บทที่ 13 รุ่นน้อง
....
.......
“นี่พวกมึงจะไม่คุยไรกันหน่อยหรอ?”
ผมถามออกไปเมื่อบรรยากาศในห้องตอนนี้มัน.... เอิ่มจะว่ายังไงดี ไอ้บูมที่บอกว่านอนหลับมาทั้งวันแล้วเลยนอนเล่นเกมอยู่บนเตียง ส่วนไอ้คนต้นเรื่องนอนอยู่โซฟาแต่ตาก็มองแต่บูม ส่วนผม.... นั่งอยู่บนเตียงข้างบูมนี่แหละ แต่ทุกคนบรรยากาศมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
“กูไม่มีไรจะคุย” บูมมันตอบ
“เอ่อ..”
“ตะวัน มานี่ดิ” อยู่ๆแมนมันก็กวักมือเรียกผมให้ไปหามัน
“อะไรวะ” ผมนั่งลงข้างมัน ก่อนที่มันจะยื่นมือถือมาให้ดูอะไรสักอย่าง
“กูว่ามันแปลกๆวะ”
หน้าจอมันโชว์หน้าเฟซบุ๊คของใครสักคนที่ผมไม่คุ้นหน้าแต่เป็นผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้ม สำหรับผมก็น่ารักดี ดูมีเสน่ห์ดี
‘Gun Guntapit’ ถ้าตามชื่อเฟซผู้ชายคนนี้คงชื่อกันต์แล้วห่าแมนเอามาให้ผมดูทำไม
“ใครวะ น่ารักดี กิ๊กมึงหรอ?” ผมเผลอแซวมันเล่นๆ แต่เกือบลืมไปเลยว่าเมียสดๆร้อนๆของมันก็อยู่ที่นี่ด้วย แมนมันเลยถลึงตาใส่ผม ส่วนอีกคนก็ยังนอนเล่นเกมอยู่เหมือนเดิม
“กูก็ไม่รู้จัก แต่อยู่ดีๆเห็นแท็กรูปมาหาแฟนมึงไง เลยเข้าไปส่อง”
“แล้วไงทีนี้?” ผมถามมันกลับ
“มึงแหกตาดู มันแทบจะถ่ายรูปกับพี่มูนทุกวัน แถมมึงดูโพสต์มันดูยังไงก็หมายถึงมึงกับแฟนมึง” มันเลื่อนหน้าจอเพื่อให้ผมดู
“ก็คงจะแฟนคลับพี่มูนแหละ รายนั้นมีคนชอบเยอะจะตาย มีคนมาขอถ่ายรูปเกือบทุกวัน”
“งั้นไอ้นี่คงโชคดีเนอะ มีได้ถ่ายรูปบ่อยกว่าคนอื่น”
“สงสัยแฟนคลับวีไอพี ฮ่าๆ”
“แล้วนี่ล่ะ โพสต์ล่าสุดของมันเมื่อวาน ไม่เหมาะสมกันเลย ไอ้สัสยังไงก็หมายถึงมึงแน่ๆก็เมื่อวานพี่มูนลงรูปนิ”
“ไม่มีอะไรหรอก เขาอาจจะหมายถึงอย่างอื่นก็ได้”
“ไม่รู้แหละ ยังไงมึงก็ระวังไว้บ้างก็ดี”
“เออๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก เอาเวลาไปคิดเรื่องของตัวเองก่อนไป” มันหันไปมองบูม เหมือนบูมจะรู้ตัวมันเลยวางมือถือไว้บนลิ้นชักข้างเตียงนอนแล้วหันหลังให้ทันที ผมเลยได้แต่ตบบ่าแมนเบาสองสามที ก่อนเดินไปนอนข้างบูม
“ตะวัน คนนี้ใครอะช่วงนี้มีคนเห็นมานั่งอยู่กับกลุ่มพี่มูนบ่อยๆ” แตงโมยื่นมือถือมาให้ผมดู
คนนี้อีกแล้ว... สามสี่วันมานี้มีคนพูดและถามถึงคนที่ชื่อกันต์อยู่บ่อยๆ บ้างก็บอกว่าแฟนใหม่พี่มูนหรือเปล่า จะแฟนใหม่ได้ยังไงแฟนพี่มูนคือตะวันเอง ! ตะวันคนคูลคนนี้อะ เพียงแค่ช่วงนี้งานเยอะผมเลยไม่ได้ไปหาแฟนที่คณะแต่ก็ยังเจอกันที่หอทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน
“นี่ก็สงสัยเหมือนกัน ปกติไม่ค่อยมีใครมาวุ่นวายกับกลุ่มพี่เขาเท่าไหร่นะ แต่นี่จะนั่งสิงพี่มูนอยู่แล้ว มันยังไงอะตะวัน” มะนาวทำหน้าตึง
“เราก็ไม่รู้จักอะ เพื่อนยัยวี่หรือเปล่า” ผมชี้ไปที่รูปเมื่อเห็นว่ามียัยน้องวี่นั่งอยู่โต๊ะนั่นด้วย
“จริงหรอ ทำไมถึงไม่คุ้นหน้าเลย แล้วดูสนิทกับพี่มูนขนาดนั้นเลยหรอถึงเกาะแขนขนาดนั้น” คราวนี้มะนาวยื่นให้ดูเป็นภาพเคลื่อนไหวครับที่มีคนแอบถ่าย
“ไม่รู้เหมือนกัน” ผมได้แต่ส่ายหน้า
“ช่วงนี้พี่มูนมีท่าทีแปลกๆปะ?” บูมมันถามขึ้น จะว่าไปสภาพร่างกายบูมมันก็โอเคขึ้นแล้วนะ แต่ก็ยังตึงๆใส่แมนอยู่ แต่ไม่ได้มากเท่าไหร่เพราะกลัวแตงโมกับมะนาวสงสัย
“ก็ไม่นะ” ผมตอบตามจริง พี่มูนก็ยังเหมือนเดิม
“มึงก็จับตาดูไว้ดีๆละกัน” มันเตือนผม
“มึงก็ไปพูดให้ตะวันมันคิดมาก” แมนมันพูดก่อนก่อนที่บูมมันจะส่งนิ้วกลางให้
“ตะวันๆ ดูนั่นสิว่าใครมา” มะนาวเอาแขนมาสะกิดแขนผมเบาๆ ก่อนที่จะมีผู้ชายตัวขาวเห็นแล้วจำได้ทันทีว่าเป็นคนที่อยู่ในหัวข้อของการสนทนาของเราเมื่อสักครู่ข้างๆเป็นยัยน้องวี่ที่ยิ้มร่ามาแต่ไกล เพื่อนกันหรอวะ? ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็น
“พี่ตาวานนนน คิดถึงวี่ไหมเอ่ย?”
“คิดถึงไร เจอกันออกจะบ่อย” แต่ผมก็ไม่ได้แกะมือมันออกปล่อยให้มันยืนกอดผมจากด้านหลังแต่ด้วยความที่ผมนั่งแต่มันยืนเหมือนจะมันขี่คอผมอย่างไรอย่างงั้น
“เหมือนลูกลิงขี่หลังแม่ลิงเลย” บูมมันแซว
“แรงมากพี่บูม ! ได้ข่าวไม่สบายคงหายดีแล้วใช่ไหมปากแบบนี้” วี่มันจัดให้หนึ่งดอก
“ปากมึงก็ใช่หน่อยนะครับยัยน้องวี่ พี่บิ๊กหลงไปได้ไงเนี่ย”
“คนมันน่ารัก ใครๆก็ตกหลุมรัก” มันยิ้มหวานโปรยไปรอบๆ มั่นใจมากวี่ท่ามึงมั่นใจมากก
“แต่ไม่ใช่กูแน่ๆล่ะคนนึง” บูมมันเถียงกลับ ก่อนที่จะปะทะคารมกันไปมากกว่านี้ต้องห้ามไว้ก่อน
“พอๆ แล้วนี่มีอะไร ไม่มีเรียนหรอ?” ผมถามวี่ แล้วหันไปหาอีกคนที่ยังยืนยิ้มอยู่ ก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยนี่หว่า
“อ่อ วี่เอาขนมมาฝาก เกือบลืมเลย นี่เพื่อนใหม่วี่เอง ชื่อกันต์” ทุกคนหันไปที่บุคคลใหม่เป็นสายตาเดียว
“เอ่อ สวัสดีครับ” น้องเขาทักทายด้วยน้ำเสียงที่น่ารักเหมือนกับใบหน้านวลๆนั้น โหยผู้ชายจริงไหมเนี่ย แล้วไหนจะท่าทางที่ดูจะคุณหนูนั่นอีกทำให้กันต์ดูคล้ายผู้หญิง ถ้าไว้ผมยาวนะ เป๊ะเลยตะวันน่าจะเข้าแถวจีบด้วย
“งานดีวะ สวัสดีครับพี่ชื่อบูม” ทักทายน้องเขาเสียงสดชื่นมากบูม แต่มึงช่วยสังเกตผัวมึงด้วย จ้องเขม็งจนกูปวดตาแทนแล้วพ่อออ
“น้อยๆหน่อยพี่บูม เห็นใครน่ารักหน่อยไม่ได้เลยนะ”
“เพื่อนใหม่หรอวี่ มิน่าพวกพี่ถึงไม่เคยเห็น” น้ำเสียงของมะนาวที่ดูเหมือนถามปกติแต่ถ้าเล่นด้วยกันมานานจะรู้เลยว่ากำลังใส่ใจบุคคลที่มาใหม่
“ก็ไม่เชิง เพื่อนในคลาสนี่แหละแต่พึ่งได้มาคุยกันช่วงหลังๆ นี่กันต์ทำขนมอร่อยมากเลยนะ กันต์เขาทำมาให้พวกพี่ชิมด้วย นี่ๆ” วี่วางกล่องขนมบนโต๊ะแล้วจัดการแกะให้ชิมทันที
“หูย หน้าตาดูดีเลยอะ” บูมมันว่าก่อนจะหยิบชิมก่อนเพื่อน
“คุกกี้ข้าวโอ๊ตครับ พอดีกันต์ฝึกทำสูตรนี้ติชมได้ตามสบายเลยนะครับ” ก่อนที่ทุกคนจะหยิบเข้าปากคนละชิ้น
“อืม โคตรอร่อยอะ ทำเองจริงปะเนี่ยน้องกันต์” แตงโมทำตาโตไม่ต่างจากมะนาว
“จริงๆ อร่อยมากน้องกันต์ เปิดร้านได้เลยแบบนี้” มะนาวยกนิ้วให้ ดูทุกคนจะชอบใจกับคุกกี้ฝีมือของเพื่อนใหม่ยัยน้องวี่แม้กระทั่งแมนมันกินไปพยักหน้าไปถือว่าพอใจเลยแหละ
“พี่ตะวันว่ายังไงครับ อร่อยหรือเปล่า?” กันต์หันมาถามผม
“อร่อยสิ อร่อยมากๆเลยไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ชายทำคุกกี้ได้อร่อยขนาดนี้” ผมตอบไปยิ้มไปเพราะยังติดใจรสชาติที่ยังอยู่ในปาก
“โล่งใจไป เพราะตอนพี่มูนชิมพี่มูนก็บอกว่าอร่อย กันต์ก็นึกว่าพี่มูนจะแกล้งกันต์อีก” กันต์พูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“หืม?” จนผมต้องยกคิ้วขี้นเพราะสงสัย
“อ่อ คืองี้กันต์ถนัดทำขนมไทยมากกว่าแต่พึ่งมาหัดทำคุกกี้อาทิตย์ที่แล้วเอง ทำครั้งแรกก็ให้พี่มูนชิมแต่ครั้งแรกอะเนอะมันก็ไหม้บ้าง แต่แฟนพี่อะแสนดีไงกินไปก็บอกอร่อยว่า แต่พอกันต์มันกินเองมันแทบจะคายทิ้ง ฮ่าๆ ยังขำหน้ามันไม่หายเลย”
“นี่น้องกันต์ดูสนิทกับพี่มูนเนอะ?” มะนาวถามออกไป เชื่อว่ามันตรงกับใจผมมาก
“อ่อ กันต์เรียนโรงเรียนเดียวกันกับพี่มูนอะครับ พี่มูนดีกับกันต์มากๆเลยครับ”
“อ๋อ รุ่นน้องที่โรงเรียนสินะ” สัสบูม ทำหน้ากวนตีน
“ขอบใจนะที่เอาขนมมาให้พวกพี่ชิม ขนาดไม่ถนัดนะยังอร่อยขนาดนี้ถ้าเปิดร้านเมื่อไหร่บอกเลยนะเดี๋ยวพวกพี่ไปอุดหนุน” ผมบอกน้องไป
“กันต์ยินดีครับ แต่ไม่ถึงเปิดร้านหรอก กันต์แค่ฝึกทำเล่นๆน่ะ”
“กันต์ไปเรียนกันดีกว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว” วี่มันว่า โดยที่เพื่อนมันก็พยักหน้ารับ “ไปก่อนนะ บ๊ายบาย” มันโบกมือบ๊ายบายน่ารักตามประสามันแต่ก็ดูน่ารักมากๆในสายพวกผมและก็คนแถวๆนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายตัวบึกๆแต่ใจคิตตี้อย่างพี่บิ๊กจะตกหลุมรักยัยน้องวี่
“กูว่ามันแปลกๆ” เมื่อสองคนนั้นเดินออกไป แมนก็พูดขึ้น
“จริง” มะนาวก็คิดเหมือนกับแมน
“แปลกยังไงวะ?” ผมว่าก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่ ได้แต่มองเพื่อนอย่างงงๆ
“อยู่ดีๆก็เอาขนมมาให้ชิมนี่นะ พวกเราไม่รู้จักมันมาก่อนซะหน่อย”
“อ้าว บูมเมื่อกี้มึงยังเต๊าะน้องเขาอยู่เลยนะ”
“กูก็แซวไปเล่นๆงั้นล่ะ มึงน่ารักที่สุดสำหรับกูอยู่แล้วเมีย” ฟายยยยยยย บูมพูดอารายออกม๊าาา ผมได้แต่หันไปมองเท้าไอ้แมนที่สั่นดิ๊กๆ กูเพื่อนรักมึงไงแมนนน
“ก็.. น้องเขาเพื่อนยัยน้องวี่ไง น้องเขาคงอยากรู้จักพวกเรามั้ง กลุ่มเราใช่ย่อยที่ไหน ดูๆไอ้แมนเดือนมหาลัยสุดหล่อ แล้วนี่พี่มะนาวสุดสวยแห่งนิเทศแล้วไหนจะพี่แตงโมคนน่ารักของมหาลัยแล้วที่สำคัญเลยตะวันคนคูลที่ใครๆต่างก็อยากรู้จัก”
“แล้วก็?” บูมมันชี้หน้าตัวเอง
“ถึงมึงจะหล่อแต่มึงปากหมา กูว่าน้องเขาคงไม่อยากรู้จัก” ผมแลบลิ้นใส่มัน ก่อนที่มันจะยื่นมือมาดึงแก้มผมจนต้องเซไปตามแรงดึงของมัน
“โอ๊ย ไอ้บูมมม กูเจ็บ ปล่อยย”
“ไม่กูจะดึงจนแก้มมึงหลุดเลย” มันพูดจริงทำจริงครับ
“ไหนพี่บูมคนอ่อนโยนกับน้องตะวัน คนเดิมหายไปไหน” มันชะงักไป ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออก เอ้า บทจะง่ายก็ง่ายนะมึง
“กูเคยอ่อนโยนกับมึงด้วยหรอ?” มันทำหน้ายุ่งหนักกว่าเดิม
“บ่อยนะ” ผมตอบกลับไป มันเงียบไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ อะไรของมันวะ
“ไปเรียน” แมนมันพูดเสียงแข็ง ก่อนจะคว้าได้กระเป๋าแล้วเดินออกไป ไอ้นี่ก็อีกคน อิหยังวะสู
“ทำไรอยู่?” ผมชะโงกหน้าไปมองพี่มูนที่กำลังนั่งสนใจเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวโปรดอยู่บนโต๊ะทำงานของผม ซึ่งเจ้าตัวก็ยึดมาได้หลายชั่วโมงแล้วแหละ
“หืม ทำโปรเจคอะ ไม่ถึงไหนเลย” พี่มูนตอบอย่างล้าๆ
“พักก่อนไหม ตะวันเห็นนั่งมาหลายชั่วโมงแล้ว”
“ก็ดีนะ” ก่อนที่จะเอนหัวมาพิงที่ตัวผมที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ท้องกี่เดือนแล้วเนี่ย”
“พี่มูน !” ผมหน้าบูดหน้าบึ้งใส่ทันทีเมื่อโดนล้อ พุงไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นซะหน่อยวันแพ็คน่ะรู้จักเปล่า
“ฮ่าๆ แซวเล่นนิดเดียวเอง หน้ายุ่งหมดแล้ว มาๆมะมาให้ฟัดพุงหน่อย” คนที่นั่งอยู่เก้าอี้หันหน้ากลับมาหาผมแล้วเอาหน้าถูๆที่พุงของผมอย่างกลับฟัดลูกแมวน้อยแม้จะมีเสื้อที่สวมใส่กั้นอยู่แต่ก็ทำให้รู้สึกจั๊กจี้อยู่ดี
“ไม่ต้องเลยยย ฮ่าๆ พี่มูนนน ตะวันบ้าจี้” ผมได้แต่ดิ้นไปมาจะขยับออกมาก็ไม่ได้เพราะอีกคนเอามือล็อคไว้ที่เอวผม ใครก็ได้ช่วยตะวันด้วยยย
“........”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมถามเมื่ออยู่ๆพี่มูนก็นิ่งไปก่อนจะเอาหน้าซบลงที่พุงน้อยๆของผม
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเชื่อใจกันใช่ไหม ตะวันไม่ทิ้งพี่ไปใช่ไหม?”
“ทำไมถามอะไรแปลกๆ”
“ก็...ช่วงนี้พี่อาจจะยุ่งๆ”
“ยุ่งจนจะไม่มีเวลามาเจอกันเลยหรอ?”
“ก็ไม่ขนาดนั้น ดูทำหน้าเข้า” ยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมหน้าบึ้งสุดๆ
“ไม่คุยด้วยแล้ว ตะวันไปอาบน้ำดีกว่า”
“ให้พี่อาบน้ำให้ไหม?” หน้าตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นคืออะไรกัน !
“พี่บ้า” ผมแลบลิ้นให้ก่อนจะหนีเข้าห้องน้ำ
“อร่อยไหมพี่มูน กันต์ตั้งใจทำสุดๆเลยนะ”
“อืม อร่อยเลย เปิดร้านได้สบาย” คนหล่อส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ถ้าเปิดร้านกันต์คงให้พี่มูนเป็นลูกค้าแค่คนเดียว”
“อะแฮ่ม คอแห้งวะ” บิ๊กว่าก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“จะขุนพี่หรอ พี่ไม่อยากหุ่นควายเหมือนไอ้บิ๊กนะ”
“อ้าว ไอ้หล่อ อย่างกูเขาเรียกหุ่นกัปตันอเมริกา” บิ๊กเถียงกลับ
“โอบน้องวี่ทีกูว่ากระดูกน้องจะแตก”
“มึงอยากกระดูกแตกหรือไอ้อาฟ” พี่บิ๊กเตรียมง้างมือ อาฟรีบหลบหลังดิวทันที
“ฮ่าๆ พี่มูนหุ่นดีจะตาย กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนหรอก” คนตัวเล็กว่า
ผมยืนมองเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้ามาสักพักนี่น้องคนนั้นสนิทกับพี่มูนจนหยอกล้อกันได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้นเชียว แถมคนหล่อเขาก็ไม่ถือตัวเลยสักนิด ....
ผมเผลอสบตากับพี่บิ๊ก...
“ตะวัน ทางนี้” พี่บิ๊กเรียก ผมจึงค่อยๆเดินเข้าไป
“งั้นกันต์ไปก่อนนะ พี่ๆสวัสดีฮะ” กันต์ลาทุกคน ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินจากไป
“ทำไมวันนี้เลิกเรียนเร็ว” คนหล่อถามเมื่อผมนั่งลงข้างเขา
“อาจารย์บอกขี้เกียจสอน”
“เฮ้ย แบบนี้ก็ได้หรอวะ” พี่ดิวหันมาถาม
“ได้ดิพี่ ไม่สอนแต่สั่งงานแทน ฮ่าๆ” ผมตอบตามจริง ไม่ได้อำพี่เขาแต่อย่างใด เรียนน้อยแต่งานเยอะ นี่กูเรียนไรอยู่เนี่ยยยย
“บริหารทั้งสอนทั้งสั่งงาน อาจารย์เขาจะอะไรนักหนาวะ สมองกูก็แค่นี้เรียนหนักสมองบวมได้นะเว้ย” พี่อาฟบ่นซะเห็นภาพเลยพี่
“ให้มันบวมเถอะ เพราะสมองมึงฟ่อจนไม่รู้จะฟ่อยังไงละ”
“เหี้ยบิ๊ก กูเจ็บมากกับประโยคนี้ของมึง ไอ้สาสสสสส”
“ขำนะเรา” พี่มูนหันมาพูดกับผมเมื่อเห็นผมขำเพื่อนพี่เขาจนไหล่สั่น ด่ากันแบบนี้คบกันได้ไงวะ
“นี่ขนมของน้องกันต์หรอ?” ผมชี้ไปกล่องขนมที่อยู่บนโต๊ะ จริงๆก็รู้แล้วแหละ
“อืม กินไหม อร่อยนะ”
“ไม่เอา ลดหุ่น อีกอย่างน้องเขาทำมาให้พี่มูน”
“ลดทำไมน้องตะวัน แค่นี้กำลังเหมาะมือเลย”
“เหมาะมือเชี่ยไรอาฟ” พี่มูนกันไปมองหน้าพี่อาฟอย่างเอาเรื่อง
“เหมาะมือ.. แบบ เวลามึงโอบไหล่น้องตะวันไง แบบนั้นล่ะ”
“เขาทำมาให้ไอ้หล่อ ก็เท่ากับเป็นของมันแล้ว ของๆมันก็เหมือนกับของตะวันนั่นแหละ” พี่ดิวยักคิ้วให้อย่างหล่อๆ
“ถูกของมัน” พี่มูนพูดก่อนจะเอาขนมยัดเข้าปากผม งื้ออออ บอกกันดีๆก็ได้ไหมเล่า !
“ไอ้ห่าไม่อ่อนโยนกับแฟนตัวเองเลยนะ” พี่บิ๊กว่า
“กูไม่ได้หุ่นมาร์เวลแต่ใจคิตตี้เหมือนมึงนะ” พี่มูนว่ากลับ โหยยย ความจริงฝีปากแฟนผมใช้ได้เหมือนกันเลยนะเนี่ย
“มานั่งเฝ้าแฟนอีกแล้วนะพี่ตะวัน” พี่บิ๊กกำลังจะอ้าปากด่าพี่มูน แต่ก็มีเสียงอีกคนแทรกเข้ามาซะก่อน แล้วก็เหมือนหนังคนละม้วนเมื่อเห็นว่าคนนั้นคือใครพี่บิ๊กก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันที ใจคิตตี้อย่างที่พี่มูนว่าจริงๆแหละ
“ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ” ผมเบ้ปากให้
“วี่ไม่ได้มาเฝ้าแฟน แต่วี่มาเฝ้าพ่อ” แชรดดด จากที่พี่บิ๊กยิ้มเมื่อสักครู่หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“เฮ้ย พ่อตรงไหนยังหนุ่มยังแน่น” พี่บิ๊กบอกพร้อมเอามือกอดอก นั่นกล้ามหรือขอนไม้น่ะพ่อออ !
“พ่อทูนหัวไง” ก่อนที่ยัยวี่จะขยิบตาให้พี่บิ๊กทีนึง โอ๊วววว ตอนนี้สภาพพี่บิ๊กกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้วเพราะวิญญาณพี่เขานั้นคงวิ่งไปกรี๊ดที่ไหนสักที่
“โอ๊ยยย กูเหม็นความรัก” พี่อาฟทำท่าจะอ้วก
“พวกมึงเก็บศพกูที” พี่บิ๊กพึมพำๆ
“แล้วน้องวี่ไปไหนมา ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มาพร้อมน้องกันต์อะ?” พี่ดิวถามขึ้นมา
“กันต์มานี่หรอ อ่อออ เอาขนมมาให้พี่มูนสินะ” วี่มองไปที่กล่องขนม
“อ่าใช่เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เอง”
“วี่แวะไปหาสายรหัสอะ นึกว่ามันกลับบ้านไปแล้วซะอีก แล้วไอ้ขนมนี่นะหวงซะยิ่งกว่าอะไร วี่ขอกินก็ไม่ได้บอกจะเอามาให้พี่มูน ยังบอกอีกว่าถ้าอยากกินเดี๋ยวทำให้ใหม่ อะไรก็ไม่รู้”
“อ่ะ ให้กิน” พี่มูนเลื่อนกล่องขนมไปไว้หน้าวี่
“จริงอะ ไม่เกรงใจนะ” ยัยวี่หัดเกรงใจหน่อยก็ได้นะ แหมมม ไม่ปฏิเสธสักคำ มันยังคงเอาเข้าปากชิ้นสองชิ้นสามชิ้น
“พี่บิ๊กเลี้ยงมันยังไง ถึงให้มันอดอยากขนาดนี้” ผมถามพี่บิ๊ก
“พี่ก็ว่าพี่เลี้ยงดีอยู่นะ” แต่พี่กำลังทำหน้าคิดหนักนะพี่บิ๊ก
“ก็ไม่ขนาดนั้นไหมล่ะ ก็มันหิวยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง” อ่อ พอเข้าใจงั้น แต่วี่เป็นคนที่น่าอิจฉาอย่างหนึ่งตรงที่มันกินยังไงก็ไม่อ้วน เอวบางร่างน้อย ออกกำลังกายก็ไม่ออก ตัดภาพมาที่ตัวเองแค่ได้กลิ่นอาหารก็อ้วนละ
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว” พี่บิ๊กลุกขึ้นก่อนจะดึงแขนวี่ให้ลุกขึ้นตาม
“อะไรกัน จะไปเลยหรอ?” มันหันไปถามพี่บิ๊ก
“กูไปก่อนนะ ไว้เจอกัน” ก่อนจะพายัยน้องวี่เดินออกไป
“ไอ้หล่อ มึงไม่ต้องเลยนะ วันนี้กูให้ไอ้บิ๊กชิ่งได้คนเดียว” พี่ดิวหันมาชี้หน้าพี่มูน
“เฮ้อ” พี่มูนถอนหายใจก่อนจะไปกรอกตาไป
“คืองี้นะน้องตะวัน พวกพี่ต้องไปทำโปรเจคกันที่คอนโดพี่อะ วันนี้ไอ้บิ๊กชิ่งไปกินข้าวกับน้องวี่แล้วไม่รู้จะโผล่หัวมาช่วยงานตอนไหน เพราะฉะนั้นไอ้หล่อมันคงจะอยู่กับตะวันไม่ได้นะวันนี้” พี่อาฟอธิบายให้ผมฟัง เมื่อเห็นผมทำหน้างงๆ เมื่อกระจ่างแจ้งแล้วก็ได้แค่พยักหน้าตอบกลับไป
“ไม่อยากไปทำงานเลยอะ” พี่มูนกำลังงอแงเมื่อขับรถมาส่งผมที่หอ
“ไม่จบนะ”
“โด่วว ไปก็ได้”
“ขับรถดีๆน๊า ตั้งใจทำงานแล้วก็อย่าหักโหมมากนะ” ผมยิ้มหวานๆให้
“เราด้วย อย่าทำงานจนนอนดึกล่ะ เดี๋ยวพี่จะโทรหาอีกที” พี่มูนเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ แค่เบาๆแต่มันก็ทำให้ผมยุ่งได้นะ ผมเลยต้องจัดทรงผมใหม่ก่อนจะลงจากรถ ปล่อยให้อีกคนได้ขับรถไปทำงานต่อ
อยู่ๆมือถือก็สั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าข้อความเข้า ข้อความที่เป็น SMS ถูกส่งเข้ามือถือแถมเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อและไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ด้วยความสงสัยจึงเปิดเข้าไปอ่านทันที
‘นายไม่เหมาะที่จะอยู่ตรงนั้นเลยสักนิด’“อะไรวะ ส่งผิดหรือข้อความลูกโซ่วะ”
หลังจากอ่านข้อความก็ทำให้ผมสงสัยปนงง ร้อยวันพันปีจะมี SMS เข้านอกจากบิลรายเดือนจากศูนย์บริการมือถือก็ไม่มีใครส่งมาแล้วนะ ด้วยความที่ยุคสมัยนี้ใครเขาจะส่ง SMS หากันให้เปลืองเงินทำไม อาจจะเป็นขอความลูกโซ่อะไรทำนองนั้นก็ได้ล่ะมั้ง...
“ตุ้บ!”
ซ่าาา
เชี่ยย ผมมัวแต่ก้มสนใจข้อความในมือถือทำให้เดินชนใครสักคนอย่างแรง แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนของของเหลวที่หกใส่เสื้อผม
“อุ้ย ขอโทษครับๆ ร้อน.. ร้อนมากไหมครับ?” อีกฝ่ายมีน้ำเสียงร้อนรนเมื่อกาแฟที่ตนเองถือมามันหกมาโดนผมจนเสื้อนักศึกษาสีขาวเป็นคราบสีน้ำตาลเป็นวงกว้าง ความร้อนของกาแฟทำให้ผมหน้าแหยๆ ต้องพยายามสะบัดเสื้อไม่ให้รู้สึกแสบและร้อนมาก ก่อนจะเงยหน้ามองดูอีกฝ่าย
“อ้าว กันต์”
“พี่ตะวัน กันต์ขอโทษ กาแฟหกใส่เสื้อพี่ตะวันหมดแล้ว ร้อนแย่เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขอโทษด้วยนะ พี่เดินไม่ดูทางเอง เราเจ็บตรงไหนไหม?” ผมเซ่อเดินไม่ดูทางเองไม่เช่นนั้นคงไม่ชนคนอื่นเข้าหรอก
“กันต์ไม่เป็นไร แต่พี่ตะวันน่าจะแสบน่าดูนะ” น้องทำหน้าสลดลง
“นิดหน่อยๆ แต่ไม่เป็นไรมากหรอก เอ่อ กาแฟเท่าไหร่เดี๋ยวพี่ให้เงินไปซื้อใหม่” ผมเตรียมจะล้วงเอากระเป๋าตังออกมา
“ไม่ต้องๆหรอกพี่ตะวัน” น้องมันปฏิเสธ
“เอาเถอะน่า เหมือนจะยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ” ผมควักแบงค์ร้อยออกมาสองใบ เมื่อเห็นแก้วกาแฟที่น้องมันถือเป็นยี่ห้อดัง
“ไม่ต้องหรอก ไว้พี่ตะวันค่อยชดใช้ให้กันต์เป็นอย่างอื่นแล้วกัน” ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที “พี่ตะวันอยู่หอนี้หรอ กันต์ว่าพี่ไปดูแผลก่อนดีกว่า”
“อืมๆ ขอโทษอีกที พี่ไปก่อนนะ” ก่อนที่ผมจะเดินเข้าลิฟต์ที่เปิดอยู่พอดี
“แสบชิบหาย” ผมบ่นเมื่อเห็นหน้าอกตัวเองมีรอยแดงเป็นวงกว้าง คือกาแฟร้อนร้อนจริงๆนะ ร้อนเหมือนน้ำที่เดือดได้ที่ โอ้โห กาแฟแพงมันต้องใช้น้ำร้อนขนาดนี้เลยหรอ เครียดแค้นมาก ว่าแต่ว่ากันต์มันอยู่หอนี้ด้วยหรอวะ ....
กลุ่มผู้ชายปากหมาชะนีปากดี (5)บูมคนหล่อ : ตะวัน มีไรจะให้ดู
รถพี่มูน ? ทำไมวะ
บูมคนหล่อ : เลื่อนดูรูปอื่นหน่อยไหมล่ะ
นั่นมันกันต์นี่ รูปตอนไหนนิ
บูมคนหล่อ : เมื่อกี้ กูผ่านหอมึง
คือเป็นห่าอะไรทำไมแฟนมึงต้องประคองไอ้เด็กนั่นขนาดนั้นด้วย
Lemon now : เออจริง ประคองอะไรกันขนาดนั้น
บูมคนหล่อ : เดี๋ยวกูเข้าไปหา
“มึงได้โทรไปหาแฟนมึงยัง?” ทันทีที่เปิดประตูให้บูม มันก็ถามขึ้นทันที
“โทรทำไม พี่เขาไปทำงานที่คอนโดพี่อาฟ”
“นี่มึงไม่ตงิดใจอะไรหน่อยหรอ?”
“เรื่องไรวะ”
“ก็รูปที่กูส่งให้มึงไง เป็นเชี่ยไรให้แฟนคนอื่นประคอง”
“ใจเย็น น้องมันอาจเป็นไรหรือเปล่า อีกอย่างพี่มูนมาส่งกูเสร็จน่าจะไปเอาของที่หอมั้ง แล้วก่อนขึ้นมาห้องกูก็เจอกับกันต์อยู่ มันน่าจะออกไปเจอพี่มูนพอดี”
“มึงเจอมันที่นี่?”
“เออ กูเดินไม่ดูทางดันไปชนมันเข้า แถมโดนกาแฟมันหกใส่ตัวกูนี่ แสบชิบหาย”
“มึงเป็นไรมากเปล่า ไหนมาดูสิ”
“ตัวแดงนิดหน่อย แต่ช่างมันเถอะ ว่าแต่มึงมาหากูนี่อย่าบอกว่าแค่เรื่องรูปนั้นนะ” ผมถามมันที่ตอนนี้มันกำลังนั่งอยู่โซฟาทำหน้ายุ่งอยู่
“เออดิ กูรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”
“อะไรไรของมึง” ผมว่ามัน
“มึงไม่หึงแฟนตัวเองหน่อยหรอ ยิ่งช่วงนี้มีไอ้เด็กนั่นมาเกาะแกะแฟนมึงด้วย” ผมหันไปมองหน้ามัน
“ไม่รู้ดิ กูว่าน้องมันน่าจะปลื้มพี่มูนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วอะ”
“คิดง่ายไปไหมมึงนี่ มึงควรสงสัยไว้บ้าง ไอ้เด็กนั่นก็ไม่ใช่จะขี้เหร่”
“กูเชื่อใจแฟนกู อะนี่ไงโทรมาพอดี นอนเล่นไปก่อน กูไปคุยโทรศัพท์แปป” มันพยักหน้าให้ ก่อนที่ผมจะเดินหลบไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง
“บูม” หลังจากที่คุยโทรศัพท์เสร็จ ผมก็เดินเข้ามาภายในห้อง นอนนี้ไอ้บูมที่กำลังนอนอยู่โซฟาชะโงกหน้าขึ้นมาเมื่อผมเรียก
“ว่า”
“พี่มูนอยู่โรงบาลกับกันต์”
“ห๊ะ ใครเป็นไร?” มันหรี่ตามองผม ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“กันต์มันเท้าแพลง เดินไม่ได้ พี่มูนเลยพามันไปหาหมอ”
“มึงพูดออกมาให้หมด” ไอ้สัส อ่านใจกูกันเก่งจังวะ
“พี่มูนบอกว่ามันเดินสะดุดบันได แต่ก่อนหน้านั้นกูชนกับมันแถวหน้าลิฟต์ มึงก็รู้ว่าด้านหน้าหอกูไม่มีบันไดแล้วมันไปตกบันไดตอนไหนวะ”
“เออ ด้านหน้าหอมึงไม่มีบันได ด้านหน้าหอแฟนมึงก็ไม่มีบันได อีกอย่างตึกมึงก็อยู่ติดกับตึกหอแฟนมึง ระยะที่เดินไปหากันได้นี่ไม่มีบันไดสักนิดเลยเพื่อน”
“อะไรของมันวะ”
“แล้วมึงได้บอกแฟนมึงหรือเปล่าเรื่องมึงกับมันเดินชนกันก่อนหน้านี้”
“ไม่ได้บอกวะ มันไม่จำเป็นต้องบอกนี่หว่า แต่กูสงสัยจริงๆมันไปสะดุดบันไดตอนไหนของมันวะ”
“ไม่มีบันไดให้สะดุดก็แสดงว่าไม่ได้สะดุด”
“แต่มันเท้าแพลงอะ”
“บางทีคนเราก็แกล้งทำเป็นเจ็บเพื่อเรียกร้องความสนใจนะ” มันบอกก่อนจะยื่นมือถือมาให้ผมดู
Fb. Gun Guntapit
ขอบคุณนะครับที่พามาหาหมอ
@Moon Thanaphat
เฟซบุ๊คของกันต์ที่โพสต์ภาพแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าห้องรับยา ต่อให้ไม่แท็กชื่อผมก็จำได้แม่นว่านั่นคือแฟนสุดหล่อของผม มีหลายๆคอมเม้นต์ใต้รูปภาพนั้นต่างบอกว่าอยู่ด้วยกันได้ยังไง บ้างก็บอกว่าช่วงนี้เห็นอยู่ด้วยกันบ่อย บ้างก็บอกมีซัมติงกันชัวร์
“เหอะ !”
“อาการออกเลยนะ” บูมมันว่าผม
“เปล่าซะหน่อย” พูดออกไปทั้งที่ไม่รู้หรอกนะว่าสีหน้าตัวเองเป็นยังไง
“แล้วมึงจะเอายังไงทีนี้”
“ไม่รู้ ดูๆไปก่อนแล้วกัน”
“อะไรนะ!”
“ก็มันยังไม่ทำอะไรเลยนี่ บางทีมันอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้”
“นี่มึงจะรอให้มันมีอะไรก่อนหรอตะวัน”
นั่นน่ะสิ แล้วถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาล่ะ พี่มูนจะยังเลือกผมอยู่ไหม เขาจะยังอยู่ข้างๆผมหรือเปล่า
.... บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เราไม่ควรตัดสินใครเพียงแค่การกระทำเล็กๆน้อยๆของเขานะ