"ตื่นเต้น?"
"นายต้องได้เห็นดินเนอร์คอมโบที่ผิงทำ"
"จะตกใจถ้าตอบว่าตื่นเต้น"
"นี่มองว่าผมเป็นตัวอะไรเนี่ย"
"หนังสือลิมิเต็ดที่ไม่ยอมให้อ่านสักที"
เขาเดินมานั่งข้างๆ ผม อ้อมแขนมาโอบไว้หลวมๆ จากด้านหลัง มืออีกข้างถือกระป๋องเบียร์ยี่ห้อดังที่เปิดฝาแล้วไว้
"กินอะไรตามไปด้วย เดี๋ยวอ้วกหรอก" เตือนไว้ก่อน การกินเครื่องดื่มพวกนี้ตอนท้องว่างมันไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ "นี่กินไปแค่มื้อกลางวันล่ะสิ"
หน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกรวมถึงพนักงานไร้เงินเดือนทำให้ผมรู้สภาพชีวิตทั่วไปของเขามากพอควร สิปป์ไม่กินข้าวเช้าเพราะตื่นทีก็เกือบเที่ยง กินเสร็จไม่ขังตัวอยู่ในห้องทำงานที่อยู่ถัดจากห้องนอนก็ลงมาหาเรื่องใช้งานผมไปเรื่อย จะกินอีกทีก็ช่วงห้าทุ่มเที่ยงคืนนู่น ตอนที่ท้องร้องประท้วงนั่นแหละ ถ้าวันไหนผมอยู่ร้านดึกก็จะได้รับคำสั่งให้ไปลากสิปป์สเตอร์ลงมากินมื้อเย็นไม่ก็ออกไปหาอะไรง่ายๆ แถวนั้น คนร้านนี้เลี้ยงผมดีอย่างที่มองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าแก้มมันเริ่มพองมากเกินไปทุกที
"ปกติ"
"แล้วจะรอดู"
ผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของเขา ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มทำให้ตาแห้งไปหมด การที่ใส่แว่นแล้วไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องการน้ำตาเทียมสักหน่อยนี่นา
เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบเก่งมาเปิดหาสิ่งที่ต้องการ ผมไม่แน่ใจว่าก่อนออกจากห้องตัวเองเก็บน้ำตาเทียมลงกระเป๋าแล้วรึยัง เมื่อวันก่อนนั่งทำงานดึกไปหน่อยเลยหยิบมาใช้แล้วทิ้งไว้หน้าโต๊ะทำงาน
นั่นไง ไม่ได้เอามาจริงด้วย
"หาอะไรอยู่"
"นายมีน้ำตาเทียมไหม?"
"เป็นอะไร เจ็บตาเหรอ"
เขารีบวางเครื่องดื่มในมือลง ดึงแว่นตากรอบใหญ่ของผมออกแล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของผม ไอ้ผมมันคนสายตาสั้นเกือบเจ็ดร้อย พอไม่มีเครื่องมือที่ช่วยเปิดโลกให้แล้วก็กลายเป็นคนตาบอดไปเลย ตลกดี ทำไมผมยังเห็นหน้าของเขาชัดเจนทุกรายละเอียดได้ขนาดนี้ล่ะ
ชัดเจนอย่างที่เห็นว่ามีเงาตัวเองสะท้อนกลับมาจากนัยน์ตาสีดำขลับของเขา
"ฝุ่นเข้าตาเหรอ ก็ไม่มีนะ"
"..."
"หรือว่าแพ้อะไรรึเปล่า อาหารที่กินไปเมื่อกี้มีอะไรบ้าง"
"เปล่า แค่ตาแห้งน่ะ"
รีบอธิบายก่อนที่การคาดเดาจะไปไกลกว่านี้ เขารับทราบด้วยการตอบรับในลำคอพลางทัดผมให้เรียบร้อยไม่ยุ่งเหยิง จะโดนจับเนื้อต้องตัวกี่รอบมันก็ยังไม่ชินสักที เขาไม่รู้ตัวหรือไงว่าการสกินชิปที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันทำให้ใจผมเต้นระส่ำมากี่สิบรอบแล้ว
"อยากได้ใหม่ไหม เดี๋ยวฝากคนอื่นซื้อมาก็ได้"
"ไม่อะ นิดหน่อยเอง"
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีอะไรถึงฮัมเพลงไม่ยอมหยุด "งั้นหลับตาลง"
"หืม?"
"หลับตาครับ"
"จะกล่อมให้หลับเหรอ" ขอแค่ให้ได้เถียงกลับไปผมก็พอใจแล้ว เปลือกตาของผมเคลื่อนตัวเข้าหากันอย่างช้าๆ ตามคำสั่งของเขา
มือสองข้างยังคงอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือเสียงลมหายใจที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมีสัมผัสแปลกปลอมบางอย่างอยู่ที่เปลือกตา
...ริมฝีปากของเขา
สั่งให้ตัวเองอย่าหวั่นไหวไปกับการกระทำนั้น ถึงจะพูดไปอย่างนั้นหัวใจไม่รักดีกลับเพิ่มจังหวะการบีบตัวให้เร็วขึ้นจนน่ากลัว ผมถึงบอกว่าผมเกลียดเขาไง ผู้ชายร้ายกาจที่มีแรงดึงดูดมหาศาลจนน่ากลัว เขากำลังล่อผมให้ตกอยู่ในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนยากที่จะหาทางออก
สิปป์โหมดอบอุ่นมันก็ดีอยู่หรอก
แต่ผมก็ชอบโหมดตัวร้ายของเขามากกว่า
คราวนี้ไม่มีใครเข้ามาเห็นช็อตเด็ดแสลงใจ ผมจะต้องขึ้นแสดงตอนสามทุ่มครึ่งและตอนนี้ก็สามทุ่มยี่สิบแล้ว เรากำลังเตรียมตัวอยู่ด้านหลังของเวทีขนาดย่อม จากการกวาดสายตามองผู้ชมคร่าวๆ แล้ววงของสิปป์ต้องมีชื่อเสียงอยู่พอตัวอย่างที่พีทเคยบอก กว่าจะเห็นพื้นที่โล่งให้หายใจได้ก็เกือบด้านหลังสุดของฟลอร์เข้าไปแล้ว ส่วนมากเป็นสาวสวยมากหน้าหลายตา จะเห็นส่วนสูงของผู้ชายโดดเด่นขึ้นมานับหัวได้เลย
"นิช"
"ว่าไง" ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้คนจำนวนมากผมเลยต้องใช้เสียงดังกว่าปกติ
"ขอกำลังใจหน่อย"
ขอมองแรงใส่จะดูชัดเจนไปไหมนะ ผมปั้นหน้าให้นิ่งสนิทเอียงคอเล็กน้อยทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด วันนี้น้ำก็ยังคงทำตัวเป็นลูกแมวไร้แม่ที่คอยหวงคนเลี้ยงอยู่เหมือนเดิม เขาแทบไม่ยอมห่างจากนักร้องนำของวงเลยตั้งแต่ผมเห็นหน้า
"ตรงนี้"
โอเค กรอกตาบนไปให้จบๆ เรื่องเลยดีกว่า ส่วนสูงของผมกับเขาต่างกันมากพอสมควร โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ไม่ชอบกินนมตั้งแต่เด็กแล้วยังเกลียดการออกกำลังกายอีกต่างหาก ผมสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าเพราะงั้นเขาน่าจะสูงร้อยแปดสิบสี่ถึงร้อยแปดสิบห้า สิปป์ย่อตัวลงมาเพื่อให้ 'ตรงนี้' หรือปากของเขาตรงกับผม นั่น มีการแตะนิ้วย้ำแถมยังยิ้มยั่วอีก เกลียดความดูดีทุกการเคลื่อนไหวของเขาจริงจังให้ตายเถอะ!
"ไม่"
"นะครับ" เพิ่มออฟชั่นด้วยการก้มตัวลงต่ำอีกนิดแล้วช้อนตาขึ้นมา ประกายแวววับจากดวงตาเล่นเอาผมร้อนวูบทั้งที่อากาศเย็นฉ่ำ ยิ่งตอนที่เขาฉีกยิ้มอีกนิดแล้ว...
นี่มันสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่ผมเคยเจอมา
"ดิซ เตรียมตัวได้แล้ว"
"นะ..."
เขาไม่สนใจเสียงเรียก ใช้เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอนร้องขอผมอีกครั้ง
"นิดเดียวก็ยังดี"
ผู้ชายคนนี้รู้จักวิธีการใช้ร่างกายของตัวเองเป็นอาวุธอย่างดีเลยล่ะ เขารู้จักวิธีบังคับควบคุมเสียงอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้เสียงเพื่อแสดงความรู้สึกเลย แค่ควบคุมให้สติอยู่กับตัวเองตลอดเวลาไม่เตลิดไปตามการชักจูงของจอมวายร้ายก็ยากเกินไปแล้ว อีกอย่างคือผมเองไม่มีสิทธิต่อรองอะไรมากขนาดนั้นเพราะถ้าเขาอยากได้อะไรก็บังคับให้ผมทำให้เขาจนได้
อ้อ อย่าคิดว่าผมจะก้มลงไปจุมพิตตัวร้ายด้วยความเต็มใจอะไรขนาดนั้น ก็แค่จูบมือตัวเอง เอาไปประทับไว้ตรงที่เขาต้องการแล้วดึงออกในเสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง
"คุณมันร้าย รู้ไหมสิปป์" ผมเอ่ยด้วยความเอือมระอาเต็มที่
สิปป์หัวเราะออกมาก่อนที่จะตอบผม "รู้ดีเลยล่ะ"
"นี่ ขึ้นเวทีไปได้แล้ว"
เสียงไม่สบอารมณ์แทรกเข้ามาในระหว่างการสนทนา ตัวร้ายตามที่ผมตั้งฉายาให้พาร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อขึ้นเวทีไปอย่างคุ้นเคย ผมปล่อยให้น้ำกับพีทเดินตามไปก่อนแล้วจึงค่อยเป็นคนปิดท้าย เสียงกรี๊ดดังสนั่นเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ สมัยเปิดวงกับที่หนึ่งมันยังเป็นแค่วงในโรงเรียนธรรมดาทั่วไป พอมาเจอของจริงอย่างนี้แอบประหม่าอยู่เหมือนกันแฮะ
พาตัวเองไปอยู่หลังเครื่องดนตรี ตรวจเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์จนครบ ตรงพื้นที่ของผมถูกยกให้สูงขึ้นกว่าตำแหน่งอื่นเล็กน้อย ผมเลยเห็นภาพโดยรวมได้สะดวกขึ้น บริเวณฟลอร์ถูกจับจองจนแน่นไปทุกส่วน เสียงตะโกนเรียกชื่อสมาชิกในวงตีกันวุ่นวายไปหมด
"Are you ready?"
แค่คำสั้นๆ ที่ออกไมค์ก็ได้รับการตอบรับถล่มทลาย สิปป์หันมายิ้มหวานให้ผมตอนที่พูดคำต่อไป "Welcome to MYWORLD"
พระเจ้าครับ
ผมควรซ่อนตัวอยู่ตรงไหนถึงจะไม่โดนดูดไปอยู่ในโลกของเขาเหรอครับ
≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡≡
ผ่านครึ่งทางของการแสดงไปโดยสวัสดิภาพ ผมเป่าลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขอบคุณร่างกายของตัวเองที่ขยับทันความคิดที่ไปก่อนแล้ว ตอนเพลงแรกกับเพลงที่สองมันก็ตามที่ซ้อมอยู่หรอกแต่พอเพลงที่สามเท่านั้นแหละ จังหวะจากเครื่องซินธ์ (Synth) ที่ต้นน้ำเล่นมันก็เริ่มรวนไปหมด และผมก็ไม่ใช่คนดีพอที่จะคิดว่ามันคงเป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค
"ไหวนะ"
"ช่วยกลับไปบอกคนของนายให้มีความเป็นมืออาชีพกว่านี้หน่อย" ผมบอกกลับไปตามตรง ความรู้สึกเหมือนการทำรายงานที่ตัวเนื้องานไม่ได้ยากอะไรเลยมีแค่คนร่วมงานที่ทำตัวมีปัญหาตลอดเวลา
"คนของฉัน?"
"คนที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนของนาย" แก้คำพูดก็ได้ ไม่เห็นต้องมาทำท่าไม่พอใจใส่เลย
"ไม่ไปบอกเองล่ะ"
"ไม่อยากเสวนาด้วย"
นั่นออกมาจากเบื้องลึกของใจ ผมโคตรอารมณ์ไม่ดีในตอนนี้ อยากจะเหวี่ยงใส่เครื่องตีจนหายหงุดหงิดแต่ก็กลัวทำพังไปเสียก่อน มันคงเป็นการเดบิวท์ที่ไม่น่าประทับใจมากเท่าไหร่
"เดี๋ยวจบงานจะคุยให้ โอเคไหม"
"คุยแล้วต้องเคลียร์นะ ถ้าไม่จบฉันจะเข้าไปจัดการเอง"
"สัญญาเลย"
เขายกมือขึ้นทำท่าวันทยาหัตถ์สามนิ้วแบบลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ความไม่เข้ากันของนักร้องใต้ดินที่ร้องเพลงเนื้อหาเสียดสีสังคมกับท่าสัญญาแบบเด็กมัธยมช่วยให้ความขุ่นมัวในใจของผมลดลงไปนิดหน่อย ย้ำ นิดหน่อย ทางเดียวที่ผมจะกลับไปอารมณ์ดีตามเดิมได้คือพวกลอบกัดจะต้องได้รับอะไรคืนไปก่อน
"กลับไปเหอะ พีทหันมามองหลายรอบแล้ว"
ตอนนี้มือเบสของวงกำลังพูดคุยทักทายผู้ฟังเป็นการชั่วคราวอยู่
"อืม ฝากนี่หน่อย"
"เฮ้ย!"
ผมอยากได้วิธีรับมือกับสิปป์สเตอร์
หลังจากที่เขาตอบผมว่าจะกลับไปครองไมค์ สิปป์ก็จัดการถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วโยนมาทางผม เสียงฮือฮาตามมาไม่มีหยุด ตอนนี้พีทหมดความน่าสนใจแล้วครับ ทุกคนมุ่งความสนใจมาที่ร่างเปลือยท่อนบนของนักร้องนำหมดแล้ว
นอกจากในรูปที่ผมเคยวาด นี่เป็นครั้งแรกกับการได้เห็นกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่แบบเต็มตา (บางครั้งที่เข้าไปปลุกสิปป์ก็ใส่เสื้อแบบผู้คนปกติ) เขามีซิคแพกเรียงตัวสวยไม่แพ้นายแบบในนิตยสารเลย ผิวขาวเมื่อต้องกับแสงไฟที่สาดส่องมายิ่งเพิ่มความคมชัดจนเหมือนกำลังเอาดินสอสองบีถมดำลงไป
"ดิซครับ คุณมึงจะช่วยเหลือพื้นที่ให้กับผู้ชายตัวเล็กๆ แบบผมหน่อยได้ไหม"
เจ้าของชื่อที่แปลว่าสิบในภาษาฝรั่งเศสหันไปยักคิ้วให้เพื่อนร่วมวง เขายังคงยืนอวดบอดี้อยู่ตรงหน้าราวกับกำลังทดสอบความอดทนของผมอยู่
"ที่รัก..." แม้อยู่กลางฝูงชนเขาก็ยังกล้าเรียกผมด้วยชื่อนี้ "ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง หนึ่งคือแลกเสื้อกับผมดีๆ หรือจะผมถอดให้คุณเอง"
มันเรียกว่าทางเลือกตรงไหนวะ!
แยกเขี้ยวขู่ฟ่อโดยพลัน "ไม่ทั้งนั้น!"
อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านกับอาการที่ผมแสดงออกสักนิด เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว
"ผมมีสถิติอยู่ที่เจ็ดวินาทีในการทำคิสมาร์ค..." เสียงติดแหบอย่างคนใช้เสียงมากทำเอาผมขนลุกเกรียว "ทางเลือกที่สามคือผมพร้อมทำลายสถิติเดิมของตัวเองลงบนคอขาวๆ ของคุณตอนนี้เลย"
"!"
"นับหนึ่งถึงห้า"
"ฮึ่ม..." ผมกัดฟันกรอด อยากจะยกไม้ขึ้นฟาดลงบนผิวเนียนที่ประชิดตัวให้ขึ้นรอย
"ว่าไง เสื้อกล้ามบางๆ แถมยังเว้าไปถึงไหนไม่รู้ของคุณมันทำผมไม่สบอารมณ์มามากพอแล้ว"
เขามันจอมวายร้าย...
"ห้า"
เริ่มนับเร็วไปไหมล่ะ!
"สี่"
เขานับต่อไปอย่างต่อเนื่อง
"สาม"
เพิ่งสามแล้วมายุ่งกับชายเสื้อของผมทำไมเฮ้ย
"สอง"
ไม่ต้องอ้าปากท้วงอะไรทั้งนั้นเสื้อของผมก็เลิกไปครึ่งตัวแล้ว สุดท้ายเขาจะให้ข้อเสนอผมทำไมในเมื่อตัวเองมีคำตอบไว้ในใจแล้วน่ะ เสื้อกล้ามตัวเล็กหลุดออกจากตัวไปแล้ว สิปป์สวมเสื้อตัวใหญ่ที่กลายเป็นพอดีกับตัวเขาอย่างรวดเร็ว โชคดีคือกลองตัวใหญ่ยังคงบังร่างกายไว้เกือบหมด พอตัวเองพอใจแล้วถึงหันมาใช้สายตาสั่งผม
"เหม็นเหงื่อ"
ไม่ได้ล้อเล่นนะ เสื้อของเขาชุ่มเหงื่อไปหมดเลย
"ต้องใส่ให้ด้วยใช่ไหม?"
แล้วก็ต้องทำตามความต้องการของเขาอีกครั้ง ผมรีบสวมเสื้อลายแปลกด้วยความไวแสง
"เด็กดี"
อยากย้อนเวลาได้ชะมัด
จะย้อนกลับไปเลี้ยงน้องด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้กฎของนิวตันว่าด้วยแอคชั่นเท่ากับรีแอคชั่นถูกพิสูจน์ให้ผมเห็นจนกระจ่างเลยล่ะ
"หน้าด้าน"
ระหว่างที่สิปป์โดนพีทเรียกไปตอบคำถามแฟนเพลง สมาชิกอีกคนที่เหลือก็ทำทีเดินมาหยิบน้ำในกระบะที่อยู่ถัดไปจากเวทีกลอง
ผมขยับแว่นให้ขึ้นไปอยู่บนสันจมูกตามเดิม เหงื่อที่ถูกขับออกมาจากร่างกายทำให้ความสามารถในการเกาะน้อยลงจนน่ารำคาญ
"อย่าคิดว่าพิเศษ ดิซเขาขี้เบื่อ"
ตอนแรกก็ตั้งใจว่าวันนี้จะยังไม่เปิดศึกอะไรทั้งนั้น ถือว่าเป็นการเริ่มทำงานวันแรกเราก็ควรเจอแต่สิ่งดีๆ ในเมื่ออีกฝ่ายเขาเสนอตัวมาให้ถึงที่เราก็ควรสนองหน่อยจริงไหม
"ความจริงผมไม่เคยคิดไปเองว่าตัวเองพิเศษหรอกนะ"
ทำทีเป็นกระพือคอเสื้อไล่ความร้อน เขาคงไม่ความจำสั้นขนาดไม่รู้ว่าเสื้อที่ผมใส่อยู่เป็นของใคร ใบหน้าของอีกฝ่ายถมึงตึงขึ้นมาทันตา ผมเลยโต้กลับไปด้วยรูปแบบเกมส์ที่ถนัดที่สุด
ผมส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยรอยเวทนาไปให้
"มันคือเรื่องจริงต่างหากที่ผม 'พิเศษ' กว่าคุณเยอะ"***
อากาศหนาวนี่ไปไวมาไวดีนะคะ ยังหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่ไม่ครบเลยค่ะ อยากเอนจอยกับแฟชั่นฤดูหนาว (ที่ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะมีอีก) มากกว่านี้จัง (ร้องไห้)
ตามที่บอกไว้ว่าจะพาพี่นิชมาเบรคอารมณ์ค่ะ แล้วเสาร์น่าจะลงพาร์ทเวลได้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่าสิปป์เป็นคนที่พูดคำว่า 'ที่รัก' แล้วเขินมาก เวลาพิมพ์ทีไรรู้สึกอิจฉาพี่นิชเสียเหลือเกินค่ะ (หัวเราะ) หลังจากผ่านมาสามตอนก็สรุปได้ว่าแต่งพี่นิชไม่ยากเท่าแต่งที่หนึ่งจริงๆ ค่ะ (ปาดน้ำตา) หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ คุณแม่นิชของน้องโรมทำไมทำกับเจ้าอย่างนี้นะ...
ช่วงนี้เจ้าซุกตัวอยู่แต่ในผ้าห่มบนเตียงมีคอมอยู่ตรงหน้าตักทั้งวันเลยค่ะ (ฮา) ดูแลสุขภาพกันเยอะๆ นะคะ กอดดด
วันเสาร์เจอกันใหม่นะคะ