มตอบพร้อมชูนิ้วสามนิ้ว

“อ้อ ปิดไม่ตรงกันนี่นะ คิดไงมาที่นี่”

“อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดของพ่อกับแม่ผม”

“นายเป็นคนไทยเหรอ? ก็พูดไทยอยู่นี่นะ อืมๆ” ภพพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง เหมือนเข้าใจอะไรอยู่คนเดียว “แล้วอ่านภาษาไทยไม่ได้ จะทำงานในร้านยังไงดี” อดคิดไม่ได้ว่า พี่เข้มจะรับมาให้ลำบากทำไม แต่พอพินิจพิจารณารูปร่างหน้าตาของเด็กหนุ่มผมทองตรงหน้าแล้ว มันก็น่ารับอยู่หรอก แบบนี้ลูกค้าสาวๆ หรือแม้แต่ผู้ชายที่กินผู้ชายด้วยกันก็คงชอบ

“ผมไม่รู้” เอสเตอร์ส่ายหน้า “พี่เข้มบอกจะให้พี่ช่วยสอนไม่ใช่เหรอ?”

“อยากอ่านออกพูดได้คล่องกว่านี้มั้ยล่ะ ถ้านายตั้งใจอย่างนั้น พี่ก็สอนให้ได้” ภพกอดอกเอนตัวพิงประตูร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่มทะลุออกมาถึงหลังร้าน คนน่าจะทยอยมากันจนแน่นขนัดแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมง เขาจะต้องเตรียมตัวขึ้นเวที คงต้องให้เอสเตอร์ทำงานไปก่อน ติดขัดอะไรให้มาถาม และหลังจากนี้ต้องหาเวลานอกไปสอนกันตัวต่อตัว

“ผมอยากอ่านออก พูดได้คล่องๆ ถ้าเขียนได้ด้วยยิ่งดี พี่ช่วยสอนผมทีนะครับ” เอสเตอร์รัวภาษาอังกฤษใส่ไม่ยั้ง จนภพถึงกับเบลอเล็กน้อยเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็พอจับใจความได้

“โอเคๆ พี่จะสอนให้ คืนนี้ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน เลิกงานแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“โอเค!” เด็กหนุ่มตัวโตขานรับเสียงใส

******

คืนนั้นภพเล่นดนตรีเสร็จก็อยู่รอเอสเตอร์ทำงาน เขานั่งเฝ้าอยู่ไกลๆ ที่บาร์ มองดูเด็กหนุ่มผมทองคอยยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้า ดีที่เครื่องดื่มส่วนใหญ่มีชื่อภาษาอังกฤษ แต่ลายมือของเอสเตอร์เวลาจดรายการมันโครตจะเนทีฟ ทำให้เด็กในร้านคนอื่น รวมทั้งบาร์เทนเดอร์อ่านยากมาก เล่นจดมาเป็นภาษาอังกฤษล้วนเลย แบบนี้คงต้องสอนให้เขียนก่อนอย่างแรก

“เหนื่อยมั้ยครับ” ตี 2 ได้เวลาปิดร้าน พี่เข้มบอกให้เอสเตอร์กลับพร้อมภพได้เลย ไม่ต้องช่วยปิดร้าน เพราะจะได้ไปติวกันต่อ

“เหนื่อยมากพี่ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” เอสเตอร์โพล่งยาวด้วยภาษาราชการของตัวเองตามเคย นานๆ ทีจะยอมพูดภาษาไทย แต่ตอนคุยกับลูกค้าก็พูดไทยกระท่อนกระแท่นไปเรื่อย แต่กลับยิ่งทำให้สาวๆ นักท่องราตรีชื่นชอบและเอ็นดู เรียกหาบ๋อยผมทองกันให้ควั่ก

“แล้วจะให้สอนเลยมั้ย หรือคืนนี้ไม่ไหว” ภพยิ้มน้อยๆ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กตัวโตอย่างเอ็นดู ตอนที่ฝ่ามือสัมผัสกับกลุ่มผมสีทองนุ่มมือ ความรู้สึกโหยหาแปลกๆ ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

เอสเตอร์เองก็เหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะเด็กหนุ่มคว้ามือของภพไว้แน่น ต่างคงต่างจ้องตากัน จนภพเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องหลบสายตาร้อนแรงนั้น

“กลับยัง เอาไง?” ภพหันหลังหนี เอสเตอร์ขยับก้าวขึ้นมายืนชิดอยู่ด้านหลัง แผ่นอกหนาของเด็กหนุ่มแนบสนิทกับหลังของภพ รู้สึกถึงก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เต้นตุ้บๆ ทั้งของตัวเองและของคนตัวโตข้างหลัง ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูตอนที่เอสเตอร์โน้มตัวลงมา ภพยิ่งสั่นเกร็งด้วยความตื่นเต้น

“ไปห้องผมนะ”

******

เพราะเอสเตอร์โกหกว่าอายุ 20 แล้ว ภพจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรกับความช่ำชองของเด็กหนุ่ม ทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งที่สอง แต่ภพกลับปล่อยตัวปล่อยใจไปกับตัณหาราคะที่เด็กหนุ่มผมทองเป็นคนปลุกปั่นเสียแล้ว

“ห้องนาย...อือ...สวย...อ๊ะ” แค่ก้าวขาเข้ามาในห้องของเอสเตอร์ ยังไม่ทันได้สำรวจถ้วนทั่ว ก็ถูกเด็กหนุ่มตัวโตดันติดผนัง โถมตัวเข้าใส่ ระดมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอ

“จ๊วบ” เอสเตอร์บดริมฝีปากรุกไล่เรียวลิ้นสอดแทรกสู่โพรงปาก เสียงจูบดังก้องสะท้อนในโสตประสาท ภพหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม พยายามส่งลิ้นตอบรับลิ้นของเอสเตอร์ไม่ให้น้อยหน้า ฝ่ามือหนาของเด็กหนุ่มบีบคลึงขยี้ขยำไปทั้งร่าง ตั้งแต่หน้าอก เอว สะโพก บั้นท้าย และต้นขา ภพกอดร่างสูงไว้แน่น กางเกงถูกปลดตะขอและรู้สึกถึงแรงกระชากดึงมันลงจนเบื้องล่างโล่งโจ้ง เอสเตอร์ยังคงปรนเปรอด้วยรสจูบเร่าร้อน ริมฝีปากบนล่างถูกดูดและขบกัดจนน่าจะมีเลือดออก เพราะได้กลิ่นสนิมเหล็กในปาก

ในหัวขาวโพลนไปหมด เมื่อมือหนาที่สากนิดๆ ของเด็กหนุ่มลูบไล้ส่วนกลางลำตัว ร่างโปร่งบางสะดุ้งเล็กน้อย ยกขาข้างหนึ่งขึ้นก่ายเอวร่างสูง

“อ๊า เอส...เตอร์...” แรงนวดที่ฝ่ามือกระตุ้นความกระสันอยาก มือของเอสเตอร์ร้อนราวเหล็กนาบไฟ รูดรั้งส่วนนั้นอย่างไม่มีปราณีปราศรัย แต่พอความปรารถนามาถึงขีดสุด กลับหยุดมือและเลื่อนปลายนิ้วไปวนไล้ปากทางเบื้องล่างของคนพี่แทน ภพสั่นเกร็งไปทั้งร่าง ปลายเท้าจิกแน่นที่เอวของอีกคนพลางกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างควบคุมอารมณ์ที่แทบจะล้นปรี่ออกมา

“ผมไม่ได้พกโลชั่นอะไรมาเลยด้วยสิ” เอสเตอร์ยิ้มมุมปากน้อยๆ ปลายจมูกและริมฝีปากคลอเคลียที่ข้างแก้มแดงก่ำกับซอกคอขาวๆ ดูดเม้มเบาๆ ระวังไม่ทำรอยไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่ายอย่างรู้งาน

“งื้อ” ภพยิ่งกัดปากล่างจนเริ่มซีด อยากให้ของแข็งๆ ที่ตุงกางเกงของเด็กหนุ่มผมทองกระแทกเข้ามาเร็วๆ สะโพกบางแอ่นเข้าหา เพื่อให้สัมผัสโดนมันมากยิ่งขึ้น น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตา หัวใจเต้นระรัว จะทนไมไหวแล้ว

“ใจเย็นนะ ผมกลัวพี่เจ็บ” ร่างสูงกระซิบบอกแผ่วเบาพลางเลียใบหูแดงระเรื่อ “ช่วยผมหน่อยแล้วกัน”

“อื้ออออ” นิ้วสามนิ้วของเด็กหนุ่มสอดพรวดเข้าไปในปาก ภพตกใจจนเกือบจะกัดมัน แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน เอสเตอร์ขยับนิ้วหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆ ก่อนจะดึงออกมาและกดปลายนิ้วที่ชุ่มน้ำลายเข้าไปยังช่องทางด้านหลังของหนุ่มรุ่นพี่ที่อ้าขารออยู่นานแล้ว

ร่างโปร่งพลิกตัวคว่ำหน้าเข้าหาผนังห้อง สองมือเกาะกำแพงหนา ขาสองข้างแยกออกกว้างให้นิ้วของเอสเตอร์ทั้งสามนิ้วขยับเข้าออกได้สะดวกขึ้นอีก น้ำลายอาจจะไม่ได้ช่วยหล่อลื่นมากเท่าไหร่นัก แต่เพราะภพไม่เกร็งมันเลยเข้าง่ายขึ้น

“อ๊า..ตรงนั้น ตรงนั้น เอสเตอร์!” เสียงเรียกกระเส่ากระสันยิ่งทำให้เอสเตอร์ต้องกัดฟันกรอดๆ อย่างอดทน ปลายนิ้วคว้านลึกเบิกทางจนน่าจะกว้างพอ ก่อนจะถอดถอนออกช้าๆ สมองจดจำจุดกระสันที่ภพร้องบอกเมื่อครู่ไว้อย่างดี เสียงรูดซิปดังชึบ ทำเอาร่างโปร่งสั่นสะท้านด้วยความอยาก มือข้างหนึ่งยื่นมาแหวกแก้มก้นของตนเองออก เรียกร้องให้อีกฝ่ายกระทำเร็วๆ

“พี่โครตยั่วเลย” เอสเตอร์สบถลอดไรฟันเป็นภาษาอังกฤษ ล้วงถุงยางมาฉีกซองแล้วห่อหุ้มท่อนเอ็นแข็งเกร็งร้อนผ่าวของตนก่อนจะค่อยๆ ดันมันเข้าไปในรูทวารของร่างโปร่งช้าๆ

“อ๊า~” ร่างโปร่งครางอย่างสุขสมเมื่อความรุ่มร้อนค่อยคืบคลานเข้าไปในร่างกาย “ใหญ่...”

“ลามกนะเนี่ย” เอสเตอร์ผิวปากหวืออย่างชอบใจ เห็นหน้าใสๆ นิ่งๆ แต่ภพเร่าร้อนกว่าที่คิดมากนัก

“ขยับเร็วๆ” ภพไม่ใคร่ใส่ใจคำพูดของอีกฝ่าย ตอนนี้มีแต่ความกระสันอยากปลดปล่อยเต็มที สะโพกบางยกขึ้นสูง และเริ่มขยับด้วยตัวเอง

เอสเตอร์นิ่งเงียบ กระแทกตัวจนสุดและเริ่มขยับเข้าออกทีละน้อยคล้ายจะแกล้งให้คลุ้มคลั่ง ยิ่งรู้ว่าชอบให้แรงๆ ยิ่งอยากแกล้ง

เคยมีเซ็กส์กับเพื่อนที่โรงเรียนทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาก็หลายคน แต่ไม่เคยเจอคนที่น่าบดขยี้เท่านี้มาก่อน

“อ๊ะ อ๊า” ภพร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เอสเตอร์ก็อุ้มขึ้นทั้งที่เบื้องล่างยังเชื่อมติดกัน “ทำอะไร”

“ไปที่เตียงกัน” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงพร่า ยิ่งเดินตรงนั้นก็ยิ่งขยับ และภพก็ยิ่งเสียวจนครางไม่เป็นศัพท์

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ร่างสองร่างกอดก่ายประสานกายร่วมรักกัน ราวกับไม่รู้จักพอ ความโหยหาและต้องการไม่เคยปราณีใคร ต่างคนต่างถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยความรู้สึกเหมือนผูกพักกันมาแต่ปางก่อน แม้ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรก็ตาม

รักแรกพบ?

พรหมลิขิต?

หรือชะตากรรม

จวบจนรุ่งสาง เอสเตอร์ถึงได้หมดเรี่ยวแรงยอมนอนลงอย่างอ่อนล้า ภพนอนคว่ำหน้าหอบหายใจถี่รัว ริมฝีปากบวมช้ำแดงเจ่อ รอยรักมีตั้งแต่ไหปลาร้าลงมาถึงต้นขาด้านใน ด้านหลังก็เต็มไปด้วยรอยฟันกัดและรอยจูบแดงๆ แถวบั้นเอวอีกหลายจุด เอสเตอร์ไม่มีออมแรงหรือปราณีกันเลย ทั้งเร่าร้อนรุนแรงหื่นกระหาย เล่นเอาภพเสียงแหบแห้ง แขนขาอ่อนแรงไปหมด

เอสเตอร์ขยับตัวนอนตะแคง ลูบเส้นผมที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อของร่างโปร่ง กดจูบตรงขมับไล่ลงมาตามโครงหน้าถึงลำคอและหัวไหล่กลมมน

ภพปรือตามอง “พอแล้วน่า”

“ครับผม” ร่างสูงเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง หยิบบ็อกเซอร์มาสวมแล้วจัดการรวบกองถุงยางที่ใช้แล้วไปทิ้งถังขยะ เพราะจะเช้าแล้ว ถ้าอาทีของเขามาเห็นสภาพห้องแบบนี้คงช็อคแน่นอน

ใครจะคิดว่าเด็กอายุแค่นี้จะไฟแรงจัด ซัดซะรุ่นพี่หมอบกระแตนอนซมบนเตียงแค่ชั่วข้ามคืน

“นายเป็นเกย์เหรอ” ภพยังไม่อยากหลับ เลยชวนคุยต่อ เอสเตอร์นั่งพิงหัวเตียงอยู่

“ไบ” เอสเตอร์ตอบสั้นๆ เป็นคำตอบที่ชัดเจน ได้ทั้งหญิงชาย ภพเม้มปากนิดๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสียตัวให้คนแปลกหน้าหรือคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ตอนที่ร่วมรักกัน ภพรู้สึกถึงสายใยบางๆ จนแทบจะมองไม่เห็น และหวังว่าเอสเตอร์จะรู้สึกถึงมันเหมือนกัน

“แล้วพี่ล่ะ?” เด็กหนุ่มถามกลับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองที่ร่างโปร่ง เป็นครั้งแรกที่กระหายขนาดนี้ คล้ายกับเจอสิ่งที่ขาดหายไป สิ่งที่หล่อหลอมตัวเองขึ้นมา อะไรบางอย่างที่บอกว่าคนคนนี้แหละที่ใช่

“พี่ชอบผู้ชาย...” ภพหรุบตาลง

“แล้วปกติชอบแบบไหนครับ รุกหรือรับ” เอสเตอร์ขยับตัวมาใกล้ๆ ปลายนิ้วไต่ตามแนวสันหลังให้เสียวเล่น

“ได้หมด แต่ส่วนใหญ่จะรับ”

“หึหึ ก็เหมาะกับพี่ดี ยั่วกันขนาดนั้น”

“ปากดี” ภพยืดแขนไปดึงจมูกเด็กหนุ่มทีหนึ่ง “อยู่แคนาดาคงมีแฟนเยอะสินะ เอาซะพี่ลุกไม่ขึ้น”

“พี่เป็นคนแรกนะที่ทำให้ผมอยากจนทนไม่ไหว พอได้ทำแล้วแทบหยุดไม่ได้” เอสเตอร์พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ เลื่อนตัวลงนอนข้างๆ ภพและกอดเอวไว้หลวมๆ “ผมว่าผมชอบพี่แล้วว่ะ”

“ใครจะเชื่อ เพิ่งรู้จักกัน” ภพเบะปากใส่ หันหน้าหนีไปอีกทาง

“แต่พี่ก็ยอมให้ผมกอด ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน แสดงว่าต้องรู้สึกอะไรมั่งล่ะน่า” เซ้นส์แรงจนน่ากลัว

“รู้ดี” หน้าร้อนวูบวาบพิกลจนภพต้องซุกหลบลงกับหมอนใบโต

“พี่มีแฟนยัง ถ้าไม่มีก็มาคบกัน” ความตรงไปตรงมาและเปิดเผยของเอสเตอร์ทำเอาภพไปไม่เป็น ที่ผ่านมาก็แค่สนุกๆ ได้กันแล้วก็จบๆ ไป ไม่เคยคบกับใครในฐานะแฟนจริงจัง เพราะไม่เคยเชื่อว่าจะมีรักแท้ในหมู่เกย์

“พูดง่ายจังนะ แน่ใจเหรอจะคบกัน? เรายังไม่รู้จักกันดีพอ” ด้วยสภาพสังคมที่ต่างกัน การจะคบกันในความหมายของภพและเอสเตอร์จึงแตกต่างอย่างมาก สำหรับภพ ควรจะรู้จักกันดีกว่านี้ค่อยคบ แต่สำหรับเอสเตอร์ต้องคบเพื่อจะรู้จักกันมากขึ้น

“แค่นี้ผมก็รู้จักพี่ไปถึงเครื่องในแล้ว มาเป็นแฟนผมเถอะ ผมไม่อยากเห็นพี่ไปนอนกับคนอื่นนอกจากผม และผมก็จะกอดพี่แค่คนเดียวด้วย ผมสัญญา” เด็กหนุ่มเข้ามากอดและคลอเคลียเหมือนลูกแมว ช่างออดอ้อนและประจบประแจง โปรยคำหวานหูล่อลวงให้คล้อยตาม

แล้วภพจะไม่ติดกับเด็กมันได้อย่างไร

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
สงสารนพกับพี่หมอ นพต้องตัดใจให้ได้ ส่วนพี่หมอทำต่อไป ต้องได้เป็นตัวจริงสักวัน  :กอด1:
ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พี่น้อง เขาซัมกันแล้ว  :a5:
อีตาอันหายไปไกนฟ่ะ ไม่ดูแลลูกเลย หรือคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง  o12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เดี๋ยวววววววววว เด็กน้อยคู่นี้ นางแม่เดียวกันเลยนะ ตับคู่แบบนี้เลยจริงดิ๊ !!!!!! อมกกกกกก

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5

ตราบาป 2
“ภพ! ไหนบอกว่าแค่กลับดึก!”

ภพรีบยกมือขึ้นอุดหูทันทีที่เห็นหน้าพ่อออกมารอรับหน้าประตูบ้าน กะแล้วว่าต้องโดนสวดจนหูชาแน่นอนเพราะไม่กลับบ้านเมื่อคืน แถมไม่โทรมาบอก

“ใจเย็นๆ น่านพ” หมอเดินตามออกมาเพราะได้ยินเสียงดัง รั้งแขนนพไว้ให้สงบอาการลง สีหน้าของพ่อเรียกว่าโกรธมาก เพราะภพไม่เคยทำตัวเหลวไหล จะไปไหนก็บอกเสมอ มีแค่ครั้งเดียวสมัยม.ปลายที่มือถือแบตหมดแล้วติดฝนอยู่ข้างนอก พอกลับมาถึงบ้านช้าไปสองชั่วโมงก็โดนสวดยับ แต่อย่างน้อย พ่อก็ไม่เคยตีเขา

“ไปไหนมา! ไปกับใคร! ไปทำอะไร!” นพสะบัดแขนจากมือของพี่หมอ เดินฉับๆ ไปหาลูกชาย

ภพกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จะให้บอกว่าไปนอนกับคนที่เพิ่งรู้จักแค่วันเดียว แถมยังตกลงเป็นแฟนกันอีก มันก็ยังไงๆ อยู่ แต่ภพไม่เคยโกหกพ่อมาก่อน และไม่อยากทำด้วย

“ว่ายังไงภพ! บอกพ่อมา”

“อย่าเสียงแข็งใส่ลูกสิ ภพกลัวตัวสั่นหมดแล้ว” หมอลูบหัวหลานชายเบาๆ ภพไม่ได้ถึงขนาดตัวสั่นอะไรขนาดนั้น แต่ก็กลัวพ่อมากจริงๆ

“ผะ ผมขอโทษครับที่ไม่ได้โทรบอก พอดีมือถือแบตหมด แล้วเผลอหลับที่ห้องเพื่อน” ภพก้มหน้านิ่ง พอได้ฟังคำขอโทษและคำอธิบาย นพก็รู้สึกเย็นลง พ่อถอนหายใจยาว

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ พ่อเป็นห่วง รู้มั้ย?” ถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูมาถึง 21 ปี เพราะสัญญากับติณเอาไว้แล้ว

“ครับ ขอโทษจริงๆ ครับ” ภพยกมือไหว้ขอโทษพ่ออีกครั้งอย่างสำนึกผิด นพไม่ได้ว่าอะไรแล้ว แค่บอกให้ตามกลับเข้าบ้านไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน เพราะเวลานี้เกือบบ่ายโมงแล้ว

ภพยังคงครุ่นคิดหนักถึงเรื่องของเอสเตอร์ ตกปากรับคำเพราะทนลูกตื้อกับแรงอ้อนน่ารักๆ ของเด็กหนุ่มผมทองไม่ได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน อยากจะเล่าให้พ่อกับลุงหมอฟังมาก แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“นายจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือนนี้ใช่มั้ย” ภพนอนอยู่ในวงแขนของเด็กหนุ่มตัวสูง ปลายนิ้วของเอสเตอร์คอยเขี่ยเส้นผมเล่น

“ครับ ทำไมเหรอ”

“แล้วเราจะต้องเลิกกันมั้ย” คำถามของภพ ทำเอาเด็กหนุ่มตาโต

“บ้าเหรอพี่ ถึงอยู่ไกลกันก็ยังคบกันได้ ทำไมต้องเลิก”

“ก็...นึกว่านายจะแค่คบเล่นๆ ระหว่างอยู่ที่นี่” ภพยักไหล่ พลิกตัวหันหลังให้ เอสเตอร์ตามไปกอดไว้แน่น จูบที่หัวไหล่กลมมนสองสามทีด้วยความรัก

“ถึงเราจะเพิ่งคบกันได้แค่อาทิตย์เดียว แต่ผมมั่นใจมากว่าผมรักพี่ คนนี้แหละที่ใช่สำหรับผม พี่คือทุกสิ่งทุกอย่างของผม คือคนที่ผมตามหา”

“ปากหวานนักนะเรา ใช้มุกนี้จีบติดมากี่คนแล้วล่ะ” ภพเอาศอกดันอกเด็กหนุ่มให้ถอยออกไปอีก รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เวลาที่คิดว่าเอสเตอร์คงผ่านอะไรมามากมาย เด็กที่โตเมืองนอก อยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมแบบตะวันตกที่เรื่องเซ็กส์เป็นเหมือนเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แล้วอายุตั้งขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะน้อยประสบการณ์แน่ๆ แค่เวลาทำกันก็พอรู้แล้ว

“ผมเคยมีแฟนผู้หญิงแค่คนเดียว ผู้ชายไม่เคยคบมาก่อน แต่ที่มีอะไรด้วยก็หลังเลิกกับแฟน ประมาณ 2-3 คนแค่นั้นเอง เห็นแบบนี้ ผมค่อนข้างยึดติดกับเรื่องรักเดียวใจเดียวนะ ถ้าคบใครอยู่ ผมจะไม่ยุ่งกับคนอื่น”

จากที่เอสเตอร์พูดมา ก็ดูแฟร์ดี ภพนิ่งคิด อยากจะเชื่อ อยากจะไว้ใจ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ในเมื่อเอสเตอร์มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะคบจริงจัง ภพก็อยากจะทำให้มันถูกต้อง ด้วยการพาไปแนะนำกับพ่อและลุงหมอ ไม่อยากหลบๆ ซ่อน โกหกว่ามานอนค้างบ้านเพื่อนอีก

“พรุ่งนี้ว่างมั้ย”

“สำหรับพี่ ผมว่างเสมอครับ” เด็กหนุ่มช่างฉอเลาะเอาอกเอาใจจริงๆ ทั้งที่ผู้ใหญ่อย่างภพควรเป็นฝ่ายเอาใจเด็กมากกว่าแท้ๆ แต่ก็ชอบเวลาเอสเตอร์อ้อนเหมือนกัน

“งั้นไปบ้านพี่กันนะ”

******

เอสเตอร์ไม่มีชุดที่ดูเป็นทางการติดตัวมาด้วย จึงรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ที่จะไปเจอครอบครัวของภพ เขามีแค่เสื้อยืด ตัวที่เรียบร้อยที่สุดคือตัวสีเขียวแก่ มีแค่ชื่อยี่ห้อ Superdry ติดอยู่ กับกางเกงยีนส์ขาดๆ ซึ่งมองยังไงก็ดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่แน่ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

“พ่อกับลุงพี่ไม่ได้เคร่งครัดอะไรนักหรอกน่า ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น” ภพจับมือเอสเตอร์บีบเบาๆ ให้ผ่อนคลาย ก่อนจะพาเดินเข้าไปในบ้าน พ่อกับลุงน่าจะรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว เพราะโทรมาเกริ่นไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย

วินาทีแรกที่เอสเตอร์ปรากฏตัว นพออกจะตกใจเล็กน้อยกับสภาพของเด็กหนุ่มตัวโตที่ย้อมผมทองทั้งหัว สวมกางเกงขาดๆ ดูไปคนละทางกับลูกชายของตนที่ออกจะเรียบร้อยจนอดไม่ได้ที่จะมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนหมอแค่ยิ้มให้เอสเตอร์อย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับ ผมเอสเตอร์” เอสเตอร์ยกมือไหว้พ่อกับลุงอย่างนอบน้อมตามที่ภพเคี่ยวเข็ญมา

“สวัสดี” ทั้งคู่รับไหว้พร้อมกัน

“นี่พ่อพี่ ส่วนนี่ลุงหมอ” ภพแนะนำให้ เอสเตอร์ยิ้มนิดๆ ด้วยรู้สึกเกร็งแปลกๆ กับสายตาของนพ

“ได้ยินว่ามาจากแคนาดา คบกันผ่านทางพวกเวบแคมอะไรพวกนั้นเหรอ” นพเปิดประเด็นทันทีที่เอสเตอร์หย่อนก้นลงบนโซฟา

“ทำนองนั้นครับ พอดีปิดเทอม ผมก็เลยมาหาพี่ภพ จะได้รู้จักกับคุณพ่อไว้” เอสเตอร์ยิ้มหวานเอาใจผู้สูงวัยให้รู้สึกเอ็นดู ซึ่งค่อนข้างได้ผลทีเดียว บรรยากาศผ่อนคลายลง จนภพแอบถอนหายใจ

“อุตส่าห์มาหาตั้งไกล สายเปย์รึไงเรา” หมอแกล้งแซวขำๆ ยิ่งลดความตึงเครียดลงได้อีกโข แต่พอถูกนพซักประวัติ เอสเตอร์ก็ดูเกร็งๆ ขึ้นมาอีก

“อายุเท่าไหร่ เรียกภพว่าพี่ แสดงว่าอ่อนกว่า คงไม่ใช่เด็กมัธยมหรอกนะ?”

โกหกผู้ใหญ่ แถมเป็นพ่อของแฟน คงดูไม่ดีแน่ แต่ถ้าบอกความจริงตอนนี้ มีหวังได้โดนพี่ภพโกรธ เอสเตอร์คิดหนักจนเหงื่อตก สุดท้ายก็โกหกคำโตออกไปตามเคย

“แล้วพ่อแม่เราทำงานอะไรเหรอ” นพยังคงซักต่อ จนหมอถึงกับต้องเอ่ยปากว่า

“ไม่ได้อยู่ในศาลนะครับคุณอัยการ อย่าหน้าเครียดถามเด็กสิ”

“เอ่อ...แม่ผมเสียตั้งแต่คลอดผมแล้วครับ ส่วนพ่อก็เกิดอุบัติเหตุเสียไปตอนผมอายุขวบกว่าๆ ตอนนี้ผมเลยอยู่กับลุงแค่สองคน  ลุงผมเป็นนักวิทยาศาสตร์” เรื่องนี้ภพเองก็เพิ่งเคยได้ยินจากปากของเอสเตอร์เหมือนกัน ทุกคนนั่งเงียบ นพรู้สึกผิดที่ถามแบบนั้น

“ขอโทษนะที่ทำให้นึกถึงเรื่องน่าเศร้า เสียใจด้วยนะเอสเตอร์” นพเอ่ยอย่างเห็นใจพลางตบที่มือของเด็กหนุ่มเบาๆ

แปลก

สัมผัสของนพ ทำให้เอสเตอร์รู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด

แต่มันต่างจากที่รู้สึกกับภพอยู่เล็กน้อย

“ลุงว่าเราไปกินข้าวเย็นกันดีกว่ามั้ย” เพราะบรรยากาศมันเริ่มจะเศร้าสลดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หมอจึงเอ่ยแทรกขึ้น ทำให้ทุกคนกลับมาครื้นเครงอีกครั้ง

******

คืนนั้น เอสเตอร์ได้รับอนุญาตให้นอนค้างที่บ้านของภพ เด็กทั้งสองนอนคุยกันบนเตียง ผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเอง

“พี่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายเมื่อไหร่” เอสเตอร์นอนหงายมองเพดาน ส่วนภพนอนตะแคง นิ้วไล้วนบนแผงอกของเด็กหนุ่ม

“ตอนอายุ 16”

“ทำไมถึงรู้ตัวอ่ะ มีคนที่แอบชอบเหรอ” เอสเตอร์คว้านิ้วที่วนไปมาตรงอกมาจูบ “ซนมากเดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้นอน” แววตาขี้เล่นของเด็กหนุ่มเสมองมาอย่างมีเลศนัย ภพหน้าร้อนฉ่า รีบชักมือออก ก็แค่ชอบสัมผัสร่างกายของเอสเตอร์ จะส่วนไหนก็ได้ แต่ตรงช่วงอกที่ดูมีกล้ามเนื้อแน่นตึงรู้สึกดีที่สุด

“ไม่มีหรอก คนที่ชอบน่ะ แต่มีรุ่นพี่ม.6 มาจีบ เป็นผู้ชาย”

“แล้วพี่ก็เลยคบกับเขา?”

“เปล่า ไม่ได้ชอบ ปฏิเสธไป แต่...ตอนที่โดนจูบ มันรู้สึกดี”

“ทั้งที่ไม่ได้ชอบเขาเนี่ยนะ?”

“ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจูบกับผู้ชายด้วยกันมันจะรู้สึกได้ ตอนนั้นก็สับสนนะ เลยลองคบผู้หญิงดู แต่ก็ไปไม่รอด”

“แสดงว่ากับผู้หญิงไม่โอเคตั้งแต่แรกแล้ว?” เอสเตอร์ขยับตัวขึ้นในท่านอนตะแคงเอามือท้าวหัวไว้ หันหน้ามาหาภพ ซึ่งภพเองก็อยู่ในท่าเดียวกัน

“ก็ทำนองนั้น” ภพพยักหน้านิดๆ

“แล้วบอกพ่อกับลุงพี่ทันทีเลยเหรอว่าเป็นเกย์?” เอสเตอร์เลิกคิ้วอย่างสงสัย

“หลังจากนั้นสองสามปีก็บอก แล้วนายล่ะ ทำไมเป็นไบ ถ้าชอบผู้หญิงได้ ก็ไม่น่ามาทางนี้นี่” ภพเปลี่ยนท่า นอนหันหลังหนีสายตาของเด็กหนุ่ม

“ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้นแต่แรกแล้ว ถ้าชอบก็คบได้หมด” เอสเตอร์จับร่างโปร่งให้นอนหงายและขึ้นคร่อมไว้ ร่างกายของเด็กหนุ่มสูงใหญ่กว่าภพพอสมควร คงเพราะกินแต่เนื้อนมไข่ และดูเหมือนจะชอบออกกำลังกายด้วย เอสเตอร์ไม่ได้สวมเสื้อ แม้ร่างกายจะยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต แต่ก็ดูสมส่วนและมีกล้ามเนื้อเล็กน้อย

ส่วนภพ จะเรียกว่าหยุดการเจริญเติบโตตั้งแต่อายุ 18 ก็น่าจะใช่ เพราะส่วนสูงหยุดที่ 176 ซม.มาหลายปีแล้วจนถึงตอนนี้ แต่เอสเตอร์น่าจะราวๆ 180 ไปแล้ว

“ห้องพี่เก็บเสียงใช่มั้ย เพราะพี่เล่นดนตรี ผมเห็นผนังบุที่กั้นเสียงไว้หลายชั้นเลย” รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของเด็กหนุ่มทำเอาภพรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว

“ช่างสังเกตจังนะเรา” ภพยกยิ้มอย่างถูกใจ “ถึงจะเก็บเสียง แต่พี่ก็ไม่อยากทำอะไรที่บ้านหรอกนะ”

“งั้นแค่จูบ” แล้วเด็กหนุ่มก็โน้มตัวลงประกบปากแบบไม่รอคำอนุญาตใดๆ ภพหลับตาลง ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มที่ ยิ่งสัมผัสกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเท่านั้น

******

1 เดือนผ่านไป เอสเตอร์เรียนรู้ภาษาไทยได้รวดเร็วมาก ตอนนี้พออ่านออกเขียนได้บ้างแล้ว ส่วนเรื่องพูดก็ค่อนข้างคล่องขึ้นมาก คงเพราะได้ครูดีอย่างภพ

“เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านพี่กัน ลุงหมอกลับเร็ว พ่อก็หยุด” ภพเอ่ยชวน หลังจากพาเอสเตอร์ไปที่บ้านคราวนั้น ดูเหมือนทั้งพ่อและลุงจะเอ็นดูเด็กหนุ่มผมทองเอามากๆ บอกให้ภพพาไปเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ

“ได้ครับ คืนนี้ผมไม่ต้องออกไปทำงานพอดี” เอสเตอร์ตอบรับพลางซุกหน้าไซร้คอขาวๆ ของหนุ่มรุ่นพี่ ภพนั่งอยู่บนตักของเด็กหนุ่ม คอยลูบแขนที่กอดเอวไว้

“เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนแล้วนะ” จู่ๆ ภพก็เอ่ยขึ้นลอยๆ ดวงตาเหม่อมองไปไกลไร้จุดหมาย พอคิดถึงเรื่องที่เอสเตอร์จะต้องบินกลับแคนาดาในอีกสองเดือนข้างหน้า ใจมันก็โหวงๆ พิกล

“อืม” เอสเตอร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เรื่องที่ปิดบังไว้ก็ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกความจริงไป ภพต้องโกรธมากแน่ๆ และอาจจะพาลเกลียดไปเลยก็ได้

“เดี๋ยวนายต้องลืมพี่แน่ๆ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ผมจะลืมพี่ได้ไง” แขนที่โอบรอบเอวบางกระชับแน่น เอสเตอร์วางคางเกยไหล่เล็กอย่างพะเน้าพะนอ

“ใครจะรู้ อยู่ไกลกันขนาดนั้น” ภพตัดพ้อ ใบหน้าเง้างอน “นายออกจะดูดีขนาดนี้ สาวๆ คงมีมาให้เลือกเยอะแยะ”

“ยังไม่ทันไรก็หวงผมแล้วเหรอ” เอสเตอร์หัวเราะคิกคัก สูดจมูกดมกลิ่นหอมจากแก้มนุ่ม “ผม...รักพี่นะ”

“รู้น่า” ภพหลับตาลง เอนตัวพิงแผงอกแกร่ง “พี่ก็รักนาย”

“แล้ว ถ้าเกิด มีเรื่องที่ทำให้พี่ต้องโกรธผมมากๆ แบบว่ามากๆ เลย โกรธสุดๆ พี่จะทำยังไง” 

“ถามแปลกๆ นายไปทำอะไรไว้รึไง? หรือว่าแอบมีกิ๊ก!” ภพลืมตาพรึ่บ หันไปชี้หน้าจ้องตากับเด็กหนุ่มอย่างคาดคั้น

“เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมบอกแล้วไงว่าผมคบทีละคน ไม่มีนอกใจแน่นอน” เอสเตอร์ส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง “มันอาจจะเป็นเรื่องที่พี่ยากจะยอมรับ พี่เลยโกรธอะไรทำนองนั้น ถ้าเป็นแบบนั้น พี่จะทำไง ผมแค่สมมตนะ”

“เรื่องสมมตเหรอ? อืม...ก็ถ้ามีเรื่องให้โกรธขนาดนั้น พี่คงคุยกับนายให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไง พี่ไม่ชอบให้ปัญหาคาราคาซัง”

เอสเตอร์คลี่ยิ้มบางๆ กับคำตอบนั้น อย่างน้อยภพก็ดูมีเหตุผล ที่เหลือก็แค่ รอวันสารภาพบาป

******

เพราะเอสเตอร์มาค้างที่บ้าน ภพก็เลยอาสาช่วยพ่อทำอาหารในครัวอย่างกระตือรือร้น ส่วนลุงหมอก็นั่งคุยกับเอสเตอร์อยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“คนนี้จริงจังมากเลยเหรอ?” ระหว่างช่วยกันทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ นพก็ถามลูกชายด้วยความอยากรู้ ตั้งแต่ภพมาบอกว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร นพก็ยังไม่เห็นลูกชายจะมีทีท่าว่าอยากคบกับผู้ชายคนไหน ไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลยสักครั้ง แต่กับเด็กหนุ่มผมทองคนนี้ ทั้งที่เพิ่งรู้จักไม่นาน แถมยัง (เข้าใจว่า) เจอกันผ่านเนต มันยากจะเชื่อว่าจะจริงจังกันได้นานสักแค่ไหน

“ผมอยากจะจริงจังกับเขา” ภพตอบพลางตักน้ำซุปในหม้อมาเป่าแล้วลองชิม

“อยากจะ? ดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยนะ” นพส่ายหน้า “พ่อดูแล้ว ไม่น่าอายุ 20 เด็กนั่นกำลังหลอกลูกอยู่รึเปล่า”

“พ่อคิดอย่างนั้นเหรอ” ภพหันไปมองหน้าพ่อตรงๆ ความจริงก็คิดอยู่ในใจเหมือนกัน บางทีเอสเตอร์คงโกหกอายุเพื่อทำงานในผับ แต่อายุจริงคงสัก 17-18

“ดูไปก่อนก็ได้ อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วนี่ ถ้ายังไปกันรอดอยู่ พ่อก็ไม่ว่าอะไร” นพตบบ่าลูกชายเบาๆ “แต่ทำอะไรก็ป้องกันดีๆ นะ”

ภพอายจนแก้มแดงระเรื่อ “พ่ออ่ะ...พูดอะไรไม่รู้”

******

พวกเด็กๆ เข้านอนกันหมดแล้ว นพนอนเอนหลังพิงโซฟาเบดที่นอกชานหลังบ้าน ทอดสายตามองไปบนท้องฟ้ามืดสลัว คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างทั่วฟ้าดูงดงาม

มองพระจันทร์ทีไร ก็นึกถึงแต่หน้าของคนคนนั้น

คนที่สว่างสดใสเปี่ยมล้นด้วยพลัง

พลันน้ำตามันก็ไหล

“มานอนทำอะไรตรงนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย” เสียงทักจากด้านหลัง ทำให้นพต้องรีบลุกขึ้นนั่ง แอบเช็ดน้ำตาและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ร้องไห้อีกแล้ว” หมอถอนหายใจ ไม่ชอบเลยที่นพเอาแต่คิดถึงคนที่ไม่มีทางกลับมาหา ตั้ง 14 ปีแล้วแท้ๆ ทำไมยังไม่ยอมลืม ไม่ยอมเริ่มต้นใหม่

“ผมไม่ได้ร้อง จะไปนอนแล้ว” นพลุกขึ้นจะเดินสวนกลับเข้าไปในบ้าน แต่ถูกวงแขนแกร่งรั้งเอวไว้ แรงโอบรัดรอบตัวยิ่งทำให้ตื่นตระหนก “ปล่อยสิ!”

“จะมีสักครั้งมั้ยที่นายจะคิดถึงพี่” คำถามนี้ทำเอาต้องหยุดชะงัก นพเงยหน้าสบตากับอีกคน

“พูดอะไร” เรียวคิ้วสวยขมวดปมอย่างไม่เข้าใจ

“ที่ผ่านมา เคยรู้สึกอะไรกับพี่มั่งรึเปล่า” แววตาของหมอเศร้าสลด เจ็บปวด จนนพไม่กล้าสบตานานกว่านั้น

“ทำไมถามแบบนี้ ถ้าผมไม่รู้สึก จะยอมให้กอดอยู่อย่างนี้มั้ย!” เสียงตอบนั้นอ้อมแอ้มด้วยความเขินอาย อายุตั้งปูนนี้แล้วยังจะมาถามเรื่องอะไรไร้สาระ แล้วตัวเขาเนี่ย จะเขินทำไมก็ไม่รู้ “อยู่กันมาตั้งนานป่านนี้แล้ว พี่ยังคิดว่าผมไม่คิดอะไรอีกเหรอ”

หมอนิ่งงัน กะพริบตาปริบๆ สมองพยายามประมวลผลตามคนพูด

“งั้นก็คิดสินะ? ฮะฮะ” หมอหัวเราะชอบใจ โอบบ่าร่างโปร่งมากอดไว้ “นพว่าเจ้าภพมันจะรับพี่เป็นพ่ออีกคนมั้ย”

“ยังจะถาม...” นพเริ่มหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ไม่รู้ว่าพี่หมอจะย้ำทำไมนักหนา

“ให้พี่มาอยู่ด้วยถาวรเลยได้มั้ย อยากดูแลคนนี้” หมอกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างโปร่งไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ทุกวันนี้ก็เหมือนอยู่ด้วยกันแล้วนี่ ทำไมพี่ต้องย้ำคิดย้ำทำอยู่เรื่อย” นพแขวะเบาๆ เอามือตีแขนคนที่กอดแน่นจนชักจะอึดอัด

“กับนาย พี่อยากจะคิดถึงซ้ำๆ กอดย้ำๆ ทุกคืนไม่ให้ห่างไปไหนเลยล่ะ”

นพไม่ได้ตอบ เสียงพูดคุยเงียบหายไปแล้ว ดวงตาสองคู่ประสานกันใต้แสงจันทร์

นพประคองใบหน้าของหมอ แนบริมฝีปากแผ่วเบา

แม้จะยังคิดถึงติณไม่เคยจางหาย

แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อไป

และหากมีใครสักคนที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน

นพก็พร้อมจะเปิดใจ

ภพเองก็ยังคิดที่จะมองหาใครสักคน อยากจะจริงจังกับเอสเตอร์ แล้วตัวนพ อายุก็ใช่น้อยๆ แล้ว จะมามัวยึดติดกับอดีต กับความทรงจำเก่าๆ ก็คงใช่ที่

ถึงเวลาแล้วที่ต้องก้าวต่อไป ก่อนที่มันจะสาย

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
พี่น้อง เขาซัมกันแล้ว  :a5:
อีตาอันหายไปไกนฟ่ะ ไม่ดูแลลูกเลย หรือคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง  o12
มาเฉลยเรื่องของติณกับอันแล้วจ้า

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
เดี๋ยวววววววววว เด็กน้อยคู่นี้ นางแม่เดียวกันเลยนะ ตับคู่แบบนี้เลยจริงดิ๊ !!!!!! อมกกกกกก
สปาร์คกันแบบไม่รู้ตัว ฮ่าๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตายไปแล้วหรือตาอัน งั้นก็แลัวไป  :amen:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มีจุดที่สงสัยหลายที่เลยค่ะ แต่เอาบางจุดก่อน
ภพท้องไม่ได้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น(ในความคิดเรา)การที่ทั้งสองคนรักกันก็ไม่เห็นเป็นไร
ถ้าอันตายแล้ว ทำไมคนอื่นไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยคนที่บ้านอันก็น่าจะรู้ แล้วหมอเป็นเพื่อนอัน ไม่มีการไปถามหาจากที่บ้านเลยเหรอ
หลังจากติณตายแล้ว อันทำไมไม่ส่งข่าวกลับไทย แล้วทำไมไม่พาลูกติณกับนพมาคืน ลูกของตัวเองอ่ะ(ภพ)ไม่อยากเลี้ยงเหรอ
บาสก็รู้จักทั้งอันและติณ ทำไมหลังจากอันตายแล้วไม่พาลูกของติณมาคืน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2018 08:27:04 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ Mr.Sedsawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดอ่านรวดเลยค่ะ.... แต่คือช็อค... นี่ชอบตัวละครทุกตัวที่ไรท์สร้างเลยอ่ะ เพราะปกติชอบอ่านพระเอกใจร้ายแต่ยอมนายเอกอยู่แล้ว เลยพอญาติดีกับพี่อันได้(แต่ตอนนางทำติณขนาดนั้นเราด่านางเละจ้าาาาา ด่าไม่ให้เป็นผู้เป็นคนเลย เพราะสายทีมนายเอก นายเอกข้าใครอย่าแตะ)และเพราะสายทีมนายเอกค่ะ..... เรื่องนี้ทำจุกเลย จุกมาก น้ำตาคลอ ทำไมไรท์ทำกับน้องติณงี้ :sad4: :o12: :o12: ใจเราไปหมดเเล้ว ฮืออออออ น้องติณอ่าาาา น้องติณจะอยู่ในใจพรี่ตลอดไปนะ :sad4: อยากได้น้องติณเป็นเมียค่ะ :hao5: ขอบคุณที่เเต่งเเละสร้างทุกคนขึ้นมานะคะ (และสุดท้าย..แอบชอบพี่บาสค่ะ//กระซิบ)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ้าวถ้าอันดากับติณห์ ตายใครจะเฉลยปมอ่ะ

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
มีจุดที่สงสัยหลายที่เลยค่ะ แต่เอาบางจุดก่อน
ภพท้องไม่ได้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น(ในความคิดเรา)การที่ทั้งสองคนรักกันก็ไม่เห็นเป็นไร
ถ้าอันตายแล้ว ทำไมคนอื่นไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยคนที่บ้านอันก็น่าจะรู้ แล้วหมอเป็นเพื่อนอัน ไม่มีการไปถามหาจากที่บ้านเลยเหรอ
หลังจากติณตายแล้ว อันทำไมไม่ส่งข่าวกลับไทย แล้วทำไมไม่พาลูกติณกับนพมาคืน ลูกของตัวเองอ่ะ(ภพ)ไม่อยากเลี้ยงเหรอ
บาสก็รู้จักทั้งอันและติณ ทำไมหลังจากอันตายแล้วไม่พาลูกของติณมาคืน

ช่วงนี้ลงได้แค่เรื่องเดียว เรื่องนี้จะต่ออาทิตย์ละรอบคิดว่า พอดีติดงาน
แต่ขอตอบคอมเม้นท์นี้ก่อนนะคับ

เราก็คิดว่าน่าจะมีจุดน่าสงสัยเยอะมากกกก มีคนถามในเวบอื่นเหมือนกัน
ภพท้องไม่ได้คับ เพราะติณแค่โดนผ่าตัด ไม่ได้เป็นแนวท้องได้เพราะผิดปกติทางร่างกายแต่กำเนิด เลยไม่มีผลมาที่ลูก จริงๆ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ก็คงรักกันต่อไปได้ไม่มีปัญหาอะไรนะ เพราะเรื่องแบบนี้จริงๆ ก็มีเยอะ พวกที่พ่อแม่แยกทาง ลูกมาเจอกันตอนโตก็รักกันเพราะสายเลือดมันผูกพัน เคสนี้เราเอามาจากเรื่องจริงที่เคยเจอ แถมที่เราเจอมาคือหญิงชาย มีลูกกันด้วย

ที่บ้านอันเราไม่ได้พูดถึง เดี๋ยวจะเฉลยหลังๆ ส่วนเรื่องทำไมบาสไม่ส่งข่าว เพราะติดต่อไม่ได้ ทางนี้เองก็ตามหา แต่ไม่เจอ
บาสหนีคดีที่เคยร่วมมือกับอันทำร้ายติณ เลยตัดขาดกับทุกคน หนีไปสร้างชีวิตใหม่ (ตรงนี้เคยบอกไว้นิดๆ คงไม่เคลียร์เท่าไหร่ จุดเล็กนิดเดียวเลย ฮ่าๆ)
แล้วพอต้องเลี้ยงเด็กเล็กๆ คนเดียว ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาจะมาตามหาใครครับ

เรื่องของอันหลังจากติณตายเดี๋ยวเฉลยนะ
ใจเย็นๆ

ดีที่มีคนถาม เพราะเราจะได้คิดต่อเรื่องได้ ฮ่าๆ ขอบคุณมาก
คอมเม้นท์มีประโยชน์ตรงเนี้ย เป็นแนวทางให้ดำเนินเรื่องต่อได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด