Re: Hot Café รัก ร้อน ลับ >>incest<< #ตอนที่31บทสรุป P.4 [25/02/17]**จบแล้วค่า**
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: Hot Café รัก ร้อน ลับ >>incest<< #ตอนที่31บทสรุป P.4 [25/02/17]**จบแล้วค่า**  (อ่าน 21889 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รู้ความลับของน้ำนิ่งและ
เจ๋ง ถูกไล่ออก
โทษของเจ๋ง น้อยกว่าเพียวซะอีก
ที่ถูกตาน้ำลงโทษมาตลอด
คนที่ตามต้าร์ มาหม้อน้ำนิ่งคือโอมใช่มั้ย
น้ำนิ่งอ่อยทิม หรือไม่ได้คิดอะไร
ที่นิ้วน้ำนิ่งทับนิ้วทิม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 16 ระยะห่าง

น้ำนิ่งเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับทิมได้บ้างแล้ว แต่เวลาอยู่ด้วยกันมันก็เหมือนเดิม เวลาน้ำนิ่งเล่นกับกะทิ ทิมก็หลับรอตลอด
เวลาผ่านไป จนล่วงเข้าเกือบ 3 เดือน พอสที่เห็นทิมมารอน้ำนิ่งตลอด ก็อดทนกับความสงสัยตัวเองไม่ไหว ไม่เห็นมันจะบอกอะไร แต่เสือกยอมให้รับกลับทุกวัน ว่าแล้วก็ล็อคคอมันมาถาม

“มึง!! ชอบทิมใช่มั๊ย”   

น้ำนิ่งตกใจกับคำถามเพื่อน เอาแต่หันหน้าที่ขึ้นสีจนถึงหูมุดหนีเพื่อน มันก็ยังจะตามตลอดๆ ก็จะไปรู้สึกอะไรกับใครได้ยังไง เค้ากลัวคนอื่นรังเกียจ หันหน้า หันตัวหนี จนพอสถอนหายใจใส่ จับล๊อคคอจ้องหน้า

“ไอ้นิ่ง มึงฟังกูนะ มึงเลิกคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น มึงไม่ได้เป็นอะไรเลย เลิกคิดถึงเรื่องนั้นซะที ถ้ามึงชอบทิม มึงก็บอกไป กูว่ากูดูออกว่าทิมก็ชอบมึง"

“กูกลัวทิมรับไม่ได้วะ”

“อดีต ก็คือ อดีต มึงทำปัจจุบันให้มีความสุขไม่ดีกว่าหรอ จะจมกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ แล้วกลับไปแก้ไขไม่ได้ทำไม คนเราไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง มึงอยู่แบบนี้มึงมีความสุขแล้วหรอ กูถามจริง”

น้ำนิ่งไม่ได้ตอบอะไร หากมีอีกคนเดินมาแทรกกลางพร้อมกอดคอเขาและพอสไว้

“เป่าหูไรน้องกูว่ะพอส” พอสชะงักพลางถอยตัวเองออก จนตาน้ำงงกับอาการที่เกิดขึ้น

“ก็ป่าว ไมมาได้ละมึง เห็นทุกวันส่งเพื่อนมา”

“ถามแบบนี้คิดถึงกูละสิ” น้ำนิ่งขำกับคำกวนที่ฝาแฝดยั่วเพื่อน

ก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ พอสมันก็ชอบตาน้ำ ไอ้น้ำก็หมาหยอกไก่ ไม่รู้เมื่อไรจะกินซะที

“หลงตัวเองเหี้ยๆ “

“ไปกินข้าวกันเหอะ” ปากชวน พร้อมมือจูงฝาแฝดและ เพื่อนฝาแฝดเดินไปหาเพื่อนตัวเอง


ระหว่างที่เดินหาร้านข้าว ตาน้ำก็ดึงทิมให้ห่างออกมา พร้อมกับถามข่าวคราวเพื่อนและฝาแฝด
ทิมก็บอกเหมือนเดิม น้ำนิ่งเล่นกับกะทิ เค้าก็นอนรอ หลับจริงบ้าง หลับตาเฉยๆ บ้าง แต่ก็รู้ว่าอีกคนมานั่งมองหน้าตลอด แต่ไอ้ประโยคหลังนี่ไม่ได้บอกหรอก บางทีก็อยากเก็บเป็นความสุขของตัวเอง
ไม่หลับก็ไม่ไหว กลัวใจจะทนไม่ได้กับตาใสๆ  ปากแดงๆ ที่ทำให้หน้าดูหวาน ตัวบางๆ จนเผลอจะแตะต้อง
 
“นี่ กูจะบอกอะไรให้” 

ว่าแล้วตาน้ำก็กระซิบอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้ทิมรู้สึกเครียด


กลับมาถึงคอนโด ฝาแฝดก็เอนตัวนั่งพักกันที่โซฟา

“ไม่อยากไปที่ห้องทิมแล้ว”น้ำนิ่งเอ่ยขึ้น จนตาน้ำต้องหันไปมองหน้าคนพูด

“มีอะไรรึป่าว หรือว่าทิมมัน....” พูดไม่ทันจบ น้ำนิ่งก็ส่ายหน้า

“เรากลัวทิมอึดอัด พอไป เราเล่นกับกะทิไม่เท่าไร ทิมก็หลับ เราเกรงใจ ไม่อยากไปกวน  อีกอย่างเราก็กลัวทิม....” พูดยังไม่ทันจบก็โดนฝาแฝดคนพี่ดึงเข้ามากอด พร้อมกระซิบอะไรบางอย่างจนทำให้แปลกใจ





งานขายของประจำปีของมหาลัยมีขึ้น อากาศเย็นสบาย แม้จะทำให้น่าเดิน แต่แดดก็ยังคงร้อนอยู่บ้าง

แต่ละคณะมีบูธประจำของตัวเอง หากแต่นักศึกษาต้องการจะขอเพิ่มเป็นชื่อตัวเองก็ได้
คณะบริหารหมุนเวียนแต่ละสาขาให้เป็นคนจัดงาน หากเงินที่ได้จะเป็นของนักศึกษาที่จัดงานเลย ไม่ได้เข้าคณะ เพียงแต่ขอความร่วมมือให้จัดบูธเท่านั้น
และครั้งนี้ เป็นของสาขาน้ำนิ่งและพอส เพื่อนๆขอให้ทั้ง 2 คนเป็นคนดำเนินงาน เพราะเนื่องจากมีธุรกิจคาเฟ่อยู่แล้ว คงไม่ยากที่จะหาของมาขาย แต่หากน้ำนิ่งให้คำตอบกับพอสไปว่า

“ถ้าเอาของที่ร้านมาขาย คนจะมาซื้อที่บูธทำไมละ เพราะมันเหมือนกัน”

พอสคิดจนหัวแตก ก็ไม่รู้จะทำไร แต่หากน้ำนิ่งได้คำตอบแล้ว เป็นคำตอบที่พอสไม่คิดว่ามันจะกินได้และขายได้เหมือนขนมไทยนั่นละ

แต่เอาเถอะ น้ำนิ่งมันมั่นใจขนาดนี้ ก็คงไม่พลาด



วันงาน พอส ต้าร์ น้ำนิ่ง และเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มติวหนังสือ ช่วยกันทำของขาย เหนื่อยแต่ก็สนุกดี

ทำกันอยู่เพลินๆ สองหนุ่มวิศวะพร้อมแก๊งค์ทะโมนก็ปรากฏตัวหน้าบูธ

“ขายไรกันวะ”

“อ่านสิมึง ไม่ทำเหี้ยไรกันเลย จนอ่านหนังสือไม่ออกรึไง” พอสเอ่ยตอบผู้มาเยือน


‘อะโวคาโด น้ำกะทิ’


ทิมเงยหน้าอ่านป้าย พอก้มหน้าลงมาปกติก็เห็น แก้วยื่นอยู่ตรงหน้าเค้าและตาน้ำ มาพร้อมกับรอยยิ้ม

“กินไงอะ” มองอะโวคาโดสดสับเป็นชิ้นๆ ราดน้ำกะทิต้มใบเตยในถ้วยก็สงสัย


“ทิม…เดือนคณะอย่างมึงไม่น่าโง่นะ” พอสตอบจนน้ำนิ่งเอาศอกกระทุ้งเพื่อน

ก่อนหน้าร้านจะโวยวายไปมากกว่านี้ ต้าร์คว้าโทรโข่ง ปืนขึ้นถังไปยืนตะโกน

“อะโวคาโด น้ำกะทิบูธบริหารจ้า ซื้อตอนนี้ได้ถ่ายรูปฟรีกับหนุ่มฮอตของวิศวะด้วยนะ ช้าอด หมดทั้งคนทั้งของกินนะ”

เท่านั้นละ คนก็วิ่งเข้ามาซื้อจนทำขายแทบไม่ทัน ตาน้ำได้แต่ชี้หน้าด่าต้าร์ แต่หากต้าร์ยังคงตะโกนต่อไปอย่างไม่สนใจ

พอคนซาลง ทิมแอบมากระซิบน้ำนิ่ง

“เหนื่อยยัง ไปเดินเล่นกันมั๊ย”

น้ำนิ่งหันมองเพื่อน ใจอยากไปเดินดูของที่คนอื่นขายเพื่อเกิดไอเดียบ้าง  พอสพยักหน้าให้ แล้วบอก

“ไปเถอะมึง เหนื่อยมาทั้งวันละ” พูดแล้วก็หยิบเสื้อแขนยาวตัวบางส่งให้

น้ำนิ่งเดินออกไปกับทิม ส่วนตาน้ำยังคงช่วยโปรโมทถ่ายรูปพร้อมๆ ยืนกินขนมไปเรื่อย

เหตุการณ์นั้น เพียวที่แวะมาดูน้องๆจัดงาน ก็เห็นพอดี ยืนมองไม่นานก็เดินจากไป



ทิมกับน้ำนิ่งเดินไปกันเรื่อยๆ ส่วนคนที่หยุดดูนั่นนี่ ก็เห็นน้ำนิ่งซะมากกว่า อีกคนก็หยุดตาม
เดินมาจนถึงบูธคณะสัตวแพทย์ ที่มีชุดของสัตว์เลี้ยงมาขาย น้ำนิ่งก็เดินเข้าไป หยิบนั่น หยิบนี่ จนเดินออกมาถึงโต๊ะจ่ายตังค์

“อ้าว....ไอ้ทิม ยังไงเนี่ย ยังไง” คนถามมองทิม สลับกะน้ำนิ่ง ไปมา จนทิมเอื้อมไปตบหัว

“มองไรนัก คิดตังค์!”

“580 บาท”

“ไม่คิดจะลดเลย?”

“เค้าซื้อ เค้ายังไม่ต่อเลย มึงจะเดือดร้อนทำไม กะเพื่อนกะฝูงอย่ามางกน่า” หันมองคนเลือกของมากองยืนยิ้ม แล้วก็ส่ายหัว

“มึงนี่ นอกจากเป็นหมอหมาแล้วยังปากหมาอีกนะ เรียนสัตวแพทย์นี่มันต้องใจบุญรักสัตว์ไม่ใช่หรอว่ะ”

“ใจบุญกะหมา แต่ไม่ใจบุญกะมึง หรือถ้ามึงอยากให้กูใจบุญด้วย มึงต้องเป็นหมาแน่ๆ ถึงได้เดินตามเหมือนหมากะเจ้าของแบบนี้”

“อ้าว..ไอ้เหี้ยนี่วอน” หากทิมจะตบเพื่อนอีกที น้ำนิ่งก็ยกมือไปกระตุกแขนเสื้อรั้งแขนที่ยกขึ้นให้ลงมา พร้อมส่งตังค์จ่ายให้อีกคน ไป 600 บาท

ได้เงินทอนมา 50 บาท ก็ต้องหันไปมองหน้าคนคิดตังค์

“เราลดให้เจ้าของหมา แต่หมาอย่างไอ้ทิม ไม่ลดให้หรอก อยู่กะมันก็ระวังมันกัดนะ เงินส่วนที่ลดให้เก็บไว้ซื้อกระดูกให้ไอ้ทิมมันแทะหน่อย ปากมันจะได้ไม่ว่าง หรือจะเอาที่บูธเลย เดี๋ยวแถมให้”น้ำนิ่งส่งยิ้มให้อีกฝ่าย พร้อมก้มหัวเบาๆ เป็นการขอบคุณ แล้วเดินหน้ายุ่งออกมารอทิมอยู่หน้าบูธ

ทิมมองหน้าที่ขมวดคิ้วนั่น แล้วก็แอบเสียวสันหลังเบาๆ

“เพื่อนมัธยมอะ” น้ำนิ่งส่ายหน้า ราวกับจะบอกว่าไม่ได้สนใจในความสัมพันธ์นั้น ทำให้ทิมต้องยกคิ้วมองกลับเป็นคำถาม

“ไปกวนตีนเค้า” ได้ยินคำดุแล้วก็ขำ พร้อมกับถุงที่ถูกส่งมาให้ คิดว่าคนส่งให้ช่วยถือ จึงรับไปถือ หากน้ำนิ่งพูดต่อ

“ของกะทิ” พูดแล้วก็หันตัวเดินต่อ

ทิมเดินตาม จนน้ำนิ่งได้ยินคำพูดลอยมาใกล้ๆ

‘กะทิน่าอิจฉาชะมัด’ ได้ยินแบบนั้น น้ำนิ่งก็แอบยิ้ม

เดินมาจนถึงบูธของศิลปกรรม ที่ทำเครื่องประดับขาย น้ำนิ่งหยุดมองของบางอย่าง พร้อมส่งมือไปหยิบ แต่ก็มีอีกมือส่งมาหยิบพร้อมๆกัน น้ำนิ่งสะดุ้งชักมือกลับ พร้อมถอยตัวออกมา หากอีกฝ่ายร้องทัก
   
“อ้าว... น้ำนิ่ง พอสกับต้าร์ไปไหนอะ ทำไมมากับ...” คนถามมองหน้าคนที่เยื้องอยู่ด้านหลัง ทำให้ทิมคิ้วขมวดทันที

‘คนที่มากับตาร์ที่สนามบาส’

“สลับกันขายของอะ เอ่อ....นี่ทิม เรียนวิศวะ เป็นเพื่อนสนิทกับฝาแฝดเราเอง ทิม นี่โอม เป็นเพื่อนของไอ้ต้าร์ เรียนศิลปะกรรมเนี่ยละ” ได้ยินน้ำนิ่งพูดกับคนเดิมเป็นประโยคยาวๆ ทิมก็ยิ่งแปลกใจ

“อ้อ...เดือนวิศวะเป็นเพื่อนตาน้ำหรอ โทษทีนะ แค่ตกใจที่เห็นน้ำนิ่งเดินกะคนอื่นนะ” ทิมไม่ตอบ หากยิ่งขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย ‘ทำไมถึงรู้จักน้ำนิ่งแม้กระทั่งว่าเดินกะคนแปลกหน้าวะ’ หรือคำที่ตาน้ำบอกมันจะเป็นจริง

ยืนคิดอะไรๆ คิ้วก็ยิ่งขมวด เพราะคนที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหน้า ดูคุยกันสนิทเหลือเกิน จนเสียงในบูธเอ่ยทักขึ้น

“คุณโอมจะยืนจีบคุณน้ำนิ่งอีกนานมั๊ยครับ บังหน้าบูธ ไอ้เหี้ย!” เสียงนี้ทำให้ทิมหน้านิ่งขึ้นทันที  หากแต่น้ำนิ่งหันไปตอบ

“โทษที งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะ”

“อ้าว เมื่อกี้เห็นจะดูข้อมือ” คนที่ยืนคุยกับน้ำนิ่งทักขึ้น แต่น้ำนิ่งส่ายหน้าตอบ

“ซื้อไป ก็ต้องใส่ๆถอดๆ เดี๋ยวทำขนม ทำกาแฟ ล้างมือ ไม่ถอดก็กลัวมันเน่า”

“งั้นไว้หาอย่างอื่นมาให้ละกันนะ” น้ำนิ่งไม่ได้ตอบอะไร หากเพียงมือ ส่งบ๊ายบายให้แค่นั้น

หันกลับมาทิมก็เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว เดินจนเค้าเดินตามไม่ทัน ไม่รู้จะเรียกยังๆ เพราะไม่รู้อีกคนนึงโกรธอะไร ได้แต่ยกมือไปจับเสื้อช๊อป ทิมจึงหยุดหันกลับมามองหน้า พลางถอดหายใจ ยืนเงียบกันอยู่นาน เห็นแบบนั้นน้ำนิ่งก็รู้ว่าท่าจะไม่ดีเลยเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้น

“คุยกันหน่อยได้มั๊ย”

เห็นอีกคนเสตามองไปที่อื่นสักพัก ก็หันกลับมามองหน้า พร้อมพยักหน้า แขนที่จับแขนเสื้อช๊อปนั้นก็เหมือนจะใช้แรงมากขึ้น เพราะอีกฝ่ายเดินนำลิ่วๆ แทบจะลากกลับไปที่รถของตัวเอง นั่งประจำที่ก็ออกรถอย่างเร็ว

รถสปอร์ตมันเร็วและแรง น้ำนิ่งก็รู้ แต่มันจำเป็นต้องตอนนี้มั๊ย

นั่งไปก็เหลือบตามองคนขับ ที่ยังคงหน้านิ่งเป็นระยะๆ คนที่หน้านิ่งก็ยังคงจ้องมองไปที่ถนน
แต่ที่น้ำนิ่งไม่รู้คือ เมื่อตัวเองหันหน้ามองกระจกอีกด้าน คนขับรถกำลังอมยิ้มอยู่



ต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 14:55:28 โดย kiiro »

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ต่อกันตรงนี้

ไม่นานก็ถึงคอนโด ทิมเปิดประตูเข้าไป เอาถุงของกะทิวางกองไว้ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ น้ำนิ่งมองตาม แล้วก็ถอนหายใจ
พุ่งตัวไปหากะทิที่ส่งเสียงร้อง แง๊วๆ ลูบหัวลูบตัว อย่างกับจะบอกกะทิให้ช่วยง้อ เพราะไม่รู้เจ้าของโกรธอะไร
นั่งรออยู่นานเจ้าของห้องก็ไม่ออกมาสักที ตัดสินใจอุ้มกะทิลุกขึ้น จะไปเคาะประตู กำลังจะยกมือ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก
ใบหน้าที่เปียกหน้าของทิมหันมองน้ำนิ่งเพียงครู่แล้วก็เดินเลี่ยงเข้าห้องนอน

น้ำนิ่งใจเสีย หันมองคนที่เดินหนีไป ชั่งใจว่าจะเดินตามเข้าไปดีมั๊ย อีกคนก็ยืนเงียบอยู่อย่างนั้น ก็เลยเดินตาม เพราะคิดว่าถ้าไม่ตามก็คงไม่ได้คุย เดินเข้าไปยืนจ้องหน้า ทิมก็ยกมือมาคว้ากะทิจับโยนไปนอกห้อง พร้อมปิดประตู

“ทิมโกรธเราหรอ?” ทิมส่ายหน้า

“’งั้นงอนอะไร?” เห็นอีกคนส่ายหน้าอีกครั้ง น้ำนิ่งเริ่มใจเสีย ไม่ได้โกรธ ไม่ได้งอน แล้วทำไมอยู่ๆไม่คุยด้วย

“แล้วทิมเป็นอะไร ทำไมอยู่ๆ ถึงเดินหนี” ตาของอีกฝ่ายที่มองพื้นอยู่ ตวัดขึ้นมามองกลับ น้ำนิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าเสีย

ทิมเห็นคนหน้าเสีย แล้วก็คิดว่าได้เวลาที่จะต้องตอบ ระยะห่างที่มีมันคงมากเกินไปแล้ว

“ไม่รู้เหมือนกัน เราก็บอกไม่ถูก”

“ไม่ถูกยังไง ก็บอกมาแบบนั้นละ” ได้ยินแบบนั้น ทิมก็คิดถึงคำพูดที่เพื่อนตัวเองกระซิบ ‘ช้าเดี๋ยวหมาคาบไปแดกนะเว้ย’คงได้เวลาที่ต้องคุยกันจริงจัง

“เราแค่รู้สึกไม่ดีที่เห็นน้ำนิ่งคุยกับคนอื่น ยิ้มให้คนอื่น เล่นกับคนอื่น มันดูเยอะกว่าที่ทำกับเรา เราก็เลยคิดว่าเราทำให้น้ำนิ่งรู้สึกไม่ดีเวลาที่อยู่ด้วยกันรึป่าว” ทิมหยุดถอนหายใจ แล้วพูดต่อ

“จริงๆทิมก็รู้ว่าทิมไม่มีสิทธิที่จะคิดอะไรแบบนั้น มันคือตัวน้ำนิ่งไง จะคุยกับใคร ยิ้มกับใคร เล่นกับใคร มันก็เป็นสิ่งที่น้ำนิ่งเลือกทำ ทิมก็แค่หงุดหงิดตัวเอง โมโหตัวเองที่เป็นแบบคนที่น้ำนิ่งทำแบบนั้นด้วยไม่ได้ มันก็แค่เห็นแล้วทำตัวไม่ถูก” น้ำนิ่งได้ยินแบบนั้น ก็คิดถึงสิ่งที่ฝาแฝดตัวเองกระซิบ ’ทิมไม่ได้รังเกียจนิ่งนะ แต่ทิมมันกลัวนิ่งรังเกียจมันต่างหาก’

ตัวสั่นเทา เริ่มมีน้ำตาคลอที่เบ้าตา แล้วก็ทรุดลงนั่งยกมือกอดเข่าฟุบหน้าลงไป ทิมเห็นแบบนั้น ก็นั่งลงขัดสมาธิตรงหน้า
น้ำนิ่งเงยหน้า น้ำตายังไม่ไหล

“กับโอมมันเป็นเพื่อนของไอ้ต้าร์ รู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่ง เจอกันก็ทักกันปกติ แต่เราไม่ได้คิดอะไรกับมันนอกจากมันเป็นเพื่อนของเพื่อน แค่นั้น”

ทิมฟังแล้วก็ถอดหายใจ วันนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั๊ยละเนี่ย

“ไม่รู้ดิ ทิมไม่ชอบให้น้ำนิ่งทำแบบนั้นกับใคร มันเหมือนแค่ทิมอยากได้แบบนั้นแค่คนเดียว อยากพิเศษ แต่ทิมก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็นั่นละมันก็เลยหงุดหงิดตัวเองที่เป็นแบบนี้”

เห็นทิมยกมือขึ้นจะสัมผัสหน้าของตัวเองแล้วก็ชะงักมือจะวางลง ตัวเองเลยยกมือไปคว้าไว้ให้มือนั้นมาแนบที่หน้า

“เราไม่ได้รังเกียจทิมนะ เรากลัวทิมรังเกียจเรามากกว่า เราก็เลยทำตัวไม่ถูก”

ได้ยินแล้วก็ยิ้ม แต่รีบยิ้มแล้วก็ต้องรีบหยุด กลัวน้ำนิ่งจับได้ว่าแกล้งโกรธ

“เราไม่เคยรังเกียจน้ำนิ่งเลย ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ เรารู้แค่ว่าตอนนี้เราอยู่กับน้ำนิ่งแบบนี้เรามีความสุข แต่ที่เราเป็นมันก็คงเหมือนหวงละมั้ง ชอบอะไรก็อยากเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นเห็น ไม่อยากให้ใครมอง ไม่อยากให้ใครสัมผัส”

น้ำนิ่งได้ยินก็ตาโต ตกใจ   

“ท…ทิม พ..พูดว่าอะไรนะ” แอบขำกับอาการของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องกลั้นไว้ น้ำนิ่งนี่น่ารักกว่าที่คิดไว้เยอะเลยจริงๆ

“เราบอกว่า เราชอบน้ำนิ่งนะ ทิมชอบน้ำนิ่ง” บอกไปมือตัวเองก็ยังโดนอีกคนจับข้างไว้ที่หน้า คนโดนจับหน้าส่ายหัวไปมาๆๆ ก็เลยต้องแกล้งทำหน้าเสีย

“น้ำนิ่งไม่ชอบเราหรอ” ได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า ส่ายหัวอีกครั้ง ทิมเห็นแบบนั้นก็ต้องแกล้งทำหน้าเสียใส่

“เราแค่ไม่คิดว่าทิมจะชอบเรา”   

“ทำไมละ ที่ไปรอรับกลับบ้านนี่ยังไม่รู้อีกหรอว่าจีบ” น้ำนิ่งส่ายหัวอีกครั้ง

“ก็แค่คิดว่า พามาให้ช่วยเลี้ยงกะทิ” เสียงบ่นอุ๊บอิบใส่

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นละ”

“ก็มาทีไร ก็เห็นทิมหลับทุกทีนี่หน่า ขำอะไรเล่า” หากคนโดนบ่นขำ

“ที่ทำแบบนั้น เพราะมีเหตุผลหรอกน่า”

น้ำนิ่งตกใจอีกครั้ง

“เหตุผลอะไรอะ” เหลือบตามองหน้าอีกฝ่ายก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้

“ไม่บอก เพราะน้ำนิ่งยังไม่บอกเลยว่าคิดยังไงกับเรา”

“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้รังเกียจ”
   
“แปลว่า…..” ถามกลับไปแบบนี้ พร้อมขยับหน้าเข้าไปใกล้ ก็เห็นคนหน้าขึ้นสี

“ก็…..ก็…..”

“ก็อะไร หืม?”

“ก็ชอบ”

“ยังไงนะ” เห็นอีกคนเขิน เค้าก็ยิ่งอยากแกล้ง

“ก็เราก็ชอบทิม แต่ที่ไม่กล้าบอก เพราะเรากลัวทิมรับไม่ได้และก็รังเกียจ” รอยยิ้มหวานส่งหลับมาหากครั้งนี้กว้างกว่าทุกที

“ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณเหมือนกันนะ”

เงียบกันอยู่นานจนได้ยินเสียงเจ้ากะทิ ร้องแง๊วๆ โวยวายอยู่นอก ทิมขยับตัวจะลุก แต่น้ำนิ่งยังไม่ปล่อยมือตัวเองที่จับแนบกับหน้าไว้

“แล้วเหตุผลที่หลับทุกครั้งที่เรามาละ” คนได้ยินคำถาม ก็ส่งยิ้มกลับ หากรอยยิ้มนั้นน้ำนิ่งคิดว่ามันดูเจ้าเล่ห์มากนัก   

“ไว้ถึงเวลาจะบอก ไปเถอะ กะทิงอแงใหญ่แล้ว




อีกห้องของคอนโดอีกที่

พอสยืนกอดอกมองคนที่นั่งกินขนม ดูทีวี อยู่บนโซฟาห้องตัวเอง

‘มันจะตามมาทำไมวะ’

   
ตาน้ำหันไปเห็นใบหน้ายุ่งนั้น ก็เอามือตบโซฟาที่ว่างราวกับบอกว่าให้มานั่งด้วยกัน
แต่หากพอสเดินหนีไปทีระเบียง

เผลอแป๊ปเดียว แขกผู้มาเยือนก็มาวางมือท้าวที่ระเบียงราวกับจะล็อคตัวเจ้าของห้องไว้

“เหี้ยไรมึง ปล่อยกู อยากมาก็ให้มาแล้วไง ไปนั่งดีๆสิ” ไม่มีคำตอบ แต่มือที่ล็อดคตัวพอสอยู่นั้น ก็เลื่อนขยับมากอดที่เอว

“น้ำ” ไม่ได้ยินคำตอบ ก็ต้องเรียกอีกครั้ง

“มึงเป็นอะไรพอส บอกกูหน่อย มึงแปลกๆนะ ” ถามจบก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่กอดอยู่

“ไม่รู้ว่ะ กูก็บอกไม่ถูก พอเห็นมึงมาอยู่ในห้องแบบนี้ อะไรๆ รอบตัวกูก็เปลี่ยนไป”   

“แล้ว?”

“กูก็รู้นะเว้ยน้ำ ว่าไอ้ที่เป็นอยู่นะมันไม่ดี กูแค่ไม่อยากให้มันมากไปกว่านี้ กูกลัวใจตัวเองด้วยละมั้ง เพราะรู้อยู่แล้วว่ากูไม่ใช่คนที่มึงเลือก แต่กูก็ไม่อยากจะเป็นแค่คนที่เจอกันแล้วก็มีอะไรกัน นี่กูกำลังเรียกร้องรึป่าว มึงจะว่ากูก็ได้นะ” 

ได้ยินคำตอบ ก็ต้องร้องอ๋อในใจ ‘นี่สินะ ระยะห่างที่พอสพยายามเว้นไว้’

“พอส อยู่กับกูแบบนี้ มึงยังมีความสุขอยู่รึป่าว” หากคำถามนั้น ทำให้พอสหันตัวกลับมามอง

“ทำไมมึงถึงถามแบบนี้”

“กูรู้… ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกัน มึงมีความสุข สีหน้า แววตามึงแสดงออก” หยุดพูดราวกับคำที่พูดต่อนั้น ต้องทำใจให้พูดออกมา   ตาน้ำยกมือลูบ

ที่แก้มของพอส ขยับตัวสวมกอด แล้วพูดต่อ

“แต่กูขอมึงอย่างนึงได้มั๊ย ถ้าเมื่อไรที่มึงอยู่กับกูแล้ว มึงไม่มีความสุข มึงอยากจะไปจากกู ขอให้มึงบอกกู กูจะไม่รั้งมึงไว้ เพราะกูเองก็อยากที่จะเห็นมึงมีความสุข”



---------------------------TBC---------------------------------

เหนื่อยมากคะตอนที่อัพ เม้าท์คนเขียนเกเร ก๊อปจากไฟล์มาวางไม่ได้จนปวดแขน
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ก๊อปซ้ำ ก๊อปตก ถ้ามันรวนๆก็แจ้งได้นะคะ

ตกลงว่าทิมกับน้ำนิ่งคุยกันรู้เรื่องมั๊ยนั่น
ส่วนตาน้ำมันกลัวพอสไม่รักเลยต้องอ้อนไว้ก่อน
โอมออกตัวเป็นแรงกระตุ้นทิมเบาๆเนอะ
ปล.เรื่องที่พี่เพียวได้รับโทษนั้น เพราะตาน้ำรักมาก รักเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เลยทำให้แค้นมาก

น้ำนิ่งเริ่มเปิดใจให้ทิม ก็เริ่มทำตามความเคยชินถึงเนื้อถึงตัวที่มีกับตาน้ำคะ



ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนเม้นท์ คนรอ คนอ่านทุกๆคนนะคะ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
คิดว่าน้ำคู่เพียวซะอีก

ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิิดว่่าแฝดนัั่่น จะรัักกัันสะอีีก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทิม น้ำนิ่ง เข้าใจกันละ บอกชอบกันแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
ตาน้ำ พอส ก็ปรับตัวเข้าหากัน
แต่เพียว ล่ะ  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 17 

“แต่กูขอมึงอย่างนึงได้มั๊ย ถ้าเมื่อไรที่มึงอยู่กับกูแล้ว มึงไม่มีความสุข มึงอยากจะไปจากกู ขอให้มึงบอกกู กูจะไม่รั้งมึงไว้ เพราะกูเองก็อยากที่จะเห็นมึงมีความสุข”

ไม่ทันที่พอสจะได้ตอบอะไรกลับไป โทรศัพท์ของตาน้ำที่วางอยู่ในห้อง ก็ดังขึ้น เพราะเสียงที่ตั้งไว้เฉพาะจึงรู้ว่าเป็นของใครเลยต้องปล่อยคนในอ้อมกอดออก

“ทิมโทรมา เดี๋ยวไปรับก่อน”




ทิมที่ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนให้กะทิเข้ามา หันกลับมาอีกทีเห็นคนที่นั่งคุยกันอยู่เมื่อกี้ล้มตัวลงไปนอนกับพื้น ตกใจจนรีบขึ้นไปพยุงไว้บนเตียง

แตะเข้าที่หน้าผากก็รู้สึกร้อนขึ้นกว่าเมื่อกี้ที่ได้สัมผัสหน้า รีบหาปรอทวัดไข้มาเสียบไว้ที่ใต้แขนน้ำนิ่ง

“มึง น้ำนิ่งตัวร้อนว่ะ คุยกันอยู่ดีๆ หันมาอีกทีลงไปนอนกองแล้ว กูวัดไข้ไปแล้ว แล้วกูเช็ดตัวได้รึป่าววะ” โทรหาเพื่อนตัวเองแบบกล้าๆกลัวๆ

“ไข้สูงมั๊ย”

“38 นิดๆ มึง กูต้องทำไง”

“ไอ้ห่าทิม มึงถามจริงจังใช่มั๊ย ถ้ามึงจริงจัง ก็เช็ดแบบไม่ต้องถอดเสื้อออก แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ดีขึ้น วันนี้มันคงตากแดดนานไปหน่อยอ่ะ กูฝากมันไว้ก่อน จนกว่ามันจะดีขึ้น ถ้าเอากลับมาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวกูก็ติดมันอีก โอเคนะ ยังไงเดี๋ยวโทรหาเป็นระยะๆ อย่าหลอกแต๊ะอั๋งน้องกูละ แค่นี้”

แม้ทิมจะสงสัย ก็คอนโดฝาแฝดมี 2 ห้องนอนไม่ใช่หรอ แต่ก็คิดว่าหากตาน้ำต้องมานั่งดูแลก็อาจจะติดกันไปด้วย เคยได้ยินมาว่าคู่นี้ถ้าใครป่วย อีกคนก็จะป่วยตามตลอด

ว่าแล้วก็เตรียมเช็ดตัวให้อีกคน  ไม่ถอดเสื้อเช็ดให้ ต้องเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ ไอ้น้ำมึงน่าจะรู้น่ะว่ากูแม่งโคตรทรมาน

“ไอ้นิ่งเป็นไร” พอสที่ได้ยินการสนทนาเมื่อสักครู่ก็ถามขึ้น

“ทิมบอกตัวร้อน แต่ยังไม่ได้มีอาการอะไรมาก” พูดจบ ตาน้ำก็ล้มฟุบลงที่โซฟาทันที

“อ้าว เห้ย มึง!!!”

พอสพาตาน้ำไปที่เตียง ขยับให้นอน แม้ใจจริงจะแทบไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายที่ห้องเลยก็ตาย
ลองวัดไข้ก็ไม่สูงมาก ก็เลยปล่อยให้นอนไปก่อน ตัวเองนั่งลงที่เตียงอีกด้าน แล้วก็เผลอหลับไป


น้ำนิ่งรู้สึกตัวอีกที ลืมตามองห้องที่ไม่คุ้นเคย หากแต่เสียงแมวร้องทำให้จำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ก็สะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง
ทิมได้ยินเสียงกะทิร้องเรียก ก็รู้ได้ว่าคนในห้องรู้สึกตัวแล้ว ก็เดินเข้ามาดู

“ไง รู้สึกดีขึ้นบ้างยัง” น้ำนิ่งกวาดตามองรอบตัว ก็เห็นอุปกรณ์เช็ดตัวอยู่ข้างเตียง ก็ทำให้ตัวเองหน้าขึ้นสี รีบสำรวจความเรียบร้อยของร่างกาย

“อืม ก็ดีขึ้น” ทิมเห็นคนสำรวจตัวเองก็ต้องรีบบอก

“เราไม่ได้ปลดเสื้อออก ไม่ต้องกังวลนะ น้ำบอกให้อยู่ที่นี่ก่อน เห็นบอกว่ากลับไปก็กลัวติดกัน อยู่ได้รึป่าว”

ทิมเห็นคนหน้าเสีย ก็ต้องรีบหาโทรศัพท์มาให้คนที่นั่งเอนอยู่บนเตียง

“ลองโทรหาน้ำก่อนละกัน ยังไงก็บอกเรานะ” น้ำนิ่งรับโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็กดโทรหาฝาแฝด



ตาน้ำหลับไปนานเท่าไหรไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่ตั้งไว้เฉพาะฝาแฝดดังก็ขยับตัวไปคว้ามารับ

“น้ำ ไม่สบายหรอ เป็นไรรึป่าว” ได้ยินเสียงน้ำนิ่งกรอกมาตามสาย

“อืม มึนๆอะ สงสัยตากแดดนานเหมือนกันมั้ง นิ่งเป็นไงบ้าง”

“ดีขึ้นหน่อย แต่ก็รู้สึกว่ายังตัวร้อนๆอยู่อะ”

“งั้นอยู่ที่นั่นกับทิมก่อนได้มั๊ย พรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นค่อยไปหาหมอ”

“จะดีหรอ แล้วน้ำอยู่ยังไงอะ อยู่คนเดียวได้หรอ เดี๋ยวเรากลับไปหามั๊ย”

“อยู่ได้ นอนพักเดี๋ยวก็หาย มาอยู่ด้วยกันจะเป็นหนักทั้งคู่นะสิ จะสอบแล้วนะ”

“อืมๆ ก็ได้ มีไรโทรมาหานะ”

“อืม เดี๋ยวเราโทรหาเรื่อยๆ มีไรก็โทรมานะ”

ตาน้ำกดวางสายโทรศัพท์ พร้อมกับเสียงประตู ของห้องพอสที่เปิดออก พอสเองที่หลับอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงประตูเปิดก็ลุกขึ้นมาดู เพราะไม่ได้ปิดประตูห้องนอน จึงทำให้เห็นคนมาใหม่ชัดเจน 3 ชีวิตได้แต่ยืนอึ้ง ตะลึงงัน ที่เจอหน้ากัน

“พ….พี่เพียว”  พอสร้องทักขึ้น เรียกสติทัก 3 คนในห้องกลับมา

“เอ่อ… โทษที พอดีพี่จะมาเอาสูทที่ติดมาวันก่อน โทรมาไม่รับ แล้วก็เห็นว่าไม่ตอบข้อความก็เลยคิดว่าไม่อยู่”

พอสรู้สึกได้ว่าตัวเองหน้าซีด ตาน้ำมองหน้า เพียวและพอส สลับกันไปมา และก็เอ่ยขึ้นขัดความเงียบที่มี

“เดี๋ยวกูไปก่อนละกันพอส ขอบใจมากที่ให้มาอยู่รอน้ำนิ่ง” พูดจบก็เดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วเดินออกไป

เพียวกวาดสายตาสำรวจร่างกายของทั้งคู่พร้อมๆกับสภาพห้อง เสียงพอสก็ดังมาพูดคุย

“พี่ พี่เพียวเอาสูทตัวไหนนะ เดี๋ยวเอาให้”

“ อืม พี่รอด้านนอกนะ”



ได้ของจากห้องน้องตัวเองแล้ว เพียวกลับลงมาด้านล่าง หากแต่ไม่ทันที่จะเดินถึงรถ ข้อมือก็ถูกคว้าไว้ก่อน

“น้ำ!”

“ไปส่งหน่อยดิ เมื่อเช้าพอสมันไปรับน้ำนิ่งอะ เลยมากับมันด้วย” ได้ยินแล้วก็ต้องถอนหายใจ

“อืม ปล่อย เดี๋ยวมีคนมาเห็น” พูดแล้วก็พยายามแกะข้อมือตัวเองออกจากกับจับกุม

“ใครเห็นแล้วจะกลัวอะไร หืม”

“เดี๋ยวพอสลงมาเห็น”

ก่อนจะปล่อยมือ ก็แบมือส่งไปข้างหน้าคนที่ยืนอยู่ด้วย

“กุญแจมา เดี๋ยวขับเอง” เพียวส่งกุญแจรถให้ แต่ตัวเองก็ยังโดนมือของอีกฝ่ายจับกุมอยู่ แล้วจูงไปที่รถ


เคยฟังกันที่ไหน บอกว่ากลัวพอสเห็น มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
แต่ไม่ทันแล้ว พอสตามลงมาด้านล่างก็เห็นหตุการณ์ที่เพียวโดนจูงไปที่รถ โดนมีตาน้ำเปิดประตูด้านข้างคนขับให้นั่งแล้วตัวเองขึ้นไปนั่งที่คนขับเอง


เหมือนใจหาย ความรู้สึกวูบวาบราวกับใจหายเกิดขึ้น นี่สินะ ที่น้ำเคยบอกไว้ หากวันใดที่อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ก็ขอให้บอก


“น้ำ จะไปไหนเนี่ย” เจ้าของรถเอ่ยทักเมื่อเห็นคนขับรถมุ่งหน้าไปทางที่ไม่ใช่คอนโดที่บอกให้ไปส่ง
“ห้องมึงไง”  ได้ยินก็ต้องเงียบลง จะให้แย้งอะไรได้ ก็ไม่ใช่คนขับรถนี่หนา




ทิมเห็นคนที่นั่งอยู่บนเตียง วางโทรศัพท์ลง แล้วก็หันหน้ามาพูดด้วย

“น้ำบอกให้เราอยู่กะทิมก่อน ให้เราอยู่ด้วยได้ไหม ทิมอึดอัดรึป่าว” ได้ยินคำถามก็ต้องหันไปส่งยิ้มให้คนถาม พร้อมกับส่ายหน้า

“ไม่เลย ว่าแต่น้ำนิ่งอยู่ได้ใช่ไหม”

“ได้สิ”

“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ ทิมทำไว้แล้วตอนน้ำนิ่งหลับ” พูดแล้วก็อุ้มกะทิลุกขึ้นยืน เดินนำออกไป

น้ำนิ่งที่เดินตามออกไป ก็เอ่ยถามขึ้น

“ให้เราช่วยอะไรไหม”

“เสร็จแล้วละ นั่งรอที่โต๊ะได้เลย” น้ำนิ่งขยับตัวไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำออกมาเท 2 แก้ว ก็จะนั่งรอเจ้าของห้อง

ทิมที่เตรียมอาหารเสร็จแล้วก็เอามาวางให้

“ซุปมักกะโรนีหรอ ไม่ได้กินนานมากแล้วนะเนี่ย”

“เห็นไม่ค่อยสบายอะ เลยทำอาหารอ่อนๆให้ ร่างกายจะได้อุ่นขึ้น”  เสียงคนคุยกันจนแมวร้องประท้วง ทำให้ทิมอุ้มขึ้นมาบนตัก
มือคนซุปขึ้นมาเป่าให้เย็น แล้วตักส่วนเนื้อทูน่าขึ้นมาเป่า

“กินได้นิดเดียวนะกะทิ อันนี้ของทิมนะ”

น้ำนิ่งมองภาพเจ้าของห้องที่ป้อนข้าวแมวอย่างเอ็นดู เจ้าแมวได้กินช้าก็ไม่พอใจ ส่งมือไปตะปบมือเจ้าของให้ส่งเข้าปากตัวเองเร็วขึ้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ก็เพิ่งเคยเห็นทิมเล่นกับกะทิแบบนี้ เพราะมาทีไรทิมก็ปล่อยให้น้ำนิ่งเล่นกับกะทิซะส่วนใหญ่ แถมน้ำนิ่งเองก็ไม่ค่อยกล้าจะให้อะไรแปลกๆกินด้วยนะสิ


“ให้กินได้หรอ ของคนอ่ะ”

“ได้สิ แต่ไม่อยากให้เยอะ มีผลต่อสุขภาพนะ แล้วก็เคยตัวด้วย จะไม่กินของตัวเองเอานะ”

น้ำนิ่งมองคนและแมวตรงหน้า มองไปก็ยิ้มไป

“อะ พอแล้ว ไปกินของตัวเองนู้น” ทิมปล่อยกะทิลงจากตัก แล้วตัวเองก็กินข้าวต่อ

กินเสร็จ น้ำนิ่งก็ลุกขึ้นเก็บจาน

“เฮ้ย! ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราล้างเอง ของห้องเรา”

“ ไม่เป็นไร ทิมทำให้กินแล้ว เราอยากช่วยบ้าง”

ล้างจาน เก็บโต๊ะเสร็จ ก็นั่งเล่นกับกะทิ เจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาหา

“น้ำนิ่ง ทิมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ในห้องน้ำนะ ของใหม่หมดยังไม่ได้ใส่ อุปกรณ์อย่างอื่นอยู่ในตู้ด้านในนะ หยิบใช้ได้เลย”

“ขอบคุณนะ”  พูดจบ ก็พาตัวเองไปอาบน้ำ


น้ำนิ่งพาตัวเองมาอยู่ในห้องน้ำแล้ว ก็รู้สึกแปลกไปกับตัวเอง มองไปรอบๆตัว ที่นี่ไม่มีบรรยากาศของฝาแฝด หากแต่มีบรรยากาศของตัวเองและทิมอยู่  ความรู้สึกใหม่นี้ไม่ได้ทำให้ตัวเองอึดอัดแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้ตัวเองรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น จนน่าแปลกใจ

อาบน้ำเสร็จก็ออกไปนั่งเล่นด้านนอก เจ้าของห้องยังคงกวนเจ้าแมวให้ไล่จับริบบิ้นที่ส่ายไปส่ายมา เห็นน้ำนิ่งออกมาจากห้องน้ำก็เลยถามขึ้น

“นอนเลยมั๊ย น้ำนิ่งนอนข้างในกับกะทิก็ได้นะ เดี๋ยวทิมนอนข้างนอก”

“บ้าน่า ทิมจะนอนข้างนอกได้ไง เราเป็นแขกนะ”

“แล้วใครให้แขกนอนโซฟาละ” ฟังแล้วก็คิดตาม คิ้วยิ่งขมวดยุ่ง

“’งั้นนอนด้วยกันข้างในเลย ถ้าทิมนอนข้างนอก เราก็จะนอนข้างนอกด้วย”ทิมมองแมวตัวโต ที่ขู่ฟ่ออยู่อย่างน่าเอ็นดู

“ โอเค โอเค ยอมแล้ว ไม่ต้องขู่ก็กลัวแล้วคร๊าบ ไปๆ นอนกัน”



--------------------------TBC------------------------------------

มาสั้นๆ แป๊ปนึง

คู่น้ำนิ่งกับทิม จะฟรุ้งฟริ้งๆ นะคะ
ส่วนคู่ตาน้ำ และ 2 พ.พาน จะมีความหน่วงนิดนึง

แฝดพี่นี่เปิดทางให้เพื่อนลุยเต็มที่ไปละ ห่วงน้องบ้างสิย่ะ

ตาน้ำคู่ใคร เราจะไม่สปอย์นะคะ อิอิ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ทุกคนคะ 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2016 10:03:44 โดย kiiro »

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 18 ความคุ้นเคย


เหตุการณ์ทั้ง 3 ห้องเกิดขึ้นในคืนเดียวกันนะคะ


ตาน้ำขับรถของเพียวจนมาถึงคอนโดที่คุ้นเคย แล้วก็เดินตามเจ้าของห้องเข้ามาด้านใน
กวาดตารอบห้องเพราะหลังๆที่ไปช่วยน้ำนิ่งที่ร้านเค้าก็ไม่ค่อยมา สภาพห้องไม่เปลี่ยนไป ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ก็เดินไปนั่งที่ประจำตัวเองอย่างคุ้นเคย


เพียวมองแขกประจำห้องแล้วแล้วก็ถอนหายใจ ก็ตัวเองอยู่ในช่วงตัดใจจนทำใจได้อยู่แล้ว ยังต้องมาเจอ แถมกลับมาอยู่ในบรรยากาศเดิมๆอีก กลัวตัวเองจะใจอ่อนนะสิ เดินเข้าครัว หาของสดขึ้นมาทำอาหารอย่างเคยชิน ทำเสร็จก็เรียกอีกคนมากิน

“น้ำกินข้าว” ตาน้ำที่ยังเพลียกับอาการไข้ขึ้นเผลอหลับไประหว่างนั่งรอ ก็สลึมสลือ จนเพียวเดินเข้ามาเรียกถึงตัว

“น้ำ! ไปกินข้าว อ้าว…ตัวร้อนนี่ แล้วเมื่อกี้ยังฝืนขับรถ” เพียวที่ส่งมือตัวเองไปจับตัวปลุกก็รู้ไว้ว่าอีกคนตัวร้อน ไม่สบาย

ตาน้ำเดินตามไปยังโต๊ะกินข้าว มองจานข้าวที่วางอยู่หน้าตัวเองแล้วก็เงยหน้ามองเจ้าของห้อง

‘ไข่เจียวกุ้งสับใส่หอมแดง ของโปรดอีกอย่างของตัวเอง’

“กินไข่เจียวไปก่อนละกัน มีไข้ไม่อยากให้กินข้าวผัดต้มยำ รีบกินจะได้กินยา”

ความรู้สึกแปลกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ อะไรกันกับความรู้สึกนี้ คนตรงหน้าที่ตัวเองเคยโกรธ แค้น มากมาย ยามที่เกิดเรื่องกับฝาแฝด หากแต่ทุกครั้ง เพียวยังคงดีกับเขาเหมือนกับว่าเขาไม่เคยทำสิ่งไม่ดีด้วย

ก็เพราะอีกคนไปๆมาๆ อยู่นานหลายปี ทำให้เพียวรู้ว่าอีกฝ่ายชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทุกอย่างจึงทำออกมาด้วยความเคยชิน

“วันนี้นอนนี่ได้มั๊ย” เสียงพูดอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ หากแต่เจ้าของห้องได้ยินชัดเจน

“แล้วน้ำนิ่งละ อยู่กับทิม?”

“อืม ไม่สบาย ไข้ขึ้นเหมือนกันตอนไปห้องทิม เลยให้อยู่นู้นก่อน ถ้าอยู่ด้วยกันก็กลัวติดแล้วจะเป็นหนัก แต่ถ้าไม่สบายใจเดี๋ยวกลับก็ได้” เพียวถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ตั้งแต่ตาน้ำเดินกลับมาที่ห้องเขา

“ก็รีบกินข้าว จะได้กินยา แล้วนอน” ได้ยินคำตอบก็เหลือบตามองคนพูดแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

กินเข้าวเสร็จตาน้ำก็ลุกจะเก็บจาน เหมือนทุกที หากแต่เพียวรั้งไว้

“ไม่ต้องหรอก ไม่สบายไม่ใช่หรอ เดี๋ยวทำเอง” พูดไปใช่อีกคนจะฟัง มันก็ยังเก็บจานเดินไปล้างอยู่ดี เพียวจึงพาตัวเองไปอาบน้ำ อาบเสร็จออกมาก็เห็นคนนอนกองอยู่ที่โซฟา

“น้ำ น้ำ” ขยับมือตัวเองไปตบที่หน้าเบาๆ จนคนโดนปลุกรู้สึกตัว

“กินยารึยัง อาบน้ำไหวมั๊ย”

“หายาไม่เจอ เปลี่ยนที่เก็บหรอ หนาวว่ะ ไม่อยากอาบน้ำเลย” ลืมตาขึ้นมาพูดก็เห็นหลังเจ้าของห้องเดินไหวๆ ไปที่ตู้ตรงครัว

“อืม…วันก่อน ปัดตก ก็เลยเอาไปใส่ตู้” หยิบยาพร้อมน้ำมาส่งให้คนป่วย แต่คนป่วยนั้นไม่ได้ใช้มือตัวเองหยิบขึ้นมากิน แต่ก้มหน้าตัวเองลงไปหาฝ่ามือที่มียาอยู่ แล้วก็ขยับปากเอายาเข้าไป

“กินดีๆ เดี๋ยวก็สำลัก” 

กินยาเสร็จก็เดินตามเจ้าของห้องเข้ามาในห้องนอน แล้วก็ปีนขึ้นเตียง

“ไปเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อ”

“ไม่เอา หนาว”

“น้ำ อย่าดื้อ นอนแบบนี้มีแต่เชื้อโรค แล้วจะหายได้ไง” ตาน้ำรู้สึกได้ว่าตาตัวเองหนักมาก มกจนไม่สามารถลืมตาต่อได้ หากแต่ร่างกายของตัวเองยังไม่ได้จมไปกับความหลับ รู้สึกตัวว่ากำลังโดนปลดเสื้อผ้าออก แล้วถูกเช็ดตัว

“เพียว กูหนาว”

“รู้แล้ว ก็ไวๆสิเนี่ย ขยับตัวดีๆ  จะได้นอน”

เพียวถอดเสื้อเช็ดตัวให้ตาน้ำอย่างที่เคยทำเวลาที่อีกคนมาอยู่ที่นี่แล้วไม่สบาย แต่ดูเหมือนอีกคน วันนี้งอแงมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเพราะป่วยหนัก หรือเพราะจะแกล้งเขากันแน่

ตาน้ำขยับตัวขึ้นมามอง พร้อมๆกับเพียวที่ส่งเสื้อผ้าของเขามาให้ใส่

“อ่ะ เสื้อ เปลี่ยนซะ”

“เปลี่ยนให้หน่อย” พูดจบก็ยกมือให้อีกคนใส่เสื้อให้

ก็จะให้ทำยังไงละ ก็ต้องทำให้นะสิ

“อ่ะ กางเกง”

“ถอดให้ด้วยดิ”

“น้ำ! ”

“หน่าเพียว ทำยังกับมึงไม่เคย”

“ก็แล้วแต่เลย ไม่ใส่ก็อย่าใส่” พูดจบก็หมุนตัวออกไป หากตัวเองโดนรั้งไว้อีกครั้ง แล้วดึงกลับมาที่เตียง

“นอนนี่ละ จะไปไหน”

“ไม่กลัวกูจะติดมึงบ้างรึไง”

“ถ้าติด เดี๋ยวกูเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อ แถมเปลี่ยนกางเกงให้ด้วย ไม่เหมือนมึงหรอก เปลี่ยนแต่เสื้อ”

สุดท้าย เพียวก็คิดว่า เพราะความใจอ่อนของตัวเองที่ทำให้ต้องมานอนเตียงเดียวกันอีกครั้ง ใจจะไม่สั่นถ้าคนที่นอนอยู่ข้างกัน ไม่กอดก่ายเขา แล้วนอนปกติอย่างที่คนป่วยเป็น

‘นอนร้ายขนาดนี้ ป่วยจริงรึป่าวเนี่ย’
.
.
.
.
.
.
ทิมเดินเข้าห้องนอน ให้แขกที่มาเยือนเลือกฝั่งที่นอนก่อน น้ำนิ่งขยับไปนอนที่ฝั่งด้านในติดกำแพง ทิมก็ขึ้นไปนอนตาม

ทั้งสองคนต่างใช่เวลาอยู่กับตัวเอง ทิมนั่งดูคลิปแมวต่างๆ น้ำนิ่งนั่งอ่านสูตรขนมใหม่ๆ

เห็นทิมขำก็ต้องหันหน้าไปมอง ทิมก็ขยับเข้ามาใกล้เพื่อที่จะส่งโทรศัพท์ให้น้ำนิ่งดู

“แมวอะ ตลกดี” คลิปแมวใส่เสื้อแปลกๆ แล้ววิ่งไล่ลูกบอล

น้ำนิ่งขยับหน้ามาใกล้ เพื่อดูคลิป

“น่ารักอะ ไว้ทำให้กะทิเล่นบ้างดิ” หันหน้ามาพูดกับอีก แต่ใบหน้านั้น ใกล้ชิดกันแค่ปลายจมูก สายตา 2 คู่จ้องสบตากันอย่างไม่มีใครละออกไป ทิมขยับหน้าตัวเองเข้าไปใกล้จนริมฝีปากสัมผัสกัน

“ขอจูบได้มั๊ย”

“อือ”

ทิมขยับริมฝีปากตัวเองให้แนบชิดของอีกฝ่าย อย่างอ่อนโยน และแผ่วเบา ละเลียดชิมริมฝีปากของอีกฝ่าย แล้วส่งลิ้นไล่เล็มริมฝีปากบางกว่าอย่างทะนุทะนอม น้ำนิ่งเกร็งจนตัวสั่น แต่หากการสั่นนี้ไม่ใช่ความกลัว มันเป็นความตื่นเต้นที่ได้รู้รสชาติของการจูบ สัมผัสที่หวาบวามเกิดขึ้นจนทำให้ตัวเองสั่น  แล้วเปิดปากรับลิ้นของอีกฝ่ายเข้ามากวาดชิมความหวานไปทั่ว มือน้ำนิ่งจิกเกร็งเข้าที่ผ้าห่มนึงข้าง และอีกข้างขยำเข้าที่เสื้อของทิม

ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน ความรู้สึกวูบวาบที่ตัว เกิดขึ้นเพราะการจูบหรอ จูบที่ใครๆพูดถึงกัน มันรู้สึกแบบนี้เองหรอ


สงสัย เพราะฝาแฝดไม่เคยจูบกัน หากผ่านการมีอะไรกันมาหลายครั้งจนเป็นเรื่องประจำ นับตั้งแต่เกิดเหตุ แต่พวกเค้าก็ไม่เคยจูบกันอย่างดูดดื่ม อย่างเช่นที่ทิมทำกับเขาแบบนี้ อย่างมากก็แค่คิสกันแค่นั้น ที่คนพูดกันว่า จูบกับคนที่เรารู้สึกดี มันทำให้รู้สึกแบบนี้เองสินะ


ทิมขยับถอนหน้าตัวเองออก หากแต่ปลายจมูกยังแตะกับของอีกฝ่าย เห็นคนเลือดขึ้นสีที่หน้าแบบเต็มตา สายตาที่ส่งมาอย่างโหยหาการจูบ มือและร่างกายของน้ำนิ่งยังเกร็ง ก็ยกมือลูบขึ้นที่แก้มแดงของอีกฝ่าย

“ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าน้ำนิ่งยังไม่พร้อม เราก็ไม่ทำ” ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นอีกครั้งที่ได้ยินทิมพูด แม้จะสงสัยจนต้องเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา

“ทิม.. ทิม ทนไหวหรอ”

“ทนไหวสิ ทนมาตั้งนานแล้วนิ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”  น้ำนิ่งรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง จนต้องหันหน้าหนี จนทิมเอามือจับให้หันมาสบตาอีกครั้ง

“คิดว่าแค่นอนด้วยกันคืนนี้แล้วเราจะทำงั้นหรอ” สายตาของน้ำนิ่งแทนคำตอบว่าคิดเช่นไร

“ไม่ทำหรอก เราไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าน้ำนิ่งไม่อยากให้ทำเราก็จะไม่ทำ ตอนนี้แค่จูบก็พอแล้ว”

ได้ยินทิมพูด น้ำนิ่งก็ขยับหน้าตัวเองเข้าหาอีกฝ่ายไปอย่างอัตโนมัติ ทิมเองก็ขยับเข้ามาจูบอีกครั้ง อย่างแผ่วเบา


‘ไอ้น้ำ มึงจะฝึกความอดทนกูไปถึงไหนวะ’
.
.
.
.
.
.

ตาน้ำรู้สึกว่าตัวเองนอนไปนานมาก ด้วยอาการสร่างไข้ที่เหงื่ออก จึงทำให้รู้สึกตัว หากแต่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นคนที่ตัวเองกอดก่ายอยู่นั้น นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ

“เพียว”

“อืม ดีขึ้นยัง”

“หนาวๆ ร้อนๆ อะ เหมือนจะสร่างไข้ แต่ก็ยังหนาวอยู่เลย” พูดแล้วก็ขยับเข้าไปกอดก่าย ซบที่อกของอีกคนแน่นขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าเพียวขืนตัวหนีเท่าไหร่ ตาน้ำก็ยิ่งขยับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

“นอนดีๆ สิ กอดอยู่แบบนี้จะนอนสบายได้ไง”

“กอดไม่ได้หรอ” ขยับคร่อมร่างกายของอีกคนพร้อมๆ กับคำถามที่ถามออกมา

“น้ำ…ไม่สบายอยู่ เดียวก็เป็นหนักหรอก ลงไปนอนดีๆ”

“ก็ตัวกูร้อน ข้างในมันร้อน มึงต้องทำให้มันหายร้อนแล้วละ”  พูดจบ ตาน้ำก็ขยับหมุนร่างที่บางกว่าขึ้นมาอยู่บนตัวเอง

‘อาการนี้มันอะไรกันนะ อาการที่เพียวขืนตัวหนี หลบตา ไม่ยอมมองหน้าเขา นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น’

เมื่ออีกคนอยู่บนตัวเองแล้ว ตาน้ำก็ค่อยๆกดท้ายทอยของอีกฝ่ายให้ก้มลงมาหา ริมฝีปากประกบกันอย่างแนบชิด
เพียวรู้สึกได้ว่าจูบครั้งนี้ มันอ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมาอาจจะเป็นเพราะอีกคนนึงป่วยอยู่ก็เป็นได้

“เพียว วันนี้มึงดูแปลกไปนะ”

“หรอ ไม่เห็นจะรู้สึก กูว่ามึงแปลกไปมากกว่า”

“กูแปลกยังไง?”

“ก็แปลกที่มึงทำแบบนี้”

“ไม่ชอบหรอ” คำถามนี้ทำให้คนด้านบนหลบตาและหันหน้าหนีอย่างชัดเจน นั่นทำให้ตาน้ำรู้แล้วว่าเพียวเขิน และการเขินนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกอะไรกับคนที่เราเขิน

“เพียว” ตาน้ำเรียกอีกฝ่าย พร้อมๆกับยกมือ  จับคางให้มาเผชิญหน้า

เพียวรู้สึกว่าตัวเองตัวสั่น ทำไมกัน หรือเพราะห่างจากเรื่องแบบนี้กับตาน้ำไปนาน หรือว่าเพราะความรู้สึกที่มีมากขึ้น ความเปลี่ยนไปของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ตัวเองสับสนมาก

“น้ำนอนพักให้หายก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

“แน่นะ”

“อืม” ได้ยินคำพูดแบบนี้ ตาน้ำก็ปล่อยให้คนที่บนตัวเองขยับลงมานอนปกติ แต่ก็ยังไม่ยอมที่ปล่อยให้ร่างกายของอีกคนเป็นอิสระได้

“นอนกัน กอดด้วย กูหนาว” เพียวรู้ตัวเองว่าควรจะทำตามอย่างที่อีกฝ่ายบอก ไม่เช่นนั้น เค้าคงจะโดนก่อกวนอีกแน่
.
.
.
.
.
.
.
พอสเดินเข้ามาที่ร้านส้ม ร้านประจำของพวกเขา

สายตาส่งมองหาใครบางคนที่คิดว่าตัวเองน่าจะพบเจอที่โต๊ะของนักดนตรี เมื่ออีกฝ่ายเห็นก็ยกมือเรียกทัก

“ไง มึง ทำไมฉายเดี่ยว” เป็นโอมที่ทักขึ้นก่อน

“อืม น้ำนิ่งมาสบาย กูเบื่อๆ เลยออกมาหาพวกมึง”

“พี่มึงอะ ไม่ชวนมาด้วยกัน” ต้าร์เอ่ยถาม คำถามนี้ไม่ได้ทำให้ใครสงสัย ร้านนี้เป็นร้านประจำของเด็กบริหาร มันก็ไม่แปลกที่ใครๆจะมากันเป็นประจำ

“อืม ไม่ได้โทรหาอะ กูขี้เกียจ อยากมาเงียบๆ” ก็จะไปบอกได้ยังไง ว่าขับรถตามไปจนถึงคอนโดเพียว แล้วก็เห็นตาน้ำเดินจูงเพียวเข้าไป เหมือนกับที่เดินจูงไปขึ้นรถ

“เออๆ ดราม่าไรมาละมึง อยากมาเงียบๆ แต่เสือกมานั่งร้านเหล้า เงียบตรงไหนวะ”

“ช่างแม่งเหอะ ขี้เกียจพูดว่ะ”

ได้เวลานักดนตรีขึ้นไปร้องเพลง พอสก็นั่งดื่มไปเรื่อยๆ คนเดียว

ร้องเสร็จก็นั่งคุยกันเฮฮา ต้าร์รู้สึกได้ว่าพอสเมามากแล้ว

“โอม! มึงชอบน้ำนิ่งใช่ไหม”

“หือ…มาได้ไงว่ะ”

“บอกกูมา กูอยากรู้” พอสขยับตัวเข้าหาโอม เพื่อต้องการคำตอบ แต่ต้าร์ก็พยามยามกันไม่ให้พอสเข้าไประรานอีกฝ่ายได้

“น้ำนิ่ง…ก็น่ารักดีนะ แต่คบกับทิมแล้วไม่ใช่หรอวะ” เพราะประกวดดาวเดือนปีเดียวกัน จึงทำให้รู้จักกันดี สิ่งที่โอมรู้มาตลอดคือทิมชอบมองน้ำนิ่ง และน้ำนิ่งก็ชอบมองทิม ก็จะไปมีโอกาสได้ยังไง ในเมื่อฝาแฝดเปิดทางให้เพื่อนตัวเองขนาดนั้น

“มึงแม่งโง่ ชอบมาตั้งนานเสือกไม่จีบ”

“เอ้า ด่ากูซะงั้น ก็เค้ามองกันมาตั้งนานแล้ว กูจะไปทำห่าไรได้ว่ะ จีบไปเขาไม่ชอบกูก็แห้ว”

“ทำใจไงมึง คนมาทีหลังทำอะไรไม่ได้ ก็ทำใจอย่างเดียว” คำพูดนี้ ต้าร์รู้ดีว่าพอสไม่ได้พูดกับโอม หากแต่พูดกับตัวเอง

เอาจริงๆ ต้าร์ก็รู้ ว่าพี่เพียวกับฝาแฝดคนพี่นะมันมีอะไรๆ กันอยู่ เพราะคอนโดอยู่ใกล้ๆกัน เลยทำให้รู้ว่าตาน้ำมันไปอยู่ห้องพี่เพียวบ่อยแค่นั้น แต่เพื่อนเขาเองคนนี้เพิ่งจะรู้ละมั้ง ถึงมานั่งเศร้ากรอกเหล้าเข้าปากแบบนี้

“พอส เมามากแล้ว กลับเถอะ กูไปส่ง  ไอ้โอมมึงเอารถกูกลับให้ด้วยนะ”

พูดจบก็ประคองกึงลากเพื่อนมาที่รถ ล้วงหาเอากุญแจเปิดรถ แล้วจับเพื่อนยัดเข้าไป

“ต้าร์” เสียงคนเมาโวยวายเรียกชื่ออยู่ในรถซ้ำๆ ระหว่างทางกลับคอนโด

ถึงคอนโด ก็พาเพื่อนขึ้นมาที่ห้องของเจ้าตัว ห้องที่ตัวเองมาบ่อยๆ ยามเพื่อนเรียกให้มา

ว่าแล้วก็ประคองเจ้าของห้องไปที่เตียง ให้ลงนอนหันตัวจะเดินไปเอาอุปกรณ์เช็ดตัวอย่างเคย ตัวเองก็โดนคนเมารั้งไว้

“ต้าร์”

“เออ มึงนอนก่อน เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้” เพราะพอสแยกกันอยู่กันพี่ชาย เวลาที่เมาหรือไม่สบาย ต้าร์ก็ต้องมาคอยดูแลทุกที
นั่นเพราะน้ำนิ่งอยู่กับฝาแฝด และพี่เพียวเองก็มีร้านที่ต้องรับผิดชอบ 

“เอ้าเห้ย ปล่อยกูสักที ไอ้พอส” เพราะมือคนเมานั้น ยังคงจับรั้งอยู่จึงต้องร้องบอกออกไป หากแต่คนเมาไม่ยอมปล่อยแบบที่ร้องขอ กลับดึงต้าร์ลงไปหาทำให้ร่างกายต้าร์นั้นคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่าย

“จะไปไหน อยู่กับกูก่อน” เมื่อดึงต้าร์ลงมาอยู่กับตัวเองสำเร็จ พอสก็ใช้ทั้งมือและขากอดรัดไว้ แล้วขยับหมุนให้ตัวเองอยู่ด้านบน

ระยะขนาดนี้ ต้าร์รู้ดีว่ามันทำให้ตัวเองใจสั่น ความต้องการของมนุษย์นั้น มันยากที่จะหักห้ามใจ

“ไอ้พอส มึงเมามากละ ปล่อยกูก่อน” คำร้องขอไม่เป็นผลใดๆ คนเมากันคงกอดซบอยู่บนตัวเค้า แล้วซุกไซร้เข้าที่คอ

“พอส…มึงอย่า” แม้ว่าต้าร์พยายามจะขืนตัวเองออกเท่าไร พอสก็ยิ่งกอดล๊อคแน่เข้าเท่านั้น จนต้าร์ใช้แรงที่มีดันร่างของอีกคนให้ลงไปอยู่ด้านร่าง

“ต้าร์ มึง อึก มึงไม่รักกูหรอ ฮือๆ” ร่างกายที่มีการปฏิเสธนั้น ทำให้พอสมีน้ำตาออกมา ก็เพราะว่าวันนี้ เค้าโดนปฏิเสธถึง 2 ครั้ง

“พอส มึงทำแบบนี้ไม่ได้ มึงเมา กูไม่อยากให้มึงเสียใจทีหลัง”

“แปลว่า ถ้ากูไม่เมา มึงจะยอมกู” คำนี้ออกมาแล้ว ได้ยินแล้วก็ต้องถอนหายใจ ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพอสเป็นคนยังไง ลูกคนเล็กที่พ่อแม่ตามใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องทำ คนมีเงื่อนไขทุกอย่างแบบพอส ไม่ยอมอะไรง่ายๆ

“มึงนอนก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

“ไม่นอน มึงตอบกูก่อน ไม่ตอบกูก็ไม่นอน”

“เออๆ หายเมาแล้วว่ากัน”

พอสรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดไม่มีสติ จึงถอดเสื้อตัวเองออกแล้วมัดต้าร์ไว้กับตัวเอง

“ไอ้เหี้ยนี่ จะนอนทั้งเน่าๆ แบบนี้ไง”

“ก็มึงสั่งให้กูนอน ก็นอนสิ”


‘แล้วต้าร์ก็หลับตาลงทั้งๆที่ตัวเองถูกมัดอยู่กับพอส ก็อยากจะรู้ตื่นมาพรุ่งนี้มันยังจะจำได้มั๊ย ว่าตัวเองพูดอะไร ทำอะไรไว้
แล้วถ้าพอสจำได้ แล้วทวงคำพูดที่เคยพูดไว้ ต้าร์จะทำยังไงดี’



---------------------------------TBC------------------------------------

สุขสันต์วันสุดท้ายของปี วันนี้เมาไม่ขับให้เพื่อนมาส่งแบบพอสละกันเนอะ

พาพี่เพียวมาหาแล้ว วันส่งท้ายปีพามาส่งกันครบทุกคนเลย

พอสกับตาตน้ำกำลังสับสนกับชีวิตคะ บรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไป ทำให้อึดอัดจนไม่คุ้นชิน

อันนี้เปรียบเทียบจากความรู้สึกของคนเขียน

ไม่รู้มีใครเป็นไหม แบบห้องนอนเรา เวลามีคนอื่นเข้าห้องโดยที่เราไม่อยู่

พอเรากลับมาที่ห้องมันจะรู้สึกได้ว่าแปลกไปทันที

พอสจะรู้สึกแบบนั้นตอนที่ตาน้ำมาห้องคะ นั่นเพราะก่อนหน้าเป็นต้าร์ที่มาอยู่ด้วยบ่อย

ส่วนตาน้ำที่อยู่แต่กับห้องเพียวมานาน พอมาเป็นห้องพอสมันก็รู้สึกแปลกไป จนทำให้อยู่ห่างจากพอสไม่ได้

อันนี้คนเขียนใช้ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน เวลาอยู่ที่แปลกมันรู้สึกว่ามันโล่งเกินไป


ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนเม้นท์ คนอ่าน คนรอ ทุกคนนะคะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 15:06:12 โดย kiiro »

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รออ่านพอสกะตาร์นะนะ :ling1:

#แฮปปี้นิวเยียร์2017นะนนะะนะนะ :pig4: :L1: :3123:ไรต์

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อะไรยังไงกันละนี่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 19 รักแรกพบ

ด้วยการหลับอย่าพะว้าพะวง ทำให้ต้าร์ตื่นขึ้นด้วยอาการนอนไม่เต็มตา หัน มองนาฬิกา ที่บอกเวลา 6 โมงเช้า ก็ต้องถอนหายใจ เมื่อคืนกว่าไอ้ตัวดีข้างๆจะยอมนอนแบบสงบได้ก็ปาไปเกือบตื่น 3 หันมองคนนอนข้างก็ก็ต้องนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน


“ร้อนชินหาย ทำไมมหาลัยแม่งไม่รับสมัครตอนกลางคืนว่ะ แดดจะได้ไม่ร้อน”

พลั๊ว!

“มึงเพี้ยนหรอไอ้โอม เวลาราชการรู้จักมั๊ย แล้วเดี๋ยวพอเค้ารับสมัครตอนกลางคืน มึงก็บ่นอีกว่าเวลานอน จะให้มึงมาทำไม”

เด็กนักเรียน ม.ปลาย กำลังนั่งพักกินน้ำที่โต๊ะไม้ใกล้ร้านค้าในมหาลัย เถียงกันไปมาในวันที่มาสมัครสอบตรง

“เออ นั่นดิ งั้นกูเปลี่ยนใหม่ ทำไมแดดประเทศไทย มันร้อนแบบนี้ว่ะ ร้อนเหมือนอยู่นรกเลย”

“นาย 2 คนเคยไปนรกมาหรอ” เสียงคนแปลกหน้าเอ่ยขึ้นคั่นบทสนทนา นักเรียน ม.ปลาย 2 คน จนต้องหันมองไปตามเสียง
เงยหน้าขึ้นก็เห็นเด็กนักเรียนอินเตอร์ 2 คนยืนมองอย่างขำๆ

ต้าร์สะดุดกับคนตัวผอม ผิวเหลืองที่ยืนอยู่ด้านหน้า หากโอมมองเลยไปยังเด็กผู้ชายที่เตี้ยกว่านิดหน่อย ผิวขาว ตาใส ยืนจับชาย
เสื้อของเพื่อนตัวเองอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ไม่เคยอะ”  ต้าร์เอ่ยตอบกลับ อย่างตัดบท หากคนตรงหน้ายังมีคำถามกลับมาอย่างต่อเนื่อง

“แล้วรู้ป่ะว่า คณะบริหารไปทางไหน” เพื่อน 2 คน ชี้ไปคนละทาง จนเด็กอินเตอร์ขมวดคิ้ว

“เอ่อ… โทษที ไปทางนั้นอะ รอรถของมหาลัยก็ได้นะ ตรงป้ายมีสีรถบอกว่าสีไหนไปทางไหน”

“โอเค ขอบคุณนะ หวังว่าจะได้เจอกัน” นักเรียน ม.ปลาย 2 คนพยักหน้ารับเบาๆ เด็กอินเตอร์ก็เดินจากไป


‘หวังว่าจะได้เจอกันงั้นหรอ’


“โอม! มึงรออยู่นี่นะ เดี๋ยวกูมา”

“มึงจะไปไหนไอ้ต้าร์”

“ไปสมัครคณะบริหาร”

“หือ… เอาจริง?” เห็นเพื่อนรักยักคิ้วจึกๆ เก็บของเตรียมลุกก็ต้องถามต่อ

“ถ้าไม่ติดอะ?”

พลั๊ว!! ก็ยังไม่ทันทำอะไร ไอ้เพื่อนรักก็เอ่ยปากแช่ง จนต้องเอามือไปเสยหัวมันสักที

“ไม่ติดก็ยื่นคะแนนเอาศิลปกรรมเหมือนเดิม แค่นี้ เดี๋ยวกูมา”



เปิดทอม ต้าร์มองหาเด็กอินเตอร์ 2 คนที่เค้าจำหน้าได้เป็นอย่างดีที่คณะบริหาร ใช่ เค้าสอบติด  แล้วก็เห็น 2 คนนั้นวันรายงานตัวก็เลยรู้ว่า 2 คนนั้นสอบติดเหมือนกัน ยิ่งทำให้ไอ้โอมเพื่อนรักสาปแช่งอยู่ 3 วัน 7 วัน ในการทอดทิ้งครั้งนี้ ได้แต่ปลอบใจและสัญญากับมันว่าจะไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางด้วยกันทุกวัน

เพราะยังไงก็มหาลัยเดียวกันอยู่แล้ว นั่งมองซ้าย มองขวาเห็นคนคุ้นตาก็ลุกไปทัก เอาจริงๆ ต้าร์ก็จำได้แค่คนเดียว คนที่ยืนข้างหลังนั้นแทบจำหน้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 “ดี….”

“อ้าว นายกูเกิ้ลวันนั้นนี่”

“โห…จำกันได้ด้วย ดีใจจัง”

“ฮา คนบอกทางแม่นเป๊ะขนาดนี้ เราต้องจำได้ขึ้นใจ ว่าแต่เรียนบริหารเหมือนกันหรอ”

“ใช่ สิ แหม่ นี่ยืนอยู่คณะบริหารนะ”

“อ้าวแล้วมาคนเดียวหรอ วันนั้นเห็นอยู่กับเพื่อนนี่”   

“อ๋อ เพื่อนเราติดศิลปกรรมอะ เราชื่อต้าร์นะ นาย 2 คน?”

“เราชื่อพอส ไอ้ลูกลิงที่เกาะหลังอยู่ชื่อน้ำนิ่ง”

“อ่าห๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก เราขอเป็นเพื่อนด้วยได้มั๊ย ติดบริหารคนเดียวไม่รู้จักใครเลย”

การที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่นั้น ทำให้ต้าร์เห็นคนด้านหน้า หันไปมองคนที่ยืนเกาะอยู่ด้านหลัง เห็นคนด้านหลังพยักหน้าน้อยๆ
คนที่ยืนเยื้องมาด้านหน้าก็หันมาตอบ ยอมรับว่าครั้งนั้นใจหาย เพราะคิดว่า2 คนเป็นมากกว่าเพื่อน แต่อยู่มาเรื่อยๆก็ทำให้รู้ว่าไม่มีอะไร

“ได้สิ เป็นเพื่อนกันนะ”

“เย้!! ขอบคุณนะ”
.
.
.
.
.
.
.

“ทิม… นี่น้ำนิ่ง ฝาแฝดกู เรียนบริหาร”

ทิมมองคนตรงหน้าสลับไปมากับเพื่อนตัวเอง พยามยามจะแยกให้ออกว่าใครเป็นใคร มองเพลินจนเผลอต้องไปที่ที่ตาใสๆ หน้าขาวๆ ปากแดงๆ ทำให้ดูหวานกว่าฝาแฝดคนพี่ ที่ตาดุ ผิวคล้ำเพราะชอบออกกำลังกาย

“น้ำนิ่ง นี่ทิม เพื่อนน้ำ” คนตรงหน้าพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วยิ้มให้

“โอเคนะมึง อย่ามาหลอนว่าเห็นผีอีกละ”

“เออ เชื่อแล้วว่ามีแฝด ไม่เห็นต้องโหดถึงขนาดเรียกน้องมาเลยมึง”

“รู้จักกันไว้ซะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เพื่อนฝาแฝด” เสียงหวานตอบกลับมาทำให้ใจกระตุก อะไรกัน หน้าเหมือนกันแท้ๆ เสียงคนละโทนกันเลย

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ฝาแฝดเพื่อน”

นับตั้งแต่เดินเจอกันที่โรงอาหารกลาง และเพื่อนพามารู้จัก เมื่อเดินเจอกัน ต่างคนก็ต่างยิ้มให้กันเรื่อยมา

กลุ่มเด็กบริหารเดินเข้าโรงอาหารกลาง หมุนซ้าย หมุนขวา ราวกลับมองหาใคร แต่คนที่อยู่ในสายตาทิมนั้น กลับเป็นคนที่หน้าเหมือนเพื่อนตัวเอง ทำไมกันนั่นทิมก็ไม่เข้าใจ หากแต่การนั่งมองอยู่ทุกวันทำให้รู้ว่าอีกคนชอบกินอะไร ซื้อร้านไหนเป็นประจำ

“ช้าชิบหาย” เด็กศิลปกรรมเอ่ยทักเพื่อนขึ้น

“ โอม นี่ พอส กับ น้ำนิ่ง 2 คน นี่โอมนะ เพื่อนเราที่เรียนศิลปกรรมที่เคยบอก” โอมยิ้มทักทายให้กับเพื่อนใหม่ 2 คน ก่อนที่ ทั้ง 2 จะลุกไปซื้อข้าว

“ไง มึง บริหาร เปลี่ยนลุกชิบหาย”

“หล่อปะละ”

“หล่อโคตรๆ เรียนเกิน 4 ปี มึงจะหล่ออยู่อีกนานเลย จะเรียนไหวมั๊ยเนี่ย”

“ไอ้เหี้ยนี่ แช่งกูอีกแล้ว คนติวดีเว้ย” พูดไปก็ยักคิ้ว จึกๆ ให้เพื่อนตัวเอง 2 คนกลับมา ก็ผลัดกันไปซื้อข้าว พวกเด็กศิลปกรรมก็เดินเข้ามาหาเพื่อนที่นั่งอยู่ท่ากลางเด็กบริหาร เลยกลางเป็นความสนิทในกลุ่มเพื่อนระหว่าง 2 คณะ

พอสลุกไปซื้อขนม หากกลับมาด้วย ของ 2 อย่าง บัวลอยเผือกวางลงตรงหน้าน้ำนิ่ง ทำให้หันไปมองหน้าเพื่อน

“มีคนฝากมาให้มึง” ได้ยินก็ต้องเลิกคิ้วถาม พอสพยักหน้าให้น้ำนิ่งมองตามสายตาไป ก็จะเห็นเพื่อนของฝาแฝดตัวเองส่งยิ้มพร้อมกับท่าทางให้ชิมขนม

สิ่งที่โอมรู้คือน้ำนิ่งกินขนมไทยทุกวัน แต่ที่โอมเพิ่งรู้ไม่นานคือขนมที่น้ำนิ่งกินนั้น มีคนซื้อให้ทุกวัน
.
.
.
.
.
.
.
นักเรียนชั้น อนุบาล เลิกเร็วกว่านักเรียนชั้นอื่นๆ เสียงประกาศจากอาจารย์ว่าผู้ปกครองเด็กคนไหนมารับแล้วบ้าง ดังไม่ขาดสาย เด็กชาย 2 คน จูงมือกันออกมาพร้อมกัน  พร้อมๆกับยืนรอผู้เป็นพี่ของตนเอง ไม่นานผู้เป็นพี่ของเด็กชายทั้ง 2 ก็เดินตรงมายังจุดที่แม่กับน้องยืนอยู่

“พี่พียว นี่น้ำนิ่ง เพื่อน พอส ส่วนคนที่หน้าเหมือนน้ำนิ่ง ชื่อตาน้ำ”

เด็กชายพิธา ขมวดคิ้วมองเด็ก 2 ตรงหน้า ราวกับว่าอีกไม่นานความวุ่นวายจะเกิดขึ้น คิดไม่ทันขาดคำ เสียงของผู้เป็นมารดาก็เอ่ยทักเค้า

“พี่เพียว ฝาแฝดเป็นลูกของคุณน้าสลิลทิพย์ ที่บ้านเราซื้อของกับเค้าไงคะ”

“น้าฝากพี่เพียวช่วยดูแลฝาแฝดด้วยนะคะ” คำแนะนำของผู้เป็นมารดาทำให้ แฝดผู้พี่จ้องมองไปยังเด็กผู้ชายคิ้วขมวดตรงหน้า ทำราวกับว่าเค้าและน้องเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิต  ‘นิสัยไม่ดีจริงๆ’

“ผมดูแลน้องเองได้ครับ ไม่เห็นต้องฝากใคร”

“อ้าว พ่อลูกชาย ทำไมไม่น่ารักเลยครับ เดี๋ยวคุณน้าเค้าไม่ซื้อของบ้านเรานะครับ”

“ขอโทษครับคุณน้าพิม”

ผู้ใหญ่เข้าใจ เด็กกลัวโดนแย่งความรักเป็นธรรมดา ยิ่งฝาแฝดคนโตยิ่งแล้วใหญ่ กลัวน้องไม่รัก


เด็กชั้นเกรด  4  2 คนนั่งรอผู้ปกครอง อีก 1 คนนั้น ไปเตะบอลเล่นกับเพื่อนๆ แถวนั้น เพื่อน 2 คนนั่งคุยกันเรื่องของเล่น หากคนโตสุดที่อยู่ เกรด 5 นั่งทำการบ้านรอเวลา ไม่นานบ้านผู้ใหญ่ของบ้านฝาแฝดก็มาถึง

“คุณตาสวัสดีครับ” เด็ก 4 คน ทำความเคารพผู้ใหญ่ ทำให้ผู้เป็นตายิ้มรับอย่างพอใจ

“ฝาแฝด พร้อมกลับบ้านกันรึยังครับ” 2 คนขยับมาเก็บของหากจะลุกขึ้นเดินกลับ คนพี่ก็เอ่ยทักตาว่า

“คุณตา รถบ้าน พ.พาน ยังไม่มารับเลยครับ”

“เอ….นี่ก็เย็นมากแล้วสิ ทำไงดีน้า” คุณตาเอ่ยถามหลานชายฝาแฝดเพื่อคนขอความเห็น

“ให้เค้าไปกับเราได้มั๊ยครับ” เป็นคนน้องที่เอ่ยตอบ เมื่อคุณตาหันไปมองคนพี่ก็พยักหน้าตอบรัวๆ

“เอ้า 2 หนุ่ม เย็นมากแล้ววันที่คุณพ่อคุณแม่ติดอะไรรึป่าว ถึงยังไม่มา” เพียวเงยหน้ามองท้องฟ้า นั่นสิถ้าแม่หรือพ่อไม่มา ก็ส่งคนรถมารับ แต่นี่เย็นมากแล้ว เค้าจะพาน้องกลับบ้านยังไงดี

“ไม่ได้บอกไว้ครับมาจะมาช้า หรือส่งคนรถมา” เพียวเอ่ยตอบผู้ใหญ่

“งั้นกลับไปที่บ้านฝาแฝดก่อนนะครับ เดี๋ยวถึงบ้านตาจะโทรบอกที่บ้านให้ ดีมั๊ยครับ รออยู่ที่นี่ไม่รู้จะมาถึงกี่โมง แล้วจะฝากคุณครูบอกคนที่บ้านไว้ถ้ามารถมารับ เดี๋ยว ร.ร. ปิดแล้วจะกลับลำบาก” พอสมองหน้าผู้เป็นพี่ชาย ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าให้เก็บของ คำที่แม่บอกไว้ตั้งแต่อนุบาลว่าบ้านเค้าซื้อของกับบ้านฝาแฝด นั่นก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายใดๆ

“ขอบคุณครับคุณตา”  เด็กทั้ง 4 ก็เดินพากันไปที่รถตู้ พอถึงบ้าน ฝาแฝดก็เหวี่ยงกระเป๋าทิ้ง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้ววิ่งเข้าห้องครัวไปหาผู้เป็นยาย  ช่วยกันยกขนมออกมาเสิร์ฟแขก

“พอส มีการบ้านอะไรบ้าง เอามาทำรอแม่” เมื่อได้ยินเช่นนั้น  เด็กชายพัชร ก็เปิดกระเป๋าเอาการบ้านออกมาทำทันที เพราะกลัวว่าพี่จะไม่ช่วยสอน

“คุณตาโทรบอกที่บ้านให้แล้วนะครับ รถคุณพ่อเสีย คุณแม่ยังไม่ถึงบ้าน เดี๋ยวถ้าถึงบ้านแล้วจะมารับทั้ง 2 คนนะ”

“ขอบคุณครับ คุณตา”

“อ้าว ฝาแฝด เพื่อนทำการบ้านนะ ทำไมไม่ทำหืม ต้องให้ตาตีใช่มั๊ย”

“โห่…คุณตา” เพียวมองฝาแฝดที่ลงไปนอนเกือกกลิ้งสบายใจกับพื้น ค่อยๆ ขยับขึ้นมาเปิดการบ้านทำ ของน้องชายตัวเองและฝาแฝดคนเล็กนั้น การบ้านเหมือนกัน ก็สบายหน่อย แต่ฝาแฝดคนพี่ที่อยู่คนละห้องเนี่ยสิ เห็นนั่งคิ้วขมวดมานานและ ต้องขยับไปดู

“ข้อนี่ทำแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่นะเดี๋ยวผิด” ตาน้ำหันมองคนสอนหน้ายุ่ง โตกว่าแค่ปีเดียวทำเป็นสอน  แต่สีหน้าจริงจังอย่างเต็มใจของอีกคนนั้นอดเชื่อไม่ได้ว่าตัวเองไม่ได้โดนหลอกแน่นอน

ไม่นาน รถของบ้าน พ.พาน ก็มารับ จากนั้นก็กลายเป็นว่า หากวันใดที่ฝาแฝดจะกลับบ้านแล้ว รถบ้านนั้นยังไม่มารับ ก็ให้กลับมารถบ้านฝาแฝดได้เลย

‘นั่นละ ความวุ่นวายที่เพียวมองเห็นตั้งแต่เด็ก สอนน้องตัวเองคนเดียวไม่พอ นี่เพิ่มอีก 2 แถมไอ้แฝดคนโตเนี่ย สอนอะไรก็เถียงตลอด ปวดหัว จนต้องลุกไปต่อยกันให้รู้แล้วรู้รอด ต่อยกันจบก็ลากมาให้ทำการบ้านต่อ’


-----------------------TBC--------------------------

สวัสดีปีใหม่คะ ไม่ช้าเกินไปเนอะ คนเขียนป่วยเลยมาช้าไปหน่อย

คู่อื่นเป็นรักแรกพบ ส่วนพี่เพียว และตาน้ำเป็นเกลียดแรกพบ

คิ้วจะผลัดกันขมวดไปไหน

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คอนอ่าน คนเม้นท์ ทุกคนนะคะ 



ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คนเขียนป่วยงอแงม แวะเอาต้นแบบของกะทิมาให้เห็นหน้าแทน คนละสี แต่ความอยากได้เจ้าตัวนี้มาจากแมวขาวคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พอส ตาร์ เหรอ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ชอบทุกคู่เลยอะไรท์ ชอบตาน้ำเพียว ทิมน้ำนิ่ง ตาร์พอส

รอตอนต่อไป เลิฟฟๆๆ ห่ายป่วยไวๆน้าาาาา :katai4: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 20 เผชิญความจริง

คิดอะไรเพลินๆ จนเผลอหลับ พอสก็ขยับขึ้นมานอนทับบนตัว ต้าร์ตกใจตื่นอีกครั้ง

“เชี้ยพอส”

“เมื่อคืนสัญญาไรไว้” พูดจบก็ซุกไซร้เข้าที่ซอกคอ ต้าร์พยายามจะดันออก

“ไปอาบน้ำก่อน” พูดไปแบบนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะเลี่ยงไปได้อีกนานแค่ไหน

“ไปอาบด้วยกัน เดี๋ยวมึงหนีกูกลับ” ว่าแล้ว เจ้าของห้องก็ลุกขึ้นลากแขกเดินไปห้องน้ำ

“แล้วจะถอดเสื้อยังไง ผูกติดกันแบบนี้” พอสขยับเอาตัวเองมาบังประตูห้องน้ำ พร้อมกับแกะเสื้อที่ผูกไว้ที่ข้อมือทั้ง 2 คนออก ให้ต้าร์ถอดเสื้อ ถอดเสร็จก็ขยับไปผู้แขนต่อ

“ไอ้พอส มึงเป็นไรมากมั๊ยเนี่ย” เพราะสนิทกัน จึงรู้ความเปลี่ยนแปลงของเจ้าของห้องเป็นอย่างดี

“อาบน้ำสิ ไม่อาบกูอาบให้” การที่ร่างกายเปลือยป่าวแบบนี้ นั่นทำให้สัญชาตญาณในร่างการเริ่มปะทุ

พอสผลักต้าร์เข้าไปที่ส่วนอาบน้ำ แล้วกดริมฝีปากจูบทันที ต้าร์พยายามดันร่างอีกคนออก

“เออๆ อาบๆ มึงใจเย็นดิว่ะ” ต้าร์ขยับตัวอาบน้ำทันที การมาอยู่ที่นี่บ่อย ทำให้ของใช้เขามีเก็บไว้ พอต้าร์อาบเสร็จ พอสก็ขยับเข้าไปอาบ การที่โดนจู่โจมนั่นทำให้ต้าร์ใจเต้นแรง จนต้องยืนหลับตาช่วงระหว่างรอ

2 คนอาบเสร็จ ก็ใส่แค่บ๊อกเซอร์คนละตัว ออกมานั่งผูกติดกันอยู่อย่างนั้น

"เอ้า ว่ามา"

“เมื่อวาน พี่เพียวมาที่ห้อง เจอไอ้น้ำอยู่กับกู” คำที่ได้ยินทำเอาต้าร์ใจกระตุกวูบ แฝดพี่มาที่นี่หรอ อะไรกัน

“……..”

“กูคิดว่าพี่เพียวจะอาละวาด โวยวาย แต่ไม่ใช่เลย พี่เพียวพูดกับกูว่า ที่กูพยายามแสดงออกว่าชอบไอ้น้ำเพื่อลบความรู้สึกที่กูชอบไอ้นิ่ง ก็เลิกซะมันเป็นไปไม่ได้” ต้าร์หันมองคนข้าง นั่นเค้ารู้ดี แต่ที่ไม่รู้คือ ที่หันไปสนใจตาน้ำเพราะพยายามจะเลิกชอบน้ำนิ่งงั้นหรอ นี่มันบ้าอะไรกัน

“กูไม่รู้ว่ากูชอบมันเมื่อไร กูรู้ว่ากูชอบมันไม่ได้ ก็เลยพยายามบอกตัวเองให้ชอบไอ้น้ำแทน พี่เพียวบอกกูว่า คนหน้าเหมือนกัน แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเหมือนกัน นั่นก็จริงเพราะตอนไอ้น้ำขึ้นมาอยู่บนห้อง กูดันรู้สึกแปลกไป ที่แปลกกว่านั้น คือกูกลับคิดถึงมึง ตอนที่มึงมาอยู่ห้องกับกู  มันไม่เหมือนกับที่ตอนที่กูอยู่กับมึงเลย”

“หืม” ต้าร์เข้าใจดี ห้องนี้เป็นตัวเองไปๆมาตั้งแต่ปี1 ก็ไม่แปลกที่เจ้าของจะคุ้นเคยกับต้าร์มากกว่าคนที่เพิ่งมาใหม่

“กูแม่งบ้าชิบหาย ปวดหัวจนประสาทจะแดก คิดเหี้ยไรไม่ออกสักอย่าง”

“มึงใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่า” พอสสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ

“กูไม่รู้หรอกว่ากูชอบไอ้นิ่งมันตอนไหน มันอาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่อยู่ด้วยกัน จนมองไปเมื่อไหร่ก็เจอแต่มัน
แต่ด้วยความที่มันคิดกับกูแค่เพื่อน แถมยังเป็นเพื่อนที่มันรักมาก กูก็ไม่กล้าที่จะล้ำเส้น กูก็เลยคิดว่ากูควรจะหันไปมองไอ้น้ำแทนมันอาจจะดีขึ้น แต่ไม่เลย ที่แย่ไปกว่านั้น กูเคยคิดว่าถ้ามันมีแฟนกูจะตัดใจได้ พอเพื่อนพี่เพียวมาขอให้กูช่วย เพราะเขาอยากจะคุยกะไอ้นิ่งว่าเขาชอบมัน กูก็ดันช่วย เพราะเอาจริงๆกูกับมันตัวติดกันตลอดมึงก็เห็น แต่พี่เค้าดันเกือบจะทำร้ายไอ้นิ่ง นั่นเป็นเหตุที่ทำให้มันหลอน กลัวคนแปลกหน้า มันเป็นเพราะกู มันเป็นเพราะกูอะต้าร์ กูหักหลังมัน หักหลังเพื่อนที่รักกูคนนึงด้วยการปล่อยให้คนอื่นทำร้ายมัน” พูดไปก็ร้องไห้น้ำตาไหล

ต้าร์ทำได้แค่จับอีกคนมาเอียงสบไหล่ตัวเอง แม้จะช๊อคกับเรื่องที่ตัวเองได้ยินก็ตาม แต่ก็อยากจะปลอบคนที่อยู่ข้างๆ

“พอส เรื่องมันผ่านมาแล้ว มึงรู้ตัวว่าผิด ที่ผ่านมามึงก็แก้ไขตัวเอง ดูแลไอ้นิ่งอย่างดีที่สุดแล้ว อย่าคิดมากน่า”

“มึงคิดแบบนั้นหรอว่ะ”

“มึงคิดว่ากูควรทำไง เอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้แฝด ให้มันมาต่อยมึง งั้นหรอ ตอนนี้ น้ำนิ่งมันก็ดีขึ้นจากเดิมที่กูเจอตอนแรกแล้วนิ มันอยู่กับทิมได้ เปิดใจให้ทิมแล้ว นั่นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ”

“กูก็ไม่รู้ ตั้งแต่เกิดเรื่อง กูคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้มันหาย กูควรจะบอกมันมั๊ยว่าวันนั้นกูเป็นคนแยกตัวออกมาเอง เพื่อเปิดโอกาสให้พี่เขาคุยกับมันตามลำพัง แต่ใจนึงก็ห่วง กลัวว่าพอมันรู้ว่ากูร่วมมือกับพี่เขามันจะเกลียดกู เลิกคบ ไอ้ใจที่จะรักแบบคนรักน่ะไม่มีแล้ว เพราะกูเองรู้สึกผิด ความรู้สึกผิดในตัวกูมันมีเยอะกว่า มึงเข้าใจมั๊ย  ส่วนเรื่องไอ้น้ำ พอเอาเข้าจริงกูก็ว่ากูอยู่กับมันไม่ได้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน มึงเข้าใจกูป่ะ”

คำถามซ้ำๆ ถูกส่งมาถึงต้าร์ เพราะคนถามต้องการคนที่เข้าใจเขาในยามที่สับสน

“เข้าใจ แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ ทำไมมึงบอกว่าตอนที่อยู่กับไอ้น้ำเมื่อวาน แต่มึงดันคิดถึงกู”

“ไม่รู้ว่ะ มึงรู้มั๊ยละ”

“ถ้ากูรู้ละ”

“มึงอย่ามาเล่นลิ้น ไอ้เหี้…” พูดยังไม่ทันขาดคำ ต้าร์ก็คว้าคอพอสมาจูบ พอสตาโตตกใจกับสิ่งที่ได้สัมผัส แต่ก็ยอมเปิดปากให้อีกคนส่งลิ้นร้อนเข้ามากวาดชิมความหวานโดยอัตโนมัติ มือที่ผูกติดกันไว้กลายเป็นผสานกับจนแน่น  ลิ้นที่ใหญ่กว่าไล่สัมผัสลิ้นอีกฝ่ายแม้ว่าจะขยับลิ้นหนีไปทางไหน ไม่นานก็ผละออกจากกัน

“เล่นลิ้นแบบนี้ได้มั๊ย จะรู้สึกยัง?” ต้าร์ว่าไม่ได้ตาฝาดที่เห็นพอสหน้าแดง จนต้องหลบตาเขา

“กูว่าถึงเวลาที่มึงจะเผชิญหน้ากับความจริงแล้วละ” พอสเม้มปากแน่น ราวกับจะยิ้มแต่ก็ฝืนไว้

“มึงแม่งหลงตัวเองชิบหาย”

ก็ไม่ได้หลงตัวเองหรอก ก็คนพูดมันก็พูดอยู่ว่าเวลาอยู่กับคนอื่นมันคิดถึงเขา จะให้ไม่รุ้สึกอะไรก็แปลกไปแล้ว

“หรือมึงจะเอาอีกรอบ ที่ตอนไซร้กูอะไม่คิดหรอก ที่งี้ละเสือกเขิน รอบหน้าถ้าไซร้กูจะไม่ปล่อยมึงรอดแบบวันนี้ บอกไว้เลย”

“ไอ้เหี้ยต้าร์ กวนตีนละ”

“เข้าใจตัวเองแล้วนะพอส แล้วก็เลิกยุ่ง เลิกมองไอ้แฝดสักที เพราะกูจะหึง!”

“หึงกูทำไม?”

“โอเค ไม่หึงก็ได้ ต่อไปอย่ามาบ่นว่ากูไม่หึงนะ”

“มึงนี่แม่ง ต่อรองเป็นของขาย”

“แน่นอน แต่ของขายกูอะ ต้องใช้ใจซื้อนะ มึงสนมั๊ยละ”

“ไอ้เหี้ยต้าร์” พูดด่า แล้วก็ส่งมือไปตบหัวคนนั่งข้าง ไอ้พอสมึงจะเขินแรงไปไหน

ต้าร์รู้แล้วว่า การแทรกซึมเข้าหาพอสที่ละน้อย ทำให้วันนี้ เค้าประสบความสำเร็จได้ระดับนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ขั้นต่อๆไปก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปละกัน เพราะหากจะว่าไอ้แฝดมันโลกส่วนตัวสูง พอสก็คงเป็นเช่นนั้นละ

“ไปกินข้าวกัน โดนตบแล้วรู้สึกหิว”

“ข้าวไหน มีไรกิน”

“ข้าวต้มอะ เดี๋ยวกูไปอุ่นก่อน”

“มันมีข้าวต้มได้ไงว่ะ เมื่อคืนก็กลับมาพร้อมกัน”

“กูลุกไปทำเองอะ” ก็การที่มาขลุกอยู่ที่นี่ บางทีดึกดื่นก็หิว ขี้เกียจจะลงไปหาอะไรกินกัน จะต้มมาม่ากันทุกวัน ก็กลัวผมจะร่วงก่อนวัยอันควร เจ้าของห้องเลยซื้อของสดมาไว้ในตู้เย็นเผื่อแขกเจ้าประจำจะแสดงฝีมือ

“มึงลุกไปทำได้ไง ก็กูผูกมึงอยู่”

“พอสสสสส ไอ้ที่มึงผูกตอนเมาเนี่ย มึงคิดว่ามันแน่นมากรึไง กูก็แค่ดึงมันออกแล้วผูกใหม่เนี่ย มันจะยากนักหรือว่ะ”
“เออ บ่นชิบหาย บ่นกว่านี้แม่งจะเป็นยายกูละ”

“ทำไมเป็นยายว่ะ?”

“ยิ่งกว่าแม่ไง!! คอยดูรอบหน้ากูจะใช้กุญแจมือ”

“ เอา โซ่ แซ่ เทียนไข ด้วยมั๊ย เดี๋ยวกูช่วยเตรียม”

“ไอ้เหี้ยต้าร์!! มึงจะตายวันนี้ละ ไม่ต้องรอกุญแจมือละ”

“ไป ลุก เดี๋ยวกูไปอุ่นข้าวให้”

‘พอสมองตามหลังแขกประจำห้องตัวเองแล้วก็ยิ้ม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าใจตัวเองเอาแต่คิดถึงต้าร์เมื่อไร แต่ภาพเต้าร์ดินผ่านไปมา ทำนั่น ทำนี่ ในครัว ยกข้าวมาวางให้กิน นั่งดู ทีวี เล่นเกมส์ ติวหนังสือ ปรากฏชัดเมื่อวานที่แขกอีกคนขึ้นมาบนห้อง ทำให้ตัวเองรู้ว่าใจนึกถึงใคร ไม่ใช่นึกเพียงแค่สมองสั่งการให้นึกและต้องชอบ ต้องทำ แต่มันไปด้วยใจบอกและรู้สึกเอง’


-----------------------------------------TBC------------------------------------------

คู่ที่ประชาชนรอคอยมาถึงแล้ว 

สั้นๆ แต่ น่ารัก กุบกิบ ตามภาษาเด็กติสท์แบบต้าร์

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
ไม่สบาย 1 อาทิตย์ หายได้ 3 วัน กลับมาเป็นอีกแล้ว

พี่เจ๋งแกแผนสูงเนอะ กลัวเพื่อนไม่ช่วย ก็ดันไปบอกน้องเพื่อนให้ช่วยด้วย

สรุปตาน้ำมันลงโทษผิดคนใช่มั๊ยละ?

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นทุกคนนะคะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 11:47:52 โดย kiiro »

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกจังเลย ตอนหน้าขอยาวๆครบทั้ง3คูู่เลยนะ :mew4: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 21 ตกกระไดพลอยโจน

ตาน้ำตื่นขึ้นเพราะได้กลิ่นที่ตัวเองไม่ชอบเข้าจมูก หันมองคนที่นอนข้างๆ หายไป จึงลุกขึ้นตามหา
เดินออกมาจนถึงระเบียง เจอร่างเจ้าของห้องยืนอยู่พร้อมกับกลิ่นที่เขาไม่ชอบ จนพาลจะหงุดหงิดใจแต่เช้า
สาวเท้าก้าวไปถึง มือซ้ายรวบเอวอีกฝ่ายรั้งเข้ามาพิงอก พร้อมกับมือขวา คว้าเข้าที่ข้อมือให้รั้งออกจากตัวอีกฝ่าย บิดข้อมือให้ปล่อยของในมือออก

“อะ น้ำ!”

“เคยบอกแล้วใช่มั๊ย ว่าไม่ชอบให้สูบ พูดนี่ไม่ฟังกันบ้างเลยใช่มั๊ย”

“โทษที เพลินไปหน่อย” ได้ยินดังนั้นก็หันไปมองก้นบุหรี่ที่ถูกกดทิ้งไว้ เช้านี้กี่ตัวแล้วละ

“แสดงว่า ช่วงที่กูไม่มา มึงสูบ?”

“บางทีอะ เครียดๆ คิดไรไม่ออก อยากนั่งเพลิน” ฟังคนตอบคำถามอย่างไม่รู้สึกผิดแล้วก็อยากจะโมโห แต่ก็น่ะ นี่มันเช้าอยู่ ไม่ควรอารมณ์ไม่ดี

“เพียว ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าจะเลิก ทำไมสูบอีก คำพูดกูนี่มันไม่ได้สำคัญจนเข้าหูเลยใช่มั๊ย”

คำพูดที่ฟังแล้วดูเหมือนน้อยใจของอีกฝ่าย กลับทำให้เพียวใจสั่น ก็จริงที่ตกลงกันไว้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่ แต่การที่อีกฝ่ายไม่ค่อยได้มาทีห้องก็ทำให้ตัวเองเผลอสูบอีก

“รู้แล้ว ก็พยามเลิกอยู่นี่ไง”

“ไหนเลิก นี่สูบไปกี่ตัวแล้ว ไหนจะช่วงกูไม่ได้มาอีก ทั้งตัว ทั้งห้องมึงมีแต่กลิ่นบุหรี่ ไม่รักตัวเอง ก็รักพ่อแม่บ้างเค้าเลี้ยงมึงมาจนโต ถ้ามึงเป็นอะไรไปตอนนี้ จะให้เค้ามานั่งดูแลมึงอีกหรอ”

“อืม รู้แล้ว เดี๋ยวเลิกให้” ตาน้ำพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันหน้าเข้าหา แล้วขยับให้หลังอีกฝ่ายพิงกับราวระเบียง ลิ้นร้อนส่งออกไปไล้เลียที่ใบหู

“ที่กูพูดเนี่ยเข้าหูนี้บ้างมั๊ย หือ หรืออยากจะให้กูทำโทษ ”

“เข้า…ใจ แล้ว อื้อ น้ำ พอก่อน”

“ทำไม เดี๋ยวนี้ขัดขืน ” เพียวเม้มปากแน่นสนิท ก็รู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่ได้อะไร ยื้อกันไปมาก็จะเจ็บตัวซะเอง
เปลี่ยนจากหูซ้าย ไล้ตามคอมาจนถึงหูขวา แต่เพียวก็ยั้งตัวอีกฝ่ายนึงไว้

“อื้อ น้ำ ไม่เอา”

“ถ้ากูจะเอามึงจะทำไงหึ มึงห้ามกูได้หรอเพียว” ไม่ได้ นั่นคือคำตอบที่เพียวรู้ดี

ขณะที่ตาน้ำกำลังนัวเนียเจ้าของห้องอยู่นั้น ทำให้ทั้ง 2 คน ไม่ได้ยินเสียงประตูที่ปลดล็อคออก จะกระทั่ง

“โอ๊ะ ตายจริง” ได้ยินเสียงคนเข้าห้องมาเพียวก็ผละตาน้ำออกราวกับโดนของร้อน ตาน้ำหน้านิ่วกับการกระทำนั้น แต่ก็ต้องหันหน้าไปหาคนที่มาเยือน”

“แม่!!” เพียวรู้สึกเดจาวู เหมือนที่เข้าห้องพอสเมื่อวาน แต่ครั้งนี้เป็นเค้าเองที่ต้องตกใจ สมัยนี้เวรกรรม 4 G จริงๆ ไหนใครว่าประเทศไทยมันยังไม่มีไง

“คุณน้าพิม สวัสดีครับ” เพียวว่าตัวเองตาไม่ฝาดที่เห็นตาน้ำยิ้มน้อยๆ ไม่ได้มีสีหน้าตกใจใดๆ อะไรกัน

“แม่โทรหา เห็นไม่รับ รอข้อความตอบกลับ ก็ไม่มี คิดว่า ไปอยู่ที่ร้านแล้วยุ่งอยู่ เลยขึ้นเอาของมาไว้ให้”
เห็นของที่มารดา เพียวก็พุ่งเข้าไปรับ พร้อมๆ กับตาน้ำที่กุลีกุจอเข้าไปหา

“แม่โทรมากี่โมง ผมไม่เห็นรู้เรื่อง”

“ 8 โมง โทรมาไม่รับ แม่ก็ส่งข้อความมาบอกเลย”

8 โมง กว่าๆ คือเวลาที่ตาน้ำเดินออกมาจากห้องนอน อย่าบอกน่ะว่าเห็นข้อความที่แม่เขาส่งมาหา นี่มันบ้าอะไรกัน!

“แล้วตาน้ำ ทำไมมาอยู่ที่นี่แต่เช้า อย่าบอกนะว่าลูก 2 คน เป็น……” 

“ไม่….”  “ใช่ครับ” คนตอบไม่ใช่เพียว เพราะเค้ายังพูดไม่จบดี แต่อีกคนก็ชิงตอบมารดาไปเสียก่อน โอ๊ย…อยากจะบ้า ตาน้ำมันประสาทกลับหรือไง

เมื่อทุกคนนั่งลงที่โซฟา ตาน้ำก็ลงไปคุกเข่าที่พื้นต่อหน้าแม่ของเพียว ทำให้เพียวต้องนั่งลงข้างๆ

“เมื่อคืนผมไม่สบายครับ จะอยู่กับน้ำนิ่งก็กลัวจะติดกัน เลยขอเพียวมานอนที่นี่ เรื่องที่คุณน้าสงสัย ก็เป็นไปตามนั้นครับ ผมขอโทษด้วยที่ปิดบัง หากแต่คิดว่าเรายังเด็ก อีกอย่าง การเป็นอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่พ่อแม่ หรือ ใครๆ จะรับได้  ผมขอโทษและยอมรับผิด ตัวผมเองคิดว่าจะเรียนให้จบ รับผิดชอบตัวเองให้ได้ดีกว่านี้ก่อน ถึงจะเรียนให้คุณน้ากับแม่ทราบ ”

เพียวหันหน้ามองตาน้ำอย่าง งง ๆ ก็งง ทุกอย่างตั้งแต่ที่แม่เขาเข้ามาในห้องนี้ ที่พูดหมายความว่าไงนะ สมองอื้อ อึง ประมวลผลไม่ทัน หันหน้ามองแม่ตัวเอง สีหน้าไม่ได้มึนตึงแต่อย่างใด ยิ่งทำให้เพียวกลัว

“อันที่จริง การที่ตาน้ำไปๆ มาๆ น้าเองก็รู้ เพราะพี่เพียวเขาเล่าให้ฟังอยู่ แต่เอาจริงๆ น้าไม่คิดว่าจะไปกันถึงขั้นนี้ แต่ถ้าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย คบกันแล้วพากันเรียน น้าก็ดีใจ พี่เพียวเองก็เคยบอกน้าว่า ถ้าตาน้ำไม่ได้มาให้ติวหนังสือ เขาเองก็คงเรียนไม่ได้เกรดดีแบบนี้  เพราะการที่ต้องติวให้ก็ทำให้ตัวเองได้ทบทวนไปในตัว น้าดีใจที่เป็นคนกันเอง อย่างน้อยก็หมดห่วงว่าจะเกิดอะไรที่ไม่ดีกับลูกชายน้า ”

ก็นั่นละ มารดาเขาก็รู้ตั้งแต่ตาน้ำก้าวมาที่คอนโดครั้งแรก ไม่รู้ก็แปลกแล้ว เสื้อผ้าก็คนละไซด์ ข้าวของบางอย่างมี 2 อัน จนต้องเอ่ยถาม เพียวก็บอกไปตาน้ำมาให้ช่วยติวหนังสือ นั่นก็เรื่องนึง แต่เอาจริงๆ ถ้าไม่มีคนข้างๆ ป่านนี้เขาก็ไม่รู้จะเป็นผู้เป็นคนอยู่รึป่าว

ตาน้ำเองก็ไม่รู้ว่าแม่ของเพียวนั้นรู้เรื่องระหว่างเขา 2 คนมากแค่ไหน แต่ที่รู้ๆ ตั้งแต่ช่วงที่เพียวพักการเรียน ก็เอาแต่เที่ยว กินเหล้า จนเกือบจะติดยา ไม่ทบทวนบทเรียน จนแม่ของเพียว ให้ไปช่วยงานที่ร้าน แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ปิดร้านก็ยังไปเที่ยวอยู่เหมือนเดิม แม้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็ตาม ได้ฟังเรื่องจากพอสผ่านๆ ก็เลยทำให้เขาพาตัวเองมาถึงที่นี่ สร้างเงื่อนไขกับเพียว เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาขู่ให้เชื่อฟัง แต่ตาน้ำเองก็คิดว่ามารดาของเพียวน่าจะมองออก ไม่งั้นคงไม่พูดออกมาแบบนั้น

“ผมขอโทษนะครับแม่ ที่ไม่ได้บอก ผมรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันออกจะผิดแปลกไป ผมกลัวแม่รับไม่ได้ ผมไม่อยากทำผิดกับแม่อีก”

คนเป็นแม่ส่งมือมาวางแนบแก้มลูกชายทั้ง 2 ข้าง นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา

“เพียวเป็นลูกของแม่นะครับ จะผิด หรือ จะถูก เพียวก็ยังเป็นลูกของแม่ อย่าคิดมากนะลูก” เพราะความผิดพลาดของลูกชายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจครั้งก่อน ทำให้ผู้เป็นมารดายิ่งสงสารและเอ็นดู เมื่อได้กลับมาเห็นความตั้งใจเรียนและทำงานที่ร้าน
เพียวกราบลงที่ตัก หากแต่ผู้เป็นมารดาเอามือรับไว้ ตาน้ำก็ทำตาม

“แล้วนี่บอกน้องแล้วใช่มั๊ย เรื่องญี่ปุ่น”

“ญี่ปุ่น? อะไรกันหรอครับ” ก็ว่าอยู่ทำไมเมื่อคืนถึงเห็นอ่านหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่น

“อ้าวนี่ ไม่ได้บอกน้องหรอลูก พี่เพียวได้ทุนไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นนะ”  รังสีอำมหิตแผ่ซ่านมาอีกแล้ว เพียวคิดว่าคราวนี้โทษที่ได้รับ คงหนักกว่าสูบบุหรี่หลายเท่า

“เอ่อ… ยังเลยครับแม่ พอดียุ่งๆ ตาน้ำไม่สบายเมื่อวาน แล้วแม่ก็มา”

“อ่าว ตายจริง น้าขอโทษนะจ๊ะตาน้ำนึกว่าคุยกันแล้ว งั้นแม่ไปก่อนนะ ทั้ง 2 คน เย็นนี้อย่าลืมไปงานที่นัดไว้ ชุดที่แม่เอามาวันนี้นะเพียว ฝาแฝดไปกับคุณลิลด้วยใช่มั๊ย แล้วเจอกันนะจ๊ะ ”

“ครับ คุณน้า”


‘เพียวหันมองคนหน้านิ่งที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เรื่องที่จะต้องไปเรียนต่อญี่ปุ่น หรือเรื่องที่อีกฝ่ายบอกมารดาเขาไปว่าคบหากันอยู่ ปวดหัวยิ่งกว่าปวดหัว’
.
.
.
.
.
.
น้ำนิ่งกระพริบตามองเพดานปริบๆ พยายามทบทวนสมองตัวเองช้าๆ เพื่อปรับโฟกัส
‘ห้องทิม’ นึกออกก็ต้องหันไปมองข้างๆ หากแต่ที่นอนนั้นว่างป่าว
บ้าจริง! ตื่นสายแบบนี้ได้ยังไงกัน หรืออาจจะเพราะไม่สบายเลยหลับลึกมากไปหน่อย ทำไมนอนไม่ระวังตัวเลยว่ะ หันหามือถือตัวเองคว้าดูนาฬิกา บอกเวลา 8 โมงเช้า นี่ก็เวลาตื่นปกติวันหยุดนี่หว่า ไม่ได้สายสักหน่อย ทำไมทิมตื่นเช้าจัง ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินตามหาเจ้าของห้อง เห็นหลังไวๆ อยู่ที่ครัว

ทิมที่ได้ยินเสียงกะทิร้อง ก็หันไปตามเสียง

“อ้าว ตื่นแล้วหรอ ล้างหน้า แปรงฟัน เดี๋ยวมากินข้าวกัน  ”

“ทำไมตื่นเช้าจัง เราว่าเราตื่นเช้าแล้วนะ ” ทิมอยากจะบอกว่าไม่ได้อยากจะตื่นเช้าเลย อยากจะนอนข้างๆไปนานๆ แต่การที่มีคนมานอนด้วยทำให้หลับไม่สนิท เพราะกลัวจะเบียดคนข้างๆ ไหนจะต้องห้ามใจตัวเอง พอรู้สึกตัวแต่เช้ามืดก็ลุกมาเลยซะดีกว่า

“ชิน น้ำนิ่งจะอาบน้ำเลยมั๊ย ทิมซักชุดให้แล้ว แป๊ปเดียวคงแห้ง รีดสักหน่อยก็ใส่ได้” น้ำนิ่งตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“เอ๊ย ทิม ซักทำไม เกรงใจ มารบกวนแล้วจะมาทำนู้นทำนี่ให้อีก” คนฟังส่งยิ้มหวานให้ยามเช้า จนน้ำนิ่งใจสั่น

“เต็มใจ แต่ถ้าไม่อยากใส่ชุดเมื่อวาน กลัวกะทิมันจำได้ ก็ใส่ชุดอื่นก็ได้นะ ของทิมมีที่ยังไม่ได้ใส่อีก”

“พอแล้ว เราเกรงใจ ไว้จะซักมาคืนนะ” ทิมอยากจะตอบว่าไม่ต้องซักได้มั๊ย ก็กลัวว่าจะดูโรคจิตเกินไป เดี๋ยวจะรับไม่ได้กันพอดี

“ตามสะดวกครับ จะเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้นะ หรือจะเอาไว้ที่นี่ไว้ใส่เวลามาอีกก็ได้นะ” น้ำนิ่งหน้าขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทิมนั้นยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้น

“งั้น เอาไว้ใส่เวลามาที่นี่ละกัน เราไปอาบน้ำก่อนนะ” คำพูดนี้พูดอย่างเร็วเพราะคนพูด พูดไปก็เดินหนีไป แต่ทิมนั้นได้ยินชัดเจนเป็นอย่างดี เอาจริงๆคนพูดมันไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะหลังๆ มาบ่อย ชุดนักศึกษาติดขนแมวกลับตลอด ก็เลยอยากมีชุดเปลี่ยน

น้ำนิ่งเดินเข้าห้องน้ำ ก็เห็นชุดหนึ่งชุดวางเตรียมไว้ให้  มือส่งไปสัมผัสกับสิ่งของที่เห็นจนเผลอยิ้มออกมา

อาบน้ำเสร็จก็ออกมานั่งกินข้าว ภาพกะทิตะกายอกเจ้าของ ขอกินข้าวจากมือนั้น เริ่มเป็นภาพชินตา

“เดี๋ยวทิมต้องกลับบ้านอะ น้ำนิ่งจะอยู่นี่ก่อน หรือจะให้ไปส่ง หรือจะไปด้วยกัน”

“กะทิละ” บางทีทิมก็เริ่มจะน้อยใจคนตรงหน้าที่ห่วงแมวมากกว่า

“ก็เอาไปด้วย วันนี้แม่นัดหมอมาฉีดวัคซีนตัวอื่นที่บ้าน”

“’บ้านทิมมีแมวตัวอื่นอีกหรอ งั้นเราไปด้วยได้มั๊ย อยากไปเห็นตัวอื่นๆ อ่ะ” แต่ก็นั่นละทิมก็คิดว่าการเอาแมวเข้าล่อได้ผลเสมอ

“ได้ เจอตัวอื่นแล้วอย่าลืมกะทิกับเจ้าของมันนะ”

น้ำนิ่งกินข้าวเสร็จพอดี ก็ลุกขึ้นเก็บจาน แต่ทิมมองว่าเหมือนจะลุกหนียังไงยังงั้น

“บ้า ใครจะลืม เดี๋ยวกะทิเสียใจพอดี” น้ำนิ่งยืนล้างจานอยู่ที่เคาเตอร์ ทิมก็เดินตามเข้าไปเอามือท้าวไว้คร่อมตัวอีกฝ่าย คล้ายกับกอดจากด้านหลัง กระซิบเข้าที่ข้างหู

“ลืมก็ไม่ว่าหรอก เพราะเราจะทำให้กลับมาจำได้เอง”

ทิมพาน้ำนิ่งแวะเอาขนมที่ร้านตามคำขอที่บอกว่าไปหาผู้ใหญ่ต้องมีของติดไม้ติดมือไปด้วย

ไม่นาน รถสปอร์ตยี่ห้อ audi ก็พาผู้โดยสารพร้อมแมวมาถึง น้ำนิ่งอยากจะเรียกมันว่า คฤหาสน์ แบบที่ในละครเรียกกันซะด้วยซ้ำ นี่มันบ้านตรงไหน


มองบ้าน มองคนตรงหน้า มองแมว แล้วก็ถอนหายใจ ไม่เคยรู้เลยว่าบ้านทิมจะใหญ่ขนาดนี้ คนตรงหน้าทำตัวธรรมดาๆ ไม่ได้หวือหวาแบบพอส หรือใครๆ ที่เปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ ใช้เงินทิ้งขว้าง ก็มีแต่รถนี่ละที่ราคาแพงหน่อย ไม่เคยสงสัยอะไร เพราะใครๆ ก็ใช้กัน  เปลี่ยนใจทันมั๊ย?  คิดว่าคงไม่ทัน ก็มันดันชอบไปแล้วนิหน่า ก้มหน้ารับกรรมไปนะ

รถจอดลงพร้อมๆกับเสียงจากคนในบ้าน ทิมเปิดประตูลงพร้อมเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งน้ำนิ่ง น้ำนิ่งเองตกใจที่ทิมทำแบบนี้ แต่ก็คิดว่าเพราะตัวเองอุ้มกะทิอยู่ ทิมคงคิดว่าน้ำนิ่งทำอะไรไม่ถนัดมากกว่า

มีคนวิ่งมารับกะทิไปอุ้ม น้ำนิ่งยกมือไหว้สวัสดี

“อุ้ย! พี่เป็นคนใช้ ไม่ต้องไหว้หรอกคะ “

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงพี่ก็อายุมากกว่าผม”

“คุณท่านอยู่ที่ห้องดูทีวีนะคะ” ทิมพยักหน้ารับรู้ในคำบอกนั้น ก่อนจะออกตัวเดินเข้าบ้าน ก็ยื่นมือมาจับมือน้ำนิ่ง

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้รู้ไว้ว่าทิมอยู่ข้างๆ และจะไม่เปลี่ยนใจ ถ้าใครพูดอะไรก็ไม่ต้องคิดมากนะ นิ่งๆ เฉยๆไว้ อย่าเครียด โอเคป่ะ”

แม้จะงงในเหตุผลที่เจ้าของบ้านพูดมา แต่ก็พยักหน้ารับไว้ก่อน เรื่องไม่พูดกับคนแปลกหน้านี่สบาย แต่กับผู้ใหญ่จะทำได้หรอ?
ทิมพาน้ำนิ่งเดินเข้ามาถึงห้องที่สาวใช้บอก เปิดประตูเข้าไปก็เจอ ผู้ใหญ่ 2 คนนั่งอยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าใครเป็นใคร

“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” คำทักทายนั้นทำให้น้ำนิ่งปล่อยมือทิมทำความเคารพผู้ใหญ่ พอทิ้งมือลงทิมก็คว้ามาจับไว้เหมือนเดิม
“น้ำนิ่งใช่มั๊ย ตามสบายนะคะ” หญิงสูงวัยที่อุ้มกะทิอยู่ในมือกล่าวทักทาย ทำให้น้ำนิ่งยิ่งสงสัยว่าทำถึงรู้จักชื่อ ทั้งๆที่ทิมยังไม่ได้เอ่ยแนะนำด้วยซ้ำ

“นี่แกกล้าพามาบ้านเลยหรอ คิดถึงคนในบ้านบ้างมั๊ย “ คำพูดจากชายสูงวัยทำให้ทิมกระชับมือที่จับน้ำนิ่งแน่นขึ้นไปอีก

“คุณคะ”

”คุณไม่ต้องพูด ผมละปวดหัวกับลูกชายคุณจริงๆ ไม่ได้ดังใจซักอย่าง”

“ก็ในเมื่อเป็นลูกชายฉัน ก็ปล่อยให้ฉันจัดการเองเถอะคะ”

“จัดการโดยการพาแฟนผู้ชายเข้าบ้านเนี่ยนะ” น้ำนิ่งหันมองหน้าทิม แต่หากทิมยังมีท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ กับคำที่กล่าวว่าน้ำนิ่งเป็นแฟน นี่มันอะไรกันละเนี่ย ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย

“มีแฟนเป็นผู้ชาย ก็ดีกว่าโดนพ่อบังคับให้แต่งงานแล้วก็เลิกกัน จนลูกที่เกิดมาต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหาแบบเท็ดดี้หรอครับ”

ทิมไม่ได้พูด หากแต่คนที่เปิดประตูเข้ามาใหม่เป็นคนพูดขึ้น น้ำนิ่งยกมือไหว้ เด็กผู้ชายที่ตามหลังวิ่งเข้ามาหา แม่ของทิมและกะทิ น้ำนิ่งยกมือไหว้ก็ได้รับการพยักหน้าและรอยยิ้มตอบกลับมา

“อาทิม กะทิ คิดถึง”

“ไทน์ แกเอาหลานเข้ามาทำไม นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่”

“บางที่เท็ดดี้ก็ควรจะรู้จะครับ ว่าการที่แม่อยู่กับพ่อไม่ได้เพราะปู่มันบังคับให้แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ ”

“พ่อจะบังคับน้องมันไปถึงไหนครับ ในเมื่อพี่ไทน์ก็ทำตามที่พ่ออยากได้ทุกอย่างแล้ว พ่ออยากให้พี่ไทน์แต่งงานกันมินตรา พี่
ไทน์ก็ยอมจนมีลูกอย่างที่พ่ออยากให้เป็น สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าเท็ดดี้มันไม่ได้เกิดมาในบ้านนี้ มันจะเป็นยังไงครับ ตอนนี้มันดีตรงที่มีพ่อ มีปู่ มีย่ามีอา คอยดูแล ถ้าวันนึงพ่อกับแม่ไม่อยู่ พี่ไทน์เอาแต่ทำงาน มันจะอยู่ยังไงครับ”

ผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามาใหม่ ยืนกอดออกคุยกับบิดา น้ำนิ่งทำความเคารพอีกครั้ง  ได้รับการพยักหน้าและส่งยิ้มกลับน้อยๆ เหมือนคนแรก

น้ำนิ่งก็คิดว่า คนที่เข้ามาใหม่ 2 คนนั้น รอยยิ้มเหมือนกับทิม และแม่ของทิมราวกับพิมพ์เดียวกัน

“ไทน์!!ทอย! แกอย่ามาสร้างเงื่อนไขกับฉัน”

“พวกผมไม่ได้สร้างเงื่อนไขครับ ผมอยากจะบอกให้พ่อเข้าใจ ปล่อยๆมันไปบ้างเถะครับ นี่มันยุคไหนแล้ว การที่น้องมันเรียนดีขนาดนี้ มันก็มีหัวคิดเองได้แล้วว่าอะไรดีไม่ดี ผมว่าบางทีน้องมันอาจจะคิดได้ดีกว่า ผม พ่อ พี่ไทน์ ก็ได้”

“ทอย! นี่แกด่าฉันหรอ”

“ผมป่าวนะครับ พ่อคิดไปเองหรือป่าว แต่ถ้าพ่อไม่อยากจะให้น้องมันไม่เข้าบ้านแบบผมอีกคน พ่อจะทำอะไรก็แล้วแต่พ่อเลย”

“ก็เพราะมันมีแกเป็นตัวอย่างนะสิ มันถึงทำตามมีแฟนเป็นผู้ชายแบบแก”

“ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ผมก็ทำงานให้พ่อได้นิครับผมก็เห็นพ่อยอมรับดี หรือที่พ่อยอมรับผมเพราะโยชิเป็นลูกของหุ้นส่วนบริษัทเหมือนกัน อีกอย่างที่ผมกับน้องเป็นแบบนี้ พ่อก็น่าจะรู้ว่าเพราะตัวอย่างความล้มเลวของชีวิตคู่พี่ไทน์”

คำพูดแทงใจดำบิดาที่ทุกคนในบ้านรู้ดี ถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

น่าแปลก เรื่องราวที่พูดคุยอยู่ตรงหน้ามันเป็นเรื่องที่น้ำนิ่งคิดว่ามันเครียดมาก แต่น้ำเสียงและคำพูดที่คนในห้องกล่าวมานั้นดูเหมือนการพูดคุยปกติก็ไม่ปาน

“เรื่องของพวกแกเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ พวกแกมันลูกแม่อยู่แล้วนิ ฉันมันจะทำอะไรได้ เรียนให้มันจบๆละ”   

“ขอบคุณครับพ่อ” ลูกชาย 3 คนกล่าวรับคำบิดา

“ไปทิม น้ำนิ่ง เท็ดดี้ ย้ายไปกินหนมห้องอื่นกันเถอะ ปล่อยคนแก่คิดมากอยู่ไปคนเดียว”  พี่ชายคนกลางกล่าวก่อนที่จะเปิดประตูออกไป ปิดท้ายด้วยสตรีสูงวัย

“อ่อ ฉันจะบอกอะไรคุณอย่างนึง ขนมที่คุณกำลังเคี้ยวอยู่ น้ำนิ่งเป็นคนทำและเอามาฝากคะ” ได้ยินเช่นนั้น ผู้เป็นบิดาก็ชะงักตกใจ แต่ก็คิดว่าขนมมันก็อร่อยดี

ออกมาจากห้อง พี่ชายคนโตก็อุ้มลูกขึ้นมา หันหน้าหาทิมและน้ำนิ่ง

“เท็ดดี้ นี่อาน้ำนิ่ง เพื่อนอาทิม” เด็กชายตัวกลมยกมือไหว้ น้ำนิ่งยิ้มตอบ

“อามีขนมมาฝากด้วยนะ”

“กินๆ พ่อๆ ไปกินหนมๆ”

“โธ่ พี่ไทน์ ก็แทนที่จะบอกเป็นแฟนไปก็จบ เดี๋ยวโตมาก็ต้องมาสอนกันใหม่อีก ปวดหัว”

“ทอย หลานยังเด็ก ค่อยๆ สอนไปเถอะลูก อย่าไปทำให้สับสนเลย”

“ก็ได้ครับแม่”

“กะทิๆ กินหนมๆ” เด็กชายวัย 5 ขวบดิ้นลงจากอกผู้เป็นพ่อ วิ่งหาย่าที่อุ้มกะทิออกมาแล้วยกมือขออุ้มเอง พานำทุกคนเดินออกไป ยังศาลานอกบ้าน ริมสระว่ายน้ำ



‘ทิมก็คิดว่า ถ้าพาน้ำนิ่งมาบ้านตั้งนานแล้ว อะไรๆก็คงง่ายไปนานแล้ว แม่และพี่ชายเขารู้อยู่แล้วว่าน้ำนิ่งเป็นลูกใคร หากแต่ผู้เป็นพ่อนั้นมีท่าทีขัดขืนแหมือนเมื่อครั้งที่เกิดเรื่องพี่ทอยตอนที่ยังไม่รู้ว่าแฟนพี่ทอยเป็นใคร ทุกคนจึงช่วยกันปิดอีกครั้ง เพราะอยากให้พ่อยอมรับในตัวคนรักของลูกมากกว่ามองว่าเป็นลูกใคร ฐานะอะไรอย่างที่พี่ชายคนโตโดนบังคับให้แต่งงาน’


--------------------------------------TBC----------------------------------------------

สุขสันต์วันเด็กค่า พาคู่ฝาแฝดมาส่ง

เด็กวิศวะมันร้าย บอกพ่อแมไปว่าเป็นแฟนกัน ทั้งๆที่ยังไม่เคยตกลงกันซะหน่อย


ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ทุกคนนะคะ
เอาตามจริงเรื่องแรกของเราคิดว่าเขียน 20 ตอนก็เยอะแล้ว
แต่มาถึง 21 ตอนแล้ว ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 11:51:28 โดย kiiro »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 ตกกระไดพลอยโจร   (โจร ----- ผู้ร้าย)
คำที่ถูก   ตกกระไดพลอยโจน
พอตกบันได เลยกระโจนลงมา
ดูเข้ากับที่ตาน้ำกำลังกอดจูบเพียว
พอแม่เพียว เปิดประตูมาเห็นเลยสารภาพไปเลย
จับคู่ที่ถูกต้องจริงๆ
ตาน้ำ - เพียว
ทิม - น้ำนิ่ง
ตาร์ - พอส
ดูท่าตาน้ำ เป็นตาน้ำจริงๆ
เพราะน้ำเพียว น้ำพอส ไหลมาหา
แต่น้ำพอสไหลไปหาตาร์ละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 05:43:24 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ขอบคุณค่า คนเขียนลืมหาคำที่ถูกต้อง ขอโทษด้วยนะคะ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
สรุป เป็นพอสหรอ ที่แยกตัวออกมาอะ โห๊ย หรทอยังไง เพียวโคตรเลย หรือเพียวก็ด้วย โอ๊ย สุด ๆ พอสมันแค่อยากได้น้ำนิ่ง ?? แฝด เขารักกันผูกพันธื เพราะ น้องเป็นแบบนี้สินะ เห้อ ทิม อดทนเยอะ ๆ ส่วนเพียวน้ำนิ่ง ถ้าเพียวไม่ได้ทำ ปรับความเข้าใจกันนะ สงสารเพียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 22 แฟนหรอ?

เพียวยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นหลังจากมารดาออกจากห้องไป พอได้สติจะขยับตัวลุกขึ้น ตาน้ำก็ส่งมือมาฉุดให้นั่งลง หมุนให้ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน

“ทำไมไม่บอกเรื่องไปญี่ปุ่น” “ทำไมบอกแม่แบบนั้น”

คำถามถูกเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน ความเงียบก่อตัวขึ้น แต่ยังไม่มีคำตอบจากใครหลุดออกมา มือของตาน้ำยังคงจับอยู่ที่ข้อมือเพียวอย่างนั้น

ตาน้ำรู้ดีเค้าควรต้องตอบคำถามก่อน อารมณ์เพียวแบบนี้คงไม่พูดกับเขาแน่

“ก็แม่มึงมาเจอตอนกูจูบมึง จะให้บอกว่าไร ไม่ได้เป็นไรกัน แล้วทำไมกูมาอยู่กับมึง กอดมึง จูบมึง ไหนมึงบอกกูสิจะให้กูตอบแม่มึงว่าไรละ ”

“ก็เลยบอกไปว่าเป็นแฟนหรอ? ”

“อือ หรือจะให้กูบอกว่ามึงเป็นเมีย?”

“น้ำ! รู้อยู่แล้วใช่มั๊ยว่าแม่จะมาที่ห้อง”

“ก็เห็นข้อความ แต่ไม่คิดว่าจะมาทันทีนี่หน่า ก็เลยไม่ได้บอกมึง  พอ…ได้เวลามึงตอบคำถามกูละ”

ฟังคำตอบแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าตาน้ำมันตั้งใจมานัวเนียเขาเพื่อรอเวลาที่แม่จะมาจริงๆหรอกนะ ถ้าเป็นงั้นจริงนี่มันคิดอะไรอยู่กันแน่ ว่าแล้วก็ถอนหายใจก็เอ่ยคำที่ต้องตอบอีกฝ่ายออกมา

“อืม กูได้ทุนไปญี่ปุ่น ตอนแรกก็ลังเล แต่แม่กับพ่ออยากให้ไป เพราะน้อยคนที่จะได้ทุนด้านนี้ ”

“ต้องไปเมื่อไร แล้วมึงคิดจะบอกกูเมื่อไรกัน มึงคิดจะหนีกูอีกแล้วใช่มั๊ยเพียว”

ช่วงเวลาที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน ตาน้ำไม่ได้มองหน้าเพียวอย่างโกรธเคืองแบบที่เพียวคิดไว้เลย ทำให้เขาแปลกใจและรู้สึกผิดที่ตั้งใจปิดบังอีกฝ่าย

“ขอโทษ ก็เพิ่งตัดสินใจได้ไม่นาน ช่วงนั้นเราก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่รู้จะบอกยังไง คิดไว้ว่าบอกตอนเจอกันน่าจะคุยกันเข้าใจมากกว่า เรียนปีหน้าอีกเทอมเดียว ไม่ต้องฝึกงาน เพราะอาจารย์ให้ยื่นเรื่องที่ทำงานที่ร้านเป็นการฝึกงานแทน กูไม่ได้คิดว่าจะไปเพราะหนีมึงเลยนะ”

เอาที่จริงเพียวก็คิดนั่นละ คิดว่าเขาควรจะไป ไปไกลๆ จะได้ตัดใจได้ เพราะยิ่งอยู่ ยิ่งผูกพัน ยิ่งรู้ว่าตอนนี้น้ำนิ่งเข้ากับทิมได้ดี ก็ดูเหมือนว่าเงื่อนไขเขาจะจบลงในเร็ววัน

“ไม่หนี? แต่ไม่คิดจะบอก? กูต้องรู้เป็นคนที่เท่าไรว่ะ” เพียวเกลียดน้ำเสียงตัดพ้อของอีกฝ่าย แต่ตาน้ำรู้ดีน้ำเสียงแบบนี้ทำให้เพียวยอมเขาทุกอย่าง

เพียวขยับเข้ากอด นี่เป็นวิธีง้อที่ดีที่สุดที่คิดได้ตอนนี้ ทำให้ตาน้ำตกใจเล็กน้อย

“ขอโทษจริง ยังไม่ได้บอกใครเลย พอสก็ยังไม่รู้ เพิ่งตัดสินใจพร้อมพ่อกับแม่ไม่กี่วัน น้ำอย่าโกรธเลยนะ”

“กูบอกไว้เลย ว่ากูไม่ปล่อยให้มึงหนีกูไปง่ายๆหรอก” หลังจากพูดจบ ตาน้ำก็หันหน้าตัวเองไซร้เข้าที่ซอกคอเหมือนจะทำต่อจากที่โดนขัดจังหวะเมื่อเช้า เพียวรู้แล้วว่าครั้งนี้เขาไม่มีทางขัดขืนอีกแล้ว

“อือ อือ รู้แล้ว”

ตาน้ำไม่ได้ตกใจกับการที่มารดาของเพียวมาที่นี่เลย เอาจริงๆ เขาออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ แม้ว่าเรื่องที่อีกคนจะไปญี่ปุ่นทำให้ใจหายก็ตาม เอาจริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้ยากสำหรับเขาเลย
.
.
.
.
.
.
.
ทิมพาน้ำนิ่งขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องนอนของตัวเอง ถึงห้องก็เปิดประตูให้น้ำนิ่งเดินเข้าห้องไปก่อน ปฏิกิริยาของน้ำนิ่งยังคงคล้ายกับการที่ไปห้องที่คอนโดของทิมครั้งแรก คือการยืนหมุนไปหมุนมามองสภาพห้องรอบตัว ทิมเดินเข้าห้องแล้วก็จับน้ำนิ่งหันหน้าเข้าหากัน

“พ่อกับแม่เข้าใจไปแล้วว่าเป็นแฟนกันอะ โกรธหรือป่าว?” ได้ยินคำถามก็ทำให้สมองประมวลผลตาม

“แฟนหรอ?” นั่นสิ ผู้ใหญ่เข้าใจไปแบบนั้นแล้ว ทำไงดี

“งั้น เป็นแฟนกันจริงๆ เลยได้มั๊ย”

“ห๊า?”  ได้ยินคำขอเป็นแฟนก็ตกใจ ไม่เคยคิดว่าตัวเองกับอีกคน จะก้าวมาถึงความสัมพันธ์ในระดับนี้ ใจพาลคิดไปถึงฝาแฝด หากเขามีแฟน แล้วตาน้ำละจะเป็นยังไง

“ถ้ายังไม่พร้อม ไม่เป็นไรนะ ทิมรอได้”

คำนี้อีกแล้ว คำว่ารอได้ของทิม ทำให้ความรู้สึกผิดในใจของน้ำนิ่งเริ่มก่อตัวเพิ่มขึ้น เขาทำให้ทิมเริ่มอึดอึดและและเบื่อหน่ายรึป่าว สมองที่ได้รับคำถามมากมายเกิดการประมวลผลช้ากว่าการกระทำ จึงทำให้ทำนิ่งขยับตัวเองเข้าไปสวมกอดทิม

“ถึงเวลาแล้วเราจะบอกนะ”ไม่ใช่ไม่มั่นใจในคนตรงหน้า แต่การผ่านเรื่องราวเลวร้ายมา มันทำให้ตัวเองไม่มั่นใจว่าจะดีพอสำหรับทิมรึป่าว

“ขอบคุณนะ ไปเถอะเดี๋ยวพาไปดูแมวของแม่”  การที่มีทิมอยู่ข้างๆตอนนี้ น้ำนิ่งรู้ดีว่ามันทำให้ความเครียดที่เจอบทสนทนาของครอบครัวทิมหายไป มันกลายเป็นความอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก


ทิมพาน้ำนิ่งลงมาที่ศาลาริมน้ำ ตามที่คุยกับแม่และพี่ชายไว้

“น้ำนิ่ง นั่งก่อนลูก ขนมอร่อยมากเลย ทำเองทุกอย่างเลยรึป่าวจ๊ะ”

“ใช่ครับ”

“เห็นทิมบอกว่าที่ร้านมีขนมไทยขายด้วยหรอ ดีจังเลยนะ แม่ชอบขนมไทย เดี๋ยวนี้หาทานยากมาก”

“ขนมไทยของที่บ้านน้ำนิ่งทำมาส่งครับแม่ ยายเขาช่วยสอนเด็กๆแถวบ้านให้ทำแล้วเอามาขายจะได้มีรายได้ เป็นการสอนอาชีพไปในตัว” คำตอบยาวๆแบบนี้ ทิมรู้ดีว่าน้ำนิ่งไม่สามารถตอบได้ เลยต้องตอบแทน

“ดีจังเลยนะ ไทน์ ทอย เราน่าจะทำอะไรแบบนี้บ้างนะลูก แม่ว่าดีนะ ไว้น้ำนิ่งเอามาให้แม่ชิมอีกนะคะ เจ้าลูกหมีเท็ดดี้จะได้รู้จักบ้าง ”

“ได้ครับ” น้ำนิ่งตอบรับคำ

“แม่ครับ ตามใจเจ้าลูกหมีเยอะไปแล้วนะครับ ให้กินแต่ขนม ตัวกลมหมดแล้ว”

“อ้าว ก็หลานฉันนิยะ แกอย่ามาพูดเลยเจ้าทอย ใครกันมันหอบขนมจากญี่ปุ่นมาฝากหลานเยอะแยะละ”

“โธ่ แม่ก็ …เออ น้ำนิ่ง พี่ซื้อขนมมาเผื่อด้วย เดี๋ยวให้ทิมไปจัดให้ เอากลับไปด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ”

“เอ้านี่ 2 คน อย่ามาพาลนอกเรื่อง เรื่องที่แม่พูดเมื่อกี้ว่าไง แบบที่ยายน้ำนิ่งทำนะ แม่ชอบจริงๆนะ ไว้จะขอไปเที่ยวชมบ้างนะ”

“แม่ครับ ผมพาน้ำนิ่งไปดูลูกสมุนของแม่หน่อยนะครับ” เมื่อมารดาเริ่มสั่งงาน ทิมก็คิดว่าควรจะพาอีกคนออกมาก่อน

“ไปสิลูก โดนฉีดยา งอแงกันใหญ่แล้วมั้ง”

ทิมพาน้ำนิ่งเดินมาถึงส่วนที่กั้นไว้สำหรับแมว มีพันธ์ไทย เปอร์เซีย เทอร์คิชแองโกรา แร็กดอลล์ รวม 4 ตัว ยังไม่รวมกะทิอีก อยู่กันได้ยังไง แขกที่มาเยือนตกใจกับบรรดาแมวที่เห็น ก็เจ้าของบ้านบอกว่าเยอะ แต่ ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้

“เยอะมั๊ย” น้ำนิ่งพยักหน้ารับ  เห็นเจ้าของบ้านขำแล้วก็แปลกใจ

“พันธ์ไทยของพ่อ เปอร์เซียของแม่ เทอร์คิช ของพี่ไทน์ แร็กดอลล์ ของพี่ทอย”

น้ำนิ่งมองตามนิ้วชี้ที่ทิมแนะนำ แมวของแต่ละคนช่างเหมือนเจ้าของสิ้นดี

“ต้องมีเป็นของตัวเองกันหมดเลยหรอ” ทิมหยิบแมวของพี่ชายคนกลางส่งให้น้ำนิ่ง เจ้าแร็กดอลล์เล่นด้วยง่ายสุดแล้ว

“ ฮ่าๆ เอาจริงๆ ตอนแรกแม่เลี้ยงก่อน พอแม่เลี้ยงพ่อก็บอกว่าแม่เล่นแต่แมวไม่สนใจ พอดีมีแมวไทยหลงมา พ่อก็เลยให้เลี้ยงไว้ บอกว่าจะได้เป็นเพื่อนกัน ส่วนที่เหลืออะ พวกลูกค้ารู้ว่าที่บ้านเลี้ยงแมว มีคนหามาเซ่น จะไม่รับก็ไม่ได้ เลยตกเป็นของเรากับพี่คนละตัว 3 ตัวสุดท้ายเนี่ย ราคาแพงสุดๆเลยนะ แต่เอาจริงๆ พ่อกับแม่อยากฝึกความรับผิดชอบด้วยละ โตแล้วดูแลตัวเองได้ก็ควรจะหัดดูแลอย่างอื่นบ้าง “

ท้ายประโยคของทิมนั้น ถ้าไม่ได้คิดไปเอง น้ำนิ่งคิดว่าทิมกำลังพูดกับตัวเองอยู่ เพราะอีกฝ่ายหันมาจ้องหน้าเขาอย่างชัดเจน  ยิ่งทำให้เขาหน้าแดงไปใหญ่

“แล้วเท็ดดี้ละ ต้องมีมั๊ย” พูดแล้วน้ำนิ่งก็พาตัวเองนั่งลงกับพื้นข้างหน้ากรงแมว ทิมเห็นการกระทำของอีกคนที่นั่งลงไปอย่างนั้นก็ยิ้มชอบใจ น้ำนิ่งไม่เคยถือตัว ไม่ห่วงลุคว่าเสื้อผ้าจะเลอะ หรือดูไม่ดี ทิมเคยถาม น้ำนิ่งก็ตอบแค่ว่า เลอะก็ซักได้ ไม่เห็นเป็นไร

“เท็ดดี้ เลี้ยงส่วนของพี่ไทน์ แต่ถ้าตาย แม่คงหาตัวใหม่มาให้ฝึกดูแล น่าสงสารสุดก็ตัวของพี่ทอยนั่นละ หอบไปมา ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นตลอด แม่ให้เอาไว้นี่ก็ไม่เอา บอกคิดถึง ช่วงไปทำงานที่นู้นก็ต้องหอบไปด้วย”

“พี่ทอยไม่ได้อยู่นี่?”

“อือ พอดีมีบริษัทที่ญี่ปุ่นขอร่วมทุน พี่ทอยก็เลยต้องไปดูแล 3 เดือนกลับมารายงานผลประกอบการทีนึง ไปๆมาๆ ได้แฟนเป็นคนญี่ปุ่นซะเลย” ชื่อที่ได้ยินก่อนหน้า ทำให้น้ำนิ่งได้ยินอะไรมากขึ้น

“แล้ววันนี้ นิ่งไปงานด้วยหรือป่าว ตอนเช้าก็ลืมถามเลย มัวแต่ดีใจที่ได้พามาบ้าน”

“เห็นน้ำบอกแม่ว่าจะไป เอาจริงๆ เราก็คิดว่ายังไม่ควรออกงานอะไรพวกนี้หรอกแถมคนเยอะ มีแต่คนอวดนั่นนี่ อวดเพชร อวดหุ้น อวดผลประกอบการ จนยันลูกตัวเอง นี่ไปเพราะเป็นงานบ้านทิมเลยนะ” ได้ยินประโยคสุดท้าย ทิมก็ยกมือไปยี้หัวของอีกคน

“นี่ๆๆๆ นี่เราต้องดีใจมั๊ยหืม ที่ลูกเจ้าของผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศให้เกียรติมางาน”

“ทิม เวอร์ไปแล้ว ก็น้ำบอกว่าทิมต้องไป ก็เลยไปกัน แค่นั้นเอง”

“แล้วชุดละ มีชุดมั๊ย เอาจริงๆ น้ำนิ่งใส่ชุดทิมก็ได้นะ แม่น่าจะเตรียมไว้ให้เลือกเยอะ”

“ขนาดนั้นเลย จะหล่อไปไหนครับคุณ”

“หล่อ รอคนบางคนตกลงเป็นแฟน”  น้ำนิ่งต้องหันหน้าหนี เพราะรู้ว่าตัวเองทำหน้าไม่ถูกแน่ๆ

“เวอร์ไปแล้วทิม เราบอกน้ำไว้ว่าถ้ากลับไม่ทัน ให้เอาชุดไปให้ที่ รร อะ แด๊ดกับแม่คงตรงมาจากบ้านอยุธยาเลย”

“นี่เวลาแม่กลับมาก็ไปอยู่อยุธยาเลยหรอ”

“จริงๆ มีบ้านที่กรุงเทพ แต่อยู่กัน 2 คนก็กว้างไป เวลาใครกับดึก อีกคนอยู่คนเดียวก็อันตราย ก็เลยย้ายมาอยู่คอนโดกัน บ้านนั้นเอาไว้เวลามีธุระที่กรุงเทพนะ” ทิมพยักหน้าเข้าใจ


‘นั่งมองแขกเล่นกับแมวก็รู้สึกอดใจไม่ไหวอีกแล้ว แพ้ทางน้ำนิ่งตอนเล่นกับแมวสุดๆเลย จากที่เคยเห็นว่าน่ารัก อ่อนโยน  พออยู่กับแมวแล้วยิ่งมองเห็นสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น สงสัยต้องเข้าวัดฝึกความอดทนซะแล้วมั้ง’


-----------------------------------TBC-----------------------------------
 

ช่วงนี่เข้าสู่โหมดปรับความเข้าใจ พูดคุยกันไปเนิบๆ

แมวบ้านทิมเยอะไปไหน

ตอนหน้าตามไปงานกาล่าดินเนอร์กันนะคะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนรอ คนเม้นท์ทุกคนนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 14:13:46 โดย kiiro »

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อยากเล่นกับแมว ชอบๆๆๆ รอน้ำนิ่งเป็นแฟนกับทิม :mew2: :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เพียว อยากไปญี่ปุ่น เพื่อตัดใจจากตาน้ำ
ดูท่าไม่ต้องตัดใจนะ เพราะตาน้ำก็มีใจให้เพียว
ทิม น้ำนิ่ง เข้ากันได้ดี  :mew1: :mew1: :mew1:
ไปงานคราวนี้ พ่อทิมคงรู้จักบ้านน้ำนิ่งได้ดีขึ้น  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เอาหนูกะทิตัวจริงของคนเขียนมาส่งค่า ช่วงนี้ป่วยๆหายๆ เลยส่งตัวแทนมาก่อน รอกันก่อนนะ

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 23 หนี

งานกาล่าดินเนอร์ของสมาคมนักธุรกิจนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทยถูกจัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากภาคใต้ แน่นอนงานนี้มีนายกสมาคม “ ธรรศ ภวมงคล” เป็นหัวเรือใหญ่ ชายหนุ่มสูงวัย ยืนต้อนรับผู้เข้าร่วมงานมากหน้าหลายตาที่เข้ามาทักทาย ส่วนภรรยาก็ต้อนรับสมาคมแม่บ้านด้วยเช่นกัน

สายตาหันไปเห็นหญิงสาวสูงวัยที่เคยคุ้นหน้าเป็นอย่างดี “สลิลทิพย์ ลักษณะวิจิตร” นักเรียนไทยปริญญาโทในออสเตรเลียรุ่น
เดียวกัน  จะพูดว่าสนิทกันก็ไม่ใช่ จะคนรู้จักก็ไม่เชิง เพราะธรรศอยู่ในกลุ่มนักเรียนทุน แต่หญิงสาวผู้นั้นอยู่ในกลุ่มที่ใช้เงินทุน
ที่บ้าน  จะว่าแบ่งแยกกันไม่ใช่ ถูกกีดกันก็ไม่เชิงอีกนั่นละ หากเป็นเพราะนักเรียนแต่ละกลุ่มนั้นมีเพื่อน และเพื่อนของเพื่อนมากัน
เป็นเครือข่าย จึงทำให้ตัวเขาเองไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักหญิงสาวอย่างที่ใจอยากจะทำ ได้รู้จักกันเพียงผ่านๆจากการเรียน
เท่านั้น หากเพราะชื่อเสียงนามสกุลของอีกฝ่ายทำให้หลายคนรู้จักดี เพราะเป็นถึงทายาทผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับต้นๆและ
อันดับแรกๆของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ หญิงสาวไม่ได้ทำตัวเป็นลูกคุณหนูไฮโซแต่อย่างใด ขณะที่เรียนก็ทำตัวธรรมดา แถมยังหางานพิเศษทำแบบนักเรียนทุนคนอื่นๆด้วยซ้ำ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ธรรศประทับใจ


เขาตั้งใจว่า หากเรียนจบ สำเร็จการศึกษาเมื่อไหร่ ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักหญิงสาวมากขึ้น แต่แล้วบิดาเขาก็ขอร้องให้เขา
หมั้นกับ “เพียงนภา” ลูกสาวของเพื่อนสนิท เพราะกำลังมีปัญหาด้านธุรกิจ ข้อเสนอของเพื่อนสนิทบิดาที่จะทำการช่วยเหลือใน
การซื้อหุ้นของบริษัท ไม่อยากให้คนภายนอกมองว่าเทคโอเวอร์บริษัทของเพื่อนรักที่ก่อตั้งมาพร้อมๆกัน แถมตัวเองกำลังป่วยจึง
เป็นห่วงลูกสาวคนเดียว ทำให้เกิดการหมั้นขึ้น เอาจริงๆ เพียงนภาไม่ใช่ผู้หญิงที่แย่ เพราะคุ้นหน้าคุ้นตา และทำความรู้จักกันมา
แล้ว สวย เก่ง ฉลาด เพียบพร้อมทุกอย่าง รวมทั้งเป็นนักเรียนนอกจากอังกฤษ จนตัวเขารู้สึกด้อยกว่า ทำให้ต้องพยามๆฟื้นฟู
ทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง แต่เพียงนภาก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแย่ แถมยังเป็นภรรยาและแม่ที่ดีของลูกด้วยซ้ำ ทำให้ความรู้สึกด้อย
ค่าในตัวเขาหายไป รู้ข่าวตามหน้าหนังพิมพ์อีกที สลิลทิพย์ ก็แต่งงานกับลูกชายนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย หลังจากนั้นเขาก็แต่งงาน

ภาระครอบครัวและหน้าที่ที่มี ทำให้หญิงสาวหายไปจากห้วงความคิดของเขาไปโดยปริยาย

หันไปทักทายแขกไปมา หันไปเห็นลูกชายคนเล็กและเด็กหนุ่มที่พามาบ้านวันนี้กำลังทักทายหญิงสาวที่กลับมาในความคิดของเขา ขาพาตัวเองก้าวไปหา เด็กหนุ่มสองคนขยับหลีกทางให้ผู้ใหญ่ได้คุยกัน

“ลิล”

“ว่าไงคะ ท่านนายกสมาคม”

“อย่ามาแซวน่า หายหน้าหายตาไปเลย งานเลี้ยงก็ไม่ค่อยมา ทำไมงานนี้ถึงมาได้ละ แล้วคุณชโลธรสบายดีนะ?” เพราะรับตำแหน่งต่อจากพ่อของหญิงสาว จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเคารพ

“พอดีตอนนี้อยู่ไทย คุณพ่อสบายดี หลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่บ้านคุณแม่ที่อยุธยาแล้ว”

“หรอ ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย ว่าจะไปขอให้รับตำแหน่งที่ปรึกษาซะหน่อย”

“ลองดูละกัน แต่เราไม่แน่ใจหรอกว่าจะสำเร็จมั๊ย” เพราะยืนคุยกันอยู่นาน คอรบครัวของทิมจึงเดินเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย
จบคำทักทายของผู้ใหญ่ ทิมก็เอ่ยถามผู้เป็นบิดาอย่างสงสัย

“คุณพ่อ รู้จักน้าลิลด้วยหรอครับ” คำกล่าวเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างสนิท ทำให้ผู้ป็นบิดาเกิดความรู้สึกสงสัย

“ลิลเป็นเพื่อนนักเรียนไทยที่ออสเตรเลียตอนที่พ่อไปเรียนโทนะ แล้วเรารู้จักคุณลิลได้ยัไงกัน “

“อ้าว… ก็คุณน้าลิล เป็นแม่ของน้ำนิ่งไงครับ” จบคำพูดของทิม สลิลทิพย์ก็ยกมือโอบไหล่ลูกชายฝาแฝดคนเล็กไว้

ชายหนุ่มราวกับถูกตบหน้า เขารู้สึกว่าทั้งภรรยาและลูกชายอีกสองคนกำลังยิ้มในคำตอบที่ลูกชายคนเล็กมอบให้ น่าแปลกเขาคิดว่าเด็กที่ลูกชายมาพาหาวันนี้หน้าตาคุ้นราวกับเคยเห็นที่ไหน เหมือนกับเป็นภาพทีเคยติดตามานาน เพิ่งนึกออกก็ตอนนี้เอง
ปรายตามองภรรยา ด้วยสายตาดุๆ อีกฝ่ายจึงยกมือมากอดแขนราวกับจะอดอ้อนปลอบใจ

“สบายดีนะคะคุณลิล แล้วลูกชายอีกคนละคะ”

“สบายดีค่ะคุณนภา ส่วนทะโมนอีกคน ไปเข้าห้องน้ำกับพ่อเขานะ”

“ลิลมีลูกชายฝาแฝดไม่ใช่หรอ”  จบคำถาม ตาน้ำและบิดาก็เดินมายืนเคียงข้าง ตาน้ำทำความเคารพผู้ชายพร้อมทักทายทิมเบาๆ

"เอ๊ะคุณนี่ยังไง…ตาน้ำก็เป็นเพื่อนกันทิมลูกชายคนเล็กเราไงคะ”

ธรรศรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกบอลที่โดนภรรยาและลูกชายเตะส่งกันไปมา แต่การหยอกครั้งนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นการจุดใต้ต่ำตอ เขาเคยปฏิเสธโยชิแฟนของลูกชายคนกลางก่อนที่จะรู้ว่าเป็นใครนั้น ไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง การที่เอาแต่ทำงานมากเกินไปจนปล่อยให้หน้าที่ดูแลลูกเป็นของภรรยานั้น ไม่ดีเลยจริงๆ โชคดีที่ลูกชายทั้ง 3 คนไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหา การสนทนาของ 2 ครอบครัวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนการมาถึงของอีก 1 ครอบครัว และต้าร์เพื่อนที่สนิทที่กำลังจะเลื่อนขั้นของพอส

“พิม”

“ว่าไงลิล คุณนภา ไม่เจอกันนานเลยสบายดีนะคะ”

“สบายดีคะ แหม่ 2 ครอบครัวนี้ สนิทกันจังเลยนะ นภาเริ่มอิจฉาแล้วนะเนี่ย ลูกๆเราก็เพื่อนกันทั้งนั้น น่าจะสนิทกันไว้บ้าง ไว้ว่างๆ มาทานข้าวกันนะ 3 ครอบครัวเรา ”

“คงต้องรอช่วงลิลกลับมาไทยละคะ ส่วนตอนนี้ ของพิม กับ ลิล คงไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วมั้งคะ”

จบคำมารดา เพียวก็ยกมือไปจับมือของมารดาไว้ ราวกับจะบอกว่าไม่อยากให้พูดถึง

“ยังไงนี่พิม ฉันตกข่าวอะไรกัน ว่าไงครับลูกชาย ใครมีความลับกับแม่บอกมานะ”

“เอ….นภาสงสัย ของถามอะไรตามภาษาคนเป็นแม่หน่อยนะคะ ถ้าวันนึง บรรดาลูกชายของเราชอบกันเอง คนเป็นพ่อแม่อย่างเราๆ จะทำยังไงคะ ทำใจกันได้มั๊ย”

เป็นฝ่ายแม่บ้านที่หันหน้าไปมองสามีของตนเองแล้วกว่าเอ่ยขึ้น

“ลิลว่า เราให้เขาเกิดมา เลี้ยงเขามาจนแข็งแรง เติบโตมีชีวิตอยู่ได้ เป็นเด็กดี เป็นคนดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน นั่นก็เป็นหน้าที่พ่อแม่ที่ดีแล้วคะ เขาอยากจะเลือกทางเดินอย่างที่ทำให้เขามีความสุขก็ปล่อยเขาไปเถอะคะ เราอยู่กับเขาตลอดไปไม่ได้ แต่ความสุขที่เขาเลือกมันอยู่กับเขาตลอดไปได้นะคะ” พูดจบหญิงสาวก้มลงหอมลูกชายฝาแฝดสลับกันไปมาจนมีเสียเอ่ยร้องเพราะเด็กหนุ่มทั้ง 2 เกิดอาการเขินที่แม่ทำราวกับเป็นเด็กน้อย

และคำพูดของหญิงสาวที่ตนเองเคยสนใจนั้น เหมือนเป็นมีดกรีดแทงใจของธรรศ หากเพราะต้นแบบของเขาคือการวางแผนของบิดามาทั้งหมด จนทำให้เขาเลือกขอทุกไปเรียนต่อเพื่อหนีสิ่งที่บิดาวางแผนไว้ ทำให้ตัวเองปฏิบัติกับลูกเฉกเช่นเดียวกัน ทำให้รู้ตัวว่าตัวเองได้ทำลายความสุขของลูกไปบ้างแล้ว  นั่นสิทำไมเขาไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองก็เคยหนีบิดามาแล้วเหมือนกัน
มือของผู้เป็นภรรยาที่ยังคงจับอยู่ เป็นกำลังใจ และปลอบใจราวกับล่วงรู้ความคิดเขาได้อย่างดี

“จริงค่ะ พิมคิดเหมือนลิล แต่พิมขอแค่คนที่ลูกเลือกเป็นคนดี ดูแลลูกเราได้ก็หมดห่วง ดูตาน้ำกับเพียวสิคะ ไปๆมาๆ คบกันเฉยเลย แถมยังเรียนได้ดีทั้งคู่อีกต่างหาก “ สิ้นคำพูดของหญิงสาวผู้เป็นมารดาของเพียว ทำให้เพียวหน้าซีด เพราะรู้ดีว่าในกลุ่มเด็กๆด้วยกันต้องตกใจในประเด็นใหม่ครั้งนี้ รวมถึงน้ำนิ่งที่หันมองหน้าเพียวและตาน้ำสลับกันไปมาทันที

“เอ๋…ตกลงเป็นพ่อลูกชายคนโตที่มีความลับกับแม่นี่เอง เดี๋ยวกลับบ้านแม่จะให้คุณยายตี”

ตาน้ำร้องคร่ำครวญกับมารดาเพราะโดนยิกแกมหยอก ทำให้เขยิบตัวไปแอบหลังบิดา น้ำนิ่งที่รู้สึกช็อคกับเรื่องราวที่ได้ยิน ทำให้ถอยตัวเองออกมาอัตโนมัติ

“แม่ครับ นิ่งว่าจะขอกลับก่อน รู้สึกจะไม่สบายอีกแล้ว” สลิลทิพย์ หันมาหาฝาแฝดคนเล็ก เพราะรู้ดีว่าค่อนข้างจะอ่อนแอกว่าอีกคน ลูบหัวลูบผมอย่างรักใคร่เอ็นดู

“ไม่ไหวหรอครับ ให้แม่ไปส่งมั๊ย”

“ ไม่ ไม่เป็นไรครับ แม่อยู่ต่อเถอะ”

หลังจากกอดล่ำลามารดาและแด๊ด น้ำนิ่งก็กึ่งเดิน กึ่งวิ่งออกมาทันที ทิมที่รู้สึกถึงสีหน้าตกใจของน้ำนิ่ง ก็รู้ว่าอีกฝ่ายแปลกไปทันที รวมถึงตาน้ำเอง ความไม่ปกติของฝาแฝดคนเล็กทำให้กลุ่มเด็กร่ำลาผู้ใหญ่ออกมา โดยให้สาเหตุว่าจะไปปาร์ตี้กันตามสไตล์เด็กๆ พอพ้นประตูห้องจัดเลี้ยง ทุกคนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหาคนที่ออกมาก่อนทันที

แล้วก็เป็นพอส ที่วิ่งไปกระชากแขนตาน้ำ รวมถึงพี่ชายตัวเอง

“นี่มันอะไรกัน!! ทำไมไม่บอกมัน ทำไมต้องให้ผู้ใหญ่มาพูด คิดอะไรทำอะไรกันอยู่” ตาร์เห็นพอสยืนอาละวาดก็ต้องรีบเข้าไปห้าม คิดถูกที่มาด้วยก็ตอนนี้ละ

“พอส คือ เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังได้มั๊ย มันฉุกละหุกนะ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”

“ไปหาน้ำนิ่งก่อนได้มั๊ยว่ะ ค่อยมาเคลียร์กัน “ ทิมที่ทนไม่ไหวเป็นคนเอ่ยขึ้น แล้วรีบวิ่งต่อไป

ทุกคนวิ่งตามทิมออกไป จนเหลือแค่ตาน้ำและพอส ก่อนที่ฝ่ายจะโดนรั้งแขนไว้เอ่ยขึ้น

“มึงชอบน้ำนิ่ง มึงไม่ได้ชอบกูใช่มั๊ยพอส” การเบือนหน้าหนีของอีกฝ่ายเป็นคำตอบที่ชัดเจน ตาน้ำสะบัดแขนออกก่อนจะวิ่งตามกลุ่มเพื่อนออกไป


น้ำนิ่งวิ่งหนีออกมาจนถึงหน้าโรงแรม ด้วยความรีบร้อน ทำให้ชนกับคนที่สวนมา

บึก!!!

'การชนครั้งนี้ ทำให้น้ำนิ่งที่เพิ่งหายไข้และร่างกายอ่อนแรงอยู่แล้ว ล้มลงไปทันที
“น้ำนิ่ง น้ำนิ่ง” คนที่ชนกับน้ำนิ่งรียกขึ้นเพิ่งต้องการเรียกสติ แต่อีกฝ่ายหมดสติไปแล้ว'


-------------------------------TBC-----------------------------------------

มาแล้วคะ หลังจากแอบเอาน้องกะทิตัวจริงของคนเขียนมาหยอดไว้ เพราะกลัวอาการป่วยจะไม่ไหว
เนื่องจากปวดไหล่และแขนด้านขวามาเกือบอาทตย์เลยทำให้ไม่ได้อัพต่อ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
สัญญาว่าจะรักษาสุขภาพตัวเอง แฮ่ๆ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ ทุกคนนะคะ



ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
นึกว่าแฝดxแฝดซะอีก ยอมรับว่าผิดหวัง(เพราะเห็นปูเรื่องมาแบบนั้น พอไม่ใช่เลยเฟลๆ) แต่ก็เป็นกำลังใจให้นะคับ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น้ำนิ่งชนใคร :mew2: รอตอนต่อไปน้ะๆๆๆ :mew2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้ำนิ่ง ชนใคร  :katai1: :katai1: :katai1:
รุ่นพ่อแม่ก็รู้จักกัน
พอเปิดตัวตาน้ำ เพียว
ก็อลหม่านเลย กับ น้ำนิ่ง พอส 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 24 บาดแผล

ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้า 1 ชั่วโมง น้ำนิ่งกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่เบาะหลังรถ  มีตาน้ำนั่งอยู่ข้างๆ

“บ้านทิมเป็นไงบ้าง”

“แมวเยอะมาก ทุกคนมีคนละตัวหมดเลย ตัวของพี่ทอยน่าสงสาร ไปกลับ ญี่ปุ่นตลอด ทิมบอกพี่ทอยกลัวเหงา”
หันหน้ามองฝาแฝดที่เล่าเรื่องอย่างมีความสุข ขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อออกแล้วใส่ตัวใหม่ ผิวที่ขาวใสกว่าก็ทำให้ตาน้ำเผลอสัมผัสอีกครั้ง

“แล้วน้ำนิ่งชอบทิมมั๊ย” คิดว่าถึงเวลาที่ต้องถามสักที

ฝ่ายโดนถามสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็ดึงฝาแฝดตัวเองมาสวมกอด

“น้ำ ไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าน้ำยังไม่มีใคร เราจะไม่ให้น้ำอยู่คนเดียว เราไม่อยากทิ้งน้ำไปมีความสุขก่อน”

เพราะผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาด้วยกัน การที่ตาน้ำดูแลเป็นอย่างดี ยิ่งทำให้น้ำนิ่งคิดว่า เขาไม่ควรทิ้งตาน้ำไปมีความสุขแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว

“แล้ว….ถ้าเกิดว่า พี่มี….” 


>>>>RRRRRR<<<<

ตาน้ำยังพูดไม่จบ เสียงโทรศัพท์น้ำนิ่งดังขึ้นก่อน

“ครับแม่”/ “…….”

“น้ำอยู่ด้วยกันแล้วครับ เสร็จแล้วกำลังจะเข้าไป”/ “……”

“ครับ”

“น้ำ เมื่อกี้ว่าไรนะ”

ตาน้ำผละออก ยกมือลูบที่แก้มของฝาแฝดตัวเอง ขยับใบหน้าให้ปากชิดติดกันอย่างที่เคยทำ

“พี่....รักน้ำนิ่งนะ”

“อื้อ รักเหมือนกัน ไปกันเถอะ เดี๋ยวแม่รอนาน”
.
.
.
.
.
.
น่าแปลก เวลาไม่ถึง  3 นาทีที่น้ำนิ่งเดินออกมาก่อน แต่กลายเป็นว่า ทั้ง 5 คน กลับหาไม่เจอ

ตาน้ำยืนนิ่งส่งสายตาไปที่รถตัวเอง มือกดโทรศัพท์ชื่อที่ตั้งไว้ออกซ้ำๆ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายอาจปิดเสียงไว้ตั้งแต่เข้างาน

“ห้องน้ำ ไม่มี กูกับต้าร์ แยกกันหาทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ไม่มี “

“ door man บอกไม่เห็นว่ะ “

”เราเช็คกับเคาร์เตอร์ ไม่มีเปิดห้องพักแน่นอน”

 “โวยยยยย นี่บ้าไรกันว่ะ กูจะไปหามันที่ไหน ” ได้ยินคำตอบก็แทบคลั่ง ยกมือจะขึ้นต่อยกำแพง แต่เพียวกับทิมก็รั้งตัวไว้ให้ออกห่าง

“น้ำใจเย็นๆนะ” เพียวลูบหลัง ลูบไหล่ปลอบประโลม

“มึงนั่นละ ทำเรื่องบ้าๆเอง ไอ้น้ำ อย่ามาโทษคนอื่นเลย”

“พอส กูบอกอย่าเพิ่งตีกันได้มั๊ยว่ะ” ทิมรู้ดี ว่าเพื่อนสนิทของคนที่เขาชอบนั้น ตีกับเพื่อนรักประจำ ตอนนี้ก็ต้องคอยห้ามไว้ไม่งั้น หัวแตก ปากแตกทั้งคู่


>>>>RRRRRR<<<<  เสียงโทรศัพท์ต้าร์ดังขึ้น


“ว่าไงโอม” /”…...”

“ห๊ะ!! มึงว่าไงนะ พูดใหม่ดิ” / “กูบอกน้ำนิ่งอยู่กับกู”

“แล้วน้ำนิ่งไปอยู่กับมึงได้ไง” ชื่อบุคคลที่ทุกคนตามหาออกมาจากปาก ทำให้หันไปหา จนต้าร์ต้องเปิดลำโพง

“ก็กูเอารถมารับมึง ที่ รร. เดินเข้ามาสวนกับเขา เขาชนกูแล้วนิ่งไปเลย กูเลยพามานั่งที่รถก่อน โทรหามึงก็ไม่รับ อยากให้เขานอนพัก ก็เลยว่าจะพากลับหอ รถเพิ่งติดเลยเพิ่งได้โทรบอกมึง”

“โอม พาไป รพ……. ติดต่อ หมอชื่อ ภวิต นะ ขอบคุณมาก เดี๋ยวพวกกูตามไป” เป็นตาน้ำที่บอกอีกฝ่าย

“อ้าว… เกิดไรขึ้นวะ ต้องพาไป รพ เลยหรอ นึกว่าง่วงนอนอย่างเดียว เออๆ เดี๋ยวกูพาไปก่อน”

ตาน้ำไม่รู้ว่าจะไว้ใจโอมให้ไม่แตะต้องน้ำนิ่งได้มากแค่ไหน แต่การที่อีกฝ่ายโทรมาบอกต้าร์นั่นถือว่า โอมบริสุทธ์ใจระดับนึง
ขาก้าวไปที่รถ หามือโดนคนรั้งไว้ พร้อมมือที่แบยื่นมาด้านหน้าตัวเอง

“อะไรเพียว”

“กุญแจมา ขับให้”

“ไม่เอา มึงขับช้า”

“ก็มึงขับรถเร็วนะสิ ไม่มีสติขนาดนี้ อยากตายก่อนเจอฝาแฝดรึไง” คำเตือนปนความเป็นห่วง ขณะที่ตัวเองโดนลากไปที่รถจนต้องส่งกุญแจรถให้อีกคนขับ

“ขอบคุณนะ” คำขอบคุณลอยผ่านอย่างเบาๆ ขณะที่เพียวยัดคนตัวใหญ่นั่งในรถ
.
.
.
.
.
ห้องพักคนไข้ vip โรงพยาบาล มีโอมยืนรถอยู่หน้าห้อง ทั้ง 5 คน กึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างเร็วที่สุด

“หมอยังอยู่ข้างใน มึงเข้าไปดิน้ำ”

“ขอบคุณมาก ขอบคุณ”  ตาน้ำยกมือตบไหล่โอม แล้วก็เปิดประตูเข้าไป

“มีเรื่องอะไรกันว่ะต้าร์”

“มันมีเรื่องตกใจนิดหน่อย เลยออกจากงานมาก่อน ค่อยคุยมึง กูไปดูมันก่อน” ทิมรอให้ทุกคนเข้าไปหมด จึงเข้าไปเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะเดินเข้าไป แขนตัวเองก็โดนคนที่มาก่อนคว้าไว้

“ถ้าดูแลไม่ได้ ก็ปล่อยเขาไปซะ” ทิมสะบัดแขนออก

“รู้ได้ไงว่ากูดูแลไม่ได้ อย่าคิดไปเองดิ”

“ถ้าดูแลได้ คงไม่มาถึงกูหรอกน่าทิม มึงอยู่กับเขาแท้ๆ” คำนี้เหมือนเป็นมีดกรีดแทงใจทิมให้เป็นแผล นั่นก็จริงเขาอยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่ทำไม ถึงคว้าตัวไว้ไม่ทัน ทำไมน้ำนิ่งถึงไม่เลือกที่จะขอความช่วยเลือกจากเขา

“รอบนี้ มึงก็แค่ฟลุคว่ะ โอม ขอบใจมากที่ดูแลให้ ครั้งต่อไปอาจจะไม่มีอีกแล้ว” คำพูดขอบคุณอีกฝ่าย แต่ก็เหมือนปลอบใจตัวเองอีกทาง

"ถ้ามีครั้งต่อไป มึงก็อย่าหวังว่าจะได้คืนเลยทิม"


ในห้องพักผู้ป่วย ตาน้ำกอดหมอร้องไห้ ทิมไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองร้องไห้หนักขนาดนี้ ต้าร์เองก็เหมือนกัน หากแต่ พอส ยืนมองราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเพียวนั้นยืนอยู่ห่างออกมา แต่ก็ไม่ไกลนัก

“พี่หมอๆๆ น้ำผิดเอง น้ำไม่บอกน้อง  ฮึก! น้ำผิดเองที่ให้น้องรู้จากคนอื่น ฮือๆ น้ำทำน้องเจ็บ” ภวิตลูบหัวลูบไหล่ ญาติผู้น้องอย่างเอ็นดู

นานหลายนาที ทีตาน้ำพร่ำบอกเขามาอย่างนี้ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง

“หมอว่าไงบ้าง” ทิมเอ่ยถามพอสกับต้าร์ที่เข้ามาก่อน

“ร่างกายอ่อนแอ เครียดสะสม นอนโรงบาลก่อน เพราะกลัวว่าจะเป็น Hyper” พอสเอ่ยตอบ

“Hyper เลยหรอว่ะ”

“แค่สงสัยอะ ไม่ต้องห่วงนะมึง พี่วิตเป็นญาติไอ้แฝดเขาเก่งอยู่”

ทิมก้าวเท้าเดินไปหาคนป่วยที่นอนหลับอยู่บนเตียง ตอนนี้ดูเหมือน ทิมเป็นคนเดียวที่เคลื่อนไหวอย่างมีสติที่สุด ส่งมือตัวจับไปที่แขนซ้ายที่ไม่ได้เจาะน้ำเกลือลูบนิ้วแต่ละนิ้วอย่างแผ่วบาง

ภวิตเห็นอาการของอีกฝ่าย ก็รู้ทันทีว่าคนนี้คือคนที่ชอบน้องฝาแฝดคนเล็ก

“อยู่กันไปก่อนนะ ฟื้นแล้วกดแจ้งไป พี่แจ้งไปแล้วว่าเป็นญาติ เดี๋ยวพยาบาลเรียกพี่เอง ไม่ต้องคิดมากละเรา”


‘ภวิตรู้ดี บาดแผลครั้งนี้ของตาน้ำใหญ่นัก มันเหมือนกรีดซ้ำรอยเดิมที่เริ่มติดสนิท ตาน้ำโทษตัวเองเสมอว่าดูแลน้องไม่ดีทำให้เกิดเรื่อง ถึงแม้เขาจะพร่ำบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็ตาม’


----------------------------------------TBC--------------------------------------------

ขอโทษที่ตอนนี้อัพช้านะคะ พักนี้ร่างกายอ่อนแรงเหลือเกิน

ขอบคุณทุกคนที่ยังรอกันนะคะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ ทุกคำติชมและกำลังใจนะคะ

>>พยายามจะอัพให้จบก่อนจะโดนย้ายไปอยุ่ห้องนิยายไม่จบ แฮ่ๆ


ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้ำนิ่งเป็นอะไรไปอีกหละ รอให้ทิมมาช่วยรักษาจะ :katai5: :katai3: :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด